ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SNSD] `` Can't Do Better '' [JeTi x SunSic][Yuri]

    ลำดับตอนที่ #3 : SHOT - 3

    • อัปเดตล่าสุด 29 เม.ย. 56


    SHOT 3







     

     

     

    Fuck that new girl that you like so bad…
     

    She’s not crazy like me I bet you like that


     

     

    เสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆในร้านนั่งดริ๊งค์แห่งหนึ่งย่านตัวเมือง

    ดูเหมือนมันจะเป็นที่ถูกอกถูกใจของหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังนั่งจดจ่ออยู่กับเครื่องดื่มของตนที่บาร์แก้ว

    ริมฝีปากเหยียดยิ้มกับเนื้อเพลงที่ได้ยินก่อนจะยกแก้วทรงสี่เหลี่ยมที่บรรจุน้ำสีอำพันในมือขึ้นดื่ม

     




    I said fuck that new girl that’s been in your bed
     


    And when you’re in her I know I’m in your head
     



     

    คว้าแบงค์พันวอนในกระเป๋าถือแบรนด์ดังของตนยื่นให้กับบาร์เทนเดอร์หนุ่มตรงหน้า

    เป็นค่าทิปที่เธอวานให้อีกฝ่ายเดินไปบอกเพลงที่เธอต้องการกับดีเจประจำคลับที่อยู่บนชั้นสองของตัวร้าน

     


     

    มาคนเดียวเหรอครับ?”

     
     

    น้ำเสียงทุ้มลึกพร้อมกับร่างของชายหนุ่มที่ทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ข้างๆทำให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ก่อนแล้วหันไปมอง

    ลี ซันนี่มองคนตรงหน้าที่กำลังยกเครื่องดื่มในมือขึ้นมาให้อย่างเชิญชวน

     
     

    ถ้าไม่รังเกียจ ดื่มกับผมซักแก้ว..

     

    หญิงสาวร่างเล็กนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ

    นึกขำกับท่าทีของตัวเองก่อนจะเอ่ยปฏิเสธอีกฝ่ายพร้อมกับยิ้มที่ทำให้คนที่ได้เห็นถึงกับนิ่งค้างไปชั่วขณะ

     
     


    ขอโทษนะคะ ไว้โอกาสหน้าดีกว่า

     
     

    .



    .



    นัยน์ตาเรียวสวยมองตามแผ่นหลังของคนที่มีทีท่าผิดหวังเล็กน้อยที่เพิ่งเดินจากไป

    เสียงโห่ร้องจากเพื่อนชายหลายคนที่นั่งโห่ร้องต้อนรับอยู่ที่โต๊ะคงทำให้เขาหน้าเสียไม่ใช่น้อย

     

    ริมฝีปากบิดยิ้มอย่างนึกสมเพชตัวเองก่อนจะยกน้ำสีอำพันขึ้นดื่มหวังให้มันจะช่วยให้เธอไม่คิดฟุ้งซ่าน

     

     



    ทั้งที่แต่ก่อนเธอก็ไม่เคยจะปฏิเสธคำชวนของชายหนุ่มคนใดเลยแท้ๆ

     


    ถ้าเป็นตัวเธอแต่ก่อน...ตอนนี้เธออาจกำลังนั่งหัวเราะต่อกระซิกกับผู้ชายคนนั้นอยู่ก็ได้

    แล้วคืนนี้เราก็จะไปจบกันที่โรงแรมที่ไหนซักแห่งพอตื่นเช้ามาก็จะแยกย้ายกันไปคนละทางเหมือนกับไม่เคยรู้จักกัน

     

     

    หรือที่เขาเรียกกันง่ายๆมันก็คือวันไนท์สแตนด์นั่นแหล่ะ...

     



     

    ลี ซันนี่รองประธานบริษัทเสื้อผ้าแฟชั่นชื่อดังที่เคยถูกตราหน้าว่าเป็นคาสโนวี่สาว

    อาจเป็นเพราะเธอเคยอาศัยอยู่ที่อเมริกามา10กว่าปีเลยทำให้เธอเป็นคนที่ไม่แคร์กับเรื่องสัมพันธ์ข้ามคืนอะไรแบบนี้

    ทุกคืนช่วงที่กลับมาอยู่ที่โซลใหม่ๆเธอก็เลยได้แต่ตะลอนเที่ยวไปเรื่อยๆ

     
     

    จนได้มาพบกับ เจสสิก้า จอง ในฐานะตัวแทนของบริษัทส่งออกชื่อดังที่มาติดต่อการขายกับสินค้าของเธอ



    อาจจะเป็นเพราะเข้ากันได้ดีทั้งสองจึงสนิทกันในเร็ววัน

    นัดทานข้าวและพูดคุยกันนอกเหนือจากเรื่องงานผ่านทางโทรศัพท์และเมสเสจบ่อยขึ้น

    มันอาจจะเรียกว่าเดทกลายๆเพราะสมัยตอนที่อยู่อเมริกาเธอก็เปลี่ยนคู่เดทไม่ซ้ำหน้ากันทุกเดือน

     

     

     

    และก็เป็นเจสสิก้า....ที่ทำให้เธออยากลองด้านใหม่ของความรัก...

     
     

    ในตอนแรกเธอไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าเป็นความรักแบบไหน

    เพราะรักครั้งนี้มีเพียงแค่เธอที่เป็นผู้หญิง....และเจสสิก้าที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน...

     

    แต่ความสัมพันธ์ที่เริ่มลึกซึ้งมากขึ้นไหนจะความสุขที่เธอไม่เคยได้รับจากที่ไหนมาก่อน

    ทำให้ทั้งสองตัดสินใจย้ายมาใช้ชีวิตร่วมกัน

     

    พวกเธอมีความสุขกันดีกับชีวิตคู่และคอยดูแลซึ่งกันและกันอยู่เสมอ

     




     

    แต่แน่นอนว่า...ซันนี่ก็ยังไม่สามารถเลิกนิสัยเก่าของเธอได้เหมือนกัน...

     
     

    เพียงไม่นานทั้งสองก็เริ่มมีปากเสียงกันบ่อยมากขึ้นกับเบอร์โทรศัพท์แปลกหน้านับสิบของซันนี่

    ไหนจะการที่หญิงสาวกลับเข้าบ้านมาในตอนเช้าอยู่บ่อยครั้งทำให้เจสสิก้าเริ่มทนไม่ไหวกับการกระทำของอีกฝ่าย

     

    จนในที่สุดเจสสิก้าก็ได้ย้ายออกไปพร้อมกับบอกว่าเธอกำลังคบอยู่กับทิฟฟานี่....เลขาสาวของเจ้าตัว..

     




     

     

    ...ฮึ...

     
     

    ซันนี่หัวเราะในลำคอเมื่อนึกถึงวันที่ได้เจอกับทิฟฟานี่เธอก็รู้สึกไม่ชอบขี้หน้าอีกฝ่ายขึ้นมาในทันที

     

    เพราะเพียงแค่เห็นแววตาหลงใหลที่ทิฟฟานี่มองเจสสิก้าเธอก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร

     

     

     

    I feel so pathetic

    But you still haven’t heard it all

     

     

     

    ทั้งที่เธอก็ไม่ยี่หระกับเรื่องแบบนี้มาตลอดและก็คงจะเห็นเจสสิก้าเป็นทางผ่านอย่างที่ทำมาเสมอๆ

     

    แต่ครั้งนี้มันแปลกไป...

     

     

    เจสสิก้าเป็นมากกว่าทางผ่าน...แต่กว่าจะรู้ตัวมันก็สายไปเสียแล้ว
     

     

     

    เจสสิก้าเข็ดขยาดกับความรักของเธอจนไม่อาจจะยอมรับมันได้อีก

     




    วางแก้วที่ไร้ของเหลวใดๆลงกับพื้นบาร์แก้วก่อนจะควานหาโทรศัพท์ที่นอนอยู่ในกระเป๋าถือขึ้นมา

    ตั้งสติวาดเรียวนิ้วสไลด์หารายชื่อคนที่ต้องการบนหน้าจอสัมผัสนั่นเพราะรู้สึกว่าสิ่งที่ดื่มเข้าไปนั้นจะเริ่มออกฤทธิ์ซะแล้ว

     

     

    ...ได้โปรด... ปล่อยฉันไปเถอะนะซันนี่...


    ประโยคที่เจสสิก้าพูดกับเธอเมื่อตอนที่อยู่ในห้องทำงานยังคงวนเวียนอยู่ในหัว

    น้ำเสียงอ้อนวอนขอร้องพร้อมกับหยาดน้ำตาที่พรั่งหรูออกมาจากดวงตาคู่สวยของเจ้าตัว

    ทำให้ลี ซันนี่รู้ว่าเจสสิก้ากำลังเสียใจกับการกระทำของเธอมากขนาดไหน

     

     

     

    แต่มันช่วยไม่ได้

     
     

    ถ้าวันนั้นเจสสิก้าไม่ได้มาหาเธอล่ะก็...ตอนนี้อีกฝ่ายก็คงไม่ต้องทนเจ็บปวดอยู่อย่างนี้ก็เป็นได้...

     




     

    เพล้ง!

     
     

    หยุดทำอะไรบ้าๆแบบนี้ซะทีซันนี่!”

     

    เจสสิก้าตะโกนกร้าวหลังจากกลับมาพบกับสภาพของอดีตคนรักที่ดูแทบไม่ได้

    เธอปัดขวดแอลกอฮอล์ที่อีกฝ่ายทำท่าจะหยิบมันขึ้นมาดื่มอีกครั้งพร้อมกับแย่งยากล่อมประสาทนับสิบในมือมา

    เธอยอมกลับมาเหยียบที่นี่อีกครั้งเพราะว่าข้อความนับร้อยที่ส่งมาอ้อนวอนขอให้เธอกลับมา...




     

    ลี ซันนี่คนนี้ไม่เคยเป็นแบบนี้



     

    มิสคอลและข้อความมากมายที่ได้รับหลังจากที่ย้ายออกไปทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายเว้าวอนกับการจากไปของเธอขนาดไหน

    เจสสิก้ามองคนที่เริ่มหยัดกายขึ้นมามองเธอด้วยใบหน้าที่แดงก่ำจากฤทธิ์แอลกอฮอล์และยากล่อมประสาท

     


    สิก้า....สิก้ากลับมาหาฉันแล้วใช่มั้ย?”

     

    ดวงตาคู่สวยเริ่มรื้นไปด้วยน้ำตาก่อนที่หญิงสาวร่างเล็กจะโผเข้ากอดคนตรงหน้าพร้อมกับปล่อยโฮออกมา

    ริมฝีปากอิ่มที่พร่ำเรียกชื่อเธอไหนจะแรงกอดรัดที่ทำเหมือนกับว่ากลัวเธอจะหายไปนี่อีก...

     


    เจสสิก้าสงสารซันนี่จับใจ...

     

    คืนนั้นหญิงสาวจึงตัดสินใจค้างบ้านของซันนี่เพื่อคอยดูแลอีกฝ่ายไม่ให้ทำอะไรบ้าๆไปซะก่อน

    ยังไม่ทันที่จะโทรหาคนรักใหม่อย่างทิฟฟานี่เพื่อบอกว่าไม่ต้องรอเธอกลับไป...โทรศัพท์ในมือก็ถูกดึงไปอย่างกระทันหัน 


    ...เป็นซันนี่นี่เองที่คว้าโทรศัพท์เธอไปก่อนที่จะปล่อยให้มันหล่นกระแทกพื้นตามแรงโน้มถ่วง

    นัยน์ตาเยิ้มฉ่ำบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าอีกฝ่ายตกภายใต้การควบคุมของสิ่งที่กินเข้าไปซะแล้ว..

     

    ซัน…!”

     

    ยังไม่ทันที่จะเอ่ยว่าใดๆสาวร่างเล็กก็กดท้ายทอยเธอเข้าไปจูบอย่างไม่ทันตั้งตัว

    จูบที่ดูดดื่มและเร่าร้อนที่ห่างหายไปนานทำให้เจสสิก้าถึงกับเข้าอ่อน

    ราวกับเรี่ยวแรงถูกสูบหายไปในทุกๆที่ที่อีกฝ่ายลากมือผ่าน....ก่อนที่ทุกอย่างจะไปจบที่เตียงที่ตั้งอยู่กลางห้อง


     

    .


    .



    นั่นเป็นคืนแรกที่พวกเธอมีเซ็กส์กันหลังจากที่เลิกกันไปแล้ว

    และซันนี่ก็จะไม่ปฏิเสธว่าเรื่องในคืนนั้นส่วนหนึ่งมาจากความต้องการของตัวเองเหมือนกัน

    เพราะหลังจากนั้นทุกอย่างก็ไม่ได้หยุดแค่นั้น

    เธอยังคงไปหาเจสสิก้าแทบทุกคืนทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายมีทิฟฟานี่อยู่แล้วแท้ๆ

     

    ราวกับคนที่ได้ลองขโมยของแล้วติดนิสัยจนต้องมีครั้งต่อๆไป

     

    และตอนนี้เจสสิก้าก็คงจะทนกับหัวขโมยอย่างเธอไม่ไหวอีกแล้ว...

     

     

     



    แอบซินท์แก้วใหม่ถูกวางลงตรงหน้าในขณะที่สายตาของหญิงสาวยังคงไม่ละออกจากหน้าจอโทรศัพท์

    ริมฝีปากอวบอิ่มนั่นขยับยิ้มเมื่อพบกับเบอร์โทรที่เธอต้องการ

     

    ต้องแอบสารภาพว่าเธอแอบเห็นใจเจสสิก้าในตอนที่เจ้าตัวร้องไห้วอนขอเธออยู่ไม่น้อย

     

     

     

    แต่ก็คงไม่ได้หรอก....เพราะในเมื่อเจสสิก้านั่นแหล่ะเป็นคนผิด...

     

     



    ผิดที่ไม่ยอมเด็ดขาดตัดความสัมพันธ์ของเราตั้งแต่ทีแรก

     

    ผิดที่มาทำให้เพลย์เกิร์ลอย่างเธอรู้จักคำว่า รัก

     

     



    ...เพราะงั้นฉันจะไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆหรอก...

     

     

     
    นิ้วเรียวกดเข้าไปยังเบอร์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอและไม่รอช้าที่จะเปิดระบบฝากข้อความเสียง

    เสียงเพลงในท่อนสุดท้ายที่กำลังจะมาถึงทำให้เธออดไม่ได้ที่จะร้องคลอตามกับสิ่งที่กำลังจะพูดไปด้วย


     

     

    ฉันจะทำให้เธอรู้ว่าฉันคนนี้คู่ควรกับเธอที่สุดแล้ว...เจสสิก้า





    .




    .



     

     

    ท่ามกลางความมืดภายในห้องพักคอนโดฯหรูใจกลางตัวเมือง

    เสียงหอบหายใจดังออกมาจากร่างของคนสองคนที่กำลังเล้าโลมเรือนร่างของกันและกันอยู่บนเตียงกว้าง

    เจสสิก้ากำลังปรนเปรอความสุขให้กับสาวนัยน์ตาหวานที่อยู่เบื้องล่างอย่างเร่าร้อน

     

    เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาเธอเรียกให้ทิฟฟานี่กลับคอนโดฯมาด้วยกันเพื่อที่จะจัดดินเนอร์เล็กๆเป็นการไถ่โทษให้

    อาหารทำมือเพียงไม่กี่อย่างของเจสสิก้าทำให้ทิฟฟานี่ลืมการกระทำอันไร้เหตุผลของอีกฝ่ายในตอนเช้าไปแทบจะทันที

    ก่อนที่ทั้งสองจะมาจบคืนอันแสนหวานที่เตียงขนาดคิงไซส์ในห้องนอนของเจสสิก้า...



     

    อะ...อา...สิก้า...

     

    ทิฟฟานี่ทำได้เพียงแค่ครางเสียงแหบพร่าขณะที่ขยับร่างกายตามการนำพาของคนรัก

    สองมือที่เคยจิกทิ้งอยู่กับผ้าปูที่นอนสีเลือดนกเปลี่ยนตำแหน่งมาเป็นแผ่นหลังขาวนวลของคนที่อยู่ด้านบนแทน

    ภายในหัวสมองอื้ออึงไปหมด ไม่รับรู้อะไรนอกเสียจากคนที่กำลังจะทำให้เธอได้เห็นสวรรค์รำไร

     

     

    อึก...ฟานี่...ฉันจะไม่ไหว.....
     

    เจสสิก้า จองว่าเสียงติดขัดขณะขยับกายเปลี่ยนให้คนรักนอนตะแคงข้างพร้อมกับยกเรียวขาข้างหนึ่งขึ้น

    ก่อนจะแทรกตัวเข้าไปตรงกลางเบียดส่วนอ่อนไหวของตัวเองเข้ากับอีกฝ่ายอย่างแนบชิดมากกว่าเดิม

    สะโพกสวยหยัดแอ่นกระแทกกระทั้นเข้าไปถี่รัวเมื่อรู้สึกว่าเธอและทิฟฟานี่กำลังต้องการการปลดปล่อย

     

    เสียงครางระโหยของทั้งสองดังออกมาทั่วห้องที่มีเพียงแต่แสงจันทร์อย่างไม่มีใครยอมใคร

    ก่อนที่น้ำหวานเหนียวใสที่ไหลเปรอะเต็มหน้าขาจะถูกแทนที่ด้วยของเหลวสีขาวขุ่นเมื่อทั้งสองระเบิดอารมณ์รักออกมาพร้อมๆกัน

     

    เจสสิก้ากระตุกเกร็งไม่ต่างจากคนเบื้องล่างก่อนจะถอดถอนสะโพกออกมาและทิ้งตัวลงนอนข้างๆแฟนสาวอย่างเหนื่อยอ่อน

    หญิงสาวทั้งสองหอบหายใจถี่รัวราวกับจะแย่งออกซิเจนกันอยู่ก็ไม่ปาน

     
     

    .




    .

     


    ฟานี่ขอถามอะไรคุณหน่อยได้มั้ยคะ?”

     

    จู่ๆทิฟฟานี่ก็เอ่ยถามเสียงหวานขึ้นมาท่ามกลางความมืดของตัวห้อง

    ทำให้เจสสิก้าที่ยังหายใจอย่างหนักหน่วงจากบทรักเมื่อครู่พลิกตัวเข้าหาแฟนสาวก่อนจะทัดผมให้อีกฝ่ายอย่างเอาใจ

     

    ว่ามาสิคะ

     

    เมื่อได้รับคำอนุญาตหญิงสาวนัยน์ตาหวานก็เงียบไปครู่หนึ่งราวกับชั่งใจว่าเธอควรถามคำถามนี้กับอีกฝ่ายดีหรือไม่

     

    ทำไมคุณต้องร้องไห้ทุกครั้งหลังจากที่เรามีอะไรกันด้วยล่ะคะ?”

     

    เอ่ยถามอีกครั้งพร้อมกับยกมือขึ้นไปสัมผัสใบหน้าที่ยังเปื้อนคราบน้ำตาของเจสสิก้า


    ทุกครั้ง...ทุกครั้งที่เราต่างสุขสมไปพร้อมๆกันเจสสิก้ามักจะร้องไห้ออกมาเงียบๆอยู่เสมอ

    ถึงแม้ว่าเจสสิก้าจะไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับสาเหตุของมันแต่ทิฟฟานี่ก็อดเป็นห่วงคนรักไม่ได้

     

    เกิดความเงียบขึ้นครู่ใหญ่ก่อนที่เจสสิก้าจะส่ายหน้าพร้อมจับมือนุ่มของแฟนสาวมาแนบใบหน้าของตนอย่างแผ่วเบา

    หลับตาลงซึมซับสัมผัสอันอ่อนโยนของอีกฝ่ายราวกับจะบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง

     


    ถ้ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็บอกฉันได้นะคะ ฉันจะคอยอยู่เคียงข้างคุณเสมอ

     






    ซ่า~

     


    เสียงน้ำฝักบัวที่หล่นกระทบพื้นกระเบื้องในห้องน้ำยังคงดังออกมาเป็นระยะๆ

    เจสสิก้านอนมองบานประตูห้องน้ำที่ทิฟฟานี่เพิ่งจะขอตัวเข้าไปชำระร่างกายด้วยแววตาว่างเปล่า

    ร่างบางเปลือยเปล่าขดตัวห่อร่างอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาหวังจะช่วยให้มันบรรเทาอาการหนาวเหน็บภายในจิตใจได้บ้าง

     

     


    ไม่มีอะไรหรอก....ทิฟฟานี่.....ไม่มีอะไร

     


    เพียงแค่คิดถึงประโยคที่อีกฝ่ายพูดกับเธอเมื่อครู่น้ำตาก็พากันรื้นขึ้นมาที่ดวงตาคู่สวยอีกครั้ง

    เจสสิก้าหลับตาลงพร้อมกับเม้มริมฝีปากแน่นราวกับพยายามยับยั้งอารมณ์ของตัวเอง

     

    มันเป็นความผิดของเธอเองที่ปล่อยให้ความรู้สึกลึกๆภายในใจถูกเรียกขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าในยามที่ซันนี่สัมผัสตัวเธอ

     

     


    ความรู้สึกลึกๆที่คอยตอกย้ำเสมอว่าเธอยังคงรักซันนี่อยู่

     

     


    ...และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเธอถึงไม่เคยปฏิเสธอีกฝ่ายได้เลย

     

     

     


    ฉันควรจะทำยังไงดี

     



    .




    .


     

     


    ครืด~


     

    เสียงโทรศัพท์สั่นครืดคราดอยู่บนโต๊ะหัวเตียงที่ดังขึ้นมา

    เรียกให้คนที่พยายามจะจมตัวเองไปในห้วงนิทราต้องเอื้อมมือไปคว้ามันมาอย่างช่วยไม่ได้

    เจสสิก้ายกมือขึ้นปาดน้ำตาก่อนจะจดจ้องไปยังหน้าจอไอโฟนท่ามกลางความมืดตรงหน้า

     

     

     ‘

    You've got 1 new voice message

     

     
     

    เพียงแค่ได้เห็นชื่อผู้ส่งก็เหมือนกับมีม่านน้ำตาค่อยๆรื้นขึ้นมาที่ดวงตาร้อนผ่าวอีกครั้ง

    กลั้นใจเพียงชั่วครู่ก่อนที่จะสัมผัสนิ้วมืออันสั่นเทาไปยังหน้าจอเพื่อฟังข้อความเสียงนั้น...

     

     


    เจสสิก้า

     


    ทันทีที่กดเปิดน้ำเสียงอันคุ้นเคยก็เอ่ยเรียกชื่อเธอก่อนจะเงียบไปครู่ใหญ่

    เหมือนกับอีกฝ่ายจงใจให้เธอได้ยินเสียงเพลงที่ดังคลออยู่แผ่วๆนั้น

    ก่อนที่เสียงของอีกฝ่ายจะดังขึ้นอีกครั้งแต่เพียงครั้งนี้ไม่ใช่คำพูดแต่เป็นเนื้อร้องในเพลงที่เธอกำลังได้ยินนั่นเอง

     

    เจสสิก้าต้องรีบยกมือขึ้นมาปิดปากสกัดกั้นเสียงสะอื้นที่กำลังจะออกมา เหล่าทำนบน้ำตาถูกพังทลายลงอีกครา

     
     

    เธอรู้แล้ว...กับสิ่งที่เจ้าของข้อความเสียงนี้กำลังจะบอกกับเธอ

     

     
     

    นี่คงเป็นคำตอบของเธอแล้วสินะ...ซันนี่....

     

     

    Once you had the best girl, you can’t do better
                                                                                                          
    Baby I’m the best so you can’t do better

     

     

     

    ฉันดีที่สุดสำหรับเธอแล้ว...ที่รัก

     

     
     

     


    .


    .


    .




    END

    __________________________________________________

     
     

    เปิดด้วยซันสิกทิฉันใดก็ยังคงจบซันสิกทิฉันนั้น...ฮึ้บ!(ก้มหลบรองเท้า)

    ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้จบด้วยคู่ตายตัวแบบแฮปปี้เอนด์

    เหมือนเรานำเสนอแค่ช่วงๆหนึ่งของชีวิตรักของสิก้า

    ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของรีดเดอร์แล้วล่ะค่ะว่าอยากให้มันจบยังไง ....ฮึ้บ!(ก้มหลบรองเท้าอีกข้าง)

     

    แต่ไม่แน่นะคะเราอาจจะมาต่อเรื่องนี้ไม่ให้มันจบแบบนี้ก็ได้ขึ้นอยู่กับความเห็นของรีดเดอร์แล้วนะ

     

     

    แล้วเจอกันค่ะ:)
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×