คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : SHOT - 3
SHOT 3
Fuck that new girl that you like so bad…
She’s not crazy like me I bet you like that
เสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆในร้านนั่งดริ๊งค์แห่งหนึ่งย่านตัวเมือง
ดูเหมือนมันจะเป็นที่ถูกอกถูกใจของหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังนั่งจดจ่ออยู่กับเครื่องดื่มของตนที่บาร์แก้ว
ริมฝีปากเหยียดยิ้มกับเนื้อเพลงที่ได้ยินก่อนจะยกแก้วทรงสี่เหลี่ยมที่บรรจุน้ำสีอำพันในมือขึ้นดื่ม
I said fuck that new girl that’s been in your bed
And when you’re in her I know I’m in your head
คว้าแบงค์พันวอนในกระเป๋าถือแบรนด์ดังของตนยื่นให้กับบาร์เทนเดอร์หนุ่มตรงหน้า
เป็นค่าทิปที่เธอวานให้อีกฝ่ายเดินไปบอกเพลงที่เธอต้องการกับดีเจประจำคลับที่อยู่บนชั้นสองของตัวร้าน
“มาคนเดียวเหรอครับ?”
น้ำเสียงทุ้มลึกพร้อมกับร่างของชายหนุ่มที่ทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ข้างๆทำให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ก่อนแล้วหันไปมอง
ลี ซันนี่มองคนตรงหน้าที่กำลังยกเครื่องดื่มในมือขึ้นมาให้อย่างเชิญชวน
“ถ้าไม่รังเกียจ ดื่มกับผมซักแก้ว..”
หญิงสาวร่างเล็กนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
นึกขำกับท่าทีของตัวเองก่อนจะเอ่ยปฏิเสธอีกฝ่ายพร้อมกับยิ้มที่ทำให้คนที่ได้เห็นถึงกับนิ่งค้างไปชั่วขณะ
“ขอโทษนะคะ ไว้โอกาสหน้าดีกว่า”
.
.
นัยน์ตาเรียวสวยมองตามแผ่นหลังของคนที่มีทีท่าผิดหวังเล็กน้อยที่เพิ่งเดินจากไป
เสียงโห่ร้องจากเพื่อนชายหลายคนที่นั่งโห่ร้องต้อนรับอยู่ที่โต๊ะคงทำให้เขาหน้าเสียไม่ใช่น้อย
ริมฝีปากบิดยิ้มอย่างนึกสมเพชตัวเองก่อนจะยกน้ำสีอำพันขึ้นดื่มหวังให้มันจะช่วยให้เธอไม่คิดฟุ้งซ่าน
ทั้งที่แต่ก่อนเธอก็ไม่เคยจะปฏิเสธคำชวนของชายหนุ่มคนใดเลยแท้ๆ
ถ้าเป็นตัวเธอแต่ก่อน...ตอนนี้เธออาจกำลังนั่งหัวเราะต่อกระซิกกับผู้ชายคนนั้นอยู่ก็ได้
แล้วคืนนี้เราก็จะไปจบกันที่โรงแรมที่ไหนซักแห่งพอตื่นเช้ามาก็จะแยกย้ายกันไปคนละทางเหมือนกับไม่เคยรู้จักกัน
หรือที่เขาเรียกกันง่ายๆมันก็คือวันไนท์สแตนด์นั่นแหล่ะ...
ลี ซันนี่รองประธานบริษัทเสื้อผ้าแฟชั่นชื่อดังที่เคยถูกตราหน้าว่าเป็นคาสโนวี่สาว
อาจเป็นเพราะเธอเคยอาศัยอยู่ที่อเมริกามา10กว่าปีเลยทำให้เธอเป็นคนที่ไม่แคร์กับเรื่องสัมพันธ์ข้ามคืนอะไรแบบนี้
ทุกคืนช่วงที่กลับมาอยู่ที่โซลใหม่ๆเธอก็เลยได้แต่ตะลอนเที่ยวไปเรื่อยๆ
จนได้มาพบกับ เจสสิก้า จอง ในฐานะตัวแทนของบริษัทส่งออกชื่อดังที่มาติดต่อการขายกับสินค้าของเธอ
อาจจะเป็นเพราะเข้ากันได้ดีทั้งสองจึงสนิทกันในเร็ววัน
นัดทานข้าวและพูดคุยกันนอกเหนือจากเรื่องงานผ่านทางโทรศัพท์และเมสเสจบ่อยขึ้น
มันอาจจะเรียกว่าเดทกลายๆเพราะสมัยตอนที่อยู่อเมริกาเธอก็เปลี่ยนคู่เดทไม่ซ้ำหน้ากันทุกเดือน
และก็เป็นเจสสิก้า....ที่ทำให้เธออยากลองด้านใหม่ของความรัก...
ในตอนแรกเธอไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าเป็นความรักแบบไหน
เพราะรักครั้งนี้มีเพียงแค่เธอที่เป็นผู้หญิง....และเจสสิก้าที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน...
แต่ความสัมพันธ์ที่เริ่มลึกซึ้งมากขึ้นไหนจะความสุขที่เธอไม่เคยได้รับจากที่ไหนมาก่อน
ทำให้ทั้งสองตัดสินใจย้ายมาใช้ชีวิตร่วมกัน
พวกเธอมีความสุขกันดีกับชีวิตคู่และคอยดูแลซึ่งกันและกันอยู่เสมอ
แต่แน่นอนว่า...ซันนี่ก็ยังไม่สามารถเลิกนิสัยเก่าของเธอได้เหมือนกัน...
เพียงไม่นานทั้งสองก็เริ่มมีปากเสียงกันบ่อยมากขึ้นกับเบอร์โทรศัพท์แปลกหน้านับสิบของซันนี่
ไหนจะการที่หญิงสาวกลับเข้าบ้านมาในตอนเช้าอยู่บ่อยครั้งทำให้เจสสิก้าเริ่มทนไม่ไหวกับการกระทำของอีกฝ่าย
จนในที่สุดเจสสิก้าก็ได้ย้ายออกไปพร้อมกับบอกว่าเธอกำลังคบอยู่กับทิฟฟานี่....เลขาสาวของเจ้าตัว..
...ฮึ...
ซันนี่หัวเราะในลำคอเมื่อนึกถึงวันที่ได้เจอกับทิฟฟานี่เธอก็รู้สึกไม่ชอบขี้หน้าอีกฝ่ายขึ้นมาในทันที
เพราะเพียงแค่เห็นแววตาหลงใหลที่ทิฟฟานี่มองเจสสิก้าเธอก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร
I feel so pathetic
But you still haven’t heard it all
ทั้งที่เธอก็ไม่ยี่หระกับเรื่องแบบนี้มาตลอดและก็คงจะเห็นเจสสิก้าเป็นทางผ่านอย่างที่ทำมาเสมอๆ
แต่ครั้งนี้มันแปลกไป...
เจสสิก้าเป็นมากกว่าทางผ่าน...แต่กว่าจะรู้ตัวมันก็สายไปเสียแล้ว
เจสสิก้าเข็ดขยาดกับความรักของเธอจนไม่อาจจะยอมรับมันได้อีก
วางแก้วที่ไร้ของเหลวใดๆลงกับพื้นบาร์แก้วก่อนจะควานหาโทรศัพท์ที่นอนอยู่ในกระเป๋าถือขึ้นมา
ตั้งสติวาดเรียวนิ้วสไลด์หารายชื่อคนที่ต้องการบนหน้าจอสัมผัสนั่นเพราะรู้สึกว่าสิ่งที่ดื่มเข้าไปนั้นจะเริ่มออกฤทธิ์ซะแล้ว
“...ได้โปรด... ปล่อยฉันไปเถอะนะซันนี่...”
ประโยคที่เจสสิก้าพูดกับเธอเมื่อตอนที่อยู่ในห้องทำงานยังคงวนเวียนอยู่ในหัว
น้ำเสียงอ้อนวอนขอร้องพร้อมกับหยาดน้ำตาที่พรั่งหรูออกมาจากดวงตาคู่สวยของเจ้าตัว
ทำให้ลี ซันนี่รู้ว่าเจสสิก้ากำลังเสียใจกับการกระทำของเธอมากขนาดไหน
แต่มันช่วยไม่ได้
ถ้าวันนั้นเจสสิก้าไม่ได้มาหาเธอล่ะก็...ตอนนี้อีกฝ่ายก็คงไม่ต้องทนเจ็บปวดอยู่อย่างนี้ก็เป็นได้...
เพล้ง!
“หยุดทำอะไรบ้าๆแบบนี้ซะทีซันนี่!”
เจสสิก้าตะโกนกร้าวหลังจากกลับมาพบกับสภาพของอดีตคนรักที่ดูแทบไม่ได้
เธอปัดขวดแอลกอฮอล์ที่อีกฝ่ายทำท่าจะหยิบมันขึ้นมาดื่มอีกครั้งพร้อมกับแย่งยากล่อมประสาทนับสิบในมือมา
เธอยอมกลับมาเหยียบที่นี่อีกครั้งเพราะว่าข้อความนับร้อยที่ส่งมาอ้อนวอนขอให้เธอกลับมา...
ลี ซันนี่คนนี้ไม่เคยเป็นแบบนี้
มิสคอลและข้อความมากมายที่ได้รับหลังจากที่ย้ายออกไปทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายเว้าวอนกับการจากไปของเธอขนาดไหน
เจสสิก้ามองคนที่เริ่มหยัดกายขึ้นมามองเธอด้วยใบหน้าที่แดงก่ำจากฤทธิ์แอลกอฮอล์และยากล่อมประสาท
“สิก้า....สิก้ากลับมาหาฉันแล้วใช่มั้ย?”
ดวงตาคู่สวยเริ่มรื้นไปด้วยน้ำตาก่อนที่หญิงสาวร่างเล็กจะโผเข้ากอดคนตรงหน้าพร้อมกับปล่อยโฮออกมา
ริมฝีปากอิ่มที่พร่ำเรียกชื่อเธอไหนจะแรงกอดรัดที่ทำเหมือนกับว่ากลัวเธอจะหายไปนี่อีก...
เจสสิก้าสงสารซันนี่จับใจ...
คืนนั้นหญิงสาวจึงตัดสินใจค้างบ้านของซันนี่เพื่อคอยดูแลอีกฝ่ายไม่ให้ทำอะไรบ้าๆไปซะก่อน
ยังไม่ทันที่จะโทรหาคนรักใหม่อย่างทิฟฟานี่เพื่อบอกว่าไม่ต้องรอเธอกลับไป...โทรศัพท์ในมือก็ถูกดึงไปอย่างกระทันหัน
...เป็นซันนี่นี่เองที่คว้าโทรศัพท์เธอไปก่อนที่จะปล่อยให้มันหล่นกระแทกพื้นตามแรงโน้มถ่วง
นัยน์ตาเยิ้มฉ่ำบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าอีกฝ่ายตกภายใต้การควบคุมของสิ่งที่กินเข้าไปซะแล้ว..
“ซัน…!”
ยังไม่ทันที่จะเอ่ยว่าใดๆสาวร่างเล็กก็กดท้ายทอยเธอเข้าไปจูบอย่างไม่ทันตั้งตัว
จูบที่ดูดดื่มและเร่าร้อนที่ห่างหายไปนานทำให้เจสสิก้าถึงกับเข้าอ่อน
ราวกับเรี่ยวแรงถูกสูบหายไปในทุกๆที่ที่อีกฝ่ายลากมือผ่าน....ก่อนที่ทุกอย่างจะไปจบที่เตียงที่ตั้งอยู่กลางห้อง
.
.
นั่นเป็นคืนแรกที่พวกเธอมีเซ็กส์กันหลังจากที่เลิกกันไปแล้ว
และซันนี่ก็จะไม่ปฏิเสธว่าเรื่องในคืนนั้นส่วนหนึ่งมาจากความต้องการของตัวเองเหมือนกัน
เพราะหลังจากนั้นทุกอย่างก็ไม่ได้หยุดแค่นั้น
เธอยังคงไปหาเจสสิก้าแทบทุกคืนทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายมีทิฟฟานี่อยู่แล้วแท้ๆ
ราวกับคนที่ได้ลองขโมยของแล้วติดนิสัยจนต้องมีครั้งต่อๆไป
และตอนนี้เจสสิก้าก็คงจะทนกับหัวขโมยอย่างเธอไม่ไหวอีกแล้ว...
แอบซินท์แก้วใหม่ถูกวางลงตรงหน้าในขณะที่สายตาของหญิงสาวยังคงไม่ละออกจากหน้าจอโทรศัพท์
ริมฝีปากอวบอิ่มนั่นขยับยิ้มเมื่อพบกับเบอร์โทรที่เธอต้องการ
ต้องแอบสารภาพว่าเธอแอบเห็นใจเจสสิก้าในตอนที่เจ้าตัวร้องไห้วอนขอเธออยู่ไม่น้อย
แต่ก็คงไม่ได้หรอก....เพราะในเมื่อเจสสิก้านั่นแหล่ะเป็นคนผิด...
ผิดที่ไม่ยอมเด็ดขาดตัดความสัมพันธ์ของเราตั้งแต่ทีแรก
ผิดที่มาทำให้เพลย์เกิร์ลอย่างเธอรู้จักคำว่า ‘รัก’
...เพราะงั้นฉันจะไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆหรอก...
นิ้วเรียวกดเข้าไปยังเบอร์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอและไม่รอช้าที่จะเปิดระบบฝากข้อความเสียง
เสียงเพลงในท่อนสุดท้ายที่กำลังจะมาถึงทำให้เธออดไม่ได้ที่จะร้องคลอตามกับสิ่งที่กำลังจะพูดไปด้วย
ฉันจะทำให้เธอรู้ว่าฉันคนนี้คู่ควรกับเธอที่สุดแล้ว...เจสสิก้า
.
.
ท่ามกลางความมืดภายในห้องพักคอนโดฯหรูใจกลางตัวเมือง
เสียงหอบหายใจดังออกมาจากร่างของคนสองคนที่กำลังเล้าโลมเรือนร่างของกันและกันอยู่บนเตียงกว้าง
เจสสิก้ากำลังปรนเปรอความสุขให้กับสาวนัยน์ตาหวานที่อยู่เบื้องล่างอย่างเร่าร้อน
เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาเธอเรียกให้ทิฟฟานี่กลับคอนโดฯมาด้วยกันเพื่อที่จะจัดดินเนอร์เล็กๆเป็นการไถ่โทษให้
อาหารทำมือเพียงไม่กี่อย่างของเจสสิก้าทำให้ทิฟฟานี่ลืมการกระทำอันไร้เหตุผลของอีกฝ่ายในตอนเช้าไปแทบจะทันที
ก่อนที่ทั้งสองจะมาจบคืนอันแสนหวานที่เตียงขนาดคิงไซส์ในห้องนอนของเจสสิก้า...
“อะ...อา...สิก้า...”
ทิฟฟานี่ทำได้เพียงแค่ครางเสียงแหบพร่าขณะที่ขยับร่างกายตามการนำพาของคนรัก
สองมือที่เคยจิกทิ้งอยู่กับผ้าปูที่นอนสีเลือดนกเปลี่ยนตำแหน่งมาเป็นแผ่นหลังขาวนวลของคนที่อยู่ด้านบนแทน
ภายในหัวสมองอื้ออึงไปหมด ไม่รับรู้อะไรนอกเสียจากคนที่กำลังจะทำให้เธอได้เห็นสวรรค์รำไร
“อึก...ฟานี่...ฉันจะไม่ไหว.....”
เจสสิก้า จองว่าเสียงติดขัดขณะขยับกายเปลี่ยนให้คนรักนอนตะแคงข้างพร้อมกับยกเรียวขาข้างหนึ่งขึ้น
ก่อนจะแทรกตัวเข้าไปตรงกลางเบียดส่วนอ่อนไหวของตัวเองเข้ากับอีกฝ่ายอย่างแนบชิดมากกว่าเดิม
สะโพกสวยหยัดแอ่นกระแทกกระทั้นเข้าไปถี่รัวเมื่อรู้สึกว่าเธอและทิฟฟานี่กำลังต้องการการปลดปล่อย
เสียงครางระโหยของทั้งสองดังออกมาทั่วห้องที่มีเพียงแต่แสงจันทร์อย่างไม่มีใครยอมใคร
ก่อนที่น้ำหวานเหนียวใสที่ไหลเปรอะเต็มหน้าขาจะถูกแทนที่ด้วยของเหลวสีขาวขุ่นเมื่อทั้งสองระเบิดอารมณ์รักออกมาพร้อมๆกัน
เจสสิก้ากระตุกเกร็งไม่ต่างจากคนเบื้องล่างก่อนจะถอดถอนสะโพกออกมาและทิ้งตัวลงนอนข้างๆแฟนสาวอย่างเหนื่อยอ่อน
หญิงสาวทั้งสองหอบหายใจถี่รัวราวกับจะแย่งออกซิเจนกันอยู่ก็ไม่ปาน
.
.
“ฟานี่ขอถามอะไรคุณหน่อยได้มั้ยคะ?”
จู่ๆทิฟฟานี่ก็เอ่ยถามเสียงหวานขึ้นมาท่ามกลางความมืดของตัวห้อง
ทำให้เจสสิก้าที่ยังหายใจอย่างหนักหน่วงจากบทรักเมื่อครู่พลิกตัวเข้าหาแฟนสาวก่อนจะทัดผมให้อีกฝ่ายอย่างเอาใจ
“ว่ามาสิคะ”
เมื่อได้รับคำอนุญาตหญิงสาวนัยน์ตาหวานก็เงียบไปครู่หนึ่งราวกับชั่งใจว่าเธอควรถามคำถามนี้กับอีกฝ่ายดีหรือไม่
“ทำไมคุณต้องร้องไห้ทุกครั้ง…หลังจากที่เรามีอะไรกันด้วยล่ะคะ?”
เอ่ยถามอีกครั้งพร้อมกับยกมือขึ้นไปสัมผัสใบหน้าที่ยังเปื้อนคราบน้ำตาของเจสสิก้า
ทุกครั้ง...ทุกครั้งที่เราต่างสุขสมไปพร้อมๆกันเจสสิก้ามักจะร้องไห้ออกมาเงียบๆอยู่เสมอ
ถึงแม้ว่าเจสสิก้าจะไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับสาเหตุของมันแต่ทิฟฟานี่ก็อดเป็นห่วงคนรักไม่ได้
เกิดความเงียบขึ้นครู่ใหญ่ก่อนที่เจสสิก้าจะส่ายหน้าพร้อมจับมือนุ่มของแฟนสาวมาแนบใบหน้าของตนอย่างแผ่วเบา
หลับตาลงซึมซับสัมผัสอันอ่อนโยนของอีกฝ่ายราวกับจะบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง
“ถ้ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็บอกฉันได้นะคะ ฉันจะคอยอยู่เคียงข้างคุณเสมอ”
ซ่า~
เสียงน้ำฝักบัวที่หล่นกระทบพื้นกระเบื้องในห้องน้ำยังคงดังออกมาเป็นระยะๆ
เจสสิก้านอนมองบานประตูห้องน้ำที่ทิฟฟานี่เพิ่งจะขอตัวเข้าไปชำระร่างกายด้วยแววตาว่างเปล่า
ร่างบางเปลือยเปล่าขดตัวห่อร่างอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาหวังจะช่วยให้มันบรรเทาอาการหนาวเหน็บภายในจิตใจได้บ้าง
ไม่มีอะไรหรอก....ทิฟฟานี่.....ไม่มีอะไร
เพียงแค่คิดถึงประโยคที่อีกฝ่ายพูดกับเธอเมื่อครู่น้ำตาก็พากันรื้นขึ้นมาที่ดวงตาคู่สวยอีกครั้ง
เจสสิก้าหลับตาลงพร้อมกับเม้มริมฝีปากแน่นราวกับพยายามยับยั้งอารมณ์ของตัวเอง
มันเป็นความผิดของเธอเองที่ปล่อยให้ความรู้สึกลึกๆภายในใจถูกเรียกขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าในยามที่ซันนี่สัมผัสตัวเธอ
ความรู้สึกลึกๆที่คอยตอกย้ำเสมอว่าเธอยังคงรักซันนี่อยู่
...และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเธอถึงไม่เคยปฏิเสธอีกฝ่ายได้เลย
ฉันควรจะทำยังไงดี
.
.
ครืด~
เสียงโทรศัพท์สั่นครืดคราดอยู่บนโต๊ะหัวเตียงที่ดังขึ้นมา
เรียกให้คนที่พยายามจะจมตัวเองไปในห้วงนิทราต้องเอื้อมมือไปคว้ามันมาอย่างช่วยไม่ได้
เจสสิก้ายกมือขึ้นปาดน้ำตาก่อนจะจดจ้องไปยังหน้าจอไอโฟนท่ามกลางความมืดตรงหน้า
‘
You've got 1 new voice message’
เพียงแค่ได้เห็นชื่อผู้ส่งก็เหมือนกับมีม่านน้ำตาค่อยๆรื้นขึ้นมาที่ดวงตาร้อนผ่าวอีกครั้ง
กลั้นใจเพียงชั่วครู่ก่อนที่จะสัมผัสนิ้วมืออันสั่นเทาไปยังหน้าจอเพื่อฟังข้อความเสียงนั้น...
‘เจสสิก้า’
ทันทีที่กดเปิดน้ำเสียงอันคุ้นเคยก็เอ่ยเรียกชื่อเธอก่อนจะเงียบไปครู่ใหญ่
เหมือนกับอีกฝ่ายจงใจให้เธอได้ยินเสียงเพลงที่ดังคลออยู่แผ่วๆนั้น
ก่อนที่เสียงของอีกฝ่ายจะดังขึ้นอีกครั้งแต่เพียงครั้งนี้ไม่ใช่คำพูดแต่เป็นเนื้อร้องในเพลงที่เธอกำลังได้ยินนั่นเอง
เจสสิก้าต้องรีบยกมือขึ้นมาปิดปากสกัดกั้นเสียงสะอื้นที่กำลังจะออกมา เหล่าทำนบน้ำตาถูกพังทลายลงอีกครา
เธอรู้แล้ว...กับสิ่งที่เจ้าของข้อความเสียงนี้กำลังจะบอกกับเธอ
นี่คงเป็นคำตอบของเธอแล้วสินะ...ซันนี่....
Once you had the best girl, you can’t do better
Baby I’m the best so you can’t do better
‘ฉันดีที่สุดสำหรับเธอแล้ว...ที่รัก’
.
.
.
END
__________________________________________________
เปิดด้วยซันสิกทิฉันใดก็ยังคงจบซันสิกทิฉันนั้น...ฮึ้บ!(ก้มหลบรองเท้า)
ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้จบด้วยคู่ตายตัวแบบแฮปปี้เอนด์
เหมือนเรานำเสนอแค่ช่วงๆหนึ่งของชีวิตรักของสิก้า
ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของรีดเดอร์แล้วล่ะค่ะว่าอยากให้มันจบยังไง ....ฮึ้บ!(ก้มหลบรองเท้าอีกข้าง)
แต่ไม่แน่นะคะเราอาจจะมาต่อเรื่องนี้ไม่ให้มันจบแบบนี้ก็ได้ขึ้นอยู่กับความเห็นของรีดเดอร์แล้วนะ
แล้วเจอกันค่ะ:)
ความคิดเห็น