คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เกรเกอร์ เมลเดล [บิดาแห่งพันธุศาสตร์]
ประวัติ
เขาเป็นบุตรชายคนกลางของบิดาชื่ออังตวน เมนเดล และมารดาชื่อโรซีน เมนเดล เขามีพี่สาว 1 คน และน้องสาว 1 คน ครอบครัวจัดอยู่ในฐานะดีแต่ไม่ถึงกับมั่งคั่งนัก บิดาของเขาเป็นเกษตรกร เขาจึงช่วยทำสวนอยู่เสมอ ทำให้เมนเดล มีความรู้เกี่ยวกับพืชเป็นอย่างดีมาตั้งแต่เด็กๆ นอกจากนี้เขายังเรียนรู้การทำสวน และการเลี้ยงผึ้ง
เมนเดลเริ่มต้นการศึกษาขั้นแรกที่โรงเรียนมัธยมในเมืองทรอปโป ในเวลาต่อมา บิดาของเขาได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ทำให้ฐานะทางครอบครัวของเขานั้นยากจนลง เมนเดลต้องลาออกจากโรงเรียนเพื่อช่วยทำงานภายในฟาร์ม และเขาต้องทำงานอย่างหนักจน ล้มป่วย เมื่อเขามีอายุประมาณ 17 ปี
ในที่สุด ครอบครัวของเมนเดลจึงตกลงขายที่ดินของไร่ที่มีอยู่ทั้งหมด และนำเงินมาแบ่งกัน น้องสาวของเขาเห็นว่า เขามีความจำเป็นต้องใช้เงินในการศึกษา เพราะ
เมนเดลเรียนเก่งมาตั้งแต่เด็กๆ เธอจึงมอบเงินส่วนของเธอให้กับเขาเพื่อศึกษาต่อจนจบ แต่เงินที่มีอยู่ก็ยังคงไม่เพียงพอ ในระหว่างเรียนนั้น เมนเดลจึงทำงานไปด้วย ต่อมาใน ภายหลังเมื่อเมนเดลมีงานทำแล้วเขาก็ตอบแทนน้องสาวของ เขาโดยส่งบุตรชายของเธอเรียนจนจบมหาวิทยาลัย
พอเริ่มเป็นหนุ่ม เขาเข้าเรียนที่สถาบันปรัชญาแห่ง โอโลมุทส์ ซึ่งเป็นวิทยาลัยแห่งหนึ่งในมหาวิทยาลัยแห่งโอโลมุทส์ โดยบรรดาอาจารย์สอนหนังสือในสถาบันแห่งนี้จะเป็นพระในนิกายออกัสติเนียน สถาบันแห่งนี้เน้นการเรียนการสอนด้านปรัชญา เทววิทยา วรรณกรรมลาติน ด้านคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ขั้นพื้นฐาน เมนเดลเข้าเรียนที่นี่ในปี ค.ศ. 1840 และเรียนได้เพียงภาคเรียนเดียวแต่ก็ต้องหยุดไปหนึ่งปีเพราะล้มป่วย จากนั้นเขาก็กลับมาเรียนใหม่จนกระทั่งจบการศึกษาในปี ค.ศ. 1843 และเริ่มการฝึกเพื่อเป็นพระ จากการแนะนำของครูวิชาฟิสิกส์ให้แก่เขา เขาจึงได้ไปบวชในนิกายออกัสติเนียน ที่โบสถ์นิกายออกัสติเนียนแห่งเซนต์โธมัส ในบรึนโน ในปี ค.ศ. 1843 ซึ่งเมื่อตอนที่เขาเกิดมานั้นเขา มีชื่อว่าโจฮันน์ เมนเดล แต่พอเมื่อบวชเป็นพระแล้วเขาได้ฉายานำหน้าชื่อเดิมว่า “เกรเกอร์” กลายเป็น “เกรเกอร์ โจฮันน์ เมนเดล” นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ในปี ค.ศ. 1851 เขาถูกส่งตัวไปเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งกรุงเวียนนา และกลับมาทำงานที่โบสถ์เดิมในปี ค.ศ. 1853 เพื่อเป็นครูสอนวิชาฟิสิกส์ เขาสอนอยู่นานถึง 15 ปีและมีผลงานการสอนที่ดีเด่นเป็นที่ยอมรับ
ในการเป็นพระนั้น เขาต้องเดินทางไปในที่ต่างๆ เพื่อเยี่ยมเยียนผู้เจ็บป่วย ด้วยสุขภาพที่ไม่ค่อยแข็งแรงจึงล้มป่วยและถูกเรียกตัวกลับวัด ในเวลาเดียวกันกับที่เขาบวชเป็นพระนั้น เขาก็ได้สอบเพื่อรับประกาศนียบัตรวิชาชีพครูด้วย แต่สอบตก เพราะได้คะแนนวิชาชีววิทยาต่ำ เพราะตอนที่เขาได้สอบเป็นครูประจำตำบลนั้นคณะกรรมการไม่เข้าใจในคำตอบจึงลงความเห็นว่าเมนเดลมีความรู้น้อย จนแทบจะสอบชั้นประถมไม่ได้เลย ทั้งที่ความเป็นจริงเมนเดลมีความรู้ทางวิทยาศาสตร์เป็นอย่างดี
ก่อนที่จะมาเป็น “บิดาแห่งพันธุศาสตร์” ได้นั้น เขาได้รับแรงบันดาลใจจากบรรดาศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยแห่งเวียนนาและเจ้าอาวาสของโบสถ์ คือ ซีริล ฟรานซ แนปป์ ที่สนับสนุนและกระตุ้นให้เขาศึกษาความหลากหลายของพืช และแหล่งที่เป็นสถานศึกษาเกี่ยวกับพืชของเขานั้น นั่นก็คือสวนของโบสถ์นั้นเอง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ปลูกฝังเขามาในด้านนี้คือ การที่เขามีบิดาเป็นชาวไร่ จึงทำให้เขาชอบศึกษาการแพร่พันธุ์ของพืชชนิดต่างๆ
จากการที่เมนเดลเคยทำงานในไร่มาก่อน จึงทำให้เขามีความรู้ด้านพืชเป็นอย่างดี เมนเดลได้ปลูกพืชชนิดต่างๆ เป็นจำนวนมากในสวนหลังโบสถ์ เขาเริ่มสังเกตเห็นความแตกต่างของต้นไม้แต่ละต้นทั้งที่เกิดจากต้นกำเนิดเดียวกันและต่างพันธุ์กัน ดังนั้นเขาจึงเริ่มหันมาให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องพันธุศาสตร์ และเริ่มทำการทดลอง
เขาทำงานในสวนของวัดยามว่างเป็นประจำ ที่นั่นมีพันธุ์พืชมากมายหลายชนิด แต่ละชนิดแตกต่าง หลากหลายอย่าง ความแตกต่างนี้ทำให้เมนเดลนึกสงสัย เขาเกิดความสงสัยว่าอะไรเป็นสาเหตุของสิ่งมีชีวิตทั้งๆที่อยู่ในตระกูลเดียวกันก็ทำให้สี ขนาด
และรูปร่างแตกต่างกันไป อีกทั้งเขาไม่พอใจและไม่เห็นด้วยกับทฤษฏีกำเนิดชีวิตของชาร์ล ดาร์วิน จึงได้เริ่มทำการทดลองด้วยการปลูกถั่วและบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามวิธีการของเขาเอง ระหว่างปี ค.ศ. 1856 ถึงปี ค.ศ. 1863 เขาได้ทดลองเพาะต้นถั่วราว 29,000 ต้น เขาได้ผสมพันธุ์ถั่วเดียวกันและต่างพันธุ์ เป็นจำนวนแตกต่างถึง 22 ชนิดของต้นถั่ว เพื่อศึกษาลักษณะทั้งหมด เป็นเวลารวม 8 ปีเต็ม
สาเหตุที่เขาเลือกต้นถั่วเพื่อการทดลองนี้ เนื่องจากต้นถั่วเป็นพืชล้มลุก ใช้ระยะเวลาในการเจริญเติบโตสั้น และมีพันธุ์ที่แตกต่างกันมากมายหลายพันธุ์ เช่น ชนิดต้นใหญ่ ต้นเตี้ย ส่วนเมล็ดบางชนิดสีเขียว สีเหลือง และสีน้ำตาล ดังนั้นดอกก็ย่อมมีสีที่ แตกต่างกันด้วย เช่นกัน คือ ดอกบางชนิดสีขาว สีม่วงแกมแดง ซึ่งลักษณะของดอกต้นถั่วนี้คือเหตุผลที่สำคัญที่สุดเนื่องจากดอกของต้นถั่วซึ่งเรียกกันตามลักษณะทางพฤกษศาสตร์ว่า ดอกสมบูรณ์เพศ คือ ดอกที่มีทั้งเกสรตัวผู้และตัวเมียอยู่ในดอกเดียวกัน ย่อมเป็นการง่ายต่อการนำมาทดลองซึ่ง ในขั้นต้นเมนเดลได้หว่านเมล็ดพืชลงบริเวณแปลงทดลอง ในเรือนเพาะชำ และปล่อยให้ต้นถั่วผสมพันธ์และเจริญเติบโตกันเองตามธรรมชาติ จากผลการทดลองพบว่าต้นถั่วมีขนาดไม่เท่ากันบางต้นสูง บางต้นเตี้ย อีกทั้งเมล็ดก็มีสีต่างกัน บางต้นเหลืองอ่อน บางต้นสีน้ำตาล การทดลองครั้งแรกจึงไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะเมนเดลไม่สามารถหาข้อสรุปได้
จากนั้นเขาจึงทำการทดลองอีกครั้งหนึ่ง โดยการใช้กระดาษห่อดอกที่ต้องการผสมพันธุ์เพื่อป้องกันไม่ใช้เกิดการผสมพันธุ์กันเอง จากนั้นเมนเดลได้คัดเลือกเกสรของพันธ์ถั่วชนิดต่างๆ ที่มากถึง 7 พันธุ์ มาผสมข้ามพันธุ์กัน โดยการทดลองครั้งนี้เมนเดลได้มุ่งประเด็นไปที่ความสูงและความเตี้ยของต้นถั่วเป็นสำคัญ
เมนเดลนำเกสรตัวผู้ของต้นสูง มาผสมกับเกสรตัวเมียของต้นเตี้ย จากผลการทดลองปรากฏว่าได้พันธุ์ทาง (Hybrid) ที่มีต้นเตี้ยและต้นสูง และไม่มีต้นที่มีความสูงระดับปานกลาง จากนั้นเขาจึงทำให้การทดลองต่อไปโดยการสลับกัน คือ นำเกสรตัวผู้ของต้นเตี้ย มาผสมกับเกสรตัวเมียของต้นสูง จากนั้นเขาได้สลับไปมาระหว่างต้นสูง และต้นเตี้ยกว่า 10 ครั้ง ทำให้เมนเดลมีเมล็ดถั่วจำนวนมาก เมนเดลได้นำเมล็ดถั่วมาทดลองปลูกปรากฏว่าต้นถั่วชุดแรกได้พันธุ์สูงทั้งหมด ตามลักษณะเช่นนี้ เมนเดลได้สันนิษฐานว่า พันธุ์ต้นสูงเป็นลักษณะพันธุ์เด่นที่ข่มพันธ์เตี้ยซึ่งด้อยกว่าไว้
จากนั้นเมนเดลได้ปล่อยให้ต้นถั่วผสมพันธุ์กันเอง และเมื่อเมนเดลเก็บเมล็ดถั่วมาปลูกในปีต่อมา ผลปรากฏว่าในจำนวน 1,064 ต้น เป็นต้นสูง 787 ต้น ต้นเตี้ย 277 ต้น จากสิ่งที่ปรากฏขึ้นทำให้เมนเดลเกิดความสงสัยเป็นอันมาก ดังนั้นเขาจึงทำการทดลองต่อไปในครั้งที่ 3 ซึ่งใช้วิธีการเดียวกับครั้งแรกและครั้งที่ 2 คือ ปล่อยให้ผสมกันเองตามธรรมชาติ ผลปรากฏว่าได้พันธุ์แท้ตามลักษณะของพ่อแม่พันธุ์ คือ ต้นสูงได้ต้นสูง ต้นเตี้ยได้ต้นเตี้ย
จากผลการทดลองหลายครั้งซึ่งในเวลานานหลายปีเขาสามารถสรุปได้ และเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมว่า ลักษณะเด่นและด้อยที่อยู่ในแต่ละพันธุ์จะไม่ถูกผสมกลมกลืน แต่ยังคงเก็บลักษณะต่างๆ ไว้เพื่อถ่ายทอดให้กับลูกหลานภายใน 2-3 ชั่วอายุ ซึ่งลูกที่ออกมาจะเป็นไปในอัตราส่วน พันธุ์เด่น: พันธุ์ด้อย เท่ากับ 3: 1 เสมอ แต่ถ้ามี การผสมข้ามพันธุ์ไปอีกย่อมเกิดความเปลี่ยนแปลงไปอีกเช่นกัน ส่วนนี้เป็นเรื่องของพันธุ์ทาง แต่ถ้าเป็นพันธุ์แท้ คือไม่มีการผสมข้ามพันธุ์แล้วลูกย่อมมีลักษณะเช่นเดียวกับพ่อแม่ แม้จะต่อไปถึง 2-3 ชั่วอายุแล้วก็ตาม
เมนเดลยังคงอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ว่า ลักษณะทางพันธุกรรมที่ว่านี้ถูกกำหนดโดย Heredity Atoms ซึ่งอยู่ภายในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ปัจจุบันรู้จักกันดีในชื่อของ ยีนส์ ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากพ่อแม่ไปยังลูกหลาน โดยหน่วยของยีนส์จะอยู่ในทั้งเซลล์สืบพันธุ์ตัวผู้ และเซลล์สืบพันธุ์ตัวเมีย หลังจากการทดลองและพบความจริงของธรรมชาติเกี่ยวกับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ในสมัยนั้นมีความเชื่อว่า ลูกที่เกิดมาต้องมีรูปร่างหน้าตาเหมือนพ่อแม่ทุกอย่าง เมนเดลสามารถอธิบายให้ เห็นว่าเด็กที่เกิดจากพ่อแม่เดียวกันมีความเหมือนและแตกต่างจากพ่อแม่อย่างไร ปัจจุบันนี้ ทฤษฎีของเมนเดล ช่วยให้เราสามารถผสมพันธุ์พืชและสัตว์ให้ได้พันธุ์ที่ดีตามต้องการ
การบันทึกข้อสังเกตต่างๆ ที่ได้จากการทดลองได้ทำให้เมนเดลพบกฎแห่งพันธุกรรม และเขียนงานวิจัยของเขาเรื่องนี้ออกมาในชื่อว่า “Experiments on Plant Hybridization” และเขาได้นำเสนองานชิ้นนี้ที่การประชุมของสมาคมธรรมชาติวิทยา
แห่งบรุนน์ ในเมืองโมราเวีย เมื่อปี ค.ศ. 1865 และถูกตีพิมพ์ในวารสาร “Proceedings of the Natural History Society of Brünn” เมื่อปี ค.ศ. 1866 แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจมากนัก
และในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็ได้ส่งรายงานการวิจัยฉบับเดียวกันนี้ไปให้ Karl Nageli ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผสมพันธุ์พืชอ่านด้วย แต่เมื่อ Nageli อ่านรายงานของเมนเดลแล้ว เขามีความรู้สึกสงสัยและเคลือบแคลงในผลสรุปของเมนเดลมาก เขาจึงได้เสนอแนะให้เมนเดลทดลองใหม่โดยพืชชนิดอื่นแทน แต่เมนเดลก็มิได้ดำเนินการใดๆ ตามที่ Nageli เสนอ เพราะเขาได้รับการสถาปนาให้เป็นเจ้าอาวาสประจำโบสถ์ที่ภาระงานบริหารได้ทำให้เขาไม่มีเวลาทำการทดลอง
เขาเก็บรายงานการทดลองไว้ในห้องสมุดของวัด และในช่วง 35 ปีต่อมา มีการอ้างอิงถึงผลงานการค้นพบการทดลองของเขาเพียง 3 ครั้งเท่านั้น อีกทั้งงานของเขายังได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ณ เวลานั้น แต่ปัจจุบันงานของเขากลับเป็นผลงานที่มีอิทธิพลอย่างมากในภายหลัง
หลังจากที่เขาทดลองกับถั่วเป็นผลสำเร็จ เขาก็หันมาทดลองกับผึ้ง เพื่อขยายการทดลองของเขาจากพืชไปยังสัตว์ เขารวบรวมราชินีพันธ์ผึ้งจากสายพันธ์ยุโรป อียิปต์ และอเมริกา และทดลองผสมข้ามสายพันธ์กัน แต่ก็ล้มเหลวในการให้คำอธิบายเรื่องกฎพันธุกรรมของผึ้ง เพราะเขาไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมการผสมพันธุ์ของผึ้งนางพญาได้
ในปี ค.ศ. 1868 เขาได้รับการเลื่อนขั้นให้เป็นเจ้าอาวาสของโบสถ์ ทำให้การทดลองทางวิทยาศาสตร์ของเขาต้องยุติลง เพราะภาระงานบริหารได้ทำให้เขาไม่มีเวลาทำการทดลอง น่าเสียดายว่าในช่วงเวลาที่เขามีชีวิตอยู่นั้นผลงานของเขาได้รับการปฏิเสธและไม่เป็นที่ยอมรับในแวดวง จนกระทั่งเขาเสียชีวิตแล้วผลงานของเขาถึงจะได้รับการยอมรับ
ในบั้นปลายของชีวิตนั้น เมนเดลไม่ค่อยมีความสุขนัก เพราะนอกจากเรื่องระหองระแหงกับรัฐบาลแล้ว ยังมีเรื่องแบ่งแยกเชื้อชาติเกิดขึ้น ทำให้ประเทศออสเตรียเกิดปัญหาที่จะมีการแบ่งแยกประเทศ นอกจากนี้สุขภาพของเขาก็แย่ลงด้วยโรคภาวะไตอักเสบ วันที่ 6 มกราคม ค.ศ. 1884 เมนเดลก็เสียชีวิตลงที่โบสถ์นิกายออกัสติเนียนแห่งเซนต์โธมัส ในเมืองบรึนโน ปัจจุบันอยู่ในประเทศเชคโกสโลวาเกีย ด้วยโรคไตอักเสบเรื้อรัง ศพของเขาได้ถูกนำไปฝังที่สุสานใกล้โบสถ์ ในพิธีศพมีสานุศิษย์และชาวบ้านที่ได้เดินทางมาไว้อาลัยแก่เขาในฐานะนักบวชคนหนึ่ง ผู้ซึ่งได้อุทิศชีวิตให้ทานแก่ผู้ยากไร้ นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากว่าหลังจากที่เขาเสียชีวิต เจ้าอาวาสของโบสถ์คนต่อมาได้เผางานเขียนของเมนเดลทั้งหมด
หลังจากนั้น ในปี ค.ศ. 1900 มีนักวิทยาศาสตร์ทำการวิจัยเกี่ยวกับรื่องพันธุกรรม และได้ค้นเจอหนังสือของเมนเดลเกี่ยวกับการทดลองเรื่องถั่วในห้องสมุดเป็นผลงาน ของเมนเดลที่ได้เสนอต่อสมาคมตั้งแต่ปี ค.ศ.1865 ซึ่งการทดลองนี้ได้เป็นส่วนหนึ่งของความลับในการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต รวมถึงมนุษย์ด้วย นอกจากนี้ยังมีบันทึกที่เกี่ยวกับสิ่งอื่นๆ อีกได้แก่การศึกษาชีวิตของผึ้ง ระยะเวลาของการขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ อุณหภูมิประจำวัน ทิศทางของลม และการศึกษาการเจริญเติบโต การขยายพันธ์ของพืชชนิดอื่นๆ ซึ่งนับว่ามีประโยชน์อย่างมากสำหรับวงการวิทยาศาสตร์
นักวิทยาศาสตร์ทั้งสามคนนี้ ต่างก็ได้ทำการทดลองเพื่อพิสูจน์กฎของเมนเดล โดยได้ทดลองตามที่เมนเดลได้กระทำไปแล้ว ผลการทดลองสอดคล้องกับเมนเดลทุกประการ ไม่มีผู้ใดสามารถคัดค้านกฎของเมนเดลได้ นักชีววิทยา ทั้ง 3 คนนี้ ได้ค้นพบหลักการถ่ายทอดกรรมพันธุ์ เช่นเดียวกันโดยเอกเทศ ซึ่งต่อมาเรียกว่ากฎของเมนเดล จากนั้นเป็นต้นมาชื่อของเมนเดล จึงเป็นที่รู้จักกันในนามของบิดาแห่งพันธุศาสตร์
ได้มีการสร้างอนุสาวรีย์เพื่อระลึกถึงเมนเดลขึ้น ที่เมืองบรุนน์ ในวันที่ 2 ตุลาคม ค.ศ. 1910
กฎของเมนเดล
1.กฎแห่งการแยกลักษณะ (Law of Segregation)
2.กฎแห่งการเลือกกลุ่มอิสระ (Law of independent Assortment)
3.กฎแห่งลักษณะเด่น (Law of Dominance)
ความคิดเห็น