คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : จอร์ช สตีเฟนสัน [ผู้ประดิษฐ์รถจักรสำหรับลากเป็นคนแรก]
จากชีวประวัตินักวิทยาศาสตร์ และนักประดิษฐ์ที่ผ่านมา จอร์ช สตีเฟนสัน จะแย่กว่าเพื่อนในด้านการศึกษาเล่าเรียน เพราะครอบครัวของเขายากจน มีลูกก็มาก เมื่อจอร์ช สตีเฟนสันโตพอที่จะช่วยพ่อแม่ได้ เขาทำงานตัวเป็นเกลียว ในขณะที่เด็กรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขาถือหนังสือไปโรงเรียน เขามาเรียนหนังสือเอาตอนที่โตเป็นหนุ่มและมีรายได้เป็นของตัวเอง เรียกว่า เรียนแบผู้ใหญ่ และเวลาเรียนก็ใช้เวลากลางคืน เพราะตอนกลางวันต้องทำงาน แต่ในที่สุด เขาก็กลายเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงจนได้
ผลงานดีเด่นของเขาก็ คือ ประดิษฐ์รถจักรลากขบวนรถได้สำเร็จเป็นคนแรก
จอร์ช สตีเฟนสัน (George Stephenson) เกิดเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ค.ศ.1781 (พ.ศ.2324) ณ ตำบลใกล้เมืองนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ บิดาเป็นกรรมกรถ่านหิน มีบุตรหกคน เมื่อสตีเฟนสันเติบโตก็ช่วยครอบครัวหารายได้ด้วยการรับจ้างเลี้ยงวัวบ้าง จูงม้าบ้าง และขุดผักกาดตามไร่ เมื่ออายุสิบห้าก็โดดขึ้นขับรถบรรทุกหิน ทำงานจนอายุ 21 ปี และมีรายได้สัปดาห์ละ
แม้เขาจะไม่ได้เข้าโรงเรียน แต่ก็ขวนขายหาความรู้ใส่ตัวด้วยตัวเอง เช่นเมื่อตอนที่เขาขลุกอยู่กับรถบรรทุกถ่านหิน เขาก็เรียนกลไกของมันจนสามารถแก้ไขได้ แล้วใช้เวลากลางคืนไปเรียนหนังสือ ศึกษาภาคทฤษฏีในด้านวิศวกรรม มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เครื่องสูบน้ำในบ่อถ่านหินเสีย ไม่มีใครสามารถแก้ไขได้ คงปล่อยให้น้ำท่วมบ่อถ่านหิน สตีเฟนสันจึงอาสาแกไขจนใช้การได้ดี คนงานก็ทำงานต่อไป นายงานให้รางวัลเขา
ในสมัยของจอร์ช สตีเฟนสัน ได้มีวิศวกรพยายามนำประโยชน์ของเครื่องจักรไอน้ำมาใช่ประโยชน์ของเครื่องจักรไอน้ำมาใช้กับรถแทนม้า แต่เมื่อประดิษฐ์ขึ้นมาแล้วก็ใช้การไม่ได้ดี เช่น คักน็อต วิศวกรชาวฝรั่งเศส ได้สร้างรถแล่นด้วยกำลังไอน้ำ แต่พอออกมาแล่นโชว์ รถเกิดแล่นไปชนกำแพงพังทลาย คักน็อตตกใจเลยเลิกสร้างต่อไป อีกคนหนึ่งคือ ซีมินตัน วิศวกรชาวสก็อต ได้สร้างรถที่มีกำลังไอน้ำเช่นเดียวกัน แต่ก็ประสบความล้มเหลว เพราะถนนสู้น้ำหนักของรถไม่ได้ ถนนพัง
ในปี ค.ศ.1800 ริชาร์ด เทรเวธิค วิศวกรอังกฤษ คนเมืองคอนวอล ได้สร้างรถสี่ล้อ กำลังจักรไอ้น้ำเช่นเดียวกัน แต่คราวนี้ใช้การได้ดี จะมีอุปสรรคก็ตรงถนนไม่ดีพอ เพราะไม่สามารถรับน้ำหนักของรถได้ เลยต้องนำไปใช้กับกิจการถ่านหิน โดยสร้างรางเพิ่มเติมและปรับปรุงเสียใหม่ให้แล่นบนรางได้ สตีเฟนสันก็สนใจรถแบบของ ริชาร์ด เทรเวธิค และคิดว่าเขาสามารถที่จะปรับปรุงแก้ไขให้ดีกว่านี้ ซึ่งเขาก็ไม่ได้ฝันลมๆ แล้งๆ เมื่อเขาไปปรารภกับเจ้าของบ่อถ่านหินที่คิลลิงเวิธ ก็ได้รับความเชื่อถือ แถมควักกระเป๋าให้เขายืมไปทดลองอีกด้วย
สตีเฟนสันปลุกปล้ำอยู่ถึงสิบสองเดือน ก็ได้รถจักรที่ใช้ไม้สร้างเป็นตัวรถ ประกอบด้วยล้อเหล็กสี่ล้อ ปล่องไฟรับน้ำหนักบรรทุกได้ 30 ตัน ความเร็วขึ้นเขา
แม้เขาจะประสบความสำเร็จในระยะแรก แต่ก็ยังไม่เป็นที่พอใจของเขา เมื่อมีผู้ว่าจ้างให้เขาสร้างคันต่อๆไป เขาก็ปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นตามลำดับ ต่อมาได้มีผู้ริเริ่มสร้างทางรถไฟใช้แทนการขนส่งสินค้าทางน้ำ คนที่ป็นตัวตั้งตัวตีในเรื่อนนี้คือ เอ็ดเวิร์ด พิส เขาวิ่งเต้นให้การสร้างทางรถไฟระหว่างเมืองสต็อกตัน และเมืองดาร์ลิงตัน โดยให้รัฐสภาออกกฎหมายให้สร้างทางรถไฟ เมือสตีเฟนสันรู้เรื่องนี้ เขาก็ไปพบกับเอ็ดเวิร์ด พิส พูดจาให้มาดูรถจักรของเขา เอ็ดเวิร์ด พิส ก็ไปดูและพอใจ ว่าจ้างให้เขาสร้างรถจักร เป็นจำนวน ปีละ 300 ปอนด์ สตีเฟนสันต้องทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย เพราะเขาไม่มีผู้ช่วยทางด้านทางด้านเทคนิค มีแต่กรรมกรที่ใช้แรงงานที่เขาว่าจ้างมา วันที่ชาวอังกฤษได้เห็นรถไฟคันแรกคือวันที่ 27 กันยายน ค.ศ.1825 (พ.ศ.2368) ปรากฏในวันนั้นชาวบ้านแตกตื่นกันมาดูรถไฟคันแรกกันเนื่องแน่น ซึ่งเริ่มออกจากเมืองดาร์ลิงตน โดยมีคนขี่ม้านำหน้ารถไฟ จอร์ช สตีเฟนสัน ทำหน้าที่ขับรซึ่งมีอัตราเร็วชั่วโมงละ
เมื่อผู้คนแลเห็นประโยชน์ของรถไฟ ก็ไดมีการสร้างทางรถไฟเพิ่มขึ้น แต่ก็พบอุปสรรคอย่างรุนแรงจากพวกถ่วงความเจริญ ได้แก่เจ้าพวกเจ้าของคลองที่เก็บผลประโยชน์จากเรืองที่บรรทุกสินค้าและผู้โดยสารผ่าน เจ้าของรถม้า เจ้าของที่ดินและเจ้าของไร่นา พวกนี้รวมหัวกันคัดค้านไม่ให้รัฐสภาอกกฎหมายว่าด้วยการสรางทางรถไฟออกมาให้ขัดผลประโยชน์ของตนได้ รัฐสภาต้องเรียกตัวสตีเฟนมาชี้แจงผลได้ผลเสียของรถไฟให้เป็นที่เข้าใจแจ่มแจ้ง สตีเฟนสันไม่เคยผ่านการศึกษาขั้นหาวิทยาลัย ไม่เคยผ่านสถาบันฝึกการพูด แต่ต้องมาเผชิญหน้ากับคนหัวสูง เช่น นายทหารและนักการเมือง เขาจึงหนักใจมากแต่ก็ไม่ถอยเขาปักหลักสู้กับคารมคมคายของพวกที่มีการศึกษาสูงๆ ตอบโต้คำถาม และชี้แจงปัญหาต่างๆ ที่ยังไม่มีใครเข้าใจโดยแจ่มแจ้ง และเรื่องที่เขาเน้นหนักก็คือ ผลประโยชน์อังเอกอุของรถไฟ ในที่สุดเขาก็เป็นฝ่ายชนะรัฐสภาอังกฤษประกาศใช้กฤษฎีกาการจัดสร้างทางรถไฟได้ในปี ค.ศ.1826 (พ.ศ.2369)
ทางรถไฟที่สร้างสายต่อมาก็คือ สายลิเวอร์พูล-แมนเชสเตอร์
และรถไฟสายนี้มีความเร็วสูงสุดชั่วโมงละ
ไม่เพียงแต่ จอร์ช สตีเฟนสัน จะเป็นผู้สร้างหัวรถจักรอย่างเดียว เขายังเป็นผู้ควบคุมทางรถไฟอีกหลายสาย ซึ่งบางครั้งต้องควบคุมการวางรางถึง 5 สายด้วยกัน โดยมีบุตรชาย คือ ริชาร์ด สตีเฟนสัน เป็นผู้ช่วย ในระยะหลังๆ เขาไม่จำเป็นต้องลงมือสร้างหัวรถจักรเอง เพราะมีผู้ช่วยแล้ว ก่อหน้าที่เขาจะถึงแก่กรรม อังกฤษก็มีทางรถไฟเชื่อมเมืองต่างๆเกือบทั่วประเทศแล้ว และประเทศอื่นๆก็กำลังเร่งเจริญรอยตามอังกฤษ นับว่าเขาเป็นผู้บุกเบิกการรถไฟเป็นคนแรกของโลก
เขาจบชีวิตลงอย่างสงบเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ.1848 (พ.ศ.2391) ที่บ้านไร่ของเขาในเชสเตอร์ฟิลด์ รวมอายุได้ 71 ปี ผู้รับมรดกสืบต่อจากเขาคือ ริชาร์ด สตีเฟนสัน บุตรชายผู้ให้กำพร้ามารดามาตั้งแต่เยาว์
ความคิดเห็น