ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในแบบฉบับที่คุณ(ไม่)รู้จัก

    ลำดับตอนที่ #3 : มารู้จักกับ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก

    • อัปเดตล่าสุด 29 มิ.ย. 56



                    เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกนั้นไม่ได้มีเพียงแค่เจ็ดอย่างอย่างที่หลาย ๆ คนเข้าใจ แท้จริงแล้ว มันมีถึง สามยุคด้วยกัน นั่นก็คือ ยุคใหม่ ยุคกลางและยุคโบราณนั่นเอง แต่ก็มีสถานที่ที่สวยงามหรือธรรมชาติอันน่าอัศจรรย์อีกหลายแบบที่ถูกกำหนดให้เป็นเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกประจำแต่ละประเทศ

    เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก (Seven Wonders of the World) คือ สิ่งก่อสร้างที่มีความยิ่งใหญ่และโดดเด่น ทั้งหมด 7 แห่งด้วยกัน โดยมีการกล่าวถึงครั้งแรกในงานของเฮโรโดตุส มื่อราว 5 ศตวรรษก่อนคริสตกาล ในที่นี้หมายความว่า มันได้ถูกกล่าวขานมาก่อนแล้วในอดีต

    เรื่องประวัติของเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยังไม่เป็นที่แน่ชัดนัก แต่ก็ได้มีการจัดตั้งองค์กรของสวิตซ์The New Open World Corporation (NOWC) และทำการบัญญัติเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคใหม่ ซึ่งผลสรุปสุดท้ายได้ประกาศเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 ที่สนามเฟนิกา สเตเดียม ณ กรุงลิสบอน  นครหลวงของประเทศโปรตุเกส โดยไม่เรียงตามลำดับคะแนน อย่างไรก็ตามเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ชุดนี้ไม่ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก
    ซึ่งมีดังนี้
    1. ซีเซนอิตซา เมืองยูกาตัน ประเทศเม็กซิโก - การบวงสรวง ความรู้
    2. รูปปั้นพระเยซูคริสต์ เมืองริโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล - การต้อนรับ การเปิดกว้าง
    3. กำแพงเมืองจีน ประเทศจีน - ความมานะ ความคงทน
    4. บาชูบิกชู เมืองกุสโก ประเทศเปรู - อารยธรรมชุมชน การอุทิศ
    5. เปตรา ประเทศจอร์แดน - วิศวกรรมศาสตร์ การรักษา
    6. โคลอสเซียม กรุงโรม ประเทอิตาลี - ความสนุก ความทุกข์
    7. ทัชมาฮัล เมืองอัคระ ประเทศอินเดีย - ความรัก ความหลงใหล

    โดยสถานที่ที่ประกาศไปข้างต้นนั้น คือ เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคใหม่

     

    ก็จบไปแล้วกับที่มาของเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์พันธุ์ลึกที่เกิดขึ้นในครั้งล่าสุด (ค.ศ.2007) แต่ในอดีตนั้นก็ได้มีการก่อตั้งเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกเช่นกัน

    สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง เป็นสิ่งก่อสร้าง อายุตั้งแต่ คริสตศตวรรษที่ 5 - คริสตศตวรรษที่ 16 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกสมัยกลาง ถูกจัดขึ้นมาและเป็นที่ยอมรับกันแพร่หลาย หลังจากมีการตั้งข้อสังเกตว่า  7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกสมัยโบราณแทบทั้งหมด ยกเว้นพีระมิด ล้วนแต่เสื่อมโทรมเสื่อมสลายไปหมดสิ้น เหลือเพียงร่องรอยหลักฐาน หรือแบบจำลองเท่านั้น สิ่งมหัศจรรย์ของโลกสมัยกลาง จึงล้วนแต่ยังดำรงอยู่เป็นหลักฐานให้ศึกษากันในปัจจุบัน ถึงแม้จะเสื่อมโทรมไปบ้างตามกาลเวลา   ซึ่งมีดังต่อไปนี้
    1.หอเอนเมืองปิซา
    2.สนามกีฬากรุงโรม
    3.สุสานแห่งอเล็กซานเดรีย
    4.สุเหร่าเซ็นโซเฟีย
    5.กำแพงเมืองจีน
    6.เจดีย์กระเบื้องเคลือบนานกิง
    7.กองหินประหลาดสโตนเฮนจ์

    โดยสถานที่ที่ประกาศไปข้างต้นนั้นคือ “เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง”

     

    เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ( Seven Wonders of the World )  คือสิ่งที่ก่อสร้างที่ได้รับการยอมรับว่าเป็น
    สิ่งยิ่งใหญ่และมีความโดดเด่น  สำหรับสิ่งก่อสร้างที่มหัศจรรย์สมัยโบราณ อายุตั้งแต่ 5,000 ปีก่อนคริสต์กาล 
    - ค.ศ. 500  ประมวลและจัดโดยนักปราชญ์กรีก ชื่อ แอนติเพเตอร์( Antipater ) แห่งไซดอน ( Sidon )  ใน
    ศตวรรษที่สอง ก่อนคริสตกาล  สิ่งมหัศจรรย์เหล่านี้ล้วนเป็นอาคารหรืออนุสาวรีย์ขนาดมโหฬาร และที่จัดใว้ 
    7 อันดับ ก็เพราะ เลข 7 นั้นกรีกถือว่าเป็นเลขที่ศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง

    สิ่งมหัศจรรย์ของโลก 7 อย่าง สมัยโบราณเป็นผลงานของมนุษย์ทางด้านวิศวกรรม สถาปัตยกรรมและ
    ศิลปะชวนพิศวง จากยุคสมัยแรกเริ่มอารยธรรมของโลกในแถบลุ่มแม่น้ำไนล์ ในอียิปต์ ถึงยุคความรุ่งเรืองของ
    อารยธรรมกรีกโบราณ และยุคสมัยอาณาจักรโรมันเรืองอำนาจ สิ่งมหัศจรรย์ของโลกดึกดำบรรพ์นั้น บัดนี้เหลือ
    ให้เห็นเพียงแค่พีระมิดของอียิปต์ แต่อีก 6 สิ่งนั้น ไม่มีปรากฎให้เห็นแล้ว สิ่งมหัศจรรย์ของโลกสมัยโบราณ ได้แก่
    1.พีระมิดแห่งเมืองกิซา
    2.มหาวิหารอาร์เทมีส
    3.สุสานของกษัตริย์โมโซรุส
    4.สวนลอยแห่งกรุงบาบิโลน
    5.เทวรูปเทพเจ้าซีอุส
    6.เทวรูปเทพเจ้าเฮลิออส
    7.หอประภาคารโรส

    โดยที่ประกาศไปข้างต้น คือ “เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคโบราณ”




     


    CRY .q
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×