ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่1 รัตติกาน...จะต้องไม่มืดมิด
ตอนที่1 รัตติกาล...จะต้องไม่มืดมิด
แสงเหลืองทองอร่าม ทอสีประกาย ค่อยๆเลือนลาง เหมือนโดนผืนแผ่นดินกลืนกินไปทีละนิด เจ้านกสีดำบินว่อนเต็มท้องฟ้า ร้องกาๆ บินตามกันไป มันเป็นช่วงเวลาที่ช่างอ่อนไหวและหวาเหว่
เสียงลมพัดดังผ่านหู บรรยากาศหนาววนอยู่รอบตัว มันทำให้สองมือต้องมาประสานกอดกันไว้ที่อกเล็กๆ
"หื้้อ..."เสียงถอนหายใจหนัก เต็มปอด ความรู้สึกเหมือนโลกใบนี้มันมีแค่อากาศกับแผ่นดินที่พอให้มนุษย์หายใจและมีที่ยืนไปวันๆ
ดวงตากลมโตมองดวงอาทิตย์อย่างพลิ้วไหว อยากจะรั้งมันไว้ให้หยุดแค่นี้ หยุดหายไปทีละนิด อยู่แบบนี้ตลอดไป อย่าให้โลกมันมืดไปกว่านี้เลย
สองมือที่หน้าอกประสานกันแน่นขึ้นดวงตาเริ่มหย่อนลงและปิดสนิทท่ามกลางสนามหญ้ากว้างขวาง เมื่อเทียบกับร่างเล็กๆที่นอนหงายอยู่และดูเหมือนจะเผลอหลับไป
..........ตื๊ดด....ตื๊ดด....ตื๊ดด..............
"ฮัลโหล"มือซ้ายล้วงไปหยิบโทรศัพย์ใส่กระเป๋าอย่างสะลึมสะลือ และดวงตากลมๆคู่ั้นัั้นยังปิดอยู่
"กาล อยู่ไหนหน่ะ"ได้ิยินเสียงก็จำได้ว่าเป็นใครโดยไม่ต้องเปิดตาออกมาดูเบอร์ เสียงหญิงสาวสุดสวย แม่บังเกิดเกล้าผมเอง
"อยู่ สนามหญ้าฮะแม่"เสียงผมคงไม่ต่างจากคนเมา ก็ตอนนี้สภาพมันเหมือนคนยังไม่ตืนนี่หน่า ปกติแม่ก็ไม่โทรหาเท่าไร ทำไมวันนี้โทรมาได้ก็ไม่รู้
"กลับบ้านเลยน่ะ ดึกมากแล้ว ไปทำไรอยู่อัันตรายนะกาล"สิ้นสุดเสียงบ่นของแม่ มันทำให้ผมหัวใจวูบวาบ ผมค่อยๆลืมตาที่ละนิด นิด นิด บ้าจริง ลืมตาแล้วทำไมยังมืดอยู่ อย่าบอกนะว่า ผมเอาโทรศัพย์ออกจากหูมาดูเวลาทั้งๆที่ยังไม่ได้ตัดสายจากแม่
20.20 น.เมื่อรู้เวลาทำให้ผมตกใจไม่น้อย
"แม่ๆๆ เดียวกาลรีบกลับนะฮะ แค่นี้นะฮะ"ผมเอาโทรศัพย์แนบหูคุยกับแม่ต่อ ด้วยความตกใจความมืดมันทำให้ผมคิดอย่างเดียวตอนนี้คือ กลับบ้าน!
"ให้พ่อไปรับไหม"ผมลุกขึ้นยืนแต่หน้าเกือบจะคว่ำลงพื้น มันปรับสายตาไม่ทัน ขอให้เวลาสัก3นาที
"ไม่เป็นไรฮะ แม่ เดี๋ยวกาลกลับเองนะฮะ นิดเดียวเอง"พ่อผมไม่ได้มีเวลาว่างเหมือนผมหนิ พ่อผมทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน จะให้ออกมารับผมเองผมว่าอย่าเลย (แอบคิดว่าตัวเองเป็นเด็กดีนิดนึง)
"งั้้น รีบมานะกาล มีไรโทรมาหาแม่น่ะ"
"ฮะ แม่ แค่นี้แหละครับ"กว่าแม่จะวางไปสายตาผมก็พอจะปรับให้เห็นแสงสว่างได้บ้าง แต่โชคดีทางข้างหน้าเป็นถนนที่สว่าง ก่อนอื่นผมต้องมุ่งหน้าไปยังตรงนั้นซะก่อน
ผมเดินฝ่าความมืดไปหาแสงตรงหน้า นี่แหละคือตัวผมผมไม่ชอบความมืดมิด เพราะมันน่ากลัว มันหวาเหว่ และมันดูไม่มีจุดหมายปลายทาง แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะมันก็น่าขำอยู่ดี ถ้าบอกว่าคนอย่างผมชื่อ "รัตติกาน" ซึ้งแปลว่าความมืด มันช่างเป็นชื่อที่ไม่เข้ากะไอคนอย่างผมใช่ไหมล่ะ ใครตั้งให้ผมก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าชื่อนี้ผมได้มาตั้งแต่เด็กจนตอนนี้ ม.5แล้ว ผมยังไม่ยักจะชอบมันสักนิดเดียว
ผมเดินเข้ามาในแสงสว่างริมถนน ที่เป็นทางกลับบ้านผม เดียวก็เลี้ยวขวา ซ้าย ซ้าย ซ้าย ขวา ก็ถึงบ้านผม ขอแค่มีแสงสว่างแม้มันจะไกลไปหน่อยผมก็ยอม
โอเค ผมเจอโค้งแรกแล้วเลี้ยวขวาสินะ (เดินนะฮะไม่ใช่ขี่รถ)
ปึ็ก.....ผมจนอะไรเข้าอย่างจังมันทำให้ผมร่วงนั่งกับพื้น รู้สึกปวดสะโพกแบบชาๆ ไอสิ่งตรงหน้าที่ผมชนมันไม่ได้แรงขนาดที่ผมล้มหรอกน่ะ แต่ด้วยความตกใจหรืออะไรหลายๆอย่างมันทำให้ผมเจ็บตัวแบบนี้
เหมือนผมจะรู้ว่าไอสิ่งที่ชนผมมันคืออะไร มือของใครคนนึงยื่นมาตรงหน้าผมที่กำลังนั่งอยู่ที่พื้นริมถนน อย่างน้อยเขาก็มีน้ำใจที่ชนผมแล้วยังจะช่วยพยุงผมขึ้น
ผมค่อยๆยื่นมือไปจับมือนั่นเพื่อที่จะยอมรับการช่วยเหลือ "ขอบคุณฮ่ะ"แต่สิ้นคำขอบคุณ มือนั้นก็โดนเจ้าของดึงกลับไปทั้งๆที่ผมยังไม่ได้แตะเลย
"ช้าว่ะ จะลุกก็ให้มันรีบๆแม่งลีลา"เสียงหนักๆตรงหน้าพูดขึ้นแล้วเดินผ่านทางขวาผมไปทั้งๆที่ผมยังไม่ได้ลุก คิดผิดจริงๆที่ิคิดว่าเชามีน้ำใจ
ผมรู้สึกโกรธเข้าสมอง ทำให้เกิดพลังช้างสารโดยไม่รู้ตัว ลุกขึ้นเองโดยอัตโนมัติ แล้วหันขวาไปหาที่ไอบ้านั่นเดินไป
แต่มันไวจริงๆเผลอเดียวจะเดินข้ามถนนแล้ว ผมจะช้าไม่ได้เรื่องนี้ต้องเคลีย เจ็บขาก็ต้องสู้ละงานนี้ ผมรีบเดินจ้ำเท้าไปก่อนที่มันจะข้ามถนนไป
ปึ๊กกก....ผมใช้แรงที่สุดจะมากมายของผม(หรอ)ผลักอย่างจังเข้าแผ่นหลังจากมันที่เดินอยู่ (เชิงหาเรื่องต่อย)ถึงมันจะสูงกว่าผม ตัวโตกว่าผมแต่ผมไม่กลัวหรอก(ความโกรธเข้าตา)
ดูเหมือนร่างมันจะแค่ขยับนิดเดียว ไม่เหมือนโดนผลักเต็มแรงมันแสดงถึงการดูถูกแรงที่ผมทุ่มไปมากจริงๆ
และแล้วไอคนตรงหน้ามันก็หันหน้ามา จ้องหน้าผมตาเขม็งเงยหน้าเชิงกวน มันทำให้ผมต้องจ้องมันกลับไปแต่ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ผมจ้องมันหรือผมเคลิ้มไปกับหน้าตาของมัน
คิ้วดกหนา จมูกโด่ง ดวงตามีเสน่ห์ 9ล9 กันเลยทีเดียว คนบ้าไรครบเครื่องแบบนี้ว่ะเนี่ย (นี่อาจเป็นครั้งแรกที่ผู้ชายทำให้ผมเคลิ้ม)
ปี๊ดๆ แป๊ดๆ..........เสียงแตรรถที่แล่นผ่านทำให้ผมมีสติอีกครั้ง
"นี่มึงหาเรื่องหรอ"มันเอามือเท้าสะเอวพูดเสียงเข้มอ้าปากนิดนึง เงยหัวนิดหน่อย แถวบ้านเรียกหาเรื่อง
"ไอคน ไม่มีน้ำใจ"ผมพยายามทำท่าให้คล้ายมันมากที่สุด ยกมือขึ้น อ้าปาก เงยหน้านิดนึงเพราะผมคิดว่าท่าที่มันทำ เท่ดี
หลังจากที่ผมทำท่าให้เจ๋งเหมือนมัน มันก็มองผมตั้งแต่หัวลงมาจรดเท้า "โทดที กระเทยกูก็ไม่เว้นนะ อย่าหาเรื่อง"
"ใครกระเทย"ผมสวนทันควัน เพราะเมื่อผมหันซ้ายหันขวาแล้วก็ไม่มีคนเดินผ่านเท่าไร จะมีก็แค่รถที่วิ่งแล่นสวนไปมา
มันเดินเข้ามาใกล้ผมอีกนิด ยกนิ้วชี้้จิ้มที่หน้าผากผม "ก็มึงไง" ได้ยินคำนี้ผมถึงกับต้องปิดมือมันที่อยู่ที่หน้าผาก นี่มันกล้าเล่นหัวเลยหรอ แต่ช่างเหอะ ต้องเคลียเรื่องกระเทยก่อน
"กูเหมือน??"
"เออ หน้ามึงก็ให้แล้วน่ะแล้วมึงทำท่าแบบนี้อีกแม่งกระเทยทีมชาติ"มันพูดส่ายหน้าเล็ก แต่ความโกดของผมมันไม่เล็กแล้ว เรื่องนี้คือเรื่องใหญ่สำหรับผม ผมโดนว่าแบบนี้มาบ่อยนะสิ ทั้งที่ผมแมนทั้งแท่ง
"งั้นมึงก็กระเทยโอลิมปิก เพราะมึงทำท่าเหมือนกับกู"ผมเบะปาก เชิงท้าทายเราทำท่าเหมือนกัน ถ้าผมเป็นมันก็คงไม่เหลือ
มันทำท่าซ้ายหลี่นิดหน่อยแล้วดูผมไม่ต่างจากครั้งแรก"ฮึๆ ก่อนจะพูดอ่ะ มึงดูสารรูปมึงกะกูดิ๊"
"ทำไม ทำม่ะ"ผมมองมันกลับ
"ก็มึงมัน ตัวเล็ก เรียว แต่กูไม่เหมือนมึง กลับไปส่องกระจกที่บ้านแล้วดูตัวเองซะไอเตี่้ย"มันเอามือที่เท้าสะเอวลง
"กูไม่ได้เตี้ย แต่มึงอะสูง"ผมพูดคำว่าเตี้ยให้เบาที่สุด ส่วนคำว่าสูงผมขอพูดเน้นๆ
"เห่อ เบือว่ะ ไอพวกไม่ยอมรับความจริง"มันหันหลังให้ผมอีกครั้ง หันซ้ายหันขวาพอไม่มีรถมันก็ก้าวขาข้ามถนนแต่ผมไม่ยอมหรอก ต้องได้ยินคำว่าขอโทษจากปากมันให้ได้
ผมลากสังขารเท้าที่เจ็บแล้วเริ่มจะดีขึ้นเดินตามมันข้ามถนนไป มันก็เดินไวไม่เลิกผมต้องรีบเดินตามมันให้ทัน
"ทำผิดแล้วจะหนีหรอ นี่หรอลูกผู้ชาย"ผมออกเสียงไปอย่างดัง เพราะกลางถนนแบบนี้ เวลานี้รถมันเยอะชะมัดเสียงดังมากๆ แต่ถึงผมจะแหกปากแค่ไหน ไอร่างสูงตรงหน้า ก็เดินไม่ยอมหยุดเหมือนจะไม่สนใจ
"นี่ไอบ้า มาขอโทษกันก่อนดิ"ผมด่าทั้งๆที่รู้สึกว่าตัวเองบ้ามากกว่าเพราะเหมือนพุดอย่าคนเดียวกลางถนนแบบนี้
ปี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!........................
แสงแสดส่องจัดมาทางขวาผม มันทำให้ผมต้องหรีตาแล้วหันไปมอง รถเก๋งคันหนึ่งมัันพุ่งมาหาร่างผม ผมคงไม่รอด แม่ครับพ่อครับบ มันกลัวจนขยับตัวหลบไม่ได้รถก็ใกล้เรามาแล้ว ผมกลัวจนต้องหลับตาปี๋ยืนรอความตาย
ปึกก...คระๆๆๆ.................ทำไมรถชนนุ่มจังรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังกอดหมอนข้างกลิ้งบนที่นอน
โครม.........
"โอ๊ยย!"ผมหยุดกลิ้งแล้วเหมือนถูกอะไรหยุดไว้ แต่ทำไมถึงได้เสียงของไอบ้านั่นข้างหูแบบนี้ ขนาดเราตายยังเคืองเรื่องคำขอโทษจากไอบ้านั่นอยู่หรอ ว่าแต่ทำไมความตายมันอุ่นดีจัง หรือผมยังไม่ตาย!
ตาผมค่อยๆลืม แต่สิ่งแรกที่เห็นทำให้ผมตาโตขึ้นมาทันที ใบหน้าที่มีเลือดเยอะไหลออกมาจากหัว มันห่างจากหน้าของผมไม่กี่เซน และหน้านั่นก็ไม่ใช่ใบหน้าของใคร แต่เป็นหน้าของไอบ้าที่ผมพยายามทำให้มันขอโทษผม
มันทำหน้ามึนๆเจ็บๆแขนของมันกอดรวบผมไว้ ตอนนี้เรานอนกอดกันติดฟุตบาตข้างถนน เหมือนว่าหมอนข้างที่่ผมกอดคือมัน เตียงที่ผมว่าคือถนน แล้วสิ่งที่ทำให้ผมหยุดกลิ้งคือฟุตบาตที่หัวไอบ้าชนจนแตก
"บ้า ช่วยกูหรอ"ผมถามเสียงสั้นๆด้วยความตกใจ มันลุกไม่ขึ้นเลยถามมันทั้งๆที่นอนอยู่อย่างนั้น
"กูไม่ได้อยากช่วยหรอก แต่ตัวกูวิ่งเข้าไปเอง"ถึงมันจะไม่ใช่คำตอบที่ดี แต่ผมก็กลับรู้สึกดีมันน้ำตามันจะไหล ยิ่งมองเลือดที่หัวมันยิ่งทำให้อยากจะร้อง
ผมเอาแขนออกจากมือมันที่รวบแขนผมไว้่ ค่อยๆยื่นไปจับหัวของมัน "เจ็บไหม?" ผมถามเมื่อเลือดมันไม่หยุดไหล
"ไม่เจ็บ"มันตอบตรงข้ามกับสีหน้าที่แสดงออกมา
"ไปโรงพยายาบาล"ผมลุกขึ้นได้ในที่สุดพยุงตัวมันขึ้น แต่มันก็ยืนได้ปกติเพราะมันเจ็บที่หัวส่วนตรงอื่นไม่เป็นอะไร
มันไม่พูดอะไรกลับทำหน้าเฉยด้วยซ้ำไปผมเบิกมือเรียกแทกซี่ คันหนึ่งแล้วถอดเอาเสื้อหนาวที่ผมใส่อยู่มาซับเลือดให้มันไปก่อนกว่าจะถึงโรงพยาบาล
มันไม่ร้องโอ๊ย เหมือนมันไม่มีแผล หน้ามันนิ่่งเฉยซะส่วนใหญ่ แต่ผมเต็มใจทำให้มันในเรื่องนี้เพราะมันช่วยผมเอาไว้
ณ โรงพยาบาล
เมื่อทำแผลเสร็จ ผมก็ทิ้งให้มันอยู่ในห้องพยาบาลส่วนผมก็ออกมาดูเรื่องค่าใช่จ่ายและผลการตรวจเพื่อรับยา
-นายทิวา เทพวงศกร- ชื่อของมันคือ ทิวา ชื่อเพราะดีเนอะ ช่างตรงข้ามกับ รัตติกาลที่เป็นชื่อของผม
เมื่อรับผิดชอบทุกอย่างเสร็จ ต่อไปก็ไปซื้อข้าวต้ม มาให้มันที่ห้อง แล้วก้โทรบอกแม่ว่านอนบ้านเพื่อน เพราะคืนนี้จะต้องนอนเฝ้ามัน เพราะหมอบอกว่าต้องรอดูอาการอีกนิดนึง ถึงจะเบื่อแต่ผมก็เต็มใจทำ เพราะถ้ามันไม่ช่วยผม ผมคงตายไปแล้ว
.............................................................
ทิวา-รัตติกาน
เม๊นหน่อยน่ะ TT กลัวไม่มีใครเม๊น จบตอนแรกจะได้มีตอนสอง
แสงเหลืองทองอร่าม ทอสีประกาย ค่อยๆเลือนลาง เหมือนโดนผืนแผ่นดินกลืนกินไปทีละนิด เจ้านกสีดำบินว่อนเต็มท้องฟ้า ร้องกาๆ บินตามกันไป มันเป็นช่วงเวลาที่ช่างอ่อนไหวและหวาเหว่
เสียงลมพัดดังผ่านหู บรรยากาศหนาววนอยู่รอบตัว มันทำให้สองมือต้องมาประสานกอดกันไว้ที่อกเล็กๆ
"หื้้อ..."เสียงถอนหายใจหนัก เต็มปอด ความรู้สึกเหมือนโลกใบนี้มันมีแค่อากาศกับแผ่นดินที่พอให้มนุษย์หายใจและมีที่ยืนไปวันๆ
ดวงตากลมโตมองดวงอาทิตย์อย่างพลิ้วไหว อยากจะรั้งมันไว้ให้หยุดแค่นี้ หยุดหายไปทีละนิด อยู่แบบนี้ตลอดไป อย่าให้โลกมันมืดไปกว่านี้เลย
สองมือที่หน้าอกประสานกันแน่นขึ้นดวงตาเริ่มหย่อนลงและปิดสนิทท่ามกลางสนามหญ้ากว้างขวาง เมื่อเทียบกับร่างเล็กๆที่นอนหงายอยู่และดูเหมือนจะเผลอหลับไป
..........ตื๊ดด....ตื๊ดด....ตื๊ดด..............
"ฮัลโหล"มือซ้ายล้วงไปหยิบโทรศัพย์ใส่กระเป๋าอย่างสะลึมสะลือ และดวงตากลมๆคู่ั้นัั้นยังปิดอยู่
"กาล อยู่ไหนหน่ะ"ได้ิยินเสียงก็จำได้ว่าเป็นใครโดยไม่ต้องเปิดตาออกมาดูเบอร์ เสียงหญิงสาวสุดสวย แม่บังเกิดเกล้าผมเอง
"อยู่ สนามหญ้าฮะแม่"เสียงผมคงไม่ต่างจากคนเมา ก็ตอนนี้สภาพมันเหมือนคนยังไม่ตืนนี่หน่า ปกติแม่ก็ไม่โทรหาเท่าไร ทำไมวันนี้โทรมาได้ก็ไม่รู้
"กลับบ้านเลยน่ะ ดึกมากแล้ว ไปทำไรอยู่อัันตรายนะกาล"สิ้นสุดเสียงบ่นของแม่ มันทำให้ผมหัวใจวูบวาบ ผมค่อยๆลืมตาที่ละนิด นิด นิด บ้าจริง ลืมตาแล้วทำไมยังมืดอยู่ อย่าบอกนะว่า ผมเอาโทรศัพย์ออกจากหูมาดูเวลาทั้งๆที่ยังไม่ได้ตัดสายจากแม่
20.20 น.เมื่อรู้เวลาทำให้ผมตกใจไม่น้อย
"แม่ๆๆ เดียวกาลรีบกลับนะฮะ แค่นี้นะฮะ"ผมเอาโทรศัพย์แนบหูคุยกับแม่ต่อ ด้วยความตกใจความมืดมันทำให้ผมคิดอย่างเดียวตอนนี้คือ กลับบ้าน!
"ให้พ่อไปรับไหม"ผมลุกขึ้นยืนแต่หน้าเกือบจะคว่ำลงพื้น มันปรับสายตาไม่ทัน ขอให้เวลาสัก3นาที
"ไม่เป็นไรฮะ แม่ เดี๋ยวกาลกลับเองนะฮะ นิดเดียวเอง"พ่อผมไม่ได้มีเวลาว่างเหมือนผมหนิ พ่อผมทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน จะให้ออกมารับผมเองผมว่าอย่าเลย (แอบคิดว่าตัวเองเป็นเด็กดีนิดนึง)
"งั้้น รีบมานะกาล มีไรโทรมาหาแม่น่ะ"
"ฮะ แม่ แค่นี้แหละครับ"กว่าแม่จะวางไปสายตาผมก็พอจะปรับให้เห็นแสงสว่างได้บ้าง แต่โชคดีทางข้างหน้าเป็นถนนที่สว่าง ก่อนอื่นผมต้องมุ่งหน้าไปยังตรงนั้นซะก่อน
ผมเดินฝ่าความมืดไปหาแสงตรงหน้า นี่แหละคือตัวผมผมไม่ชอบความมืดมิด เพราะมันน่ากลัว มันหวาเหว่ และมันดูไม่มีจุดหมายปลายทาง แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะมันก็น่าขำอยู่ดี ถ้าบอกว่าคนอย่างผมชื่อ "รัตติกาน" ซึ้งแปลว่าความมืด มันช่างเป็นชื่อที่ไม่เข้ากะไอคนอย่างผมใช่ไหมล่ะ ใครตั้งให้ผมก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าชื่อนี้ผมได้มาตั้งแต่เด็กจนตอนนี้ ม.5แล้ว ผมยังไม่ยักจะชอบมันสักนิดเดียว
ผมเดินเข้ามาในแสงสว่างริมถนน ที่เป็นทางกลับบ้านผม เดียวก็เลี้ยวขวา ซ้าย ซ้าย ซ้าย ขวา ก็ถึงบ้านผม ขอแค่มีแสงสว่างแม้มันจะไกลไปหน่อยผมก็ยอม
โอเค ผมเจอโค้งแรกแล้วเลี้ยวขวาสินะ (เดินนะฮะไม่ใช่ขี่รถ)
ปึ็ก.....ผมจนอะไรเข้าอย่างจังมันทำให้ผมร่วงนั่งกับพื้น รู้สึกปวดสะโพกแบบชาๆ ไอสิ่งตรงหน้าที่ผมชนมันไม่ได้แรงขนาดที่ผมล้มหรอกน่ะ แต่ด้วยความตกใจหรืออะไรหลายๆอย่างมันทำให้ผมเจ็บตัวแบบนี้
เหมือนผมจะรู้ว่าไอสิ่งที่ชนผมมันคืออะไร มือของใครคนนึงยื่นมาตรงหน้าผมที่กำลังนั่งอยู่ที่พื้นริมถนน อย่างน้อยเขาก็มีน้ำใจที่ชนผมแล้วยังจะช่วยพยุงผมขึ้น
ผมค่อยๆยื่นมือไปจับมือนั่นเพื่อที่จะยอมรับการช่วยเหลือ "ขอบคุณฮ่ะ"แต่สิ้นคำขอบคุณ มือนั้นก็โดนเจ้าของดึงกลับไปทั้งๆที่ผมยังไม่ได้แตะเลย
"ช้าว่ะ จะลุกก็ให้มันรีบๆแม่งลีลา"เสียงหนักๆตรงหน้าพูดขึ้นแล้วเดินผ่านทางขวาผมไปทั้งๆที่ผมยังไม่ได้ลุก คิดผิดจริงๆที่ิคิดว่าเชามีน้ำใจ
ผมรู้สึกโกรธเข้าสมอง ทำให้เกิดพลังช้างสารโดยไม่รู้ตัว ลุกขึ้นเองโดยอัตโนมัติ แล้วหันขวาไปหาที่ไอบ้านั่นเดินไป
แต่มันไวจริงๆเผลอเดียวจะเดินข้ามถนนแล้ว ผมจะช้าไม่ได้เรื่องนี้ต้องเคลีย เจ็บขาก็ต้องสู้ละงานนี้ ผมรีบเดินจ้ำเท้าไปก่อนที่มันจะข้ามถนนไป
ปึ๊กกก....ผมใช้แรงที่สุดจะมากมายของผม(หรอ)ผลักอย่างจังเข้าแผ่นหลังจากมันที่เดินอยู่ (เชิงหาเรื่องต่อย)ถึงมันจะสูงกว่าผม ตัวโตกว่าผมแต่ผมไม่กลัวหรอก(ความโกรธเข้าตา)
ดูเหมือนร่างมันจะแค่ขยับนิดเดียว ไม่เหมือนโดนผลักเต็มแรงมันแสดงถึงการดูถูกแรงที่ผมทุ่มไปมากจริงๆ
และแล้วไอคนตรงหน้ามันก็หันหน้ามา จ้องหน้าผมตาเขม็งเงยหน้าเชิงกวน มันทำให้ผมต้องจ้องมันกลับไปแต่ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ผมจ้องมันหรือผมเคลิ้มไปกับหน้าตาของมัน
คิ้วดกหนา จมูกโด่ง ดวงตามีเสน่ห์ 9ล9 กันเลยทีเดียว คนบ้าไรครบเครื่องแบบนี้ว่ะเนี่ย (นี่อาจเป็นครั้งแรกที่ผู้ชายทำให้ผมเคลิ้ม)
ปี๊ดๆ แป๊ดๆ..........เสียงแตรรถที่แล่นผ่านทำให้ผมมีสติอีกครั้ง
"นี่มึงหาเรื่องหรอ"มันเอามือเท้าสะเอวพูดเสียงเข้มอ้าปากนิดนึง เงยหัวนิดหน่อย แถวบ้านเรียกหาเรื่อง
"ไอคน ไม่มีน้ำใจ"ผมพยายามทำท่าให้คล้ายมันมากที่สุด ยกมือขึ้น อ้าปาก เงยหน้านิดนึงเพราะผมคิดว่าท่าที่มันทำ เท่ดี
หลังจากที่ผมทำท่าให้เจ๋งเหมือนมัน มันก็มองผมตั้งแต่หัวลงมาจรดเท้า "โทดที กระเทยกูก็ไม่เว้นนะ อย่าหาเรื่อง"
"ใครกระเทย"ผมสวนทันควัน เพราะเมื่อผมหันซ้ายหันขวาแล้วก็ไม่มีคนเดินผ่านเท่าไร จะมีก็แค่รถที่วิ่งแล่นสวนไปมา
มันเดินเข้ามาใกล้ผมอีกนิด ยกนิ้วชี้้จิ้มที่หน้าผากผม "ก็มึงไง" ได้ยินคำนี้ผมถึงกับต้องปิดมือมันที่อยู่ที่หน้าผาก นี่มันกล้าเล่นหัวเลยหรอ แต่ช่างเหอะ ต้องเคลียเรื่องกระเทยก่อน
"กูเหมือน??"
"เออ หน้ามึงก็ให้แล้วน่ะแล้วมึงทำท่าแบบนี้อีกแม่งกระเทยทีมชาติ"มันพูดส่ายหน้าเล็ก แต่ความโกดของผมมันไม่เล็กแล้ว เรื่องนี้คือเรื่องใหญ่สำหรับผม ผมโดนว่าแบบนี้มาบ่อยนะสิ ทั้งที่ผมแมนทั้งแท่ง
"งั้นมึงก็กระเทยโอลิมปิก เพราะมึงทำท่าเหมือนกับกู"ผมเบะปาก เชิงท้าทายเราทำท่าเหมือนกัน ถ้าผมเป็นมันก็คงไม่เหลือ
มันทำท่าซ้ายหลี่นิดหน่อยแล้วดูผมไม่ต่างจากครั้งแรก"ฮึๆ ก่อนจะพูดอ่ะ มึงดูสารรูปมึงกะกูดิ๊"
"ทำไม ทำม่ะ"ผมมองมันกลับ
"ก็มึงมัน ตัวเล็ก เรียว แต่กูไม่เหมือนมึง กลับไปส่องกระจกที่บ้านแล้วดูตัวเองซะไอเตี่้ย"มันเอามือที่เท้าสะเอวลง
"กูไม่ได้เตี้ย แต่มึงอะสูง"ผมพูดคำว่าเตี้ยให้เบาที่สุด ส่วนคำว่าสูงผมขอพูดเน้นๆ
"เห่อ เบือว่ะ ไอพวกไม่ยอมรับความจริง"มันหันหลังให้ผมอีกครั้ง หันซ้ายหันขวาพอไม่มีรถมันก็ก้าวขาข้ามถนนแต่ผมไม่ยอมหรอก ต้องได้ยินคำว่าขอโทษจากปากมันให้ได้
ผมลากสังขารเท้าที่เจ็บแล้วเริ่มจะดีขึ้นเดินตามมันข้ามถนนไป มันก็เดินไวไม่เลิกผมต้องรีบเดินตามมันให้ทัน
"ทำผิดแล้วจะหนีหรอ นี่หรอลูกผู้ชาย"ผมออกเสียงไปอย่างดัง เพราะกลางถนนแบบนี้ เวลานี้รถมันเยอะชะมัดเสียงดังมากๆ แต่ถึงผมจะแหกปากแค่ไหน ไอร่างสูงตรงหน้า ก็เดินไม่ยอมหยุดเหมือนจะไม่สนใจ
"นี่ไอบ้า มาขอโทษกันก่อนดิ"ผมด่าทั้งๆที่รู้สึกว่าตัวเองบ้ามากกว่าเพราะเหมือนพุดอย่าคนเดียวกลางถนนแบบนี้
ปี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!........................
แสงแสดส่องจัดมาทางขวาผม มันทำให้ผมต้องหรีตาแล้วหันไปมอง รถเก๋งคันหนึ่งมัันพุ่งมาหาร่างผม ผมคงไม่รอด แม่ครับพ่อครับบ มันกลัวจนขยับตัวหลบไม่ได้รถก็ใกล้เรามาแล้ว ผมกลัวจนต้องหลับตาปี๋ยืนรอความตาย
ปึกก...คระๆๆๆ.................ทำไมรถชนนุ่มจังรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังกอดหมอนข้างกลิ้งบนที่นอน
โครม.........
"โอ๊ยย!"ผมหยุดกลิ้งแล้วเหมือนถูกอะไรหยุดไว้ แต่ทำไมถึงได้เสียงของไอบ้านั่นข้างหูแบบนี้ ขนาดเราตายยังเคืองเรื่องคำขอโทษจากไอบ้านั่นอยู่หรอ ว่าแต่ทำไมความตายมันอุ่นดีจัง หรือผมยังไม่ตาย!
ตาผมค่อยๆลืม แต่สิ่งแรกที่เห็นทำให้ผมตาโตขึ้นมาทันที ใบหน้าที่มีเลือดเยอะไหลออกมาจากหัว มันห่างจากหน้าของผมไม่กี่เซน และหน้านั่นก็ไม่ใช่ใบหน้าของใคร แต่เป็นหน้าของไอบ้าที่ผมพยายามทำให้มันขอโทษผม
มันทำหน้ามึนๆเจ็บๆแขนของมันกอดรวบผมไว้ ตอนนี้เรานอนกอดกันติดฟุตบาตข้างถนน เหมือนว่าหมอนข้างที่่ผมกอดคือมัน เตียงที่ผมว่าคือถนน แล้วสิ่งที่ทำให้ผมหยุดกลิ้งคือฟุตบาตที่หัวไอบ้าชนจนแตก
"บ้า ช่วยกูหรอ"ผมถามเสียงสั้นๆด้วยความตกใจ มันลุกไม่ขึ้นเลยถามมันทั้งๆที่นอนอยู่อย่างนั้น
"กูไม่ได้อยากช่วยหรอก แต่ตัวกูวิ่งเข้าไปเอง"ถึงมันจะไม่ใช่คำตอบที่ดี แต่ผมก็กลับรู้สึกดีมันน้ำตามันจะไหล ยิ่งมองเลือดที่หัวมันยิ่งทำให้อยากจะร้อง
ผมเอาแขนออกจากมือมันที่รวบแขนผมไว้่ ค่อยๆยื่นไปจับหัวของมัน "เจ็บไหม?" ผมถามเมื่อเลือดมันไม่หยุดไหล
"ไม่เจ็บ"มันตอบตรงข้ามกับสีหน้าที่แสดงออกมา
"ไปโรงพยายาบาล"ผมลุกขึ้นได้ในที่สุดพยุงตัวมันขึ้น แต่มันก็ยืนได้ปกติเพราะมันเจ็บที่หัวส่วนตรงอื่นไม่เป็นอะไร
มันไม่พูดอะไรกลับทำหน้าเฉยด้วยซ้ำไปผมเบิกมือเรียกแทกซี่ คันหนึ่งแล้วถอดเอาเสื้อหนาวที่ผมใส่อยู่มาซับเลือดให้มันไปก่อนกว่าจะถึงโรงพยาบาล
มันไม่ร้องโอ๊ย เหมือนมันไม่มีแผล หน้ามันนิ่่งเฉยซะส่วนใหญ่ แต่ผมเต็มใจทำให้มันในเรื่องนี้เพราะมันช่วยผมเอาไว้
ณ โรงพยาบาล
เมื่อทำแผลเสร็จ ผมก็ทิ้งให้มันอยู่ในห้องพยาบาลส่วนผมก็ออกมาดูเรื่องค่าใช่จ่ายและผลการตรวจเพื่อรับยา
-นายทิวา เทพวงศกร- ชื่อของมันคือ ทิวา ชื่อเพราะดีเนอะ ช่างตรงข้ามกับ รัตติกาลที่เป็นชื่อของผม
เมื่อรับผิดชอบทุกอย่างเสร็จ ต่อไปก็ไปซื้อข้าวต้ม มาให้มันที่ห้อง แล้วก้โทรบอกแม่ว่านอนบ้านเพื่อน เพราะคืนนี้จะต้องนอนเฝ้ามัน เพราะหมอบอกว่าต้องรอดูอาการอีกนิดนึง ถึงจะเบื่อแต่ผมก็เต็มใจทำ เพราะถ้ามันไม่ช่วยผม ผมคงตายไปแล้ว
.............................................................
ทิวา-รัตติกาน
เม๊นหน่อยน่ะ TT กลัวไม่มีใครเม๊น จบตอนแรกจะได้มีตอนสอง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น