คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 2 To the Place [1]
.
ผลจากการโหวตครั้งล่าสุด
.
ตอนที่ 02 To the Place [1]
ปัญญาจ้องมองดูกุญแจติดป้ายหลังห้องพนักงานแล้วตัดสินใจขึ้นไปบนดาดฟ้าเพื่อสำรวจพื้นที่โดยรอบก่อน จากนั้นค่อยตัดสินใจ เขาไม่ต้องการให้เวลาต้องสูญเปล่าไปกับการเอากุญแจออกจากห้อง
นักเขียนหนุ่มขึ้นบันไดไปชั้นสองอย่างระมัดระวังอีกครั้ง เขาควบคุมสติตัวเองสำรวจแต่ละชั้นอย่างละเอียดก่อนออกก้าวเดิน จะไม่มีการปล่อยให้ความต้องการขึ้นไปบนดาดฟ้าอย่างรวดเร็วครอบงำจิตใจเด็ดขาด ก่อนที่ร่างกายจะโผล่พ้นพื้นคอนกรีตของแต่ละชั้นปัญญาจะนิ่งเงียบรอฟังเสียงบนชั้นนั้นจนแน่ใจก่อนแล้วจึงโผล่ตาข้างหนึ่งออกไปดู ทุกเหลี่ยมมุมห้องจะเป็นเช่นนี้ แม้จะเชื่องช้าแต่คนอย่างเขาจะไม่เสี่ยงกับการโผล่พรวดพราดออกไปให้โดนซอมบี้เล่นงานเด็ดขาด
จนกระทั่งขึ้นมาถึงดาดฟ้าเขาก็ยังไม่ประมาท เขามองดูรอบตัวให้แน่ใจก่อนแล้วจึงโผล่ร่างกายออกไปทั้งหมด โชคดีเหลือเกินที่ดาดฟ้าของตึกหลังนี้มีรั้วตาข่ายลวดกั้นเอาไว้ทั้งสี่ทิศ แม้แต่เพดานใต้หลังคากระเบื้องก็มีการกั้นรั้วเอาไว้อีกชั้น ตึกข้าง ๆ ที่อยู่ติดกันทั้งสองด้านไม่มีการป้องกันใด ๆ ทุกตึกสามารถเดินข้ามไปมาได้เพราะเจ้าของตึกไม่ได้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเท่าที่ควร
จากดาดฟ้าของชั้นห้าที่เขายืนอยู่ในตอนนี้เขามองเห็นพื้นที่โดยรอบได้ทั้งหมด ตึกอีกฟากของถนนที่เตี้ยกว่า ด้านหลังของหอพักที่เป็นหมู่บ้านจัดสรร ทุก ๆ แห่งมีซอมบี้ยืนกระจัดกระจายกันไปทั่ว เช่นเดียวกับซากศพที่เห็นได้ในทุกแยกหรือประตูบ้าน วงเลือดสีเข้มเห็นได้แต่ไกล
เสียงร้องไห้ของผู้หญิงทำให้ปัญญาต้องหันมองดูรอบตัว เขาเกาะเรื้อเหล็กมองไปตามดาดฟ้าตึกต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงและได้เห็นที่มาของเสียง ดาดฟ้าของตึกฝั่งตรงข้ามถนนห่างไปประมาณสี่คูหา หญิงสาวในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นผู้หนึ่งกำลังนั่งร้องไห้อยู่ที่มุมดาดฟ้า ประตูทางออกสู่ดาดฟ้ามีซอมบี้สามตัวกำลังรุมล้อมศพของชายผู้หนึ่ง
ปัญญาไม่ทราบว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์กันอย่างไร อาจจะเป็นญาติ เป็นคนรัก หรืออาจจะเป็นคนที่ไม่รู้จักกันแต่ตกอยู่ใต้สถานการณ์อันโหดร้ายร่วมกัน สิ่งหนึ่งที่เขาทราบก็คือสภาพจิตใจที่พังทลายของหญิงสาวคนนั้น เธอไม่มีใจที่จะพยายามช่วยเหลือตัวเอง ได้แต่นั่งร้องไห้อยู่มุมดาดฟ้า
คนที่อยู่นอกเหตุการณ์จะคิดคล้าย ๆ กันว่าถ้าเป็นตนเองจะต้องทำอย่างนั้น จะต้องทำอย่างนี้ จนกว่าเขาจะได้พบเจอกับเหตุการณ์นั้นด้วยตนเองจริง ๆ จึงจะเข้าใจว่าตัวเองกำลังอวดเก่งอยู่ คนมากมายคิดถึงเรื่องการทะเลาะต่อยตีกันว่าถ้าเป็นตัวเอง ตัวเองจะรับมือเช่นไร วางแผนเอาไว้เลิศหรูแต่ถึงยามที่ต้องลงไม้ลงมือจริงกลับแข้งขาอ่อน ยืนไม่มั่นคงไม่มีแรงจะเหวี่ยงหมัด
ไม่ทราบว่าเนื้อนุ่มนิ่มในตัวชายหนุ่มที่อยู่หน้าประตูหมดลงแล้วหรืออย่างไร ซอมบี้ตัวหนึ่งลุกขึ้นเดินเข้าหาหญิงสาวผู้นั้นช้า ๆ เหมือนเพื่อนเดินเข้าไปปลอบใจสหายรัก เธอเองก็ไม่ได้ขยับหลบหนี แม้ฟันเขี้ยวของมันจะกัดลงบนลำคอเธอเธอก็ทำได้แค่เพียงร้องไห้สะอื้นแล้วจึงเงียบเสียงไป
ปัญญาอยากจะออกไปด้านนอกของลูกกรงเพื่อมองดูพื้นถนนให้ชัดเจนกว่านี้ ขอบรั้วเหล็กบนดาดฟ้ากั้นเขาห่างจากริมดาดฟ้าพอสมควร ประตูเหล็กที่ใช้เปิดออกไปด้านนอกถูกล็อคเอาไว้ด้วยแม่กุญแจตัวใหญ่ เขาไม่มีเครื่องมือสำหรับสะเดาะกุญแจจึงต้องหาทางอื่นเพื่อสอดส่องดูว่าถนนด้านล่างเป็นอย่างไร
เขาหันกลับมาแล้วหยุดหายใจ ซอมบี้ชายในชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยกำลังยืนจ้องมองเขาอยู่ที่หน้าประตูดาดฟ้า ด้านหลังของมันเป็นทางลงจากดาดฟ้าเพียงหนึ่งเดียว
ดวงตาของมันเบิกโพลงจ้องเขม็งไม่กะพริบ เส้นเลือดสีเข้มที่ขับตัวเองให้เด่นขึ้นจนลายพร้อยไปทั้งหน้า ริมฝีปากของมันมีเลือดแห้งกรังเปื้อนเหมือนเด็กเล็กกินช็อกโกแลต เพียงแต่เป็นช็อกโกแลตสีเลือดรสเด็ด
สิ่งที่ทำให้ปัญญาต้องตกตะลึงก็คือความจริงที่ว่าซอมบี้ตัวนี้ขึ้นมาบนดาดฟ้าได้อย่างไร เขาสำรวจดูทุกชั้นอย่างละเอียดแล้วไม่มีซอมบี้อยู่แน่ ๆ
และเขาก็นึกขึ้นได้ ประตูหน้าหอ เขาลืมประตูหน้าหอไปจนสนิท ประตูแรกสุดที่เชื่อมต่อระหว่างหอพักกับโลกภายนอก ทำไมเขาถึงไม่ปิดประตูนั้นเอาไว้
เมื่อคิดทบทวนอีกครั้งเขาจึงเข้าใจ เขาเปิดประตูหน้าหอเอาไว้เพราะไม่ต้องการให้ตัวเองต้องถูกขังอยู่ในหอพักพร้อมกับซอมบี้ที่ไม่ทราบว่ามีอยู่ในหอพักเท่าไร กลายเป็นว่าเขาปล่อยให้ซอมบี้ด้านนอกเข้ามาในหอพักด้วยตัวเอง
โง่บัดซบ ปัญญาด่าตัวเองโดยแรง เสียทีที่สำคัญตัวเองว่ารอบคอบแต่กลับพลาดในเรื่องง่าย ๆ ไปเสียได้
มองดูซ้ายขวาหาอาวุธ นั่น กระสอบปุ๋ยขี้ไก่ข้างกระถางมะกรูดกระถางใหญ่ ปัญญาย่อตัวลงใช้มือซ้ายเกี่ยวขอบปากกระสอบขึ้นมา การเคลื่อนที่ของฝุ่นขี้ไก่ในกระสอบบอกให้ทราบว่าขี้ไก่ในกระสอบนี้เป็นขี้ไก่แห้งซึ่งจะฟุ้งกระจายถ้าซัดออกไปในที่โล่ง เขาใช้สองตาจับจ้องซอมบี้ยามตรงหน้าเอาไว้ตลอด ไม่กล้าแม้แต่จะกะพริบตา สองมือก็ม้วนปากกระสอบออกด้านนอกจนร่นลงไปถึงผิวขี้ไก่ หนึ่งมือประคองก้นกระสอบเอาไว้ หนึ่งมือกำปากถึงแน่นเตรียมพร้อมสาดขี้ไก่ใส่ซอมบี้ตรงหน้า
ฉับพลันลมก็พัดวูบหนึ่ง กลิ่นของมนุษย์ที่แตกต่างโชยปะทะจมูกของซอมบี้ยาม มันเปลี่ยนท่าทีจากยืนสบาย ๆ เป็นย่อตัวพุ่งเข้าใส่ปัญญาสุดแรง
นักเขียนหนุ่มรอจังหวะนี้อยู่นานแล้ว เขาซัดสาดฝุ่นขี้ไก่เข้าใส่ใบหน้าซอมบี้ตัวนั้นมุ่งหวังให้ฝุ่นขี้ไก่ปะทะเข้ากับดวงตาและจมูก ทำลายประสาทการมองเห็นและรับกลิ่นของมันอย่างน้อยก็ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
อย่างน้อยการคำนวณของเขาก็ถูกต้อง ถือว่าเป็นการแก้ตัวจากความเลินเล่อของการเปิดประตูหน้าหอทิ้งเอาไว้ ซอมบี้ยามตรงหน้าพยายามใช้มือรูดเอาฝุ่นขี้ไก่ที่เกาะติดดวงตาของมันออกสุดชีวิต
ปัญญาไม่ยอมให้โอกาสนี้เสียไป เขาใช้กระสอบปุ๋ยที่ไม่มีขี้ไก่เหลือแล้วครอบศีรษะของมันรูดยาวลงมาจนถึงต้นขา เจ้าซอมบี้ส่งเสียงร้องโวยวายไม่เป็นภาษาแต่เสียงดังยิ่ง ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปซอมบี้ตัวอื่น ๆ ก็คงจะแห่กันมาทางประตูหน้าไม่ขาดสาย
ปัญญาเกี่ยวขาซอมบี้แล้วผลักมันล้มลง ในตอนที่มันพยายามดิ้นรนลุกขึ้นยืนเขาก็ดึงเอาผ้าปูที่นอนผืนใหญ่ที่ตากไว้บนดาดฟ้าออกมาจากราว พับสองทบแล้วพันทับส่วนศีรษะและร่างกายท่อนบนของซอมบี้เอาไว้ เขาเตะตัดขามันให้ล้มลงอีกครั้งหนึ่งแล้วหยิบเอาบล็อคคอนกรีตที่ใช้รองกระถางบนดาดฟ้าออกมา ทำมุมให้เหมาะสมจากนั้นฟาดเข้าใส่ศีรษะของซอมบี้อย่างแรง
ซอมบี้ยามเหยียดแขนขาชักกระตุกตามการทำงานของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อตอบสนองอัตโนมัติ มันส่งเสียงหายใจฟืดฟาดเหมือนคนพยายามหายใจเข้าปอดตอนใกล้จมน้ำ ปัญญาเห็นมันสงบลงไม่ดิ้นเหมือนตอนแรกแล้วจึงสอดบล็อกคอนกรีตบล็อกนั้นลงใต้ศีรษะของซอมบี้ ใช้บล็อกคอนกรีตอีกบล็อกหนึ่งฟาดซ้ำลงไปมันจึงหยุดนิ่ง
การใช้ผ้าคลุมเตียงปิดทับศีรษะของมันไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดกระเซ็นมาโดนตัวเองเป็นความคิดที่ถูกต้อง มีเพียงเลือดที่ไหลออกมาภายหลังซึมผ่านผ้าปูที่นอนออกมาเป็นวงแต่ไม่มีของเหลวใดสัมผัสร่างกายของปัญญา
ปัญญาไม่ใช่คนที่สามารถฆ่าใครก็ได้ โดยเฉพาะอะไรก็ตามที่มีร่างกายเป็นมนุษย์เช่นนี้ ที่เขาทำเช่นนี้ได้ก็เพราะเขาย้ำเตือนตัวเองว่าพวกมันไม่ใช่มนุษย์ พวกมันเคยเป็นมนุษย์แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าก่อนกลายเป็นซอมบี้พวกมันจะมีเรื่องราวความทรงจำใดตอนนี้สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ปัจจัยให้ต้องคำนึงถึง พวกมันเป็นเพียงศพเดินได้ที่กระหายเลือดเท่านั้นเอง
แม้จะต้องทนรับรสขมในปากแต่เขาก็เชื่อว่าตัวเองทำถูกต้องแล้ว
สำรวจดูในตัวของซอมบี้ยามอย่างละเอียด ปัญญาได้กุญแจห้องเก็บกุญแจล่างสุดมา เขาเดินลงมาชั้นล่างสุดอย่างระมัดระวังเช่นเดียวกับตอนที่ขึ้นมาบนดาดฟ้า โชคดีที่ไม่มีซอมบี้ใดหลงเหลืออยู่ในหอพักอีก เขาเปิดห้องพนักงานสำรวจหาสิ่งที่น่าจะนำมาใช้ได้
สมุดบันทึกในห้องยามมีรายละเอียดเกี่ยวกับผู้เช่าหอทุกคน หอพักหอนี้กำลังอยู่ในสภาพตกต่ำเพราะในหอมีเพียงห้องชั้นล่างหกห้องที่มีคนอาศัย ห้องชั้นสองไปจนถึงดาดฟ้าล้วนแต่เป็นห้องว่างไม่มีคน
ปัญญาพบมีดพร้าเล่มยาวซ่อนอยู่ใต้โต๊ะในห้องยามจึงนำติดตัวมาด้วย เขาใช้เสื้อยืดห่อทับฝักพลาสติกด้านนอกเพื่อป้องกันการเกิดเสียงยามตกกระทบ เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่ต้องใช้อาวุธประชิดตัวชิ้นนี้
เสียงปืนที่ดังมาแต่ไกลทำให้ปัญญาต้องย่องไปปิดประตูหน้าล็อคเอาไว้ จากนั้นเตรียมของที่จำเป็นสำหรับการเดินทางไปยังชานเมืองที่เห็นจากบนดาดฟ้าว่าอยู่ด้านหลังหอพัก เขาต้องหาเสื้อแขนยาวและถุงมือมาใส่ หาเทปกาวมาพันปิดทับรอยต่อระหว่างขากางเกงและรองเท้า หาขวดน้ำและวิธีการเก็บน้ำที่จะไม่เกิดเสียงยามออกวิ่ง ทำกระจกติดด้ามเพื่อใช้ส่องดูอีกด้านของมุมตึกตัวอาคาร และที่ขาดไม่ได้ก็คืออาหารสำหรับรับประทานระหว่างทาง
ก่อนจะลงมาเขาสังเกตเห็นกลุ่มควันที่ลอยขึ้นฟ้าจากหลาย ๆ จุด ส่วนหนึ่งที่เป็นเสาควันต้นเล็กน่าจะเกิดจากอุบัติเหตุของคนที่พยายามจะหลบหนี อีกกลุ่มที่เป็นควันดำก้อนใหญ่คงเกิดจากไฟไหม้สิ่งก่อสร้าง
.
โจทย์ท้ายตอน
คุณจะเลือกให้ปัญญาออกเดินทางตอนกลางคืนหรือกลางวัน
1. กลางคืน การเดินทางตอนกลางคืนจะมีจุดเด่นคือต่างฝ่ายต่างมองไม่เห็นกัน แต่มีจุดด้อยคือประสาทรับกลิ่นของซอมบี้ที่โดดเด่นเป็นพิเศษ มันอาจจะมองไม่เห็นแต่ก็ยังได้กลิ่น
2. กลางวัน การเดินทางตอนกลางวันจะเป็นไปได้อย่างรวดเร็วกว่า วางแผนง่ายกว่า แต่มีโอกาสถูกมองเห็นมากกว่าทั้งจากซอมบี้และผู้รอดชีวิต อาจจะเกิดเรื่องที่ดีหรือร้ายขึ้นก็ได้ทั้งนั้น
โหวตได้ที่เดิมคือ http://blog.funfic.com/the-writer/ หมดเขตพรุ่งนี้ 18.00 น. ครับ (8 พฤศจิกายน 2557)
.
ชาลี
๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗/p>
ความคิดเห็น