ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Writer

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 Welcome to Fantasy World [2]

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ย. 57


    .

    ตอนที่ 01 Welcome to Fantasy World [2]

    ด้วยแรงกระแทกจากการเปิดประตูของอะไรก็ตามที่อยู่ในห้องริมโถงทางเดิน กุญแจห้องที่วางซ่อนไว้บนวงกบหน้าต่างก็ร่วงหล่นลงมา กุญแจดอกนั้นเด้งลอยเข้าชนกับขากางเกงของนักเขียนหนุ่มแล้วนอนแน่นิ่งอยู่บนหลังเท้า

    เลข 101 สีดำบนพื้นหลังสีเหลืองเห็นได้ชัดเจน

    นักเขียนหนุ่มมองรถมอเตอร์ไซค์สลับกับกุญแจแล้วก้มลงเก็บกุญแจห้องทันที เขาสอดลูกกุญแจเข้าลูกบิดแล้วหมุน ลูกบิดส่งเสียงดัง กึก แล้วหยุดนิ่งไม่หมุนต่อ เขาหมุนลูกกุญแจย้อนกลับแล้วหมุนใหม่เพื่อไขล็อค มือที่ยื่นออกมาจับวงกบประตูห้อง 102 ทำให้เขากัดฟันกรอด

    ไม่ได้ ตอนนี้เขากำลังทำตัวเหมือนตัวละครในนิยายที่ตายแบบโง่ ๆ เพราะลนลานจนไขประตูไม่ได้

    นักเขียนหนุ่มคลายกล้ามเนื้อกราม ระบายลมหายใจออกจากปอดเพื่อระงับสติเหมือนที่เขาเขียนบรรยายบ่อย ๆ ในนิยายที่ตนเองแต่ง ลูกกุญแจถูกดึงถอยออกมาเล็กน้อยแล้วค่อยบิดหมุนใหม่ตามประสบการณ์ที่เขาเคยได้รับเกี่ยวกับกุญแจที่เปิดได้ยาก

    เสียงกลไกในลูกบิดถูกผลักออกจากดานดังขึ้น นักเขียนหนุ่มบิดลูกบิดอย่างเบามือพยายามให้เกิดเสียงน้อยที่สุด หางตาของเขาเหลือบเห็นศีรษะของซอมบี้โผล่ออกมาจากประตูห้องข้าง ๆ แต่มันยังหันหน้าไปทางอื่น

    นักเขียนหนุ่มดันประตูเข้าไปในห้อง 101 แล้วปิดประตูตามหลัง ซอมบี้ห้องข้าง ๆ หันกลับมาทันได้เห็นเพียงแค่บานประตูที่ปิดกั้นแยกสองโลกออกจากกัน

    นี่ไม่ใช่ห้องของเขา นักเขียนหนุ่มยืนมองดูเตียงนอนขนาดเล็กนอนได้คนเดียวในห้องที่สะอาดสิ่งของ บนเตียงมีที่นอนยางพาราวางอยู่โดยที่ไม่มีผ้าปูหรือผ้าห่มหมอน ตู้ไม้ปิดสนิทอยู่ที่มุมห้อง โต๊ะติดกระจกสำหรับแต่งหน้าตั้งอยู่ติดกับตู้ หน้าต่างบานเกล็ดที่เชื่อต่อกับหน้าตัวถึงปิดสนิทและมีม่านสีหม่นขึงบังอีกชั้นหนึ่ง

    ห้องนี้เป็นห้องว่าง กุญแจที่วางไว้บนวงกบหน้าต่างก็เพื่อความสะดวกของผู้ดูแลห้อง ห้องที่ไม่มีทรัพย์สินใดไม่จำเป็นต้องดูแลมากมาย

    เสียงฝีเท้าหน้าห้องทำให้ชายหนุ่มต้องเอี้ยวตัวมอง เงาคนแบ่งแสงจากช่องว่างใต้ประตูเป็นสองส่วน สามส่วน ซอมบี้ที่อยู่ในโถงทางเดินก้าวออกจากห้องเดินออกประตูหน้าไป

    อย่างน้อยเขาก็ปลอดภัยในระดับหนึ่งแล้ว

    นักเขียนหนุ่มเดินไปนั่งบนเตียงนอนแต่สมองที่เริ่มเย็นลงของเขาร้องเตือนก่อนที่กุ้นจะสัมผัสกับที่นอน เตียงโลหะในหอพักเช่นนี้มักจะมีเสียงดังเวลานั่งทับลงไป เขาจะไม่ยอมให้ตัวเองพลาดกับเรื่องเช่นนี้เป็นอันขาด

    ปัญหาก็คือตอนนี้เขาถูกขังอยู่ในห้องที่ไม่มีอะไรเลย

    เขายังไม่ให้ความสนใจกับเรื่องนั้นเพราะตัวเองกำลังสับสนว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมการออกจากห้องไปซื้ออะไรกินจึงเปลี่ยนเป็นการเอาตัวรอดในโลกของซอมบี้ มันเป็นไปได้อย่างไร หรือว่าเขากำลังฝันอยู่ ไม่ ๆ ๆ นั่นเป็นอาการของคนที่ปรับตัวรับความจริงไม่ได้ ไม่สิ รับความจริงไม่ได้ก็ถูกต้องแล้วเพราะนี่มันเป็นไปไม่ได้ ความเป็นไปได้มีอย่างเดียวก็คือนี่เป็นความฝัน ถ้าเป็นความฝันเขาก็ต้องปลุกตัวเองให้ตื่น แต่ถ้าปลุกตัวเองให้ตื่นไม่ได้ล่ะ เขาไม่ต้องขังตัวเองอยู่ในความฝันอย่างนี้รึ

    พายุกระแสสัญญาณอิเล็กตรอนกำลังปั่นป่วนอยู่ในสมองของนักเขียนหนุ่ม ตรงกันข้ามกับภาพภายนอกของเขาที่ยืนหยุดนิ่ง ดวงตาของเขากลอกไปมาในขณะที่พยายามหาเหตุผลมาสนับสนุนความจริงตรงหน้า

    เขาไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะใช้วิธีการที่เห็นบ่อยในหนังสือการ์ตูนอย่างเช่นการหยิกแก้มตัวเอง แต่แค่นั้นยังไม่ เพียงแค่หยิกแก้มมันยังปลุกให้เขาตื่นจากความฝันไม่ได้

    เจ็บจนน้ำตาไหล นักเขียนหนุ่มใช้หลังมือเช็ดน้ำตาหลังดึงขนจมูกออกมากระจุกใหญ่ ถ้านี่เป็นความฝันก็เป็นความฝันที่สุดแสนจะเลวร้ายเพราะความเจ็บปวดที่ได้รับเป็นของจริง

    แรงสั่นสะเทือนจากโทรศัพท์ทำให้นักเขียนหนุ่มสะดุ้งเฮือก เขาตั้งค่าโทรศัพท์ให้ส่งเสียงเตือนเมื่อมีข้อความเข้าเพราะเขาใช้บริการตั้งปลุกผ่านอินเทอร์เน็ต แต่ถ้าเป็นการโทรเข้าทั่วไปเขาจะตั้งสั่นเอาไว้เพราะไม่ต้องการให้เสียงโทรศัพท์รบกวนสมาธิในการแต่งนิยาย

    บรรณาธิการ (สำนักพิมพ์จินตนสาร)

    ชื่อผู้โทรเข้าที่ปรากฏขึ้นเป็นตัวบอกว่าเขามีรายชื่อติดต่อนี้อยู่ในโทรศัพท์ แต่เขาไม่มีชื่อบรรณาธิการอยู่ในรายชื่อติดต่อแน่นอน คลางแคลงใจได้ก็เท่านั้น นักเขียนหนุ่มกดรับสายและนำปากโทรศัพท์เข้าจ่อหูตัวเอง รับสายนี้ก่อนแล้วค่อยโทรศัพท์หาคนอื่นทีหลัง

    “สวัสดีครับคุณ ต้นฉบับลายทาง ” เสียงทุ่มใหญ่ก้องสะเทือนอย่างชายวัยกลางคนผู้น่านับถือดังผ่านปากโทรศัพท์ออกมา

    “คุณเป็นใคร” นักเขียนหนุ่มกระซิบถาม

    “ผมก็เป็นบรรณาธิการของคุณยังไงล่ะครับ ผมแนะนำในฐานะบรรณาธิการว่าเลิกใช้คำว่า ปากโทรศัพท์ ดีกว่านะครับ ผมเข้าใจว่าคุณต้องการเล่นกับหน้าที่ของอุปกรณ์ส่งเสียงที่ทำหน้าที่เหมือนปาก แต่กลับได้ชื่อว่าหู มันก็เข้าทีนะ ผมชอบ แต่ผู้อ่านอาจจะงงและสับสนก็ได้ คุณเองก็กำลังทดลองเล่นเรื่องยาก ๆ อย่างการให้ผู้อื่นมีส่วนร่วมในการเดินเรื่องอยู่ ใส่อะไรเข้าไปมาก ๆ มันจะคุมเรื่องไม่อยู่นะครับ”

    “คุณพูดถึงอะไร ผมไม่เข้าใจ ปากโทรศัพท์อะไร” นักเขียนหนุ่มขมวดคิ้วแน่น เขาไม่ได้ตกอยู่ในอารมณ์หงุดหงิดและสับสนเช่นนี้มานานแล้ว

    “ผมพูดกับคนที่กำลังเขียนแต่งเรื่องของคุณครับคุณต้นฉบับลายทาง ไม่ได้พูดกับคุณตรง ๆ ”

    คิ้วที่ขมวดแน่นของนักเขียนหนุ่มถูกบี้เข้าหากันจนเป็นปม

    “คุณพูดอะไรของคุณ ใครเขียนแต่งเรื่องอะไร แล้วผมมีชื่อจริงว่า ปัญญา ต้นฉบับลายทางมันเป็นนามปากกาของผมเท่านั้น”

    “คุณปัญญา” เสียงทุ้มของบรรณาธิการอ่อนนิ่มลง “นั่งลงก่อนครับ เดี๋ยวผมจะอธิบายให้ฟัง”

    “คุณรู้ได้ยังไงว่าผมยืนอยู่” ปัญญาสวนกลับไป

    “ชู่ … เบา ๆ ครับ ซอมบี้ในเรื่องนี้ค่อนข้างหูดี เดี๋ยวศพไม่สวยนะครับ”

    นักเขียนหนุ่มปัญญาเจ้าของนามปากกาต้นฉบับลายทางกลั้นหายใจ เงาคนฉายทอดผ่านบานเกล็ดใสทาบลงบนม่านสีหม่นทำให้เขารีบเหน็บชายผ้าม่านเข้ากับร่องวงกบหน้าต่าง ป้องกันไม่ให้ผ้าม่านเลิกเผยภาพผู้รอดชีวิตที่สับสนในห้องให้ศพเดินได้เชยชม

    “ดีมากครับ ต้องแบบนี้สิครับถึงจะเป็นนักเขียนผู้รอบคอบมากประสบการณ์ คุณไม่เคยแต่งนิยายซอมบี้แต่ก็ได้อ่านมาเยอะทั้งการ์ตูนทั้งนิยาย คิดให้รอบคอบเข้าไว้แล้วคุณจะจบเรื่องนี้ลงได้”

    ปัญญานั่งขัดสมาธิลงกลางห้อง คำพูดของชายแปลกหน้าช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของเขาจากโลกรอบตัวได้พอสมควร

    “เชิญครับ” เขาสงบรอฟังคำอธิบายจากคนที่เรียกตัวเองว่า บรรณาธิการ

    “ขอบคุณครับ นักเขียนที่เข้ามาอยู่ในสังกัดของผมหลายคนแต่งเรื่องโหด ๆ ฉลาด ๆ มาเยอะ แต่ก็ตายน้ำตื้นเพราะปรับตัวรับเรื่องราวกะทันหันไม่ได้ คุณปัญญาพิสูจน์ตัวเองแล้วว่ามีความสามารถในการสงบจิตใจ ตอนนี้คุณถูกแทนตัวเข้ามาเป็นตัวเอกในนิยายเรื่อง ซอมบี้ ณ กทม. 2558 เป็นนิยายที่แต่งลงในเว็บเด็กดี นิยายเรื่องนี้แต่งไม่จบเพราะผู้แต่งขี้เกียจและเลิกแต่งไปทั้งที่เขียนได้ตอนเดียว คุณต้องรับหน้าที่ดำเนินเรื่องนิยายเรื่องนี้ให้จบจึงจะกลับมายังโลกแห่งความจริงได้”

    “…” นักเขียนหนุ่มนิ่งเงียบไร้คำพูด

    “คุณปัญญา” บรรณาธิการส่งเสียงกระตุ้น

    “คุณจะบอกว่าผมถูกดึงเข้ามาอยู่ในโลกของนิยาย เป็นตัวเอกของนิยายข้ามมิติ แต่นั่นไม่ได้อธิบายเรื่องที่ว่ามีคนแต่งเรื่องของผมนะ”

    “ดีมากครับ ผมชอบที่คุณรู้จักแยกแยกจัดลำดับความสำคัญของปัญหา คุณ และ ผม เป็นตัวละครในนิยายเรื่อง The Writer เป็นนิยายที่ผู้แต่งต้องการให้ผู้อ่าน ตัวเอง และตัวละครในนิยาย มีส่วนร่วมในการแต่งนิยายไปพร้อม ๆ กัน ถ้าคุณสงสัยว่านี่เป็นเรื่องจริงหรือไม่ คุณสามารถวิ่งออกไปทดสอบกับฟันซอมบี้ข้างนอกด้วยตัวเองได้ แต่ผมทราบดีว่าคุณจะไม่ทำเช่นนั้นเพราะผู้แต่งของคุณที่มีนามปากกาว่า originalBlueSin ออกแบบตัวคุณให้ไม่ยอมเสี่ยงกับเรื่องแบบนี้”

    นักเขียนหนุ่มหยุดนิ่งไปอีกครั้ง เขาแหงนหน้าขึ้นมองดูเพดานเหมือนกับว่ามีใครบางคนที่จ้องมองดูเขาจากเบื้องบน เป็นพระเจ้าผู้มีคีย์บอร์ดไว้ขีดเส้นโชคชะตา เขาไม่ทราบว่าความสงบที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นความตั้งใจของนักเขียนผู้นั้นหรือไม่ แต่เขายอมรับเรื่องนี้ได้อย่างประหลาด

    “แล้วผมต้องทำอะไรบ้าง นิยายเรื่อง ซอมบี้ ณ กทม. 2558 มันมีเนื้อเรื่องยังไง”

    “นิยายเรื่องนั้นไม่มีอะไรพิเศษหรอกครับ ก็เป็นเรื่องของนักเรียนหนุ่มสุดหล่อขับมอเตอร์ไซค์ไปช่วยนักศึกษาหญิงสุดเซ็กซี่ในกรุงเทพ ฆ่าซอมบี้ไปสี่ห้าพันตัวแล้วตั้งฮาเร็ม เป็นนิยายสนองความอยากของคนแต่งแต่แต่งได้ตอนเดียวก็เลิก หน้าที่ของคุณก็คือการใช้ความสามารถของตัวเอง แสดงบทตัวเอกให้ผู้แต่งเรื่องของคุณพอใจ แล้วเขาจะปล่อยคุณให้กลับไปอยู่ในโลกเดิมของคุณ”

    “แค่นั้น ? ”

    “แค่นั้น”

    “แล้วเรื่องที่ว่าผู้อ่านมีส่วนร่วมด้วยหมายความว่ายังไงครับ”

    “ทุกครั้งที่จบตอน ผู้แต่งเรื่องของคุณจะตั้งโจทย์ให้ผู้อ่านเรื่องของคุณได้เลือกเพื่อกำหนดเส้นทางการเดินเรื่อง พวกเขาจะไม่มีอำนาจในการควบคุมการตัดสินใจของคุณทั้งหมด แต่มีอำนาจในการเลือกและตัดสินใจเรื่องสำคัญหลาย ๆ เรื่องที่คุณต้องเผชิญ บทของผมในตอนนี้หมดแค่นี้ ผมจะติดต่อกลับมาหาคุณอีกครั้งเมื่อถึงเวลา อ้อ อีกอย่างหนึ่ง ไม่ต้องเสียเวลาหาทางติดต่อกับใครผ่านโทรศัพท์ของคุณเพราะผู้แต่งเรื่องของคุณดึงเอาซิมการ์ดออกจากโทรศัพท์คุณไปแล้ว โลกนี้ไม่มีคนที่รู้จักคุณอยู่อีก สวัสดีครับ ขอให้โชคดี”

    ปัญญามองดูหน้าจอโทรศัพท์จนมืดไปตามระบบการถนอมพลังงานของเครื่อง เขาปิดโทรศัพท์เปิดฝาหลังดึงแบตเตอรี่ออก ช่องใส่ซิมการ์ดที่เคยมีซิมเก่าใช้มานานของเขาว่างเปล่า เขาจัดการกับโทรศัพท์ให้เหมือนเดิมแล้วแหงนหน้าขึ้นมองเพดานห้อง

    “คุณจะเอายังไง คุณ originalBlueSin”

    .

    โจทย์ท้ายตอน

    ในห้อง 101 ตอนนี้มีของอยู่หลายอย่าง พัดลมติดเพดานแบบส่ายได้ ตู้ไม้อัดราคาถูกขนาดเล็ก โต๊ะไม้ติดกระจกสำหรับแต่งตัว เตียงโลหะซึ่งมีที่นอนยางพาราวางทับด้านบน หลอดฟลูออเรสเซ็นส์ (นีออน) ยาว หนึ่งหลอด

    ของที่ปัญญามีติดตัวตอนนี้คือเสื้อผ้าที่สวมใส่ แว่นตา รองเท้าผ้าใบ สมาร์ตโฟนระดับกลาง กระเป๋าสะพายไหล่ใบเล็ก

    ในกระเป๋ามีเงินสด 260 บาท กระเป๋าหนังใส่เงิน บัตรประชาชน บัตรสุขภาพ แสตมป์ 7/11 มูลค่า 9 บาท มีดพับรวมเครื่องมือขนาดเล็ก ปากกาหมึกแห้งแบบมีฝา สีน้ำเงินและสีแดงอย่างละด้าม สมุดบันทึกขนาดเล็กหนึ่งเล่ม หนังสือนิยาย Light Novel ชื่อ “รักแทบตาย ยัยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” ความหนา 125 หน้า

    ขอให้ท่านผู้อ่านแสดงความเห็นในตอนนี้ว่าจะให้ปัญญา ใช้อะไร ทำอะไร กับอะไร เพื่ออะไร โดยให้เลือกทำได้เพียง 1 กิจกรรม ผมจะสุ่มเลือกความเห็นมา 3 ความเห็น และใช้กิจกรรมที่เลือกได้ในการดำเนินเรื่องต่อไป

    หมดเขตการออกความเห็นในเวลา 12.00 ของวันพุธที่ 5 พฤศจิกายน 2557 หรือเที่ยงวันพรุ่งนี้ครับ ความเห็นหลังจากเที่ยงวันพรุ่งนี้จะถูกคัดออกครับ

    .

    ชาลี

    ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×