ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2
บทที่ 2
เสียงคุยของเหล่าพ่อค้าแม่ค้าในย่านการค้าใจกลางเมืองดังไม่หยุด ถนนที่ถูกมองว่าใหญ่เกินไปในขณะนั้นมีรถลากที่มีผู้ให้บริการเป็นคนจีนวิ่งผ่านไปมาละลานตา นอกจากนั้นยังมีรถยนต์ฝรั่งนำเข้าจากต่างประเทศแล่นผ่านไปมาเล็กน้อย ผู้ที่อยู่บนรถมักเป็นเศรษฐีหรือผู้ดีมีอันจะกิน เป็นที่รู้กันว่าบ้านไหนมีรถฝรั่งขับนั้นต้องมีฐานะที่ไม่ธรรมดา ใครจะรู้ว่าอีกหลายสิบปีให้หลัง ถนนที่กว้างขวางและมีอาณาบริเวณเหลือเฟือสายนี้ กลับไม่สามารถรองรับการจราจรที่ติดขัดของเมืองกรุงได้ในชั่วโมงเร่งด่วน
หญิงสาวรูปงามสองคนเปิดประตูออกมาจากรถยนต์คันเล็กสีเหลือง คนแรกนั้นมีผิวสีน้ำผึ้งเนียนสวย ใบหน้านั้นหวานจับใจคล้ายกับจะติดยิ้มอยู่ตลอดเวลา ถ้าได้ยลแล้วก็ยากที่จะละสายตาออกไปได้ ส่วนอีกคนมีผิวขาวบ่งบอกว่ามีเชื้อสายจีน หากแต่มีเครื่องหน้าคมขำ หากได้มองแล้วเป็นต้องเหลียวหลังกลับมาดูอีกรอบเลยทีเดียว
“ลุงเพิ่มจอดรถรอแถวนี้นะจ๊ะ ถ้าพิมพ์กับแพรซื้อของเสร็จแล้วจะเดินมาหา"
สตรีหน้าหวานสั่งคนขับรถก่อนจะควงแขนน้องสาวของตนมุ่งหน้าไปยังร้านขายผ้าที่ทั้งสองมาอุดหนุนเป็นประจำ วันนี้สาวสวยทั้งสองตั้งใจจะมาซื้อผ้าเพื่อนำไปตัดชุดราตรีสำหรับงานวันเกิดหม่อมอุบล ในสมัยหลังสงคราม ผู้คนโดยเฉพาะชนชั้นสูง นิยมจัดงานเลี้ยงหรือที่เรียกกันว่าปาร์ตี้ มีการเต้นรำ ดื่มไวน์หรือแชมเปญ เรียกว่าเป็นการเข้าสังคมแบบใหม่ที่หนุ่มสาวโปรดปรานเป็นพิเศษ มีเหตุเนื่องมาจากนักเรียนนอกที่กลับมาจากต่างแดนได้นำวัฒนธรรมเหล่านี้เข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทย จนเกิดค่านิยมว่าถ้าหากใครที่สามารถจัดปาร์ตีเลี้ยงเพื่อนฝูงได้ก็นับว่าโก้ไม่หยอกทีเดียว
งานเลี้ยงแบบนี้มักเป็นโอกาสพิเศษสำหรับหนุ่มสาวที่จะได้มาพบปะกันโดยไม่มีผู้ใหญ่คอยคุ้มกัน ดังนั้นแต่ละคนก็ต้องพิถีพิถันในการแต่งตัวไม่ให้น้อยหน้าใคร หวังสร้างความประทับใจให้เพศตรงข้าม สองพี่น้องแห่งราชตระกูลวรพัฒน์เองก็เช่นกัน ทั้งสองยังเป็นสาวที่เพียบพร้อมไปด้วยรูปสมบัติ เป็นธรรมดาที่อยากจะแต่งโฉมให้พริ้งเพราตามอย่างสมัยนิยม
“สวัสดีค่ะ คุณพิมพ์ คุณแพร" เจ้าของร้านขายผ้าเอ่ยขึ้นด้วยคำทักทายที่เพิ่งถูกใช้มาได้ไม่นาน "ไม่เจอกันตั้งนานเลย วันนี้อะไรดลใจให้คุณๆ มาเยี่ยมร้านดิฉันคะเนี่ย" สาวใหญ่ร่างอวบเดินเข้ามาต้อนรับแขกผู้มาเยือนด้วยท่าทียินดี
“สวัสดีค่ะ คุณศรี เดือนหน้าพวกเราต้องไปงานเลี้ยงวันเกิดของผู้ใหญ่ท่านหนึ่งค่ะ เลยอยากได้ผ้าสวยๆ ไปตัดชุดราตรี คุณศรีมีผ้าลายสวยๆ มาให้พิมพ์กับแพรเลือกมั้ยคะ" ผู้เป็นพี่สาวตอบเจ้าของร้านด้วยใบหน้าติดยิ้มเช่นเคย
“ดิฉันเพิ่งได้ผ้ามาใหม่เมื่อสองวันก่อน สวยอย่าบอกใครเชียว เชิญทางนี้เลยค่ะ"
ทั้งสองเลือกซื้อผ้าตามใจชอบจนเวลาล่วงเลยไปโดยไม่รู้สึกตัว รู้ตัวอีกทีก็บ่ายคล้อย จึงจ่ายเงินแล้วเดินไปหาคนขับรถที่รออยู่ไม่ไกล
“พี่พิมพ์คะ ไหนๆ เราก็มาถึงพาหุรัดแล้ว แพรขอไปเยี่ยมอากงได้มั้ยคะ"
มารดาของหม่อมหลวงธุวดารานั้นมีบิดาเป็นคนจีน กล่าวคือคุณตาของเธอเป็นคนจีนที่เข้ามาค้าขายจนสร้างฐานะให้เป็นปึกแผ่น เขาตั้งรกรากในชุมชนคนจีนจนต่อมามีการตัดถนนลากผ่านบริเวณนั้น เรียกว่าเยาวราช ตอนที่หม่อมหลวงธุวดารายังเป็นเด็ก มารดาของเธอเคยพาเธอมาเยี่ยมคุณตาอยู่บ่อยๆ จนกระทั่งมารดาของเธอเสียชีวิต เธอจึงหาโอกาสมาเยี่ยมคุณตาเพียงลำพังยากขึ้น
“ได้สิจ้ะ พี่เองก็ไม่ได้พาแพรมาเยี่ยมท่านเลย งั้นเราแวะซื้อของฝากติดไม้ติดมือไปให้ท่านด้วยดีกว่า"
คุณตาของหม่อมหลวงผู้น้องนั้นมีชื่อจีนว่าหย่วน แต่มีชื่อภาษาไทยว่ายิ่ง แรกเริ่มนั้นค้าขายยาสมุนไพรจีนโดยเช่าห้องแถวในเยาวราช จนกิจการขยายใหญ่โต กลายเป็นเจ้าของร้านขายยาแผนโบราณและปัจจุบัน มีทั้งยาจีนและยาฝรั่งนำเข้าจากต่างประเทศ มีชื่อเสียงไปทั่วพระนคร ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จักร้านขายยาเลื่องชื่อแห่งนี้
รถยนต์ฝรั่งจอดเทียบที่หน้าตึกสามชั้นขนาดใหญ่ ด้านล่างเห็นได้ชัดว่ามีตู้เรียงรายเต็มไปหมด ภายในเต็มไปด้วยยาและสมุนไพรชนิดต่างๆ หญิงสาวร่างระหงทั้งสองก้าวเข้ามาด้วยท่าทีคุ้นเคย สาวใช้ประจำร้านเมื่อเห็นว่าใครเดินเข้าร้านก็จำได้ทันทีว่าเป็นหลานของเจ้านายของเธอ
“คุณแพร คุณพิมพ์ มาเยี่ยมเจ้าสัวเหรอคะ เชิญด้านในเลยค่ะ"
คุณตาของคุณแพรค้าขายจนเป็นเศรษฐีที่มั่งคั่ง ดังนั้นหลายๆ คนจึงออกปากเรียกเขาว่าเจ้าสัว
“แพรไม่เจอแม้นตั้งหลายเดือน สบายดีหรือเปล่าคะ"
“สบายดีค่ะ แต่งานที่ร้านยุ่งมากๆ ลูกค้าสั่งยาฝรั่งชุดใหญ แทบจะทำงานกันไม่ทันแล้ว"
“อย่างนี้อากงกับน้ากิมเล้งคงเหนื่อยแย่" เธอปรารถเบาๆ
“เจ้าสัวท่านบ่นคิดถึงคุณแพรตลอดแหละค่ะ วันนี้คุณแพรมาหาท่านได้ ท่านคงดีใจมากเลยล่ะค่ะ"
พูดจบสาวใช้ร่างเล็กก็ส่งสองพี่น้องแค่ประตูสู่ห้องนั่งเล่น พวกเธอหย่อนกายลงบนชุดเก้าอี้ไม้แกะสลัก เก้าอี้นั้นมีฐานเป็นรูปวงกลม ไม่มีพนักพิง โต๊ะกลมตรงกลางมีกาน้ำชาและถ้วยจำนวนหนึ่งวางอยู่ ภายในห้องมีเครื่องลายครามจากประเทศจีนวางอยู่เรียงราย เครื่องเรือนต่างๆ ล้วนแล้วแต่เป็นของจีนทั้งสิ้น
“อาแพร ไหน มาหาอากงซี"
ชายชราศีรษะขาวโพลนเดินเข้ามาในห้องอย่างกระฉับกระเฉง เขาเป็นคนร่างเล็กและมีหลังโก่งงอเล็กน้อยเฉกเช่นคนวัยชราทั่วไป วันนี้เจ้าสัวสวมเสื้อกุยเฮงกับกางเกงแพรอย่างที่คุณแพรเห็นมาตั้งแต่เด็ก เมื่อเธอเดินเข้าไปหาใกล้ๆ ก็ได้กลิ่นยาจีนติดอยู่ เป็นกลิ่นประจำตัวของคุณตาของเธอ
“ว่าไงคุณพิมพ์ ไม่เห็นหน้าค่าตากันเสียนาน"
“สวัสดีค่ะคุณตา วันนี้พิมพ์กับแพรซื้อขนมมาฝากด้วยค่ะ เดี๋ยวแม้นคงจัดมาให้"
“ไม่เห็นต้องซื้ออะไรมาฝากเลย แค่หลานๆ มาเยี่ยมก๋งก็ดีใจแล้ว" ผู้อาวุโสกล่าวอย่างจริงใจ เขาหันกลับมาถามหลานสาวแท้ๆ "อาแพร ปีนี้จะเรียนจบรึยัง"
“ตอนนี้แพรขึ้นปีสี่ค่ะ ปีสุดท้ายแล้ว อีกไม่นานอากงจะมีหลานสาวเป็นบัณฑิตแล้วนะ" เธอพูดจ้อยๆ พร้อมกับรินน้ำชาใส่แก้วกระเบื้องเล็กๆ ตรงหน้าให้กับผู้มีศักดิ์เป็นตา
“แล้วเมื่อไหร่จะแต่งงานล่ะ อายุยี่สิบกว่าแล้วนา"
หม่อมหลวงธุวดาราชะงัก ใบหน้าสวยคมดูอึ้งไปเล็กน้อย ผิดกับผู้เป็นพี่สาวที่หัวเราะเบาๆ กับคำถามของผู้อาวุโส
“ผู้หญิงสมัยใหม่ไม่รีบออกเรือนตั้งแต่สิบห้าสิบหกแบบเมื่อก่อนแล้วนะคะอากง แพรอยากเรียนให้จบก่อนแล้วค่อยคิดเรื่องนี้" เธอเว้นไปครู่หนึ่งพร้อมกับเลื่อนสายตาลงต่ำ "อีกอย่างใครจะมาเกี้ยวพาราสีผู้หญิงนิสัยพิลึกพิลั่นอย่างแพรเล่าคะ เห็นทีอากงคงต้องเลี้ยงหลานสาวคนนี้ไปตลอดชีวิตเสียแล้วซี"
“พูดอะไรอย่างนั้น อาแพรออกจะสวย ถึงตัวจะซีดไปหน่อย"
“อากง!” ทั้งสามหัวเราะร่วนออกมา เป็นที่รู้กันดีว่าคุณแพรมักโดนล้อที่มีผิวขาวแบบคนจีน แต่ก็ไม่ใช่การเสียดสีอย่างจริงจัง มักมองว่าเป็นเรื่องตลกภายในครอบครัวมากกว่า
“ถ้าอากงอยากไปงานรดน้ำสังข์ล่ะก็ เตรียมตัวไว้เลยค่ะ อีกไม่นานพี่พิมพ์ก็จะออกเรือน ไปเป็นแม่บ้านให้กับคุณชายภาสกรแล้ว"
หม่อมหลวงพิมพ์รัมภาตกใจเล็กน้อยเมื่อน้องสาวยกชื่อเธอเข้าไปเกี่ยวในบทสนทนา ดวงหน้าหวานมีท่าทีเหนียมอาย
“น้องแพร พูดอะไรกัน ยังไม่มีใครตกลงปลงใจอะไรเสียหน่อย"
“ใครว่าล่ะคะ ผู้ใหญ่ฝ่ายนั้นแทบจะยกขันหมากมาสู่ขอพี่พิมพ์อยู่แล้ว แพรขอเดาว่างานเลี้ยงวันเกิดหม่อมป้าจะเป็นวันเปิดตัวคู่หมั้นของพี่ชายภาสแน่ๆ"
“คุณพิมพ์มีคุณสมบัติแม่ศรีเรือนครบถ้วน ผู้ชายคนไหนได้แต่งงานด้วยก็ถือเป็นผู้ชายที่โชคดีมาก" ชายชรากล่าวพร้อมกับรอยยิ้มเอ็นดู หม่อมหลวงพิมพ์รัมภายิ้มรับอย่างเรียบร้อย "อาแพรน่ะม้าดีดกะโหลก ไม่ได้ไปยกน้ำชากับใครเขาหรอก"
“ถึงไม่ได้ยกน้ำชา แต่แพรจะไปสาบานรักกันในโบสถ์ต่อหน้าบาทหลวงเลยล่ะค่ะ ถ้าคนไทยไม่ชอบผู้หญิงอย่างแพร แพรก็จะแต่งงานกับฝรั่งหัวแดงให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย"
“จะคนชาติไหน พันธุ์อะไรอากงไม่เคยรังเกียจ ขอแค่เป็นคนดีก็พอแล้ว อาเหล่ากงเองก็เป็นคนจีนเสื่อผืนหมอนใบหวังมาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร เป็นคนต่างชาติ ต่างภาษา ถึงอากงก็เกิดและโตในไทย แต่ก็สำนึกมาตลอดว่าบรรพบุรุษนั้นมาจากไหน อากงไม่รังเกียจฝรั่งหัวแดง เพราะอากงรู้ว่าลึกๆ แล้วเราก็เป็นคนต่างชาติในสายตาชาวสยามเช่นกัน"
ทั้งสามคนสนทนากันอย่างออกรสอีกพักใหญ่ หม่อมหลวงพิมพ์รัมภานึกขึ้นได้ว่าทำไมขนมที่เธอฝากให้สาวใช้เตรียมเพื่อยกขึ้นมาให้เจ้าสัวรับประทานนั้นยังไม่มาเสียที จึงขอตัวไปดูว่าสาวใช้คนนั้นจัดการให้แล้วหรือยัง
ร้านของเจ้าสัวตั้งอยู่ภายในตึกสามชั้นขนาดใหญ่ เจ้าสัวรับรองหลานสาวทั้งสองที่ห้องรับแขกบนชั้นสอง หม่อมหลวงพิมพ์รัมภาจึงต้องเดินลงมาชั้นล่างเพื่อตามหาแม้น สาวใช้เก่าแก่ของเจ้าสัว ภายในร้านมีคนงานเดินไปมาอยู่ตลอด ทั้งหญิงและชาย เนื่องจากเป็นร้านขนาดใหญ่พิเศษ จึงต้องมีลูกจ้างคอยทำงานอยู่ตลอด สายตาของเธอกวาดไปโดยทั่วแต่ก็ไม่เห็นแม้น นึกหนักใจว่าเจ้าตัวหายไปไหน แล้วก็พบกับชายหนุ่มหน้าตามอมแมมที่เพิ่งเดินออกมาจากหลังร้าน เธอจึงตรงปรี่เข้าไปถาม
“ขอโทษนะจ๊ะ เธอพอจะรู้ไหมว่าแม้นอยู่ไหนเหรอ ฉันมองหาไม่ยักเจอ"
เขาหยุดเดินแล้วมองหน้าเธออย่างอึ้งๆ แต่แล้วก็ตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“ป้าแม้นออกไปข้างนอกเมื่อครู่นี้เองครับ บอกว่าจะไปซื้อของที่ตลาด"
“แล้วกัน" เธอถอนหายใจอย่างผิดหวัง ฉับพลันก็นึกขึ้นได้ว่าลูกจ้างหนุ่มตรงหน้าคงว่างอยู่ เพราะช่วงเวลานี้ก็ยังไม่มีลูกค้าเข้าร้าน "เธอคงว่างอยู่สินะ ฉันขอแรงมาช่วยทีสิ"
เมื่อเธอกล่าวจบก็เดินนำหน้าเขาไปทันทีโดยไม่รอคำตอบ ชายหนุ่มชะงักไปชั่วครู่หากก็เดินตามไปแต่โดยดี ห้องครั้วนั้นอยู่ด้านหลังร้าน ภายในมีอุปกรณ์ทำครัวเกือบทุกชนิด หม่อมหลวงพิมพ์รัมภามองเห็นถุงขนมที่เธอนำมาให้เจ้าสัวถูกวางไว้อย่างไม่ใส่ใจ เธอตรงเข้าไปจัดการเตรียมใส่ภาชนะอย่างดี คนที่เดินตามหลังเธอมาได้แต่มองว่าเธอเรียกให้เขามาทำไม
“เธอเคยขึ้นไปบนตึกบ้างไหมจ๊ะ รู้ไหมว่าห้องรับแขกอยู่ตรงไหน" เธอเงยหน้าขึ้นจากอาหารตรงหน้าแล้วถามชายหนุ่ม
“รู้ครับ เคยขึ้นไปหาเจ้าสัวอยู่บ่อยๆ"
“หืม แปลกจัง นึกว่าท่านอนุญาตเฉพาะคนงานเก่าแก่ให้ขึ้นไปบนตึกได้เสียอีก แต่ก็ดีแล้ว เธอช่วยยกขนมจานนี้ขึ้นไปให้ท่านทีนะ" เธอยื่นจานกระเบื้องที่มีขนมสีสันสวยงามวางอยู่อย่างเป็นระเบียบให้กับคนงานตรงหน้า เมื่อเขารับไปแล้วเธอก็หันไปจัดการทำความสะอาดเศษขยะและเช็ดมือให้เรียบร้อย โดยที่ไม่ทันสังเกตเลยว่าใบหน้าของคนที่เธอเข้าใจว่าเป็นคนงานของร้านนั้นมีท่าทีติดตลกอยู่ไม่น้อยทีเดียว
“อาหมิง อาหมิง ลื้ออยู่ไหน"
เสียงร้องระดับแปดหลอดของสตรีวัยกลางคนดังมาจากในตัวบ้าน เจ้าของชื่อเมื่อได้ยินก็อดแอบคิดในใจไม่ได้ว่าเรียกดังขนาดนี้ หากเขาอยู่ถึงเมืองจีนก็คงได้ยินได้ไม่ยาก ชายหนุ่มวางไขควงลงบนกระโปรงรถ มือที่เปื้อนน้ำมันเครื่องของรถยนต์ตรงหน้าเมื่อเขาเอามาป้ายหน้าผากเพื่อเช็ดเหงื่อ กลับทำให้บนใบหน้าของเขามีคราบสีดำเปื้อนเต็มไปหมด เสื้อคอปกสีซีดตัวเก่าที่เขาเลือกใส่ก็มีรอยของน้ำมันเครื่องกระจายเป็นหย่อมๆ บ่งบอกว่าเขาเพิ่งละมือมาจากการซ่อมรถครั้งใหญ่
“อยู่นี่คร้าบ ม๊าเรียกผมมีอะไรรึเปล่า" เขาตอบพร้อมกับเดินไปที่ประตูหน้าบ้าน
“นี่แน่ะ อาเจ็กเพิ่งได้ใบชามาจากเมืองจีน หายากทั้งนั้น เอามาฝากตั้งเยอะตั้งแยะ ลำพังบ้านเราบ้านเดียวกินไม่หมดหรอก เอาไปฝากเจ้าสัวหย่วนดีกว่า"
ครอบครัวของเขามีความสัมพันธ์อันดีกับเจ้าสัวหย่วนหรือเจ้าสัวยิ่งมานาน คุณตาของเขาเป็นเพื่อนกับเจ้าสัวมาตั้งแต่เด็ก ทั้งสองครอบครัวก็ทำการค้าอยู่ในชุมชนเดียวกัน สนิทสนมกันมาเป็นสิบๆ ปี คอยจุนเจือเกื้อหนุนกันมิได้ขาด เมื่อมีสินค้าดีๆ มาถึงมือ ก็มักจะนึกถึงกันเป็นธรรมดา
อาหมิง หรือชื่อไทยว่า ดนัย รับถุงกระดาษสีน้ำตาลขนาดใหญ่จากมือมารดาของตน ร้านขายยาของเจ้าสัวอยู่ไม่ไกลนัก เดินไปไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว ด้วยความที่เขาคุ้นเคยกับที่นั่นและไม่คิดว่ามีธุระทางการแต่อย่างใด จึงไม่ได้คิดจะเปลี่ยนชุดหรือล้างหน้าล้างตาให้หายมอมแมมเสียก่อน
เมื่อเดินมาถึงเขาตั้งใจจะฝากถุงใบชาไว้กับสาวใช้ในบ้าน เขาพบกับแม้น สาวใช้คนเก่าแก่ของเจ้าสัวกำลังเดินออกมาจากร้านพอดี
“อ้าวป้าแม้น สวัสดีครับ ผมเอาใบชาจากเมืองจีนมาฝากเจ้าสัว ตั้งใจจะมาหาป้าแม้นพอดี"
“ดนัยเองเหรอ วันนี้ป้ารีบไปซื้อของที่ตลาด กลัวว่าจะหมดแผงก่อน ป้าฝากดนัยเอาของไปวางไว้ในครัวก่อนนะ พอป้ากลับมาจะบอกเจ้าสัวให้นะจ๊ะ" กล่าวจบหญิงวัยห้าสิบกว่าก็รีบย่ำเท้ามุ่งหน้าไปยังตลาดทันที เขามองตามอย่างงงๆ แล้วจึงเดินเข้าไปภายในร้านเพื่อนำของฝากไปวางไว้ในห้องครัว แต่พอตอนจะเดินออกมานั้น กลับมีหญิงสาวที่เขาไม่เคยเห็นหน้าเรียกเขาไว้เสียก่อน
ตั้งแต่เดินเข้าออกร้านขายยาของเจ้าสัวตั้งแต่จำความได้ เขาไม่เคยพบสตรีสาวสวยตรงหน้ามาก่อนเลย แต่เธอกลับเข้าใจว่าเขาคือคนงานภายในร้านเสียอย่างนั้น อาจเป็นเพราะความมอมแมมบนใบหน้าและเสื้อผ้าของเขานั่นเองที่ทำให้เธอเข้าใจผิด หญิงสาวรูปงามคนนี้คงไม่ใช่คนธรรมดาแน่ เสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวล้วนแล้วแต่เป็นของมีราคา กริยาวาจาก็นุ่มนวลอ่อนหวาน เขานึกไม่ออกว่าเธอเป็นใคร เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าสัว
เธอวานให้เขายกจานขนมขึ้นไปบนตึก เขาเองก็รับคำอย่างว่าง่าย ประหนึ่งเป็นคนใช้ของบ้านนี้จริงๆ ซึ่งตัวเขาเองกลับมองว่าเป็นเรื่องน่าขันมากกว่า นึกในใจว่าหากจะออกจากบ้านจะไม่ยอมออกมาด้วยสภาพสกปรกแบบนี้เด็ดขาด
เขาเดินมาถึงห้องรับรองแขกด้านบนที่เขาคุ้นเคยดี หลายครั้งที่เจ้าสัวเชิญครอบครัวของเขามารับประทานอาหารหรือพูดคุยกันที่นี่ เขาได้ยินเสียงสนทนาของเจ้าสัวและผู้หญิงอีกหนึ่งคน เดาว่าคงเป็นแขกที่มาพร้อมกับหญิงสาวที่เขาพบเมื่อครู่นี้
“ขอโทษนะครับ" เขาหยุดอยู่ที่ประตูทางเข้าห้องรับแขก "คุณผู้หญิงที่อยู่ด้านล่างให้ผมนำขนมจานนี้มาให้เจ้าสัวครับ"
“อ้าว อาหมิง ลมอะไรหอบมาล่ะนี่" ชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับวางจานกระเบื้องลงที่โต๊ะ เขาทำความเคารพผู้อาวุโสอย่างนอบน้อมก่อนจะตอบ
“ม๊าให้ผมเอาใบชาจากเมืองจีนมาฝากเจ้าสัวครับ บังเอิญว่าผมซ่อมรถยนต์ให้ป๊าอยู่ สภาพเลยเป็นอย่างที่เห็น" เขาตอบพร้อมกับหัวเราะอย่างอายๆ
ชายชราระเบิดหัวเราะออกมา "สงสัยคุณพิมพ์เธอจะเข้าใจว่าอาหมิงเป็นคนใช้ของอากงเสียแล้ว"
หม่อมหลวงพิมพ์รัมภาเดินเข้ามาในห้องรับแขกพอดี เธอเห็นชายหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ เจ้าสัว จึงเกิดความแปลกใจขึ้นมา
“คุณพิมพ์ นายคนนี้เขาชื่ออาหมิง เป็นหลานของเพื่อนอากงเอง บังเอิญวันนี้อาหมิงแต่งตัวซอมซ่อไปหน่อย เลยทำให้คุณพิมพ์เข้าใจผิดว่าเขาเป็นคนใช้"
ใบหน้าหวานของหม่อมหลวงพิมพ์รัมภาขึ้นสีแดงระเรื่อ เธอมีอาการตกใจและกล่าวขอโทษขอโพยชายหนุ่มตรงหน้าเป็นการใหญ่ น้องสาวของเจ้าหล่อนก็หัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน ยิ่งทำให้เธออับอายเข้าไปใหญ่ แต่เขากลับไม่มีอาการโกรธหรือไม่พอใจแม้แต่นิด ใบหน้าที่เปื้อนน้ำมันเครื่องกลับยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน ดวงตาเรียวยาวอย่างคนจีนเมื่อยิ้มแล้วทำให้กลายเป็นเส้นตรงเฉียงขึ้นไป เหมือนกับเขาสามารถยิ้มได้ด้วยดวงตาอย่างไรอย่างนั้น
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือ ได้ลองปลอมตัวแบบในหนังนับว่าสนุกอย่างไม่น่าเชื่อ"
“อาหมิงเป็นถึงหมอรักษาคนไข้ พูดอย่างกับเด็กซนๆ เสียอย่างนั้น"
“โถ่ อากงครับ อยู่ในโรงพยาบาลเครียดจะตาย ต้องหาเรื่องสนุกๆ ทำคลายเครียดบ้างซีครับ"
หลานสาวทั้งสองของเจ้าสัวมีสีหน้าทึ่งเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าชายหนุ่มหน้าตาสกปรกซกมกตรงหน้านั้นมีอาชีพเป็นถึงแพทย์ทีเดียว
“อาหมิงทำความรู้จักหลานของอากงเอาไว้สิ นี่หม่อมหลวงพิมพ์รัมภา และหม่อมหลวงธุวดารา ลูกสาวของอากงไปแต่งงานกับคุณชายก้องเกียรติ วรพัฒน์ คุณพิมพ์น่ะเป็นลูกสาวของภรรยาคนแรก ลูกสาวอากงเป็นภรรยาคนที่สอง แม่ของอาแพรนั่นแหละ"
หญิงสาวทั้งสองยกมือไหว้ชายหนุ่มตรงหน้า โดยเฉพาะผู้เป็นพี่สาวนั้นติดจะอายอยู่เล็กน้อย
“ผมชื่อดนัยครับ อาจจะไม่ใช่ในสภาพที่เหมาะเท่าไหร่ แต่ก็ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ" เขากล่าวพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่นเช่นเคย
“คุณดนัยทำงานที่โรงพยาบาลไหนเหรอคะ" หม่อมหลวงธุวดาราถามขึ้น
“โรงพยาบาลวังหลังครับ"
“อาแพรรู้ไหม อาหมิงน่ะเรียนจบจากเมืองนอกเทียวนา เห็นหน้าตาดูไม่ได้แบบนี้ก็เถอะ" ชายอาวุโสกว่ากล่าวอย่างติดตลก
“น่าเสียดายนะครับ ถ้ารู้มาก่อนว่าจะต้องพบกันคุณๆ ทั้งสอง ผมคงแต่งตังมาให้เรียบร้อยกว่านี้ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ"
“โอ้โห จบนอกด้วยหรือคะ แสดงว่าคุณดนัยต้องเรียนเก่งมากๆ เลยนะคะเนี่ย" หม่อมหลวงธุวดารากล่าวอย่างชื่นชม เขามองท่าทีอันตื่นเต้นของหม่อมหลวงคนน้องอย่างเอ็นดู เขาสังเกตว่าสตรีผู้เป็นพี่สาวนั้นติดจะเงียบอยู่สักหน่อย แต่เอาแต่นั่งนิ่งแล้วฟังผู้อื่นสนทนาเสียมากกว่า
ดนัยสนทนากับเจ้าสัวและหลานสาวต่ออีกสักพักก็ขอตัวลากลับบ้าน ด้วยมีงานซ่อมรถรออยู่ประการหนึ่ง และด้วยการแต่งกายที่ไม่เหมาะสมทำให้เขารู้สึกประหม่าที่จะอยู่ต่อไปอีกประการหนึ่ง เมื่อเขากลับมาถึงบ้าน ก็พบผู้เป็นมารดากำลังนั่งเขียนบัญชีอยู่ที่โต๊ะหน้าร้าน
“กลับมาแล้วหรือ อาหมิง ไปเสียนานจนอั๊วคิดว่าลื้อหาทางกลับบ้านไม่เจอ"
“ม๊า ลูกสาวของเจ้าสัวคนไหนที่ไปแต่งงานกับหม่อมราชวงศ์เหรอ"
มารดาของดนัยเงยหน้าจากสมุดบัญชีพร้อมกับทำหน้าครุ่นคิด
“เอ... อั๊วะก็ไม่แน่ใจ" แต่แล้วเธอก็มีทีท่าว่านึกออกแล้ว "อุบลไง อาหมิง ลูกสาวคนที่สวยที่สุดของเจ้าสัว แต่เธอเสียไปหลายปีแล้ว เห็นว่ามีลูกสาวหนึ่งคน ว่าแต่ลื้อไปรู้มาจากไหน"
“เมื่อกี้ผมเจอหลานสาวของเจ้าสัวน่ะซี ก็เลยสงสัยว่าเจ้าสัวมีหลานเป็นหม่อมหลวงเหรอ ไม่เคยได้ยินเจ้าสัวพูดถึงเลย"
“เจ้าสัวมีลูกเป็นสิบคน จะให้พูดถึงลูกหลานทุกคนก็คงนับกันไม่หวาดไม่ไหว"
แล้วเรื่องราวของครอบครัวเจ้าสัวก็จบลงตรงนั้น หญิงวัยกลางคนก้มหน้าก้มตาทำบัญชีต่ออย่างเคย ชายหนุ่มผู้เป็นบุตรจึงไม่เซ้าซี้มารดาของเขามากกว่าไปกว่านั้น ถึงแม้ว่าเขาจะรู้แล้วว่าหม่อมหลวงธุวดาราคือหลานสาวแท้ๆ ของเจ้าสัว แต่ในใจกลับมีใบหน้าสวยหวานของผู้เป็นพี่สาวโผล่เข้ามา แก้มนวลที่มีสีแดงระเรื่อเมื่อรู้ความจริงว่าเขาเป็นใครนั้นช่างน่าชมจนเขาอดประทับใจไม่ได้ ชายหนุ่มได้แต่นึกในใจว่าเมื่อไหร่กันหนอ ที่เขาจะได้มีโอกาสพบกับเธออีกครั้ง และเขาจะไม่ปล่อยโอกาสครั้งนั้นให้หลุดลอยไปเฉยๆ อย่างวันนี้อีกแล้ว
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น