คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Paranoid
SEVEN ROYALS
"ข่าวจากอาร์เจนโต้เป็นยังไงบ้าง"
ร่างสูงโปร่งบนหลังม้าตัวใหญ่สีดำเอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงราบเรียบ ใบหน้าคมมองตรงไปที่กลุ่มคนที่กำลังใช้อาวุธต่อสู้กันอยู่ด้านหน้า ชายคนที่ถูกถามเริ่มรู้สึกทำตัวไม่ถูกขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุเพราะสายตาคมกรุ่มกริ่มที่ถูกส่งมาทางเขา
" เออ..... ข้าได้ไปไถ่ถามพวกชาวเรือที่นำเรือมาเทียบท่า ได้ข่าวเล่าลือจากพวกมองโกลว่าเห็นเงาประหลาดผ่านเรือของพวกเขาไปแถวๆ น่านน้ำแถวอลาเทอร์เรียลขอรับ"
ร่างสูงโปร่งยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ แต่ประโยคต่อมาทำให้เขาหุบยิ้มลงอย่างเบื่อหน่าย
" แต่ข้าได้มาเท่านี้ หลังจากนั้นหลายวันข้าได้เข้าไปสืบมาใหม่ พอข้าไปถามก็ไม่ได้รับคำตอบอะไรอีกเลย ทุกคนในเมืองนั้นทำเหมือนเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น และข้าได้ยินมาว่าเจ้าเมืองคาเมนเดินทางมาที่อาร์เจนโต้ด้วย นี่อาจจะเป็นสาเหตุ" เขารู้สึกหงุดหงิดปนรำคาญใจขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ พวกคาเมนอย่างนั้นเหรอ ยองแจ..... เจ้าเมืองที่สุขสำราญอยู่แต่ในเมืองของตน คงต้องมีใครส่งไปแน่ๆ และคงไม่พ้นเจ้าบ้าน่ารำคาญนั่นอีกแล้วล่ะซิ
แจบอมจำได้ว่าเมื่อเช้าเขาค่อนข้างรู้สึกสดชื่นและอารมณ์ดี แต่ตอนนี้คงไม่ใช่....
" จีเซล ตามมันไป..... "
สิ้นเสียงคำสั่ง หมาป่าสีเทาตัวใหญ่ที่นั่งสงบนิ่งอยู่ข้างๆ ก็ทะยานข้ามหิมะสูงทับถมกัน ตามด้วยฝูงหมาป่าอีกสิบกว่าตัว พวกมันลงฝีเท้าเบาหวิวและรวดเร็วราวกับวิ่งลอยอยู่บนหิมะ ตาคมเรียวจับจ้องหมาป่าสีเทาตัวใหญ่ที่สุดของตนที่วิ่งนำฝูงและกองพลทหารม้าอยู่ด้านหน้า ขนสีเทาปลิวตามแรงลม มันส่งเสียงคำรามก่อนจะพุ่งเข้าหาพวกทหารเถื่อนที่กระจุกตัวรวมกันทำอะไรไม่ถูก เสียงร้องโหยหวนดังเซ็งแซ่อย่างเจ็บปวดเมื่อเหล่าฝูงหมาป่ากระโจนเข้าฝังเขี้ยวและกรงเล็บแหลมคมใส่พวกนั้น พลทหารม้าตีวงล้อมพวกนั้นอีกทีเป็นวงกว้าง ปากบางยิ้มชอบใจ ตวัดลงจากหลังม้าตัวใหญ่พลางเดินทอดน่องเอื่อยๆ ไปกลางวงที่พวกนั้นกำลังตะลุมบอนกันอยู่
" จีเซล พอแล้วล่ะนะ มานี่มา "
เมื่อได้ยินดังนั้น ฝูงหมาป่าทั้งหมดจึงตีวงออกห่างจากพวกทหารเถื่อนที่ไปกระจุกตัวรวมกันกลางวงล้อมของฝูงสัตว์ขนฝูและทหารม้ากว่าร้อยนาย แจบอมเดินเข้าไปใกล้ชายที่ยืนจังก้าอยู่หน้าสุดของพวกทหารเถื่อน เขาดูหวาดกลัวและหมดหวัง จีเซลตามนายของมันไปติดๆ ตาของสัตว์ป่าจับจ้องชายคนนั้นไม่กระพริบ ฝังกรงเล็บแหลมคมจมลงพื้นหิมะ ถ้าเกิดมีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้านายของมันละก็ มันก็พร้อมจะกระโจนฉีกร่างคนตรงหน้ามันได้ทันที แจบอมยิ้มกริ่ม มือหนาตบบ่าหัวหน้ากองกำลังเถื่อนเบาๆ
" โทษทีๆ หนักมือไปหน่อย ตายไปตั้งหลายคนแหนะ แต่นี่แค่ส่วนน้อยที่เป็นแกนนำนี่นา ยังมีอีกเยอะนี่ ตามแนวเทือกเขาใช่มั้ย แล้วนี่คิดยังไงจะก่อกบฏละเนี่ย ลำบากพวกข้าจริงๆ "
ชายหนุ่มถอนหายใจทอดมองผ่านไหล่ของคนตรงหน้าไปที่กลุ่มคนทางด้านหลัง พวกเขาบาดเจ็บและหวาดกลัว หัวหน้าพลเถื่อนมองมาที่เขาอย่างเกลียดชัง ถุยน้ำลายสกปรกไปด้านข้างอย่างเหยียดหยาม
" หึ ท่านคงจะโดนไอ้สิงโตบ้าอำนาจนั่นสั่งมาอีกทีละซิ กลายเป็นสุนัขรับใช้เต็มตัวแล้วซินะ "
ปากบางยิ้ม ใบหน้าคมพยักหน้ายอมรับ
" เอาจริงๆ ก็ใช่ กูเรี่ยนสั่งข้ามาให้ปราบปรามพวกแก ความจริงแล้วเจ้านั่นมันก็ไม่ได้บ้าอำนาจอะไรมากมายหรอกนะ แต่แกก็แค่รู้สึกไม่ชอบใจที่ดินแดนเราดูเป็นรองอยู่ภายใต้พวกกูเรี่ยน อยากจะให้ดินแดนเราเป็นใหญ่ในเซเว่นรอแยลใช่มั้ยล่ะ " เสียงเนือยๆ สบายๆ ของแจบอมยิ่งกระตุ้นต่อมโทสะของชายตรงหน้าเขาเข้าไปใหญ่
"นี่แหละน้าาาา พวกละโมภในอำนาจ " ใบหน้าคมโน้มเข้าไปกระซิบใกล้ๆ มือหนาไพล่ไปด้านหลัง
"ข้าก็ต้องการแบบนั้นเหมือนกัน "
แจบอมยิ้มยิงฟันก่อนจะเหวี่ยงดาบไปที่ลำคอคนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ศีรษะกลิ้งไปตามพื้น เลือดสีแดงข้นสาดกระเซ็นไปตามพื้นหิมะสีขาวเหมือนกลีบดอกกุหลาบกระจายรอบพื้นยังไงยังงั้น
" ข้ามันเป็นประเภทเอื่อยเฉื่อยซะด้วยซิ ขอบใจมากนะที่อุตส่าห์รวบรวมกำลังพลเถื่อนขึ้นมาได้ขนาดนี้ ข้าขอรับไว้ด้วยความยินดีสุดๆ เลยล่ะ " ร่างสูงตวัดดาบไปทางกลุ่มคนที่ยืนร่วมกันตรงกลาง จีเซลเดินไปยืนข้างๆ นายของมัน ฝูงหมาป่าตัวอื่นนั่งรอคอยคำสั่ง
แจบอมกวักมือเรียกนายทหารรับใช้ให้วิ่งมาหาตน
" ให้ม้าเร็วไปป่าวประกาศให้พวกกองกำลังเถื่อนที่เหลือทั้งหมดว่า พวกมันได้นายใหม่แล้ว แล้วก็....."
มือหนาใช้ดาบเขี่ยศีรษะบนพื้นไปทางนายทหารคนนั้น
" อย่าลืมเอาหัวนี่ไปด้วยล่ะ "
SEVEN ROYALS
เสียงลงส้นเท้ากับพื้นหินอ่อนสีนวลดังก้องกังวาลในห้องโถงใหญ่เพดานสูง เรียวขาก้าวลงจังหวะสม่ำเสมอไปที่มุมห้อง มือขาวผลักบานประตูไม้แกะสลักลวดลายชดช้อยมีสิงโตสองตัวหันหน้าชนกัน ตาเรียวดำขลับมองเข้าไปในห้องที่เต็มไปด้วยตู้หนังสือสูงชะลูดตรงไปที่ชายหนุ่มที่นั่งอ่านม้วนสารกระดาษมากมายบนโต๊ะทำงานโดยไม่ได้หันมาสนใจเขาแม้แต่น้อย จินยองเดินผ่านมาร์คไป เอื้อมหยิบหนังสือเล่มหนาบนชั้นไม้ นิ้วเรียวเปิดมันทีละหน้า ตาสีเข้มไล่มองไปเรื่อยๆ เอนหัวไหล่แกร่งยืนพิงลงกับขอบชั้นไม้แข็งแรง ห้องทั้งห้องยังคงตกอยู่ในความเงียบ
" มาเร็วไปหน่อยนะ "
เสียงทุ้มของคนที่นั่งอ่านเอกสารอยู่บนโต๊ะยอมเอ่ยขึ้น จินยองยิ้มมุมปากยังคงยืนหันหลังให้ ตาคมเข้มยังคงไล่อ่านตัวอักษรในหนังสืออย่างเพลิดเพลิน ตอนนี้เขาค่อนข้างสนใจมันมากกว่าอีกคน
" อีกตั้งสามวันกว่าจะประชุมใหญ่ ทิ้งงานทิ้งบ้านเมืองหนีมาเที่ยวก่อนรึไง " มาร์คพูดเอื่อยๆ ยังคงไม่เงยหน้าจากเอกสารบนโต๊ะ
" เห็นข้าเป็นคนแบบนั้นหรือไง"
จินยองเก็บหนังสือบนชั้นก่อนจะเดินมานั่งไขว่ห้างบนโต๊ะทำงานของเขาอย่างสบายใจ การกระทำแปลกๆ ของจินยองทำให้เขาพอรู้ว่าเจ้าตัวมีเรื่องจะพูดกับเขาแต่ยังคงลังเลใจอยู่บ้าง มาร์ควางเอกสารทุกอย่างลง ถอยเก้าอี้ออกเล็กน้อย ขายาวยกขึ้นมานั่งไขว่ห้างบ้าง ตาคมจับจ้องไปที่คนตรงหน้า
" มีอะไรก็ว่ามา "
จินยองลุกขึ้นยืนกอดอกก่อนจะหันหน้ามาหาเขาพร้อมส่งใบหน้าเรียบเฉยมาให้
" เจ้าแอบสืบข่าวจากอลาเทอร์เรียลโดยไม่บอกข้า " เสียงนิ่งๆ ของจินยองทำให้เขาพอจะรู้ว่าเจ้าตัวดูไม่พอใจเอาการ ซึ่งเขาเองไม่รู้สึกแปลกใจเท่าไรนัก
" นี่ไง ถึงข้าไม่บอกเจ้า เจ้าก็จะรู้ได้อย่างรวดเร็ว " จินยองกอดอกพลางถอนหายใจ
" ใช่ ข้ารู้ได้อย่างรวดเร็วแน่ซิ ไม่รู้จักคำว่าตาเหยี่ยวรึไง ข้าแค่รู้สึกเหมือนโดนหักหลังนิดๆ ที่เจ้าไปพึ่งคาเมนมากกว่าอควิลา " มาร์คอมยิ้ม
" ข้าก็ไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้มาก เพียงแค่คิดว่าต้องหาข้อมูลกันไว้บ้างหลังจากได้ยินข่าวลือบางอย่างซึ่งข้าก็มั่นใจว่าก็คงถึงหูเจ้าเช่นกัน และข้าก็ไม่ต้องการให้อควิล่าที่เป็นศูนย์กลางด้านสัมพันธไมตรีของเซเว่นรอแยลมีส่วนรู้เห็นในการสืบเรื่องของพวกอลาเทอร์เรียล เจ้าเข้าใจใช่มั้ย "
ความจริงเขาก็พอรู้ว่าทำไมมาร์คไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเขา ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจหรืออะไรหรอก เพียงแต่เขาคิดว่ามันอาจจะเป็นความหวาดกลัวในใจลึกๆของมาร์ค ที่เจ้าตัวก็คงไม่ทันได้สังเกตุ แน่นอนเขาพอรู้ข่าวลือเรื่องนี้มาบ้างแต่มันช่างดูไร้สาระจนไม่คิดว่ามาร์คจะสนใจ และยิ่งรู้ว่ามาร์คอุตส่าห์ไปให้พวกคาเมนช่วยเขายิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้อาจจะไม่ธรรมดาก็ได้ แต่ก็นั่นแหละ เขาไม่คิดว่าจะมีพวกอลาเทอร์เรียลหลงเหลืออยู่อีกแล้ว
" มาร์ค พวกนั้นสูญสิ้นไปตั้งแต่สงครามใหญ่แล้วนะ อะไรทำให้เจ้ากังวลใจกับมันนัก เพราะคำพูดของโหรหลวงเฒ่าตอนที่เจ้าขึ้นครองราชย์หรือไง "
ร่างสูงโปร่งลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่ ตาคมทอดมองวิวด้านนอก บ้านเมืองจากมุมสูงในปราสาทของเขาทำให้มันดูกว้างใหญ่และสวยงามกว่าเดิม แสงแดดอ่อนๆ ที่ส่องสว่าง ฝูงนกพิราบสีขาวที่บินไปมาบนท้องฟ้าโปร่ง มือขาวตวัดผ้าม่านปิดหน้าต่างทำให้ในห้องจึงค่อนข้างมืดลงเล็กน้อย จินยองมองคนที่กำลังเดินเข้ามาใกล้เขา ตาคมจับจ้องมาที่เขา
" พวกนั้นสูญสิ้นไปตั้งแต่สงครามใหญ่แล้วนะ อะไรทำให้เจ้ากังวลใจกับมันนักเมื่อข้าตามสืบเรื่องนี้ เพราะคำพูดของโหรเฒ่าตอนที่ข้าขึ้นครองราชย์หรือไง " มาร์คถามเขาสวนกลับแบบที่เขาถามไปเมื่อครู่ เจ้าตัวยิ้มโชว์เขี้ยวอย่างกวนประสาท จินยองรู้สึกคันมืออยากจะสวนกำปั้นลงไปที่ปากหมอนี่แรงๆ ให้เขี้ยวนั่นหลุดกระเด็นหายไปจากสายตาเขาชะมัด
" วางใจเถอะ กูเรี่ยนไม่มีวันหักหลังอควิลาหรอก....... กับคนอื่นๆ ด้วย เจ้าก็รู้ " มาร์คพูดนิ่งๆ เว้นจังหวะไปเล็กน้อย
" ถ้าไม่มีใครมาหักหลังข้าก่อนน่ะนะ"
" งั้นเจ้าก็ต้องระแวงโลเวล ไม่ใช่ข้า " เขาพูดนิ่งๆ รู้สึกเริ่มจะโกรธคนตรงหน้าขึ้นมาจริงๆ เสียแล้ว มาร์คสบตาเขาพลางยิ้มเบาๆ มือเรียวจับเข้าที่บ่าของเขา ก่อนจะพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
" ข้าไม่เคยระแวงเจ้า และก็ไม่เคยระแวงใคร "
จินยองหัวเราะในลำคอ มองคนตรงหน้าพลางส่ายหัวอย่างหน่ายใจ มาร์คก้าวเดินไปที่ประตูก่อนจะหันมาหาเขาอีกครั้ง
" ออกไปล่าสัตว์กันหน่อยมั้ย "
เขาพยักหน้า
"ก็ดี รู้สึกคันมืออยากลงดาบที่อะไรซักอย่างอยู่เหมือนกัน "
SEVEN ROYALS
ตาสวยสีอ่อนมองลงไปที่คลื่นน้ำทะเลที่ไหลแหวกเป็นเกลียวตามทางที่เรือแล่น กลิ่นเค็มฉุนนั่นไม่เท่าไรแต่เรื่อที่โอนเอนไปมาตามแรงคลื่นนี่ซิที่ทำให้เขาเริ่มรู้สึกคลื่นไส้อีกครั้ง ปิดปากตัวแน่นรีบโก่งคอออกไปนอกเรือทันทีที่รู้สึกถึงของเหลวกำลังเอ่อล้นในคอ หูได้ยินเสียงภาษาที่ไม่เข้้าใจกำลังพูดเหมือนกับต่อว่าอยู่ด้านหลัง มือขาวใช้หลังมือเช็ดปากเบาๆ อย่างอ่อนแรง
" อยู่บนเรือมาเกือบเดือนแล้วนะ ยังไม่ชินอีกหรือไง "
เสียงหนาเข้มถามอย่างขำขัน ร่างกายกำยำผิวสีแทนเดินเข้ามาใกล้เขาที่นั่งหมดแรงอยู่ตรงริมขอบเรือ มือหนาโยนผ้าผืนเล็กๆ มาที่หน้าตักของเขา แจ็คสันมองชายคนนั้นอย่างขอบคุณ เขาคือคนที่นำเรือเล็กมาช่วยเขาไว้ ภายหลังถึงรู้ว่าชื่อ ซายิด ผู้ซึ่งพอจะพูดภาษาของเขาได้และมีรอยสักรูปดาบที่แขนซ้ายตามที่มาเซลเคยบอกไว้ พอคิดถึงมาเซลก็รู้สึกถึงน้ำอุ่นๆ ตรงขอบตาแต่ก็ต้องอดทนกลั้นเอาไว้ เขาจะอ่อนแออีกไม่ได้เด็ดขาด
" อีกนานมั้ยกว่าเราจะถึงแผ่นดิน " ร่างเล็กเอ่ยถามเสียงเบา หลับตาลงพยายามควบคุมอาการวิงเวียนศีรษะของตน ซายิดหัวเราะเอื้อมมือมาตบหลังเขาเบาๆ
" ถ้าเป็นปกติเจ้าคงต้องมาโก่งคออาเจียนแบบนี้อีกซักพักเลยล่ะ แต่ดูจากลมในช่วงนี้ข้าว่าคงไม่เกินวันสองวันนี้แหละก็น่าจะถึงละนะ " แจ็คสันรู้สึกใจชื้นอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินคำตอบ
" จริงหรือ ขอบคุณสวรรค์ " เขาพึมพัมกับตัวเองอย่างหมดแรง ตั้งแต่เกิดมานี่เป็นครั้งแรกที่เขาขึ้นเรือ และมันก็หนักหนาสาหัสสำหรับเขาไม่น้อย ซายิดดูเป็นคนดีกว่าที่เขาคาดหวังไว้ ถึงจะได้เงินไปแล้วแต่ชายคนนี้ก็ยังคงคอยดูแลเขาระดับนึง และลูกเรือคนอื่นๆ ก็ค่อนข้างเป็นมิตร เว้นแต่บางคนที่ดูน่ากลัวไปบ้างแต่แจ็คสันก็มั่นใจว่าทุกคนบนเรือนี้ดีกว่าไอ้อาเซทนั่นอย่างแน่นอน ซายิดมองร่างเล็กที่นั่งขดตัวนิ่งไปเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ตาสีดำมองไปที่ข้อเท้าขาวที่พันด้วยผ้าพันแผลไว้
" ข้อเท้าเจ้าหายดีรึยัง "
แจ็คสันพยักหน้า มือขาวดึงผ้าที่พันไว้ออกเผยให้เห็นรอยนูนสีแดงจางๆ เหนือตาตุ่ม แผลค่อนข้างสมานตัวดีแล้ว ร่างกำยำจับมันพลิกดูไปมาก่อนจะพยักหน้า
" แผลหายแล้วล่ะ ข้าล่ะสงสัยจริงๆ ว่าเจ้าไปทำผิดอะไรไว้ คนพวกนั้นถึงไล่ล่าเจ้าอย่างเอาเป็นเอาตายขนาดนั้น "
" ข้าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น.........ก็แค่ ขโมยเงินที่จะใช้สำหรับขึ้นเรือมานิดหน่อย " แจ็คสันตอบไปตามความจริง แต่ไม่ทั้งหมด
" อะไรทำให้เข้าอยากจะหนีจากที่นั่นนักล่ะ " ซายิดมองเขาอย่างสงสัย
" ทุกอย่าง " แจ็คสันตอบพึมพัมก้มหน้าลง
ชายผิวแทนมองร่างขาวตรงหน้าตน ผิวขาว ผมสีทองสว่าง ร่างกายที่มีแต่รอยแผล และในดวงตาที่หวาดกลัวและน่าสงสารในวันที่เขาเข้าไปช่วยคนตรงหน้าขึ้นจากเรือ เขารู้ว่าคนตรงหน้าเขาคงมีเรื่องมากมายที่ไม่อยากจะเล่าให้ใครฟังนักและเขาก็ไม่คิดจะถามสืบสาวราวเรื่องมาก
ตาสีอ่อนทองมองไปที่ตะวันที่ใกล้จะลับขอบฟ้าและกลุ่มก้อนเมฆดำทะมึนที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ สายลมเริ่มแรงขึ้นจนรู้สึกเจ็บผิวไปหมด ลูกเรือบนดาดฟ้าเรือเริ่มวิ่งวุ่นจับเชือกขึงใบเรือกันไปมา ซายิดฉุดเขาให้ยืนขึ้น
" เข้าไปข้างในเรือเถอะ ท่าทางวันนี้พายุคงหนักน่าดู เจ้าเตรียมกอดกาละมังใบใหญ่เอาไว้ได้เลย "
คำพูดของซายิดทำเอาแจ็คสันกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ท้องของเขาไม่มีอะไรเหลือจะให้อ้วกอีกแล้ว ขาเล็กก้าวลงบันไดเรือไปด้านใน เลี้ยวตัวเดินผ่านห้องเสบียงและห้องสินค้าไปที่ห้องพักของพวกลูกเรือ ร่างขาวตรงไปที่มุมห้องข้างๆ ที่นอนของซายิด นั่งลงบนเสื่อที่ถูกปูเอาไว้ มือขาวสะบัดผ้าห่มผืนบางขาดวิ่นเอามาคลุมตัวด้วยความหนาวก่อนจะเอนหลังขดตัวนอนอยู่ตรงมุมนั้น ในหัวคิดไปถึงสองสามวันก่อนที่เรือแล่นผ่านเกาะกลางทะเลเกาะนึง
เช้ามืดวันนั้นในระหว่างที่เขาขึ้นมาดาดฟ้าเรือเพื่อโก่งคออาเจียนแบบทุกๆ วัน ถ้าเขาไม่ฝาดหรือเพราะอาการเมาเรือมากเกินไป เขาเหมือนกับเห็นเงาบางอย่างโฉบลงบนเกาะนั้นอย่างรวดเร็ว ความกลัวเริ่มเกาะกินจิตใจเขาอีกครั้ง ภาวนาให้มันคือภาพหลอนที่เขาคิดไปเอง เซอร์เทรียลจะตามเขามาทำไมในเมื่อมันไม่ได้เชื่อฟังหรือเป็นมิตรกับเขาเสียหน่อย มันจะต้องยังอยู่ที่อลาเทอร์เรียลแน่ๆ ถึงมันจะเป็นมังกร มันก็ไม่มีทางที่จะบินข้ามน้ำข้ามทะเลติดต่อกันโดยไม่หยุดพักหรอก ในระยะเวลาเกือบเดือนที่แล่นเรือมาเขาสังเกตเห็นเกาะแค่ที่สองที่เท่านั้นที่มันจะสามารถลงไปพักได้ นอกนั้นก็มีแต่น้ำมหาสมุทร เขาคงจะระแวงและคิดมากเกินไป
ใช่ เขาหนีจากมันมาได้แล้ว ทั้งมังกรและคนเลวพวกนั้น เขาเป็นอิสระแล้ว
เปลือกตาขาวปิดลงพร้อมกับหัวใจที่หวาดกลัวพลางรับรู้ได้ถึงเรือที่เริ่มโคลงเคลงแต่ก็ข่มใจให้จมดิ่งลงในความฝันที่มืดมิด
SEVEN ROYALS
______________________________________
อ่าา มาต่อซักที ตอนนี้แต่งแล้วก็ลบแต่งแล้วก็ลบอยู่ตั้งหลายรอบ
55555 ใกล้วันประชุมใหญ่ที่ทุกคนจะได้มาป๊ะหน้ากันแล้ว รวมถึง
น้องนางที่ใกล้จะถึงแผ่นดินเสียที ตอนแรกก็คิดว่าจะให้น้องมาโดน
กระทำบนเรืออีกมั้ย แต่ไม่ดีกว่า ให้เมาเรืออย่างเดียวพอ เด่วเราโดนฆ่า
ซะก่อนแต่งจบ 555555 เจอกันตอนหน้าค่ะ
ทวง คอมเม้น ติติงกันได้ในทวิตนะคะ #ฟิค7ตระกูล
ความคิดเห็น