ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7] Seven Royals

    ลำดับตอนที่ #2 : Lion claws

    • อัปเดตล่าสุด 29 ก.ค. 58



    SEVEN ROYALS 










     

     

    " หนาวชะมัด...." 

     








    เสียงบ่นเอ่ยขึ้นพลางยกมือที่สวมถุงมือหนังสัตว์ขึ้นมาถูไปมา ไอเย็นสีขาวจากลมหายใจฟุ้งเพียงแค่เป่าออกมาเบาๆ ดวงตาทอดมองชายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะไม้แกะสลักงดงามตัวใหญ่ สบตากับดวงตาคมหรี่สีดำสนิท ไฝสองจุดเหนือคิ้วสร้างความรำคาญสายตาแก่เขาเล็กน้อย หันไปมองชายผมสีเข้มอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆตน ห้องโถงใหญ่ยังคงความเงียบงันอย่างที่ผ่านมา ตาสีเข้มมองหมาป่าสีเทาตัวใหญ่ที่นอนหลับอยู่มุมห้องก่อนจะถอนหายใจ

     

     











    "เอาล่ะพวกท่าน ข้าเกลียดอากาศหนาวโดยเฉพาะอากาศที่หนาวอย่างร้ายกาจแบบนี้ พวกท่านช่วยพูดอะไรซักอย่างที่มันจะเป็นการจบการเจรจาที่แสนน่ารำคาญนี่ลงได้เสียที ไม่เช่นนั้นบางทีข้าอาจต้องการไวน์อีกหน่อย"    

     









    ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกระตุกยิ้ม ยกมือเรียกหญิงรับใช้เข้ามารินไวน์เพิ่มให้กับแขกทั้งสองของเขาที่อุตส่าห์ดั้นด้นมาจากดินแดนอันอบอุ่นทางตอนใต้

     

     

    "ท่านจินยองช่างเป็นอินทรีย์ที่ขี้หนาวยิ่งนัก  โชคร้ายที่มีสหายใจดำลากท่านมานั่งทรมานต่อสภาพอากาศที่ไม่ดีนักในดินแดนของข้าที่ห่างไกลความอบอุ่นเช่นนี้ "






    ตาคมมองไปทางชายที่นั่งข้างๆ จินยองที่เอาแต่ทำหน้านิ่งส่งสายตาดุดันมาทางเขา

     

     





    " อย่าชวนเปลี่ยนเรื่องนักเลย ข้าจะพูดให้ท่านฟังอีกครั้งเผื่อหูของท่านจะอื้อเพราะความหนาวเหน็บ"

     








    ชายที่นั่งข้างๆ เขาเริ่มบทสนทนาอีกครั้งนั่นทำให้จินยองใจชื้นขึ้นมากอง ร่างสูงโปร่งของสหายเขาลุกขึ้นก่อนจะเดินอ้อมไปใกล้ๆ คนที่นั่งอยู่อีกฝากของโต๊ะ เจ้าหมาป่าเหลือบตาขึ้นมามองตามอีกคนที่กำลังเดินเข้าไปใกล้นายของมัน

     








    " ตามสายข่าวของข้ารายงานว่า ผู้คนในแถบชายแดนของท่านเริ่มสะสมกองกำลังเถื่อนมาตั้งแต่ต้นปี เรารอดูท่าทีว่ามันคงเป็นแค่การเล่นก่อกบฏเล็กๆ ของพวกลูกหมาป่าแสนซนของท่าน แต่เมื่อผ่านไปซักพักข้าคิดว่ามันชักจะเลยเถิดไปกันใหญ่ ท่านที่เป็นผู้นำของพวกเขาควรลงไปควบคุมให้เข้าที่เข้าทางว่ามั้ย ท่านแจบอม"



    เสียงนิ่งเอ่ยขึ้นพอๆ กับใบหน้านิ่งๆ ที่ถูกส่งมาให้แจบอมทำให้เจ้าตัวเหยียดยิ้มมุมปากอีกครั้ง ร่างสูงแกร่งลุกขึ้นมาประจันหน้ากับชายอีกคน หมาป่าสีเทาทำท่าจะลุกขึ้นแต่แจบอมทำมือให้มันสงบลงไปหมอบกับพื้นดังเดิม จินยองเหลือบมองทั้งสองเล็กน้อยก่อนจะหันไปสนใจไวน์องุ่นสีสวยในมือตนเอง

     

     









    " ข้าก็ไม่เห็นว่าคนพวกนั้นจะมีอันตรายต่อพวกเราตรงไหน พวกเขาไร้การศึกษา ไร้วัฒนธรรม และอดอยาก แถมกำลังคนแค่หยิบมือเดียวเทียบอะไรไม่ได้กับเศษเสี้ยวกองทัพของข้าหรือของท่านด้วยซ้ำ อะไรทำให้ท่านต้องลงมาเจรจากับข้าด้วยตัวเองแบบนี้ล่ะ " แจบอมยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกคนก่อนจะกระซิบเบาๆ ข้างหูอย่างท้าทาย

     

     











    " เป็นสิงโตที่ขี้กลัวจริงๆ เลยนะ มาร์ค"

     

     









    ชายหนุ่มเจ้าของชื่อเหยียดยิ้มมองแจบอมที่ถอยออกไป มือขาวเรียวหยิบแก้วไวน์ของคนตรงหน้าขึ้นมาจิบเล็กน้อย

     

     







    " ท่านและคนของท่านเก่งเรื่องการรบ ท่านแจบอม เก่งและทรหดกว่าพวกข้าชาวกูเรี่ยน และข้าก็ยอมรับในข้อนี้อย่างไม่มีเงื่อนไข แต่รู้อะไรมั้ยทำไมตระกูลและดินแดนของท่านถึงอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลข้ามาตั้งแต่หลังสงครามใหญ่"

     





    มาร์คพูดพลางหมุนแก้วไวน์ในมือเบาๆ จินยองหยุดสนใจน้ำเมาตรงหน้าพลางเงยมองมาที่อีกสองคนอย่างเหนื่อยใจ และหวังว่าการเจรจาจะไม่จบลงด้วยเสียงดาบที่กวัดแกว่งใส่กันของสองคนนั้น

     

     








    " คนกลุ่มเล็กๆ ที่คิดร้ายอันตรายพอๆ กับยาพิษหนึ่งหยดในถังไวน์ หมาป่าเลวหนึ่งตัวท่านก็แค่ตัดคอมันทิ้งหนึ่งครั้ง แต่ถ้าท่านปล่อยมันไว้ อีกซักพักมันจะมีลูกหลานและพวกพ้องเลวๆ ของมันตามมา จากหนึ่งเป็นร้อย จากร้อยเป็นพัน จากพันเป็นหมื่น และเมื่อถึงตอนนั้นคมเขี้ยวและกรงเล็บหมาป่าของท่านคงจะทื่อและไม่สามารถจะควบคุมสิ่งใดได้อีก" มาร์คเดินเข้าไปใกล้แจบอมก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของอีกคนบ้าง

     

     













    "เว้นเสียแต่ว่า ท่านเป็นคนก่อตั้งพวกหมาป่าเลวนั่นซะเอง "

     

     











    หมาป่าสีเทาตัวใหญ่ลุกขึ้น ตาสีเหลืองของมันประกายกร้าวและส่งเสียงขู่อย่างน่ากลัว มาร์คผละออกก่อนจะเดินผ่านเจ้าหมาป่าไปข้างๆ จินยองที่นั่งมองพวกเขาอย่างกังวลใจ มาร์คหันมามองแจบอมอีกครั้ง 

     






    " จัดการให้เรียบร้อยซะ ไม่เช่นนั้นข้าจะสั่งระงับเสบียงจากอาร์เจนโต้ทั้งหมด"

     










    แจบอมหัวเราะ ลูบขนนุ่มฟูบนหัวสัตว์ป่าประจำตัว นั่งกับเก้าอี้ไม้แข็งแรงยกขาขึ้นไขว่ห้างหันไปทางแขกทั้งสองคน

     

     







    " พวกอาร์เจนโต้ละโมภเงินทองจะตาย ท่านคิดว่าจะสั่งห้ามการค้าขายกับพวกเราที่เป็นคู่ค่ารายใหญ่ได้จริงๆ นะหรือ" จินยองส่ายหน้า จนถึงตอนนี้เขาคิดว่าเป็นโอกาศเหมาะที่จะได้ทำหน้าที่ของเขาเสียที

     











    " อาร์เจนโต้ชอบเงินทอง และกูเรี่ยนก็เป็นคู่ค้ารายใหญ่เช่นกัน ใหญ่กว่าท่าน.... เดาไม่ยากว่าพวกนั้นจะเลือกใคร ข้าว่าการปราบปรามกองกำลังเถื่อนที่ชายแดนเป็นตัวเลือกเดียวและตัวเลือกที่ดีของท่าน ท่านควรจะใช้ปัญหาตรงจุดนี้สร้างความเป็นปึกแผนในดินแดนของท่านเองและเสริมสร้างความมั่นคงทางการเมืองไปในตัว " จินยองพูดอย่างระมัดระวังและเป็นเหตุเป็นผลโน้มน้าวอีกคนให้เข้าใจตรงกัน

     

     






    แจบอมยิ้ม มองจินยองที่ดูตั้งใจจะทำหน้าที่การต่อรองเจรจาของตนเสียเหลือเกิน ตาคมเรียวเปรยมองไปที่ชายสูงโปร่งอีกคน

     

















    " ข้าบอกแล้ว ว่าพวกท่านขี้กลัว"

     

     















    มาร์คยิ้มกลับให้อย่างเป็นมิตร

     

     

     















    " ข้าไม่ได้ขี้กลัว ข้าแค่ขี้รำคาญ "

     

     


















    ร่างสูงโปร่งพูดจบก็ก้าวออกไปจากห้องโถงใหญ่อย่างรวดเร็ว จินยองรีบตามออกไปทันที แจบอมนั่งใช้นิ้ววนปากแก้วไวน์ไปมา ตาคมมองตามแขกทั้งสองที่พึ่งจากไป มือขาวหยาบอีกข้างลูบหัวหมาป่าที่นั่งอยู่ข้างๆ ตน หันใบหน้าหล่อเหลาส่งยิ้มให้มันอย่างอ่อนโยนพร้อมกับดวงตาเรียวสีดำสนิทกลับดูราบเรียบและแข็งทื่อ

     

     















    " ข้าโครตอยากจะสั่งเจ้าไปขย่ำคอหอยมันสุดๆเลยละ " 

     

     

     









    SEVEN ROYALS

     

     






    " เจ้าพูดแบบนั้นไปคิดหรือว่าแจบอมจะยอมเจ้าง่ายๆ "







    จินยองพูดพลางพยายามจับเชือกดึงไปด้านข้างเพื่อควบคุมม้าให้วิ่งเหยาะๆ ไปข้างๆ มาร์ค ตาสีเข้มหันกลับไปมองปราสาทใหญ่บนภูเขาสูงที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง 

     

     






    "เจ้านั่นไม่เคยกลัวใครหน้าไหนหรอก แต่ข้ามั่นใจว่าเขาเป็นผู้นำที่ดีพอที่จะไม่ปล่อยให้ประชาชนของตนต้องอดตาย กองกำลังเถื่อนนั้นความจริงแทบไม่ได้เป็นปัญหาอะไรสำหรับเราในตอนนี้ แต่ในข้างหน้านั่นไม่แน่ ข้าแค่อยากให้เจ้าหมอนั่นรู้ว่าแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่มีทางจะรอดพ้นสายตาข้าไปได้ "










    " เจ้าพูดเหมือนแจบอมมีส่วนรู้เห็นกับการสะสมกองกำลังเถื่อนอย่างนั้น ระวังไว้หน่อย นี่มันถือเป็นข้อหากบฏ ถ้าไม่มีหลักฐานอะไรการกล่าวหาแบบนั้นดูจะรุนแรงไปเสียหน่อย" มาร์คยิ้มมุมปาก สมเป็นพวกอควิลา ทำอะไรทุกอย่างด้วยความรอบคอบและมีหลักการเสมอ











    " ข้าก็ไม่ได้ไปกล่าวหาอะไรแบบนั้นเสียหน่อย รู้อะไรมั้ย ข้าก็เกลียดหิมะพอๆ กับเจ้านั่นแหละ" มาร์คพูดเปรยตามองทางตรงหน้าที่มีแต่หิมะขาวโพลน ควบม้าสีน้ำตาลอ่อนทะยานไปด้านหน้าก่อนที่ทุกคนจะรีบบังคับม้าศึกตามไปติดๆ ผืนธงสีแดงเลือดหมูที่มีรูปสิงโตและธงสีน้ำเงินลายนกอินทรีปลิวไหวไปมาตามแรงลมหนาวที่โบกพัดเข้าปะทะกับผิวกายเย็นเฉียบ ขบวนทหารที่เขานำมามีไม่มากนักเพราะต้องการความรวดเร็วในการเดินทาง 

     

     

     

     













    ดวงตะวันที่ส่องแสงอ่อนแรงอยู่แล้วในโลเวลยิ่งอ่อนแสงลงไปอีกบ่งบอกถึงเวลาที่ใกล้จะพลบค่ำ และขบวนของพวกเขากำลังจะเข้าเขตดินแดนของคาเมนในไม่ช้า หิมะสีขาวตามสองข้างทางเริ่มละลายจนเห็นยอดหญ้าสีเขียวเข้ม มาร์คควบม้าเข้ามาใกล้จินยอง

     

     





    " ไหนๆ ก็มาแล้วเพื่อไม่ให้เสียเที่ยว เจ้านำทหารของเจ้ากลับอควิลาเลยก็ได้ ข้าอยากจะแวะทักทายสหายเก่าเสียหน่อย " 

     

     







    " หึ ... ถ้าไม่ติดว่าข้ามีงานมากมายที่ต้องสะสางที่บ้านละก็ ข้าจะแวะไปทักทายหมอนั้นพร้อมฟังเสียงดนตรีและหยอกเย้ากับเหล่าสาวงามที่ยอดเยี่ยมที่สุดในเซเว่นรอแยลพักฟื้นจิตใจอันแห้งแล้งของข้าเสียหน่อย แต่ก็นั่นแหละ " จินยองถอนหายใจอย่างนึกเสียดาย กระตุกเชือกบังเหียนม้าออกไปทางด้านข้าง

     

















    "แล้วเจอกันที่สภากลางนะเพื่อนรัก"

     
















    จินยองกล่าวลาก่อนจะนำแปรขบวนม้าธงสีน้ำเงินออกจากแถวของมาร์คไป ตาคมทอดมองขบวนม้าของจินยองจนลับสายตาก่อนจะมุ่งหน้าเข้าเขตแดนดินแดนที่ไม่เคยหลับใหล 

     

     













    ตะวันลับขอบฟ้านานแล้ว แสงดาวถูกกลบด้วยความสว่างไสวของแสงไฟ บ้านเมืองทีมีสีสันสดใสและร้านรวงอันแสนคึกคัก ตามทางเดินถูกประดับด้วยธงสีเหลืองเข้มที่มีลายฮาร์ปหรือพิณ  เครื่องดนตรีประจำเมืองนี้อยู่ ชาวเมืองที่เต้นรำกันอย่างสนุกสนาน สาวงามที่นั่งเล่นพิณอยู่ตามข้างทางช่างสวยงามและรื่นรมณ์ ชาวบ้านดูไม่ตื่นตกใจนักที่มีขบวนทหารม้าจากกูเรี่ยนเข้ามาในตัวเมือง พวกเขาอาจจะให้ความสนใจชั่วขณะหนึ่งเท่านั้นก่อนจะหันไปสนใจกับเสียงดนตรีอันสนุกสนานและขนมปังไรส์เบอรี่กลิ่นหอมเสียมากกว่า ในไม่ช้ามาร์คก็มาถึงลานกว้างหน้าปราสาทสีครีมอ่อนของคาเมน ตาคมมองไปที่เจ้าบ้านที่ยืนกอดอกมองที่เขา ร่างสูงโปร่งตวัดตัวลงจากหลังอาชาตัวใหญ่ก่อนจะเดินเข้าไปตบบ่าคนที่ยืนรออยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มผิวขาวหยวกมองอย่างอารมณ์ดี ดวงตาเรียวเล็กของเขาเหลือบมองขบวนม้าสามร้อยกว่านายด้านหลัง

     

     







    " มากันน้อยผิดวิสัยท่านนะ เดาว่าคงไปปีนเขาลุยหิมะที่โลเวลมาละซิ " มือขาวปัดเศษกระดาษหลากสีที่ติดยู่ตรงบ่าคนตรงหน้า 

     

     












    " ช่วงนี้เรามีเทศการประชันดนตรีประจำเมือง ตกดึกทุกคืนพวกเขาก็จะมาแลกเปลี่ยนความสนใจ แสดงความสามารถและสังสรรค์กันอย่างที่เห็น" ใบหน้าขาวยกยิ้มทำให้แก้มของเขาดูกลมเล็กน้อย มาร์คยิ้มมุมปากก่อนจะถอดผ้าคลุมนอกออกส่งให้นายทหารรับใช้ด้านหลัง

     

     














    " ข้าก็เห็นว่าบ้านเมืองท่านมีเรื่องให้สังสรรค์กันตลอดทั้งปีอยู่แล้วนี่ ยองแจ" ชายหนุ่มเจ้าบ้านยิ้มตอบก่อนจะผายมือไปด้านในปราสาทหินสีครีม ลวดลายสดใสใหญ่โต

     

     











    " ยินดีต้อนรับสู่คาเมน "

     

     

     









    ยองแจพามาร์คเข้ามายังห้องโถงกลางของปราสาท กลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหยอบอวลแต่บางเบา เพดานสูงด้านบนถูกประดับด้วยภาพวาดสวยงามมากมาย มาร์คเงยหน้ามองอย่างชื่นชม

     

     







    " จิตรกรเอกของคาเมนสมคำร่ำลือนัก " 

     

     








    ยองแจยิ้มก่อนจะเชิญมาร์คนั่งขัดสมาธิลงบนเบาะผ้ากำมะยี่ที่วางอยู่เต็มพื้นห้องโถง




    ชาอุ่นๆ กลิ่นหอมสมุนไพรถูกวางลงบนโต๊ะไม้เตี้ยข้างๆ ที่พวกเขานั่ง มือขาวเชื้อเชิญให้ดื่มชาปรับอุณหภูมิร่างกายให้อบอุ่น ใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆ สูดเอากลิ่นหอมและไออุ่นจากถ้วยชาในมือก่อนจะบรรจงจิบมันอย่างละเมียด ตาหรี่เล็กของอีกคนทอดมองพลางยิ้มน้อยๆ

     














    " ท่านนี่ดูไม่ระวังตัวเอาเสียเลย ถ้าข้าคิดจะวางยาพิษท่าน ท่านคงตายไปแล้ว" 

     












    มาร์คหัวเราะเบาๆ ใบหน้ายิ้มแย้มของเจ้าบ้านช่างย้อนแย้งกับน้ำเสียงเรียบนิ่งจริงจังเสียนี่กระไร

     

     














    "ตอนนี้พวกเราทั้งสองลงรอยกันดีอยู่ ไม่มีเหตุจำเป็นอะไรที่ท่านจะต้องการเอาชีวิตข้านี่นา หรือถ้าเจ้าต้องการแบบนั้นจริงๆ เจ้าอาจตายก่อนที่จะได้รินชาให้ข้าด้วยซ้ำ" ชายหนุ่มหันไปรินชาให้คนตรงหน้าหลังจากพูดจบ ยองแจระเบิดเสียงหัวเราะก่อนจะยกถ้วยชาดื่มทีเดียวรวด

     














    มาร์คเอนหลังพิงกับพนักเบาะกำมะยี่อย่างผ่อนคลาย ตาคมทอดมองสาวรับใช้คนงามที่บรรจงกรีดกรายนิ้วลงบนพิณของนางอย่างงดงามอยู่มุมห้องโถง บั้นท้ายอวบอิ่มที่เอนไปมาตามจังหวะสร้างแรงอารมณ์แก่เขาเล็กน้อย ยองแจมองปฏิกิริยาของแขกตนเอง มือเรียวสวยกวักเรียกสาวใช้อีกคนเปลี่ยนจากชาเป็นสุราเมรัยแทน

     













    " พูดมาซิ ท่านคงไม่ได้แค่อยากมาคลายอารมณ์ฟังเพลงกินเหล้าเคล้านารีอย่างเดียวหรอก " มาร์คยิ้ม ตาคมยังคงจับจ้องไปที่สาวงามคนนั้นไม่วางตา

     

     















    " มีข่าวจากอลาเทอร์เรียลบ้างมั้ย "













    ยองแจเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยในคำถามที่เหนือกว่าที่เขาคาดไว้











    "อยู่ๆ ทำไมสนใจดินแดนที่ถูกลืมไปแล้วแบบนั้น ข้าไม่ได้ยินชื่อนี้มานานมากตั้งแต่หลังสงครามใหญ่" มาร์คยักไหล่ นึกถึงคำพูดของโหรหลวงในคืนที่เขาขึ้นนั่งราชบัลลังก์ได้ไม่เคยลืม














    " ก็แค่รู้สึกสนใจขึ้นมาเฉยๆ " ยองแจหรี่ตามองอีกคนที่ยังคงส่งสายตาไปที่สาวนักเล่นพิณอีกมุมห้อง

     

     













    " แล้วทำไมมาถามข้าล่ะ พวกอาร์เจนโต้ที่ล่องเรือไปทั่วเจ็ดย่านน้ำน่าจะรู้อะไรมากกว่าข้าที่นั่งๆ นอนๆ อยู่แต่ในดินแดนของตัวเองนะ " ชายหนุ่มเอ่ยอย่างสงสัยระคนประหลาดใจ อยู่ๆ อะไรทำให้มาร์คนำเรื่องนี้มาถามเขา

     

     

     








    "เจ้าสนิทกับพวกนั้นมากกว่าข้า และข้าอยากถามจากเจ้ามากกว่า " มาร์คพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก หลายครั้งที่ยองแจสงสัยการกระทำหลายๆ อย่างของกษัตริย์คนนี้นัก ภายในคิดอะไรอยู่ยากเกินการคาดเดา

     

     










    " เอาตรงๆ คือข้าไม่รู้ เราไม่ได้ติดต่อกับดินแดนนั้นมาแปดสิบกว่าปีแล้ว เอาง่ายๆว่าหลังจากสงครามใหญ่ และก็คงไม่มีใครอื่นจะไปติดต่อกับพวกนั้นเช่นกัน ยกเว้นพวกเรือสินค้าของอาร์เจนโต้บางลำที่ล่องเฉียดเข้าไปในน่านน้ำที่นั่น และข้าก็คิดว่าคงไม่มีอีกนั่นแหละ " ยองแจพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาศึกษาประวัติศาสตร์เซเว่นรอแยลก่อนสงครามใหญ่มาพอควร และเข้าใจดีถึงความเผด็จการของพวกอลาเทอร์เรียลและไม่มีใครอยากจะเข้าไปสุงสิงที่นั่นมากนักแม้ว่าราชวงศ์ของดินแดนนั้นจะล่มสลายไปแล้วพร้อมๆ กับมังกรของพวกเขา 

     

     
















    " อลาเทอร์เรียลจะว่าไปก็อยู่ใต้การปกครองของข้า แต่ด้วยระยะทางไกลโพ้นข้ามท้องทะเลไปอีกฝั่งทำให้พวกเราไม่ค่อยจะได้ใส่ใจดินแดนนั่นเท่าใดนัก แถมราชวงศ์นี้ก็ล่มสลายไปแล้วตั้งแต่สงครามใหญ่เมื่อร้อยปีก่อน แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่เคยรู้สึกสนิทใจกับดินแดนนั้น กับตระกูลนั้น " ยองแจพยักหน้าเข้าใจ

     

     











    "ข้ารู้ ไม่มีใครรู้สึกสนิทใจกับมังกรพ่นไฟทีมีแต่ความดุร้ายหรอก  เพราะแบบนี้ไงคาเมนถึงไม่ประสงค์เข้าร่วมสงคราม  คนแบบพวกท่านทั้งหลายช่างน่ากลัวจริงๆ และท่านก็มั่นใจเถอะ พวกเรารู้ว่าตอนไหนใครแข็งแกร่ง เราจะเข้าเป็นพันธมิตรกับคนพวกนั้นเสมอ เป็นโชคดีของตระกุลข้าที่ท่านปู่ของข้าฉลาดพอที่จะไม่เข้าร่วมกับอลาเทอร์เรียลที่เริ่มอ่อนแอ "

     

     










    " ดินแดนของท่านเป็นสิ่งที่เซเว่นรอแยลต้องการ ผู้คนแน่วแน่อยู่แต่ศิลปะวัฒนธรรมที่สวยงาม ไม่ได้ฝักใฝ่อำนาจหรือเจตนาร้ายต่อผู้อื่น แถมขึ้นชื่อสุดๆ เรื่องสาวงาม........." ถึงตรงนี้ยองแจรับรู้ถึงสายตาราชสีห์ของสหายที่พร้อมจะตะครุบเหยื่ออย่างไม่ต้องสงสัย














    " ถึงท่านจะยืนอยู่ฝั่งไหนข้าก็ไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องสู้รบกับท่าน เว้นเสียแต่ท่านคิดจะวางยาข้าจริงๆ เหมือนที่กล่าวเมื่อตะกี้"

     











    ยองแจยิ้มเล็กน้อย หันไปจุดกำยานหอมข้างกาย ควันสีขาวบางลอยเอื่อยๆ รับกับช่วงเวลาที่ต้องการความผ่อนคลาย

     

     















    " ท่านเป็นกษัตริย์ที่ดีมาร์ค เอาเป็นว่าข้าจะพยายามหาข่าวคราวที่ท่านต้องการมาให้ก็แล้วกัน อยากจะหยุดคุยเรื่องที่แสนเคร่งเครียดแล้วมาสดับการลำนำบทเพลงของราชวงศ์ข้าซักเพลงมั้ยล่ะ " ยองแจถามพลางยกมือขาวเรียกนักดนตรีสาวคนนั้นให้นำเครื่องดนตรีโปรดมาไว้ให้ มาร์คยกถ้วยชาสมุนไพรขึ้นจิบ

     

     














    " ก็เอาซิ " ตาคมสวยทอดมองเรือนร่างหญิงสาวที่กำลังส่งพิณให้ยองแจอีกครั้ง

     

     

     



















    " ดึกแล้วขอค้างคืนที่นี่เลยก็แล้วกัน "

     

     












    SEVEN ROYALS

     

     

    _______________________________________________________

    แปะตอนแรกไว้ก่อนแล้วกันเนอะ แนวนี้มันช่างแต่งยากกว่าที่คิดไว้เยอะ
    เปิดตัวบางคนไปแล้วว่าอยู่ตระกูลไหนกันบ้าง เดากันถูกมั้ยเอ่ย 
    ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ทวง เม้น ด่าทอคนแต่งได้ในทวิต #ฟิค7ตระกูล นะคะ 555555 

    ปล. ทำไมแต่งพี่มาร์คดูหื่นๆ // ทึ้งหัวตัวเอง

     

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×