คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : The Past
“รู้ที่อยู่ของหมวกฟางแล้วครับ” เสียงลูกน้องคนหนึ่งดังขึ้นภายในห้องที่ปกคลุมไปด้วยความมืด เพียงแสงสว่างเล็กๆเล็ดลอดผ้าม่านปิดสนิท
“ขอบใจมาก...”
“เตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ” ได้ยินเช่นนั้นร่างสูงหยิบเสื้อขึ้นมาใส่ก่อนจะเดินออกมาจากห้อง เหล่าอดีตลูกเรือ
โมบี้ดิ๊คต่างก็พากันหันมาทักทาย เพราะหลังจากเสร็จสิ้นพิธีศพของโจรสลัดหนวดขาวและโปโตกัส ดี เอส ก็น้อยครั้งที่หัวหน้าหน่วยที่1จะออกมาจากห้อง
ขณะนี้พวกเขาอาศัยอยู่ในเกาะๆหนึ่งซึ่งเป็นเกาะอยู่ในการปกครองของกลุ่มโจรสลัดหนวดขาวที่อาศัยอยู่รวมกับชาวบ้านอย่างสงบสุข จึงไม่แปลกใจถ้าลูกเรือแต่ละคนจะมีบ้านและครอบครัวที่พวกเขาจากไปนานหลายปี รวมถึง... มัลโก นกอมตะ ที่มีบ้านขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กมากและอยู่ปลีกวิเวกไม่ห่างจากตัวเมืองแลไม่ลึกเข้าไปในป่าเกินไป
“ฉันไม่อยู่อย่าก่อเรื่องล่ะพวกนาย”
“ครับ!หัวหน้ามัลโก!!” เหล่าลูกน้องขานรับอย่างแข็งขันขณะที่ยืนส่งหัวหน้าหน่วยที่1ที่ท่าเรือ ในการเดินทางครั้งนี้ของมัลโก เขาออกเรือไปกับลูกเรือเพียงไม่ถึงสิบ โดยใช้เรือเล็กที่สะดวกและรวดเร็วในการเดินทาง
“เดินเรือไปที่เกาะสตรี เราจะต่อรองกับเจ็ดเทพโจรสลัด ทราฟาลก้า ลอว์” เสียงทุ้มป่าวประกาศที่หมายและจุดประสงค์ ก่อนที่จะหันไปบัญชาการเดินเรืออย่าเต็มที่
เป็นเวลาหลายชั่วโมงของการเดินเรือที่ค่อนข้างโหดร้ายเพราะเส้นทางที่เขาเดินเรือนั้นมีจ้าวสมุทรมากผิดปกติทำให้เรือถูกจู่โจมอยู่บ่อยๆ แม้ว่าจะไม่เหลือบากกว่าแรงที่มัลโกจะกำราบ แต่ก็ออกมาถี่เกินไปจนเขาเกือบฟื้นพลังไม่ทัน ร่างสูงปีนขึ้นไปบนเสากระโดงเรือด้วยการเปลี่ยนสภาพให้แขนกลายเป็นปีกที่มีไฟสีฟ้าห่อหุ้มส่องประกาย เขาทิ้งตัวนั่งเหม่อมองท้องฟ้าบนเสากระโดงอย่างไม่กลัวตก ฝ่ามือยื่นออกไปข้างหน้า ดวงไฟสีฟ้าปรากฏท่ามกลางความมืดและแสงจากดวงดาวที่ทอเป็นเส้นทางบนท้องฟ้า จึงทำให้พาลนึกถึงเรื่องในอดีต ครั้งที่เอสเพิ่งเข้ากลุ่มใหม่ๆ
.
.
.
เป็นเวลานานทีเดียวที่กว่าเจ้านั่นจะทำใจยอมรับสภาพตัวเองว่าได้กลายเป็นลูกเรือโมบี้ดิ๊คไปแล้ว โดนที่ก่อนหน้านี้ก็เห็นเอาแต่เล่นบทพะบู๊โจมตีหนวดขาวทุกครั้งที่มีโอกาสและก็เป็นหน้าที่ของมัลโกที่ต้องดูแลอาการบาดเจ็บจากการถูกหนวดขาวปัดการโจมตีกลับไม่ว่าจะเป็นแผลยิบย่อยหรือยับเยินก็ตาม... ไม่เว้นแม้แต่ช่วงอาหารที่หลังจากที่ถูกปัดกลับมาแล้วก็เห็นเอาแต่นั่นงปลีกวิเวกอยู่ที่แถวๆหัวเรือเสมอๆ
ตุบ..
ถ้วยซุปถูกวางไว้เยื้องเบื้องหน้าของเอสที่เอาแต่นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยโดยมัลโกที่อาสาเอามาให้แทนซัจ ไม่ต้องถามก็รู้ได้เลยว่าเอสเพิ่งไม่สำเร็จจากการจ้องเล่นงานหนวดขาวอีกแล้ว
“ทำไมพวกแกถึง.... เรียกเจ้านั่นว่า ‘พ่อ’ ล่ะ...?” ร่างเล็กเอ่ยถามทั้งยังคงซุกใบหน้าเข้ากับหัวเข่าทั้งสองข้าง
“.......” คนถูกถามอึ้งไปเล็กน้อยที่เอสยอมเปิดใจพูดคุยดีๆกับเขาเสียที
“เพราะคนๆนั้นยอมเรียกพวกเราว่า ‘ลูกชาย’ น่ะสิ”
“!”
“และเพราะพวกเราเป็นพวกที่ถูกสังคมรังเกียจก็เลยดีใจเป็นบ้าเลยล่ะ... แม้จะแค่คำพูดแต่ก็ดีใจจริงๆ” เสียงทุ้มตอบพร้อมกับรอยยิ้ม ในขณะเดียวกันกับเอสเองที่ไม่รู้ว่าตัวเองสับสนอะไร
“แกอุตส่าห์เก็บชีวิตมาได้ยังคิดจำทเรื่องแบบนี้ต่อไปอีกเรอะ ตัดใจซะทีเถอะ” พูดตามที่เห็นความจริงอย่างมีเหตุผลและไร้ซึ่งความลังเลและไม่กลัวที่จะรับมือหากคนตัวเล็กข้างหน้านี้เกิดอาละวาดอีก เอสได้แค่นั่งรับฟังเงียบๆเท่นั้น
“แกในตอนนี้เด็ดหัวของพ่อไม่ได้หรอก นอกจากจะลงจากเรือลำนี้แล้วค่อยมาแก้มือใหม่ หรือว่า.... เลือกที่จะอยู่ที่นี่ แล้วแบกรับสัญลักษณ์ของ ‘หนวดขาว’!!!”
นับตั้งแต่วันนั้นเอง ก็ไม่รู้ตั้งแตเมื่อไหร่ที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองพัฒนาอย่างรวดเร็วจนหลายคนแทบไม่อยากเชื่อ ที่ตัวปัญหาระดับหนักหนาไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ยอมที่จะเปิดใจคุยกับคนอื่นโดยเฉพาะกับหัวหน้าหน่วยที่1 มัลโกที่ท่าทางจะติดแจ และพยายามอย่างมากที่จะให้เอส ผูกสัมพันธ์ไมตรีฉันท์เพื่อนกับซัจ หัวหน้าหน่วยที่4
“ออกมาทำอะไรล่ะ... หัวหน้าหน่วยที่2” เสียงหนึ่งเรียกให้ละสายตาจากผืนน้ำทะเลที่ขยับไหวเป็นแนวคลื่นราวกับดนตรีธรรมชาติที่บรรเลงขับกล่อม
“ทุกคนกำลังสนุกเลย ตัวเด่นอย่างนายจะมานั่งทำอะไรที่นี่” ถามพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงข้างๆอย่างถือสิทธิ์และเป็นกันเอง
“ฉันไม่ค่อยชอบงานเลี้ยงอะไรแบบนี้” เอสตอบด้วยความสัตย์ แล้วเลื่อนสายตามองท้องฟ้า ดวงดาวพราวระยับทอแสงคล้ายกับเป็นเส้นทางบนท้องฟ้าสว่างกว่าวันไหนๆที่เขาเคยเห็น ช่างดูสวยงามและทำให้ย้อนนึกถึงในตอนเด็กบนบ้านต้นไม้ที่ช่วยกันสร้างกับลูฟี่และซาโบะ ในภูเขาคอลโบ สิ่งที่เอสคิดทำให้เผลอยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้ม... ที่ทำให้หัวใจของมัลโกเต้นผิดจังหวะ
“นายกำลังคิดอะไรอยู่”
“ฉันคิดถึงอดีต... จำได้ว่าเคยมองท้องฟ้าแบบนี้”
“หึ...”
“มัลโก!!... จะทำอะไรของนาย!!!” ร้องเสียงหลงเพราะจู่ๆก็ถูกรวบขึ้นบ่าอย่างง่ายดาย
“ระวังตกนะ...” แสงสีฟ้าสว่างขึ้นจนต้องยกมือขึ้นบังหน้า มันช่างสว่างและเปล่งประกายจนไม่อาจมองได้ตรงๆอย่างกะทันหัน รู้ตัวอีกทีก็อยู่บนเสากระโดงเรือโดยที่คนที่พาเขาขึ้นมาก็นั่งอยู่ไม่ห่างจากเขามาก
“ผลปีศาจ.... สายโซออน....”
“ผลที่ทำให้ฉันเป็นฟินิกซ์น่ะ....”
“สวยจังเลยมัลโก!!!” เอสมองไฟสีฟ้าที่ยังคงอยู่บริเวณตามลำตัวของอีกคนอย่างสนอกสนใจราวกับเด็กๆ เพราะไฟของเขามันเป็นไฟที่ให้ได้ทั้งความโอบอุ้มที่ร้อนแรงในขณะเดียวกับก็พร้อมจะทำลายผิดจากไฟของมัลโก ที่ดูแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยอย่างเหลือเชื่อ
.
.
.
“หัวหน้ามัลโกครับ!!” เสียงตะโกนของลูกเรือคนหนึ่งเรียกให้เขาหลุดจากภวังค์
“ถึงเกาะสตรีแล้วครับ... คาดว่าอีกไม่นานคงถึงบริเวณที่หมวกฟาง..”
“ฉันจะไปเอง พวกนายเฝ้าเรือไว้แถวนี้แล้วอย่าก่อเรื่องล่ะ” เสียงทุ้มออกคำสั่งก่อนที่จะกระโดดลงมาจากกระโดงเรือแล้วลงพื้นอย่างนิ่มนวล
“แต่ว่า...”
“ฉันไม่ประมาทหรอก ดูแลเรือดีๆแล้วถ้า... ใครคิดจะเข้าไปในประเทศสตรี ขอห้ามเด็ดขาดเลยนะถ้าพวกแกยังอยากมองอะไรที่มันน่าอภิรมย์บนโลกใบนี้ต่อ” พูดจบก็แปลงร่างเป็นนกฟีนิกซ์ก่อนจะทยานสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อหาที่อยู่ปัจจุบันของน้องชายของเอส
มังกี้ ดี ลูฟี่
___________________________________________________________________________
จบไปแล้วอีกตอน
มัลโกก็ยังไม่ได้เจอกับลูฟี่//โฮรกกกกกกกกก
บิดเบือนจากเรื่องจริงแบบสุดๆ
ขอบคุณที่อ่านจินตนาการน้อยๆเรื่องนี้นะครับ
ขอบคุณจริงๆ
ความคิดเห็น