ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    • ฟอนต์ THSarabunNew
    • ฟอนต์ Sarabun
    • ฟอนต์ Mali
    • ฟอนต์ Trirong
    • ฟอนต์ Maitree
    • ฟอนต์ Taviraj
    • ฟอนต์ Kodchasan
    • ฟอนต์ ChakraPetch
Battle Royal!!! เลือดล้างมิตรภาพ

ลำดับตอนที่ #3 : ฆ่าโหด!!!!!~~~

  • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ค. 48


บนชั้น 5 ของอาคาร 7 ฝั่งห้องหนึ่ง

“ติ๊ดๆ...ติ๊ดๆ...ติ๊ดๆ” เสียงนาฬิกาข้อมือของใครซักคนดังขึ้น “ตื่นเว้ยพวกเรา” โม้ลุกขึ้นปลุกเพื่อนๆที่นอนเอาแรงอยู่ในห้อง 751 หลายคนลุกขึ้น บ้างบิดขี้เกลียดแต่ยังมีบางคนนอนหลับ แต่มีใครบางคนหายไป...



“กี่โมงวะเนี้ย” จอยซ์ถามพลางลุกขึ้น “อีกครึ่งชั่วโมงความตายจะมาเยือน” หนกพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนกำลังเล่าเรื่องผีอยู่ “พูดดีจังนะมึง” เสาหันมาชม



“เอาไงดีวะอีเสา” โม้หันไปถามเสาบ้าง “กูคิดไว้หมดแล้ว เราต้องแบ่งเป็น 2 กลุ่มกลุ่มละ6 คน กลุ่มหนึ่งอยู่ฝั่งบันไดนี้อีกกลุ่มไปอยู่บันไดข้างห้องน้ำนะเว้ย ใครที่ขึ้นมาเราจะรู้หมด และจะได้หาทางหนีทีไล่กัน”



“เออดี แล้วใครจะไปเฝ้าบันไดนู้นวะ” โมถาม (ถามตลอด)



“กูคิดไว้แล้ว มีกู มึง พลอย แป้ง ชมพู่และก็มึงอีขิม” เสาชี้ไปที่เพื่อนขิมซึ่งเป็นคนสุดท้าย “กูเหรอ” “เออ..มึงนั้นแหละ”



“แล้วทำไมต้องเป็นชั้นนี้ด้วยวะ ไมไม่เป็นชั้น 4 หรือชั้นอื่น” ขวัญสาวตาคมเหมือนแมวสงสัยขึ้น “ก็มึงชวนกูขึ้นมาไม่ใช่เหรอหรือว่ามึงจะลงไปชั้น 4”  “ไม่นะ...ชั้น 4 ผีดุ” พลอยพูดห้ามขึ้น “เวร...กูว่าจะไม่พูดแล้วเชียว” จอยซ์สบถ



“แล้วอีดาวกับพราวอะ” เสามองมาที่โม “ไปห้องน้ำ” “ไปตั้งนานแล้วอะนะ งั้นชมพู่กับมึงอีขิมไม่ต้องไป อยู่นี้แหละ” เธอก่อนจะหันไปบอกคนอื่นให้ลุกขึ้น



บ้านพักภารโรง หลังหลังแปลงเกษตร

“นี้กวาง แกพาชั้นมาทำไมที่นี้” ฟินเอ่ยถามขึ้นทันทีเมื่อวิ่งมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านพักภารโรง



“ไม่มีใครคิดหรอกว่าจะมีคนมาแอบอยู่ที่นี้”



“เราน่าจะไปกับพวกนั้นนะ”



“ยังไงก็รอดแค่ 4 เราไม่อยากฆ่าใคร”



“แล้วคิดว่าชั้นจะไม่ฆ่าเธองั้นเหรอ” ฟินพูดด้วยสีหน้าตลกๆแต่กวางไม่ขำ



“ล้อเล่นน่า นอนเอาแรงกันเหอะ เราว่าพอเกมส์เริ่มคงไม่ได้นอนแน่” แล้วทั้งสองก็หลับอยู่ในห้องใดห้องหนึ่งในบ้านพักนั้น



ห้องเขียนแบบ ตึกอุตฯ

\"กูได้ปืนเว้ย\" เบิ้มโชว์ปืนแบบหน่วยสวาทของตน \"กูก็ได้\" นพหยิบ .357 ของตนออกมา



\"ใครได้ปืนมั่งวะ\" ไอ้อ๋อย ไอ้นูน ไอ้นพยกมือ \"แล้วพวกมึงละ\"



\"กูได้สีน้ำ ...ไหมละ\"



\"กูได้สมอบกกับดาวกระจาย\" \"ส่วนกูก็ระเบิดควันกับเคียวเกี่ยวข้าว\"





\"โหพวกมึง ใครจะไปกับกูบ้างไปหาคนฆ่า\" มีเพียงคนที่ปืนเท่านั้นที่ยกมือ \"เอองั้นพวกมึงอยู่นี้ ไปพวกเรา ความตายกำลังจะมาเยือนพวกมันแล้ว\" ไอ้...นี้โชว์โหดไม่บันยะบันยัง



ห้องน้ำใหญ่หลังโรงอาหาร

แล้วเสียงอ๊อดก็ดังขึ้นในเวลา 00.00 น. “เริ่มฆ่ากันได้....” ใครบางคนพูดด้วยน้ำเสียงน่ากลัวผ่านไมค์จนผมให้ตื่นจากพวังค์ แต่ผมรู้ว่าเขาคงไม่ได้อยู่ในโรงเรียนเป็นแน่



“ชิบ...ตายโหงแล้วกู” ผมสบถใส่ตัวเองที่นอนเพลินจนถึงเวลาต้องหนีเอาชีวิตรอดแล้ว ผมรีบวิ่งออกจากห้องน้ำในทันที กระโดดขึ้นไปบนทางเดินเชื่อมระหว่างอาคารที่สูงกว่าผมเอามือเอื้อมนิดหน่อย มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินอยู่ข้างๆห้องนาฏศิลป์ ผมไม่รู้ว่าเป็นใครแต่ผมเห็น



“มีคนอยู่บนโทลเวล์” (เราเรียกมันว่าหยั่งงั้น) ใครบางคนในกลุ่มนั้นคงเห็นผม ผมไม่รอช้ากระโดดลงไปบนระเบียง ที่เชื่อมระหว่างโรงอาหารเล็กกับโรงอาหารใหญ่ทันที จนไปถึงโทลเวล์อีกด้าน



“เกือบไปแล้วกู” ผมกระหืดกระหอบเพราะความเหนื่อยและพยายามจะพาตัวเองไปให้ถึงห้องคอมพ์ บนชั้น 3 ของอาคาร 1 ที่ตั้งอยู่อยู่ด้านหน้าสุดของโรงเรียนเป็นอาคารแรกที่เมื่อเข้ามาแล้วจะเห็นทันสมัยมาก (เมื่อ 30 ปีก่อน) และสำนักงานต่างของโรงเรียนก็อยู่ที่อาคารนี้





ชั้น 5 อาคาร 7 ฝั่งมีลิฟต์

“นี้อีเสามึงได้อะไรวะ” โมถามขึ้นทันทีที่เห็นของตัวเองเป็นปืนฉีดน้ำแรงดันสูง น้ำเต็มกระบอกกับดินสอพอง “แมร่งจะให้กูไปเล่นสงกรานต์หรือไงวะ”



“กูได้ปืนเว้ย...ปืน...ปืนสมัยไหนวะเนี้ย” เสารับไม่ได้กับปืนของตัวเอง



“แต่ก็ยังดีดูพลอยดิ ไฟฉายกับวอร์เด็กเล่น”



“เราก็ได้วอร์ อ้าวแต่อีกอันเป็นกระบองยาม” “แมร่งจะให้มึงเป็นยามเว้ยแป้ง” โมพูดตลก ไม่ดูสถานการณ์



“พลอยไปฝั่งโน้น บอกให้ใครมานี้คนนึง” เสาสั่งทันทีเมื่อเห็นว่ามีวอร์อยู่ 2 อัน



“ไมอะ” พลอยถามอย่างหวาดๆ (กลัวผี รู้หรอก)



“มีวอร์ 2 อันจะได้สื่อสารกับฝั่งนู้นไงว่าใครมาจะได้รีบไปช่วย” “อือ” พลอยรับคำแล้วเอาวอร์ใส่กระเป๋ากระโปรง ก่อนจะออกวิ่งด้วยท่าคุณนาย คือมือหนึ่งกุมที่คอเสื้อ อีกมือถือไฟฉายแล้วจับชายเสื้อนักเรียนไว้



“ได้เวลาแล้วพราว” เสียงคุณนายๆแบบในหนังน้ำเน่าคนนี้ไม่ใช่ใคร สาวดาวคนสวยนั้นเอง เธอกับพราวสัญญาว่าจะรอดไปด้วยกัน จึงแอบมาเตรียมตัวอยู่ในห้องน้ำ เพื่อรอเวลาที่จะไปฆ่าเพื่อนๆที่นอนหลับไม่รู้ตัว



“เดี๋ยวเธอ ยิงพวกนั้นที่นอนอยู่ทีละคนเลยนะ ส่วนชั้นจะระวังหลังให้” ที่เธอบอกเช่นนั้นเพราะพรานนกได้ปืนไรเฟิลเก็บเสียง (เป็นเรื่องจริงยัยนี้คงยกไม่ไหว) แต่ปืนของดาวเป็น 11 มม “ได้” พราวพยักหน้า



เมื่อทั้งสองเดินออกมาก็พบว่าเพื่อนๆมารอให้พวกเธอฆ่าอยู่ที่หน้าห้องน้ำแล้ว



“ไม่ขี้ จนสวมเต็มไปแล้วเหรอ” โมพูดตลกโดยไม่รู้ชะตากรรมของตน ดุจดาวพยักหน้าเหมือนตัวร้ายในละคร ก่อนพราวจะสาดปืนใส่โมที่ยืนยิ้มอยู่



เสาที่เลือดของเพื่อนเลอะเต็มหน้าตะโกน อ๊ากกกก!!! ลั่นตึก จนได้ยินไปอีกฝั่ง “อีดาว มึง” เสาพยายามจะคว้าปืนขึ้นมายิงตอบแต่ก็สายไปเสียแล้ว เธอล้มลงกองอยู่หน้าแป้งที่กลัวจนตัวสั่น



“แป้ง เกิดอะไรขึ้น แป้ง...แป้ง...”เสียงพลอยดังลอดผ่านออกมาจากวอร์ของแป้งแต่ร่างของเธอนั้นนั่งพิงประตูห้องพักครู โดยไม่มีทางที่เธอจะลุกขึ้นได้อีกต่อไป



ดาวหยิบวอร์ออกมาจากมือแป้งก่อน แล้วพูด “ฮะ...ฮะ...ฮะ”เหมือนเสียงแม่เลี้ยงของสโนว์ไวท์ยังไงหยั่งนั้นก่อนจะปาลงพื้นจนวอร์นั้นแตกละเอียดไม่มีชิ้นดี



จอยซ์ที่เปลี่ยนมาแทนพลอยวิ่งมาถึงพอดี โดยมีเพื่อนๆวิ่งตามมาเพราะเสียงกรี๊ดร้องที่เป็นครั้งสุดท้ายของเพื่อนเสา “มึงทำอะไรนะอีดาว” จอยซ์ถามทั้งที่เห็นอยู่กับตา



2 สาวปืนโหดไม่รอช้ายิงห่ากระสุนใส่ทันที โชคยังดีที่จอยซ์ดูเดอะแมททริกมาเอี้ยวตัวหลบเข้าที่มุมกำแพงทัน ก่อนจะขว้างระเบิดแสงไปตกที่หน้าของทั้งสองเหมือนจับวาง วิ้ง ทั้งสองกลายเป็นคนตาบอดชั่วครู่ไปทันที



จอยซ์ไม่รอช้าวิ่งเอาไปชกหน้าดาวด้วยหมัดล้มควา-ย จนคุณเธอหน้าหงานไปเลยก่อนกระโดดลงไปกอดรัดฟัดเหวี่ยง พอดีเพื่อนๆก็วิ่งมาถึงกันพอดีและช่วยกับจับทั้งสองเอาไว้ได้ “มึงทำหยั่งงี้ทำไมอีดาว” ทุกคนโทษดุจดาวที่แค่บงการการฆ่าในครั้งนี้เท่านั้น เหล่าเพื่อนรักยืนร้องไห้น้ำตานองพื้น เมื่อเห็นเพื่อนรักทั้ง 3 นอนจมกองเลือดที่ทำให้เสื้อนักเรียนสีขาวสดใสการเป็นสีแดงฉานไปทั้งตัว

เลขที่ 35 เพื่อนโม

เลขที่ 43 เพื่อนแป้ง

เลขที่ 48 เพื่อนเสา


เหลือ 48 คน





บนระเบียงชั้น 2 ของอาคาร 1

“ไอ้...ทึกมึงไปเดินไกลๆกูเลย” ษาชี้ไล่เพื่อน “ไอ้สาดเดียวก็ฆ่าให้” โต้พูดขู่



“มึงก็ลองดินวมกับมีดกู ใครจะตายก่อนกัน”



“มึงเอาสิไอ้โต้ พอมึงฆ่ามัน กูจะยิงมึงให้ดู กูจะได้รอดคนเดียว”



“โห่ลูกไอ้... (ชื่อบิดามันครับเลยต้องเซ็นเซอร์) กูก็ดีใจเห็นมึงได้ปืนติดเลเซอร์ ไอ้ฟายที่ไหนได้ เป็นปืนอัดลม” แล้ว 3 คนก็เถียงกันไปเถียงกันมาเรื่องที่ซวยไม่ได้อาวุธดีๆ ผมวิ่งมาเจอพอดี



“เฮ้ย มึงทำ....ไรกันวะ” “ไอ้เอ กูนึกว่ามึงตายไปแล้วซะอีก” เพื่อนท็อปพูดให้กำลังซะดิบดี



“ไอ้...นี้ แล้วพวกมึงจะทำ...ไรกันจะฆ่ากันเหรอ มีดปอกมะม่วง นวมกับปืน ขำวะ”



“มึงจะลองปืนกูปะละ” ท็อปจ่อปืนมาที่หัวผม



“ปืนอัดลม อย่า! ทะลึ่งและมึง” “มึงรู้ได้ไงวะ” เพื่อนษาสงสัย



“ก็กูคนเขียนนี้หว่า ไปเหอะพวกไอ้หนุ่มอยู่ห้องคอมพ์”



“เดี๋ยว แล้วไหนของมึง” เพื่อนท็อปถามเพราะอยากเห็นอาวุธของผม “เออ กูก็อยากรู้” เพื่อนโต้เสริมขึ้นทันที



“นี้ไงอยู่ในกระเป๋า” ผมคลำไปที่ด้านหลังที่ผมคิดว่าสะพายมันไว้ “เวรแล้ว กูดันลืมไว้ในห้องน้ำ”



“กรรมเอ้ย เพื่อนกูทำไมมันโง่หยั่งงี้วะ” เพื่อนท็อปพูดประโยคประจำที่ชอบพูดใส่ผมอีกแล้ว



“ชั่งมันเหอะ รีบไปมีพวกหนึ่งมันเห็นกูที่โทลเวย์ข้างห้องภาษาไทย มันกำลังไล่ล่ากูมา” ก่อนที่ผมจะเริ่มวิ่งนำพวกนั้นไปทางห้องภาษาไทยที่ด้านข้างมีบันไดขึ้นไปยังชั้น 3 ที่เป็นที่ตั้งของห้องคอมพ์



แต่คนพวกนั้นที่เห็นผมก็ขึ้นมาจากบันไดด้านล่างตรงข้างห้องหมวดภาษาไทย “เฮ้ย อยู่นั้น 4 คน ฆ่าอย่าเหลือ” เสียงเพื่อนเบิ้มผมจำได้ดี “...ยำเอ้ย วิ่งๆๆๆ”ผมสั่ง “ไอ้...เบิ้มกูเพื่อนพวกมึงนะเว้ย” ไอ้ท็อปตะโกนแต่ยังคงยืนนิ่ง “ไปเป็นเพื่อนกับผีในนรกเหอะมึง” มันพูดก่อนจะเริ่มสาด ปลย. 11 ใส่เรา



“วิ่งสิไอ้...เอ้ย” ผมดึงมือมันให้วิ่งตาม เราวิ่งทะลุห้องทะเบียน-วัดผลที่มีบันไดอีกที่นึง “แยกกัน ไอ้ษาไปข้างบนกับกู พวกมึงไปข้างล่างเจอห้องคอมพ์ถ้ายังไม่ตาย” “เออ”



ผมรีบวิ่งขึ้นไปชั้น 3 กับเพื่อนษา ในขณะที่เพื่อนท็อปกับเพื่อนโต้วิ่งลงไปด้านล่าง “ไอ้นูนไอ้อ๋อยมึงตามไอ้พวกที่ขึ้นข้างบนไป” เพื่อนเบิ้มสั่งเหมือนกับว่าตัวเองกำลังอยู่ในสนามรบ



ท็อปและโต้ลงบันไดด้านล่าง แต่ปรากฏว่าประตูเหล็กไม่ได้เปิด!!! “เปิดสิวะ กูไม่อยากตาย” โต้เขย่าประตูด้วยเสียงฟายๆของมัน



“ไอ้...เอ้ยมึงช่วยกูยกขึ้นสิวะ” ท็อปตบไปที่กะโหลกไอ้โต้ดัง “ปั๊บ” “กูนึกว่าล็อคอยู่”



“ยกสิไอ้...เอ้ยเดี๋ยวมึงก็ได้เป็นผีหรอก” ท็อปพูดเสียงยานเหมือนเวลาคนกำลังยกอะไรหนักๆพูด “เปิดสิ...เปิดสิ อึบบบ” ประตูถูกยกขึ้นมาประมาณคนตัวใหญ่อย่างเพื่อนโต้ลอดได้



“มันอยู่นั้น ยิงๆๆๆๆ”



“ลอดออกไป...ลอดออกไป” แล้วทั้งสองก็ลอดออกมาได้โดยมีกระสุนปืนวิ่งไล่หลังมา



“สาดเอ้ย หนีไปจนได้” เพื่อนนพที่ตามเพื่อนเบิ้มมาพูดอย่างไม่สบอารมณ์สุดๆ “เดี๋ยวพวกอื่นก็ฆ่าแมร่งเองแหละ ขึ้นมาไปตามพวกไอ้นูนเหอะ”



ห้องคอมพิวเตอร์เหนือห้องภาษาไทย ชั้น 3 อาคาร 1

\"เดี๋ยวกูเอาเชือกไปขึงประตูก่อนนะเว้ย\" แก๊ปโยงเชือกลูกเสือ-กับโต๊ะที่หน้าประตู



“ไอ้ต่อมึงต้องอยู่เวร มึงมี GPS” เพื่อนกบเอ่ยขึ้นหลังจากเห็นเครื่องติดตามบุคคลที่ต่อยิบออกมาจากกระเป๋า



“โห่...มึงเอาไป แล้วอยู่แทนกู” ต่อตัดพ้อ “อย่าๆ...”  



“เอามีดสปาต้าร์กูไป ไว้ป้องกันตัว” แก็ปเดินกลับมาพูดก่อนหยิบมืดของตนยืนให้เพื่อน



“เฮ้ย ถ้ามันหนีไปละ” กบพูดด้วยความระแวง



“มันเพื่อนมึงนะไอ้กบ” หนุ่มขุดเรื่องความเป็นเพื่อนขึ้นมา



“มึงออกไปเฝ้าตรงระเบียง (ห้องคอมพ์นั้นสร้างค่อมทางเดินเหมือนห้องทะเบียน) ตี 2 ค่อยมาเรียกกู” แก็ปพูดโดยไม่สนใจคำทัดทานของเพื่อนพร้อมกับยัดมีดของตนใส่มือเพื่อน แล้วต่อก็ออกมาอยู่ที่ด้านนอกห้องคอมพ์ห้องสุดท้าย



“มีคนมา” ต่อตะโกนเรียกเพื่อน ก่อนที่เพื่อนทั้ง 3 ที่กำลังนอนก็ตกใจวิ่งออกมา



“ใครวะ” กบไม่รอช้าถามขึ้นทันใด “ไอ้เอกับไอ้ษามันมาจากบันไดหน้าห้องคณิต”  



“มันหนีใครวะ” แก็ปถาม “ไม่มี....เดี๋ยวไอ้อ๋อยกับไอ้นูนวิ่งขึ้นมาแล้ว”



“ออกไปช่วยมัน” หนุ่มไม่รอช้าคว้าลูกซอง แต่แก็ปห้ามไว้



“สองคนนั้นมันตายแล้ว” เพื่อนแก็ปรู้ดีแก่ใจว่าช่วยไว้ยังไงก็ต้องฆ่าอยู่ดี



“ไอ้...เอ้ยนั้นเพื่อนมึงนะเว้ย” หนุ่มพยายามดิ้นให้หลุดจากเพื่อนทั้ง 3 ที่ห้ามเขาไว้



ผมวิ่ง...วิ่ง...วิ่ง...อย่างสุดชีวิตรู้สึกว่าจะเร็วที่สุดตั้งแต่เกิดมาเลย มีเพื่อนษาตามหลังมาติด พร้อมกับห่ากระสุนปืนที่ไล่ล่าชีวิตเรา



“ไอ้แก็ปช่วยกูด้วย” ไอ้ษาตะโกนเข้าไปในห้อง



“ตะโกนหาพ่อ-มึงเหรอ” ก่อนที่ผมจะลากมันวิ่งลงบันไดหน้าห้องคอมพ์ลงไปด้านล่าง คู่ซี้ปืนโหดไม่ได้วิ่งตามเราลงมาแต่หยุดที่หน้าห้องคอมพ์เพราะได้ยินเสียงเพื่อนเบิ้มตะโกนบอกให้รอก่อน



“กูได้ยินไอ้ษาตะโกนเรียกคนในห้องวะ” เพื่อนนูนไม่รอช้าแจงเรื่องที่ได้ยินมาขึ้นทันที



“กูว่าต้องมีอยู่ไม่ต่ำกว่า 4 คน” เพื่อนอ๋อยวิเคราะห์ “เข้าไปฆ่าแมร่งให้หมด”



“ไป...ไป...ไป...” แก็ปสั่งเพื่อนให้รีบปีนออกหน้าต่าง ที่เมื่อออกไปจะมองออกไปจะเห็นด้านหน้าเสาธงของโรงเรียนอย่างชัดเจน พวกเขาไม่คิดจะสู้เลยแม้แต่น้อยเพราะ สี่คนมีปืนแค่กระบอกเดียว



ก่อนที่แก็ปจะก้าวออกเป็นคนสุดท้าย “เร็วสิวะไอ้ต่อ”



ไอ้เบิ้มวิ่งนำเข้ามาสะดุดเชือกที่ผูกโยงเอาไว้ล้มลง \"ไอ้...ฆ่ามันให้ได้\" ตกมันแล้ว พวกมึงเสร็จแน่

  

“เฮ้ยๆๆ...มันอยู่นี้” ไอ้อ๋อยเห็นเงาตะครุมๆกำลังปีนออก “ยิงสิไอ้เวรเอ้ย” เบิ้มตะคอกก่อนจะวิ่งตามมา



“เวรปืนเพ้นท์บอลเนี้ยนะ” “งั้นมึงกับไอ้นูนไปดักพวกมันข้างนอก”



“ตามกูมาไอ้นพ” เพื่อนเบิ้มพูดก่อนสาดปืนใส่เข้าไปในห้องคอมพ์ที่เป็นกระจก จนแตกกระจายแถมยังโดนคอมพ์พังไปหลายเครื่องด้วย  



พวกที่หนี 4 คนวิ่งๆไปบนระเบียงด้านนอกในขณะที่ 2 มือปืนโหดกำลังจะโผล่หัวออกมาจากนอกหน้าต่าง หนุ่มวิ่งนำไปถึงห้องเรียนห้องแรกที่มีหน้าต่างจนสามารถที่จะปืนเข้าไปได้



แต่เพื่อนอ๋อยที่มีปืนเพ้นท์บอลดันโผล่ออกมาก่อน “ปุง” หนุ่มมอบกระสุนปืนลูกปายไปที่หน้าเพื่อนอ๋อย เลือดสาดกระเดนเต็มหน้าเพื่อนหนุ่ม ส่งให้เพื่อนอ๋อยลงไปนอนกับพื้น



“ไอ้อ๋อยยยย” เพื่อนนูนร้องสุดเสียงก่อนคุกเข่าลงไปยกตัวเพื่อนอ๋อยขึ้นมากอดทั้งน้ำตา โดยไม่สนใจทั้ง 4 คนที่กำลังปีนเข้ามา



“ยิงมันไอ้หนุ่ม” ไอ้กบตะโกน “ยิงมันเซ” แต่เพื่อนหนุ่มผู้เปิดเกมส์ฆ่าเป็นคนแรกยืนนิ่งเหมือนเสียใจให้กับการกระทำที่โหดร้ายของตน



“ยิงกูเลย ยิงกูเลย” นูนขอร้องทั้งน้ำตา “ไปกันเหอะเดี๋ยวพวกไอ้เบิ้มมา” หนุ่มห้ามใจไม่ยกปืน ก่อนจะชวนเพื่อนวิ่งไปทางห้องคณิตทางที่ผมหนีขึ้นมากับเพื่อนษา เมื่อกี้

เลขที่ 17 เพื่อนอ๋อย

เหลือ 47 คน




เพื่อนเบิ้มกับเพื่อนนพที่วิ่งออกมามาจากห้องคอมพ์พอดี เห็นวง F4 กำลังวิ่งก็รัวอาวุธสงครามของตนใส่อย่างไม่หยั้งมือ แล้วใครบางคนในกลุ่มกันก็ล้มลง พี่เจอร์รี่เหรอ ไม่ใช่ครับพี่บิ๊กต่างหาก อ้าวผิดอีก เพื่อนต่อผู้โชคร้ายถูกลูกกระสุนปืนเจาะเข้าที่กลางหลังหลายนัดจนล้มทั้งยืน ของวงซีล



“ไอ้ต่อ” หนุ่มหันไปมองร่างเพื่อนที่กำลังล้มลงอย่างช้าๆ กบไม่รีรอคว้าGPSของต่อแล้วกระเป๋าที่ภายในมีแว่นมองกลางคืนอยู่ขึ้นมาแล้วลากเพื่อนๆให้วิ่งต่อไปทันที ทิ้งร่างอันไร้วิญญาณของเพื่อนรักเอาไว้ข้างหลัง



แต่ทำไมเพื่อนกบที่วิ่งอยู่หลังสุดมันทำไมถึงไม่เป็นอะไรเลย ใช่มันโดนไป 2 ลูกที่กลางหลังกับที่หัวแต่ของที่มันได้ก็คือหมวกเกราะกับเสื้อเกราะแบบเบาพิเศษ ทำให้การถูกยิงจากระยะไกลจึงรู้สึกเหมือนโดนปืนอัดลมแบบที่เพื่อนท็อปได้ยิงเท่านั้น



เลขที่ 9 เพื่อนต่อ

    เหลือ 46 คน




คู่หูจอมโหดไม่ได้วิ่งตามต่อไปแต่กลับหยุดดูเพื่อนนูนที่นอนกอดร่างเพื่อนอ๋อยอยู่ในห้องเรียนห้องหนึ่ง นูนลุกขึ้นพร้อมเบเรทต้าที่จ่อไปที่หัวของตัวเอง “ลาก่อนเพื่อนรัก บอกแม่กูด้วยกูรักแม่” ก่อนจะฝากลูกกระสุนปืนสั้น .32 ไว้ในหัวของตัวเอง



“ไอ้โตส (ใช้เรียกเพื่อนนูน)” เพื่อนนพตะโกนในขณะที่น้ำตาของทั้งสองไหลออกมา



“กูจะฆ่ามันล้างแค้นให้พวกมึงเอง ไอ้โตส ไอ้อ๋อย”เพื่อนนพลั่นสัจจะวาจา



ก่อนที่เพื่อนเบิ้มจะเดินมาหยิบเบเรทต้าของเพื่อนนูนโดยไม่สนปืนเพนท์บอลของเพื่อนอ๋อยแม้แต่น้อย



“ไป...เราไปฆ่าพวกมันกัน” เพื่อนนพชวนโดยหวังจะสะสางแค้นให้เพื่อน



“ป่านนี้มันคงหนีไปไกลแล้ว กูว่ากลับไปหาไอ้พวกที่นอนอยู่ดีกว่าป่านนี้ไม่โดนกลุ่มอื่นฆ่าแมร่งไปแล้วเหรอ “แล้วทั้งสองก็เดินลงบันไดมุ่งหน้ากลับไปยังที่ซ่อนของตนที่เพื่อนอีกสี่คนที่ไม่มีปืนเป็นอาวุธหลบซ่อนอยู่

เลขที่ 15 เพื่อนนูน

เหลือ 45 คน




หน้าห้องน้ำ

ผมกับไอ้ษาวิ่งไปห้องน้ำเพื่อไปเอากระเป๋าที่ลืมไว้ “โห้...โชคดีชิบหายที่ยังไม่มีใครมาเจอ” ผมพูดใส่ไอ้ษา



“ได้ไรวะเปิดดูเร็วๆ” ษาลุ้นระทึกเหมือนแม่ผมในวันหวยออกไม่มีผิด ผมหยิบดาบซามูไรขนาดยาวซักแขนคนเห็นจะได้กับขนมโมจิติดตราว่า ผลิตในนครสวรรค์ กูไม่กินหรอกกูไม่อยากไปสวรรค์ ผมคิดพร้อมอมยิ้มไป



“ยิ้มไรมึงวะ” ก่อนที่ผมจะได้ตอบ ทนายก็เดินเข้ามาพร้อมกับดาบเจไดสีเขียวเหมือนอาจารย์โยดาในเรื่องสตาร์วอร์



“อย่าทนาย พวกกูไม่อยากทำ” เพื่อนษาพูดเหมือนกับว่าตัวเองนั้นมีอาวุธเป็นปืนไม่ใช่ปีดปอกมะม่วงอันเล็กๆ



“อย่าดีกว่าทนายเราเพื่อนกันนะ” ผมพูดแต่ทนายไปสนยกดาบขึ้นก่อนจะใส่ผมอย่างไม่ยั้งมือ โชคดีผมที่มีดาบซามูไร ผมเอียวตัวหลบก่อนยกดาบขึ้นกัน แต่ได้ไม่นานดาบผมถูกความร้อนของดาบเลเซอร์จนขาด



ไอ้ษาเห็นท่าไม่ดีกระโดดถีบไปที่ทนายแต่ทนายยกดาบที่ฟันลงมาที่ผม ฟันใส่ไอ้ษาแต่โชคยังดีทนายแขนสั้น ไอ้ษาจึงโดนแค่เฉี่ยวๆที่แขนแต่ทนายนั้นลอยกระเดนไปติดกำแพง อึก ก่อนล้มลงสลบไป ผมทิ้งดาบที่ขาดครึ่งก่อนหิ้วไอ้ษาที่แขนถูกฟันออกจากห้องน้ำ มุ่งหน้าไปห้องพยาบาล...

ติดตามเรื่องนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน

ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...
×