ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Battle Royal!!! เลือดล้างมิตรภาพ

    ลำดับตอนที่ #2 : วันที่นรกร้องเรียกหาเรา

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ค. 48


    นี้คือวันสุดท้ายของการสอบวันสุดท้ายของพวกเราม.6ทุกคน  วิชาสุดท้ายก่อนเราจะหลุดพ้นจากชีวิตนักเรียนม.ปลายไปสู่รั้วมหา’ลัยกำลังจะเริ่มขึ้น “เข้าห้องสอบนักเรียน วิชาสุดท้ายแล้ว” เสียงอาจารย์ท่านหนึ่งแห่งหมวดสังคมฉุดเราทุกคนให้ลุกขึ้น



    “ทำเร็วนะมึงไอ้เอ พวกกูไม่อยากรอ” ใครบางคนพูด



    “เออ” ผมตอบห้วนๆก่อนหย่อนตูดลงบนเก้าอี้



    มีเสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งกำลังวิ่งเข้ามาใกล้ห้องของผม



    “เดียวค่ะอาจารย์ ปกครองของให้ประกาศนี้ก่อนค่ะ” อ.ฝึกสอนหญิงหน้าตาไม่สวยนักพูดอย่างสุภาพก่อนยื่นกระดาษชิ้นเล็กให้แล้วจากไป



    “ฟัง...ใครที่มีชื่อในนี้ให้ไปที่ห้องปกครองหลังทำข้อสอบเสร็จด้วย ตฤณ อนุสรณ์ เอกพันธ์ ฐิติพร พรานนก ภริตา เสาวรส สุกัญญาและอุมาพร”



    “ไรวะ ...โฮ่จะไปดีไซด์ซักหน่อย” ผมพูดด้วยน้ำเสียงแบบจิ๊กโก้คุมซอย



    “เออ แมร่งแสด” หนุ่มที่นั่งอยู่หน้าสุด หันมาพูดกับเพื่อนรัก (รักดีไหมวะเนี้ย)



    “มันแปลกๆนะ ไมมันเรียกแต่ห้อง 2 เก่าวะ” หนอนที่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองสงสัยขึ้นทันที



    “นี้พวกเธอนี้ห้องสอบนะ หันไปห้ามคุยกัน” อาจารย์จอมโหด ด่าเสียงดังมาจากประตู แล้วเราก็นั่งทำข้อสอบอยู่ครึ่งชั่วโมงเพราะวิชานี้ไม่ยากเท่าไหร่



    “เสร็จยังไอ้เอ”เพื่อนร่วมสาบาน (ตอนไหนวะ) ของผมตะโกนเร่งในขณะที่ผมยังเหลือข้อสอบเกือบ 10 ข้อ(ขนาดง่ายนะเนี้ย)



    “นี้พวกเธอ นี้ห้องสอบนะ โตจนจบกันแล้วยังไม่รู้เรื่องอีกเหรอ” นักด่ามืออาชีพไม่รอช้าเมื่อมีโอกาส จนเพื่อนผมเงียบไปเลย



    ในที่สุดผมก็ทำเสร็จ เราไม่รอช้ามุ่งหน้าไปห้องปกครองที่เราเกลียดแม้แต่จะเดินเฉียดเข้าไปใกล้ในทันทีเหมือนกับเราไม่เคยเกลียดห้องแห่งนั้นมาก่อน “เดี๋ยวพวกกูรอหน้าห้องปกครองนะเว้ย” เพื่อนคนเดิมพูด “เออ” หนอนตอบด้วยน้ำเสียงเครียดๆ และห้วน



    ในห้องปกครองเราพบเพื่อนๆที่เรียนอยู่ห้องเดียวกันสมัยม.3อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เราต่างทักทายกันเพราะนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วก่อนที่เราจะแยกย้ายกันไปจากโรงเรียนนี้



    ไม่นานอาจารย์สิงห์มอ’ไซต์ไทเกอร์ก็เดินเข้ามาก่อนที่จะแจ้งเหตุที่เรามารวมตัวกันในครั้งนี้ให้เราทราบ แค่สั้นๆว่าให้เรามาพบกันที่นี้ก่อน 6 โมงเย็น ไม่ได้พิมพ์ผิดครับ 6 โมงเย็นจริงๆ ถ้าใครไม่มาอาจารย์ที่รักของนักเรียน (ที่ไม่ใช่พวกเรา) ขู่ว่าถ้าไม่มาจะมีทหารไปตามถึงบ้าน เพราะเรื่องนี้มีกองทัพสนับสนุนกิจกรรมนี้ ไม่ใช่สิ ทำให้เกิดกิจกรรมนี้ขึ้นมา หลายคนไม่กลัว บ้างคนบอกว่าไม่มาแน่นอน ก่อนที่เราจะแยกย้ายกันไปเลี้ยงฉลองกัน และนั้นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้ร้องเพลงคาราโอเกะ เพื่อนๆคงดีใจที่ต่อไปจะไม่ได้ฟังเสียงอันทุ-เรศรูหูอีกแล้ว



    ตกเย็นของวันต่อมา ผมรีบแต่งตัวด้วยชุดนักเรียนแล้วออกไปในเวลา 6 โมง ก่อนที่ทหารจะมาถึง ผมไม่เห็นรถราวิ่งเลยในเขตบ้านพักไม่มีคนด้วยซ้ำ สห.ก็ไม่มี แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไร ผมมาถึงโรงเรียนก็พบเพื่อนทุกคนนั่งหน้าสลอนกันครบรวมทั้งพวกที่ไม่ได้ต่อม.ปลายด้วย พวกเขากำลังคุยกันอย่างสนุกสนานเลย



    จูนกับกำลังพูดกับอรุณเพื่อนรักที่ไม่ได้ต่อม.ปลายที่นี้เหมือนกับว่าเธอเก็บทุกคำพูดตลอดเวลาที่เรียนมาเพื่อวันนี้



    โมกำลังแหกปากโวยวายอะไรของมันกับอีตุ่นอยู่ ขณะที่ไอ้ษากำลังโดนพวกโดนไอ้นพที่นั่งอยู่ด้านหน้าตบกระบาลเล่น



    “เร็วเข้าลูก เพื่อนๆรอลูกอยู่คนเดียว” อาจารย์ไทเกอร์พูดผ่านโทรโข่งมหัศจรรย์ ผมรีบจ้ำไปนั่งต่อหลังแถวผู้ชายที่นั่งเรียงกันตามเลขที่ อยู่กลางสนามหน้าเสาธง เหมือนตอนที่ผมวิ่งแข่งตอนวันกีฬาสียังไงยังงั้น



    “ช้า...ตลอดมึง” เพื่อนท็อปนั่งอยู่ด้านหน้าถัดไป 3 คน หันมากล่าวตอกย้ำเพื่อนเหมือนที่มันชอบทำเป็นประจำ



    “นิ้วกลาง*อะไรละ” ผมตอบเหมือนที่เคยทำเป็นประจำเช่นกัน ก่อนจะนั่งลงที่ด้านหลังหนูหนอน



    “เขาบอกอะไรไปยังวะหนอน” ผมสะกิดหนอนที่นั่งอยู่ ข้างหน้า “ยัง แมร่งไปลากกูมาจากบ้านเลย แค่กูช้าไป 2 นาที” หนอนตอบอย่างห้วนๆก่อนเล่าถึงเหตุการณ์ณ์ที่ตนเผชิญมา



    “เป็นทหารจริงปะวะ” ผมถามอีกครั้ง “จริงดิแมร่งหน้าหยั่งกะโจร ลากกูขึ้นรถจิ๊บทหารมา”



    “เหรอ มันจะทำอะไรวะเนี้ย” ผมพูดเปรยๆขึ้น



    “กูว่าแมร่งแปลกๆวะ ตะงิดใจมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” หนอนกล่าวด้วยกังวลที่เกิดขึ้นมาจากจิตใต้สำนึกของตน



    “ไม่มีหรอก” ผมตอบก่อนจะละสายตาจากเพื่อนไปมองรถบรรทุกทหารที่กำลังแล่นเข้ามาในโรงเรียน 3 คันแต่มีรถจิ๊บ 1 คันนำหน้ามา แล้วพวกทหารอาวุธครบมือก็ลงจากรถแล้วยืนล้อมเราไว้



    หลายคนเริ่มกลัวโดยเฉพาะทางฝั่งผู้หญิงแต่ผมไม่ ผมตะโกนเรียกเพื่อนโต้ที่นั่งถัดไป 2 คน “เพื่อนโต้ มึงมาสายกี่ครั้งวะ กูไม่เคยมาสายเลยนะเว้ย”ผมพูดกับเพื่อนเรื่องที่เราเคยร่วมชะตากรรมกันมาที่ค่ายฝึกนิสัยคนไม่มีวินัย (ดัดสันดาน)



    โต้หันควับทันที “กูสาย 2 ครั้งเอง แมร่งมาผิดงานแน่กูว่า” มันพูดโดยเอามือป้องปากเหมือนที่เคยเพื่อให้เสียงดังขึ้น



    แล้วใครบางคนที่ยินอยู่ด้านหน้าแถว ก็พูดขึ้น “นี้ ข้างหลังเงียบซักที” นายทหารใส่ชุดพรางอากาศโยธิน ดูอายุไม่น่าจะเกิน 40 ผมว่านะ ตะโกนด้วยเสียงเข้มๆแบบทหารมาทางพวกผม ผมมองหาอาจารย์ที่เมื่อกี้ยืนกันอยู่หลายคนแต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ไม่รู้ว่าหายไปไหนกันหมด



    “ผมนาวาอากาศตรี จรัญ มีลมปราณ เป็นหัวหน้ารับผิดชอบของภารกิจนี้” เขาแนะนำตัวก่อนที่จะสั่งใช้คนข้างหน้านับ



    เมื่อมาถึงผมซึ่งเป็นคนสุดท้ายก็ลุกขึ้นตอบ “23 คนครบครับ” ผมตอบแบบ รด. เหมือนที่เคยเรียนมา



    นายทหารมองดูชื่อพวกเราในใบรายชื่อ “ครบห่ามึงเหรอ หายไปไหนคนหนึ่ง” ผมคิดในใจซวยแล้วกู ก็มันสุดท้ายที่กูนี้หว่า



    แล้ววิสันต์ก็วิ่งด้วยสีหน้าหอบหืดและเหนื่อยเข้ามา “ทำไมเพิ่งมา” นายทหารคนดังกล่าวถามเพื่อนวิสันต์ที่กำลังกล้าๆกลัวๆไม่รู้จะวิ่งเข้าไปต่อแถวหรือยืนอยู่ตรงนั้นดี



    “จักรยานยางแตกครับ” วิสันต์คนซื่อตอบไปตามความจริงแต่น้ำเสียงนั้นเบาเจือเสียงหอบที่ดังเป็นระยะๆ



    “เข้าไปนั่งเร็วๆ” นายทหารหน้าอ่อนสั่งวิสันต์ ก่อนที่เขาจะวิ่งพรางเดินเพราะความเหนื่อยมานั่งต่อหลังผม



    “ต่อไปผมจะบอกว่าทำไมพวกท่านถึงมาอยู่ที่นี้ ยกคิขุจังเข้ามา” อะไรวะคิขุจังผมคิดในใจ พร้อมกับมองพลทหารสองคนที่กำลังยกทีวี 21 นิ้วเข้ามาตั้งก่อนเสียบปักลงไปบนเต้าเสียบที่เตรียมไว้ แมร่งทุ-เรศชิบหายแทนที่จะทำให้เหมือนหนังจริงๆหน่อย



    “สวัสดีค่ะนี้คิขุจังนะค่ะ หลายคนที่ดู B.R. อาจจะรู้จักดี ใช่ค่ะอย่างที่พวกท่านคิดนั้นแหละค่ะพวกท่านคือผู้โชคดีที่ได้เล่นเกมส์ B.R. เป็นห้องแรกของประเทศเรา” เมื่อยัยผู้หญิงชื่อญี่ปุ่นแต่หน้าหยั่งกับแรงงานพม่าพูดมาถึงตรงนี้ หลายคนเริ่มร้องไห้และกลัวมา จูนที่เมื่อซักครู่ยังคุยกับอรุณอยู่อย่างสนุกสนาน แต่ตอนนี้เธอกับร้องไห้อย่างที่พวกเราไม่เคยเห็นมาก่อน โดยมีอรุณเป็นคนปลอบอยู่ข้างๆ



    “ไอ้โต้....แมร่งมาผิดงานจริงวะ”ผมตะโกนเหมือนคิดว่านั้นเป็นเพียงการพูดเล่นเหมือนคราวที่เราพูดเล่นตอนถูกส่งไปค่ายที่เราคิดว่ามันเป็น แร็คคูนซิตี้ ใน Resident Evil 2



    \"ไอ้...(ชื่อพ่อมัน)หันมาฟังกูหน่อย\" เพื่อนรักผมไม่ยอมหันมาเหมือนไม่ได้ยินผม หลายคนที่ได้ยินที่ผมพูดหันมามองผมเป็นตาเดียวกันเหมือนจะบอกว่าจะตายอยู่แล้วยังจะพูดเล่นอีก ผมเห็นเพื่อนไม่ตลกก็ก้มหน้าลงไม่พูดอะไร



    ในขณะที่ใครบางคนข้างหน้ายืนขึ้น ผมกำลังมองว่าใคร เพื่อนฉัตรนั้นเอง “กูไม่เล่นเว้ย เกมส์...ไรวะ” เขาพูดหยาบๆใส่หน้านาวาอากาศตรี จรัญที่ยื่นอยู่ตรงหน้าเขา



    “ไม่มีสัมมาคาราวะเลยนะไอ้หนู นั่งลงก่อนที่ผมจะยิงคุณ” นายทหารแสดงสันดารดิบของตนออกมา เพื่อนฉัตรถูกเพื่อนข้างๆดึงให้นั่งลงอย่างช้า



    “ดี...เริ่มต่อเลยคิขุจัง”



    แล้วดวงอาทิตย์ก็หายลับขอบฟ้าไป ไปต่างๆในโรงเรียนเริ่มเปิด แต่เฉพาะบางที่เท่านั้น เช่นเดียวกับด้านนอกที่เป็นบ้านพักกลับเงียบไม่มีรถราวักคันวิ่งไปมาเหมือนทุกวัน เหมือนกับไม่มีใครอยู่ข้างนอกนั้น  



    “ต่อเลยน่าก๊า พวกคุณทุกคนต้องฆ่ากัน จะไม่ฆ่าก็ได้ ถ้าในวันที่เกมส์จบนั้นก็คืออีกสามวันจากนี้ ยังมีคนเหลือมากกว่า 4 คนทุกคนต้องตาย โดยปลอกคอที่พวกทหารกำลังใส่ให้พวกคุณอยู่นั้นจะระเบิดขึ้น” ใช่ครับทหารที่ยืนถือปืนล้อมเราอยู่นั้นพยายามใส่ปลอกคอให้พวกเรา มีบางคนพยายามขัดขืนแต่ก็สู้แรงทหารไม่ได้



    “เรียบร้อยแล้วนะก๊า เกมส์นี้จะเริ่มเวลา 00.00 น ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ ตอนนี้ยังมีเวลาอีก 5 ชม.ให้หาที่หลบซ่อน นอนเอาแรงไว้ฆ่า หรือล่ำลากันก็ตามใจ แต่ห้ามฆ่าก่อน 00.00 น มิฉะนั้นปลอกคอจะระเบิด และเกมส์ก็จะจบลงในวันอังคารเวลา 24.00 น ทุกคนที่ยังมีชีวิตรอดให้เข้าไปอยู่ในวงกลมกลางสนามฟุตบอลของโรงเรียน แต่หากมีใครรอดชีวิตมากกว่า 4 คนเวลานั้นจะเป็นเวลาตายของพวกท่านทุกคนและจะไม่มีใครรอดชีวิตจากเกมส์นี้ เราจะแจกกระเป๋าซึ่งภายในประกอบไปด้วยอาวุธ 2 อย่าง 2 อย่างเท่านั้น(นับรวมแม๊กด้วย)แต่จะมีบางคนที่ได้อาวุธเป็นอาหาร ดังนั้นพวกท่านส่วนใหญ่จะไม่มีอาหาร การกินเนื้อคนคงอร่อยน่าดูเลยงานนี้ แจกอาวุธได้ค่ะ อะ!!เกือบลืมห้ามแกะก่อนเวลาฆ่านะค่ะ”



    แล้วพวกทหารก็โยนถุงให้พวกเราทุกคน “อึก” “โยนดีๆหน่อยเซ” เพื่อนเบิ้มจอมซ่าโวย



    “เสร็จแล้วดิชั้นก็ขอต่อเลยนะคะ ทุกวันเวลา 6.00 เช้าและเวลา 18.00 เราจะประกาศรายชื่อคนที่ตายและบริเวณอันตรายนะค่ะ บริเวณอันตรายก็คือ ห้ามเข้าไปที่นั้นเป็นเวลา 12 ชั่วโมงนะคะ เพื่อป้องกันการกบดาน หากใครเข้าไปเขตนั้นเช่น โรงอาหาร ระเบิดที่ปลอกคอจะทำงานทันที อ้อ ห้ามออกนอกเขตโรงเรียนด้วย เรียบร้อยแล้วค่ะ ฆ่ากันให้สนุกนะค่ะ” แล้วกองทหารก็พากันขึ้นรถแล้วแล่นออกจากโรงเรียนไป



    เพื่อนๆหลายคนเริ่มกลัว บางคนหวาดระแวงเพื่อนใกล้ชิดของตน บางคนเริ่มจับกลุ่มรวมตัวกันแต่จะมีแค่ 4 คน 4 คนเท่านั้นที่จะรอดจากนรกนี้...



    “เอาไงวะไอ้ฉัตร” เดชเพื่อนซี้พูดในขณะที่เพื่อนอีกหลายคนยืนล้อมอยู่



    “กูจะไม่ฆ่าใคร” เพื่อนฉัตรตอบตามที่ตั้งใจไว้อย่างแน่วแน่



    “ทนายละเอาไง” เมื่อได้ฟังคำตอบ เพื่อนเดชก็หันมาถามทนายที่ยืนอยู่ด้านหลัง



    “เราฆ่า ฆ่าทุกคนร่วมทั้งแกด้วยธี’เดช” เพื่อนนายพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นปานไอติมสหกรณ์อย่างไม่ไว้หน้าเพื่อนเหมือนจะบอกผ่านไปยังใครบางคนว่า “กูจะฆ่ามึง” ก่อนจะสะพายกระเป๋าแล้วเดินออกไปเป็นคนแรก โดยไม่แคร์สายตาของเพื่อนๆที่มองดูเขาเดินจากไปเป็นตาเดียวกัน หลายคนคงคิดในใจว่าทนายคนดีของพวกเขาทำไมถึงมีจิตใจโหดร้ายอย่างนี้ ผมก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน



    “ออกไปไอ้จิ๊บ มึงไม่ต้องมาอยู่กลุ่มพวกกูเลย” เสียงเพื่อนษาไล่เพื่อนจิ๊บออกจากกลุ่มอย่างไม่มีความปราณี เพื่อนจิ๊บเดินน้ำตาซึมไปขอเข้ากลุ่มฉัตร



    “ให้กูไปด้วยนะๆ” จิ๊บวิงวอนทั้งน้ำตา



    “ไปไกลเลยมึง” เพื่อนกอบไล่



    “นะฉัตร” จิ๊บหันไปเขย่าตัวเพื่อนฉัตร



    “อย่าไอ้ฉัตร” เพื่อนเดชเห็นท่าจะไม่พูดไม่ได้ ก่อนที่คนอื่นจะพูดเหมือนที่เพื่อนเดชพูด



    ฉัตรมองหน้าเพื่อนแล้วหันไปมองหน้าที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาของเพื่อนจิ๊บ “มึงรีบไปหาที่ซ่อนเหอะ” ฉัตรพูดแนะนำที่ดี แต่นั้นคือการขับไล่อย่างที่ดูจะไม่โหดร้ายจนเกินไปนัก



    “กูจะฆ่ามึง...ฆ่ามึงทุกคนเลย” เพื่อนจิ๊บขู่พลางชี้นิ้วไปที่เพื่อนกอบ



    “เอาตอนนี้เลยเปล่าไอ้ขี้ขลาด” กอบทำท่าจะเดินเข้าไปเอาเรื่องเพื่อนจิ๊บ



    ในขณะที่คนอื่นร้องเชียร์ “เอาแมร่งเลย ไอ้กอบ” เพื่อนเดชยังคงชั่งยุเหมือนเดิม แต่ก่อนที่กอบจะเดินเข้าไปกระทุ้งหมัดใส่หน้าเพื่อนจิ๊บก็ถูกเพื่อนฉัตรห้ามไว้เสียก่อน



    “มึงรีบไปเลยไอ้จิ๊บ” ฉัตรประกาศกร้าว



    “มึงไอ้กอบ มึงตายแน่” จิ๊บชี้หน้าก่อนจะวิ่งจากไปพร้อมกระเป๋า



    “เราก็ไปกันได้แล้ว” เพื่อนฉัตรสั่งเคลื่อนทัพ



    “แล้วมึงจะฆ่าหรือเปล่า” เดชถามย้ำอีกครั้ง แต่ฉัตรไม่ตอบเหมือนเดิมที่ตั้งใจเอาไว้ “ฆ่าถ้าจำเป็น” ก่อนจะมุ่งหน้าไปทางห้องโถงกลุ่มนี้มี 4 คนพอดีคือ เพื่อนฉัตร เดช กอบและไชยา



    ในเวลาเดียวกัน “เอาไงวะอีเสา” โมถามเพื่อน



    “เราต้องรวมกันไว้เยอะๆ พวกผู้ชายมันอาจเริ่มฆ่าพวกเราก่อน”



    “กูกลัวพวกไอ้เบิ้มวะ แมร่งต้องฆ่าเราก่อนชัวเลย” ขิมวิเคราะห์ด้วยน้ำเสียงฉอดๆ



    “แต่กูว่าพวกผู้หญิงด้วยกันนี้สิหน้ากลัว” ขวัญสาวตาสวยกล่าว



    “แล้วเราจะไปอยู่ไหนกันละ” โมตั้งคำถามขึ้นอีกคั้ง



    “กูว่าตึก 7 แหละน่าจะเหมาะ มีหลายชั้นเราน่าจะหนี ซ่อนตัว หรือสู้ได้” เสาวิเคราะห์อย่างเฉียบแหลม



    “นี้ให้เราไปด้วยเปล่า เราเป็นผู้ชายปกป้องทุกคนได้นะ” เพื่อนท็อปพูดด้วยน้ำเสียงทุ-เรศๆของมัน



    “ผู้ชายแหละตัวดี” ขวัญพูดพลางชี้มือไปที่อื่นเหมือนจะบอกท็อปว่า มึงไปไกลๆเลย ก่อนที่พวกเขาจะพากันเดินมุ่งหน้าไปยังอาคาร 7 ที่มองเห็นเด่นตระหง่านอยู่ทางซ้ายมือของหน้าเสาธง กลุ่มนี้มี 12 คน เสา โม ขวัญ จอยซ์ พลอย ดาว พราว ปิ ชมพู่ แป้ง หนก ขิม



    “ไปกับพวกนั้นเหอะอรุณ” จูนพูดพลางใช้มือถึงอรุณที่ยืนนิ่งให้เดินตาม



    “อย่าดีกว่า มีกันตั้งเยอะเป็นเป้านิ่งให้คนอื่นฆ่ากันพอดี ไม่คนอื่นฆ่าสุดท้ายพวกนั้นก็ต้องฆ่ากันเองอยู่ดี เราไปกัน 2 คนนะดีแล้ว” นั้นคือสิ่งที่พวกเขาทั้ง 12 รู้อยู่แก่ใจแต่ไม่มีใครยอมพูดออกมาว่าสุดท้ายพวกเขาก็ต้องฆ่ากันเองอยู่ดี



    “ไปเว้ยพวกเรา เจอใครฆ่าแมร่งให้หมด” เบิ้มบอกเพื่อนก่อนจะก้าวเท้าขึ้นไปเดินนำข้างหน้าเพื่อน



    “กูไม่ฆ่า สาบานได้ กูไม่ทำแน่ มึงละไอ้หวี” แจ้ที่ตั้งปติพานว่าจะไม่ฆ่าใครหันไปถามเพื่อนรักที่เดินตามมาข้างหลัง



    “มึงไม่ฆ่ามัน มันก็ฆ่ามึงอยู่ดีแหละไอ้แจ้...ส่วนกูจะฆ่าถ้าจำเป็น”



    “จริงอย่างที่ไอ้หวีบอกยังไงมึงก็ต้องฆ่าอยู่ดี” เพื่อนนพพูดพลางเอามือตบที่ไหล่แจ้เบา



    “แล้วมึงจะพาพวกกูไปไหนเนี้ยไอ้เบิ้ม” เพื่อนนูนสงสัย



    “ไปหาที่นอนเอาแรงไง” ทั้งห้าเดินมุ่งหน้าไปทางอาคาร 7 แต่พวกเขาเข้ากลับไปได้ไปที่นั้นแต่กลับเข้าไปยังตึกอุตฯ กลุ่มนี้มี 7 คนคือ เพื่อนแจ้ เบิ้ม หวี นพ สม อ๋อยและนูน



    ในขณะที่กลุ่มวงโยฯ 4 คนคือ นก เก๋ นุ่น และแนท มุ่งหน้าไปห้องดนตรีที่อยู่ด้านบนห้องโสตฯติดกับห้องสมุดโดยไม่สนกลุ่มอื่นที่ยังคงยืนอยู่ที่หน้าเสาธงเหมือนกับไม่กลัวว่าใครจะรู้ที่ซ่อน



    “เอาไงนัท”วชิราพรถาม



    “เราไม่น่ามากันเลย...กลัว” สาธิดาสุดสวยเริ่มร้องไห้



    “มึงจะร้องทำหอกอะไรวะ” ประวีนาด่าซะอย่างงั้น



    “กูว่าเราไปแอบที่ห้องสมุดกันดีกว่า พวกวงโยฯมันอยู่ด้านบนพอเริ่มเกมส์เราก็จะได้ฆ่ามันเลยไง”



    “เอาไงเอากัน” “เออ” คนในกลุ่มต่างตอบอย่างพร้อมใจกันที่จะฆ่า



    “ไปกันเหอะกวาง” ฟินดึงมือ



    “ไม่ไป...แกแหละมากับเรา”กวางดึงมือฟินก่อนจะวิ่งไปอีกทางมุ่งไปยังสนามบอล



    “เฮ้ยอีกวางมึงจะไปไหน” นัทตะโกนถามแต่กวางทำเหมือนไม่ได้และยังคงลากเพื่อนฟินวิ่งต่อไป



    “ชั้งแมร่งเหอะ...ปะ”ใครซักคนในนั้นพูดขึ้นก่อนที่ นัท วชิ ประวีนา เชิญขวัญ ฐาปนีและสาธิดาจะมุ่งหน้าไปห้องสุดที่อยู่ติดกำแพงโรงเรียน



    “แมร่งไปกันหมดแล้วเราจะเอาไงวะ” เพื่อนษาถามไปยังเพื่อนแก็บ



    “ต้องแบ่งเป็น 2 กลุ่มก่อน”



    “ไอ้ษามึง ไอ้โต้ ไอ้ท็อปพวกมึงออกไป”แก็บสั่งอย่างเด็ดขาด



    “อาว...เชี้ยแล้วไง กูไม่ไปกับไอ้...ทึกนี้หรอก แมร่งตัวหยั่งควาย ตายหมู่พอดี” ท็อปผู้ไม่เคยคิดจะเป็นมิตรกับเพื่อนโต้กล่าว



    “เรื่องของมึง แต่กูจะไปกันแล้ว จะทำไรกันก็แล้วแต่มึง” แก็ปตอบอย่างไม่ไว้หน้าใคร



    “เอไปกับกู” เพื่อนษาชวนผม “งานนี้กูขอบายวะ”



    “เห็นไหมไอ้เอมันยังไม่อยากไปกับพวกมึง 2 คนเลย ไปกับกูเอ” ท็อปได้โอกาสก็ไม่รอช้าแต่ผมส่ายหน้าปฏิเสธความหวังดีของเพื่อน



    “ไปกับพวกกูแหละดีแล้ว” แก็ปที่กำลังสะพายกระเป๋าทหารขึ้นบ่าบอกกับผม“กูไม่ไปนะเว้ย” ผมตอบขึ้นทันใดด้วยสีหน้าเหมือนเก็บอะไรเอาไว้เต็มกลืนแล้ว  



    “ไมวะ…”หนุ่มถามพรางทำมือเหมือนนักร้องเพลงแรพ โย่ โย่



    “กูปวดขี้พวกมึงไปกันก่อนและกันเดี๋ยวกูตามไป” พอผมพูดเสร็จก็คว้ากระเป๋าวิ่งไปห้องน้ำทันที แต่เพื่อนหนุ่มวิ่งตามหลังมา



    “ไอ้เอพวกกูอยู่ห้องคอมพ์นะมึง” หนุ่มกระซิบเบาที่ข้างหูผม



    “อย่าตามกูมานะพวกมึง กูยิงไม่เลี้ยงเลยนะ” แก็บอนาคตนายพลพูดขู่ 3 คนเพื่อนไม่อยากซี้ก่อนเดินจากไป กลุ่มนี้มี เพื่อนแก็ป ต่อ กบ และเพื่อนหนุ่ม ทั้ง 4 ทิ้ง เพื่อนๆอีก 3 คนไว้ข้างหลัง “เราก็ไปกันเหอะ” ท็อปพูดชวนก่อนเดินนำเพื่อนษาและเพื่อนโต้ออกจากหน้าเสาธงไป อีกเพียง 4 ชั่วโมงครึ่งเกมส์นรกก็จะเริ่มขึ้นแล้ว



    มีหลายคนที่เลือกหลบหนีเพียงคนเดียวหรือ 2 คน เช่นวิสันต์เลือกไปเพียงลำพังเพราะอยากรอดแบบแบเบอร์ไม่โดนใครฆ่า



    “อุ้ย....โล่งตูด ก่อนตายได้ขี้ซักครั้งก็ยังดี” ผมพูดเบาๆกับตัวเองขณะกำลังปลดปล่อยสิ่งปฏิกูลลงคอห่านเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต ในขณะที่ทิ้งกระเป๋าไว้บนอ่างล้างหน้าด้านนอก “หลับซักพักแล้วค่อยไปก็ได้” แล้วผมก็หลับไปในห้องน้ำในท่านั่งถ่าย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×