จิ้งจอกขาว สามคุณธรรม

ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่1 เริ่มเรื่อง

บ่ายแก่ๆของวันที่อากาศดีเป็นพิเศษวันหนึ่ง รถเบนซ์หรูห้าคันแล่นผ่านถนนสายหนึ่งในกรุงเทพ ภายในรถคันที่สามมีนัก

 

ธุรกิจชื่อดังในวงนักธุรกิจให้ฉายาว่า"ทองล้านชั่ง"นักธุรกิจรายนี้รวยเป็นอันดับหนึ่งในประเทศไทย การเดินทางมาวันนี้ต้อง

 

มีนักคุ้มกันมือดีจากหน่วยคุ้มกันพิเศษถึงสี่สิบคนด้วยกัน นักคุ้มกันทุกคนล้วนถูกฝึกมาอย่างดี

 

     เมื่อรถแล่นมาถึงหน้าตึกใหญ่ซึ่งเป็นบริษัทแห่งหนึ่งก็จอดรถ นักคุ้มกันรีบลงจากรถกระจายกำลังรอบๆรถทั้งห้าคันเพื่อ

 

รักษาความปลอดภัย นักคุ้มกันคนหนึ่งสูงราว185 เซ็นติเมตร ร่างกายบึกบึน หน้าตาดี ผิวขาว สวมแว่นตาสีดำ สะพายปืนที่

 

หลังกระบอกหนึ่งเป็นสุดยอดของหน่วยคุ้มกันพิเศษในหน่วยให้ฉายาว่า"กระสุนสายฟ้า" เดินมาเปิดประตูรถคันที่สองนั้น 

 

นักธุรกิจนั้นลงจากรถพร้อมกับกระเป๋าหนังสีดำในมือแล้วเดินสาวเท้าเข้าไปยังตัวตึก นักคุ้มกันที่กระจายตัวอยู่รอบๆยี่ยี่สิบ

 

คนรีบเดินตามเข้าไป ส่วนที่เหลืออีกยี่สิบคนยังคงยืนอยู่ นักธุรกิจรายนี้มาเพื่อที่จะร่วมลงทุนกับบริษัทขนาดใหญ่เป็นบริษัท

 

สายการบินที่มีสายการบินไปทั่วโลกและทำรายได้ได้อย่างมหาศาลถือว่าเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย 
 

     หลังจากตกลงทำธุรกิจร่วมกันแล้วตอนนั้นเป็นเวลาประมาณหนึ่งทุ่มครึ่งเหล่านักคุ้มกันก็เดินนำออกมา ให้นักธุรกิจนั้น

 

ขึ้นรถ รถทั้งห้าคันก็แล่นไปตามถนนยาวสายหนึ่ง แต่เนื่องด้วยเวลาเย็นคนกลับจากที่ทำงานทำให้รถติด รถพอติดได้ซัก

 

ระยะหนึ่งคนขับรถก็เสนอให้เลี้ยวเข้าซอยซอยหนึ่งเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหารถติด แต่ด้วยซอยนั้นถนนไม่ดีจึงไม่ค่อยมีใครใช้กัน 

 

ภายในซอยมีเพียงแค่แสงไฟสลัวๆจากเสาไฟเท่านั้น พอขับเข้าไปได้ซักระยะมีรถกระบะสีดำสองคันจอดขวางอยู่กลางทาง 

 

นักคุ้มกันสองคนเปิดประตูรถคิดจะลงไปดู แต่ทันใดนั้นมีคนร้ายทั้งหมดสี่คนเดินออกมาพร้อมปืนไรเฟฺิลจู่โจมเปิดฉากยิง

 

ใส่นักคุ้มกันทั้งสอง นักคุ้มกันทั้งสองยามตื่นตะหนกได้แต่หมอบลงแล้วคลานหลบเข้าไปในป่าข้างทาง คนหนึ่งถูกยิงที่ขา

 

ไม่สามารถยืนได้ ได้แต่นอนยิงสวนกลับไป ขณะจะสั่งให้ถอยกลับทางเดิม ปรากฏรถอีกสามคันแล่นเข้ามาปิดถนนไว้ นัก

 

คุ้มกันในรถลอบร้อง'ผิดท่า'ในใจ รถเมื่อถูกปิดล้อมแล้วไม่สามารถขยับไปไหนได้ นักคุ้มกันฉายา"กระสุนสายฟ้า"จึงให้นัก

 

ธุรกิจลงจากรถเพื่อที่จะหนีออกจากห้วงอันตรายนี้พร้อมกับนักคุ้มกันอีกยี่สิบคน ฉายากระสุนสายฟ้า ได้มาเนื่องจากมีความ

 

สามารถในการยิงปืนที่รวดเร็วและแม่นยำ ตอนนี้บนถนนอื้ออึงไปด้วยเสียงปืนและความชุลมุนวุ่นวาย โจรถูกยิงตายไปห้าคน 

 

ส่วนนักคุ้มกันได้รับบาดเจ็บไปสองคน ในความมืดและความชุลมุนมีเสียงคนตะโกนว่า"ขว้างระเบิดแล้ว" ทุกผู้คนล้วนตื่น

 

ตระหนกไม่รู้ว่าต้นเสียงอยู่ที่ใดได้แต่วิ่งหาที่หลบ นักคุ้มกันสี่คนไม่ทันได้วิ่งหาที่หลบระเบิดก็ ตกอยู่เบื้องหน้าระเบิดออก

 

เสียงตูมสนั่นหวั่นไหว ล้วนตายทันที
 

     นักคุ้มกันที่เหลือยิงตอบโต้กลับไปโจรตายไปอีกสามคน ในยามคับขันไม่มีใครคิดอะไรออกได้แต่เอาตัวรอด บ้างหนีเอา

 

ตัวรอด บ้างยืนหยัดสู้จนตัวตาย เนื่องด้วยเพราะไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าจะถูกซุ่มโจมตีเพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องราวอะไร

 

เกิดขึ้นเลยจึงไม่ได้เตรียมอาวุธมารับมือ ส่วนนักธุรกิจนั้นหนีเข้าไปในป่าพร้อมนักคุ้มกันอีกยี่สิบเอ็ดคน 
 

"พี่เอก จะเอาไงดี" นักคุ้มกันคนหนึ่งถามกระสุนสายฟ้า
 

"พาท่านออกไปให้ได้ วิ่งต่อไปจนเจอถนนใหญ่แล้วพาท่านไปที่ที่ปลอดภัย"กระสุนสายฟ้าตอบ
 

     ทันใดนั้นสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นกระสุนปืนพุ่งแหวกอากาศตรงเข้าที่หัวของนักคุ้มกัน ความรวดเร็วและความแม่นยำ

 

สูงมากนักคุ้มกันหกคนโดนยิงตาย ทุกคนต่างหาที่กำบังทั้งๆที่ไม่รู้ว่าคนยิงอยู่ที่ไหน กระสุนยังคงยิงมาเรื่อยนักคุ้มกัน

 

กราดกระสุนกลับไปแบบไม่มีทิศทางหวังว่าจะโดนโจรบ้าง ในป่ากลับหลบซ่อนไว้ด้วยโจรห้าคนซึ่งมีฝีมือเรื่องการซุ่มยิงทำ

 

ให้นักคุ้มกันล้วนตายไปอีกสิบคน ที่เหลือต่างตื่นตระหนกคิดอะไรไม่ได้ก็หลบอยู่หลังต้นไม้ยิงสวนกลับไปกระสุนของนัก

 

คุ้มกันก็หมดโดยเปล่าประโยชน์ นักคุ้มกันคิดว่าหมดหนทางรอดแล้วก็ได้เพียงแต่รอความตาย โจรทั้งหมดเดินออกมาช้าๆ 

 

ยกปืนส่องยิงนักคุ้มกันทุกคนตายไป หรือเพียงแค่นักธุรกิจเท่านั้น นักธุรกิจถูกจับตัวไปไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ถือว่า
 

เหตุครั้งนี้ก่อการณ์ได้อุกอาจมาก