ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    'Knight Defenders' อัศวินแห่งการปกป้อง ปรับปรุง

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่1; แสงประหลาด by Black Feather

    • อัปเดตล่าสุด 3 เม.ย. 55


                [Knight Defender]

     

    ตอนที่1: แสงประหลาด           

    [Rewrite By Black Feather]

     

                “ฮ้าว~~~~

                เสียงหาวดังขึ้นจากร่างบางของเด็กสาวนางหนึ่ง ซึ่งกำลังนั่งขยี้ตาอยู่บนเตียงนอนอันแสนอบอุ่น เธอเกาหัวตัวเองจนเส้นผมยาวประบ่าสีม่วงอมแดงที่ชี้ตั้งขึ้นหลังตื่นนอนนั้นสะบัดไปมาสะท้อนแสงอาทิตย์ตอนเช้าจนเป็นประการสีแดงม่วงสดใส

                “เช้าแล้วเหรอ...”

                เธอเอื้อมมือไปหยิบนาฬิกาปลุกสีเขียวอ่อนเรือนเล็กที่อยู่ตรงหัวนอนขึ้นมาดูเวลา พลางเอามืออีกข้างจัดชุดนอนที่หลุดลุ่ยเล็กน้อยให้เข้าที่อย่างลวกๆ

                แต่ในทันทีที่ดวงตาสีเขียวอ่อนของเธอโฟกัสไปยังเข็มนาฬิกาทั้งสามได้ชัดเจน เด็กสาวก็ต้องเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา

                “ตายแล้ว! หกโมงครึ่ง!

                เธอโยนนาฬิกาปลุกลงบนเตียงหนานั้นอย่างรุนแรงจนถ่านของมันเด้งหลุดออกมากองที่ผืนผ้าปูที่นอน แต่เด็กสาวก็ไม่มีเวลาสนใจมันมากนัก เพราะเจ้าตัวนั้นได้รีบแจ้นเข้าไปในห้องน้ำตั้งแต่ตอนที่เจ้านาฬิกายังลอยอยู่บนอากาศเสียด้วยซ้ำ

                และไม่ถึงสามสิบนาทีต่อมาเด็กสาวก็ได้จัดแจงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่ทันที่จะได้ปิดประตูบ้าน เธอก็ต้องรีบวิ่งเข้ามาใหม่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเธอลืมของสิ่งหนึ่งเอาไว้

                จี้ผลึกแก้วสะท้อนแสงสีสดใส ภายในสลักตัวอักษรประหลาดไว้อย่างสวยงาม มันวางอยู่บนหัวเตียงของเจ้าตัวนั่นเอง

                “เรานี่แย่จัง ลืมเจ้านี่ไปได้ยังไงนะ”

                เธอกำมันไว้แล้ววิ่งออกไป

     

                กริ๊งงงงงงง~~~~~~~

                เสียงกริ่งเข้าแถวที่สุดแสนจะคลาสสิกดังขึ้นจากลำโพงตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่ในสนามฟุตบอลเหมือนทุกเช้า อันเป็นสัญญาณของการเข้าแถวเคารพธงชาติประจำวันนี้

                เหล่านักเรียนที่กำลังทำกิจกรรมต่างๆอยู่ก็รีบหยุดการกระทำนั้นๆแล้วรีบเดินบ้างวิ่งบ้างมาที่สนามเพื่อที่จะเข้าแถวได้ตรงเวลา

                ในขณะนั้นเอง เวลานี้ก็เป็นเวลาที่อาจารย์เวรประจำวันจะเริ่มปิดประตูโรงเรียนและกักตัวนักเรียนที่มาสายเอาไว้เพื่อรับบทลงโทษสุดโหด

                และวันนี้ก็เผอิญมีเด็กสาวคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นมายังประตูโรงเรียนที่กำลังจะปิดด้วยความเร็วสูงอีกด้วย!

                “แย่แล้ว! ประตูจะปิดแล้วนี่นา ขอให้ทันทีเถอะ!

                เด็กสาวคิดในใจด้วยความเร่งรีบ ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่อาจารย์หญิงวัยกลางคนกำลังจะปิดประตูโรงเรียนพอดี

                “ขืนเป็นแบบนี้ต้องไม่ทันแน่เลย... ดีล่ะ!!

                ในวินาทีที่เด็กสาวตัดสินใจได้ เธอก็เอาขายันพื้น พร้อมสปริงตัวกระโดดหมุนตัวข้ามประตูเหล็กและลงจอดอย่างสวยงาม

                ใช่แล้ว บนหน้าของอาจารย์หญิงท่านนั้นนั่นเอง!

                “โอ๊ย!

                แต่ยังไม่ทันที่หญิงวัยกลางคนจะร้องเสร็จ เจ้าของท่า กระโดดหมุนตัวเอาขายันก็เด้งตัวออกจากใบหน้าของอาจารย์แล้วพุ่งไปยังสนามโรงเรียนอย่างไม่คิดชีวิต โดยมีเสียงตะโกนปนดุด่าดังไล่หลังมา

                “อภัยศร! นี่เธอมาโรงเรียนสายอีกแล้วนะ! แล้วก็กลับมาขอโทษครูด้วย!!!

                แต่คนถูกด่าเพียงแค่เหลียวหลังมามองพลางพนมมือเป็นเชิงขอโทษทั้งที่ขายังวิ่งอยู่

                “ขอโทษค่ะอาจารย์ พอดีหนูรีบ ขอตัวเผ่นล่ะนะคะ!

                เมื่อสิ้นประโยค คุณเธอก็รีบจ้ำเท้าหนีไปยังสนามโรงเรียนอย่างรวดเร็ว โดยไม่หันกลับมามองท่านอาจารย์ที่กำลังตะโกนด่าอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว

                อ๊า~~ เพลงชาติจะขึ้นแล้วอ่า~~ ถ้าไปไม่ทันมีหวังอดกินข้าวเที่ยงแน่เลย

                เด็กสาวคิดอย่างร้อนรน เพราะมันเป็นหนึ่งในกฎของโรงเรียนนี้ก็คือ ถ้ามาสายล่ะก็ ตอนพักเที่ยงจะต้องมาบำเพ็ญประโยชน์เก็บขยะและกวาดพื้นในบริเวณอาคารให้เรียบร้อย (หมายเหตุ: ถ้ามีขยะเหลือแม้แต่ชิ้นเดียวนักเรียนคนดังกล่าวจะต้องมาบำเพ็ญประโยชน์ในวันรุ่งขึ้นด้วย ซึ่งถ้ามีขยะเหลือเรื่อยๆก็จะโดนเรื่อยๆ)และกฎมหานรกนั่นก็ทำให้เด็กสาวคนนี้จำเป็นที่จะต้องรีบไปเข้าแถวให้เร็วที่สุด

                กึก!

                ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความซวยหรืออะไรดลบันดาล... เด็กสาวสะดุดพื้นราบ!

                และที่หนักยิ่งกว่าก็คือแรงส่งจากการวิ่งเมื่อครู่นั้นไม่สามารถหยุกะทันหันได้ ทำให้เจ้าตัวกลิ้งหลุนๆไปตามทางอย่างควบคุมไม่ได้

                 “ว้ายยยยยยย”

                โครม!

                สุดท้ายก็ล้ม...

                “อูย... เจ็บๆ” เด็กสาวชุดนักเรียนลูบหัวตัวเองป้อยๆอย่างมึนๆ เมื่อครู่เธอชนกับอะไรสักอย่างจนทำให้สามารถหยุดอุบัติเหตุดังกล่าวได้

                “โอย~

                “หนัก~

                “เจ็บอ๊ะ~

                “ลุกออกปาย~

                จนกระทั่งเสียงปริศนาดังกระทบโสตประสาท เด็กสาวเพิ่งจะรู้ตัวว่าใต้ก้นของเธอนั้นมีเพื่อนร่วมโรงเรียนกว่าสิบชีวิตกำลังร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดอยู่

                “ลุกออกไปซะทีสิว๊อย!!

                เสียงตะโกนดังขึ้นจากนักเรียนชายที่ถูกทับอยู่ด้านล่างสุด ส่งผลให้ดวงตากลมโตสีเขียวอ่อนของผู้อยู่ด้านบนสุดกลอกมามองอย่างสำนึกผิดนิดๆ

                และเมื่อสังเกตดีๆก็พบว่าแทบจะทุกคนที่เธอนั่งทับอยู่นั้นคือเพื่อนร่วมห้องของเธอทั้งนั้น

                “นี่ นักเรียนกลุ่มนั้นน่ะรีบมาเข้าแถวได้แล้ว!!!

                เสียงที่ดังลอดลำโพงขนาดใหญ่ทำให้ร่างบางสะดุ้งนิดๆ ก่อนจะตระหนักได้ว่าตัวเองกำลังอยู่ในเวลาเข้าแถวตอนเช้า

                “อย่างน้อยก็ยังดีที่เข้าแถวทัน...มั้ง”

                เด็กสาวชายตามองอาจารย์ปราณี อาจารย์สุดโหดประจำฝ่ายปกครองที่ถืออาวุธประจำกายวิ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และยิ้มเจื่อนกับชะตากรรมของเธอหลังจากนี้

     

                หลังจากที่เด็กสาวรับโทษจากอาจารย์ฝ่ายปกครองสุดโหดประจำโรงเรียนอย่างหนักหน่วง เธอก็ถูกส่งกลับห้องเรียนในสภาพที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก

                เธอขออนุญาตเข้าห้องเรียน และเข้าไปนั่งที่อย่างเอื่อยเฉื่อยท่ามกลางสายตาของคนในห้อง ซึ่งถ้าเป็นคนที่ถูกลงโทษแบบเดียวกันก็จะรู้ในทันทีเลยว่ามาจากการโดนลงโทษฟูลคอร์สมหานรก ที่แม้แต่พวกผู้ชายก็ขยาดเข้าไปนั่นเอง

                แน่นอนว่าขนาดผู้ชายยังขยาดแล้วผู้หญิงอย่างเธอโดนเข้าไปเต็มๆจะไม่ให้ร้องครางได้อย่างไร

                “ปวดอ๊ะ~~~

                เด็กสาวเอาหน้าฟุบลงบนโต๊ะเรียนด้วยความเมื่อยล้าเจ็บปวด

                “เหนื่อยแย่เลยนะเทียร์”

                เสียงหวานใสดังขึ้นจากผู้ที่นั่งอยู่ด้านข้างนั้นเรียกสายตาของเด็กสาวหรือ เทียร์ อภัยศร กรรณิการ์ ให้หันไปยังต้นเสียงได้อย่างไม่ยากเย็น (แม้ว่าเจ้าตัวจะยังฟุบอยู่ก็เถอะ)

                “อือ~~ อาจารย์โคตรโหดเลยอ่ะ”

                เสียงตอบแบบเนือยๆนั้นส่งผลให้อีกฝ่ายยิ้มแหยๆด้วยความสงสารในตัวเพื่อนสาว

                ผู้พูดนั้นเป็นเด็กสาววัยเดียวกัน ผมตรงเงางามยาวสลวยถึงเอว สวมใส่มี่คาดผมสีขาวตัดกัน ดวงตากลมโตสีเปลือกไม้ที่แลดูอ่อนโยนยังคงมองเพื่อนสนิทด้วยแววตาซื่อๆดังเช่นเคย

                “งั้นทีหลังก็อย่ามาสายสิเทียร์ เดี๋ยวก็...”

                “หยุด! หยุดเถอะเน อย่าเทศน์ให้ฉันฟังไปมากกว่านี้เลย แค่นี้ก็จะตายอยู่แล้ว”

                เพราะถูกเพื่อนสนิทยกมือห้าม ทำให้ เน หรือ เนรริน กิติปกา ได้แต่ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยกับสภาพของเทียร์ ซึ่งท่าทางว่าตอนนี้คงจะไม่ยอมฟังเธอบ่นต่อเป็นแน่แท้ ก่อนที่จะนึกขึ้นได้มีเรื่องสำคัญที่จะต้องบอกกับเด็กสาว

                “นี่เทียร์ เดี๋ยววันนี้หลังเลิกเรียนกลับด้วยกันนะ แต่ฉันมีธุระนิดหน่อยเธอช่วยรอฉันหน้าประตูโรงเรียนหน่อยนะ ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอก”

                เธอยิ้มเล็กน้อย ในขณะที่ผู้ฟังนั้นเพียงแค่ยกมือขึ้นโบกเล็กน้อยเป็นเชิงบอกว่า ไม่มีปัญหา ก่อนจะก้มหน้าก้มตานอนหลับไปทั้งสภาพนั้น

     

                และเวลาเลิกเรียนก็มาถึงอย่างรวดเร็ว...

                ณ ทางเข้าโรงเรียนปรากฏร่างของเด็กสาวผมสั้นสีม่วงในชุดนักเรียนปกกะลาสีสีขาว ปกและขอบสีฟ้าปนน้ำเงินหน่อยๆเช่นเดียวกันกับสีของกระโปรงซึ่งเป็นสีเดียวกัน

                เทียร์กำลังยืนพิงประตูโรงเรียนที่เธอเพิ่งกระโดดข้ามมันไปเมื่อเช้าในสภาพง่วงนอน ทั้งๆที่เมื่อสักครู่ร่างบางยังหลับสนิทไม่รู้เรื่องอยู่บนโต๊ะเรียนอยู่ด้วยซ้ำ

                “ยัยเนเรียกเรามาบอกอะไรกันน้า~ ฮ้าว~

                ว่าแล้วก็หาวออกมาหวอดใหญ่

                “แต่เรื่องอะไรก็ช่างเถอะ เดี๋ยวก็รู้แล้วนี่นา”

                “เทียร์!

                ไม่ทันขาดคำ เสียงเรียกของเนที่กำลังวิ่งเหยาะๆมาทางนี้ก็ดังขึ้นเป็นการยืนยันว่าผู้นัดได้มาถึงจุดนัดพบแล้วแล้ว

                “ขอโทษที่ให้รอนะ”

                เด็กสาวยิ้มเจื่อนเล็กน้อยอย่างรู้สึกผิดที่ทำให้เพื่อนของเธอต้องรอนาน

                “ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่เธอจะบอกเรื่องสำคัญอะไรเหรอ?”

                เจ้าของนัยน์ตาสีมรกตเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้

                “กะแล้วว่าต้องถามแบบนี้”

                เนหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะล้วงมือไปยังกระเป๋านักเรียนของเธอ และหยิบบางสิ่งออกมา

                “สุขสันต์วันเกิดนะเทียร์!

                ผู้พูดยิ้มแป้นพลางส่งกล่องของขวัญสีม่วงอ่อนติดริบบิ้นสีเขียวให้เทียร์ ก่อนที่ผู้รับจะแสดงสีหน้าตกใจ

                “อ๊ะ! วันนี้วันเกิดฉันนี่นา!

                “ฮึๆ ลืมอย่างที่คิดจริงๆด้วยสินะ”

                เนยกมือขึ้นปิดปากอย่างลูกคุณหนู

                “ทีนี้ก็ไปกันเถอะ”

                “เอ๋? จะไปไหนอ่ะเน?”

                “ก็พาเธอไปเลี้ยงไอศครีมที่เสวนเซ่นไงล่ะเทียร์”

                “เอ๋ จริงอ่ะ? อย่าหลอกกันนะเน”

                เทียร์ยิ้มกว้างอย่างเก็บความดีใจไว้ไม่อยู่

                “จ้ะ เลี้ยงจริงแน่นอน”

                เด็กสาวแทบจะกระโดดไปกอดเพื่อนสาวทันทีที่เธอตอบเสร็จ ไอศกรีมของร้านนี้ถือว่าเป็นของโปรดอย่างหนึ่งของเธอเลย แต่เนื่องจะสภาพของกระเป๋าตังที่ไม่ค่อยจะดี ทำให้เด็กสาวไม่ค่อยจะได้ไปที่ร้านนั้นบ่อยนัก และการที่เพื่อนสนิทบอกว่าจะเลี้ยงเธอฟรีๆแบบไม่คิดเงินนั้นก็ทำให้น้ำตาของเธอแทบจะไหลออกมาด้วยความยินดี

                “ขอบคุณนะเน รักเนที่สุดเลยอ่ะ~~~

                เด็กสาวโผเข้าไปกอดเพื่อนสนิทที่ดูเหมือนจะรู้อยู่แล้วจึงยิ้มรับพลางเอามือลูบหัวเทียร์ที่กำลังดีใจอยู่อย่างอบอุ่น

                “เอาล่ะรีบไปกันดีกว่านะ ก่อนที่จะเย็นซะก่อน”

                “จ้า~~

                จากนั้นเนก็จูงมือเทียร์ขึ้นรถรับส่งส่วนตัว และมุ่งหน้าไปยังร้านไอศครีมชื่อดังตามที่ได้ลั่นวาจาไว้

     

                “วันนี้สนุกจังเลยน้า~~

                เจ้าของเรือนผมสีม่วงอ่อนพูดขึ้นพลางบิดขี้เกียจเล็กน้อยจนถุงกระดาษที่ติดมืออยู่นั้นแกว่งไปมา

                หลังจากที่เด็กสาวไปกินไอศกรีมกับเพื่อนสนิทเรียบร้อยแล้ว พวกเธอยังได้ไปช็อปปิ้งซื้อของกันอีกด้วย โดยของทั้งหมดที่ซื้อมานั้นเนเป็นคนออกเงินทั้งหมดให้

                ในขณะนี้เป็นเวลาสองทุ่มเศษๆ เทียร์ที่ไม่ค่อยอยากจะรบกวนเพื่อนมากนักก็ขอแยกตัวมากลับบ้านเอง และอาศัยวินมอเตอร์ไซค์ซึ่งเหลืออยู่บางตาเนื่องจากเป็นเวลาค่อนข้างดึกในการกลับบ้าน

                ระหว่างทางเทียร์รู้สึกว่าพระจันทร์ในวันนี้ดูแปลกไป เพราะนอกจากว่าวันนี้มันจะเต็มดวงซึ่งผิดแปลกไปจากปกติที่ต้องเป็นข้างขึ้นแล้ว สีของแสงจากดวงจันทร์ที่สะท้อนเข้ามายังดวงตาของเธอนั้นกลับเป็นสีขาวออกฟ้าซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้เลยตามหลักดาราศาสตร์

                และโดยที่เธอแทบจะไม่รู้ตัว ร่างกายของเธอเริ่มส่องประกายสีครามสดใสออกมา จนทำให้วินมอเตอร์ไซค์ซึ่งกำลังทำหน้าที่อยู่นั้นเผลอเบรกอย่างรุนแรงด้วยความตกใจ

                แรงเหวี่ยงอันหนักหน่วงทำให้ตัวเทียร์ร่วงมาจากรถตกลงสู่พื้น ในขณะที่วินมอเตอร์ไซค์นั้นได้ขับหนีไปแล้ว

                 แต่แสงนั้นยังคงส่องประกายอย่างไม่มีท่าทีจะหยุด กลับกัน ดูเหมือนว่าร่างกายของเธอจะยิ่งส่องประกายเจิดจ้าขึ้นไปอีก สายลมรอบกายนั้นเริ่มพัดแรงขึ้นอย่างไม่รู้สาเหตุ พร้อมกับที่วงแหวนประหลาดซึ่งเต็มไปด้วยตัวอักษรแปลกตาปรากฏอยู่ใต้เท้าของเทียร์และเริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว

                “เอ๊ะ! เกิดอะไรขึ้น!

                ยังไม่ทันที่จะหายตกใจ ร่างของเทียร์ซึ่งยังส่องแสงอยู่ก็พลันลอยขึ้นจากพื้นราวกับไร้น้ำหนัก เส้นผมสีอะเมทริสต์สะบัดไปมาพร้อมกับดวงตาที่มีประกายตกใจปนหวาดกลัว

                วูบ!

                เพียงพริบตาเดียวแสงทั่วตัวของเด็กสาวก็พุ่งไปรวมกันที่กลางหน้าอก ตัวอักษรประหลาดรูปร่างคล้ายตัว ‘h’ เฉียงไปทางขวาและมีเส้นขีดผ่ากลางพลันปรากฏขึ้นจางๆก่อนที่ทุกอย่างจะหายไปราวกับเรื่องเมื่อครู่เป็นเพียงความฝัน และตัวเทียร์ร่วงลงสู่พื้นตามกฏแรงโน้มถ่วงอย่างไร้การควบคุม

     

                ...ณ สถานที่หนึ่งบนโลก....

                ใจกลางทุ่งน้ำแข็งหนาวยะเยือกอุณหภูมิติดลบกว่าห้าสิบองศา หญิงสาวผมสีขาวอมน้ำเงินหรี่ตาเพ่งมองดวงตาสีฟ้าอ่อนไปยังทิศตะวันออก ที่ซึ่งพระอาทิตย์กำลังเปล่งแสงจากขอบฟ้าอย่างช้าๆ

                “หึ...”

     

                ...ณ ใจกลางป่าดงดิบแห่งหนึ่งบนโลก...

                ชายหนุ่มสวมผ้าคลุมสีน้ำตาลอ่อนปกปิดใบหน้ากับร่างกายอย่างมิดชิด ซึ่งไม่เข้ากับสถานที่กำลังมองไปยังทิศตะวันออก

                ริมฝีปากหนากำลังแสยะยิ้มที่ปรากฏคมเขี้ยวแหลมเล็กน้อยพลางเอ่ยขึ้นเบาๆ

                “หึๆ ผนึกนั่นคลายแล้วสินะ...”

                ก่อนที่จะหันหน้าไปยังทิศตะวันตก มองภาพพระอาทิตย์ซึ่งกำลังลับขอบฟ้าไปอย่างช้าๆ แล้วเริ่มก้าวเดินสี่ก้าวอย่าพิสดาร

                ...จนถึงก้าวที่ห้า ร่างของชายหนุ่มก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

    วูบบบ!!!!
    .............................................................................


                                                                                                            
                                                          อภัยศร กรรณิการ์ หรือ 'เทียร์'                                                                                

    To be continued…
    by BlackFeather

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×