คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Worried ห่วง [wonteuk] EP 04
Worried ห่วง [wonteuk] EP 04
“ตอนนี้คุณจองซู ปลอดภัยแล้วครับ การผ่าตัดประสบผลสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์” นายแพทย์ใหญ่พูดพร้อมปาดเหงื่อออกจากใบหน้าที่มีริ้วรอยแห่งวัย และมอบรอยยิ้มอบอุ่นให้แก่ญาติคนป่วยให้คลายกังวล
“ดีใจด้วยนะครับ พี่ชายคุณปลอดภัยแล้วครับ” คุณหมอหนุ่มที่เดินตามออกมายกยิ้มให้ญาติคนไข้ ที่ช่วงพักหลังเริ่มคุ้นเคยกันมากกว่าเดิม
“ขอบคุณครับคุณหมอจาง คุณหมอทงเฮ” ร่างโปร่งโค้งเกือบเก้าสิบองศาให้กับคุณหมอทั้งสองท่านด้วยหัวใจที่เต็มตื้น
“ถ้าอาการของคุณปาร์คเป็นปกติ พรุ่งนี้ก็สามารถย้ายไปห้องพักผู้ป่วยได้ครับ คนไข้มีกำลังใจดีมากผมเองยังอดทึ่งไม่ได้”
“แล้วตอนนี้ผมขอเยี่ยมได้ไหมครับ” ซีวอนรีบถามด้วยความร้อนรน ไม่ต่างกับฮยอกแจ หากแต่คำตอบกลับทำให้ญาติคนไข้ต้องยิ้มหน้าเจื่อน
“คงยังไม่ได้ครับ เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมใหม่แล้วกันนะครับ” ซีวอนพยักหน้ารับช้าๆ ถึงแม้จะรู้ว่าการผ่าตัดประสบความสำเร็จ แต่ทำไมความรู้สึกหนักอึ้งนั้นไม่ได้เบาลงแม้แต่น้อย.............
ผลการผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่นและตอนนี้คนป่วยได้ถูกพากลับมาที่ห้องพักพิเศษ โดยมีฮยอกแจและซองมินช่วยกันจัดห้องให้น่าอยู่กว่าห้องพักคนป่วยทั่วไป ก็เพราะรู้ว่าพี่ชายคนดีไม่ชอบนอนที่โรงพยาบาล กระเช้าผลไม้และเครื่องดื่มบำรุงกำลังจากคนใกล้ชิดและเพื่อนๆ ที่รู้ข่าวต่างนำมาให้แม้คนป่วยยังไม่ฟื้นก็ตาม ร่างบอบบางนอนนิ่งอยู่บนเตียงโรงพยาบาลสีขาว ภายใต้แสงแดดอ่อนโยนยามเช้าที่สาดส่องลงมากระทบดวงหน้าขาว เปลือกตาบางปิดสนิทแพขนตางอนดำยาว จมูกเล็กโด่งรั้นคล้ายเด็กเอาแต่ใจ ริมฝีปากเรียวอิ่มสีชมพูอ่อน สายน้ำเกลือและสายอื่นๆ ห้อยระโยงระยาง ให้ตามความเหมาะสม หากแต่คนที่ควรจะตื่นกลับยังปิดตาสนิท มีเพียงแผ่นอกบางกระเพื่อมขึ้นลงแสดงให้เห็นถึงคนที่ปิดตาสนิทนั้นยังมีลมหายใจอยู่
“คุณหมอ! ทำไมพี่อีทึกยังไม่ฟื้นล่ะครับ” เสียงใสเอ่ยถามคุณหมอหนุ่มด้วยความสงสัย นี่ก็สามวันเข้าไปแล้ว พี่ชายของเขายังไม่มีทีท่าจะตื่นขึ้นมา ซึ่งคุณหมอเองก็รู้สึกหนักใจไม่น้อย มองใบหน้าหวานของคนป่วยที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง คล้ายคนนอนหลับ
“ร่างกายคุณปาร์คแข็งแรงดีครับ แต่ผมเองก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไรคุณปาร์คถึงยังไม่ฟื้น” คำตอบที่ทำให้คนในห้องป่วยพิเศษคิดหนักและวิตกกังวล
“ที่ว่าหาสาเหตุไม่ได้ เพราะพวกคุณไม่ฝีมือน่ะสิ พี่อีทึกถึงไม่ฟื้นสักที” เสียงของคนที่นั่งฟังอยู่นานพูดขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาดูหยาบกร้าน หนวดเคราขึ้นไรสีเขียว นัยน์ตาคมโตดำคล้ำอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่ที่อีทึกถูกพามานอนพักที่ห้องพิเศษ ซีวอนก็ไม่เคยห่างไปไหนอีกเลย แม้จะมีฮยอกแจจะคอยไล่เกือบตลอดเวลาจนเจ้าตัวเลิกไล่ แต่คอยส่งสายตาจิกกัดให้แทน คุณหมอหนุ่มยืนนิ่งเพราะจนคำพูด เขาเองก็ไม่รู้สาเหตุเหมือนกันเพราะเหตุใดคนไข้ของเขายังไม่ฟื้นขึ้นมา แม้แต่อาจารย์หมอลงมาตรวจด้วยตัวเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้
“ถ้าในทางกายภาคแล้วร่างกายของคุณปาร์ค สมบูรณ์มากครับ แต่อีกเหตุผลหนึ่งที่ผมคิดว่าน่าจะมีส่วนเช่นกัน ก็คือคนป่วยคงจะผ่านอะไรมามากเสียจนไม่อยากฟื้นขึ้นมาเจอกับความเจ็บปวดแบบเดิมๆ อีก ผมอาจจะคิดผิดก็ได้ แต่ยังไงเราต้องรอดูอาการคุณปาร์ค อย่างใกล้ชิดอีกสักระยะหนึ่ง ถ้าหากร่างกายและหัวใจของคุณปาร์ค พร้อมเมื่อไหร่ คนป่วยจะฟื้นขึ้นมาเอง ผมขอตัวก่อนนะครับ” คุณหมอหนุ่มพูดพลางตรวจร่างกายของคนป่วยที่นอนไม่ไหวติงอยู่บนเตียง ร่างกายบอบบางคล้ายแก้วเจียระไนอันสวยงามและบอบบาง เพราะเพียงเผลอรุนแรงแม้เพียงเล็กน้อย แก้วอันบอบบางนี้อาจแตกสลายไปจากโลกใบนี้
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง มันก็เป็นเพราะนายนั่นแหละซีวอน!!” หลังจากคุณหมอออกไปจากห้องแล้ว ฮยอกแจหันไปเอาเรื่องกับซีวอนทันที ชายหนุ่มยืนนิ่งเพราะมันถูกที่สุดแล้วที่ฮยอกแจพูด ตอนนี้หัวใจของเขาหนักอึ้งเสียจนแทบจะยืนต่อไปไม่ไหว ร่างกายอ่อนล้าเสียจนไม่อยากหายใจ เขารู้แล้ว รู้ตัวแล้วว่าคนที่เขารักและห่วงใยคือใคร ใครที่ทำให้เขามีความสุข ใครที่ให้ความรักเขามากมาย ให้โดยที่ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน และทุกอย่างมันก็เป็นเพราะตัวเขาเอง เขามันเลวเอง เขาไม่มีทางชนะหัวใจของคนๆ นี้ได้ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม เพียงแค่เหตุผลอันน้อยนิดกลับทำให้เขาเลือกที่จะทิ้งคนๆ นี้ไป คนอย่างเขาไม่น่าจะได้รับความรักมากมายขนาดนี้เสียด้วยซ้ำไป
“นี่ซีวอน พระจันทร์สวยเนอะ” เสียงหวานใสคล้ายระฆังทองร้องบอก ร่างบอบบางที่ไม่ชอบอากาศหนาวแต่ก็ยังฟืนตัวเองมายืนหน้าระเบียงเพื่อมองดูพระจันทร์เต็มดวง ใบหน้าสวยหวานหันมายกยิ้มหวานเสียจนคนที่เดินตามออกมาก้าวๆ ยาวมาสวมกอดและกดจมูกโด่งลงแก้มเนียนให้หายหมันเขี้ยว กลิ่นหอมหวานละมุนอบอวลไปทั่วปลายจมูก ร่างสูงโอบกอดร่างบอบางเสียจนร่างบางแทบหายเข้าไปในอ้อมแขนแกร่ง
“พระจันทร์สวยครับ แต่มัน....สวยน้อยกว่าพี่” คำตอบที่ทำให้แก้มนวลเนียนขึ้นสีแดงเปล่งจนอดใจไม่ไหวต้องฝังจมูกลงหนักๆ
“หวา......แก้มพี่ช้ำหมดแล้ว” เสียงหวานว่าพลางเอียงใบหน้าหวานหนีจมูกโด่งของอีกฝ่าย ทั้งๆ ที่ร่างของตัวเองก็ถูกอีกฝ่ายโอบกอดไว้เสียแน่นจนกระดุกกระดิกไม่ได้
“ไม่ช้ำหรอกครับ ผมจะรักพี่ทะนุถนอมพี่ จะไม่ให้ต้องเจ็บปวดทั้งกายและใจ จริงๆ นะครับผมจะไม่รุนแรงกับพี่เด็ดขาด” เสียงทุ้มกระซิบข้างหูเล็ก ที่ตอนนี้กำลังลามแดงด้วยความเขินอายเพราะคำพูดของอีกคน
“เด็กบ้า!” เสียงหวานเอ่ยบ้า เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย
“บ้าก็บ้ารักนะครับ เข้าห้องกันดีกว่าอุ่นกว่ากันเยอะ” คนตัวโตพูดพลางโอบอุ้มร่างบางขึ้นแนบอก ไม่วายจะหอมแก้มเนียนๆ ไปอีกครั้ง แล้วพากันเข้าไปในห้อง เพื่อเติมเต็มความอบอุ่นให้กันและกัน
“ซีวอน คนที่ชื่อเฮเลนคือใครเหรอ” เสียงหวานเอ่ยถามคนรัก ตาคู่สวยจับจ้องใบหน้าหล่อของอีกฝ่ายตาแป๋วเพื่อรอคำตอบ
“เป็นลูกค้าที่บริษัทครับ ทำไมเหรอฮะ” อาจจะเป็นเหมือนคำถามธรรมดา แต่หากคนที่คบกันมาหลายปีอย่างซีวอน พอเข้าใจว่าอีกคนหมายความว่ายังไง จึงต้องรีบเดินไปเอาใจคนตัวบางที่ยังคงมองเขาตาไม่กระพริบ คนตัวโตตอบพลางเดินมากอดร่างบางอย่างเอาใจ
“เมื่อกี้เขาโทรมาน่ะ” ชายหนุ่มมุ่นคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัยเพราะไม่คิดว่าหญิงสาวจะโทรหาเขา เฮเลนเป็นลูกค้าของเขา ที่สำคัญ
“เหรอครับ แล้วเขาว่ายังไงบ้างครับ”
“เขาบอกจะโทรมาใหม่น่ะ” ร่างบางเอ่ยตอบเสียงเบา พลางถอนหายใจน้อยๆ ด้วยความโล่งอก แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกกังวลแบบนี้กันนะ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อยากโวยวายตีตนไปก่อน “ซีวอน”
“ครับ”
“วันนี้อยู่กับพี่ได้ไหม” ร่างบางพูดเสียงอ้อน พลางซุกใบหน้าหวานลงอกแกร่ง หากนั่นกลับทำให้คนถูกอ้อมยกยิ้มกว้างกับท่าทีออดอ้อน ที่นานๆ จะมีให้เห็น
“ได้สิครับ วันนี้เราจะอยู่ด้วยกัน จะอยู่ด้วยกันตลอดไป” แขนแกร่งโอบกอดร่างบอบบางในอ้อมแขนไว้แน่น พลางกดจมูกโด่งลงกลุ่มผมนิ่มอย่างเอาใจ
“ฮยอกแจไปบิน ซีวอนไปทำงานพี่เหงาแย่เลยสิเนี่ย” เสียงใสเอ่ยหยอกล้อ พี่ชายคนสวยของเพื่อนรัก วันนี้อี ซองมินเลยรับหน้าที่ดูแลพี่ชายแทนเพื่อนรักที่ไปบินอีกหลายวันกว่าจะกลับ
“ไม่สักหน่อย เดี๋ยวเย็นๆ ซีวอนก็กลับแล้ว” คนตาสวยพูดพลางหันไปยกยิ้มให้เพื่อนรักของน้องชายที่ตอนนี้สนิทสนมจนเจ้าตัวยกฐานะเป็นน้องชายอีกคน
“ผมล้อเล่นน่า เราไปช็อปปิ้งกันเถอะพี่อีทึก” ร่างอวบพูดพลางจูงมือเล็กของคนตาสวยเดินเข้าไปในบูทเครื่องสำอาง หลากยี่ห้อ
“นี่เธอลูกค้าร้านโน้น ล้อหล่อ แล้วดูแฟนสวยเชียวฉันเคยเห็นตามนิตยสารนี่ชื่ออะไรนะ เฮเลน”
“ไหนๆ เหมาะสมกันจริงๆ เลยเนอะ ตายแล้วนั่นนักธุรกิจคนดังนี่” เสียงของพนักงานขายของดังขึ้นทำให้อีทึกกับซองมินหันมองหน้ากันแล้วหันไปมองตามพนักงานช่างเมาส์ทั้งสองคน
ใบหน้าสวยซีดลงทันตา แข้งขาอ่อนแรงโดยฉับพลัน ตาคู่สวยร้อนผ่าวน้ำใสเอ่อล้นนัยน์ตาคู่สวยเสียจนมันจะไหลออกมาง่ายๆ เพียงกระพริบตา
“พี่อีทึก” ร่างอวบร้องครางหันมาประครองร่างบางของพี่ชายด้วยความตกใจ พลางหันไปค้อนขวับให้กับอีกสองคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น “ชเว ซีวอน!!” เสียงหวานใสตะโกนดังลั่นทำให้เจ้าของชื่อหันกลับมามองด้วยความตกใจ และยิ่งตกใจมากขึ้นเมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่ตรงนั้นอีกคน
“พี่อีทึก” ชายหนุ่มร้องครางเป็นชื่อของคนรัก มือใหญ่แกะมือของหญิงสาวออกด้วยความรวดเร็ว ขายาวก้าวเดินเข้ามาหาร่างบางที่อยู่หน้าซีดอยู่ตรงหน้า
“พี่จะกลับบ้านซองมิน” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจะเดินเข้ามาหา ร่างบางหันไปบอกน้องชายเสียงเรียบ แล้วหมุนตัวออกเดินหนีไปอีกทาง
“พี่อีทึก!” ชายหนุ่มร้องเรียก พลางวิ่งเข้ามาหาร่างบางด้วยความรวดเร็ว แขนแกร่งดึงร่างบางมาโอบกอดไว้แน่น “มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิดนะครับ”
“พี่กำลังจะกลับบ้าน” ร่างบางเอ่ยบอกเสียงสั่น ไม่แม้จะเงยหน้าขึ้นมองหน้าอีกฝ่าย
“ไปครับเรากลับบ้านกัน” ชายหนุ่มพูดพลางประครองร่างบางกลับบ้าน แต่อีกฝ่ายเพียงเบี่ยงตัวออก
“ซีวอนเป็นคนพาคุณเฮเลนมา ซีวอนต้องพาคุณเฮเลนไปส่งสิ เขาเป็นลูกค้าของบริษัทไม่ใช่เหรอ อย่าให้เรื่องส่วนตัวของเรากระทบกับงานสิ” ร่างบางเอ่ยบอกพยายามควบคุมเสียงให้ปกติที่สุด แต่ไม่แม้จะมองหน้าอีกฝ่าย เพราะรู้ว่าถ้าเขามองหน้าของซีวอนเมื่อไหร่ ความเข้มแข็งและความอดทนที่สั่งสมมามันจะพังทลายอย่างไม่มีชิ้นดี ซ้ำร้ายมันจะมีผลต่อบริษัทของคนรัก “ซองมินกลับบ้านกัน” มือเรียวเอื้อมไปดึงมือน้องชายมาจับไว้แน่นแล้วเดินเลี่ยงออกไปทันที
“คุณซีวอนคะ” เสียงหวานของสาวสวยลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทเอ่ยเรียกชายหนุ่ม
“ครับคุณเฮเลน”
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ แล้วนั่นแฟนคุณเหรอคะ” หญิงสาวพูดพลางยกยิ้มมือเรียวเอื้อมไปคล้อยแขนแข็งแรงของชายหนุ่มไว้ดั่งเจ้าของเจ้าของ แต่คำตอบกลับทำให้หญิงสาวตีสีหน้าขรึมโดยทันที ก็รู้อยู่แล้วล่ะว่ามีเจ้าของ ก็แค่อยากควงให้สาวๆ อิจฉาเล่นก็เท่านั้นเอง ถ้าหากตกหลุมพรางเธอก็ว่าไปอย่าง
“ครับ ผมว่าเราเลือกซื้อของขวัญให้คุณแม่คุณแล้วกลับกันเถอะครับ ผมเพิ่งนึกได้ว่ามีงานด่วน” ชายหนุ่มแกะมือหญิงสาวออกอย่างสุภาพ แล้วเดินนำไปยังร้านที่ดูค้างกันไว้ ด้วยหัวใจกระวนกระวาย
ร่างสูงใหญ่เดินก้าวเข้ามาในห้องชุดของตัวเอง พลางมุ่นคิ้วด้วยความสงสัยเมื่อไฟในห้องปิดมืดเหมือนไม่มีใครอยู่
“พี่อีทึกครับผมกลับมาแล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกคนรักที่ปกติจะเดินมาหาเขาพร้อมรอยยิ้มหวานและน้ำหวานเย็นเฉียบ เพื่อดับกระหายคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงาน ชายหนุ่มก้าวไปเข้าไปในห้องนอนเผื่อว่าร่างบางจะหลับอยู่ แต่ไม่มีแม้แต่เงา ไม่ว่าเดินไปห้องก็ไม่เจอคนที่กำลังตามหาตัว ร่างสูงหันกลับเตรียมก้าวออกจากห้องด้วยความร้อนใจ ในใจครุ่นคิดว่าจะไปตามหาร่างบางที่ไหน ขณะเดียวกันนั้น บานประตูถูกเปิดออก
“กลับมาแล้วเหรอ” เสียงหวานสดใสเอ่ยถามร่างสูงที่กำลังเดินหน้าเครียดอยู่ในห้อง
“พี่ไปไหนมา” ร่างสูงเอ่ยถาม แล้วเดินปราดเข้าไปรับร่างบาง
“พี่เห็นของสดในตู้หมดเลยลงไปซูปเปอร์มานะ” ร่างบางเอ่ยตอบพลางบุ้ยหน้าไปที่ถุงใบใหญ่ทั้งสองข้างขึ้นให้คนตัวโตดู
“เหรอครับ” ซีวอนผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งใจ แล้วเข้าไปช่วยร่างบางถือของ “ซื้ออะไรมาเยอะแยะเชียว” ร่างสูงเอ่ยถามพลางยกยิ้มให้ร่างบาง
“อยากกินหม้อไฟน่ะ วันนี้เรากินหม้อไฟกันนะ” อีทึกตอบพลางจัดเก็บของที่ซื้อมาในครัว โดยมีคนตัวโตยืนพิงขอบประตูอยู่ข้างๆ
“งั้นเรามารีบทำกันดีกว่า ผมชักหิวแล้วสิ” ร่างสูงพูดพลางลูบหน้าท้องแข็งแรงของตน ร่างบางหัวเราะคิกคักแล้วหันไปจัดการของสดที่ตนซื้อมา หากแต่สายตาคมโตของคนตัวโตกลับจับจ้องแผ่นหลังบางของคนรัก ที่ไม่มีเค้าแห่งความเสียใจ ใบหน้าหวานที่ซีดเผือดตอนนั้นกลับเป็นปกติไม่มีสิ่งใดหลงเหลือ นัยน์ตาคู่สวยยังคงกระจ่างใส รอยยิ้มหวานยังคงแต่งแต้มบนใบหน้าหวาน เสียจนเขาคิดว่าอีกฝ่ายไม่ได้ยืนอยู่ที่ตรงนั้น “พี่ครับ” แขนแข็งแรงสวมกอดร่างบางจากทางด้านหลัง คางมนวางบนไหล่เล็กแล้วกดลงบ่ามนเพื่อสูดรับกลิ่นหอมหวานคุ้นเคย “ผม......รักพี่
ผม
..” เสียงทุ้มกระซิบบอกรักหวานหู ร่างบางยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
“พี่ก็รักนายซีวอน พี่เชื่อใจนาย” ร่างบางหันหลังกลับดวงตาสีชาสบกับดวงตาดำขลับคู่นั้นที่ตนรักและหลงใหล ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มอ่อนโยน แขนเล็กโอบกอดร่างสูงใหญ่ ใบหน้าหวานพิงลงแผ่นอกแข็งแรงเพื่อซึมซับความรักและความอบอุ่นจากคนรัก
“ขอบคุณครับ” ไม่ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ร่างบางเพียงแค่พูดว่า “เชื่อใจเขา” และยิ้มรับมันด้วยความเข้าใจ จนวันนั้น วันที่เขาคิดว่าหัวใจของคนๆ นั้นคงไม่เป็นไรถ้าเขาไป ซึ่งมันเป็นแค่เพียงความคิดที่เห็นแก่ตัวของเขาเท่านั้น
“ผมขอโทษ” เสียงทุ้มเอ่ยบอกร่างบางที่ยืนอยู่ที่ระเบียงเหมือนทุกๆ วัน เพื่อรอเค้ากลับมา
“พี่....เข้าใจ” เสียงหวานเอ่ยตอบรับ พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนเหมือนเคย
“พี่อีทึก ผม......”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้วล่ะ พี่เข้าใจ พี่ขอให้นายมีความสุขนะซีวอน กับคนๆ นั้น” ร่างบางพูดเสียงแผ่วเบา พลางผินหน้าหนีหันไปมองท้องฟ้า “ขอให้พี่อยู่ที่นี่อีกสักคืนนะ”
“ครับ.........ผมรู้พี่อยู่ได้โดยที่ไม่มีผม”” ชายหนุ่มตอบรับ แต่แขนแข็งแรงกลับโอบกอดร่างบางจากด้านหลัง เขารู้สึกผิดเหลือเกิน แต่ตอนนี้หัวใจของเขากลับมีใครอีกคนเข้ามาอยู่เต็มหัวใจ โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าร่างบางในอ้อมกอดในตอนนั้นหัวใจต้องบอบช้ำเพียงใด พี่อีทึกเข้มแข็งอยู่เสมอ แม้ร่างกายจะบอบบางน่าทะนุถนอมแต่หัวใจกลับแข็งแกร่งกว่าเขายิ่งนัก มันน่าละอายใจจริงๆ ทั้งที่ตัวเขาออกจะใหญ่โตแต่หัวใจของเขากลับยิ่งใหญ่ไม่เท่าร่างบอบบางที่นอนอยู่เลยสักนิด
“ฉัน.....ขอโทษ
.ฉันขอโทษ” ชายหนุ่มพูดขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า นัยน์ตาคมรื้นไปด้วยหยาดน้ำใสที่ไหลกลิ้งอาบแก้ม หมดแรงกายจะยืนอีกต่อไป ฮยอกแจได้แต่ยืนมอง ใบหน้าขาวเบือนหน้าหนีไปทางอื่นแล้ว ถ้าจะพูดให้ถูกคือเขาไม่อาจทำใจให้ดีกับซีวอนได้เหมือนเก่า แต่เขาก็ไม่สามารถเกลียดซีวอนได้ เหตุผลเดียวที่เขาไม่สามารถโกรธเกลียดซีวอนให้มากกว่านี้ได้ ก็เพราะพี่ชายของเขา เขารู้ว่าพี่อีทึกรักซีวอนมากเหลือเกิน
“พี่ครับผมขอโทษ” ร่างสูงทรุดตัวลงข้างเตียง มือใหญ่จับมือเล็กขาวซีดไว้มั่นแล้วดึงมาแนบกับแก้ม กร้านของตัวเอง “พี่ครับ....ฟื้นขึ้นมาสิครับ.....ผมอยากมีเรื่องบางอย่างจะบอกพี่ใจจะขาดอยู่แล้ว....พี่ฟื้นขึ้นมาฟังผมก่อน.......พี่อีทึก
พี่บอกว่าอยากไปเที่ยวฟอลเรนส์ไม่ใช่เหรอครับเราจะไปแต่งงานกันที่นั่น เราไปแต่งงานกันที่นั่นนะครับโบสถ์ที่พี่ชอบไงครับ พี่จะเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุด และผมจะเป็นเจ้าบ่าวที่หล่อที่สุด พี่ครับตื่นขึ้นมานะครับ!!” เสียงทุ้มสั่นเครือที่พยายามกลั้นก้อนสะอื้น เอื้อนเอ่ยบอกร่างบางที่นอนหลับนิ่งอยู่บนเตียง หากคนที่รับฟังกลับสะเทือนใจเสียจนต้องหนีเดินออกจากห้องไป
ร่างโปร่งยืนนิ่งนัยน์ตาเรียวยังรื้นไปด้วยน้ำตา มือเรียวจับชายเสื้อของตนขึ้นปาดน้ำตา หากแต่กลับมีผ้าเช็ดหน้าสีน้ำเงินเข้มถูกส่งมาตรงหน้า ร่างโปร่งผงะไปเล็กน้อย หากพอเห็นว่าเป็นใครจะส่งยิ้มบางๆ ไปให้ “ขอบคุณครับ” ร่างบางตอบพลางรับผ้าเช็ดหน้ามาไว้ในมือ
“น่าดีใจแทนคุณปาร์ค นะครับที่มีคนรักเขามากมายแบบนี้ ถ้าผมเป็นคุณปาร์คต้องรีบตื่นขึ้นมาแน่”
“ผมก็อยากให้เป็นแบบนั้น”
“ผมเชื่อว่าไม่นานคุณปาร์คต้องฟื้นขึ้นมา”
“ผมก็หวังให้มันเป็นแบบนั้น คุณหมอไม่มีคิวตรวจแล้วเหรอครับ” ร่างบางหันไปถามคุณหมอหนุ่ม ที่เขาเองก็ไม่คิดว่าจะเก่งจนคุณหมอจางไว้ใจให้ดูแลพี่ชายตน เพราะดูแล้วอายุน่าจะพอๆ กับเขาด้วยซ้ำ
“ผมออกเวรแล้วครับ เห็นคุณยืนอยู่คนเดียวเลยคิดว่าอาจจะต้องการเพื่อนคุย” คำพูดที่ทำให้ร่างบางยกยิ้มน้อยๆ ให้กับคุณหมอหนุ่ม
“ผมแค่ออกมาสูดอาการเท่านั้นเอง ขอตัวก่อนนะครับคุณหมอทงเฮ”
“ครับ” คุณหมอหนุ่มพยักหน้ารับพลางยกยิ้มให้กับร่างบาง พลางพูดเสียงเบาเมื่อร่างบางเดินกลับเข้าไปด้านในแล้ว “คนปากแข็ง” ก็เห็นๆ อยู่ว่ากำลังยืนร้องไห้ เขาก็แค่อยากปลอบใจคนขี้แยก็แค่นั้น
ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูทำให้คนที่อยู่ในห้องหันไปมอง บานประตูถูกเปิดออกพร้อมร่างสองร่างที่เดินเข้ามาในห้อง
“คุณฮีชอล คุณฮันคยอง” คยูฮยอนที่ช่วยซองมินจัดของในกระเช้าเอ่ยทักด้วยความตกใจ เช่นเดียวกับซองมินและฮยอกแจที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ เว้นเพียงคนสองคนที่ไม่ได้รับรู้อะไร คนหนึ่งยังคงนอนหลับสนิทนับตั้งแต่วันผ่าตัด นับวันนี้ก็ร่วม 10 วันเข้าไปแล้ว และอีกคนหนึ่งที่เอาแต่นั่งมองใบหน้าหวานของคนที่นอนอยู่บนเตียง ใบหน้าหล่อซึมเศร้า แก้มกร้านตอบเหมือนคนอดข้าวอดน้ำ ดวงตาคล้ำดำ ผมสีดำขลับที่เคยถูกจัดทรงอย่างดีกลับยุ่งเหยิง สภาพของชเว ซีวอนตอนนี้ แม้แต่คนที่ตั้งตัวเป็นศัตรูอย่างฮยอกแจยังรู้สึกสงสาร ร่างกายที่เคยเต็มไปด้วยมัดกล้ามกลับผอมแห้งกว่าแต่ก่อนอย่างเห็นได้ชัด
“เชิญ ทางนี้ดีกว่าครับ” ซองมินและคยูฮยอนจึงเดินไปต้อนรับแขกทั้งสองคน ส่วนฮยอกแจนั้นหันไปมองใบหน้าสวยของอดีตคนรักของซีวอนอีกคนหนึ่ง เขาพอจะรู้แล้วล่ะว่าทำไมซีวอนที่เคยรักพี่ชายเขานักหนานั้นถึงทิ้งพี่ชายของเขาไป แต่ก็อีกนั่นแหละเพราะสุดท้ายซีวอนก็ถูกกรรมติดจรวดตามทันโดนทิ้งบ้าง ใบหน้าสวยงดงาม นัยน์ตากลมโตแลดุ หากกลับดูสวยหวานเมื่อผสมเข้ากับโครงหน้าสวยได้รูป จมูกโด่งจนเห็นสัน ริมฝีปากเรียวบางสีสด รูปร่างบอบบางดูสง่างามดุจนางพญา หากจะเปรียบผู้ชายคนนี้สวยอย่างนางหงส์ พี่ชายเขากลับสวยดังนางฟ้าที่แลดูบอบบางน่าทะนุถนอม แต่ถึงอย่างนั้นนางฟ้าที่น่าทะนุถนอมกลับโดนทำร้ายจิตใจจากคนที่รักอย่างร้ายกาจ
“เอ่อ.....คือฉันกับฮันคยองเราจะมาบอกลาซีวอนแล้วก็มาเยี่ยมคุณปาร์คด้วย” ฮีชอลพูดขึ้นพลางคลี่ยิ้มสู้ เพราะเขาไม่รู้ว่าคนในห้องนี้จะยินดีหรือไม่ที่เขามา เพราะเขาเองก็เป็นสาเหตุกับเรื่องที่เกิดขึ้นเหมือนกัน ถึงแม้ภายนอกจะมีบุคลิกภาพมั่นใจ แต่ก็มีความอ่อนน้อมอยู่ในท่าที นั่นทำให้ฮยอกแจผ่อนลมหายใจทิ้งทิฐิที่มีแล้วเดินไปเสริฟ์น้ำให้กับแขกทั้งสองคน
“งั้นผมเรียกซีวอนให้นะครับ” คยูฮยอนพูดแล้วเดินไปหาเพื่อนตัวโต ที่นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นนับตั้งแต่วันที่ย้ายออกมาจากห้องฉุกเฉิน “ซีวอน พี่ฮีชอลมา” มือใหญ่สะกิดบ่าหนาของเพื่อนรัก ซีวอนหันหน้ามองและหันไปมองที่โซฟารับแขก เมื่อเห็นว่าเป็นใครจึงลุกขึ้น โดยไม่ได้มีท่าทีอยากพบหรืออยากเจอเหมือนวันวาน ชายหนุ่มเดินอย่างคนไร้เรี่ยวแรง ทิ้งตัวนั่งลงโซฟาฝั่งตรงข้ามฮีชอลและฮันคยอง ดังนั้นนั้นคยูฮยอนและซองมินจึงพากันผละออกมา เช่นเดียวกับฮันคยองที่หันไปกระซิบกับคนรัก ซึ่งฮีชอลเองเพียงพยักหน้า เมื่อได้รับคำชายหนุ่มลูกครึ่งจีนเดินไปยังเตียงคนป่วย ที่นอนหลับสนิทซึ่งมีฮยอกแจเดินตามประกบอยู่ห่างๆ ตาคมมองใบหน้าหวานของคนบนเตียงคล้ายนอนหลับสนิทมากกว่าเป็นคนป่วย
“คุณปาร์คไม่เหมือนคนป่วยเลยนะครับ” ชายหนุ่มพูดขึ้นเมื่อมองร่างที่นอนนิ่งบนเตียง
“พี่อีทึกหายแล้วครับ แต่แค่หลับเท่านั้น” ฮยอกแจพูดพลางเดินไปนั่งอีกฝากหนึ่งของเตียงนอน มือเรียวกุมมือขาวซีดไว้หลวมๆ อย่างอ่อนโยน
“ผมขอให้คุณปาร์คหายไวๆ นะครับ” ชายหนุ่มพูดพลางบรรยากาศรอบห้องที่ถูกตกแต่งให้คล้ายกับห้องพักทั่วไปไม่ใช่โรงพยาบาล
“ขอบคุณครับ” ฮยอกแจเพียงพยักหน้ารับ แล้วหันไปมองอีกสองคนที่นั่งคุยกันอยู่
“พรุ่งนี้พี่จะบินไปจีน อีกสองเดือนพี่กับฮัน เราจะแต่งงานกันที่นั่น ถ้าเป็นไปได้พี่อยากให้นายไปด้วย” ร่างบางพูดพลางคลี่ยิ้มจริงใจให้กับอดีตคนรัก
“ผมคงไปไม่ได้ ขอให้พี่มีความสุขนะครับ” นาทีนี้หัวใจของซีวอนไม่ได้เจ็บปวดเพราะความรักของตนที่ถูกคนตรงหน้าทอดทิ้งไม่ใยดี แต่กลับเจ็บปวดเพราะคนที่นอนหลับไม่ยอมตื่น หัวใจของเขาตอนนี้อยู่ที่ใครไม่ได้อยู่กับคนตรงหน้า ไม่ได้อยู่ที่ตัวเอง แต่อยู่ที่คนที่กำลังนอนหลับบนเตียงเท่านั้น
“พี่เข้าใจ พี่เองก็อยากให้คุณปาร์คหาย นายกับคุณปาร์คจะได้ไปงานแต่งงานของพี่ พี่ขอให้คุณปาร์ค ฟื้นขึ้นมาเร็วๆ นะ ซีวอนตอนนี้นายน่ะ ดูไม่ดีเลยรู้ไหม” มือเรียวเอื้อมมาจับมือใหญ่แล้วบีบเบาๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ
“ผม...มันไม่ดี...ผมมันเลว....ผมทำร้ายเค้า ผมทำร้ายพี่อีทึก...” ชายหนุ่มพูดเสียงสั่น หยาดน้ำใสไหลร้นตาคมอย่างห้ามไม่อยู่ ความรู้สึกผิดกัดกินหัวใจจนเจ็บปวด หากแต่ใครคนนั้นคงเจ็บปวดกว่าเขาหลายร้อยเท่า
“พี่เชื่อนะว่าคุณปาร์ค จะไม่โกรธนาย จะให้อภัยนาย เพราะคุณปาร์ครักนาย พี่เองก็รู้สึกผิดเหมือนกัน ถ้าพี่ฉุดคิดสักนิด พี่คงจะไม่ทำร้ายเขา คนที่รักเราและยอมตายเพื่อเราให้ได้แม้กระทั่งชีวิต ในโลกนี้มีอยู่ไม่กี่คนหรอกนะ พี่เคยคิดว่าชีวิตนี้นอกจากครอบครัวแล้วคงจะไม่มีใครมอบความรักให้กับพี่ได้ขนาดนั้นอีก แต่สุดท้ายพี่ก็ได้รู้ว่ายังมีใครอีกคนอยู่ในโลกนี้ พร้อมที่จะตายไปกับเราและพร้อมที่จะตายแทนเรา ความรักของคนๆ นั้น จะต้องยิ่งใหญ่มาก เมื่อรู้แล้วว่าคนๆ นั้นเป็นใครรักษาเขาไว้อย่าปล่อยมือจากเขาไปอีกเด็ดขาด” ฮีชอลเอ่ยปลอบน้องชายตัวโต แต่ก็ยังรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นกัน ตอนนั้นเขาไม่รู้เลยว่าซีวอนมีคนรักอยู่แล้ว เขารู้เรื่องนั้นเมื่อประมาณหนึ่งปีก่อน จากพนักงานสาวในบริษัทที่มีเวลานั่งเมาส์เจ้านายตัวเอง เขาจึงให้คนไปสืบเรื่องย้อนหลัง ซึ่งนั่นทำให้เขารู้ว่าก่อนที่ซีวอนจะมาคบกับเขา ซีวอนมีแฟนและอาศัยอยู่ด้วยกัน แต่เขาไม่เคยพบหรือเห็นรูปของคนๆ นั้น มีข่าวแค่ว่าคนรักเก่าของซีวอนย้ายไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่เลิกกันไป และไม่มีใครได้ข่าวอีกเลย ที่สำคัญซีวอนไม่เคยพูดถึงเลยสักครั้ง และเขาเองก็ไม่รู้ว่าเป็นต้นเหตุให้ทั้งสองคนนั้นเลิกกัน คิดแค่เพียงว่ามันไม่ใช่ความผิดของเขา
ส่วนฮันคยองนั้นเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเด็กไม่เจอกันนานเกือบสิบปีมาพบกันอีกครั้งก็เมื่อตอนฮันคยองมาลงทุนทำธุรกิจที่เกาหลี เขาจึงได้พบกับฮันคยองอีกครั้ง เขาดีใจมากเพราะเขาคิดอยู่เสมอมาว่าเขากับฮันคยองคงไม่ได้พบกันอีกแล้ว และการพบกันครั้งนี้ต่างฝ่ายต่างมีคนรักอยู่แล้วซึ่งข่าวนั้นกลับทำให้หัวใจของเจ็บปวดมากพอดูทั้งๆ ที่เขามีซีวอนอยู่แล้ว จนเกิดเรื่องนั้นขึ้นมาเขาจึงได้รู้ว่าเขารักฮันคยอง ตลอดเวลาสิบปีที่ผ่านมาเขารักฮันคยองมาตลอดไม่ใช่ในฐานะเพื่อนแต่เป็นคนรัก
“ขอบคุณครับพี่” ชายหนุ่มตอบรับเสียงเบา พลางปาดน้ำใสจากใบหน้าหล่อ
“ไปล้างหน้าล้างตาดีกว่าไหม นายตอนนี้ถ้าคุณปาร์ค ฟื้นขึ้นมาได้สลบไปอีกรอบแน่ คิดว่าผี” ฮีชอลพูดพลางยกยิ้มแหย่ ชายหนุ่ม ซีวอนได้แต่ยิ้มรับ “ขอพี่เข้าไปดูคุณปาร์คใกล้ๆ ได้ไหม” ฮีชอลเอ่ยถามเสียงเบา ถึงแม้ตอนนี้ฮันคยองยืนอยู่ใกล้ๆ เตียงคนป่วยอยู่ก่อนแล้วก็ตาม
“ได้ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับแล้วจูงมือฮีชอลให้เดินตามไปที่เตียง
“เหมือนนางฟ้าเลยเนอะฮัน” เพียงแว๊บแรกที่เห็นใบหน้าหวานของคนป่วย ฮีชอลพูดออกมาพร้อมยกยิ้มกว้างรู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้อีกฝ่ายหลับใหลอยู่ในความฝันก็ตาม แล้วหันไปขอความเห็นจากคนรัก ฮันคยองเพียงพยักหน้ารับเห็นด้วย นี่แหละนิสัยของคิม ฮีชอล ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ ชอบก็บอกว่าชอบ เกลียดก็บอกว่าเกลียด เป็นคนตรงๆ ที่ไม่บิดเบือนความคิดของตัวเอง คนรอบข้างต่างรักใคร่
“ขอให้ฟื้นขึ้นมาเร็วๆ นะครับคุณปาร์ค อีกสองเดือนผมจะแต่งงานอย่าลืมไปงานแต่งงานของผมกับฮันคยองนะครับ ผมจะเว้นตำแหน่งเพื่อนเจ้าสาวกับเพื่อนเจ้าบ่าวไว้ให้คุณกับซีวอน ผมสัญญาว่าตำแหน่งนั้นจะมีไว้เพื่อนคุณกับซีวอนเท่านั้น”
“พี่ครับ” ซีวอนร้องค้าน แล้วถ้าอีทึกไม่ฟื้นขึ้นมาล่ะ จะเกิดอะไรขึ้นงานแต่งที่ไม่มีเพื่อนเจ้าสาวและเพื่อนเจ้าบ่าว
*********************************
ไร้คำบรรยายใดๆ เขียนเองน้ำตาปริ่มเอง ฮึกๆ
อ่า เรื่องแรกยังคงติดค้างต่อไป เอิ๊กส์ๆ ขอโทษคร๊าบบบ
จะมาต่อให้นะคะ สัญญาณ อีกสักพักนะ
ความคิดเห็น