คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Worried ห่วง [wonteuk] EP 02
Worried ห่วง [Wonteuk] EP 02
“ทำไมฉันต้องมาเป็นเพื่อนนายเลือกของขวัญให้แฟนด้วยเนี่ยคยู” เสียงทุ้มเอ่ยถามคนที่กำลังเลือกของขวัญให้สุดสวาทขาดใจ
“อ้าว ฉันเห็นว่าแกมีรสนิยมเรื่องนี้ เอาน่าช่วยหน่อย แกว่าวงนี้เป็นไงวะ” คยูฮยอนตอบพร้อมลากเขาไปยืนที่ตู้กระจกที่มีเครื่องเพชรชิ้นเล็กชิ้นน้อยส่องแสงระยิบระยับละลานตา
“จะเส้นไหนวงไหนชิ้นไหน แฟนแกก็ชอบหมดแหละ ไม่เคยเห็นสักครั้งที่แฟนแกจะไม่พอใจ” คำตอบที่ทำให้เพื่อนรักตีหน้ามุ่ย แล้วหันไปเลือกของขวัญให้แฟนต่อ อีกฝ่ายได้แต่เดินไปเดินมาอยู่ในร้าน พลันสายตาคมไปสะดุดกับแหวนวงหนึ่ง เป็นแหวนทองคำขาวซึ่งมีเพชรเม็ดเล็กรูปหัวใจ ที่ฝังลงในเนื้อทองคำขาว มันเป็นแหวนรายเรียบง่าย แต่สำหรับใครบางคนนั้นกลับชอบมากๆ ช่างแตกต่างจากอีกคนอย่างสิ้นเชิง
“ผมว่ามันใหญ่ไปนะ” ชายหนุ่มตัวโตที่พาหวานใจมาเดินช็อปปิ้งในห้างหรู เอ่ยบอกร่างบางที่กำลังเลือกแหวนวงสวยที่มีเพชรเม็ดโต ร่างบางลองสวมมันเข้าที่นิ้วเรียวยาวเป็นลำเทียน แล้วหันมองคนติ
“ฉันใส่แล้วไม่สวยเหรอ” ร่างบางเอ่ยถามเสียงสูง พลางหันมองคนติด้วยสายตาค้อนๆ
“เปล่าครับ พี่ใส่อะไรก็สวยหมดแหละ ผมแค่แนะนำ ไหนพี่บอกไม่อยากเป็นคุณนายตู้เพชรเคลื่อนที่ไงล่ะครับ แต่ไม่ว่าพี่จะใส่อะไรก็ดูสวยที่สุดสำหรับผมอยู่แล้ว” กลัวว่าคนรักสุดสวยจะงอนเลยต้องรีบส่งลูกอ้อนไปให้ มือใหญ่กุมมือเล็กขาวไว้พลางเกลี่ยหลังมือนุ่มนิ่มไปมา แล้วส่งยิ้มหล่อกระชากใจสาว ไปให้เสียหนึ่งที
“แต่ฉันชอบผมมันนี่ ถ้านายซื้อให้ไม่ได้พี่ซื้อเองก็ได้” คนสวยว่าแกล้งตีเสียงงอน
“ไม่ใช่แบบนั้นครับ ถ้าพี่ชอบสิ่งไหนผมยินดีจะให้พี่ทุกอย่างเว้นแต่ดาวกับเดือนเท่านั้นแหละครับ” คำตอบที่ทำให้คนสวยยกยิ้มกว้าง ก่อนจะหันไปส่งแหวนคืนให้กับพนักงานแล้วพยักหน้าตกลงซื้อแหวนวงนี้
“ปากหวานไปเถอะ” ถึงปากจะพูดแบบนั้นแต่วงใบหน้าสวยกลบสุดสดใส กับคำหวานที่อีกฝ่ายเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างมีความสุข เขารู้ถ้าเขาต้องการจริงๆ แม้แต่ดาวกับเดือนยังไงแฟนหนุ่มก็หามาให้เขาได้อย่างแน่นอน “ขอบใจนะซีวอน”
“ไม่เป็นไรครับ ก็พี่ฮีชอลคือคนที่ผมรัก แฟนทั้งคนเชียวนะ” รอยยิ้มแห่งความสุขที่มีให้แก่กัน ในวันวานมันยังคงอยู่ในความทรงจำ แต่วันนี้มันไม่มีอีกแล้ว
หากคิดอะไรได้ไม่นาน ร่างคุ้นตาของใครคนหนึ่งปรากฏแก่สายตา ร่างบอบบางที่เขากำลังคิดถึงนั้นกำลังเดินเคียงข้างใครอีกคน ใบหน้าสวยยกยิ้มกว้างสดใสและงดงาม นัยน์ตากลมโตเป็นประกายหวานจนคนมองอิจฉา ขายาวก้าวพรวดออกมาจากร้านด้วยความรวดเร็วโดยที่ไม่สนใจเพื่อนรักที่กำลังเดินเลือกดูของ
“เฮ้ย!! ไอ้วอน!” คยูฮยอนเรียกหาเพื่อนรัก แต่ไม่ทันเสียแล้วเพราะอีกฝ่ายเดินออกไปจากร้านด้วยความรวดเร็ว เจ้าตัวได้แต่ส่ายหน้าแล้วหันไปจ่ายตังค์ให้กับพนักงาน จนเสร็จแล้วจึงก้าวตามออกไป
เสียงหัวเราะคิกคักของคนสองคน ทำให้หัวใจบางคนแทบหยุดเต้น ความคิดถึงกลับกลายเป็นความโกรธและความเจ็บปวด มือใหญ่คว้าเข้าที่ข้อมือเล็กของอีกฝ่ายได้ทัน
“ซีวอน!!” เสียงหวานร้องด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนดึงข้อมือตัวเองไว้ เจ้าของมือรีบดึงมือตัวเองกลับทันที
“ใช่! ผมเอง” น้ำเสียงทุ้มสั่นเครืออย่างเห็นได้ชัด หากไม่รู้ว่าเป็นความโกรธหรือความเสียใจ
“เอ่อ......คือฉันกำลังจะกลับน่ะ” ร่างบางบอกเสียงเบา ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มน้อยๆ แต่ในใจอดหวั่นไม่ได้ ก็เพราะรู้ว่าหนุ่มรุ่นน้อง อดีตคนรักเก่านั้นถึงแม้ภายนอกจะดูสุภาพบุรุษ สุขุมนุ่มลึก แต่นิสัยแท้จริงแล้วใจร้อนยิ่งกว่าใครเลยทีเดียว
“ผมก็แค่.....มาทักทาย” ซีวอนพยายามเปล่งเสียงพูดออกมา เพราะตอนนี้กำลังรู้สึกตีบตันในลำคอยากจะเปล่งเสียงออกมา
“อะ....อื้อ เอ่อ...ฮันฉันขอเวลา 5 นาที” ร่างบางหันไปบอกร่างสูงข้างตัว ชายหนุ่มพยักหน้ารับแต่โดยดี นัยน์ตาคมหันไปมองใบหน้าหล่อของอีกฝ่าย อดีตคนรักเก่าของคนรักของเขา
“งั้นฮันไปรอที่ร้านหนังสือนะ” ชายหนุ่มสัญชาติจีน เกาหลี เอ่ยบอกคนรัก ร่างบางพยักหน้ารับแล้วหันมามองอีกคน คนที่เขาเคยรักและตอนนี้กลายเป็นอดีตคนรัก
“พี่ฮีชอล.........ผมคิดว่าพี่ไปจากที่นี่แล้ว” หลังจากที่ฮันคยองเดินไปแล้ว ซีวอนจึงเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ นัยน์ตาคมโตมองใบหน้าสวยอย่างอาลัยอาวรณ์
“พรุ่งนี้นะ ซีวอนฉันมีเรื่องจะบอกนาย” ร่างบางพูดพลางสูดลมหายใจปอดลึกๆ อีกฝ่ายเพียงยืนนิ่งรับฟัง “นายคงอยากจะถามพี่ว่า พี่เคยรักนายบ้างไหม ตลอดสองปีที่ผ่านมาที่เราคบกันพี่รักนายนะซีวอน พี่เคยคิดว่าพี่รักนายที่สุด จนวันหนึ่งพี่เพิ่งรู้ว่าฮันคยองรักพี่ รักมานาน ถ้าหากไม่มีวันนั้นพี่คงไม่รู้ตัวว่าฮัน มีความหมายกับพี่ขนาดไหน นายจะด่าว่าพี่มันเห็นแก่ตัวก็ได้นะ จะเกลียดพี่ก็ได้แต่ตอนนี้หัวใจของพี่เป็นของฮันไปแล้ว พี่ขอโทษนายจริงๆ แต่ก็ขอบใจนายมาก ตลอดเวลาที่อยู่กับนายพี่มีความสุขมาก พี่ต้องไปแล้วล่ะ ฮันรอนานแล้วโชคดีนะน้องชาย” ร่างบางยกยิ้มสดใส มือเล็กจับมือใหญ่และบีบเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ
“แต่....ผมรักพี่ ...........ความรักของผมคือพี่เท่านั้น” ชายหนุ่มพูดเสียงเครือ นัยน์ตาคมจับจ้องใบหน้าสวยของอีกฝ่ายไม่วางตา หากแต่อีกฝ่ายก้มหน้านิ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วส่งยิ้มเพียงบางเบา
“แต่ฮันคยองคือ ปัจจุบันและอนาคตของพี่ ซีวอนพี่ขอโทษ” เสียงหวานแว่วแผ่วเบา หากเขารับรู้มันทุกประโยคย้ำเตือนหัวใจทุกถ้อยคำและทุกความรู้สึก ว่าเขากับคนๆ นี้จะไม่มีทางเดินมาบรรจบบนเส้นทางเดียวกันอีกแล้ว
ฮีชอลหันตัวกลับเดินไปอีกทาง ซึ่งปลายทางมีใครอีกคนรอคอยเขาอยู่ คนที่ คิม ฮีชอล เลือกแล้วว่าจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดไป ชายหนุ่มยืนมองคนทั้งคู่เดินเคียงข้างกันไปจนสุดปลายสายตาด้วยความเจ็บปวด
ชายหนุ่มก้าวยาวๆ แล้ววิ่งออกไปอย่างไม่มองหนทางข้างหน้าว่าจะเจอกับอะไรบ้าง เพราะตอนนี้หัวใจของเขากำลังเจ็บปวดจนแทบจะหายใจต่อไปไม่ไหว อยากไปให้พ้นจากที่ตรงนี้ หลุดพ้นจากทุกอย่างเขาไม่อยากรับรู้ถึงมันอีกแล้ว นัยน์ตาคมกำลังมืดบอดเพราะหนทางข้างหน้าเขายังมองไม่เห็น และนั่นคงจะไม่เห็นใครอีกคนที่วิ่งตามออกไปเช่นกัน
“ซีวอน! ซีวอน!....เฮ้ย! อะไรวะ” เสียงของคยูฮยอนที่เดินบ่นตามหลังมา ส่งเสียงเรียกเพื่อนตัวโตที่วิ่งหลังไวๆ ออกไปจากห้าง เช่นเดียวกับใครอีกคน
“พี่อีทึก พี่อีทึก!!” เสียงหวานเรียกชื่อพี่ชายดังลั่น ด้วยความตกใจ เขาแค่กำลังเลือกเสื้อผ้าเพลินเท่านั้น พอหันกลับมาก็ไม่เจอพี่ชายเสียแล้ว และพอเดินตามหาจนเจอก็เห็นพี่ชายวิ่งตามใครบางคนออกไป และเป็นใครก็ไม่รู้ ทั้งสองคนหันหน้ามองกันอยู่นาน ด้วยความตกใจ “นาย!!...คยูฮยอน”
“ฮยอกแจ!!! งั้น!!”
“โทรตามเพื่อนนายเดี๋ยวนี้เลยนะ!!” เสียงหวานตวาดแหว๋ เมื่อความตกตะลึงหายไป เสียงอันดังของร่างโปร่งทำให้คนรอบข้างหันมองทั้งคนเป็นตาเดียว
“เบาๆ ได้ไหมฉันอายเขา” คยูฮยอน ดึงร่างโปร่งของฮยอกแจให้เดินตามออกจากห้าง ด้วยความอายก็แม่คุณเขาเล่นเรียกซะดังลั่นห้าง
“อายก็รีบโทรตามเส่ะ ไม่งั้นฉันจะฟ้องซองมิน ว่านายละเลยหน้าที่!!” คำขู่ที่ทำให้คยูฮยอนเบ้หน้า เมื่อฮยอกแจเอาคนรักของตัวเองมาข่มขู่
“รู้แล้วน่า!! รับสายสิโว้ย!!!!” ชายหนุ่มสบถ เมื่อปลายสายไม่คิดแม้จะรับสายแต่อย่างใด
“แฮ่กๆ ซะ....ซีวอน...แฮ่ก” เสียงหวานเอ่ยเรียกเสียงแหบแห้ง เหงื่อเม็ดใสชื้นไปทั่วใบหน้าหวานแม้อากาศจะหนาวเย็น ละอองไอลมหายใจลอยคว้างอยู่ในอากาศเมื่อร่างบางของคนวิ่งมาตามมานั้นหอบหนัก ชายหนุ่มชะงักเท้าหันกลับมามองคนที่วิ่งตามตัวเอง นัยน์ตาคมเบิกกว้างเพราะไม่คิดว่าคนๆ นี้จะอยู่ที่นี่
“พะ....พี่อีทึก!”
“ใช่ พี่เอง” ร่างบางตอบพลางโกยอากาศเข้าปอด เมื่อลมหายใจเริ่มขาดห้วงเสียดื้อๆ เหงื่อเม็ดใสเคลือบใบหน้าหวาน เสียจนคิดว่าเป็นหน้าร้อนทั้งๆ ที่อากาศหนาวเหน็บ
“พี่เป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบาย?” ชายหนุ่มเอ่ยถาม พลางสาวเท้ากลับมายืนตรงหน้าร่างบางที่กำลังหายใจยาวเพื่อเก็บอากาศเข้าปอด ใบหน้าหวานดูซีดเซียว ผิวขาวราวหิมะที่กลืนไปกลับเสื้อโค้ทสีขาวตัวยาว แลดูบอบบางเสียจนเปราะบาง ว่าร่างตรงหน้าจะเลือนหายไปในอากาศ
“เปล่า.......แค่เหนื่อย” ร่างบางตอบพลางปาดเหงื่อออกจากใบหน้าหวานของตน
“แล้วพี่วิ่งตามผมมาทำไม” คำถามที่ทำให้ร่างทั้งร่างจุกจนพูดไม่ออก ใช่เขาวิ่งตามอีกฝ่ายมาทำไม
“เอ่อ........คือ......เอ่อ........” เมื่อหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ จึงได้แต่ก้มหน้าลงต่ำลงพื้นถนนอย่างไร้หนทาง มือบางสองข้างกำเข้าหากันแน่น ริมฝีปากเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งสองคน
“วันนั้นเป็นพี่ใช่ไหม ที่พาผมกลับจากผับ” คำถามทำให้ร่างบางสะดุ้งเฮือก ใบหน้าหวานเบือนมองไปทางอื่นเพราะไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย “พี่อีทึก......ผมขอบคุณแต่พี่ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ ตอนนี้ผมอยากอยู่คนเดียว” ถ้อยคำปฏิเสธที่อ่อนโยนนั้นกลับกรีดหัวใจคนฟังให้แหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี ใบหน้าหวานร้อนผ่าว น้ำใสไหลเอ่อเต็มนัยน์ตาคู่สวย มือบางสองข้างกุมจับกันแน่นจนขึ้นสีซีด
“พี่.....แค่.....แค่.....เป็นห่วงนาย” เสียงหวานสั่นเครือแม้พยายามจะพูดให้เป็นปกติ แต่มันกลับปกปิดไม่มิด สุดท้ายหยดน้ำใสค่อยๆ ไหลรินออกมาจากดวงตาฉ่ำน้ำ
“ผมไม่ได้เป็นอะไร.....พี่ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก ตอนนี้ผมอยากอยู่คนเดียว” ถ้อยคำปฏิเสธนุ่มนวล กลับไม่ได้ทำให้หัวใจที่กำลังโดนกรีดอีกครั้งช้าๆ รู้สึกดีขึ้นแต่อย่างใด กลับเริ่มเป็นแผลเหวอะหวะอีกครั้ง มือเรียวสองข้างกุมเข้าหากันแน่นจนขึ้นข้อขาว ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง ใบหน้าหวานเบือนออกทางอื่นเพราะไม่กล้าสบสายตาของอีกฝ่าย
“พี่เข้าใจ....พี่แค่...เป็นห่วงนาย” คำตอบที่ทำให้อีกฝ่ายถอนหายใจยาว ไม่ใช่เขารังเกียจร่างบาง เพียงแค่ตอนนี้เขาอยากอยู่คนเดียว และเป็นเพราะคนๆ นี้แพ้อากาศหนาวเย็นแบบนี้ มือใหญ่ประครองใบหน้าหวานให้หันกลับมามองตนพร้อมกับคำพูดที่เขาคิดว่าอ่อนโยนมากแล้ว หากเพียงเห็นนัยน์ตาคู่สวยที่ฉ่ำน้ำเสียจนพร่าเลือน กลับทำให้หัวใจของชายหนุ่มเจ็บปวดพอกัน ถึงแม้เขาจะรักฮีชอล แต่เขาก็ไม่เคยลืมคนรักเก่า คนดีของเขาที่ครั้งหนึ่งเขาเคยรัก และเขาจะไม่กลับไปทำร้ายคนๆ นี้อีกแล้ว แม้เขาจะต้องทำร้ายหัวใจร่างบอบบางตรงหน้าอย่างร้ายกาจ
“พี่กลับบ้านเถอะครับอากาศตอนนี้มันหนาวมาก พี่ครับ.......พี่ไม่ต้องทำอะไรเพื่อผมอีก เพราะมันจะทำให้รู้สึกผิดกับพี่ อย่าให้ผมต้องรู้สึกผิดเพราะต้องทำร้ายพี่อีกเลยนะครับ ผมขอโทษ” ริมฝีปากหยักค่อยๆ ประทับหน้าผากนมของร่างบาง แล้วค่อยๆ ผละออกมา ก่อนจะเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย
สัมผัสอบอุ่นเพียงเลือนรางที่ได้รับไม่ได้ทำให้หัวใจอันหนาวเหน็บอบอุ่นแต่อย่างใด ร่างบอบบางค่อยๆ ทรุดนั่งกับพื้นถนนเย็นเฉียบ ร่างบอบบางสั่นสะท้านแขนเรียวสองข้างโอบกอดร่างของตัวเองไว้แน่น หยดน้ำใสหยดลงผ้าเนื้อดีสีขาวเป็นวงกว้าง ริมฝีปากบางทั้งสองข้างเม้มเข้าหากัน เพียงกลั้นเสียงสะอื้น ตอนนี้เขาเจ็บปวดเสียจนไม่อยากหายใจ
“พี่อีทึก!!!” เสียงหวานดังร้องเรียกร่างบางที่กำลังนั่งตัวสั่นสะท้านท่ามกลางอากาศเย็นติดลบ ร่างโปร่งวิ่งเข้าไปประครองร่างบางไว้แน่น เสียงหายใจหอบถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนฮยอกแจใจไม่ดี หันซ้ายขวาละล่ำละลัก “คยูฮยอน เรียกรถพยาบาล เร็วๆ เส่!” สุดท้ายเลยหันไปตวาดใครอีกคนที่วิ่งตามมาติดๆ ชายหนุ่มรีบทำตามทันที เมื่อเห็นว่าอีทึกกำลังหายใจหอบหนักเหมือนคนจะขาดอากาศหายใจ
นัยน์ตาคู่สวยปรือขึ้น ภาพที่เห็นคือฝ้าเพดานสีขาวทำไมเขาหายใจสะดวกจัง ส่วนมือข้างหนึ่งที่เขารู้สึกว่าร้อนระอุจนต้องหันไปมองคือภาพของน้องชายที่กำลังร้องไห้กุมมือเขาไว้แน่น และใครอีกคนคุ้นตาที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนกันแล้วทำไมเขาต้องใส่หน้ากากออกซิเจนด้วย
“พี่อีทึก อย่าเป็นอะไรนะ พี่ครับ!” เสียงร้องเรียกดังขึ้นเมื่อเห็นว่าพี่ชายตัวเองลืมตาขึ้น หากแต่ไร้การตอบรับจากอีกฝ่าย ก่อนตาคู่สวย ค่อยๆ ปรือหลับไปอีกครั้ง พร้อมกับเสียงร้องเรียกที่ดังแว่วมากจากสถานที่ห่างไกล “พี่ฮะ พี่อีทึก!!”
ร่างของอีทึกถูกพาเข้าห้องฉุกเฉินทันที ฮยอกแจถูกพยาบาลกันไว้นอกห้อง ร่างโปร่งเดินกระวนกระวายวนเวียนไปมาด้วยความวิตก คยูฮยอนมองภาพตรงหน้าแล้วถอนหายใจ แล้วกดหาคนรักที่คาดว่าจะช่วยดูแลคนที่กำลังกระวนกระวายได้
“ฮยอกแจ คยู” เสียงหวานเรียกดัง ทำให้ร่างโปร่งหันมามองพร้อมกับคยูฮยอนที่นั่งรออย่างร้อนใจเช่นกัน
“ซองมิน!” ฮยอกแจร้องเรียกเพื่อนรักพลางโถมเข้าใส่ ร่างอวบอย่างหากำลังใจและที่พึ่ง
“พี่อีทึกล่ะ เป็นไงมั่ง”
“ยังไม่ออกมาเลย” ฮยอกแจตอบด้วยความกังวล มือเรียวเย็นเฉียบจนอีกฝ่ายต้องกุมมือนั้นไว้
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้นทำไมพี่อีทึกทรุดลงล่ะ” ซองมินถามด้วยความเป็นห่วง ก็ไหนว่าพี่อีทึกอาการดีขึ้นแล้วไง พอหันไปมองหน้าคนรักเพื่อหาคำตอบซึ่งอีกฝ่ายเพียงขยับปากเป็นชื่อใครบางคน เพียงแค่นั้นอี ซองมินก็ไม่เอ่ยถามอะไรอีก “ฉันพอจะเข้าใจแล้ว พี่อีทึกไม่เป็นไรหรอกนะ”
เวลาล่วงเลยไปเกือบสองชั่วโมง ประตูห้องฉุกเฉินถูกเปิดออก พร้อมกับแพทย์ประจำตัวของอีทึก และเตียงที่มีร่างบอบบางนอนนิ่ง
“ตอนนี้คุณปาร์ค ปลอดภัยแล้วครับ แต่คงต้องรอดูอาการไปก่อน” คุณหมอพูดพลางหันไปมองใบหน้าหวานของคนที่นอนอยู่บนเตียง ด้วยสีหน้าหนักใจ
“หมายความว่ายังไงครับคุณหมอ”
“คนไข้ร่างกายอ่อนแอมาก คงต้องดูแลกันอย่างใกล้ชิด แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมขอคุยกับคุณ ฮยอกแจเป็นการส่วนตัวสักครู่” ซองมินพยักหน้ารับแล้วเดินตามรถเข็นไปพร้อมกับคยูฮยอนเพื่อไปห้องพักพิเศษ ส่วนฮยอกแจเดินตามคุณหมอไปที่ห้องทำงาน
ความคิดเห็น