คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Worried ห่วง [wonteuk] EP 01
Short Fic Story : Worried ห่วง [wonteuk]
Sroty By : Writer ^NaNo^
Yaoi : Wonteuk ft hanchul, Haeeun
ฺDate : 17 / 11 /11
ในคืนอันหนาวเหน็บท่ามกลางความหนาวเย็นของหิมะที่กำลังโปรยปรายลงมาทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวกลายเป็นสีขาวโพลนตัดกับความมืดมิดอยามรัตติกาล ค่ำคืนอันเงียบสงบผู้คนต่างหลบความหนาวไปเติมความอบอุ่นให้กับร่างกาย แต่ภายใต้อากาศหนาวและเงียบสงบในสวนสาธารณะกลับมีชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ใบหน้าหล่อเหลาในชุดแจ๊คเก็ตสีมืดนั่งอยู่บนม้านั่งตัวยาวนิ่งเพียงลำพัง ผมสีดำขลับมีละอองสีขาวแต่งแต้มประปราย ทำให้รู้ว่าร่างนี้นั่งตากหิมะมานานพอสมควร ความหนาวเย็นที่บาดผิวเนื้อกลับไม่เท่ากับความเย็นเยียบของหัวใจ
ใบหน้าหล่อมีที่ร่องรอยของความเจ็บปวดเศร้าหมองฉายชัดจนคนมองใจสะท้าน นัยน์สีชาคู่สวยจับจ้องไปที่ร่างนั้น ร่างบอบบางในชุดเสื้อโค้ทตัวยาวสีขาวแทบจะกลืนกินร่างทั้งร่างให้เป็นส่วนหนึ่งของละอองสีขาวแห่งความหนาว มือเรียวข้างหนึ่งจับร่มคันสีฟ้าอ่อนในมือแน่น เช่นเดียวกับอีกข้างที่เหลือที่ซุกเข้ากระเป๋าเพื่อหาความอบอุ่น
เงาดำค่อยๆ เคลื่อนที่ผ่านเข้ามาทำให้คนนั่งนิ่งมาเนิ่นนาน ค่อยๆ หันไปมอง หากแสงไฟที่ส่งย้อนเข้ามาทำให้เห็นหน้าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ชัดนัก แต่ใช้เวลาเพียงไม่นานก็รู้ว่าคนที่ยืนอยู่หน้านั้นคือใคร เพียงแค่รู้ว่าเป็นใครใบหน้าหล่อก็เบือนหนีไปอีกทาง ให้คนเดินเข้ามาหาปวดแปลบที่ใจเล่น แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน แต่ความรู้สึกที่มียังคงไม่จืดจาง
“หิมะกำลังจะตกหนัก กลับบ้านเถอะนะ” เสียงหวานแห้งดังจากริมฝีปากของร่างบางในชุดโค้ทสีขาว ที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น นัยน์ตาคู่สวยยังจับจ้องคนตรงหน้าไม่ว่างตา ถึงแม้จะคิดถึงและโหยหามากเพียงใด กลับไม่สามารถแสดงความรู้สึกให้อีกคนได้รู้ได้ อึดอัดเหลือเกิน
“ผมอยากอยู่คนเดียว” หากแต่อีกคนตอบเสียงเรียบ ไม่แม้จะหันมามองสักนิด ความเงียบปกคลุมไปทั่วบริเวณ แม้จะหันหน้าไปอีกทางแต่ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นทำให้คนเบือนหน้าไปทางอื่นหันกลับมามอง “ทำไม” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ร่างบางที่ถือวิสาสะทิ้งตัวลงนั่งอยู่ข้างๆ หากแต่ไม่มีเสียงตอบจากอีกฝ่าย นัยน์ตาคมมองเสี้ยวใบหน้าได้รูป นัยน์ตาคู่สวยมีแววหวั่นไหวให้ได้เห็นหากแต่ใบหน้านั้นยังนิ่งสงบ คนๆ นี้เป็นแบบนี้แหละ เงียบสงบ จนบางครั้งเขาก็อาจสายตาและความรู้สึกไม่ออก ชายหนุ่มในชุดแจ๊คเก็ตสีมืดลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขายาวค่อยๆ ก้าวออกจากสถานที่แห่งนั้น แต่ไร้เสียงฝีเท้าของใครอีกคนเดิน ชายหนุ่มหยุดเดินแล้วหันกลับไปมองก็ยังเห็นร่างบางในชุดสีขาวนั่งอยู่ที่เดิม ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจออกเล็กน้อยความหนาวเย็นทำให้ลมหายใจของเขาค้างลอยอยู่ในอากาศแล้วค่อยๆ เลือนหายไป ที่น่าเป็นห่วงยิ่งกว่าคืออีกคนที่ไม่ถูกกับอากาศหนาวเย็นแบบนี้เสียเลย ชายหนุ่มเดินกลับไปที่เดิมที่ตนเคยนั่ง มือใหญ่ค่อยๆ เอื้อมไปแตะมือขาวซีดเย็นเฉียบเสียจนกลัวว่าเจ้าตัวจะแข็งตาย แล้วออกแรงดึงเบาๆ เจ้าของมือเล็กค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าขาวจัดเมื่อต้องลมหนาวแทบจะซีด ร่างบอบบางในเสื้อโค้ทตัวใหญ่แทบจะกลืนร่างทั้งร่างให้หายไป มือใหญ่ค่อยๆ ดึงมือเล็กอีกครั้งหากคราวนี้แรงกว่าเดิมแต่ก็ไม่มากนัก ซึ่งร่างบางนั้นลุกขึ้นยืนได้อย่างง่ายได้ แล้วค่อยๆ เดินตามแรงดึงของใครตัวโตกว่าไปเงียบๆ
“ตอนนี้.......พี่พักอยู่ที่ไหนครับ...ผมจะไปส่ง” เสียงทุ้มเอ่ยถามร่างบางที่เดินตามมาเงียบๆ มือใหญ่ค่อยๆ คลายมือเล็กออก
“ไม่เป็นไร พี่กลับเองได้” เสียงหวานเอ่ยบอกแผ่วเบา ใบหน้าหวานเบือนมองไปทางอื่น เพราะตอนนี้หัวใจของเขากำลังเต้นเร่าไม่ใช่เพราะความตื่นเต้น แต่เป็นเพราะความเจ็บปวด ก็ตั้งแต่วันนั้น เขากับคนตรงหน้าก็ไม่เคยเจอกันอีกนั่นก็ล่วงเลยมาสองปีกว่าแล้ว ถูกแล้วที่อีกฝ่ายไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ใช้ชีวิตยังไง ร่างบางหมุนตัวกลับไปอีกทางหนึ่งแล้วออกเดินช้าๆ จากไป สายตาคมมองร่างบอบบางนั่นค่อยๆ จนลับตา ไม่แม้จะเรียก ไม่แม้จะตื๊อตามไปส่ง เพราะตอนนี้หัวใจของเขาไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น
“ซีวอน ซีวอน” เสียงหวานเอ่ยเรียก ทำให้เจ้าของชื่อค่อยๆ ปรือตาขึ้นมองด้วยอาการงัวเงียและมึนงงกินแอลกอฮอล์และกลิ่นบุหรี่คละคลุ้งจนร่างบางยู่หน้าเพราะกลิ่นฉุนจัด
“พี่......อ่า....” มือใหญ่จับขมับพวกความมึน พลางกระพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับสภาพม่านตาจนเห็นบรรยากาศโดยรอบได้ชัดเจน แต่อาการมึนเมาไม่สร่างไปสักทีจนต้องปิดตาลงอีกครั้ง
“เดินไหวไหม ถึงห้องแล้ว” เสียงหวานเอ่ยบอก แล้วลงจากรถประครองร่างสูงใหญ่ของอีกฝ่ายที่กำลังมึนได้ที่เดินเข้าห้องชุดสุดหรูราคาแพง ร่างบางค่อยๆ ประครองคนตัวโตนอนบนโซฟาสีทึบตัวใหญ่ แล้วเดินไปหยิบกะละมังและผ้าขนหนูมาเช็ดตัวให้คนตัวโตอย่างคล่องแคล่ว
“ฮีชอล....ฮีชอล....ฉันรักนาย.....ฮีชอล...อย่าไป...ได้โปรด....อย่าไป....” เสียงทุ้มละเมอพร่ำเพ้อเรียกหาใครอีกคนหนึ่ง ทำให้คนที่กำลังเอื้อมมือไปเช็ดตัวให้ชะงักค้าง ก่อนจะกลั้นใจรวบรวมแรงกายและแรงใจทั้งหมดทำหน้าที่ของตน มือเล็กจับผ้าขนหนูผืนชื้นเช็ดไปตามใบหน้าหล่อและท่อนแขนแข็งแรง ทุกครั้งที่การสัมผัส หยาดน้ำใสค่อยๆ หยดลงบนกล้ามเนื้อแข็งแรง หยดแล้วหยดเล่า แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นคนที่นอนเพ้อหากใครอีกคนไม่รู้สึกถึงมัน
RRR
..RRR เสียงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นและเสียงเพลงเรียกเข้าที่ดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้คนกำลังอยู่ในนิทราแสนหวานค่อยๆ ปรือตาขึ้นมา มือใหญ่ควานหาและหยิบเจ้าเครื่องสื่อสารเครื่องหรูของตน เพื่อกดรับตัดความรำคาญ เสียงทุ้มงัวเงียกรอกไปตามสาย
“ว่าไง” ไม่มีคำทักทาย ไม่ใช้ภาษาสุภาพ ก็เพราะรู้ว่าไม่มีใครหรอกที่จะหาเขาตอนนี้
“นี่มัน 11โมงแล้วนะซีวอน นายต้องเข้าประชุมตอนบ่ายโมงเข้าใจไหม!!!” เสียงทุ้มหนักของที่ถือครองตำแหน่งเลขาส่วนตัวบอกด้วยความร้อนรน ไม่ผิดนักหรอกที่อีกฝ่ายจะโกรธขนาดนี้ถ้าไม่เพราะวันนี้เขาต้องประชุมกับลูกค้ารายใหญ่ของบริษัท
“เออ.....รู้แล้วน่า จะรีบไป เออ ขอข้าวเช้าด้วย” ร่างสูงใหญ่รีบลุกจากเตียง แต่แล้วต้องหยุดชะงักเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่ได้นอนที่เตียงเหมือนเคย ซีวอนย้อนความทรงจำของตัวเองไปถึงเมื่อคืน เมื่อคืนเขาเมามาก มากเสียจนไม่รู้ว่ากลับมาถึงที่นี่ได้ยังไง สายตาคมหันไปมองอ่างน้ำและผ้าขนหนูที่พาดไว้บนปากอ่าง มือใหญ่เอื้อมไปหยิบมาดูเหมือนกับว่าคนที่พาเขากลับมาจะทิ้งอะไรไว้ แต่เขาจำมันไม่ได้ ยิ่งคิดยิ่งปวดหัวสุดท้ายก็เลิกคิดถึงเรื่องนั้นแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปด้วยความเร่งรีบ
“คุณซีวอนครับ” เสียงเรียกจากพนักงานประจำคอนโด ทำให้ชายหนุ่มที่กำลังเร่งรีบหันมองด้วยความรวดเร็ว “กุญแจรถคุณครับ” ชายหนุ่มรับกุญแจรถมาจากพนักงาน
“เอ่อ....พอจะทราบไหมว่าใครเป็นคนฝากคุณไว้” ซีวอนเอ่ยถาม เพื่อพนักงานจะจำได้ว่าเมื่อคืนใครเป็นคนพาเขากลับมา
“ต้องขอโทษด้วยครับ เจ้าหน้าที่ ที่เข้าเวรเมื่อคืนไม่ได้บอกไว้ครับ”
“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มโค้งให้พนักงานหนุ่มเล็กน้อยแล้วเดินออกไป พร้อมกับความสงสัย ที่ยังคิดค้างอยู่ในใจ
“ขอบคุณมากนะครับ” เสียงหวานเอ่ยบอกพนักงานหนุ่ม เมื่อเห็นคนคุ้นตาเดินออกไปแล้ว ร่างบอบบางเดินออกมาจากหลังเสาต้นใหญ่
“ไม่เป็นไรครับ” พนักงานหนุ่มยกยิ้มด้วยความสุภาพ หากแต่ประโยคต่อท้ายทำให้อีกฝ่ายทำได้เพียงแค่ยกยิ้มน้อยๆ
“อย่างอนกันบ่อยนะครับ ผมไม่อยากตกงาน ดีกันไวๆ นะครับ”
“เมื่อคืนไปไหนมา! รู้ไหมว่าฉันเป็นห่วง แล้วมือถือจะปิดทำไม!!” เสียงหวานแหว๋ดังลั่นบ้าน เมื่ออยู่ดีๆ คนนี้ๆ ก็หายไปตลอดทั้งคืน
“แบ็ตหมดน่ะ ขอโทษนะ” ร่างบางพูดพลางยกยิ้มแหย๋ๆ
“แล้วนี่ทำไมหน้าซีดขนาดนี้ ก็รู้ว่าอากาศข้างนอกมันหนาว ทำไมไม่รู้จักดูแลตัวเองนะพี่อีทึก” ร่างสูงโปร่งเดินไปจูงมือเล็กของพี่ชายให้เดินตามเข้ามาในห้อง “แล้วเมื่อคืนไปนอนที่ไหนมาบอกมาเดี๋ยวนี้นะ” คนเป็นน้องมองใบหน้าหวานของอีกฝ่ายอย่างจับผิด “ไปหาเค้ามาอีกแล้วล่ะสิ” คำถามที่ทำให้อีกฝ่ายเงียบงัน มือเรียวจับมือเล็กของคนเป็นพี่ไว้หลวมๆ “เอาเถอะๆ กินข้าวกินยาแล้วพักผ่อนดีกว่าเนอะ” เมื่อเห็นใบหน้าหวานเศร้าสร้อยของอีกฝ่ายคนเป็นน้องต้องกลืนคำพูดมากมายของตัวเองลงคอ แล้วเดินเข้าครัวไป
“อย่าบอกนะเมื่อคืนไปเมามาอีก” เมื่อก้าวเท้าเข้ามาในห้องเลขาส่วนตัวที่มีฐานะเป็นเพื่อนสนิทเอ่ยถามเสียงเข้ม
“ก็นิดหน่อย”
“ไม่นิดหน่อยม๊าง!! หมดสภาพขนาดนี้”
“แค่จำอะไรไม่ได้” คำตอบที่ทำให้อีกฝ่ายถอนหายใจยาว พลางมองใบหน้าหล่อของเพื่อนด้วยความเห็นใจ
“เอาเถอะ ฉันเตรียมเอกสารไว้ให้แล้ว ยังไงก็อ่านสักหน่อยแล้วกันนะท่านประธาน” มือใหญ่เคาะโต๊ะเบาๆ เป็นการเรียกสติอีกฝ่าย
“ขอบใจนะคยู”
“ไม่เป็นไรยังไงก็หน้าที่ฉัน” เลขาหนุ่มเดินออกไปจากห้องเพื่อกลับห้องทำงานของตน มือใหญ่ปิดบานประตูใหญ่ลงพร้อมถอนหายใจยาว
“ไม่ไปไม่ได้เหรอ” เสียงหวานเอ่ยถามคนที่กำลังขับรถด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ
“ไม่ได้หรอก พี่อย่าดื้อนักสิ” คนที่กำลังขับรถหันมาดุเสียงเบา ก่อนจะถอนหายใจยาวๆ ออกมา เมื่อเห็นคนเป็นพี่ตีแก้มใสจนป่องจนน่าดีด
“มันเจ็บนะฮยอกแจ!” เสียงหวานใสเอ่ยท้วงน้องชายขี้แกล้ง มือบางยกขึ้นกุมแก้มใสของตัวเองที่มีรอยแดงจางๆ จากคนมือหนัก
“ไปหาหมอเสร็จแล้ว เราไปช็อปปิ้งกันนะ” สุดท้ายคนใจอ่อนก็ต้องยอมกับคนแสนงอน เพียงแค่นั้นคนที่กำลังทำแก้มป่องหันมายกยิ้มกว้าง เสียจนคนเป็นน้องอยากจะดึงพี่ชายมากอดสักทีสองที
**************************
เรื่องเก่ายังไม่จบ เอาเรื่องใหม่มาลงอีกแล้ว ฮ่าๆ
ติดเขาไว้ตั้งหลายเรื่อง ยังมีหน้ามาลงเรื่องใหม่ (ก็เค้าด้านหน้าอ่า)
อ่า..................เจนอยากจะลงเพลงนะ แต่ลงไม่เป็น กร๊ากกกกก เฮ้อ
อ่านเรื่องนี้ เจน แนะนำ ให้ฟังเพลง ห่วง ของ 3G เพลงเก่าแล้วนานมาก แต่ถ้าอ่านไปด้วยฟังไปด้วยเชื่อเถอะ...
5555+
ความคิดเห็น