คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : sweet love designer Hanteuk EP.02
sweet love designer หวานรักดีไซน์เนอร์หน้าหวาน EP.02
Story By : Wrieter ^NaNo^
Yaoi : Hanteuk Ft. Super Junior
Date : 03/02/55
แสงแดดของวันใหม่เริ่มสาดส่องลงมาตามช่องว่างระหว่างผ่านม่านสีทึม เปลือกตาบางค่อยๆ กระพริบและเปิดออก ม่านนัยน์ตาเริ่มปรับสภาพอย่างชัดเจน คนเพิ่งตื่นลุกขึ้นมาอย่างมึนงงนี่เขานอนอยู่ในห้องเหรอ เมื่อคืนนี้เขาจำได้ว่าเขาหลับในรถและยังไม่ตื่นแล้วเค้าขึ้นมานอนบนห้องได้ยังไงกัน
“ตื่นแล้วเหรอจองซู” เสียงหวานของเพื่อนร่วมงานที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์เครื่องใหญ่หันมาถามอารมณ์ดี คนเพิ่งลงมาจากห้องพยักหน้ารับนี่เขานอนหลับไปรู้เรื่องเลยเหรอเนี่ย
“แล้วคนอื่นล่ะ” คนตาสวยหันมาถาม แล้วมองไปรอบๆ บ้าน
“พี่แดนนี่กับหานเกิงไปห้องอัด วันนี้เราว่างทั้งวันยันตอนเย็นถึงจะมีงาน ไปเที่ยวกันไหมเดี๋ยวพอถึงช่วงโปรโมทเมื่อไหร่เราคงไม่ค่อยมีเวลา” คนสวยหันมาถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้มกว่าปกติ คนตาสวยได้แต่พยักหน้าไหนๆ ก็มาถึงจีนสักทีจะไม่ออกไปเปิดหูเปิดตาก็กะไรอยู่
“เอ่อ ฮีชอลเมื่อคืนฉันไปนอนที่ห้องได้ไงเหรอ” คนตาสวยหันไปถามด้วยหน้าตาใสซื่อ เรียกให้คนขับรถหันมายกยิ้มกว้าง
“มีเจ้าชายอุ้มไปนอน” คนได้ยินถึงกับเลิกคิ้วสูงเจ้าชายที่ไหนกัน
“นายเหรอ”
“เปล่าไม่ใช่ฉัน อย่างฉันไม่ใช่เจ้าชายนะแต่เป็นเจ้าหญิงต่างหาก” คนพูดยกยิ้มขำ ไม่ต่างกับคนฟังที่ยกยิ้มแต่จะบอกว่าเห็นด้วยอย่างแรง
“ชเว ซีวอนนี่หล่อจังนะ เล่นละครก็เก่งร้องเพลงก็เพราะ” ดวงตาคู่กลมโตหันไปมองทีวีจอยักษ์ใจกลางเมืองปักกิ่ง ตอนนี้กำลังฉายหนังตัวอย่างของพระเอกหนุ่มสุดหล่อของเกาหลี ตาคู่สวยมองใบหน้าสวยของเพื่อนที่ทำท่าเพ้อฝันเหมือนเด็กสาวๆ ทั่วไป ที่กำลังตกหลุมรักพระเอกหนุ่มรูปหล่อคนนี้
“ก็งั้นๆ แหละ” น้ำเสียงแข็งห้วน ใบหน้าหวานบึ้งตึง แต่ตาคู่กลมสวยกลับสั่นไหว ทำให้คู่สนทนาหันมามอง
“เหมือนนายไม่ค่อยชอบเลยนะ” จองซูหันไปมองแล้วเลิกคิ้วสูง
“ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะชอบ และมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะไม่ชอบ” คนสวยมองตาโตกับคำตอบที่ได้รับ หากความคิดบางอย่างแล่นกระตุกที่ใจ ยามที่มองดวงตาคู่นั้นที่ทอดมองไปยังจอทีวียักษ์มันไม่ใช่สายตาอันแน่วแน่หรือความชื่นชม แต่กลับเป็นแววตาที่เต็มไปด้วยความเศร้า
“แล้วก่อนที่จะมาที่นี่ นายทำงานให้กับที่ไหน ฉันถามพี่แดนนี่แต่พี่เขาก็ไม่ได้บอกอะไร” บทสนทนายังคงดำเนินต่อไป แม้ว่าความน่าสนใจบนทีวีจอยักษ์จบลงไปแล้วก็ตาม
“ก็รับงานทั่วๆ ไป ไม่ได้เซ็นต์สัญญาหรือว่าลงหลักปักฐานที่ไหน” คนตาสวยตอบเสียงเรียบ แล้วหันไปสนใจร้านรวงตามข้างทาง
“ฉันว่าฝีมือนายก็ดีนะ แต่ทำไมถึงไม่เปิดแบรนด์ของตัวเองล่ะ”
“แล้วทำไมนายไม่เปิดโรงเรียนสอนแต่งหน้าเป็นของตัวเองล่ะ” คำถามที่ทำเอาคนถามตอบไม่ถูกเลยทีเดียวก็เล่นย้อนกันแบบนี้ใครจะไปตอบได้ แต่ยังไงซะคิมฮีชอลก็ไม่ยอมแพ้หรอก
“ก็...ทำงานกับหานเกิงกับพี่แดนนี่ก็สบายดี รายได้ก็ดีทำไมฉันต้องไปดิ้นรนด้วยล่ะ งานหนักเป็นพักๆ ไม่ต้องทำงานก็ได้เงิน หรือนายคิดว่าไม่ดี” คนสวยหันมาแย้งพร้อมอธิบายให้ฟังถึงความสบาย
“แล้วเวลาไม่มีงานทางต้นสังกัดนายไม่ให้นายไปทำงานกับคนอื่นเหรอ”
“ไม่นะ ฉันผูกสิทธิ์ขาดกับพี่แดนนี่แล้วก็หานเกิง จนกว่าฮันจะหมดสัญญากับทางค่ายเพลงวันนั้นฉันถึงจะเคว้งคว้าง” คนสวยพูดเสียงระรื่น ไม่ได้รู้เลยว่าบทสนทนาที่ตัวเองเป็นคนควบคุมหลุดไปเป็นของคนตาสวยไปเรียบร้อยแล้ว
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ นายจะทำยังไงต่อไป” คนคุมเกมส์คนใหม่เริ่มคำถามเบี่ยงไปให้ไกลจากเรื่องเดิม
“ก็ไม่ทำยังไง กว่าจะถึงตอนนั้นฉันคงมีครอบครัวแล้วล่ะมั้ง อาจจะหาผู้หญิงดีๆ สักคนแต่งงานด้วยแล้วก็มีกิจการเล็กๆ เป็นของตัวเอง” คนสวยพูดท่าทางชวนฝัน
“ฉันนึกว่านายจะพูดว่า อาจจะหาสามีดีๆ สักคนซะอีก” คนตาสวยหันมาเย้า ทำเอาคนถูกเย้าแทบสะดุดขาตัวเองหัวทิ่ม “ฉันล้อเล่น” และแล้วในที่สุดคนตาสวยก็หันมายกยิ้มให้ “ฉันอยากได้เสื้อผ้าสักชุดสองชุด” แล้วก็เดินนำไป ทำเอาคนสวยยืนตัวแข็งนี่มันยังไงกันเมื่อกี้ยังคุยเรื่องนั้นแล้วไหง๋กลายมาเป็นเรื่องเขาเองล่ะ แล้วก็ต้องวิ่งตามเพื่อนใหม่ไปอย่างเสียไม่ได้
“เยี่ยมมาก พี่ว่าอัลบั้มชุดนี้ต้องไปได้สวยแน่นอน นายทำมันได้ดีจริงๆ” เสียงโปรดิวเซอร์ใหญ่ชมนักร้องหนุ่มคนดังที่เดินออกมาจากห้องอัด หลังจากการใช้ระยะเวลาตั้งแต่เช้าจรดเย็นในการอัดเสียงเตรียมอัลบั้มใหม่
“ถ้าผมไม่มีพี่ๆ คงจะไม่มีงานคุณภาพดีๆ หรอกครับ ขอบคุณมากครับ” นักร้องหนุ่มโค้งให้กับทีมงานทุกคน ดวงหน้าคมแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม ทำให้เหล่าทีมงานหายเหนื่อยกันเป็นปลิดทิ้ง พวกเขายังไม่รู้ว่าข่าวมากมายที่เกี่ยวกับนักร้องหนุ่มคนนี้ออกมาได้ยังไง ขี้วีน ใจร้อน เรื่องมาก น่าหัวเราะตั้งแต่ทำงานด้วยกันมานักร้องหนุ่มคนนี้ยังไม่เคยมีพฤติกรรมกับนิสัยแบบนั้นสักนิดต่อให้เหนื่อยขนาดไหน ก็ยังทนและยอมรับข้อบกพร่องหรือสิ่งที่ผิดพลาดของตัวเอง ส่วนหลายๆ เรื่องที่เกิดขึ้นถึงพวกเขาจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แต่ก็พอจะเข้าใจว่ามันคงจะเป็นเรื่องที่มันสุดๆ แล้วจริงๆ สำหรับหานเกิงถึงได้ทำท่าทางออกไปแบบนั้น
“นายผอมลงอีกแล้วเหรอ สองอาทิตย์มานี่นายผอมลงไปกี่กิโลแล้วเนี่ย” เสียงหวานใสของสไตล์ลิส หน้าหวานที่กำลังยืนวัดตัวให้กับนักร้องหนุ่ม โดยที่ไม่หันมองหน้าคมของอีกคน
“ไม่เกี่ยวกับนาย” น้ำเสียงทุ้มเรียบนิ่งสายตาคมยังจับจ้องกับร่างบางตรงหน้า ทุกครั้งที่มองใบหน้าหวานของร่างบางมันทำให้เค้ารู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ยังเต็มไปด้วยความรู้สึกหมันเขี้ยวอยากจะแกล้งเจ้าตัวอยู่ทุกวัน เพราะเวลาอยู่กับเขา ชอบทำหน้านิ่งใส่ ไม่ยิ้มไม่หัวเราะไม่เหมือนเวลาที่อยู่กับคนอื่นสักนิด
“เกี่ยวสิ ฉันต้องแก้ขนาดเสื้อผ้านายไม่รู้กี่ชุดแล้วนะ แล้วที่สำคัญมันไม่ดีต่อสุขภาพของนาย” น้ำเสียงหวานยังเรียบนิ่ง ไม่แม้จะเงยหน้าขึ้นมามองอีกคน
“เป็นห่วงฉันหรือไง” มือบางหยุดนิ่ง ตาคู่สวยตวัดขึ้นมามองคนถาม ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน ก่อนจะตอบคำถามที่เรียกเอาใบหน้าคมชาไปทั้งหน้า
“เปล่า! ฉันแค่เป็นห่วงคนทำเงินของฉันเท่านั้นเอง ถ้านายเป็นอะไรไป งานดีๆ เงินเยอะๆ แบบนี้คงหาได้ยาก” พูดจบเจ้าตัวก็เดินลิ่วตัวปลิวเข้าไปในห้อง ทิ้งให้นักร้องหนุ่มได้แต่ยืนเน้นเขี้ยวเน้นฟัน
“สักวันยัยลูกแมว ฉันจะปราบให้นายเชื่อฟังฉันอย่างแน่นอน” นักร้องหนุ่มพูดเสียงต่ำ แต่ใบหน้าคมกลับปรากฏรอยยิ้มบางๆ ในตอนแรกคิดว่าจะเป็นลูกแมวเชื่องๆ ซะอีก แต่กลับเป็นแมวดุ ไปซะได้ คนที่ไม่เคยสนใจอะไร ไม่เคยสนใจความสวยงามไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวหรือผู้ชาย แต่คนๆ นี้กลับทำให้เขา สนใจในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน
“เป็นอะไรเหรอจองซู” คนสวยหันมาถามเพื่อนตาสวยที่เดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางขัดใจ
“เปล่าไม่มีอะไรหรอก เออ ช่วยดูแล นักร้องของนายด้วยนะ ผอมลงไปตั้งเยอะแล้วนะ” น้ำเสียงหวานยังคงเรียบนิ่ง ตาคู่สวยหันไปมองเพื่อนหน้าสวยที่นั่งยิ้มระรื่นอยู่ข้างๆ
“ฮันน่ะ เป็นคนละเอียดอ่อน แต่ว่า เป็นคนปากไม่ตรงกับใจ บางครั้งก็ทำอะไรที่ตรงข้ามกับความคิดของตัวเอง พูดอย่างทำอย่าง ถ้าเจ้านั่นทำอะไรให้นายไม่พอใจก็อย่าไปถือสาเลยนะ แล้วใครว่าฮันเป็นนักร้องของฉันแค่คนเดียวล่ะ เจ้านั่นก็เป็นของนายด้วยนั่นแหละ เพราะเราสองคนมีหน้าที่ดูแลฮันด้วยกันทั้งนั้น” คนสวยพูดพลางกอดอก สายตากลมโตหันมองใบหน้าหวานของเพื่อนร่วมงาน ที่อยู่ด้วยกันมาเกือบเดือนแล้ว
“ท่าทางนายจะสนิทกับหานเกิง มากๆ เลยนะ” เขาคิดจะถามมาตั้งนานแล้วแต่ก็ไม่กล้าถามสักที เพราะดูจากหลายๆ อย่าง การพูดจายามที่อยู่กันตามลำพังหรือการดูแลเอาใจใส่กันและกันของทั้งสองคนทำให้เขากระตุกคิดว่าสองคนนี้อาจไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมงานกันธรรมดาๆ ถึงฮีชอลจะเป็นน้องของพี่แดนนี่ก็เหอะ
“อืม ฉันกับฮัน เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ และที่สำคัญฉันกับฮัน เราเป็นญาติกัน แต่เป็นญาติห่างๆ น่ะ พ่อของพี่แดนนี่เป็นคนจีนซึ่งเป็นพี่ชายของพ่อฮัน ส่วนพี่แดนนี่เป็นลูกของคุณป้าพี่สาวของแม่ฉันไง” คนตาสวยทำท่านั่งนึกลำดับญาติของคนสวย “แล้วนายมีพี่น้องไหม”
“ฉันมีพี่สาวคนหนึ่งน่ะ” คนตาสวยพูดพลางนึกถึงพี่สาวที่ทำงานอยู่ต่างประเทศ และพี่สาวอีกคนถึงแม้จะเป็นเพียงรุ่นพี่รุ่นน้อง แต่กลับดูแลเค้าเหมือนเป็นน้องชายแท้ๆ “เฮ้อ!! ไปกันเถอะ” คนตาสวยพูดพลางดึงมือเรียวของอีกฝ่ายให้ออกเดินไปตามร้านรวงต่างๆ
ครืด....................ครืด.....................ครืด เครื่องมือสื่อสารเครื่องหรูที่วางไว้บนโต๊ะในห้องแต่งตัวของนักร้องหนุ่มดังขึ้นทำให้คนที่นั่งฟุบหน้าลงกับโต๊ะเงยหน้าขึ้นมองเจ้าโทรศัพท์เจ้าปัญหาที่กำลังสั่นอย่างบ้าคลั่ง และเมื่อเห็นว่าเป็นของใคร เจ้าตัวก็ได้แต่ถอนหายใจยาว มือเรียวหยิบขึ้นมาดู เมื่อเห็นรายชื่อว่าใครโทรมา นิ้วเรียวก็จัดการกดตัดสายทันที หลังจากได้รับคำสั่งเด็ดขาดจากผู้จัดการหนุ่ม เมื่อหลายวันก่อน เพราะข่าวที่ถูกพาดหัวอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์
“ นักร้องหนุ่มคนดัง สวีทหวานกลางโรงหนัง ไม่แคร์สื่อกับนางเอกลูกครึ่งญี่ปุ่น”
แต่ไม่นานโทรศัพท์เจ้ากรรมก็เกิดอาการสั่นอีกครั้ง ตาคู่สวยฉายแววหงุดหงิด แล้วกดตัดสายไปอีกครั้ง และไม่ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ชื่อบนหน้าจอโทรศัพท์ก็ยังเป็นชื่อของนางเอกคนดัง “ฮารุ” ตาคู่สวยชะเง้อมองออกไปนอกห้องแต่ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีใครเดินเข้ามาในห้องเพราะการถ่ายทำรายการยังไม่จบ และเป็นรายการที่นักร้องหนุ่มเป็นแขกรับเชิญหลัก เพื่อพูดคุยถึงอัลบั้มใหม่ที่กำลังโปรโมทอยู่ในขณะนี้ ที่กำลังดังไปทั่วประเทศและขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่งในสถานีวิทยุตามคลื่นต่างๆ อย่างรวดเร็ว ว่าแล้วเจ้าตัวถือวิสาสะกดปิดเครื่องทันที ด้วยความรำคาญ เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็เกือบสว่าง เพราะต้องนั่งแก้ชุดของนักร้องหนุ่มเกือบทั้งคืน เมื่อหมดเรื่องน่าเบื่อแล้วจึงฟุบหน้าลงกับโต๊ะต่อทันที ที่หมดปัญหา
“จองซู.........จองซูๆ” เสียงหวานสูงเรียกให้คนขี้เซาตื่นนอนด้วยท่าทางงัวเงียสุดขีด ก็เห็นคนเรียกกำลังยืนยกยิ้มหวานให้
“ฮีชอลเหรอ.....ถ่ายเสร็จกันแล้วเหรอ” คนตาสวยหันมาถามพลางอ้าปากหาวหวอดๆ ท่ามกลางสายตาของบรรดาเหล่าทีมงานที่เดินเข้ามาเก็บของ
“อืมเสร็จแล้ว ไปกัน” คนตาสวยพยักหน้ารับ แล้วเดินตามคนสวยไป ปล่อยให้สายตาหลายคู่มองตามแผ่นหลังบางไป ด้วยความเอ็นดู
“น่าสงสาร เมื่อคืนก็ได้นอนเกือบเช้า” เสียงผู้จัดการหนุ่มพูดเสียงดัง ทำให้นักร้องหนุ่มที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนชุดหันมอง
“ทำอะไรอยู่ล่ะ” น้ำเสียงทุ้มพูดเรียบๆ
“เก็บของไง” ผู้จัดการหันมาตอบ พลางยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำเอานักร้องหนุ่มเริ่มหัวเสีย
“ไม่ได้ถามถึงพี่”
“แล้วนายถามถึงใครล่ะ”
“ไม่มีอะไร หิวด้วย! เก็บเร็วๆ สิ” นักร้องหนุ่มพูดเสียงแข็งเพราะไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับผู้จัดการของตัวเองมากนัก แล้วเดินออกจากห้องด้วยความหงุดหงิด จะกวนเขาไปถึงไหนกัน
“ปาร์ค จองซู! นายมีสิทธิ์อะไรมาตัดสายโทรศัพท์แล้วปิดเครื่องฉันฮะ!” เสียงทุ้มตวาดดังทำให้สไตล์ลิสคนเก่งที่กำลังนั่งเขียนแบบชุดใหม่หันไปมอง ไม่เว้นแดนนี่และฮีชอลที่นั่งคุยกันอยู่ใกล้ๆ
“เรื่องอะไรกันฮัน” คนสวยหันไปถามด้วยความข้องใจ แล้วหันไปมองเพื่อนตาสวยที่ยังคงนั่งนิ่ง
“เมื่อวานนี้ ฉันวางโทรศัพท์ไว้ในห้องแต่งตัว ฮารุ โทรมาเขาบอกฉันว่ามีคนกดตัดสายแล้วก็ปิดเครื่องไป” ฮันคยองหันมาอธิบายให้เมคอัพคนเก่งฟังด้วยความโมโห
“ไร้สาระน่า” แดนนี่พูดเสียงเรียบ มือหนายกหนังสือเล่มเดิมขึ้นมาอ่าน
“ไร้สาระตรงไหนกัน พี่แดนนี่ นี่มันเรื่องส่วนตัวของฉันนะ นายไม่มีสิทธิมายุ่งกับของใช้ของฉัน!” พูดจบหันไปตวาดใส่ลูกแมวน้อยที่หันมามองตาแป๋วไม่สะทกสะท้าน
“พี่แดนนี่บอกว่า ถ้าคนชื่อฮารุโทรหรือติดต่อมา ให้ฉันปฏิเสธไป” ลูกแมวน้อยตอบเสียงเรียบ ส่วนฮีชอลก็นั่งพยักหน้ารับหงึกๆ เพราะวันที่แดนนี่บอกเหล่าทีมงานก็นั่งอยู่ด้วยกัน สายตาคมหันขวับไปที่ผู้จัดการหนุ่มที่ยังนั่งอ่านหนังสือไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
“อยากได้อะไรหรือเปล่า หานเกิง” ผู้จัดการหนุ่มหันมาถามเสียงเรียบ เล่นเอานักร้องหนุ่มหน้าเหวอ ส่วนแดนนี่ยิ้มกริ่ม อย่างรู้ทันใช่ว่าเจ้าตัวอยากจะมาโวยวายใส่จองซูหรอกนะ แต่หาเรื่องให้เขาสนใจตัวเองมากกว่า ก็แค่พวกเด็กเรียกร้องความสนใจเท่านั้นเอง
“เปล่า!” นักร้องหนุ่มตอบเสียงแข็ง สายตาคมยังจับจ้องไปยังลูกแมวที่ทำท่าทางไม่สนใจเขา
“จะทำอะไรก็ไปทำสิ มายืนจ้องหน้าจองซูอยู่ได้” คนสวยหันไปแหว๋ใส่เจ้าตัวบ้าง ทำเอาเจ้าตัวไปไม่ถูกแล้วทิ้งตัวนั่งลงโซฟาตัวยาวอีกตัวที่อยู่ใกล้ๆ
“ฉันจะมองไม่ได้หรือไง!” นักร้องหนุ่มหันไปถามด้วยความข้องใจ ทำอย่างกะน้ำตาลจะร่วงออกจากหน้าแหนะถ้ามองมากๆ เข้า ก็ใครเขาใช้ให้เกิดมาหน้าหวานเกินชายกันเล่า
“ไม่ได้ เพราะจองซูเป็นของฉัน” พูดจบก็มือเรียวก็ดึงสไตล์ลิสร่างบางมากอดเต็มรัก คนถูกกอดอ้าปากค้างด้วยความตกใจ หันมองซ้ายทีขวาทีหาตัวช่วย
“เป็นของพี่ต่างหากล่ะ” ไม่วายผู้จัดการหนุ่ม ดึงร่างบางจากวงแขนของน้องชายตัวเองแล้วอุ้มแนบอกเหมือนกับคนตาสวยเป็นเด็กน้อย ร่างบางตัวลอยหวือ แขนเล็กรีบตวัดรอบคอแกร่งของแดนนี่ด้วยความตกใจ
ไม่แพ้ฮีชอลกับฮันเกิงที่นั่งมองตาค้าง “ไปทำงานกันดีกว่าจองซู จะไม่ไปหรือไงสองคนนั้นน่ะ” ผู้จัดการหนุ่มพูดเสียงเรียบพร้อมกับอุ้มร่างบางของจองซูเดินออกจากบ้าน ทำเอาอีกสองคนลุกเดินตามไปติดๆ
“อะไรนะ นางเอกไม่สบาย มาถ่ายไม่ได้!” เสียงผู้กำกับคนเก่งดังลั่นกองถ่ายทำโฆษณาครีมอาบน้ำยี่ห้อดัง ที่ได้นักร้องหนุ่มคนดังคิวทองมาเป็นนายแบบให้แต่ปัญหาต้องเกิดเมื่อนางเอกคนดังเกิดไม่สบายไม่สามารถมาถ่ายได้ และที่สำคัญนักร้องคนดังนั่นคือ ฮันเกิงที่กำลังดังมาถึงกองถ่ายแล้วนี่สิ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ” แดนนี่ที่เดินตรวจความเรียบร้อยหันมาถามผู้ช่วยผู้กำกับที่กำลังทำหน้าปั้นยาก จะบอกยกเลิกกองก็ไม่ได้เพราะกว่าจะได้คิวนักร้องหนุ่มมาก็ยากแสนยาก จะบอกว่าให้นั่งรอเพื่อหานางเอกคนใหม่ก็กลัวเจ้าตัวจะวีนแตกยกเลิกการถ่ายทำไปอีก ยังไงก็เรื่องนี้ก็มีแต่เสียกับเสีย
“เอ่อ.......คือว่า.....คือ....”ผู้ช่วยผู้กำกับถึงกับติดอ่างทันที
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ” ผู้จัดการหนุ่มยังคงถามเสียงเรียบ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้ยินแต่แค่อยากฟังคำชี้แจงมากกว่า เขาจะได้รู้ว่าควรจะทำอะไรกันต่อ
“เอ่อ คือ คุณแดนนี่ คือว่านางเอกโฆษณาไม่สบายกะทันหันไม่สามารถมาถ่ายทำได้แต่ตอนเรากำลังติดต่อนางเอกคนๆ อื่น ตอนนี้เราคงต้องถ่ายซีนเดี่ยวของคุณหานเกิงก่อนไปนะครับ” ผู้ช่วยผู้กำกับหนุ่มรวบรวมความกล้าบอกไป แต่ตอนนี้หน้าเจ้าตัวเหลือสองนิ้ว พร้อมกับเหงื่อเม็ดใหญ่ที่ไหลเต็มหน้า
“ก็ได้ครับเดี๋ยวผมบอกหานเกิงให้ แต่ยังไงก็อย่าให้นานนักนะครับ” ผู้จัดการหนุ่มถามเสียงเรียบพลางมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือของตัวเอง
“ครับขอบคุณครับ อีก 10 นาทีจะเริ่มถ่ายให้คุณหานเกิงเตรียมตัวด้วย” ผู้ช่วยผู้กำกับตอบเสียงเบา แล้วเดินกลับไปหาทีมงานคนอื่นๆ ด้วยอาการร้อนๆ หนาวๆ
“อะไรนะ แล้วพี่จะให้ผมรอเนี่ยนะ” เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งจากแดนนี่ นักร้องหนุ่มหันมาถามทันที เพราะเขาเป็นประเภทพวกไม่ชอบรอใครนานๆ
“เอาน่า วันนี้เราไม่มีงานที่ไหนอีกใจเย็นๆ เถอะน่า ก็ถ่ายซีนเดี่ยวฆ่าเวลาไปพลางๆ” มือหนาตบลงไหล่กว้าง ริมฝีปากหนายกยิ้มเป็นเชิงให้อีกฝ่ายใจเย็น หานเกิงถอนหายใจยาวแล้วหันกลับไปที่แผ่นกระดาษที่มีตัวโน้ตและตัวหนังสือเต็มหน้ากระดาษไปหมด
“น่าแปลก ไม่โวยวายแฮะ” เสียงหวานใสของคนใกล้ตัวเรียกให้คนสวยที่กำลังนั่งอ่านนิตยสารเงยหน้าขึ้นมามอง แล้วหันไปมองนักร้องในปกครองของตัวเองที่นั่งเขียนเพลงฆ่าเวลาไปพลางๆ
“แล้วนายจะรู้ว่า ว่าคนอย่างหานเกิงมีอะไรมากกว่าที่เห็น” คนสวยหันมายกยิ้มให้คนตาสวยที่นั่งหน้ายู่ แล้วก้มลงเขียนสเก็ตของตัวเองต่อ
“ไงจ้องตาไม่กระพริบเลย” เสียงแซวที่ทำให้คนที่กำลังนั่งดูเขาถ่ายโฆษณาเพลินๆ หันไปมองตาคู่สวยส่งค้อนให้วงโต
“เปล่าสักหน่อย” คนถูกแซวหันหน้ามองไปทางอื่น แต่แล้วก็กลับมาที่ฉากเช่นเดิม เพราะมันไม่มีอะไรให้มองน่ะสิ
“นายนี่นะ มองก็บอกว่ามองเถอะน่า ถ้าไม่มองนั่นแหละแปลก” คนแซวก็ยังคงแซวไม่เลิก
“นี่ฮีชอล ทั้งกองถ่ายก็มีอยู่แค่นี้ จะไม่ให้ฉันมองเขาถ่ายทำกัน นายจะให้ฉันมองอะไร”
“บอกว่ามองอยู่ก็จบเรื่องไปแล้ว” คนสวยพูดพลางยักไหล่ แล้วส่งยิ้มกวนไปให้อีกคน
“เฮ่อ....นายนี่นะ” คนตาสวยได้แต่ถอนหายใจยาวแล้วเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวของนักร้องหนุ่มทิ้งให้คนสวยนั่งอยู่คนเดียว
ดวงหน้าหวานส่องกระจกซ้ายขวา พลางถอดเสื้อแขนยาวออก เผยให้เห็นผิวขาวเนียนเพราะเสื้อตัวในเป็นเพียงเสื้อกล้ามสีแดงขนาดพอดีตัวขลับให้ผิวขาวดูกระจ่างใสเป็นประกายเมื่อต้องแสงนีออน ริมฝีปากบางเบ้
ออกพลางมองเสื้อแจ็คเก็ตสีดำตัวเก่งที่ตัวเองทำน้ำหวานหกใส่ มือบางหยิบเสื้อตัวเก่งเดินไปเข้าห้องน้ำ
“น้องคะ นั่นห้องน้ำผู้ชาย” เสียงเรียกทักทำให้คนกำลังเดินเข้าห้องน้ำหันมามอง
“ครับ มีอะไรฮะ” คนถูกทันหันมาหน้าเหวอ เขาเข้าถูกแล้วนี่ก็ห้องน้ำชายนี่นะ
“เอ่อ น้องเป็นผู้ชายเหรอคะ” คำถามที่ทำให้คนหน้าหวานหน้าขึ้นสี มองยังไงเนี่ยว่าเขาเป็นผู้หญิง ไม่ต่างกับคนถามที่เริ่มเขินตัวเองขึ้นมาตะหงิดๆ
“ครับ ผมเป็นผู้ชาย ขอตัวนะครับ” คนหน้าหวานพูดจบก็เดินลิ่วเข้าห้องน้ำ ไม่ต่างกับหญิงสาวคนที่ทักตัวเองที่เริ่มทำหน้าไม่ถูก ถึงแม้เสียงจะเป็นผู้ชายแต่กลับนุ่มหวานใส แถมสรีระบอบบางนั่นทำให้เธอคิดผิด หญิงสาวเดินไปด้วยอาการงงๆ สายตาเธอคงจะฟ่าฟางซะแล้วมั้ง
“ได้หรือยังนางเอกน่ะ” เสียงเล็กหวานของผู้จัดการของบริษัทครีมอาบน้ำชื่อดังเดินเข้ามาถามทีมงาน ที่กำลังถ่ายทำโฆษณา หลังจากที่สั่งพักกองไปเมื่อครู่
“ยังเลยครับ นี่เหลืออีกแค่สองฉากก็จะเสร็จแล้ว ยังไม่ได้รับการติดต่อจากใครเลยครับ เหลือเพียงคิวงานของ....” ผู้ช่วยผู้กำกับตอบเสียงเบา พลางมองในใบงานตาราง
“ของใคร” หญิงสาวถามเสียงเรียบ เธอจะไม่ยอมให้การถ่ายโฆษณาชุดนี้ต้องล้มไปเป็นเด็ดขาดกว่าจะได้คิวของนักร้องหนุ่มมาก็ยากแทบขาดใจ
“ของคุณฮารุ ครับแต่ว่า ทางนั้นไม่อยากให้เป็นคุณฮารุ” หญิงสาวพยักหน้ารับ เธอพอจะเข้าใจกับเหตุผลที่ทางต้นสังกัดของชายหนุ่มที่บอกไว้ ว่าจะเป็นนางแบบหรือนางเอกคนไหนก็ได้แต่ต้องไม่ใช่ ฮารุ นางเอกชื่อดัง สายตาปราดเปรียวมองไปรอบๆ กองถ่าย พลางใช้ความคิดแต่แล้วสายตาพลันไปเจอใครบางคน “เด็กคนนั้นเป็นใครน่ะ” หญิงสาวพยักพเยิดหน้าไปทางใครคนหนึ่งที่กำลังเดินออกมาจากห้องด้านใน
“เอ่อ...คนนั้นผมไม่แน่ใจ แต่รู้สึกว่าจะมากับทีมงานของคุณแดนนี่” ผู้ช่วยผู้กำกับหันไปมองพลางใช้ความคิด และเขามั่นใจว่าจะต้องเป็นทีมงานของนักร้องหนุ่มแน่ เพราะในกองของเขาไม่เคยเห็นมีใครรูปร่างหน้าตาแบบนี้เลยสักคน
“ไม่เป็นไรฉันจัดการเอง” ผู้ช่วยผู้กำกับพยักหน้ารับ แล้วเดินไปทำงานต่อ ปล่อยให้หญิงสาวเดินออกไปอีกทาง แต่เป็นทางเดียวกันกับคนๆ นั้นเดินไป
“สวัสดีค่ะคุณแดนนี่ ต้องขออภัยในความไม่สะดวกนะคะ ที่นางเอกไม่สบายกะทันหัน” หญิงสาวเดินมาทักทายผู้จัดการหนุ่ม ที่กำลังนั่งอ่านนิตยสาร
“สวัสดีครับคุณเผยจิ้ง ไม่เป็นไรครับแต่ไม่ทราบว่าทางคุณได้นางเอกคนใหม่หรือยังครับ” ผู้จัดการหนุ่มทักทายกลับ พลางถามถึงนางเอกโฆษณาคนใหม่ ถ้าผู้จัดการใหญ่ลงมาเองแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แน่นอน
“ค่ะ ฉันว่าฉันเจอแล้วล่ะค่ะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับคุณแดนนี่เช่นกันนะคะ ว่างานจะจบลงด้วยดีหรือเปล่า” หญิงสาวพูดพลางยกยิ้มกว้าง ทำเอาชายหนุ่มยกคิ้วขึ้นสูงเป็นเครื่องหมายคำถาม เริ่มเห็นแววหายนะมารำไร
“คุณเผยจิ้ง หมายความว่ายังไงครับ” ชายหนุ่มถามเสียงเรียบ ตีหน้าขรึมทันที เพราะไม่รู้ว่าหญิงสาวตรงหน้าจะมาไม้ไหน
“ฉันพูดตรงๆ เลยแล้วกันนะคะ............................”
“คุณแน่ใจน่ะ” ชายหนุ่มถามเสียงเรียบ พลางหันไปมองหนุ่มน้อยร่างบางสลับกับนักร้องหนุ่มที่อยู่ในความดูแลของตน พร้อมกับอาการถอนหายใจยาว
“ไม่แน่ใจฉันไม่พูดออกมาหรอกค่ะ คุณก็รู้เรื่องของธุรกิจอะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น” หญิงสาวตอบเสียงหวานมองตามสายตาคมของชายหนุ่มไปหยุดอยู่ที่หนุ่มน้อยร่างบางที่ตกเป็นหัวข้อสนทนา
“ก็ได้ แต่ผมว่าคุณหานางเอกโฆษณาคนใหม่เถอะ ก่อนที่หานเกิงจะถล่มกองของถ่ายคุณ” ผู้จัดการหนุ่มพูดพลางส่ายหน้าช้าๆ แล้วเดินตรงไปยังสไตล์ลิสต์ในปกครองของตน
“อาทิตย์หน้าทั้งอาทิตย์เราจะหยุดพักร้อนกัน” เสียงของผู้จัดการศิลปินคนดังพูดขึ้นกลางโต๊ะอาหารรอบดึก หลังจากถ่ายรายการเพลงจบจนกลับมาถึงบ้าน คนตาสวยหันไปมองคนอื่นๆ ที่แสดงออกถึงความดีใจยิ่งฮีชอลด้วยแล้ว เจ้าตัวลั๊นลามากมาย ยิ้มจนปวดกามไปหมดแล้วมั้ง
“คราวนี้ไปเที่ยวที่ไหนดีล่ะ” คนสวยหันไปถามทุกๆ คนด้วยความตื่นเต้น เพราะนานๆ จะหยุดพักนานๆ สักที
“พี่ยังพูดไม่จบ ที่ว่าพักน่ะแค่พักที่จีน แต่เราต้องไปเกาหลี เพื่อร่วมงานกับทาง SM ต่างหากล่ะ”
พรวด! “แค่กๆ” น้ำหวานสีสวยที่พุ่งออกมาจากโพรงปากเล็ก ที่กำลังจะกลืนลงคอกลับต้องสำลักออกมาเต็มสตรีม ทำให้ทั้งโต๊ะหันมามอง
“จองซู เป็นอะไรหรือเปล่า” ฮีชอลหันมาถามเพื่อนด้วยความตกใจ
“เปล่าไม่เป็นไรอะไร ขอโทษครับ ขอตัวก่อนนะครับ” ว่าแล้วก็ลุกพรวดออกจากโต๊ะอาหารทันที
“คนประหลาด” เสียงทุ้มของศิลปินหนุ่มเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นทีท่าลุกลนของสไตล์ลิสร่างบางที่เดินขึ้นห้องไปแล้ว เว้นแต่สายตาคมของผู้จัดการหนุ่มที่มองด้วยความเป็นห่วง
“มาคุยเรื่องงานกันต่อดีกว่า” แดนนี่ดึงความสนใจกลับมาที่เนื้อหาของงานอีกครั้ง
“ขอบคุณมากครับ” เสียงทุ้มต่ำของนักแสดงหนุ่มสุดหล่อที่ดังพร้อมกับแสงไฟที่ค่อยๆ ดับลงทีละดวง หลังจากที่เสียงของผู้กำกับบอกเลิกกอง เมื่อการถ่ายฉากสุดท้ายของวันจบลงตอนเที่ยงคืน
“ซีวอน” เสียงเรียกที่ทำให้พระเอกหนุ่มหันมามอง ขายาวก้าวเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
“ได้เรื่องหรือยัง” พระเอกหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“ใจเย็นไปคุยกันที่รถดีกว่า” แล้วทั้งสองคนกันพากันเดินไปที่รถส่วนตัวของนักแสดงหนุ่ม
“แล้วว่าไง” นักแสดงหนุ่มหันมาถามทันที จนอีกคนได้แต่ถอนหายใจยาว
“ฟังนะ ตอนนี้จองซู ไม่ได้อยู่ในเกาหลีแล้ว” ดวงหน้าหล่อดั่งรูปสลักหันมามองคนที่นำข่าวมาเล่าให้ฟังทันที
“อะไรนะ! ไปตั้งแต่เมื่อไหร่..ไปไหน!” เสียงทุ้มเอ่ยถามดังลั่นด้วยความตกใจ ทำเอาอีกคนต้องยกมือขึ้นปิดหู
“เฮ้ยใจเย็นๆ เดะ ไม่รู้เหมือนกันแต่นี่พอเป็นหลักฐานได้ อะดูซะ!” คนที่เอาข่าวมาบอก พูดพลางยื่นหนังสือพิมพ์ที่มีตัวอักษรภาษาจีนเรียงราย ในหน้ากระดาษนั้นมีรูปภาพ ภาพหนึ่งที่ทำให้พระเอกหนุ่มถึงกับเบิกตากว้าง
“นะ....นี่มัน” ซีวอนหันไปมองคนข้างตัวด้วยความรู้สึกงงๆ มันเกิดอะไรขึ้น!
“ภาพโฆษณาตัวใหม่ของนักร้องที่ชื่อหานเกิง ฉันไม่รู้ว่าเพราะอะไรจองซูถึงไปโผล่ที่นั่นได้”
“แต่ที่รู้ๆ คือ....สายตาของนักร้องนั่นที่มองนางเอกโฆษณามัน
..” คนส่งข่าวพูดพลางจิ้มไปที่รูปตรงหน้า แววตาที่สื่อความหมายเสียจนคนมองต้องละลายตามสายตาคมที่ทอดมอง
ความคิดเห็น