คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Worried ห่วง [wonteuk] EP 05 The End
Worried ห่วง [wonteuk] EP 05 The End
ในรอบเกือบสองสัปดาห์วันนี้เป็นวันแรกที่เขากลับมาที่คอนโด สถานที่แห่งความทรงจำมากมาย ภาพคนตัวบางในอิริยาบถต่างๆ ซ้อนทับเข้ามา วันเวลาเก่าๆ ถูกถ่ายทอดออกมาจากความทรงจำที่เก็บไว้ลึกสุดหัวใจ หันไปมองในครัวที่คนตัวเล็กมักจะชอบเข้าไปทำอาหารอร่อยๆ ให้เขาทานเสมอ ระเบียงห้องที่เจ้าตัวมักจะไปยืนดูดาวบ่อยครั้ง โซฟาตัวใหญ่สีขาวที่เขาไม่เคลื่อนย้ายมันไปไหน ภาพร่างบางที่นอนคว่ำอ่านหนังสือเล่มโปรดอย่างมีความสุข ไม่ใช่ว่าเขาทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างของคนๆ นี้ไป เขาเพียงแค่เก็บทุกสิ่งทุกอย่างลงสู่ความทรงจำเบื้องลึกเท่านั้น มือใหญ่เอื้อมหยิบกล่องหวายขนาดใหญ่ที่เก็บอยู่ในสุดของตู้เสื้อผ้า ที่แม้แต่ฮีชอลเองก็ไม่เคยได้เห็นมัน เจ้าของค่อยๆ เปิดมันออกหากแต่ตอนนี้มือของเขากำลังสั่นเสียจนแทบจะควบคุมไม่อยู่ ภาพถ่ายหลายร้อยใบที่จัดเก็บไว้อย่างดี ภาพของร่างบางในทุกท่าทาง ทุกกริยาบท ความทรงจำแรกที่เขาได้พบกับร่างบางนั้นยังคงอยู่ในความทรงจำ
“เฮ้ย นั่นนางฟ้าคณะนิเทศ” เสียงเพื่อนในกลุ่มพูดขึ้นเมื่อเห็น ร่างของใครคนหนึ่งเดินผ่านหน้าไป เพียงแค่เห็นเสี้ยวใบหน้าหวาน เท่านั้นกลับทำให้หัวใจเต้นแรง
“นั่นใคร?” ด้วยความสนใจที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้ต้องหันไปถามเพื่อน
“ก็พี่อีทึก นางฟ้าประจำคณะนิเทศ ไง พี่เค้าอยู่ปีสาม โคตรน่ารักเลยว่ะ อยากได้เป็นแฟนชิบเป๋ง แต่เจ้าของโคตรดุเลยว่ะ” คำพูดที่ทำให้ชายหนุ่มฉุดคิด สวยขนาดนั้นไม่มีแฟนได้ยังไง รอดปากเหยี่ยวปากกามาได้ยังไงกันนะ หากแต่ยังไม่หมดความสงสัย
“เค้ามีแฟนแล้วเหรอวะ”
“ไม่รู้ว่ะ แต่เขาลือกันว่าใช่ ไงไอ้วอนสนใจเหรอวะ”
“ก็...เฮ้ย ไปดีกว่า กรูกลับบ้านก่อน” สุดท้ายชายหนุ่มก็หลุดออกจากความคิดแล้วลุกขึ้นเดินหนีกลุ่มเพื่อนออกมา
“ตรงนี้แล้วกัน” เสียงหวานพูดขึ้น พลางตั้งขากล้องไว้ให้มั่น มือเล็กหยิบเจ้ากล้องถ่ายรูปราคาแสนแพงแต่มันก็คุ้มกับคุณภาพ เสียงชัตเตอร์ค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ ตามแต่คนถ่ายจะสนใจ เลนส์กล้องปรับเข้าออกอย่างมันมือเช่นเดียวกับคนถ่ายที่กำลังเพลิดเพลินกับธรรมชาติ
แชะ! แชะ! เสียงกดชัตเตอร์เกิดขึ้นสองครั้งติด โดยที่เจ้าของกล้องต้องชะงักเมื่อแสงแฟลชตีกลับมา เสียจนต้องหลับตา เปลือกตาบางค่อยๆ เปิดขึ้นก็พบเจ้าของแสงแฟลซที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามไม่ไกลนัก
“ขอโทษครับ ผมถ่ายรูปเพลินไปหน่อย ไม่ทันเห็นคุณ” ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อคมสัน เดินเข้ามาใกล้ร่างบางที่ยังคงยืนนิ่งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“เอะ เอ่อ ไม่เป็นไรครับ” ร่างบางพูดเสียงตะกุกตะกัก นัยน์ตาคู่สวยมองร่างสูงตรงหน้าดังภาพวาด โครงหน้าได้รูป คิ้วเข้มหนา ตาคู่คมโตสีดำขลับ จมูกโด่งจนขึ้นสันรับกับริมฝีปากหยักได้รูป ร่างกายกำยำสูงใหญ่สมส่วน และตอนนี้หัวใจของเขาเต้นระรัวเหมือนรัวกลองอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“มาถ่ายรูปเหรอครับ” ชายหนุ่มตัวโตถามพลางพยักเพยิดไปยังกล้องตัวใหญ่ในมือเล็กของร่างบาง ที่ดูแล้วไม่ค่อยเข้ากันสักเท่าไหร่ แต่มันกลับน่าสนใจดีทีเดียว
“ครับ ผมว่าที่นี่สวยดี แล้วก็ไม่ไกลจากโซลมากนัก” ในเมืองที่มีการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจและสังคมที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว จะมีพื้นที่สักกี่แห่งกันที่มีต้นไม้ขึ้นรกครึ้ม ดูสงบและร่มเย็น ถ้าไม่ใช่สวนสาธารณะแห่งนี้ ถึงจะไกลออกนอกเมืองมานิดหน่อยก็เจอสถานที่สวยๆ แห่งนี้ที่เหมาะแก่การถ่ายภาพ
“ผมเห็นด้วย ผมไม่กวนคุณดีกว่า” ชายหนุ่มตัวโตพูดพลางยกยิ้มให้กับคนตัวเล็ก ทั้งๆ ที่อยากจะทำความรู้จักมากกว่านี้ แต่ใจกลับไม่กล้าเท่ากับความคิด
“ครับ” ร่างบางพยักหน้ารับ แล้วเดินเลี่ยงกลับไปเก็บสัมภาระของตน วันนี้เขาไม่มีกระจิตกระใจจะถ่ายรูปซะแล้วสิ
รถยนต์สีขาวคันเล็ก ค่อยๆ วิ่งออกไป ตามท้องถนน ปล่อยให้ใครอีกคนที่เพิ่งเจอกันมองตาม ก่อนจะเคลื่อนรถตามไปในระยะทางที่ไม่ใกล้แต่ก็ไม่ห่างจนเกินไปนัก อันที่จริงเขาไม่ได้มาถ่ายรูปหรอกนะ แค่ให้คนไปสืบมาจนรู้ว่าร่างบางชอบมาถ่ายรูปที่นี่เป็นประจำ
“อ้าวคุณ!” ร่างบางร้องทักเมื่อเห็นร่างคุ้นตาที่บังเอิญเจอกันในงานนิทรรศการของคณะนิเทศ
“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มทักทายด้วยความสุภาพ แต่ตอนนี้ใจกลับเต็มตื้นที่คนตัวบางจำเขาได้
“ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณที่นี่” ร่างบางเอ่ยทักทายส่งยิ้มไปให้อีกฝ่ายด้วยความสดใส เสียจนคนมองต้องเสมองไปทางอื่น พร้อมความร้อนในร่างกายที่พุ่งสูงขึ้นแทบระเบิด
“ครับ คุณเป็นเจ้าของภาพนี้เหรอครับ” ชายหนุ่มถามพลางชี้ไปที่ภาพท้องฟ้ายามค่ำคืน ที่มีดวงดาวนับล้านประดับประดาอย่างสวยงาม ภาพที่ดูเหมือนจะถ่ายได้ง่ายๆ มันจะไม่ง่ายเลย ถ้ามันไม่มีดาวตกอยู่ในภาพนั้น
“บังเอิญถ่ายได้นะครับ เห็นมันสวยดีเลยเอามาโชว์” ร่างบางพูดพลางยกยิ้มกว้าง อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งเจ้าตัวจะรู้บ้างไหมว่าตอนนี้กำลังจะทำให้ใครคนหนึ่งกำลังจะละลายกลายเป็นอากาศกับรอยยิ้มหวานนั่น
RRR
.RRR “ขอตัวก่อนนะครับ เชิญตามสบายครับ” ร่างบางหันมาบอก พลางเดินออกไปรับโทรศัพท์ พอพ้นหลังร่างบางไปร่างสูงใหญ่ของคนตัวโตแทบเข่าอ่อน มือขวายกขึ้นจับที่อกข้างซ้าย เมื่อตอนนี้หัวใจของเขาเต้นนรุนแรงจนแทบออกมานอกเนื้อ
“อีทึก ได้ข่าวว่ามีรุ่นน้องคณะบริหารมาจีบเหรอ” เสียงทุ้มใหญ่ของเพื่อนร่วมกลุ่มเอ่ยถามคนตาสวยที่กำลังจะตักข้าวเข้าปาก มือเล็กชะงักค้างก่อนจะค่อยๆ วางช้อนลง ตั้งแต่วันที่ได้เจอกันอีกครั้งที่ห้องนิทรรศการ เกือบทุกวันจะมีรุ่นน้องสุดหล่อคอยมาเทียวรับเทียวส่งอยู่เป็นประจำ แต่กระนั้นก็เพราะอีกฝ่ายสนใจการถ่ายรูป จึงมาขอคำแนะนำจากเขา และเขามักจะไปถ่ายรูปกับเจ้าตัวบ่อยๆ ตามสถานที่สวยๆ ที่ฝ่ายนั้นเป็นคนเลือกบ้างหรือเขาเป็นคนเลือกบ้าง แต่ก็ไม่เคยคุยกันในเรื่องที่จะสานสัมพันธ์เป็นอย่างอื่นสักครั้ง มีแค่เพียงหัวใจที่มันเต้นเร็วจนแทบจะควบคุมไม่ได้เท่านั้นเอง เวลาได้อยู่ใกล้ๆ กับรุ่นน้องสุดหล่อเดือนประจำคณะบริหารก็เท่านั้นเอง
“เปล่าสักหน่อย” คนตาสวยเอ่ยปฏิเสธพลางส่ายหน้าไปมา
“ระวังใครบางคนจะหึงเอานะ” คำพูดที่ทำให้คิ้วเรียวขมวดมุ่นเข้าหากันกับคำกล่าวของเพื่อน
“ไร้สาระ! ชินดงนายเงียบแล้วกินข้าวไปเหอะ” ร่างบางพูดเสียงเข้มพลางตักข้าวเข้าปาก
“วันนี้คังอินกลับมาจากปูซานแล้วนี่” คำพูดที่ทำให้คนตาสวยหยุดชะงักอีกครั้ง แล้วหันกลับมามองหน้าอิ่มๆ ของเพื่อนตัวใหญ่
“มันกลับมาเอาคำตอบแน่!” เสียงทุ้มแหบของเพื่อนสนิทอีกคน ดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มกวนใจให้คนตาสวย
“คำตอบอะไร! ฉันไม่เคยคิดอะไรเลยนะ” อีทึกตอบเสียงเบา หากแต่มันยังเบาไม่พอกับคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“ฉันรู้” เสียงทุ้มต่ำ เอ่ยตอบเสียงเบา หากนั่นทำให้คนตาสวยหันหลังกลับไปมองด้วยความรวดเร็ว
“คังอิน!”
“เอ่อ ฉันต้องไปส่งหนังสือให้อาจารย์ขอตัวก่อนนะ” ร่างสูงใหญ่พูดพลางยกยิ้มเจื่อนๆ ให้กับกลุ่มเพื่อนแล้วเดินหนีออกไปทิ้งให้คนที่เหลือนั่งกันตาค้าง
“ทำไมไม่บอก ว่าคังอินกลับมาแล้ว” คนตาสวยหันไปเอาเรื่องกับเพื่อนทั้งสองคน
“ก็บอกแล้วว่าวันนี้” เยซองเถียงขึ้นมาทันที
“แต่ไม่ใช่ตอนนี้! โธ่!....” อีทึกหันไปแหว๋ใส่ อย่างเซงๆ แล้วรีบเก็บกระเป๋าออกเดินตามเพื่อนตัวโตไป ด้วยความหนักใจ
“คังอิน!....คังอิน” เสียงหวานตะโกนเรียกไล่หลังของเพื่อนตัวใหญ่ที่เดินคอตกไปยังตึกคณะบดี
“อย่าวิ่งสิ!” ถึงแม้สุดท้ายจะโดนปฏิเสธ แต่ความห่วงใยกลับมีให้กับอีกฝ่ายนั้นไม่เปลี่ยนแปลง ร่างสูงยิ่งนิ่งรอคนตัวบางที่กำลังกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาตลอดทาง
“เดินไวจัง!” เสียงหวานพูดขึ้น อย่างหอบๆ แม้ระยะจะไม่ไกลกันมากนัก แต่แค่นั้นก็ทำให้คนตัวบางต้องโกยอากาศเข้าปอดให้เต็มที่
“ไม่ต้องรีบก็ได้ ยังไงฉันก็รออยู่แล้ว” คนตัวโตพูดพลางเอาหนังสือพัดวีให้ร่างบางด้วยความเป็นห่วง
“ขอบใจ” ร่างบางตอบพลางคลี่ยิ้มหวานอย่างที่เคยทำ ซึ่งอีกฝ่ายเพียงส่งยิ้มเจื่อนๆ กลับมาให้ “จะไปตึกคณะบดีใช่ไหม ไปด้วยกันนะ”
“ไม่ต้องหรอก มันไกล”
“ทำไมนายต้องทำเหมือนฉันเป็นพวกอ่อนแอด้วยนะคังอิน ฉันไม่เข้าใจ” ร่างบางถามด้วยความน้อยใจ ทำไมบรรดาเพื่อนๆ ต้องคอยใส่ใจเขามากกว่าคนอื่น จนบางครั้งคนอื่นมองเขาเป็นตัวปัญหา ซึ่งเขาไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย
“ก็เพราะพวกเราเป็นห่วงนาย ไม่ใช่แค่ฉัน แต่ทั้งเยซองและชินดง ก็เป็นห่วงนายเหมือนกันทั้งนั้น”
“นายก็ด้วยใช่ไหมคังอิน ที่นายขอคบกับฉันก็เพราะฉันเป็นแบบนั้นใช่ไหม” ร่างบางถามกลับด้วยความไม่เข้าใจ เมื่อสามวันก่อน อยู่ๆ คังอินก็มาสารภาพรักและขอคบเขา เขาไม่รู้หรอกว่าเพื่อนตัวโตนี่คิดจะทำอะไร แต่สำหรับเขาแล้ว เขาไม่เคยคิดเกินเลยกับคังอินนอกเหนือจากความเป็นเพื่อนเลย
“มันไม่ใช่แบบนั้นนะ อีทึก
..” คังอินตอบด้วยความตกใจ จริงที่เขาเป็นห่วงอีทึก เพราะโรคประจำตัวที่เป็นอยู่ทำให้พวกเขาต้องดูแลอีทึกพิเศษมากกว่าคนอื่น แต่ความรู้สึกอย่างอื่นที่ก่อตัวขึ้นมานอที่นอกเหนือกว่านั้น มันไม่ใช่จากความสงสาร แต่มันเป็นเพราะความรัก “ฉันแค่อยากดูแลนาย ในฐานะที่มากกว่าเพื่อน ฉันอยากดูแลนายในฐานะแฟนหรือคนรัก”
“ฉันขอโทษ” ร่างบางพูดเสียงเบาพลางก้มใบหน้าลง เพราะไม่อยากมองใบหน้าที่เจ็บปวดของอีกฝ่าย
“ไม่เป็นไร ไม่ว่ายังไงฉันก็จะดูแลนายในฐานะเพื่อน” ร่างสูงตอบเสียงเรียบ แล้วหันตัวกลับเดินออกไปทิ้งไว้ให้คนตัวบางมองตามแผ่นหลังกว้างไปเท่านั้น
“นี่ซีวอน คือว่า......” เสียงหวานพูดขึ้นตะกุกตะกัก ทำให้คนที่เฝ้ารอฟังแทบจะยืนไม่ติด เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร แต่เห็นพอเห็นแก้มขาวๆ นั่นแดงระเรื่อแบบนี้ ใบหน้าหวานที่ชอบหลบมองไปทางอื่นอย่างอายๆ แบบนี้ ถ้าเขาไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไป หรือว่ารุ่นพี่คนสวยจะ......สารภาพรักกับเขา
“มีอะไรเหรอครับ” ถึงจะตื่นเต้นขนาดไหน แต่ก็ต้องควบคุมสติอารมณ์ของตัวเองไว้ ถ้าหากร่างบางจะเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อนเขาก็ไม่ว่าอะไรหรอก ดีซะอีกเขาจะได้สานสัมพันธ์ให้ลึกซึ้งกว่านี้
“เอ่อคือ.....ซีวอนก็รู้ใช่ไหมว่าช่วงนี้พี่มีเรื่องต้องทำมากเลย”
“...........” ตอนนี้สมองของซีวอนกำลังขาวโพลน
“คืองี้นะ....พี่นะ..........พี่............”
“.................” และกำลังจะเป็นลมในไม่ช้า
“พี่อยาก.......อยากให้นาย.........มาเป็น..........”
“..............” ชเว ซีวอนกำลังจะตายแล้วครับ เพราะตอนหัวใจเต้นแรงเกิ๊นน.....
“อยากให้นายมาเป็นพระเอกละครเวทีให้พี่หน่อยได้ไหม” คำพูดที่ทำให้ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ร่างกายแข็งแรงแทบล้มทั้งยืนเลยทีเดียวกับคำขอของคนน่ารัก
เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าในช่วงเทอมสอง นักศึกษาปีที่ 3 และ 4 ของคณะนิเทศจะทำละครเวทีประจำมหาลัยเป็นประจำทุกปี ถือเป็นประเพณีสืบทอดมาหลายสิบปี และการเตรียมงานจะต้องเริ่มเตรียมตั้งแต่กลางเทอมแรกยาวไปถึงเทอมสอง ซึ่งนั่นจะทำให้เหล่านักศึกษานิเทศหัวหมุนกันเลยทีเดียว และตอนนี้พระเอกสุดหล่อ กำลังยืนอยู่บนเวที เพื่อซ้อมบทละคร ที่คนตัวบางขอร้องให้ช่วยมาเป็นพระเอก ไม่เชิงว่าขอร้องหรอกแต่มันตกปากรับคำไปโดยที่คิดอะไรไม่ทันด้วยซ้ำ
ตาคมเหลือบมองร่างบอบบางที่นั่งอยู่ข้างหน้าเวที ข้างกายมีรุ่นพี่ตัวใหญ่นั่งอยู่ข้างๆ คอยดูแลร่างบางของคนตาสวยไม่ห่าง ถึงเจ้าตัวจะเคยบอกว่าไม่มีแฟน แต่ทำไมเห็นแบบนั้นแล้วมันจี๊ดๆ อยู่ในใจตลอดเวลา
“พี่อีทึกครับ หลังละครจบ พี่รอผมที่หลังเวทีนะครับ ผมมีเรื่องจะบอกพี่” เสียงทุ้มเอ่ยบอกร่างบางที่ยืนทำหน้างงๆ เพราะถูกเขาดึงออกมาจากบอดี้การ์ดตัวโต ที่รู้ว่าชื่อพี่คังอิน เป็นเพื่อนสนิทของคนตาสวย
“อะ....เออ ได้สิ พยายามเข้านะ” ร่างบางพยักหน้ารับ พลางยกยิ้มให้กำลังใจรุ่นน้องตัวโต ที่ตนไปทาบทามมาเล่นละครเวที ที่ทางคณะจัดขึ้น และเจ้าตัวก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง เพราะละครเวทีปีนี้บัตรขายหมดภายในหนึ่งวัน ร่างบอบบางพูดจบแล้วเดินออกไปจากหลังเวที เพื่อเข้าสู่ตำแหน่งด้านบนของห้องประชุม
เสียงโห่ร้องดีใจของทีมงานละครและนักแสดงดังลั่นไปทั่วห้องประชุม ผลการตอบรับดีมากเกินกว่าที่คาดไว้ หากแต่ตอนนี้หัวใจของใครบางคนกำลังเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น ทั้งๆ ที่การออกไปแสดงให้คนเยอะๆ ดูนั้นว่ายากแล้ว แต่ตอนนี้ร่างสูงใหญ่ในชุดเจ้าชายกำลังตื่นเต้นกับอีกเรื่องหนึ่ง นัยน์ตาคมมองไปรอบๆ เพื่อหาคนที่ตนนัดไว้
“ยินดีด้วยนะ ซีวอนเล่นได้เก่งมากเลย” เสียงหวานเอ่ยบอก พร้อมช่อดอกลิลลี่สีชมพู ถูกส่งจากมือเล็กให้คนตัวโตตรงหน้า
“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มยกยิ้มกว้างเมื่อเห็นร่างบาง มือใหญ่รับช่อดอกไม้มาไว้ในมือ ตอนนี้หัวใจของเขาแทบจะหลุดออกนอกเนื้อแล้ว
“ซีวอนมีอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวเราจะไปฉลองกัน ไปด้วยกันนะ” ร่างบางเอียงคอเล็กน้อยเอ่ยถาม แต่นั่นทำให้คนมองนั่นอยากจะบ้าเพราะท่าทางน่ารักนั่น
“คือว่า......พี่อีทึก.......”
“อีทึก นายอยู่ไหนเค้าจะไปกันแล้วนะ!!!” เสียงทุ้มใหญ่ที่เดินตามหาร่างบางดังขึ้นทำให้ ซีวอนที่กำลังจะอ้าปากพูด กลับนิ่งค้าง
“อะ....เอ่อ ว่าไงล่ะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสิ เดี๋ยวพี่รอ” ร่างบางพูดพลางยกยิ้ม
“อีทึก!!! อยู่ไหนน่ะ” เสียงของคังอินใกล้เข้ามาทุกขณะ หากแต่คนที่ร้อนรนดูเหมือนจะเป็นซีวอนเพียงคนเดียวเท่านั้น ต่างจากอีทึกที่ดูจะงงๆ กับพฤติกรรมของซีวอนและคังอิน
“ฉันอยู่นี่ เดี๋ยวออกไป!” สุดท้ายร่างบางต้องตะโกนบอกเพื่อนตัวโตไป “พี่ออกไปรอข้างนอกนะเจอกันที่ร้าน”
“เดี๋ยวครับ....ผมชอบพี่” ชะอุ้ย!! หลุดปากไปแล้ว ซีวอนอยากจะตบปากตัวเอง อยากจะทำให้การบอกรักของตนโรแมนติก กว่านี้ อยากจะบอกตอนที่มีเวลามากกว่านี้ ไม่ใช่แบบนี้ ทั้งๆ ที่คิดว่าจะค่อยๆ บอกความในใจของตนกับคนตรงหน้าทีละนิด แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นแบบนี้ให้ตายเถอะ
“อะ....เอ่อ” อีทึกยิ่งนิ่งค้าง คิดอะไรไม่บอกกับการบอกรักฉับพลันของรุ่นน้องตัวโต ทั้งๆ ที่ตอนนี้หัวใจของเขาแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว นี่ถ้าเขาไม่กินยากันไว้คงมีน็อคกันไปแล้วล่ะ
“คบกับผมนะครับ” เลยตามเลยแล้วกัน เดี๋ยวค่อยชดเชยให้ใหม่แล้วกันนะครับพี่อีทึก ถึงใจจะคิดไปแบบนั้นแต่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะตอบรับเขาหรือเปล่า
“อะ....เอ่อ.......อื้อ” กำเวนของปาร์ค จองซู “อื้อ” เป็นคำตอบรับที่เรียกได้ว่าสุกเอาเผากิน ห่ามดิบที่สุดที่เคยมีมาในประศาสตร์ชาติเกาหลีใต้
รอยยิ้มค่อยๆ ปรากฏบนใบหน้าหล่อที่ห่างหายไปนับสิบวัน เพียงแค่มองใบหน้าหวานจากรูปถ่ายที่ตนเองเป็นคนเก็บไว้มานานนับปี รอยยิ้มหวานที่ทำให้เขาหลงรักเจ้าของอย่างถอนตัวไม่ขึ้น เสียงหวานใสที่ไม่ว่าได้ยินคราไหนหวนให้คิดถึงเจ้าของ รูปร่างบอบบางน่าทะนุถนอมยิ่งกว่าแก้วใส และเจ้าของความรักที่ยิ่งใหญ่และเข้มแข็งที่มีให้เขามาตลอดไม่ว่าตัวเองจะต้องเจ็บปวดก็ตาม เขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ความรู้สึกเหล่านั้นจะกลับมาอีกครั้ง ในเมื่อนางฟ้ายังคงหลับใหลอยู่ในห้วงนิทราความฝัน
ร่างบอบบางในชุดสีขาวทั้งชุด นอนหลับตาพริ้มโดยใช้ตักของอีกคนนอนต่างหมอน เปลือกตาบางปิดสนิทปล่อยให้ความคิดล่องลอยอยู่ในความฝัน ท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆ ที่รอดไล้มาตามใบไม้สีเขียวอ่อน และ สายลมเอื่อยๆ ที่มาพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ และร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยร่มเงาของมันเป็นสถานที่พักผ่อน
“พี่ชอบที่นี่ไหมครับ” เจ้าของตักแข็งแรงเอ่ยถามเสียงเบา พลางกดจมูกโด่งลงหน้าผากเนียนอย่ารักใคร่ หากแต่ไร้เสียงตอบรับ มีเพียงเสียงลมที่พัดพา
ร่างสูงใหญ่อุ้มร่างบอบบางขึ้นแนบอก แล้วพาเข้าไปในบ้านหลังเล็กสีขาว ร่างสูงค่อยๆ วางร่างบางลงบนเตียงนุ่ม แล้วจัดการเปิดหน้าต่างปล่อยให้แสงแดดถ่ายทอดลงมาในห้องสีขาวสว่าง
“เดี๋ยวผมมานะครับ” ร่างสูงเอ่ยบอกร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
แพขนตางอนค่อยๆ ขยับเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ เปิดตาได้อย่างเต็มที่ ม่านตาค่อยๆ ขยายกว้างและรับภาพได้ชัดเจน ฝ้าเพดานสีสะอาดลอยเด่นอยู่เบื้องบน มือเรียวค่อยๆ ขยับไปมา ร่างกายบอบบางค่อยๆ ขยับทีละนิด เช่นเดียวกับใบหน้าหวานที่หันเอียงซ้ายขวา เพื่อมองว่าสถานที่แห่งนี้คือที่ใด ร่างกายบางค่อยๆ ลุกขึ้นช้าๆ ตาคู่สวยสอดส่ายไปมา เพื่อมองไปรอบๆ สถานที่ที่ตนไม่คุ้นเคย สายตาสะดุดเข้ากับกรอบรูปที่ตั้งอยู่หัวเตียง มือเรียวค่อยๆ เอื้อมไปคว้ามัน หากเพียงแค่เสี้ยววินาทีที่ได้รูป ใบหน้าหวานร้อนผ่าว น้ำใสรื้นเอ่อนัยน์ตาคู่สวยทั้งสองข้าง มือเรียวขาวซีดสั่นระริกค่อยๆ รูปไล้ไปตามกรอบรูป
“พี่ครับ” เสียงทุ้มคุ้นเคยดังขึ้น ทำให้คนร่างบางที่นั่งอยู่บนเตียงหันไปมอง พร้อมกับหยาดน้ำใสที่ไหลรินเปรอะแก้มเนียน
เพล้ง!!!! เสียงแก้วน้ำที่ตกกระแทกพื้นห้องดังขึ้น เมื่อคนพูดหมดแรงจะถือ ร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปหาร่างที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเตียงนุ่ม แขนแข็งแรงโอบกอดร่างบอบบางไว้แนบอก
“พี่ครับ.....ผมรักพี่.....ผมขอโทษ...เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปนะครับ” เสียงทุ้มสั่นเครืออย่างเห็นได้ชัด หยดน้ำใสไหลออกจากนัยน์ตาคม จมูกโด่งฝังลงกลุ่มผมนุ่มครั้งแล้วครั้งเล่า ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านไม่ต่างกับร่างบอบบางที่เอาแต่ร้องไห้ โอบกอดร่างสูงที่เป็นดั่งหัวใจไว้แน่น
สิ่งที่ภาวนาไว้ยามที่ร่างกายล่องลอยไปไกลแสนไกล อยากพบและอยากอยู่กับคนที่รักสุดหัวใจ ตอนนี้เขาได้เจอกับมันแล้ว เขาได้กลับมาอยู่กับหัวใจของเขาแล้ว
ล้อเครื่องบินพ้นรันเวย์ มุ่งหน้าสู่ผืนแผ่นดินใหญ่เพื่อทำหน้าที่เพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่กำลังจะแต่งงานกันในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า มือของทั้งสองคนเกาะเกี่ยวกันไว้อย่างเหนียวแน่น เช่นเดียวกับหัวใจที่หล่อหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว นัยน์ตาทั้งสองคู่สอดประสานที่มีเพียงกันและกัน และความรักที่มีอีกคนเป็นดั่งลมหายใจ
-Fin-
********************************
จบแล้วจ้าาาาาาา
จบแบบงงๆ นะ คึคึ
เรื่องนี้ไม่ได้เรียกเลือด แต่คงเรียกน้ำตาได้มั้ง
SF ที่สั้น แล้วของเจน หงิ หงิ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ จุ๊บๆ
ความคิดเห็น