คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Stabile 3 - Rest Time
- 3 -
Rest Time
[ช่วงเวลาแห่งการผักผ่อน]
ความรักมันน่าพิศวงนะ
เพราะเป็นสิ่งที่แม้ไม่ได้รับการตอบแทน
เราก็ไม่เสียใจที่คิดจะรักใครสักคนหนึ่ง
.
.....แต่นั่นมันเพราะ‘เลือก’ไม่ได้ต่างหากล่ะ
บางครั้งเราก็เลือกที่จะ‘รัก’ไม่ได้นี่นา
“อ้าวยูทำไมถึงลงมาเร็วจังล่ะ ...แล้วนั่นจะไปไหนจ๊ะ?”
หญิงสาวเอ่ยทักเด็กหนุ่มร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีดำขลับที่กำลังเดินลงบันใดเอื่อยๆพร้อมติดกระดุมเสื้อโค้ดไปด้วยอย่างฉงน
“ผมมีธุระคงจะกลับเย็นหน่อยนะครับ”เด็กหนุ่มตอบพร้อมฉวยผ้าพันคอสีน้ำเงินเข้มขึ้นพันลวกๆ ก่อนหันกลับไปหามารดาที่มองส่งเพื่อบอกลาอีกครั้ง
“ไปก่อนนะครับ”
“จ้า ไปดีมาดีนะ”
วันนี้ก็หนาวจัดอีกแล้ว อีกสักพักหิมะคงจะตกสินะ...
“.......”เขาถอนหายใจจนเกิดเป็นควันสีขาวขุ่นที่ค่อยๆเลือนหายไปกับอากาศ ท้องฟ้าสีหม่นลงทุกทีจนเขานึกตำหนิตนเองอยู่ในใจ ด้วยเลินเล่อขนาดแค่ร่มหรือหมวกสักใบก็ไม่หยิบติดมา แต่มาบ่นเอาตอนนี้ก็ช่วยไม่ได้อยู่ดี
ขาเรียวก้าวเดินเชื่องช้าแม้จะรู้ว่าอีกเดี๋ยวหิมะจะตก แต่เขาก็อยากจะเดินต่อไปเรื่อยๆเป็นการทอดอารมณ์ในแบบฉบับของเขา แต่เวลานั้นก็หมดลงเมื่อเขาเริ่มได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของเหล่าบุคคลที่นัดกันไว้
เบื้องหน้าคือสวนที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ดอกไม้มากมายเบ่งบานอวดสีสัน และบ้านขนาดกลางสีอิฐ สถานที่ของพวกเขาบ้านพักนอกชานเมือง บ้านที่มีชื่อซึ่งหมายถึงการพักผ่อนว่า ‘Respite’
แกร๊ก!
เขาปิดประตูเบาๆและเตรียมรองเท้าแตะสำหรับเดินในบ้านซึ่งเป็นคู่ที่เขารู้สึกเกลียดมันทุกครั้งที่เห็นแต่ก็ต้องยอมใส่อย่างเสียมิได้ทุกทีเช่นกัน
“อะไร”เขาถามเซ็งๆเมื่อรู้สึกถึงบรรยากาศที่เงียบผิดปกติหลังจากเขาก้าวเข้ามา ความไม่มั่นใจเกิดขึ้นชั่วขณะว่าเขามีอะไรแปลกไปหรือไม่ อย่างมีอะไรติดหน้า ติดกระดุมผิดเม็ดหรือว่าจะไม่ได้รูดซิบ ???
แต่ก็เปล่า...อันที่จริงเขาเนียบทุกเวลาอยู่แล้ว
“เปล๊า แค่คิดว่านายก็สายเป็น”เด็กหนุ่มผมสีแปลกตาสีมรกตเป็นคนตอบคำถามของเขาด้วยท่าทีที่... น่าหมันไส้เป็นที่สุด หมอนี่ชื่อราวี่และถึงไม่อยากจะยอมรับเท่าไหร่แต่ความจริงคือเจ้านี่เป็นเพื่อนสนิทของเขา
“พูดอะไรน่ะราวี่เสียมารยาทนะ”หญิงสาวตากลมโตสีอเมทิสและผมยาวสีเดียวกับเขาพูดเสียงแผ่วพร้อมตีแขนราวี่เบาๆแบบไม่จริงจังแต่ก็ไม่พ้นหูและตาของเขาอยู่ดี
“ช่างเถอะรินารี่ เจ้านี่มันเกินเยียวยาแล้วล่ะ”เขายักไหล่พรางแก้ผ้าพันคอและโค้ดยาวพาดไว้ที่โซฟา หันมองเด็กหนุ่มผมสีอ่อนที่ส่งเสียงทักเขาแล้วผงกหัวนิดๆเป็นเชิงว่ารับรู้ แต่พอจะนั่งลงก็ถูกเจ้ากระต่ายสีส้มชนแรงๆจนเซไปนั่งที่โซฟาอีกตัวใกล้ๆกันแทน “เกิดบ้าอะไรขึ้นมาอีกล่ะ”เขาถาม
“นายดิบ้าทำหน้าเซ็งโลกอีกแล้วนะ ใครกันแน่ที่เกินเยียวยา”น้ำเสียงงอนๆกับการทำปากยื่นนิดๆทำให้เขาเกือบหลุดหัวเราะ แต่ก็ยังปั้นหน้านิ่งเอาไว้ได้ทันท่วงที
“คิดว่าทำแบบนั้นมันจะน่ารักรึไง ...แต่ขอบอกไว้เลยละกันว่าคิดผิด!”
“โหย~ยู~ พูดงี้มาตีกันเลยดีกว่ามา!”ราวี่ยกมือขึ้นทำท่าท้าตีท้าต่อยตามประสาคนบ้าจนเขาต้องตัดบทด้วยการหันไปคุยกับไคน์แทน
“...ถึงไหนแล้วล่ะงานน่ะ”เขาพลิกหน้าหนังสือประวัติศาสตร์แบบลวกๆก่อนหยิบเล่มใหม่ที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกันอีกเล่มมาดู
“ที่เน้นไว้ก็คืบหน้าไปมากเหมือนกันแหละแต่เหลืออีกนิดหน่อย พอดียังหาส่วนของหัวข้อนั้นไม่ได้อ่ะ”เด็กหนุ่มผมผมสีอ่อนส่งรายงานที่เรียงไว้ให้เขาดู
ด้านรินารี่ก็หันไปวุ่นวายกับการเตรียมน้ำชาและขนม เกิดเสียงก๊อกแกร๊กนิดหน่อยก่อนที่เธอจะยื่นชาร้อนหอมกรุ่นให้เขา “นี่จ้ะ วันนี้สูตรใหม่ด้วยนะน่าจะถูกปาก” เธอยิ้มให้เขาที่รับมันมาแล้วกล่าวขอบคุณเบาๆ
“แน่ล่ะจืดสนิทเลยนี่นา รินารี่เอาใจยูเกินไปแล้ว”ไคน์วิจารณ์พร้อมพาดพิงถึงเขาเสร็จสรรพ ก่อนที่ราวี่จะผสมโรงด้วยอีกคนทั้งๆที่คุกกี้เต็มปาก ร้อนถึงเขากับไคน์ต้องรีบดึงขนมกับหนังสือหลบ “ช่าย~ ๆ ชั้นน่ะชอบแบบหวานๆมากกว่า ง่ำ! หวานนิดๆแบบคาวก่อนอ่ะดีแย้ว” เศษขนมที่กระเดนกระดอนออกมาจากปากทำให้เขาอยากจะกดหัวฟูๆนั่นลงกับโต๊ะซักทีอย่างห้ามไม่ได้ ...ให้ตายโตแต่ตัวจริงๆหมอนี่
“หยุดพูดสักทีเถอะราวี่ เฮ้ย! นายทำบ้าอะไรเนี่ย!”ไคน์ที่ดูจะทนไม่ไหวลุกขึ้นเต็มความสูงเมื่อราวี่ยังคงจ้อไม่หยุดแถมด้วยการหันมาตามเสียงดุของเด็กหนุ่ม แต่ดันเกิดอาการติดคอและทำเหมือนจะคายของเก่าใส่ซะได้ สาบานเถอะว่าหมอนี่เพื่อนเขา น่าสมเพชจริงๆ
“พวกนายเลิกเล่นซะที ถ้าไม่คิดจะช่วยก็นั่งเงียบๆกันไปซะ!”เขาสั่งเสียงเข้ม.... และมันก็ได้ผลเสมอ....
.
.
.
ท่อนไม้ในเตาผิงส่งเสียงเปรี๊ยะ ๆ ท่ามกลางเสียงหวีดหวิวของลมหิมะด้านนอกที่แทบจะเรียกได้ว่าพายุ เขาเงยหน้าขึ้นมองมันเป็นบางครั้งบางคราว
มองพวกตัวจุ้นที่หลับสบายบนโซฟาพร้อมผ้านวมสีสวยที่เด็กสาวคนเดียวในกลุ่มนำมาห่มให้แล้วหมันไส้นิดๆ แต่ก็ยังดีที่พวกมันเลือกจะนอนหลับที่สร้างความรำคาญให้เขาน้อยนิดจากเสียงกรน มากกว่าจะนั่งคุยเล่นจนเขาหมดสมาธิที่จะทำงาน
เวลาไหลผ่านไปอย่างเงียบงันและในที่สุดงานของเขาก็เสร็จ
“เฮ้อ
”เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนหลังจากทิ้งตัวลงกับโซฟาแบบเต็มที่แล้วแหงนมองออกไปนอกหน้าต่าง... หิมะยังคงตกหนักทำให้เขาเลิกคิดที่จะกลับบ้านทันที ประจวบกับพอยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาก็ปรากฏว่าเวลาได้ผ่านไปเกือบสามชั่วโมง ....งานเสร็จไวกว่าที่คิดไว้เยอะ
“งืมๆ กินไม่ไหวแล้ว
”ราวี่ละเมอออกมาพลางผลิกตัวไปทับไคน์ที่กลิ้งอยู่ข้างๆ ก่อนกระชากผ้านวมจากอีกฝ่ายไปห่มแทนผ้านวมของตนที่กระจุยกระจายไปคนละทาง ทำให้เด็กหนุ่มอีกคนเริ่มขดตัวเป็นกุ้ง ...ถ้าจำไม่ผิดเมื่อสองชั่วโมงก่อนพวกนั้นยังนอนกลิ้งบนโซฟาแท้ๆแล้วดูตอนนี้... ลงพื้นเรียบร้อย
“เจ้าพวกบ้า” เขาพึมพำหน้าเมื่อย
“ฮะๆ...ก็ปกตินี่นา”รินารี่ที่อ่านหนังสืออยู่ข้างๆเขาหันไปมองแล้วลุกขึ้นหยิบผ้านวมขึ้น พอดีกับที่ไคน์คงทนความหนาวไม่ได้พุดลุกนั่งด้วยสภาพตาปรือหัวฟู
“ถึงว่า
ตื่นเดี๋ยวนี้เลยไอ้บ้าราวี่~!!”ไคน์กระชากผ้าห่มคืน มืออีกข้างก็เบิร์ดกะโหลกคนที่ยังไม่ยอมตื่นจังๆไปหนึ่งที
“หือ...?”ราวี่งึมงำ ...ดูมันเถอะขนาดนี้ยังไม่รู้สึกตัว - -*
“ป๊ะ! ไอ้บ้านี่นอนดีนักขอให้ไหลตายไปเลย!!”เด็กหนุ่มลุกขึ้นยีหัวตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์มือก็ลากผ้าห่มติดมาด้วยแล้วนั่งลงบนโซฟาตัวโปรด
“งานเสร็จแล้วหรอยู...ห้าว~”มันนั่งขยี่ตาพลางถามเขาแถมด้วยหาวปิดท้ายอีกที ...ชั้นว่าแกไปนอนต่อจะดีกว่านะ = =;;
“อืม”
“แล้วไม่กลับบ้านหรอ อเลนรอนายอยู่หนิ?”เรื่องของอเลนเจ้าพวกนี้ก็รู้ดีเพราะสนิทกันตั้งแต่เด็กก็เป็นธรรมดาที่จะรู้เรื่องของอีกฝ่ายมากเหมือนเป็นเรื่องของตัวเอง
เขาไม่ได้ตอบเพราะไม่รู้จะตอบว่าอะไรดี
เขาอยากจะกลับแต่กลับไม่ได้...
เขาไม่อยากจะกลับเพราะกลับไปก็ได้แต่เฝ้าดูร่างนั้นนอนนิ่งไม่ไหวติง....
“นายคิดว่าลมหายใจคืออะไร?”เขาหันไปมองหน้าเด็กหนุ่มเต็มๆพร้อมตั้งคำถาม
“...ไม่รู้ดิ”ไคน์ตอบทันทีแบบแทบไม่คิด “ลมหายใจก็คือลมหายใจ มันจะเป็นอย่างอื่นไปได้ยังไง?”แถมส่งคำถามกลับหาเขาอีกที ....ตกลงเขาต้องเป็นคนตอบรึไง - -*
“ช่างเหอะ!”เขาถอนหายใจ แล้วหลับตาลงด้วยความรู้สึกง่วงเพราะบรรยากาศ เสียงสุดท้ายที่แว่วเข้ามาคือเสียงของผู้หญิงคนนั้น
“...ต้องให้ลมหายใจ!”
------- To Be Continued
-------
ความคิดเห็น