คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เจ็บครั้งที่ 3 - สูญเสีย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
รัก เขียนง่ายรู้สึก ยาก
รัก พูดยากรู้สึก ได้
รัก รู้สึกได้ยากเท่าไหร่ การจะได้รับความรักตอบนั้น ยาก... ยิ่งกว่า
.
.
.
.
.
.
.
.
.
กว่าอาทิตย์แล้วที่ผมเป็นฝ่ายหลบหน้าเขา
แต่... จริงๆแล้วไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเขาก็คงไม่สนใจผมอีกแล้วล่ะ เพียงแต่ผมไม่อยากจะเจอกับการเมินเฉยของเขาแบบตรงๆ เพราะมันคงทำให้รู้สึกทนไม่ได้... อีกต่อไป...
ทุกอย่างมันเริ่มจะเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง ความสัมพันธ์ของเขากับผมยังคงเดิมเรายังคงกระท่อนกระแท่นไม่มั่นคง แต่ที่เปลี่ยนไปคือ คันดะและรินารี่ทั้งสองคนดูจะสนิทสนมกันกว่าเก่า ชนิดที่ว่าเห็น รินารี่ที่ไหน ก็จะเห็นเขาอยู่ด้วยไม่ไกล เป็นภาพที่ไม่อยากจะเห็นเลยจริงๆ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“ทำไมมันเป็นแบบนี้ไปได้เล่า” ได้แต่โอดครวญกับโชคชะตาที่เหมือนสวรรค์กลั่นแกล้ง ทั้งๆที่ผมเข้าหน้ากับเขาไม่ค่อยจะติดแท้ๆ แต่กลับ... ต้องทำภารกิจร่วมกัน ภารกิจระยะยาวด้วยสิ อ่า ทำไงดี!
ผมนี่มันอันลัคกี้บอยจริงๆ
“อย่าชักช้า ได้ไหมเจ้าถั่วงอก” ดันดะบอกอย่างหงุดหงิด จ้องผมด้วยความรำคาญ ทำให้ผมต้องขมวดคิ้วมองเขาอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไร
อันที่จริงผมก็ไม่ได้ทำอะไรชักช้าซะหน่อย แต่เขาที่หงุดหงิดเรื่องอะไรอยู่ไม่รู้แบบนี้ก็ดูใจร้อนเกินไปทุกทีแหละ ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะต่อปากต่อคำกับเขาซะด้วย
“ขอโทษละกันครับ" ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงกระชาก
"แต่ที่พักมันไม่หนีไปไหนหรอกครับ ไม่เห็นต้องรีบแบบนั้นเลย” แล้วกัดเข้าไปหนึ่งดอก
ง่า...ถึงจะบอกว่าไม่มีอารมณ์ต่อปากต่อคำก็ทีเถอะ แต่ทำไมปากมันพาไปแบบนี้เล้า~!! นี่หรือความเคยชิน T^T
“แกนี่มัน...”
“มันอะไรครับ” ผมเริ่มๆจะฉุนขึ้นมาจริงๆซะแล้วสิ ถึงคราวนี้ผมจะเริ่มก่อนก็เถอะ แต่ทำไมเขาถึงไม่เคยพูดดีๆกับผมเลยนะ
ฮึ่ม~ น่าโมโหที่สุด
“...มันน่ารำคาญ ชั้นล่ะเกลียดคนอย่างแกจริงๆ” คันดะปรายตามองร่างบาง อย่างบอกให้รู้ว่าเขา"รำคาญ"มากขนาดไหน แค่มองยังไม่อยากมองด้วยซ้ำ
อเลนที่เห็นท่าทีแบบนั้น ก็เผลอกัดริมฝีปากจนห้อเลือด รู้สึกถึงบางสิ่งที่วูบไหวอยู่ในอก เพราะคำพูดทิ่มแทงใจของร่างสูง
นั่นสินะ ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจแท้ๆ ว่าเขาเกลียดผมแค่ไหนทำไมที่ผ่านมาผมถึง คิดว่าเขาชอบผมไปได้นะ น่าอายจริงๆ ......
ความเงียบเข้าครอบงำจนบรรยากาศมันดูอึมครึม ร่างบางยังคงจมอยู่กับภวังค์.......
“เอ่อ ท่านคันดะท่านวอคเกอร์ ขอโทษที่ขัดจังหวะครับ แต่เลี้ยวขวาข้างหน้าก็จะถึงที่พักแล้วครับ
คือเดี๋ยวผมจะต้อง...”
“อะไร!” คันดะถามเสียงเขียว
ผู้กล้าไร้นาม(หน่วยค้นหา)ผวาสุดตัว เห็นลางมรณะมาแต่ไกล
โชคดีเป็นของร่างบางแต่โชคร้ายดันไปตกอยู่ที่หน่วยค้นหาไร้นามผู้กล้าแห่งศตวรรษ
.
.
.
.
.
หลังจากที่เถียงกันจนแทบจะกลายเป็นตีกันตายมาตลอดทาง ทั้งคู่และหน่วยค้นหาที่ตัวลีบหดเหลือสองนิ้ว ก็มาถึงที่พักอย่างปลอดภัยครบสามสิบสอง
เมื่อสอบถามกันไปมาแล้วได้ความว่าเขาชื่อ ซัวว์ และจำเป็นจะต้องรีบไปปฏิบัติภารกิจต่อไปจึงจากไปอย่างเร่งด่วน พอตัวกลาง(ซึ่งไม่ช่วยอะไรซักเท่าไหร่เลย)ไม่อยู่แล้วบรรยากาศก็มาคุกว่าเดิม
อเลนที่รู้สึกอึดอัดและเหนื่อยจึงขอตัวขึ้นห้องไปพัก พอหัวถึงหมอนได้ก็ม่อยหลับไปทันที
ต่างจากอีกด้านหนึ่ง คันดะที่ยังอารมณ์เสียไม่หายกระแทกตัวลงบนเตียงนุ่มอย่างแรง นึกอยากฆ่าโคมุอิให้ตายคามือ เพราะเจ้าบ้านั่นแท้ๆ ทั้งที่รู้ยังมอบภารกิจแบบนี้ให้มาทำคู่กับเจ้าถั่วงอกอีก เจตนาชัดๆ
แบบนี้ต้องฆ่า~!!!
ความคิดหยดหยองนี้คงทำให้หัวหน้าบ้าน้องรู้สึกหนาวๆร้อนๆได้ไม่ยาก สงสัยว่าเราคงได้ไว้อาลัยแก่โคมุอิเป็นแน่แท้...... อาเมน
.
.
.
.
.
.
.
หลายวันผ่านไป [อย่างรวดเร็ว]
ทั้งคู่ยังคงตามหาอินโนเซนส์อย่างไม่ลดละ แต่กลับไม่มีวี่แววแม้แต่น้อย กระทั่ง AKUMA ซักตัวก็ไม่มีให้เห็นช่างเป็นเมืองที่เงียบสงบอะไรเช่นนี้ หรือว่าข่าวคราวที่ได้มาจะไม่เป็นความจริง
เพราะข้อมูลที่ได้รับมาจากรายงานและจากปากคำของคนในหมู่บ้านไม่ค่อยจะตรงกันซักเท่าไหร่
จากรายงานบอกว่า มีผู้คนพบเห็นดวงไฟสีม่วงอ่อนไหววูบเหมือนลูกไฟวิญญาณลอยละล่องไปทั่วเมืองยามค่ำคืน
แต่จากปากคำของคนในเมืองเท่าที่สอบถามมาต่างบอกว่าเห็นดวงไฟสีเหลืองนวลกระพริบถี่ดั่งแสงจากหิ่งห้อย แสงสีเหลืองนี้จะเกิดไม่เป็นเวลาบ้างกลางวันบ้างกลางคืน คนที่ได้เห็นล้วนพบเจอสิ่งดีๆ แต่ไม่ง่ายเลยที่จะเจอมันเรียกได้ว่าการจะเจอต้องใช้โชคแบบสุดๆ
“ข่าวนี่ มันจะจริงแน่หรอครับ ขนาดพวกเราตามหากันให้ควั่ก จนจะเป็นอาทิตย์แล้วยังไม่เจออะไรอย่างที่เขาเล่ากันเลยสักนิด” อเลนที่ชักเหลืออดบ่นกระปอดกระแปด
“ชิ” คันดะเพียงสถบเบาๆ แล้วจ้องไปที่ที่หนึ่ง
“ที่นี่มีอินโนเซนส์อยู่จริงๆหรือเปล่านะ ...อ๊ะ! นั่น!” อเลนร้องลั่นด้วยความดีใจนิ้วเรียวชี้ไปยังทิศทางที่ตนเห็นบางอย่าง คันดะหันมองตามที่มือเรียวชี้แล้วหันกลับมามองยังทิศที่ตนมองอยู่ในทีแรกอย่างงงงวย ดูท่าข่าวที่ได้รับมาจะจริงอย่างไม่ต้องสงสัย ร่างสูงกระตุกยิ้มอย่างถูกใจมองดวงไฟที่กระพริบถี่ส่องแสงสีเหลืองนวลออกมาไม่วางตา
แต่สัมผัสที่แผ่ออกมาจากดวงไฟสีม่วงทางด้านหลังนั่นให้ความรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย
“เฮ้ย! ไอ้ถั่วงอกเดี๋ยว!” คันดะร้องห้าม ขณะที่หันกลับมาอีกทีก็เห็นอเลนออกวิ่งตามดวงไฟไป
อีกด้านหนึ่งไฟสีเหลืองนวลก็ได้หายไปแล้ว
“โธ่โว้ย” คันดะสถบอย่างหัวเสีย ตัดสินใจวิ่งตามร่างบางไป
ตอนที่เกือบจะคลาดสายตาไปก็เห็นเพียงหลังไวๆวิ่งหายไปทางหัวมุมตึกด้านหน้า เมื่อวิ่งตามไปกลับพบว่าอเลน......ได้หายไปแล้ว...
.
.
.
กว่าสามชั่วโมงที่เขาตามหาร่างบางกลางสายฝน หลังจากที่เลี้ยวตรงมุมตึกนั่นเขาก็พบว่ามันเป็นทางตัน แต่ที่ตรงนั้นไม่มีวี่แววของอเลนเลย ฟ้าเบื้องบนเริ่มคำรามกึกก้อง ก่อนจะกลั่นตัวเป็นหยาดพิรุณโปรยปรายลงมาดั่งฟ้ารั่ว
“ฮึ่ย บ้าจริงหายไปไหนนะ!?” คันดะปาดหยดน้ำที่ไหลมาบดบังการมองเห็นแล้วเริ่มสถบสรรเสริญร่างบางอย่างหงุดหงิด
พลันหางตาก็เหลือบไปเห็นแสงนวลกระพริบถี่อยู่ไม่ไกล เขาไม่รอช้าสำแดงฤทธิ์มุเก็นแล้วฟาดฟันออกไปทันที แสงนั่นแตกตัวกระจายออกเป็นสะเก็ดไฟเล็กๆแล้วรวมกันใหม่อย่างรวดเร็ว
แสงนวลเริ่มลอยห่างออกไปในป่าด้านหน้าทุกที คันดะที่สำนึกได้ว่าคงไม่มีทางทำลายมันได้จึงตัดสินใจตามไป
ดวงไฟลอยห่างออกไปจนเกือบจะลับตาแต่กลับไม่ลอยห่างออกไปเกินจากนั้น ราวกับกำลังรักษาระยะห่างเอาไว้ ทุกครั้งที่เข้าใกล้เกินไปมันจะลอยละลิ่วทิ้งระยะอีกครั้ง เป็นอย่างนี้ตลอดทางที่วิ่งตามมา ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าไกลแค่ไหน และไม่รู้ว่าตอนนี้ตนอยู่ตรงไหน ยังอยู่ในเขตป่าของเมือง หรือออกนอกเขตมานานแล้ว...
....... จู่ๆลูกไฟก็สลายหายไปเสียอย่างนั้น .....
ภาพด้านหน้าถูกแทนที่ด้วยสิ่งก่อสร้างปรักหักพังบางอย่าง หอระฆังที่ตัวหอพังไปครึ่งหนึ่ง ตัวโบสถ์ผุพังเหลือเพียงผนังและหลังคาบางส่วนตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ร่างสูงมองหาลูกไฟดวงนั้นไปรอบๆก็ไม่พบร่องรอยอะไร แต่กลับพบสิ่งที่ไม่คาดว่าจะเจอที่นี่ ...
ร่างบางที่ฟุบหมดสติอยู่กับพื้นกลางสายฝน ใบหน้าดูขาวซีดคาดว่าคงตากฝนอยู่ตรงนี้ไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมง
“ไอ้ถั่วงอก เฮ่ ตื่นสิฟระ!” คันดะประคองอเลนขึ้นมาตบหน้าเรียกสติเบาๆ แต่กลับต้องสะดุ้งเพราะความเย็นเยียบจากสัมผัสที่แก้มนวล ‘ตัวเย็นหยั่งกับน้ำแข็ง โธ่เว้ย! เจ้านี่นิ ขยันสร้างปัญหาจริงๆ’
เขาอุ้มร่างบางขึ้นแนบอกมองไปรอบๆอีกครั้ง ‘ต้องหาทางกลับไปที่พักก่อน แต่ที่นี่มันที่ไหนกันวะ’ คิดอย่างหัวเสีย สายฝนที่เริ่มซาลงก็กระหน่ำลงมาแรงยิ่งขึ้น ทางที่มองไม่ค่อยชัดเพราะคืนเดือนดับกลายเป็นมองแทบไม่เห็นไปในบันดล ทุกอย่างเหมือนจะซ้ำเติมกันไม่รู้จบ........
.
.
.
.
.
.
‘บอก....เธอต้องบอกเขานะ’
เฮือก!!!!
อเลนสะดุ้งตื่นขึ้น เหงื่อผุดพลายตามใบหน้าหวาน มองออกไปทางหน้าต่างห้องพักพบว่าตอนนี้เป็นยามค่ำคืน
จริงสิ เราวิ่งตามดวงไฟที่เป็นเป้าหมายไป แล้วพอเลี้ยวตรงหัวมุมก็ไปโผล่ที่ไหนซักแห่ง ตอนนั้น.....ลูกไฟสีม่วงพุ่งใส่เรา..... แล้ว เราก็วูบไป รึเปล่านะ? แล้วกลับมาอยู่ที่นี่ได้ไงกัน?
อเลนเกาหัวแกรกกับความทรงจำที่ขาดห้วง นั่งมึนอยู่นานก่อนจะนึกได้ว่าควรจะไปถามคันดะดูถึงแม้ว่าอาจจะโดนสายตาทิ่มแทงและคำว่างี่เง่าก็ตาม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
“คันดะครับ อยู่หรือเปล่าครับ” ร่างบางเอ่ยถามหลังเคาะประตูอยู่นานแต่ไม่มีสัญญาณตอบรับ
ก๊อง!?
“อ๊ะ หวา~ ขะ ขอโทษครับคันดะ” อเลนที่เตรียมจะเคาะอีกรอบกลับเคาะวืดเข้าหัวร่างสูงเต็มๆจนขอโทษขอโพยกันแทบไม่ทัน
“แก....” ร่างสูงคำรามในลำคอ จับหมับเข้าที่หัวร่างบางแล้วเหวี่ยงเข้าห้องไปก่อนจะปิดประตูตามดังโครม
“หายไข้แล้วรึไง ถึงออกมาเดินเล่นตากลมแบบนี้น่ะห่ะ!” คันดะใช้น้ำเสียงที่จงใจขู่กรรโชก จนร่างบางผวาหน้าหดเหลือนิ้วครึ่ง
“ผะ ผมอยากรู้ว่าทำไมผมถึงกลับมาที่นี่ได้ แล้วผมเป็นไข้ด้วย?...หรอครับ แหะๆ” คันดะมองอเลนตาเขียวปั๊ด เอื้อมละอากับนิสัยซื่อบื้อเกินรับได้ตัวเองไม่สบายยังไม่รู้ตัว เวนจริงๆ
“เรื่องนั้นไม่ต้องรู้หรอก กลับห้องไปได้แล้วไป เพราะถ้าแกไม่รีบหายภารกิจก็เสร็จช้าขึ้นไปอีก”
“อา..ครับ ขอโทษครับ” ร่างบางก้มหน้ารับผิด ผินตัวเดินออกจากห้อง
‘บอกสิ บอกเขาไปสิ .....เวลาน่ะไม่มีแล้วนะ!!’
ขณะที่กำลังก้าวออกจากห้องก็ได้ยินเสียงผู้หญิงดังเข้ามาในหัว เสียงที่ฟังดูเศร้าสลดและร้อนรน
“อีกแล้ว อะไรกัน”
ตูม ตูม ตูม~!! กรี๊ดดดดดดด!
เสียงระเบิดและแรงสั่นสะเทือนทำให้ร่างบางจับต้นชนปลายไม่ถูก ทรุดลงตรงหน้าประตู คันดะที่ตังสติได้ก่อนรีบประมวลสถานการณ์โดยรอบ เขาเห็น AKUMA ระดับ1 นับสิบตัวบนฟากฟ้า และอีกสามสี่ตัวที่กำลังไล่ฆ่ามนุษย์
ร่างสูงสำแดงฤทธิ์เข้าฟาดฟันอาคุมะแบบลืมตาย ตัวแล้วตัวเล่าไม่เคยได้สร้างแม้รอยขีดข่วน อเลน
มองร่างสูงที่ละเลงเลือดอย่างตื่นตะลึง ‘นี่เขาเก่งขึ้นอีกแล้วสินะ ..มีแต่ตัวเขาเองที่ไม่เคยจะพัฒนาไปซักเท่าไหร่ แล้วยังมาไม่สบายแบบนี้อีก ตัวถ่วง...จริงๆ’
ถึงแม้จะเศร้ากับความอ่อนแอของตนเอง แต่ร่างบางก็ฝืนสำแดงฤทธิ์ทั้งที่ร่างกายไม่พร้อมเท่าไหร่
AKUMA ที่เห็นในตอนแรกถูกกำจัดไปหมดแล้วแต่ก็ยังมีพวกใหม่บุกมาไม่ขาด ตอนนี้คันดะอยู่ในวงล้อมของระดับหนึ่งตรงถนนหน้าจตุรัส ส่วนเขาพึ่งกระโจนออกมาอยู่ที่ถนนไม่ไกลจากคันดะเท่าไหร่และตกอยู่ในวงล้อมเช่นกัน
ผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ ทั้งเขาและคันดะเริ่มจะหอบเพราะAKUMA ที่ดาหน้ากันเข้ามาไม่รู้จักจบจักสิ้น แต่มันก็เริ่มบางตาลงเรื่อยๆจนตอนนี้อาคุมะตัวสุดท้ายถูกคันดะฟันก่อนจะระเบิดเป็นจุน.....
เขาทรุดลงเพราะหมดแรงตอนนี้รู้สึกเวียนหัวจนแทบอ้วก
“ระวัง!!!” คันดะตะโกนก้อง
“!!” อเลนเบิกตากว้างมองอาคุมะที่โผล่มาจากไหนไม่มีใครทราบ กระบอกปืนถูกเลงมาที่เขา
“ไอ้ถั่วงอก!!!”
ปัง!! บรึมมม!
เหตุการณ์เกิดขึ้นแค่พลิกฝ่ามือ ชั่วพริบตาที่กระสุนพุ่งออกมาคันดะก็บังเขาไว้พอดี กระสุนจากอาคุมะเจาะทะลุท้องน้อยด้านขวาของร่างสูง แต่คันดะก็ฝืนใช้ท่าอาณาหนอนแมลงกำจัดอาคุมะตัวสุดท้ายจริงๆไป เขาทรุดฮวบลงกับพื้นพร้อมดาวห้าแฉกที่เริ่มปรากฏขึ้นตามเนื้อตัว
“คันดะ!!” อเลนเอ่ยเสียงแผ่ว
“คันดะ!! มะไม่นะ” น้ำตามากมายไหลอาบแก้มนวล อเลนคลานเข้าไปหาร่างสูงที่หอบหายใจ ดาวห้าแฉกเริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าคม
“ไม่เอาน่า นายอย่าร้องไห้ได้ไหม....อเลน” คันดะค่อยๆเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน เป็นสัมผัสที่ไม่คิดว่าจะได้รับจากคนที่อยู่ตรงหน้า คนที่เขารัก เขาจับมือคันดะไว้ซบหน้าลงกับฝ่ามือ
“ฮึก... คันดะผมรัก ผมรักคันดะนะ ฮึก... ได้โปรดอยู่กับผม อย่าทิ้งผมไป!!” เขาวอนขอกับคนตรงหน้า ในใจนั้นสวดอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าไม่รู้จบ ได้โปรดอย่าพรากเขาไป ผมไม่อยากสูญเสียอีกแล้ว!!
คันดะยิ้มให้เขารอยยิ้มที่ผมเคยอยากจะให้เขายิ้มให้ แต่มันไม่ใช่รอยยิ้มแบบนี้รอยยิ้มในเสี้ยววินาทีแห่งความเป็นและความตายแบบนี้ผมไม่ต้องการ~!!!
“ชั้นก็....”
ฟุบ~!
ร่างของคันดะสูญสลายกลายเป็นเพียงแค่ฝุ่นผงที่ปลิวตามลม อเลนมองเครื่องแบบของร่างสูงที่อยู่ในมืออย่างไม่อยากเชื่อ กอบกำเศษทรายที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นร่างของเขา ...ร่างของคันดะ
“ไม่นะ คันดะ ฮึก..คุณ คุณกำลังจะพูดอะไร กลับมาพูดให้รู้เรื่องก่อนสิ!”
“ฮือออ ...ไม่นะเรื่องแบบนี้...”
“ม่ายยยยยยยยยยยยยยย!!!”
'ขอโทษ ขอโทษค่ะ ขอโทษ...ชั้นช่วยได้เพียงแค่นี้ ชั้นขอโทษ...'
++++++++++++++++
To Be Con
+++++++++++++++++++++++++++++++
ความคิดเห็น