ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คลังส่งใบสมัคร {{{{APPLICATION}}}}

    ลำดับตอนที่ #6 : The Evolution

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.ค. 61


     
      CR.SQW
     

    ใบสมัคร


    อิมเมจ :

    รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

    ชื่อ : โฮตารุเอ็น ชิเงรุ

    ชื่อเล่น : ชิเงะ

    อายุ : 14 ปี

    เพศ : ชาย

    อุปนิสัย : -ป็นเด็กหน้าตาย ที่มองโลกในแง่ดี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็ไม่ตื่นตระหนก หัวร้อน หรือเห็นเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ถึงกับโลกสวย เพียงแต่เห็นข้อดีของทุกอย่าง เช่นเวลาถูกดูถูกหรือต่อว่า ก็ไม่เคียดแค้นอะไร ถึงจะไม่รู้สึกดี แต่เพราะคิดว่า "ยิ่งฉันเจ็บปวดมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเข้าใจความรู้สึกของคนอื่น" พอเห็นข้อดี ก็หายทรมาน และใจเย็นได้ในทุกสถานการณ์ ยอมรับอะไรได้ง่ายๆเหมือนเข้าใจโลกนี้ดี "โลกนี้มันโหดร้าย แต่ก็สวยงามมากนะ" แต่ถ้าถึงขั้นทำร้ายร่างกายกันมากกว่าทุบหัว หยิกแก้ม ตบบ่า ก็จะแค่หลบหรือวิ่งหนีแบบหน้าตายๆ ดูเผินๆเหมือนเป็นคนง่ายๆที่ไม่ใส่ใจ จริงจัง หรือสะทกสะท้านกับอะไรเลย

                   - ว่ากันว่าเด็กพิการทางระบบประสาทมักมี IQ สูง เขาจำลักษณะของทุกคนได้ในการพบกันครั้งแรก เป็นคนที่ทำอะไรไม่เคยวางแผน เรื่อยๆมาเรียงๆ แต่ก็สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นได้อย่างยอดเยี่ยม คิดได้เร็วมาก สู้ในแนวหน้าได้ดี แต่กลับดูโง่ และน่าหงุดหงิดเพราะไม่เคยนั่งฟังคนอื่นพูดยาวๆได้เลย ใครพูดอธิบายอะไร เขาก็จะนั่งหลับ ไม่ก็หาของของแถวนั้นมาเล่นเรื่อยเปื่อย หรือนั่งเหม่อ ตาลอยไปแตะขอบฟ้าเหมือน "วันนี้เมฆเป็นรูปอะไร" สำคัญกว่าเนื้อหาสาระที่อีกฝ่ายพยายามอธิบายยาวยืด ถ้าไม่หงุดหงิดจนทำร้ายร่างกายให้เขาหนีไปไกลๆก่อน ก็อาจได้รู้เหตุผลที่ว่า "เขาหูหนวก...อ่านปากได้บ้าง แต่นานๆเยอะๆมันปวดหัว"

                   -มีความเป็นเด็ก(ซน)สูง อยู่นิ่งไม่เป็น นั่งเก้าอี้ก็ชอบโยกเล่นหรือเป็นเก้าอี้หมุนก็หมุนไปมาเล่น ถ้ามีอะไรอยู่ในมือก็เอามาเล่นซะทุกอย่าง เช่นหนังสืออยู่ก็จะฉีกเป็นชิ้นเล็กๆแล้วมาโปรยเล่น เอาปากกามาวาดรูปตามผนัง เขาคือเด็กซนดีๆนี่เอง ชอบเอาของใช้มาเล่น ถนัดมากกับการทำห้องรกและการทำลาย ข้อดีคือถ้าถูกผู้ใหญ่ดุก็จะไม่ทำอีก(อยู่สักพักนึง) ไร้เดียงสา ซื่อตรง โกหกไม่เป็น ไม่ค่อยทันคน หลอกง่าย จึงมักโดนคนแหย่เล่น/ลูบหัวเหมือนเป็นเด็กหรือสัตว์เลี้ยงอยู่เป็นประจำ รักอิสระ ไม่ชอบโดนขังไว้ในพื้นที่จำกัดนัก

                   -จิตใจอ่อนโยน รักสัตว์ ชอบช่วยเหลือคนอื่น อาจทำให้ซนไปบ้าง แต่เป็นเด็กดีที่ยื่นมือช่วยคนที่กำลังเดือดร้อนโดยไม่หวังอะไรตอบแทนมากมาย แค่ยิ้มให้เขาก็ดีใจแล้ว ถ้าเห็นว่ากำลังอารมณ์ไม่ดี ก็จะยอมเป็นที่ระบายให้โดยการนั่งอยู่ตรงนั้นให้อีกฝ่ายพูดระบายอารมณ์เต็มที่ จะร้องไห้ หรือตวาดก็ได้ (แต่ที่จริงไม่ได้ช่วยฟังหรอก...ไม่ได้ยิน แค่นั่งเป็นเพื่อนเฉยๆ) แล้วกอดอีกฝ่ายเพื่อปลอบเมื่ออีกฝ่ายระบายจบ

                   -ชอบอ้อนคนอื่น ชอบโดนเกาคาง ชอบโดนกอด ชอบโดนลูบหัว ชอบจับมือ เพราะรู้สึกอบอุ่น ขี้เหงา ไม่ชอบอยู่คนเดียว จะดีใจเวลามีคนเล่นด้วยหรือให้ของกิน สีหน้าไม่เปลี่ยนมากนัก ยิ้มบางงงงงงจนแทบมองไม่เห็น แล้วจะกระโดดกอดขอบคุณอีกฝ่าย

                   -สกินชิพชาวบ้านไปทั่ว สื่อสารกับคนอื่นผ่านการจับมือคนอื่นขึ้นมา แล้วใช้นิ้วตัวเองเขียนตัวอักษรเป็นคำพูดบนฝ่ามือคนอื่น เพราะเขาเป็นใบ้ (ถ้าติด คงเป็นคนเดียวที่ไม่มีบทพูด ^^; อาจจะมีแค่เสียงในความคิด กับคำที่เขียนใส่มือคนอื่น) ทำให้ชินกับการสัมผัสร่างกาย มักเอาคางมาวางบนไหล่คนอื่น กอดคอ แบกให้ขี่หลังถ้าขาเจ็บ อุ้มท่าเจ้าหญิง จับมือ ได้โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรแบบไม่สนว่าอีกฝ่ายเป็นเพศอะไรผิดวิศัยคนเอเชีย


    ประวัติคร่าวๆ : ตามองไม่เห็น หูไม่ได้ยิน ปากพูดไม่ได้ เขาเป็นคนพิการซ้ำซ้อนโดยกำเนิดที่ถูกแม่นำตัวไปวางไว้ที่หน้าประตูสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าคิโบโกะตั้งแต่แบเบาะ

                        ทุกคนที่สถานรับเลี้ยงเรียกเขาว่า "ฟุกันเซ็น" ที่แปลว่า "บกพร่อง" แน่นอนว่าการสอนสั่งเด็กหูหนวก ตาบอด เป็นใบ้ เป็นเรื่องยากเหลือทน แต่โชคดีที่ไม่เกินความสามารถของ "โฮตารุเอ็น โคจิ" นักจิตวิทยาที่ผันตัวมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กมือทอง เขาเข้ามาทำงานตอนฟุกันเซ็นอายุ 5 ขวบ ความประทับใจครั้งแรกคือการค้นพบว่าเด็กน้อยชอบมานอนบนพื้นกลางห้องส่วนตัวแทนบนฟูก อาจเพราะมองไม่เห็นฟูก...หรืออาจไม่รู้ว่าฟูกคืออะไร? เวลาที่ครูเปิดประตู และเดินเข้าไปในห้อง เขาจะตื่นนอนทันที [ทั้งๆที่มองไม่เห็น ไม่ได้ยิน แต่เขารู้ได้อย่างไรว่ามีบางอย่างเข้ามาในห้อง?] เวลาเปิดเพลง...ถึงจะเบามากแค่ไหน เขาก็จะเดินไปเดินมา ดูงุ่นง่านอยู่ไม่สุขเหมือนกำลังรำคาญ โคจิสนใจเด็กคนนี้มาก หลังทำการ "วิจัย" สักพัก จึงเข้าใจว่า [ฟุกันเซ็นรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัว ผ่านแรงสั่นสะเทือนในอากาศและบนพื้นที่หนักเบาต่างกันเป็นหลัก] แรงสั่นจากพื้นที่เกิดการเปิด-ปิดประตู แรงสั่นที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามาหาเขาจากการเดินเข้ามาในห้อง แรงสั่นอันเบาบางรอบทิศจากเสียงเพลงในอากาศและจากพื้นเป็นจังหวะที่เขาไม่ชอบใจนัก นอกจากนั้น ลมทั้งธรรมาติ และแรงลมจากการเคลื่อนไหวที่เกิดช่องว่างขนาดต่างๆสัมผัส ทำให้รู้ว่ามีสิ่งของบางอย่างตั้งอยู่ตรงหน้า บังลมอยู่ และกำลังเคลื่อนที่หรือไม่อย่างไร ทำให้เดินได้โดยไม่ชนอะไร แม้จะเบาบางมากแค่ไหน แต่เด็กที่สูญเสียตาและหูกลับไวต่อแรงสั่นสะเทือนและการเคลื่อนไหว รวมถึงประสาทการสัมผัสผิวกาย เหมือนสัตว์ป่าได้อย่างไม่น่าเชื่อ

                            คจิลองโยนบอลเด้งไปใกล้ๆเด็กน้อย "เซ็นคุง" (พอเริ่มซี้กัน โคจิก็เรียกฟุกันเซ็นแบบนั้น) ก็กัดมันก่อนจะบีบเล่นสักพักจนเบื่อก็เฟี่ยงทิ้ง แต่เพราะไม่รู้ว่าเฟี่ยงโดนผนัง บอลเลยเด้งกลับมากระแทกหน้าเขา...จากนั้นเขาก็ไม่ถูกโรคกับของกลมๆ

                             ฟุกันเซ็นไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่เล่นได้ โคจิเคยลองเอาตัวต่อไปวางไว้ใกล้ๆเขา แต่หนูน้อยกลับเฟี่ยงมันทิ้ง หรือไม่ก็หยิบมันขึ้นมาเคาะกับพื้นซ้ำๆราวกับไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร แต่ก็สนุกกับการขยับมือขึ้นลง หากเป็นหนังสือ เขาก็จะเอามาฉีกเล่นอย่างไม่รู้ค่า คิดได้ว่าทุกอย่างรอบกายเขาคือของเล่นในเวลาที่เขาอยากเล่น

                              เวลากิน โคจิจะรับหน้าที่เอาอาหารวางไว้บนโต๊ะ กลิ่นแค่จางๆก็พอจะลากฟุกันเซ็นให้เดินเข้ามาใกล้ๆ แต่เพราะการจับหนูน้อยนั่งบนเก้าอี้มันยากกว่าที่คิด ทำให้โคจิและเซ็นคุงต้องเล่นวิ่งไล่จับกันพักใหญ่ๆเป็นกิจวัตรก่อนมื้ออาหาร สุดท้ายโคจิจึงใช้วิธีมัดหนูน้อยติดกับเก้าอี้ พยายามจะป้อนข้าวให้กิน แต่มันทำให้เขาอาละวาดหนักกับการถูกพันธนาการ โคจิจึงมัดเขากับเสาอาคารแทน แต่ถ้าหนูน้อยสามารถแบกเสาขึ้นบ่า ทุบมันกับพื้นให้เชือกขาดอย่างที่ทำกับเก้าอี้ได้...คงสนุกดีพิลึก (ฮา)
                        ผ่านไปไม่กี่เดือน ความผูกพันธ์กับเด็กน้อยที่ไม่เคยพูดคุยกันเลยสักครั้งก็ค่อยๆเพิ่มพูน โคจิจึงจับพลัดจับผลูรับอุปการะเด็กกำพร้าพิการซ้ำซ้อนเป็นลูกบุญธรรมจนได้ และเปลี่ยนชื่อเขาเป็น "ชิเงรุ" ที่แปลว่า "สมบูรณ์" มันคือตัวตนของเด็กคนนี้ในสายตาของโคจิ ถ้าความพิการคือความบกพร่อง ทุกคนในโลกก็คงพิการ เพียงแต่จะเป็นภายนอกหรือภายในเท่านั้นเอง พอหนูน้อยโตขึ้นอีกหน่อย โคจิก็เริ่มพยายามหาทางสื่อสารกับเขาเป็นจริงเป็นจัง" โดยการสอนสิ่งที่เรียกว่า "ตัวอักษร" และ "ทุกอย่างในโลกนี้ล้วนมีชื่อเรียก" ให้เขา เริ่มจากนำของชิ้นเล็กๆมาใส่มือหนูน้อย ช่วงแรกๆเป็นสิ่งของ ชิเงรุจะกัดแทะหรือลูบคลำเพื่อพิสูจน์รูปร่างของมันก็ปล่อยเขาทำไป ก่อนโคจิจะใช้นิ้วเขียนชื่อของมันลงบนฝ่ามือน้อยๆ โดยเชื่อว่าลูกชายไม่จำเป็นต้องรู้ว่าคำต่างๆอ่านออกเสียงว่าอะไร แค่จำรูปแบบให้ได้ รู้ว่ามันใช้เรียกแทนอะไร หรือมีความหมายถึงอะไรก็พอ มันเป็นการสอนที่ยากที่สุดแล้วเท่าที่โคจิเคยพยายามกับเด็กคนนี้ แต่ตาสีอำพันกลมโตที่ใช้งานไม่ได้คู่นั้นที่มองมาอย่างไร้เดียงสาก็ทำให้โคจิไม่ท้อถอย ดันทุรังกันอยู่นานปี กว่าทั้งคู่จะเริ่มคุยกันเป็นประโยคได้ ชิเงรุเริ่มอ่านหนังสือเป็นเล่มๆได้ ขอบคุณประสาทการสัมผัสที่ลุกขึ้นมาทำงานแทนดวงตาและหูได้เต็มที่มากๆ มากจนแค่ความตื้นลึกไม่กี่อนูระหว่างช่องว่างและหมึกบนกระดาษก็แยกแยะได้ แค่ลูบมัน...เขาก็อ่านได้ ในที่สุดเขาก็สื่อสารกับคนอื่นได้ด้วยการเขียนตัวอักษรใส่มือคนอื่น และให้คนอื่นเขียนตัวอักษรใส่มือตัวเอง รหัสมอส และอักษรเบล
     

    พลังพิเศษที่มี : การเคลื่อนที่ความเร็วแสง เคลื่อนไหวร่างกายได้เท่าความเร็วแสง พอที่สายตามนุษย์จะมองไม่ ทัน พอจะวิ่งบนน้ำ พอจะเร็วกว่ากระสุนปืน และพอที่จะเสียดสีแทรกผ่านอนุภาคของแข็งต่างๆ (อธิบายง่ายๆคือเคลื่อนที่ตัวเองซ้ายขวาไปมาให้เร็วโคตรๆแล้วทะลุแทรกผ่านผนังไปได้)และด้วยสปีดความเร็วนี้เองที่ช่วยเพิ่มพลังให้การโจมตี ยิ่งโจมตีด้วยความเร็วสูงมากๆ แรงอัดกระแทกก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ถือว่ามีประโยชน์หลากหลาย

    เพิ่มเติม : -เป็นคนลิ้นจระเข้ กินอาหารอะไรก็ได้ แต่ชอบของหวานมากเป็นพิเศษ กระเพาะหลุมดำ กินได้เยอะพอๆกับพระเอกการ์ตูนในตำนานทั้งหลาย ปากเลยไม่ค่อยว่าง

                     -เวลาชนอะไร หรือรู้สึกเจ็บ จะไม่เปลี่ยนสีหน้า แต่จะกุมแผลไว้แล้วน้ำตาไหลเบาๆ มีมุมงอแงเหมือนกัน


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×