ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ❤การินxลัล♡ จากวันนั้นถึงวันนี้...

    ลำดับตอนที่ #5 : ค่ำคืนของสองเรา

    • อัปเดตล่าสุด 25 มิ.ย. 64




    { Winter Dark Theme }



                 ท่ามกลางบนระเบียงเงียบสงัดเพราะเหล่าแขกในงานแต่งงานกำลังนั่งฟังเสียงพิธีกรดำเนินการงานแต่งงานอีกครั้งในรูปแบบสากลยามค่ำคืนอันแสนโรแมนติก แต่กลับมีเสียงดังจากลำโพงด้านในห้องจัดงานลอดข้ามผ่านผ้าม่านออกมายังระเบียงได้ไม่มากพอจะกลบเสียงหัวใจเต้น 'ตึกตัก..ตึกตัก..ตึกตัก'ของชายหนุ่มที่อยู่ใกล้ลัลทริมาซะจนได้ยินมันอย่างชัดเจนเสียยิ่งกว่าเสียงหัวใจตัวเองที่ไม่ได้เต้นผิดจังหวะขึ้นเท่าไรนักเมื่อริมฝีปากของทั้งคู่ใกล้กันมาขึ้นเรื่อยๆ
                    
                          .....ช..โช

             ลัลทริมาอยากร้องเรียกคนตรงหน้าให้เขาตั้งสติ แต่กลับไม่มีเสียงเล็ดลอดออกจากปากเธอ อาจเพราะส่วนลึกในใจของหญิงสาวปรารถนาให้เรื่องเป็นไปเช่นนี้เพราะโหยหาความรักจากใครสักคนตามความฝันของผู้หญิงทั่วไป
             
    แววตาสีน้ำตาลใต้กรอบแว่นคู่นั้นและคำถามแทงใจดำเมื่อครู่ทำเอาเจ้าสาวหลุดเข้าภวังค์ ความรักที่เอ่อล้นจากเพื่อนสนิทถูกส่งมาที่เธอผ่านอ้อมแขนที่กำลังโอบร่างเธอไว้แน่นกลายเป็นความอบอุ่นพาให้หญิงสาวหลับตาพลิ้ม แม้จะหลับตาแต่ก็รู้สึกได้ว่าริมฝีปากของชายหนุ่มที่กำลังใกล้เข้ามา
    ถึงกระนั้นเธอที่กำลังสับสนก็อาจไม่ขัดขืนเพื่อนแสนดีที่รักเธอหมดใจตรงหน้าแม้แต่น้อย 
                         
               ....รู้ตัวอีกทีริมฝีปากของเขาก็ค่อยๆ
                   ใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ....ใกล้จนจะแนบสนิทริมฝีปากของเธอมากขึ้นทุกทีๆ 
                   จนในที่สุด...... 

                                       ยัยโง่!!

                   เสียงที่ดังกึกก้องขึ้นมาผ่านญาณอาถรรพ์ของลัลทริมา ทำเอาเจ้าสาวของงานต้องเบิกตาโพล่ง







          
                    'กิ๊ง'
                     "ที่รัก...ได้เวลาแล้วนะ" เสียงเข็มยาวตีบอกเวลา19.00น.ในนาฬิกาข้อมือเป็นสัญญาณของเวลาอันสมควรแก่การเริ่มพิธีการในงานแต่งงานช่วงกลางคืนเสียที ทำให้โอ๋ต้องรีบสะกิดแขนของแฟนหนุ่มสุดที่รักที่กำลังนั่งคุยกับรุทรในโต๊ะเพื่อนเจ้าบ่าวให้เตรียมสแตนด์บายได้เสียที
                     "จ๋าจ้ะ..." ชายหนุ่มหันมายิ้มตอบพลางหอมแก้มแฟนสาวเบาๆก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินไปคว้าไมค์มาด้วยความคล่องแคล่ว ...ไฟในห้องถูกปิดลง แสงสีจากเวทีเริ่มส่องเปลี่ยนสีม่วงให้เป็นสีน้ำเงินเพื่อเพิ่มบรรยากาศที่เหมือนท้องฟ้ายามค่ำ เพลงที่กำลังเปิดคลอในงานหยุดลงให้แขกรับรู้ความเปลี่ยนแปลงก่อนที่เสียงของพิธีกรจะดังก้องผ่านลำโพงเรียกร้องความสนใจให้แขกทุกคนหันไปหาที่เวที

                    "สวัสดีครับ! ท่านผู้มีเกียรติทั้งหลายกระผมนายเมธาธร รุ่นน้องของคู่บ่าวสาวและพิธีกรในค่ำคืนนี้ครับ" ชายหนุ่มหัวตั้งแนะนำตัวเสียงดังฉะฉานบนเวทีอย่างคล่องแคล่วราวกับมืออาชีพท่ามกลางเสียงปรมมือของแขกในงาน

                     
    "ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความสุข ของงานมงคลสมรส ระหว่าง คุณลัลทริมา วิกรานต์วรสริตหรือพี่ลัล และ คุณการิน จินตเมธรหรือ พี่การินครับ!!!...เจ้าบ่าวไม่มีชื่อเล่นก็ไม่รู้จะแนะนำทำไมเนอะครับ? แต่สคริปต์มันเขียนมาผมก็ต้องทำหน้าที่อะนะครับ" 

                                    เอพี่การินพี่ลัล อยู่ไหนกันนะ?

                   เสียงหัวเราะคิกคักจากโต๊ะลูกศิษย์และโต๊ะเพื่อคู่บ่าวสาวดังคลอเบาๆกับมุกตลกและท่าทีร่าเริงแจ่มใสของพิธีกรหนุ่มช่วยถ่วงเวลาให้เขาได้เว้นช่วงพูดเพื่อสอดส่องสายตามองหาคู่บ่าวสาวทั้งในบริเวณด้านนอกห้อง ไล่สายตาขึ้นมาจากโต๊ะลูกศิษย์ ผู้ใหญ่ ไล่ขึ้นมาจนโต๊ะเพื่อนคู่บ่าวสาวที่อยู่ด้านหน้าเวทียันหันไปมองในม่านด้านหลังก็เริ่มจะเหงื่อตก

                                    มะ....ไม่เห็นมีเลย 

                  "เอ่อ...ข..ขอเชิญคุณผ.อ.นรินทร์ กับคุณรสวดี กล่าวอวยพรคู่บ่าวสาวสักเล็กน้อย..." สุดท้ายเมื่อไม่สามารถทำการเชิญคู่บ่าวสาวขึ้นเวทีตามกำหนดการได้ เมธาธรก็ได้แต่เลี่ยงลำดับขั้นตอนไปเรื่อยๆเท่านั้นซึ่งไม่มีแขกคนใดในงานนึกสงสัย...ด้วยเหตุที่รู้จักนิสัยเจ้าบ่าวดีอยู่แล้วเป็นส่วนมากจึงไม่คิดจะคาดหวังความปกติจากงานแต่งครั้งนี้ นับเป็นโชคดีในความโชคร้ายได้กระมัง

                                 ...แต่ผมถ่วงเวลาได้ไม่นานนักหรอกนะ อย่างน้อยตอนตัดเค้กพวกพี่ก็ต้องออกมาอยู่ดี ถ้าไม่ใช่ว่าพี่การินพาพี่ลัลหนีไปไหนกันสองคนก็ดีสิ


      
       
                            ยัยโง่!!

                    
    "!!??" 
                    เสียงในใจจากใครบางคนที่แสนคุ้นเคยดังขึ้นมาราวกับเสียงตะโกนเรียกสติทำเอาลัลทริมาเผลอผลักโชติกาลออกอย่างกระทันหัน แม้เรี่ยวแรงจะไม่มากพอให้ชายหนุ่มผละออกไปได้....แต่เมื่อมีการขัดขืนจากหญิงสาวที่รัก โชติกาลก็ยอมตั้งสติแล้วชะงักแต่โดยดี 

                   "ลัลฮะ..."  ชายหนุ่มมองเพื่อนสาวที่กำลังก้มหน้าลงราวกับโกรธจนไม่อยากเห็นหน้าเขาอีกต่อไปด้วยแววตาสั่นไหวกับการปฏิเสธ "ลัลรักการิน...จริงๆสินะ?"

                                     ....รักการิน..งั้นหรอ?

                    "........" ลัลทริมาเงียบไปเมื่อภาพความทรงจำระหว่างกับเจ้าบ่าวเริ่มไหลเข้ามาในหัวเหมือนสมองพยายามคิดหาคำตอบให้โชติกาล วันเวลาที่เธอได้อยู่ข้างๆเขาเพื่อต่อสู้กับเชียร...สายสัมพันธ์อันแปลกประหลาดที่ค่อยๆก่อตัวทีละน้อยๆจากการร่วมฝ่าฟันเหตุการณ์เลวร้ายมาด้วยกัน

                                    มันคือความรัก...งั้นหรอ?

                        "...ขอโทษนะโช"  หญิงสาวค่อยๆเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มราวกับได้ปลดลังเลใจที่กำลังแบกรับอยู่ออกไป ก่อนจะเริ่มเลื้อยมือทั้งสองข้างไปปลดมือของโชติการออกจากร่างของตัวเองจนอีกฝ่ายสงสัยกับท่าทีสบายๆของเธอที่ผิดจากตอนแรกลิบลับ "รักหรือเปล่าหนะ.....'ยัยโง่'อย่างฉันไม่รู้หรอกจ้ะ^^;"

                      "ถ้าอย่างนั้น...แล้วทำไมถึงรับคำขอแต่งงานง่ายๆหละฮะ?" โชถามต่อเพื่อนสาวต่อ คราวนี้สีหน้าของเขาไม่ใช่ชายหนุ่มที่ถามเพราะหึงหวงคนที่หลงรัก แต่เป็นเพื่อนสนิทที่ถามไถ่เธอด้วยความเป็นห่วงทำเอาลัลทริมาเริ่มสดชื่นขึ้นมากกับเขาที่ดีแสนดีไม่เปลี่ยนมาตั้งแต่เมื่อก่อน...หากเธอได้ลงเอยกับเขาอาจมีความสุขเสียกว่าก็เป็นได้

                       ทว่า....

                      "เพราะว่าในตอนนี้หนะ..." เจ้าสาวของงานตอบพลางเบนสายตาไปมองต้นเสียงที่โผล่มาเรียกสติเธอผ่านญาณอาถรรพ์ด้วยสรรพนามสั่วๆจากใครบางคนที่อยู่อีกฟากฝั่งของระเบียงนอกงานและกำลังมองมาที่เธอด้วยสายตาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน สายตาแบบเดียวกับเธอตอนที่เฟี่ยงปากกาผ่านหน้านักเรียนหญิงคนหนึ่งในห้องสมุดเมื่อไม่นานมานี้ "ฉันอยากให้ความสำคัญ..."

                       ....ทำเอาเธออดยิ้มไม่ได้ และตอบโชติกาลไปได้อย่างมั่นใจไร้สิ้นซึ่งความลังเลอีกต่อไป

                    "กับความรู้สึกที่อยากอยู่ข้างๆเขาจ้ะ...."

                      "......"  โชติกาลมองเธอด้วยสีหน้าครุ่นคิดอยู่คู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่กับคำตอบที่สมเป็นเธอ ก่อนจะอมยิ้มบางๆอย่างเศร้าๆแล้วชี้ให้หญิงสาวมองนาฬิกาข้อมือของเขา "...มันสายแล้วนะฮะ^^"

                    "อ๋า!!ต...ตายแล้ว" เจ้าสาวที่เพิ่งสังเกตเวลาว่าเลยมากว่า30นาทีรีบยกชายกระโปรงขึ้นเพื่อให้สะดวกต่อการวิ่งแม้จะไม่มากก็ตามทีเพื่อกลับเข้าไปในงานให้ทันพิธีไม่ให้เมธาธรลำบากไปมากกว่านี้....

                    "ช้าเป็นบ้ายัยแม่มด!!" เสียงของร่างสูงในชุดทักสิโด้สีดำที่กำลังยืนพิงประตูระเบียงรอเธออยู่นานสองนานบ่นในรูปแบบการตะคอกเสียงดังน่ากลัวใส่เธออย่างอย่างหงุดหงิดทำเอาหญิงสาวต้องชะงักอยู่ที่ประตูระเบียงกับสามี
                    สาเหตุแห่งความหงุดหงิดของการินที่แท้จริงไม่ใช่เพราะการต้องมายืนรอเธอนานๆแต่เป็นเพราะภาพโชติกาลและภรรยาที่เห็นเมื่อครู่บนระเบียง หากตอนนั้นลัลทริมาไม่ผลักโชติกาลออก เพื่อนผู้เป็นสุภาพบุรุษที่น่าสงสารของเธออาจถูกการินวิ่งไปถีบกระเด็นตกระเบียงตั้งแต่เมื่อครู่เป็นได้

                     "รู้แล้วหละย่ะ...ขอโทษนะ" เจ้าสาวตอบพลางแอบค้อนนิดๆที่ถูกเอ็ดก่อนทั้งที่ตนกะจะเอ็ดเขาเรื่องแอบโดดหนีงานไปไหนตั้งนานสองนานแถมเมื่อเช้ายังนั่งหลับกลางพิธีแบบน่าเกลียดสุดๆแท้ๆ

                       ....ที่จริงก็รู้สึกผิดเรื่องโชนิดหน่อย ยอมให้นายอีกสักรอบไม่ตายหรอก
               
                       "......" ลัลทริมาคิดในใจโดยไม่รู้เลยว่ากำลังถูกสามีมองอยู่ด้วยสายตาบอกอารมณ์ไม่ได้ ก่อนที่การินซึ่งเอามือล้วงกระเป๋าอยู่อ้าแขนออกเล็กน้อยจนเจ้าสาวได้แต่มองอย่างสงสัยกับท่าทางของเขาที่นิ่งเงียบไม่ปริปากพูดอะไร....มีเพียงเสียงในความคิดของเขาดังลอดผ่านญาณอาถรรพ์มาเท่านั้น

                   ...จากตรงนี้ถอยไม่ได้แล้วนะยัยแม่มด แน่ใจเรอะ?

                  การินถามเธออยู่ในใจ....นี่อาจเป็นครั้งแรกเลยที่เขาใส่ใจความรู้สึกของเธอ 
    ท่ามกลางท้องฟ้าที่มีหมู่ดาวส่องประกายระยิบระยับโรแมนติคจนลัลทริมาอยากตีความหมายของเขาเป็นการขอแต่งงานอีกครั้งในวินาทีสุดท้ายที่เธอจะสามารถหนีจากงานวิวาร์ที่ไม่ได้เกิดจากความรักของเธอได้ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เธออาจจะลังเลแล้วหนีไป...แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว
               
                "...แน่ที่สุด" 
               ลัลทริมาเอื้อมมือไปควงแขนของการินที่อ้าค้างไว้ให้เธอแทนคำตอบที่เหนือความคาดหมายไม่น้อย

               "หึ..หึ หึ..หึ หึ..หึ หึ..หึ หึ..หึ หึ..หึ หึ..หึ หึ..หึ หึ..หึ หึ..หึ " ชายหนุ่มแสยะยิ้มกว้างอย่างยินดีจนต้องเอามืออีกข้างมาปิดหน้าของตนคล้ายว่าไม่อยากให้ภรรยาเห็นสีหน้าของเขาในตอนนี้ พลางส่งเสียงหัวเราะอันแสนคุ้นเคยให้ดังลอดผ่านม่านประตูระเบียงเข้าไปในงานจนพิธีกรรู้ว่าคนที่เขากำลังมองหาอยู่ที่ใด ก่อนจะหันไปแสยะยิ้มกว้างให้หญิงสาวที่กำลังควงแขนเขาอยู่อีกครั้ง "อย่ามาร้องไห้เสียใจทีหลังแล้วกันยัยแม่มด...."

              "จ้าๆ...คุณสามี" ลัลทริมายิ้มกับปฏิกริยาของเขาแล้วตอกกลับไปอย่างสนิทสนม ขณะที่มืออีกข้างของเขาเอื้อมไปแหวกม่านประตูระเบียงให้แสงสีของคืนฉลองงานแต่งงานอาบร่างทั้งคู่


              ก่อนที่เจ้าบ่าวจะควงเจ้าสาวคนสวยราวกับเจ้าหญิงหลุดออกมาจากเทพนิยายเดินเข้ามาในตัวงาน....

               "ขอเสียงปรบมือให้กับคู่บ่าวสาวด้วยคร้าบ!!"

              "แปะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"

             ....ท่ามกลางเสียงปรบมือของเหล่าแขกเหรื่อและเสียงประกาศจากพิธีกรนั่นเอง




               เวลา0นาฬิกา โดยประมาณ...ณ ห้องของโรงแรมในสถานที่ฮันนีมูนของคู่บ่าวสาว ซึ่งใช้เวลาเดินทางราวๆ 4 ชั่วโมงและเป็นเวลาที่ทั้งคู่ใช้เวลาหลับนอน(พิงไหล่)ร่วมกันเป็นครั้งแรกในรถรับส่งขณะเดินทางซึ่งเลขาของผ.อ.นรินทร์เป็นธุระช่วยพาทั้งคู่ไปส่งและจะเวียนมารับในอีกห้าวันหลังจบฮันนีมูน


                 "ปึก!"
                ....และแล้ว...คืนแรกที่ทั้งคู่ได้พักอาศัยร่วมกันก็เริ่มต้นขึ้นทันทีที่สิ้นเสียงประตูห้องพัก


    รูปภาพที่เกี่ยวข้อง


                     "การิน...งั้นฉันอาบน้ำก่อนนะ?"

                    "........"  เมื่อไร้เสียงตอบรับจากคนที่เปิดประตูเข้าห้องมาก็เอนตัวลงบนเตียงอย่างอ่อนล้าเมินกลีบกุหลาบเรียงกันรูปหัวใจรับคู่ขวัญฮันนีมูนที่กลางเตียงทั้งเสื้อเชิ้ตกางเกงสูท ลัลทริมาก็ปล่อยให้สามีนอนต่อไปพลางเริ่มเปลื้องเสื้อผ้า ชำระร่างกายให้สะอาดแล้วลงแช่กายลงในอ่างอาบน้ำที่มีกลีบกุหลายลอยอยู่เต็มอ่าง
                   แสงไฟสีนวลอ่อน ผนังสีขาวสะอาดตา น้ำอุ่นๆรวมถึงกลิ่นกุหลาบที่ลอยขึ้นมาอบอวลไปทั่วเรือนร่างของหญิงสาวชวนให้ผ่อนคลายทำเอาลัลทริมาเคลิบเคลิ้มราวกับความอ่อนล้าที่ต้องใส่ชุดฟูฟ่องเดินไปเดินมาแถมวิ่งวุ่นทั้งวันปลิวหายไปเป็นปลิดทิ้ง

                   ........ก่อนจะถูกขัดจังหวะ

                   "ชอบโชว์รึไงยัยแม่มด?" เสียงของใครบางคนที่กำลังนอนอยู่บนเตียงทำเอาลัลทริมาต้องรีบหันไปหา ปรากฏว่าสิ่งที่เห็นคือการินที่กำลังนอนตะแคงหันมาทางเธอโดยไม่มีอะไรกั้น

                   จนเขาสามารถเห็นช่วงที่โผล่พ้นอ่างคือเนินอกรวมไปถึงไหล่บางๆที่มีหยดน้ำเกาะอยู่เล็กน้อยดูเย้ายวน ยิ่งเธอรวบผมขึ้นให้สะดวกต่อการอาบน้ำก็ยิ่งเผยให้เห็นคอเรียวระหงของหญิงสาว
                   "ก...การิน!?" ลัลทริมาร้องเรียกคนตรงหน้าที่มองเธอตาไม่กระพริบอย่างตกใจ เพราะความเพลียทำให้เธอไม่ทันได้สังเกตุว่าห้องน้ำเป็นเพียงพื้นต่างระดับโดยมีม่านให้รูดเพื่อกั้นห้องได้เท่านั้น ซึ่งเธอกลับลืมรูดม่านปิดเสียนี่

                   "หึ..หึ.." การินมองใบหน้าแดงระเรื่อของภรรยาด้วยรอยยิ้มแสยะเล็กน้อยเหมือนสนุกที่เห็นเธอลนลาน ยิ่งหญิงเริ่มเอามือกอดอกเพื่อปิดบังเรือนร่างสั่นระรึกทั้งดวงตารื้นๆที่เหมือนอายจนจะร้องไห้นั้นก็ยิ่งสนุกเข้าไปใหญ่

                  "เอ่อ..การิน ป...ปิดม่านให้หน่อยสิ"

                   "แน่ใจหรอว่าจะให้ฉันเดินไปยัยแม่มด? ไปใกล้กว่านี้...ฉันเห็นเธอทั้งตัวแน่"

                   "ก...การิน"







     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×