ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [AOT / SNK] แด่เธอในอีก 2,000 ปีข้างหน้า...จากไททันเกราะ

    ลำดับตอนที่ #4 : ผ่านตากันไปมา

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ค. 65




    ? cactus

    ##############################

    บนเส้นทางที่ไร้ความหวัง…ผมเป็นคนแรกที่หันกลับไปมองเขา

    ภาพแรกที่เห็นคือใบหน้าเปื้อนน้ำตาและเลือดไหลซิบ จากการต่อสู้กับพวกพ้องตัวเอง

    ภาพต่อมาคือแววตามุ่งมั่นของหัวหน้าภารกิจจำเป็น ผู้แบกรับอะไรมากมาย

    ภาพถัดจากนั้นคือรอยยิ้มจอมปลอม…ของเขาอีกคนที่ผมไม่รู้จัก

    ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่…สายตาผมมักไปหยุดอยู่ที่เขาเสมอราวกับเป็นหน้าที่

    ทุกครั้งที่มองก็มีคำถามผุดขึ้นมาลึกๆ ในใจ

    ไรเนอร์…

    นายเคยมีความสุขบ้างไหมนะ?

    ###############################

     

    Bethany:

              ‘แกรก’

              เบธานี่ไขกุญแจเข้ามาในห้องส่วนตัว ปลายผมเปียกน้อยๆ และผิวประดับละอองน้ำหมาดๆ บ่งบอกว่าเธอเพิ่งกลับจากห้องอาบน้ำรวมหญิง

              สิ่งแรกที่เห็นหลังเปิดไฟคือบานพับหน้าต่างสีขาว โต๊ะลิ้นชักขนาดยาว และเก้าอี้เข้าชุดกันทั้ง 2 ฝั่งห้อง ในขณะที่เตียงอีกด้านหนึ่งว่างเปล่า เธอเองก็อยู่คนเดียวในห้องสำหรับสองคนเช่นกัน

              เด็กสาวหยิบกระเป๋าเป้แบรนด์กีฬาที่ไม่เคยใช้งานขึ้นมาทำความสะอาดอย่างบรรจง และวางมันกลับลงไปบนพื้นดังเดิม ก่อนพาดผ้าเช็ดตัวไว้กับพนักเก้าอี้ขัดกับอุปนิสัย ข้างๆ กันมีเสื้ออเมริกันฟุตบอลที่ถูกยืมระยะยาวมาอย่างลับๆ แขวนไว้ กระทั่งฮีทเตอร์ก็ถูกเปิดไว้ที่อุณหภูมิเดียวกับเมื่อคืน

              ห้องของเบธานี่ดูเหมือนห้องของไรอันทุกกระเบียดนิ้ว…

              ตั้งแต่สีสัน ตำแหน่งเฟอนิเจอร์ จรดของตกแต่ง เธออยากใกล้ชิด อยากรู้สึกเหมือนได้นอนห้องเดียวกันทุกคืน จึงจัดแจงห้องของตนเองอย่างประณีตตั้งแต่วันแรกที่แอบเข้าไปในห้องของไรอันได้สำเร็จจนหาข้อแตกต่างไม่พบ มันชวนให้รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย…

              ส่วนรูปแอบถ่าย ประวัติการสืบข้อมูล ตลอดจนกุญแจผี แน่นอนว่าเก็บใส่ลิ้นชักไว้อย่างดี

              แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นแล้วล่ะ…

              ร่างสูงระหงทิ้งตัวเองลงไปบนเตียง ซุกหน้าหายเข้าไปหมอนสีโปรดของเขา คว้ากอดมันไว้แน่น ซ่อนใบหน้าแดงเรื่อและน้ำตาแห่งความสุขที่เอ่อคลอไว้ในนั้น เรื่องราวในวันนี้ดีราวกับความฝัน ไรอันยอมให้เธออยู่ข้างๆ ได้ตื่นมาเห็นหน้าเขาเป็นอย่างแรก กินมื้อเย็นด้วยกัน นั่งโต๊ะเดียวกัน ทำความรู้จักเพื่อนของขา ตลอดจนถูกเอ่ยปากชม

              ที่ผ่านมา แค่แอบดูเด็กหนุ่มอยู่ไกลๆ หัวใจก็เต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว

              แต่ตอนนี้เธอได้เฝ้ามองอยู่เคียงข้าง ได้เดินไปตามทางด้วยกัน ถูกเขากอดไว้ทั้งคืน เธอปลื้มปริ่มจนจะลืมหายใจ ยิ่งนึกถึงรอยยิ้มของไรอัน ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ข้างในก็ยิ่งเอ่อล้นออกมาผ่านปลายนิ้วจนหมอนแทบขาด

     

                   ไรอันดูมีความสุขจัง

                   วันนี้ได้เห็นเขายิ้มตั้งหลายครั้ง

                   ดีจังเลย…ดีจังเลย

    ดี             ดีจริงๆ เลยนะไรเนอร์

              “กระซิก กระซิก” ใบหน้าสะสวยสะอื้นไห้ด้วยความสุข ชั่วขณะอารมณ์สั่นไหว เสียงจิตใต้สำนึกของเบธานี่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ราวกับไม่ใช่ความนึกคิดของเธอเอง แต่มาจากใครบางคนที่หลับใหลอยู่ในส่วนลึกสุดของความทรงจำ

              ก่อนหายวับไปในชั่วอึดใจ…

              จริงสิ ได้เวลาแล้ว

              เบธานี่เหลือบตามองนาฬิกาหัวเตียงก่อนยันกายขึ้นช้าๆ กลับไปทำสิ่งที่ต้องทำโดยไม่ทันสนใจเสียงนั้นเลย

     

    ###########################

     

    Marco:

              ‘นายว่าเบธเป็นไงบ้าง’

              “...”

              เสียงฝักบัว ‘ซ่า ซ่า’ ที่ก้องในหู ยังไม่ดังเท่าเสียงพูดคุยจอแจของนักกีฬาทั้งสองที่อยู่หน้าล็อกเกอร์ของห้องอาบน้ำรวม หนึ่งในนั้นคือเสียงที่คุ้นเคยจนอาจารย์หนุ่มผู้อยู่หลังม่านพลาสติกฝั่งห้องอาบน้ำชะงักไป

              ‘ปกติกว่าที่คิด’

              ความเห็นของคู่สนทนาทำเอาไรเนอร์ในร่างใหม่หลุดขำพรืด เมื่อแอบแง้มม่านห้องอาบน้ำของตัวเองออกเล็กน้อย มาโก้ก็เห็นอดีตคนรู้จักพูดคุยอยู่กับเพื่อนร่วมทีมฟุตบอลมหาวิทยาลัย สังเกตได้จากแจ็คเก็ตที่พาดบ่าทั้งคู่ขณะเปลี่ยนเสื้อผ้า

              ‘เป็นพวกหงิมเงียบนั่นแหละ แต่ก็ไม่ได้น่าอึดอัดอะไร…ภายนอกก็ดูไม่มีพิษมีภัย’

              ใช่ ดูไม่มีพิษมีภัยเลย…

              อาจารย์ไม่ได้นึกถึงสาวเฟรชชี่ในตอนนี้ แต่เป็นเธอในสงครามครั้งก่อน เขาไม่มีทางลืมความรู้สึกในวันนั้นเลยว่าตตกใจและหวาดกลัวมากแค่ไหนเมื่อรู้ว่าคนที่ดูไม่มีพิษภัยคือไททันที่โจมตีมนุษยชาติ

              ‘เป็นมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วล่ะ เห็นหงิมๆ แบบนั้นแต่ก็ขี้เหงานะ ชอบอยู่กับเพื่อนเป็นกลุ่มใหญ่ ทั้งที่ไม่รู้จะพูดอะไร’ เสียงเด็กหนุ่มผมบรอนด์ขณะเล่าถึง ‘เบธเมื่อก่อน’ เจือเสียงหัวเราะ ฟังดูเปี่ยมสุข อยากเล่าอีกมากๆ ทว่าในแววตากลับสะท้อนความหม่นเศร้าไปพร้อมกัน

              งั้นหรอกหรอ? นึกว่าเบลทรูทชอบนั่งกับเพื่อนกลุ่มใหญ่ เพราะมีนายอยู่ด้วยซะอีก

              มาโก้หลับตาลงแผ่วเบา ภาพความทรงจำในหอนอนของหน่วยทหารฝึกหัดพลันหวนคืนกลับมาทีละเล็กทีละน้อย หลังเดินผ่านประตูไม้บานนั้นเข้าไป สิ่งแรกที่เห็นถัดจากแผ่นหลังของ ‘แจน เคียร์สไตน์’ ผู้เดินนำหน้าเขาอยู่เสมอ คือเตียงไม้สองชั้นทอดยาวสุดผนังห้อง

              เตียงของมาโก้กับแจนอยู่ฝั่งขวามือชั้นล่าง

              กิจวัตรก่อนนอนคือเช็ดผมไปพลาง นั่งฟังเพื่อนสนิทโอ้อวดหรือบ่นเรื่องอะไรสักอย่างไปพลาง ถ้าแจนบ่นเรื่องในคราสเรียน โทมัสกับมิลเลียสที่อยู่เตียงถัดไปจะมานั่งร่วมวงระบายด้วยกัน ถ้าแจนโอ้อวดเรื่องเทคนิคการใช้โอดีเอ็มเกียร์ของตัวเอง จะไม่มีใครต้องมานั่งร่วมวงด้วย เพราะเขาจะจงใจพูดเสียงดัง…ให้เอเรนที่อยู่เตียงฝั่งตรงข้ามด้านบนได้ยิน

              แต่ทุกทีกลับมีแค่ฟรานต์กับซามูเอลที่นั่งหูผึ่งอย่างสนอกสนใจ ขณะเอเรนกับอาร์มินไปสุมหัวเม้าท์มอยกันอยู่ที่เตียงติดผนังด้านบนของเบลทรูทกับไรเนอร์ ถึงจะไกลจนไม่ได้ยินว่าคุยเรื่องอะไรกัน แต่มองไปทีไร ก็จะเห็นเบลทรูทนั่งเงียบๆ ฟังทั้งสามคนพูดคุยกันอย่างออกรส และเพราะไรเนอร์วางมาดเป็นเหมือนพี่ใหญ่ของทุกคน อีกทั้งเอเรนยังเป็นที่รู้จัก วันดีคืนดีจึงมีเพื่อนๆ คนอื่นไปร่วมวงด้วยจนกลายเป็นกลุ่มใหญ่

              ส่วนโคนี่ผู้ขี้คร้านฟังแจนบ่นก็จะเดินเล่นเอ้อระเหยไปตามวงนั้นวงนี้อย่างสบายอารมณ์


              อาจารย์มาโก้ บอต ไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังทำหน้าแบบเดียวกับไรเนอร์คนใหม่อยู่หรือไม่?

              ช่วงเวลาที่คิดถึงอย่างหมดใจ กลับเปี่ยมการจากลาและความสูญเสียฝังรากลึกอยู่ข้างใน ดำดิ่งอยู่ในวันคืนเหล่านั้นทีไรก็อดยิ้มไม่ได้ ทั้งที่หยาดน้ำเอ่อขึ้นมาถึงหน่วยตาแล้ว

              เบื้องหลังห้องอาบน้ำที่ไม่มีใครรู้เห็น

     

              “อ้าว แกรู้จักเบธมาก่อนหรอกเรอะ ไม่บอกแต่แรกล่ะ? ”

              คำถามจากเด็กหนุ่มผิวสีลากอาจารย์ออกมาจากภวังค์…

     

    ############################

     

    Raian:

              เจฟโพล่งขึ้นมาหลังได้ยินคำว่า ‘เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว’

              จนผมที่รู้ตัวว่า ‘หลุดพูดออกไปแล้ว’ รีบหุบปากตัวเองลงทันควัน ความดีใจที่ได้คนสำคัญกลับคืนมามันอัดแน่นเต็มอกจนเรื่องราวของเบลทรูทในความทรงจำกลายเป็นเรื่องอยากเล่า อยากพ่นออกมา อยากหัวเราะไปพร้อมกับใครสักคน พอทำแบบนั้นกับเบธไม่ได้ ปากเจ้ากรรมก็ดันหลุดพูดถึงออกมาเป็นพักๆ

              “ไรอัน นายยอมเมินเรื่องสตอล์กเกอร์เพราะแบบนี้เองเหรอ? นี่นายรู้จักเบธมานานแล้วสินะ? ถ้าบอกตั้งแต่แรก ฉันจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”

              “...”

              “แล้ว ‘เมื่อก่อน’ นี่คือเมื่อไหร่ล่ะ? ฉันอยู่กับนายเกือบตลอดช่วงไฮน์สกูล ยังไม่เคยเห็นหน้าเลย จะว่าไป ถ้าพวกนายรู้จักกันมาก่อน แปลว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาเธอแค่แกล้งนายเล่นหรอ? หรือว่าเธอชอบแอบตามนายมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วล่ะ? หรือว่า…”

              “โฮ่ย พอแล้ว”

              ยอมแพ้ ผมนึกอะไรไม่ออกเลย ทำได้แค่ฟังเพื่อนมโนนั่นนี่อยู่ฝ่ายเดียว

              ผมใช้มือใหญ่หุบปากไวอย่างกับแร็ปเปอร์นั่นตามสัญชาติญาณ ทั้งที่เพิ่งพูดถึง ‘เบลทรูทเมื่อก่อน’ จนอารมณ์กำลังอ่อนไหวได้ที่ กลับต้องเจอคำถามกองมหึมาดันถล่มลงมาตรงหน้า

              จะให้บอกความจริงว่า ‘เธอเป็นเพื่อนเก่าในชาติก่อนของฉัน’ หรอ? บ้าบอ เจฟคงหัวเราะเหมือนผมเป็นไอ้งั่ง ไม่ก็ตีตัวออกห่าง หรืออย่างร้ายก็เอาผมไปทิ้งในศูนย์จิตเวชของวิทยาลัย แต่จะแบบไหนก็แย่พอกัน แถมต่อให้อุดปากไว้ได้ ก็ยังต้องเผชิญตากลมโตสีดำใสปิ๊งของหมอนี่อยู่ดี ประกายสงสัยเต็มที่ของมันทำเอาสมองผมหมุนคว้างไปหมด ประมวลไม่ทันว่าจะตอบอะไรดี

     

              นักศึกษา ที่นี่พื้นที่สาธารณะนะครับ หยุดพูดคุยเสียงดังได้แล้ว’

     

              “...” เสียงจากในห้องฝักบัวดังผ่าอากาศออกมาเหมือนระฆังช่วยชีวิต

              ทั้งผมและเจฟสะดุ้งหันไปมองเป็นตาเดียวกัน ปกติช่วงเวลานี้จะมีแค่พวกเราเท่านั้น ไม่ก็พวกนักกีฬาที่ชอบส่งเสียงเอะอะไม่ต่างกัน ลืมเรื่องเมลประกาศจากหอพักนักศึกษาไปเสียสนิทว่าช่วงนี้ห้องน้ำอาจารย์มันเสีย เลยมีพวกอาจารย์ลงมาใช้ด้วยเหมือนกัน

              น้ำเสียงบ่นดุเจืองอแงเวลามีคนทำผิดกฎระเบียบนั่นคุ้นหูจริงๆ แต่ไม่สำคัญ มันช่วยผมไว้ได้พอดี

              “เฮ้อ” เจฟมองเงาหลังม่านพลาสติกนั่นอย่างไม่สบอารมณ์นัก แต่ก็ไม่บ่นอะไร แค่พูดกับผมเบาๆ “ไว้ค่อยเล่าให้ฟังทีหลังละกัน” ก่อนเดินนำออกจากห้องน้ำไป

               นายช่วยไม่อยากรู้สักเรื่องไม่ได้หรือไงนะ?

              ความจริงมันอยู่เหนือสามัญสำนึกเกินไป แต่อีกใจหนึ่ง ผมก็ไม่อยากมีชีวิตที่ต้องตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ โกหกเพื่อนซ้ำไปซ้ำมาอย่าง ‘เมื่อก่อน’ ด้วยเหมือนกัน

              ผมหวังจริงๆ ว่า ‘ทีหลัง’ นั่นจะไม่มาถึงง่ายๆ

     

    ###################

     

    Marco:

              ออกไปกันแล้วสินะ…

              อาจารย์มาโก้พาร่างตนเองที่คอยนานจนตัวแห้งสนิทออกจากห้องอาบน้ำ

              ตอนนั้นท่าทีของไรอันทำให้ชายหนุ่มหวนนึกถึงตนเอง เวลาที่เขาเผลอหลุดพูดอะไรจากอดีตให้คนรอบข้างฟัง ก็มีท่าทีกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นกัน แม้ไม่มีอะไรยืนยัน 100% ว่าไรเนอร์มีความทรงจำในชาติก่อนจริง อีกทั้งการทรยศยังสร้างบาดแผลฝังลึกไว้ แต่เขาก็เผลอช่วยพูดตัดบทให้เขาไปเสียแล้ว จริงๆ เลยนะ…

              “เฮ้อ..” ชายหนุ่มถอนหายใจ

              ช่างเถอะ จนกว่าวันที่ภาพติดตาแห่งวาระสุดท้ายนั้นจะเลือนรางลง และ เขาพร้อมเดินเข้าไปพูดคุยกับทั้งสองอย่างผ่าเผย เพื่อเคลียร์เรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังสงครามที่ติดค้างในใจจะมาถึง (ถ้าโชคดี ทั้งสองมีความทรงจำ) มาโก้ตั้งใจจะรักษาระยะห่างต่อไปอีกสักพัก

              “!? ”

              “!? ”

              ทันทีที่อาจารย์มาโก้เดินเลี้ยวออกมายังโซนล็อกเกอร์แต่งตัว คนที่ไม่คาดคิดพลันปรากฏขึ้นตรงหน้า…เด็กสาวผิวแทนสูงระหงกำลังแอบเปิดตู้ล็อกเกอร์ของไรเนอร์..กำลังเติมแชมพูที่หมดเกลี้ยงให้เต็มขวด

              “...”

              “...”

              ทั้งสองสบตากันอย่างนิ่งอึ้ง ฝ่ายหนึ่งตกใจที่เบลทรูทในร่างใหม่โผล่แบบไม่คาดคิด อีกฝ่ายก็สะดุ้งที่โป๊ะแตก ถูกจับได้คาหนังคาเขาตอนแอบเข้ามาในห้องน้ำชาย แถมเปิดล็อกเกอร์ของคนอื่นอีกด้วย ครั้งที่สองแล้วที่มาโก้ต้องโผล่มาเป็นพยานรู้เห็นการกระทำลับๆ ต่างกันเพียงครั้งนี้ไม่มีไรเนอร์เคลียสถานการณ์ให้

              เบธานี่เบิกตาโพล่งพลางเหงื่อตก

              นักศึกษาสาวอยากหนีไปจากตรงนั้น แต่แชมพูที่รินค้างอยู่ไม่ยอมให้เธอทำ เพราะกลัวมันจะเลอะตู้ล็อกเกอร์ของไรอันจึงยืนนิ่งทำใจดีสู้เสือรอมันเต็มขวด ก่อนรีบเก็บเข้าไปในตู้ล็อกเกอร์อย่างกล้าๆ กลัวๆ เหมือนอยู่ต่อหน้าไททันเสียเอง

              “นักศึกษา...ทำอะไรอยู่น่ะ? ”

              มาโก้ตัดภาพเดจาวูออกไปจากห้วงความคิด ปรับสมองให้อยู่กับปัจจุบันจนเอ่ยถามออกไปได้ในที่สุด

              “เอ่อ..น..หนู.” คำเรียกนั้นยิ่งทำให้เบธหน้าถอดสี มันบ่งบอกว่าชายหนุ่มในเสื้อคลุมอาบน้ำตรงหน้าคืออาจารย์ แย่แล้ว ชีวิตมหาลัยเธอจะเป็นอย่างไรต่อไป? เฟรชชี่สาวคิดข้อแก้ตัวไม่ทันจนได้แต่ตอบข้างๆ คูๆ “มาทำ..ธุระนิดหน่อยค่ะ”

              “ที่นี่ห้องน้ำชายนะ? ” อาจารย์บอตกดเสียงต่ำ

              “..ค่ะ” ใบหน้าสะสวยซีดเผือดไปหมดแล้ว ในสมองมีเพียงกรณีเลวร้ายที่อาจเกิดขึ้นต่อไป เธออาจถูกลงโทษ ถูกมองว่าเป็นโรคจิต ถูกทัณฑ์บน ถูกไล่ออกจากหอพัก ถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัย ที่เลวร้ายกว่าอะไรทั้งหมด เธออาจไม่ได้อยู่กับไรอันอีก

                   ไม่เอานะ..ไม่เอา

                   ฮืออ ทำยังไงดี

                   ทำไมนายต้องโผล่มาตอนจังหวะไม่ดีอยู่เรื่อยเลย…

              “ไรอัน เบรนเนอร์ ใช้ให้ทำหรอ? ” มาโก้อ่านชื่อบนล็อกเกอร์พลางตั้งสมมุติฐาน

              “ไม่ใช่นะคะ ม..ไม่ใช่!” เด็กสาวร้องขึ้นทันควันพลางส่ายหน้าไปมา กลัวคนสำคัญจะถูกหางเลขไปด้วย “เขา..ไม่รู้ค่ะ”

              “ถ้าเขาไม่รู้ คุณมีกุญแจล็อกเกอร์ของเขาได้ยังไง เบธานี่”

              อาจารย์เรียกชื่อที่รู้มาจากบทสนทนาก่อนหน้านี้ออกไป คำว่า ‘สตอล์กเกอร์’ ที่เด็กหนุ่มผิวสีพูดถึงเริ่มกลับมาวนเวียนในสมองอาจารย์หนุ่ม แต่เขามีเรื่องอื่นที่สงสัยยิ่งกว่า ท่าทีของอีกฝ่ายบ่งบอกอะไรบางอย่าง ถ้าเบลทรูทมีความทรงจำในชาติก่อนจริง คงจำเขาได้ และเจรจากับเขาอย่างใจเย็นกว่านี้…ไรเนอร์อาจเป็นแค่คนเดียวที่มีความทรงจำ

              …ใช่ไหมนะ?

              “...”

              ไม่มีอะไรออกมาจากริมฝีปากบางนั้นอีกแล้ว อาจารย์รู้กระทั่งชื่อของเธอ เด็กสาวหลับตาปี๋อย่างยอมรับชะตากรรม

              “เฮ้อ...”

              มาโก้ถอนหายใจกับจำเลยผู้สิ้นหวัง แม้สิ่งที่นักศึกษาสาวทำจะผิดกฎ แต่เขาก็ยังไม่คิดจะโยนเบธานี่เข้าห้องกรรมการสอบวินัยนักศึกษาตั้งแต่ตอนนี้ ยังไม่ได้คุยเรื่องที่คั่งค้างกับเธอเลย “กลับไปได้แล้วล่ะ ครั้งนี้ผมจะปล่อยคุณไปก่อน แต่ระวังอย่าให้เกิดขึ้นอีก ถ้าคนที่มาเจอไม่ใช่ผม มันไม่จบลงแบบนี้นะ”

              “...” เสียงอบอุ่นที่ส่งมาให้ทำเอาใบหน้าซีดเผือดเริ่มกลับมามีเลือดฝาดไหลเวียน เด็กสาวเงยหน้า มองอาจารย์ด้วยตาเป็นประกายราวกับมองนักบุญ “ขอบคุณค่ะ”

              เบธานี่ทำท่าจะรีบหันหลังเดินหนีไป แต่ตอนก้มหน้าหลบอาจารย์เมื่อครู่ หางตาเธอกลับเหลือบไปเห็นเสื้อผ้าใส่แล้วที่ไรอันลืมทิ้งไว้ข้างใน จึงเดินกลับมาหยิบมัน และปิดล็อกเกอร์ให้เรียบร้อยอีกครั้ง พลางยิ้มแหยให้ชายที่ยังยืนมองเธออยู่

              “เอ่อ..หนูจะเอาไปให้เพื่อนค่ะ” {หนูไม่ได้ขโมยนะคะ} นั่นคือสิ่งที่อยากพูดจริงๆ ใครเห็นเข้าก็ต้องเข้าใจผิดแน่ๆ แต่มาโก้เพียงพยักหน้า ปล่อยให้สตอล์กเกอร์สาวเดินจากไปเฉยๆ อย่างหมดคำจะพูด...ทั้งกับเธอ เรื่องราวที่เกิดขึ้น และสภาพจิตใจตัวเอง 


              ไรเนอร์ เบลทรูท อะไรของพวกนายเนี่ย...

             

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×