ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : คู่แข่งในคืนสำคัญ
ไม่น่าเชื่อเลย....จริงๆ
หมอผีธราธรยืนตะลึงงันกับความสามารถญาณอาถรรพ์ที่ไม่น่าจะมีใครเหมือนอยู่ตรงนั้นนอกอาณาเขตควันกำยานอาถรรพ์สะกดที่เพิ่งเห็นเจ้าบ่าวของงานแต่งงานเดินเข้าไปหาสาวปริศนาด้านในอย่างสมัครใจที่จะไม่ต่อต้านเธอเสียอีก แบบนี้ก็ทำได้แค่ปล่อยเลยตามเลยละมั้ง?
ไม่สิ! ไม่ใช่แบบนั้น!
"แกร่ก" ทันทีที่ได้สติ ชายหนุ่มในผ้าคลุมดำคล้ายปีกค้างคาวเย็บติดกันก็ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋าก่อนจะเริ่มทำปากพึมพำคล้ายการบริกรรมคาถาบางอย่างของศาสตร์มืดที่เชี่ยวชาญเป็นอย่างดี
ถ้าเธอมีญาณอาถรรพ์จริง แถมควบคุมให้กันเราออกมาได้ ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องใช้พิธีแปรวิถีนิทรา...
ใช่แล้ว!ไม่ผิดแน่! ต้องมีคนอื่นร่วมมือด้วย! ญาณอาถรรพ์มันไม่ได้มาจากตัวเธอคนนั้น!
"แกเป็นใคร!!" หมอผีหนุ่มพูดขึ้นขณะหันกลับไปด้านของตัวเองตามสัญชาติญาณที่ถูกขัดเกลามาเป็นอย่างดีเมื่อรู้สึกได้ถึงบางอย่าง ก่อนจะนำผงปริศนาออกมาจากกระเป๋า ก่อนเป่าออกมาหลังจากบริกรรมคาถาเสร็จ
'ฟู่~~~~~'
ลมถูกเป่าออกมากลับกลายเป็นควันขโมงก่อนจางหายไปในชั่วอึดใจ เผยให้เห็นร่างของชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับตนในเสื้อคลุมดำยากจะมองเห็นหน้า แน่ใจได้ว่าเขาจะยืนอยู่นอกระเบียงตรงนั้นมาตั้งแต่ต้น...พร้อมปรากฏวงเวทย์ไม่กี่วงลอยอยู่รอบๆร่างนั้นทั้งบนหัว รอบตัว รอบขาราวกับเป็นเครื่องพันธนาการจากมหามนตร์ของหมอผีธาธที่พร้อมจะหยุดการเคลื่อนไหวของร่างผ้าคลุมดำนั้นทันทีที่ขัดขืน
"ฮี่ฮี่ มาจากแกเองสินะ คิกๆๆ ถึงจะมีญาณอาถรรพ์แต่ฝีมือระดับนี้ ยังเร็วไปร้อยปีไอ้หนู" ธราธรกระหยิ่มยิ้มย่องกับชัยชนะเหนือผู้ใช้อาคม+ญาณอาถรรพ์ปริศนาตรงหน้าที่ได้มาในชั่วพริบตา "แล้วไง? เป็นพรรคพวกของแม่นั่นสินะ?"
"ขอโทษนะครับ...แต่พอดีตอนนี้ผมบอกอะไรคุณไม่ได้ทั้งนั้น"
"ฮี่ฮี่ มาจากแกเองสินะ คิกๆๆ ถึงจะมีญาณอาถรรพ์แต่ฝีมือระดับนี้ ยังเร็วไปร้อยปีไอ้หนู" ธราธรกระหยิ่มยิ้มย่องกับชัยชนะเหนือผู้ใช้อาคม+ญาณอาถรรพ์ปริศนาตรงหน้าที่ได้มาในชั่วพริบตา "แล้วไง? เป็นพรรคพวกของแม่นั่นสินะ?"
"ขอโทษนะครับ...แต่พอดีตอนนี้ผมบอกอะไรคุณไม่ได้ทั้งนั้น"
ชายปริศนาในเสื้อคลุมดำปฏิเสธอย่างสุภาพราวกับหมอผีธราธรเป็นคนที่เขาเคารพมากคนหนึ่งโดยแทบไม่ใส่ใจวงเวทย์อาคมจากพิธีกรรมอันตรายที่แค่วงเล็กๆวงเดียวทำให้เขาถึงฆาตได้ในพริบตา แต่นี่มีวงใหญ่ตั้งหลายวงกำลังรายล้อมเขาอยู่จากทุกทิศ....
...สมคำล่ำลือหมอผีจากตระกูลวรรณศิริ ขั้วอำนาจใหญ่ของตระกูลวิชาไสยแห่งเอเชียจริงๆ
...สมคำล่ำลือหมอผีจากตระกูลวรรณศิริ ขั้วอำนาจใหญ่ของตระกูลวิชาไสยแห่งเอเชียจริงๆ
"แหม~♪อย่างกับว่าแกมีสิทธิ์เลือกงั้นแหละ" หมอผีธราธรแสยะยิ้มพลางเอ่ยด้วยเสียงระรื่นอย่างอารมณ์ดี
ก่อนจะดีดนิ้วเสียงดัง'ป็อก!'ให้มือมากมายถูกยื่นออกมาจากวงเวทย์ทุกวง บ้างฉีกกระชากบ้างก็คว้าจับแล้วดึงด้วยแรงปานช้างสารจนอวัยวะส่วนต่างๆของเหยื่อทั้งแขนหัวขาถูกดึงออกจากลำตัวอย่างทรมานแสนสาหัส
ทว่า.....
'หมับ!!'
"เอ๋??" พริบตาที่กำลังสนุกสนานกับการดูเหยื่อทุรนทุราย หมอผีธราธรก็รู้สึกถึงมือปริศนาที่ผลุดขึ้นมาจับขาทั้งสองข้างของเขาจากบนพื้นจนเริ่มจะสังหรณ์ไม่ดีจึงก้มลงไปดู "เหวอออออออออออออออออออออ"
ก่อนจะต้องร้องลั่นกับวงเวทย์มือสัมพะเวสีวงใหญ่ไม่ต่างวิชาอาคมของตัวเองที่ปรากฏบนพื้นล้อมเขาเป็นวงกลมพร้อมกับมือยั้วเยี้ยที่ผุดขึ้นมาจับขาของเขาและพยายามจะฉุดกระชากลงไปอย่างน่าหวาดผวา ไม่เพียงเท่านั้น...รอบกายของเขาที่เคยเป็นระเบียงทางเดินกลับกลายเป็นโลกสีขาวอันว่างเปล่าราวกับฝัน
"อย่าคิดว่าผม...มีดีแค่ญาณอาถรรพ์นะ" เสียงของชายหนุ่มปริศนาในฮูดดำทำให้หมอผีหนุ่มต้องเงยหน้าขึ้นมามอง ปรากฏว่าสิ่งที่เห็นกลับเป็นร่างสีดำคล้ายมนุษย์...มันคือร่างญาณอาถรรพ์ของชายคนนั้นนั่นเอง ซึ่งตอนนี้ก็กำลังยืนดูหมอผีธราธรด้วยท่าทีสั่นๆเหมือนคนป่วยจนใกล้จะล้มทั้งยืน แต่ก็ยังพูดต่อด้วยเสียงสั่นเครือ "วิชาของตระกูลวรรณศิริ ไม่ยากเกินไปสำหรับผมหรอก"
....แต่ก็ดูจะมีปัญหากับญาณอาถรรพ์งั้นสินะ?
"อ๊ากกกกกกกกก!!" ธราธรเริ่มร้อนรนเมื่อก้มมองดูเท้าของตัวเองอีกครั้ง ปรากฏว่าเพราะแรงกระชากจากสัมพะเวสีในวงเวทย์ที่พยายามดึงเขาลงไปจนกระดูกใกล้ฉีกขาดออกจากกัน ซ้ำมือยั้วเยี้ยเหล่านั้นยังเอาเล็บคมๆคว้าขาของเขาจนเนื้อลอกหลุดเป็นลิ้มเลือดเห็นกระดูกด้านในอย่างทรมานจนน้ำตาไหลออกมาแทบจะเป็นเลือดเพราะความเจ็บปวดอย่างน่าเวทนา "ยอมแล้ว!ๆๆๆๆ หยุดที!!"
"...ซะเมื่อไหร่หละ~♪"
"!!!???" ร่างญาณอาถรรพ์ของชายหนุ่มปริศนาสะดุ้งเฮือกกับเสียงระรื่นอันคุ้นเคยที่ดังมาจากข้างหลัง เมื่อเพ่งมองดูร่างกลางวงเวทย์ดีๆอีกครั้งก็ปรากฏว่าสิ่งที่กำลังถูกสัมพะเวสีฉีกกระชากขาอยู่นั้นกลายเป็นตุ๊กตาตัวแทนไปซะนี่
"จะใช้อะไรก็ดูดีๆสิไอ้หนู ตัวจริงหล่อกว่าตั้งเยอะ^^" หมอผีธราธรที่ไม่มีแม้แต่แผลแถมยังทำให้ภาพหลอนแห่งจิตใจที่ทำให้ทัศนียภาพกลายเป็นสีขาวโล่งๆหายไปหมดสิ้นในพริบตาแถมยืนเก๊กหล่อล้อเลียนเขาราวกับเห็นคุณไสยเป็นของเล่นตลกยามว่างทำเอาชายหนุ่มปริศนาอดยิ้มไม่ได้
ทั้งคู่กลับมาประจันหน้ากันบนระเบียงโรงแรมยามค่ำคืนอีกครั้งโดยไร้ซึ่งรอยขีดข่วนโดยสิ้นเชิง....
"ฮ่าๆๆๆๆ อุเหม่...ไม่เลวนี่ไอ้หนู ฮะฮะฮะฮะฮะ" ฝ่ายที่หลุดขำออกมาก่อนกลับเป็นธราธรแทน นอกจากการิน...นานแล้วที่เขาไม่เคยเจอผู้ใช้อาคมที่สูสีกันขนาดนี้จนอดหัวเราะอย่างสะใจไม่ได้ ยิ่งอีกฝ่ายดูจะเด็กกว่าเขากับการินนิดหน่อยก็ยิ่งคิดว่าน่าสนุกไปใหญ่
"ค..ครับ น่าดีใจจริงๆแฮะที่ได้ลองประลองคุณไสยกับคุณแบบนี้ " ชายหนุ่มในเสื้อคลุมยิ้มกว้างอย่างทรงภูมิก่อนจะเริ่มหันไปมองในม่านหมอกพลางหุบยิ้มให้บางลงเล็กน้อย "ดูเหมือนคุณการินจะได้เจอเธอแล้ว...คุณเข้าไปขวางอีกไม่ได้แล้วหละครับ"
"อ้าว? เสร็จกัน" ธราธรยิ้มแหยๆกับการพ่ายแพ้เมื่อรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของอีกฝ่ายคือการถ่วงเวลาไม่ใช่การขัดขวางไม่ให้เขาเข้าไปโดยตรงและทำได้สำเร็จเสียด้วย
....ไม่เลวจริงๆแฮะไอ้หนู แต่ใช้วิชาวงเวทย์ของตระกูลวรรณศิริแปลว่าเป็นคนในตระกูลที่ฉันไม่รู้จักเรอะ?
แถมยังมีญาณอาถรรพ์อีก....นายเป็นใครกันแน่นะ?
"เธอเองหรอกเรอะ หึ..หึ หึ..หึ เหนือความคาดหมายจริงๆ" การินพูดขึ้นหลังจากเดินเข้ามาประจันหน้ากับสาวปริศนาที่หลุดออกมาจากความฝันในม่านควันกำยานอาถรรพ์สะกด บ่งบอกเจตนาแน่ชัดว่าสาวเจ้าไม่ต้องการให้ใครรับรู้การสนทนาของเธอกับเจ้าบ่าวของงานท่ามกลางระเบียงที่มีดาวเต็มฟ้าชวนฝัน
"เบ๊ยัยแม่มดเองหรอกเรอะ?..."
ใช่ เธอคือ'พี' นักเรียนพนักงานอาสาประจำห้องสมุดที่คอยช่วยลัลทริมาทำงานนั่นเอง....
"ฮึ..ฮึ กว่าจะจำได้นะคะ?...แต่ดิฉันไม่ใช่นักเรียนอาสาหรอกนะ" สาวน้อยเอื้อมมือไปปลดริบบิ้นออกจากทรงหางม้าปล่อยให้ผมสีดำยาวสยายในสายลมยามค่ำคืนจนดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย "ที่จริงฉันเป็นอ.ห้องสมุดคนใหม่ที่ถูกบรรจุมา แต่พอดีว่าวันแรกฉันใส่ชุดนักศึกษาที่คล้ายกับเครื่องแบบนิศาพานิชย์ เธอเลยเข้าใจว่าฉันเป็นนักเรียนซะนี่...ครูลัลซื่อบื้อเนอะคะ? ฮึ..ฮึ ฮึ..ฮึ"
หญิงสาววัยยี่สิบต้นๆพูดพลางแอบนินทาเจ้าสาวของงานเล็กน้อยด้วยรอยยิ้มแสยะละม้ายคล้ายคนตรงหน้าราวกับถอดพิมพ์ออกมาจนน่าขนลุก ยิ่งเห็นอีกฝ่ายยิ้มตอบก็ยิ่งรู้สึกเพลินเพลินจนแววตาสีแดงฉานที่มีวงเวทย์ปรากฏอยู่วาวโรจน์
....แค่เพียงมองมัน ก็ทำเอาการินใจเต้นไม่เป็นส่ำ
"ต๊าย!!...หรือว่าคุณชักจะ...." หญิงสาวในชุดสีดำก้าวเข้ามาหาชายหนุ่มช้าๆเหมือนความมืดที่ค่อยๆกล้ำกรายเข้าหาเหยื่อ ลากเสียงยาวเล็กแหลมแต่เย้ายวน ก่อนจะจับแก้มของการินให้ก้มลงมามองที่แววตาของตนในระยะประชิด ชุดสีดำของทั้งคู่กลืนกันจนแยกไม่ออก พลางแสยะยิ้มกว้างให้ชายหนุ่มได้เห็นแววตาคู่สวยที่ปรากฏวงเวทย์อยู่ด้านในราวกับจะเรืองแสงแบบเต็มๆตา "...อยากได้ดิฉันขึ้นมาซะแล้วหรอคะ?"
....หึ..หึ หึ..หึ ถ้าบอกว่าเป็นดอปเปลฯของฉันในร่างผู้หญิงฉันก็เชื่อ ให้ความรู้สึกเหมือนฉันจริงๆ
แต่ดวงตานี่มันอะไรนะ?...น่าสนุกเป็นบ้า
แทนที่การินจะหันหน้าหนี...เขากลับเชยคางเธอขึ้นเพื่อดูมันชัดๆด้วยความกระหายเสียอีก...
แววตาของนักล่าจ้องเหยื่อของทั้งคู่ประสานกันอยู่พักใหญ่ๆ ละม้ายคู่รักที่กำลังมองรูปโฉมของกันและกันอย่างหลงใหล และอยากได้บางสิ่งบางอย่างจากอีกฝ่ายจนตัวสั่น ก่อนที่หญิงสาวจะเริ่มพูดบางอย่างกับเขาต่อด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบลงเล็กน้อยจนยากจะเมิน
"ฉันว่าเรื่องดวงตาคู่นี้...คุณถามไอ้หมอผีจอมจุ้นนั่นจะรู้เรื่องกว่านะคะ ต่อจากนี้เราคงต้องอยู่ใกล้ชิดกันเพราะผ.อ.นรินทร์ย้ายฉันไปเป็นเลขาของคุณแล้ว ดิฉันยังมีเวลาให้คุณอีกมากหลังจบฮันนีมูน
...วันนี้แค่มาทักทายเท่านั้นแหละค่ะ" เจ้าบ่าวรูปงามของงานแสยะยิ้มกว้างราวกับเด็กที่ได้ของเล่นชิ้เนใหม่มาไว้ในมือเมื่อได้ฟังคำนั้น ก่อนจะพูดบางอย่างออกมาเบาๆจนได้ยินเพียงสองคนคล้ายการพลอดรักของคู่รักคู่หนึ่งใต้ฟ้ายามค่ำริมหาด
"แล้ว....เธอต้องการอะไรจากฉันกันแน่ ลงทุนทำพิธียากๆให้ฉันสนใจคงไม่ใช่แค่ทักทายหรอกนะ?"
"ฮึ..ฮึ ฮึ..ฮึ" หญิงสาวแสยะยิ้มก่อนจะกระซิบตอบเขาอย่างแผ่วเบาด้วยรอยยิ้มเช่นเคย "............."
....แค่เพียงมองมัน ก็ทำเอาการินใจเต้นไม่เป็นส่ำ
"ต๊าย!!...หรือว่าคุณชักจะ...." หญิงสาวในชุดสีดำก้าวเข้ามาหาชายหนุ่มช้าๆเหมือนความมืดที่ค่อยๆกล้ำกรายเข้าหาเหยื่อ ลากเสียงยาวเล็กแหลมแต่เย้ายวน ก่อนจะจับแก้มของการินให้ก้มลงมามองที่แววตาของตนในระยะประชิด ชุดสีดำของทั้งคู่กลืนกันจนแยกไม่ออก พลางแสยะยิ้มกว้างให้ชายหนุ่มได้เห็นแววตาคู่สวยที่ปรากฏวงเวทย์อยู่ด้านในราวกับจะเรืองแสงแบบเต็มๆตา "...อยากได้ดิฉันขึ้นมาซะแล้วหรอคะ?"
....หึ..หึ หึ..หึ ถ้าบอกว่าเป็นดอปเปลฯของฉันในร่างผู้หญิงฉันก็เชื่อ ให้ความรู้สึกเหมือนฉันจริงๆ
แต่ดวงตานี่มันอะไรนะ?...น่าสนุกเป็นบ้า
แทนที่การินจะหันหน้าหนี...เขากลับเชยคางเธอขึ้นเพื่อดูมันชัดๆด้วยความกระหายเสียอีก...
แววตาของนักล่าจ้องเหยื่อของทั้งคู่ประสานกันอยู่พักใหญ่ๆ ละม้ายคู่รักที่กำลังมองรูปโฉมของกันและกันอย่างหลงใหล และอยากได้บางสิ่งบางอย่างจากอีกฝ่ายจนตัวสั่น ก่อนที่หญิงสาวจะเริ่มพูดบางอย่างกับเขาต่อด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบลงเล็กน้อยจนยากจะเมิน
"ฉันว่าเรื่องดวงตาคู่นี้...คุณถามไอ้หมอผีจอมจุ้นนั่นจะรู้เรื่องกว่านะคะ ต่อจากนี้เราคงต้องอยู่ใกล้ชิดกันเพราะผ.อ.นรินทร์ย้ายฉันไปเป็นเลขาของคุณแล้ว ดิฉันยังมีเวลาให้คุณอีกมากหลังจบฮันนีมูน
...วันนี้แค่มาทักทายเท่านั้นแหละค่ะ" เจ้าบ่าวรูปงามของงานแสยะยิ้มกว้างราวกับเด็กที่ได้ของเล่นชิ้เนใหม่มาไว้ในมือเมื่อได้ฟังคำนั้น ก่อนจะพูดบางอย่างออกมาเบาๆจนได้ยินเพียงสองคนคล้ายการพลอดรักของคู่รักคู่หนึ่งใต้ฟ้ายามค่ำริมหาด
"แล้ว....เธอต้องการอะไรจากฉันกันแน่ ลงทุนทำพิธียากๆให้ฉันสนใจคงไม่ใช่แค่ทักทายหรอกนะ?"
"ฮึ..ฮึ ฮึ..ฮึ" หญิงสาวแสยะยิ้มก่อนจะกระซิบตอบเขาอย่างแผ่วเบาด้วยรอยยิ้มเช่นเคย "............."
"!?" พริบตานั้นเอง...ควันจากกำยานอาถรรพ์สะกดรอบตัวเขาก็พลันหายวับไปในพริบตาราวกับไม่มีมันมาก่อน แถมพีที่เคยอยู่ติดชิดร่างของเขากลับหายแว๊บไปอยู่ที่ม่านระเบียงเตรียมจะเดินกลับเข้าไปในงาน
ทิ้งให้การินแสยะยิ้มกับคำพูดทิ้งท้ายของแม่สาวผมดำ ผู้มีแววตาน่าพิศวง และมาพร้อมจุดประสงค์ที่คาดเดาไม่ได้ ซ้ำยังกำลังจะกลายเป็นผู้ช่วยในการทำงานที่ต้องเห็นหน้าบ่อยกว่ายัยแม่มดบรรณารักษ์เสียอีก
ร่างบางเดินจากไปพร้อมกับม่านควันราวกับบอกให้เขาตื่นจากฝันแล้วกลับสู่ความเป็นจริงเสียที
ความเป็นจริงที่ว่า เขากำลังจะเริ่มชีวิตคู่ที่ไม่สามารถชายตามองคน(เรื่องสนุก)อื่นอย่างอิสระนอกจากภรรยา(ญาณอาถรรพ์)อีกต่อไป...ความจริงของการแต่งงานที่เรียกว่า 'การผูกมัด'นั่นเอง
"สิ่งที่อยากได้จากคุณ? แน่นอนค่ะ
'เรื่องสนุก' ไงหละ"
"หึ..หึ หึ..หึ หึ..หึ หึ..หึ หึ..หึ " แต่แทนที่การินจะกลับเข้าไปในงานฉลองการผูกมัดของตัวเองหรือไม่ก็ตามหาตัวภรรยาที่ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ไหน ในสมองของเขากลับยังมีเสียงกระซิบทิ้งท้ายของหญิงสาวคนนั้นสะท้อนก้องเป็นเอคโค่ดังอยู่ในหูจนต้องระบายออกมาเป็นเสียงหัวเราะเย็นยะเยือก ก่อนที่เสียงนั้นเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
น่าสนุกจริงๆ ยัยนั่น
อา คุ้นๆแฮะความรู้สึกนี้
อ๋อ! หึ..หึ หึ..หึ เหมือนความรู้สึกตอนเจอยัยแม่มดครั้งแรกยังไงอย่างงั้นเลย....
"หึ..หึ หึ..หึ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!"
บนระเบียงอีกฟากของโรงแรมท่ามกลางแสงจันทร์ส่องดูเป็นแสงนวลบางๆหากเทียบกับไฟแสงสีจากทางเดินในสวนของโรงแรมยามค่ำคืนสวยงาม แต่เจ้าสาวกลับไม่มีอารมณ์สนใจอยากจะดูมันแม้สักนิด อาการเหม่อลอยของเธอขณะมองออกไปนอกระเบียงอย่างไร้จุดหมายพลางฉายแววลังเลในแววตา ณ คืนฉลองวันแต่งงานดูน่าแปลกใจซะจนชายหนุ่มร้องทักออกไป
"อ้าว? ทำไมเจ้าสาวคนสวยของงานกลับมาอยู่ที่นี่ซะหละฮะ?" เสียงนุ่มร้องทักให้หญิงสาวในชุดเดรสยาวสีขาวประดับดอกไม้สีชมพูดูน่ารักเข้ากับดอกไม้ที่ใช้ประดับผมที่ถูกมัดรวบไว้ใต้คอพร้อมกับผ้าคลุมหน้าสีขาวบางไม่ยาวจนเกินไปช่วยขับให้ใบหน้าน่ารักของเจ้าสาวยิ่งโดดเด่นมากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเมื่อแววตาสีน้ำตาลคู่สวยได้หันมามองที่เขา
"โช!" ลัลทริมาเผยยิ้มออกกว้างเมื่อเห็นเพื่อนสนิทอีกคนที่เธอไม่เคยลืมที่จะเชิญเขามาในงานฉลองครั้งสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตของเธอ
โชติกาล วัฒนนุกุลวงศ์นั่นเอง....
"มานานรึยังจ๊ะ? ไม่เข้าไปในงานหรอ?"
"แหม~ นั้นเจ้าสาวเจ้าบ่าวยังไม่เข้าไปทั้งคู่นี่ฮะ" ชายหนุ่มหน้าหวานพร้อมแว่นตาดูคงแก่เรียนในชุดสูทขาวดูราวกับเจ้าชายที่สมกับหญิงสาวในชุดเดรสยาวสไตล์เจ้าหญิงยิ่งกว่าเจ้าบ่าวของงานซะอีก ยิ่งเขาเอามือจับท้ายทอยแก้เขินกับรอยยิ้มนางฟ้าจากเพื่อนสาวที่ดูสวยกว่าทุกวันที่เขาเคยเห็นมา แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้อ้าปากชมก็ถูกพูดตัดบทซะก่อน
"อ๋าาาา!! แปลการินโดดหายไปไหนแน่เลยเนี่ย อีตาบ้านั่น!!>[]<"
"........." โชติกาลมองเจ้าสาวพูดชื่อเพื่อนสนิทอีกคนของตนขึ้นมาทำเอาเขาหุบรอยยิ้มลงอย่างทันควัน ก่อนที่ลัลทริมาลนลานรีบจัดชุดของตัวเองให้เรียบร้อยแล้วรีบยกกระโปรงขึ้นให้พร้อมกับการรีบเดินอย่างร้อนรน "ต้องรีบกลับเข้างานแล้วหละ!!"
"เดี๊ยวฮะลัล ผมมีอะไรจะพูด"
"เอ๋?.........เหวออออออออ" การขึ้นเสียงของเพื่อนสนิทผู้เรียบร้อยทำให้ลัลทริมาตกใจได้ไม่เท่ากับมือที่ฉุดรั้งแขนเธอไว้ระหว่างที่กำลังจะรีบเดินไปข้างหน้าให้เสียหลักจนจะล้มลง
แต่แทนที่ตัวการจะช่วยพยุง...
มือใหญ่ของแพทย์หนุ่มกลับดึงร่างบางของเจ้าสาวเข้ามากอดแน่น!!??
...อ๋อ คงจะช่วยไม่ให้เราล้มสินะ?
เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วซะจนลัลไม่มีเวลาให้ส่งเสียงจนคนในงานได้ยินหรือตั้งสติแยกยะจุดประสงค์ในการกระทำของโชติกาล รู้ตัวอีกทีเธอก็อยู่ในอ้อมกอดของเพื่อนรักแสนดีที่สนิทสนมทั้งกับเธอและเจ้าบ่าวเสียแล้ว
ความอบอุ่นที่ถูกส่งผ่านมาจากร่างกายของชายหนุ่มทำให้มันเป็นช่วงเวลานานราวกับเวลาหยุดยิ่ง น่าแปลกเหลือเกินที่อ้อมกอดของเพื่อนชายที่เคยทำให้เธอหน้าแดงระเรื่อและหวั่นไหวเมื่อครั้งสมัยเรียน...กลับไม่ทำให้เธอใจเต้นได้อย่างพ่อเจ้าบ่าวตัวแสบที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าไปแอบอู้อยู่ที่ไหน
พอเริ่มได้สติ ลัลทริมาจึงเริ่มบอกให้เพื่อนผละออกไม่ใช้ถูกกอดนานจนเกินงาม....
"เอ่อ...โชจ๊ะ?"
"ผมประมาทเกินไป...ไม่นึกว่าจะถูกการินชิงตัดหน้าไปซะได้" คำพูดของชายหนุ่มทำเอาลัลทริมาต้องเบิกตาโพล่งกับสิ่งที่ได้ยินพร้อมกับกลืนคำว่า 'ปล่อยได้แล้วละมั้งจ๊ะ?' ลงคอ...
เธอไม่ได้ไร้เดียงสาเกินกว่าที่จะคาดเดาความหมายของคำคำนั้นไม่ออก ยิ่งมันมาจากเพื่อนชายผู้แสนจริงใจและฉลาดพอจะรู้ว่ามันเป็นการหักหลังเจ้าบ่าวที่เขาเรียกว่า'เพื่อน'อย่างร้ายกาจที่สุด มันไม่มีทางเป็นการล้อเล่นอย่างแน่นอนจนลัลทริมาได้แต่อึ้งกิมกี่กับความรู้สึกที่เธอไม่เคยคาดคิด
"ผมมีใจให้ลัลมาตลอด...อยากทำแบบนี้มาตลอด แต่วันที่ผมเตรียมเซอร์ไพรท์เพื่อขอให้ลัลมาเป็นผู้หญิงของผม...." โชติกาลเว้นช่วงไปครู่หนึ่งเพื่อปรับระดับเสียงที่ใกล้จะสั่นเครือเต็มทีให้ผ่อนคลายลงพร้อมกับทำใจให้สงบ ไม่ให้พลังญาณอาถรรพ์ทำให้ผู้หญิงที่เขารักได้ยินเสียงในใจที่กำลังร้องไห้สำนึกผิดกับการทรยศเพื่อนสนิททั้งสองอย่างน่าสังเวชของเขา ซึ่งหญิงสาวในอ้อมแขนไม่มีทางรับรู้สีหน้าของเขาจนเดาอารมณ์ได้เลยแม้เพียงน้อยนิด.... "ลัลก็ตอบรับคำขอแต่งงานของการินซะก่อน..."
โช...นี่เธอ...
ลัลทริมาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ตอนนี้เธอไม่อยู่ในสถานะที่จะปลอบใจเพื่อนรักเมื่อความพยายามของเขาที่จะขอเพื่อนสาวคนหนึ่งเป็นคนรักกลับถูกเพื่อนสนิทบดขยี้จนแหลกเละด้วยพันธะที่ทำให้เขาต้องพ่ายแพ้โดยดุษฎีเสียก่อนที่จะได้รวบรวมความกล้าเอื้อนเอ่ยคำนั้นต่อนางในฝันเสียด้วยซ้ำ...
พันธะที่เรียกว่า 'คำขอแต่งงาน' ที่ถูกพูดออกก่อนคำว่ารักจากปากเขายังผลให้ตอนนี้เพื่อนรักของเธอถูกเปลี่ยนสถานะจาก 'เพื่อนนางเอก' กลายเป็น 'ตัวอิจฉา'ที่น่าสมเพชที่สุดแล้วในคืนวันฉลองแต่งงานนี้...
แต่อย่างน้อย....
"ลัลรักการินรึเปล่าฮะ?"
"......." ระหว่างที่กำลังไม่ได้สตินักในอ้อมกอดของชายหนุ่มคนหนึ่งที่รักเธอ เจ้าสาวก็ถูกยิงคำถามที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นเลยในคืนวันฉลองงานแต่งงาน ถ้าเป็นในสถานการณ์นี้ตามปกติ เจ้าสาวคงตอบว่า'รัก'อย่างแน่นอน
แต่กรณีของเธอนั้นต่างออกไป...
...การแต่งงานของเราและการินไม่ใช่การแต่งงานของคู่รัก....แต่เป็นการแต่งงานตามข้อเสนอที่ต่างฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน สัญญาแย่ๆแบบนั้นหนะหรอ?ที่จะทำให้ฉันต้องปฏิเสธโชที่รักฉันขนาดนี้ แถมยังดีกับฉันมาตลอด?
เมื่อเห็นหญิงสาวเงียบไป...
โชติกาลก็คลายอ้อมกอดเพื่อมองสีหน้าและปฏิกริยาของเจ้าสาวเมื่อเขาได้เอ่ยคำนั้นออกไป ในแววตาสีน้ำตาลคู่สวยของหญิงสาวสั่นระริกด้วยความลังเลใจ...แต่ในแววตาคู่นั้นไม่ได้มีความรังเกียจหรือรู้สึกไม่ดีแฝงอยู่แม้แต่น้อย
ท่ามกลางแสงไฟสลัวรอบกายบนระเบียง ผ้าม่านปิดมิดชัดกั้นขวางระหว่างพวกเขาและผู้คนในงาน สายลมที่มีกลิ่นไอทะเลยามค่ำคืนชวนให้ผ่อนคลายเป็นใจให้ใบหน้าของชายหนุ่มค่อยๆขยับเข้าไปใกล้ชิดใบหน้าของหญิงสาวมากขึ้นเรื่อยๆ แสงจันทร์ที่สาดส่องมาราวกับสปอตไลท์ยุยงให้มือที่เคยโอบกอดเพื่อนสาวของโชติกาลเริ่มกระชับเอวของเธอให้เข้ามาใกล้ตัวเขาจนร่างกายของทั้งสองแนบชิดสนิทกันก่อนที่เขาจะค่อยๆย่อตัวลงเล็กน้อยให้ส่วนสูงมาอยู่ในระดับเท่าๆกันช่วยย่นระยะให้ริมฝีปากของทั้งสอง....
.......ค่อยๆใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ
ใครอยากอ่านต่อ เม้นบอกให้เรารู้หน่อยจ้า
ถ้ามีเม้นเพิ่มจะมาต่อนะคะ > <;;
ถ้ามีเม้นเพิ่มจะมาต่อนะคะ > <;;
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น