คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ขออยู่เคียงข้างอีกสักครั้ง
? cactus
##################
"ไปล่ะ ฝากด้วยนะ คู่หู"
"ไว้ใจฉันได้เลย"
นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่ผมได้ยินจากสหายร่วมรบ
แผ่นหลังของเขาที่มุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเล
ไม่หันกลับมามองผมอย่างทุกครั้ง
คือภาพติดตาตลอดชีวิตที่เหลืออยู่
แม้กระทั่งกลับมาเกิดใหม่ก็ตาม
##################
“ฮึก โอเค...ฉันพร้อมจะคุยแล้ว”
หลังนั่งพิงผนังห้องน้ำแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลไปเรื่อยๆ อยู่นานเกือบชั่วโมง ผมก็เริ่มตั้งสติได้ในที่สุด แทนที่จะฉวยจังหวะนี้หนีไป...เธอคนนั้นว่างก้นลงข้างๆ ผมจนพื้นที่คับแคบ เหมือนผู้ร้ายยอมมอบตัวแต่โดยดี
เธอคอยลูบหลังปลอบโยนจนน้ำตาผมแห้ง และรอรับฟังอย่างใจจดใจจ่อ ตอนนี้ความเงียบครอบงำบรรยากาศจนเสียงลมที่เล็ดลอดผ่านช่องแกลดังจนน่าอึดอัด ผมสูดหายใจ หันไปเผชิญหน้าแววตาสีเขียวหม่นเทาที่แสนคุ้นเคย เผยอปากเตรียมจะพูดอะไรสักอย่าง
“.....”
เวร...จะเริ่มยังไงดีนะ?
เบลทรูท ครั้งสุดท้ายที่เราเจอกันคือบนกำแพงนั่น...ฉันสาดเสียเทเสียนายเรื่องพึ่งพาไม่ได้ ชอบโยนงานให้คนอื่นแล้วยืนดูเฉยๆ จบท้ายด้วยบิ๊วให้นายทำภารกิจสุดท้ายให้ดีที่สุด
แล้วก็เป็นฉันเองที่ถูกทีมสำรวจเล่นงานจนราบคาบ
ฉันส่งสัญญาณให้นายแปลงร่าง...แต่นายก็ไม่ทำ นายมานั่งลงข้างๆ ซากฉันที่โดนยำเละไม่มีชิ้นดี ถึงหน้าจะโดนระเบิดหายไปจนมองไม่เห็นอะไรเลย แต่ฉันยังรู้สึกได้ถึงสายตาของนายที่จ้องมา
ใช่แล้ว เหมือนตอนนี้เลย
ภาพความทรงจำ ณ เช้าวันสุดท้ายที่เขตชิกันชิน่าไหลบ่าเข้ามาในหัวผม ตัดภาพสลับไปมากับคเศษเสี้ยวความทรงจำอื่นๆ จนเริ่มปวดหัวหนึบ แต่ผมก็ยังพยายามทนฝืนอาการปวดประคองสติและสอดประสานตากับเธอค้างไว้อย่างนั้น กลัวว่าถ้าเผลอกะพริบตาแค่เพียงครั้งเดียว ผมจะสะดุ้งตื่น แล้วเบลทรูทจะหายวับไปตรงหน้าผม กลายเป็นแค่ภาพในความฝันเหมือนเคย
กลัวซะจนต้องใช้แขนแกร่งคว้าไหล่เธอทั้งสองข้างเอาไว้จนสาวน้อยสะดุ้ง! เธอดูตื่นกลัว แต่ก็ไม่ยอมละสายตาจากผมเช่นกัน ผมต้องรีบพยายามจับต้นชนปลายแล้วกลั่นคำพูดออกมาให้ได้สักคำ
“ขอโทษ”
ขอโทษที่พูดจาไม่ดีใส่นาย ทั้งๆ ที่นายอยู่ข้างๆ ฉันเสมอตั้งแต่เจอกันครั้งแรกจนวันสุดท้าย ขอโทษที่ทำร้ายแอนนี่ต่อหน้านายจนนายร้องไห้ ขอโทษที่ลากไปเจอเรื่องบ้าๆ ตั้งหลายอย่าง ขอโทษที่เสียสติแล้วทิ้งนายไว้กลางดงศัตรู ขอโทษที่เป็นคู่หูที่ห่วยบรม ขอโทษที่ทิ้งนายไว้คนเดียวในวันสุดท้าย
บ้าเอ๊ย! ทำไมมีแต่เรื่องให้ขอโทษ! ยิ่งความทรงจำไหลบ่า ผมยิ่งนึกออกแค่คำๆ นี้
แต่ฉันก็ยังดีใจมาก...
ดีใจมากจริงๆ ที่ได้เจอนายอีกครั้ง ความรู้สึกมันท่วมท้นผสมปนเปไปหมดจนถึงจะร้องไห้ไปรอบหนึ่งแล้ว ถึงจะพยายามตั้งสติ สุดท้ายพอมองเข้าไปในแววตาคู่นั้นก็จุกอกจนแทบพูดอย่างอื่นไม่ออก
“ไม่เป็นไร...ถึงจะถูกลากเข้ามาในห้องอาบน้ำ แต่ไรอันเป็นคนทำ ฉันโอเค”
“.....”
น้ำตาผมแห้งไปในชั่วอึดใจ เหมือนถูกกระชากจากเขตชิกันชิน่ากลับมายังห้องอาบน้ำชายในหอพักนักศึกษาของมหาวิทยาลัยกระทันหัน
จริงสิ...ตอนนี้นายกลายเป็นสตอล์กเกอร์ฉันไปแล้วนี่นะ?
.........
…..
….
…
..
.
เบลทรูท นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย?
เจ้าบ้าเอ๊ย นายทำอะไรของนาย? แต่ที่บ้ากว่านั้นก็คือผมลืมเรื่องนี้ไปซะสนิท แล้วเพิ่งจะมารู้ตัวนี่แหละ ผมจ้องเธอเขม็งเหมือนอยากฝากความคิดไปทางกระแสจิต เผื่อดวงวิญญาณของอดีตคู่หูจะรับรู้ความรู้สึกผมขึ้นมาบ้าง
“ไรอัน ฉัน ก็..ขอโทษ”
ร่างสูงระหงเอ่ยเสียงอ่อยขณะนั่งกอดเข่าก้มหน้างุดๆ เหมือนลูกหมาคอตก หลังถูกชายที่ตามสตอล์กเกอร์กอดขาร้องห่มร้องไห้ ต่อด้วยหน้าซีดเผือดเหมือนเป็นลมคาที่เพราะติดลูปย้อนอดีตในโลกส่วนตัว ตบท้ายด้วยมานั่งจ้องหน้าเธอด้วยความคับข้องใจเต็มที่ ผมอาจไม่ใช่คนเดียวที่อารมณ์อ่อนไหวกับสถานการณ์ตอนนี้
ผมพยายามถามเรื่องเธอ จนได้คำตอบทุกอย่าง เธอชื่อ ‘เบธานี่ ฮาวเวิร์ด’ เป็นเฟรชชี่เหมือนกัน แต่เราอยู่คนละคณะ เบธสังเกตเห็นผมครั้งแรกในวันปฐมนิเทศ แค่พริบตาเดียวที่ได้เจอ ก็รู้สึกแปลกไป...คิดว่าตัวเองคงรักผมเข้าแล้ว ตั้งแต่แรกเห็น (ห้ะ?) รู้ตัวอีกทีก็คอยแอบตามผมทุกครั้งที่มีโอกาสมาตลอดสัปดาห์ ทั้งสายตา กระดาษสี และอะไรต่อมิอะไรที่เกิดขึ้นกับผมเป็นฝีมือเธอจริงๆ
จากที่ผมซักไซ้...ดูเหมือนจะไม่มีปฏิกิริยาอะไรที่บ่งบอกได้ว่าเบธมีความทรงจำเมื่อ 2000 ปีก่อนหลงเหลืออยู่เลย
“ฉันไม่ได้อยากทำให้ไรอันรู้สึกแย่ จ..จริงๆนะ”“....”
ผมเชื่อ น้ำเสียงเธอสั่นเครืออย่างคนหัวใจสลาย เห็นผมอาการหนักขนาดนั้นคงมีผลไม่น้อย ถึงผมจะไม่ได้ร้องไห้เพราะเรื่องสตลอล์กเกอร์ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ซะทีเดียวว่าเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จนถึงตอนนี้ผมก็ยังเห็นภาพเด็กหนุ่มร่างสูงที่ชอบนั่งกอดเข่าอยู่เสมอ ซ้อนทับบนตัวเธอ
“ฉันแค่...อยากดูแลไรอัน เท่านั้นเอง"
ผมอยากหัวเราะและร้องไห้ออกมาพร้อมๆกัน จนถึงตอนนี้อารมณ์ผมเหวี่ยงไปมายิ่งกว่ารถไฟเหาะ ทั้งประสาทจะกินที่รู้ว่าคนที่ทำให้ผมปวดหัวมาทั้งสัปดาห์คือคนเคยใกล้ตัว ทั้งดีใจที่ได้เจอ...ปลาบปลื้มเลยล่ะ ทั้งเศร้าที่เธอเองก็ยังมีร่องรอยความรู้สึกในอดีตตกค้างอยู่เหมือนกันแม้จะไม่มีความทรงจำก็ตาม
เธอไม่ได้มี 'รักแรกพบ' กับผม หรืออะไรทำนองนั้นจริงๆ หรอก อย่างน้อยผมก็ไม่คิดแบบนั้น
ส่วนลึกในจิตวิญญาณของเบลทรูทอาจยังผูกพันกับผมอยู่...ก็เลยแค่อยากดูแลผมจริงตามที่พูดนั่นแหละ
หมอนั่นคอยดูแลผมเสมอ...
“เบธ...ขอบใจนะ แต่ไม่ต้องหรอก” ผมมองสาวสวยตรงหน้าที่ยังคงมองมาที่ผมด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใยอย่างเคย และฝืนยิ้มอย่างสดใสที่สุดเท่าที่คนมีความทรงจำในชาติก่อนจะยิ้มได้ เบ่งกล้ามพูดโอ้อวด “ฉันหมายถึง ดูฉันสิ! ฉันไรอัน เบรนเนอร์นะ ฉันแข็งแรง มีเพื่อนร่าเริงดี เรียนมหาลัยอันดับต้นๆของรัฐ เป็นแถมนักฟุตบอลขวัญใจสาวๆ อีก ฉันดูแลตัวเองได้น่า!”
“....”
“เธอเองก็เอาเวลาไปใช้ชีวิตของตัวเองเถอะ ไม่ต้องคอยดูแลฉันแล้วล่ะ”
นายได้มาเกิดใหม่อีกครั้งแล้ว ชีวิตวัยรุ่นดีๆ รอนายอยู่นะ เราทุกคนควรมี ‘อิสระ’ ที่จะได้ใช้ชีวิตของตัวเอง
ใครคนหนึ่งที่น่ากลัวจนลืมไม่ลงสอนผมไว้…
ต่อให้คิดถึงเบลทรูทแค่ไหน ก็ไม่อยากให้หมอนั่นตายจากการเป็นนักรบแล้วมามีชีวิตเป็นสตอล์กเกอร์แบบนี้ ถึงจะใส่ฮูดสีเข้ม แต่ก็ดูออกไม่ยาก นายกลายเป็นสาวละตินสุดสวยหุ่นดีตามพิมพ์นิยมเลยเชียวล่ะ น่าจะไปมีความรักดีๆ มีชีวิตวัยรุ่นดีๆ เหมือนคนปกติซะไป ฉันอยู่ได้น่า
“แต่ว่า” แววตาสีเขียวหม่นช้อนตามองผมอย่างอ้อนวอน แก้มแดงระเรื่อ พยายามอย่างเต็มที่ที่เรียงร้อยถ้อยคำในหัวจนเสียงตะกุกตะกัก “ฉัน..ก็ยัง อยากดูแลอยู่ข้างๆ ไรอันอยู่ดี...”
ผมเอือมระอากับหมอนี่จริงๆ แต่ลึกๆ ก็ตื้นตันเต็มอกจนอดยิ้มไม่ได้ ขนาดนายที่ไม่มีความทรงจำยังอาลัยอาวรณ์ขนาดนี้ คิดบ้างไหมว่าฉันที่มีความทรงจำแถมเป็นฝ่ายเสียนายไปจะขนาดไหน แล้วฉันฝืนพูดไปด้วยความรู้สึกยังไง
“เอาล่ะ เข้าใจแล้ว” เอาไงเอากัน ผมลูบหัวเธอปลกๆ “อยากดูแลเท่าไหร่ก็ตามใจเลย แต่ทำอยู่ในสายตาฉันที เที่ยงพรุ่งนี้มานั่งโต๊ะกินข้าวด้วยกันซะ เลิกสะกดรอยตาม เลิกโทรมาแล้วไม่พูดอะไร แล้วก็เลิกใช้โพสอิซแปะตามข้าวของ มันเหมือนพวกเด็กประถมแกล้งกัน ถ้ามีอะไรก็ส่ง snapchat หรือ massenger มาซะ”
เธอมีเบอร์ผมแล้ว ผมเลยสรุปเองว่าเธอคงมีช่องทางสื่อสารกับผมทางอื่นด้วยเหมือนกัน ถึงจะแค่ส่องเฉยๆก็ตาม
“ได้หรอ?”
“อืม...ถ้ามีอะไรไม่ชอบใจ ฉันจะบอกเธอเอง กลับมาอยู่ข้างๆ ฉันเถอะ” แสงพระอาทิตย์ยามเช้าสาดทอเข้ามาผ่านหน้าต่างห้องอาบน้ำ สะท้อนกับแววตาสีเขียวหม่นเป็นประกาย ป้าแม่บ้านที่เดินผ่านด้านนอกบ่นงึมงำก่อนปิดไฟที่พวกเราผลาญพลังงานไปทั้งคืน ครั้งนี้ผมเป็นฝ่ายยื่นมือออกไปให้เธอบ้าง “งั้นก็ฝากตัวด้วยนะ ‘คู่หู’ ”
“ไรอัน!”
“หวา”
เบธยิ้มหวานกระโจนใส่ผมทั้งตาแดงเรื่อจนเราร่วงลงไปกองกับพื้น ทับผมเกือบแบนเหมือนที่วอลมาเรีย เพราะเห็นภาพอดีตสหายร่วมรบซ้อนทับกับเธออยู่แท้ๆ ผมเลยพูดแบบนั้นกับสตอล์กเกอร์ตัวเองไปซะแล้ว
‘ฉันต้องเสียใจทีหลังแน่’
ถึงจะสังหรณ์ใจแบบนั้น แต่ตอนที่เดินจูงมือเบธานี่เดินอาบแสงยามเช้าไปตามริมระเบียงทางเดินที่มีสายลมพัดผ่าน ผมรู้สึกราวกับเวลาของเราที่เคยหยุดลง ณ เขตชิกันชิน่าในวันที่เบลทรูทจากผมไป กำลังกลับมาเดินอีกครั้ง
#######################
‘!?!’
อีกด้านหนึ่ง ชายหนุ่มวัยกลางคนผู้โชคร้ายเพิ่งลงลิฟต์จากชั้นของตนเองมายังโซนของนักศึกษาชายปี 1 เพราะห้องอาบน้ำประจำชั้นอาจารย์กำลังอยู่ระหว่างซ่อมบำรุง เขาจึงต้องมาใช้ร่วมกับพวกเด็กๆ วัยรุ่น อย่างช่วยไม่ได้
แต่ทันที่ประตูลิฟต์เปิด...อาจารย์หนุ่มก็ต้องกดปุ่มปิดประตูทันควัน! เมื่อเห็นเฟรชชี่ทั้งสองเดินออกมาจากห้องอาบน้ำ ผ่านหน้าตนเองไป
ม..เมื่อกี้นี้ ไม่ผิดแน่ เบลทรูทกับไรเนอร์
2 คนนั้นอยู่ด้วยกันอีกแล้วงั้นหรอ!? แถมยังมาเกิดในยุคเดียวกับเราอีก อะไรกัน!
ชายหนุ่มกอดไหล่ตัวเองสั่นสะท้าน ความหวาดกลัวเสียดแทงไปทั่วร่างในชั่วพริบตาจนต้องลูบขนแขนลุกชันให้สงบลง เขาค่อยๆสูดหายใจเพื่อเอาชนะความหวาดกลัว เลื่อนนิ้วสั่นเทาไปกดเปิดประตูลิฟต์
แม้ว่าจะพยายามมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถละสายตาจากแผ่นหลังของอดีตฆาตรได้เลย
เขาคือชายที่หวาดกลัวทั้งสองมากกว่าใครทั้งหมด...ความทรงจำยังคงฝังลึกในทุกรายละเอียด
#####################
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และหัวใจนะคะ TwT ปลื้มมากค่าที่ยังมีคนอ่านอยู่
ความคิดเห็น