ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC - B2ST] รัก โลภ โกรธ หลง - junhyung x hyunseung [END]

    ลำดับตอนที่ #2 : - โลภ ( by orangejuiceb2st )

    • อัปเดตล่าสุด 24 เม.ย. 56









     

    มันเหมือนกับความฝันในโลกแห่งความเป็นจริง

    มันเหมือนกับความฝันที่เขาเฝ้ารอคอยมาแสนนาน

     

    จุนฮยองแทบไม่อยากเชื่อว่าคนอย่างเขาจะมีวันนี้...

    วันที่เขาได้ยืนอยู่ข้างกายของผู้ชายคนที่เขาหลงรักอย่างหมดหัวใจ

     

    ผู้ชายคนที่เขาคิดจะทะนุถนอมจนกว่าชีวิตนี้จะหาไม่

    ผู้ชายคนที่เปรียบเหมือนกับลมหายใจของเขา

     

     

    ไม่อยากเชื่อมันเลยสักนิดเดียว

    ไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือความจริง

     

     

    วันที่เขามีฮยอนซึงอยู่เคียงข้างกาย

    และเราสองคนจะรักและอยู่ด้วยกันจนวันตาย

     

     

     

     

     

     

                ตอนที่ 2 : โลภ ( by pudjaee )

     

                เมื่อสามปีก่อน เขายังเป็นเหมือนกับหมาวัดตัวหนึ่ง หมาวัดที่หลงใหลดอกฟ้าที่ชื่อว่าจางฮยอนซึง ดอกฟ้าที่ใครๆก็ต่างพากันหลงใหลในความสวยแม้จะได้พบเพียงแวบแรก ไม่ว่าใครก็ไม่อาจปฎิเสธข้างในใจตัวเองว่าอยากจะได้มาครอบครองเอาไว้ในอ้อมกอด

     

     

    แต่จางฮยอนซึงนั้นก็เปรียบเหมือนกับดอกไม้ต้องห้ามของสวรรค์ เฝ้ามองได้แต่ก็ไม่มีสิทธิ์เอื้อมไปคว้ามาเก็บไว้ คนอย่างจุนฮยอง...คนอย่างเขาที่ไม่มีอะไรโดดเด่น ไม่มีอะไรที่จะไปสู้กับคนที่เพียบพร้อมและกล้าเสี่ยงจะเด็ดดอกฟ้าดอกนั่น

     

     

    จุนฮยองทำได้เพียงแต่มองห่างๆ เฝ้ามองด้วยความรัก ความชื่นชมและอยากดูแลอย่างเต็มหัวใจ ทำได้เพียงแค่นั้น

               

     

                คนอย่างเขา...ไม่มีสิทธิ์

     

     

                แต่วันนี้...ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง หมาวัดตัวนั้นเหมือนกับได้อยู่ในโลกแห่งความฝัน หมาวัดอย่างจุนฮยอง...หมาที่เคยได้แต่คิดอยากจะเด็ดดอกฟ้าเก็บมาไว้ในครอบครอง หมาที่เคยได้แต่สมเพชเวทนาตัวของมันเองทุกครั้งที่เหม่อมองไปยังสิ่งนั้น

     

     

    วันนี้...จุนฮยองกลับได้เชยชมความสวยงามอย่างชิดใกล้ ความหอมหวานของดอกฟ้านั่นทำเขาเคลิบเคลิ้มเหมือนล่องลอยไปในอากาศ มันเหมือนกับความฝันไม่มีผิดแต่หากสิ่งนี้คือความจริง มันเป็นความจริงที่จุนฮยองไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นได้

     

     

    จุนฮยองนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง...เขากำลังนั่งมองสิ่งที่เขาโหยหามานานตลอดหลายปี ตอนนี้สิ่งนั้นอยู่ตรงหน้าแล้ว ใบหน้าสวยกำลังพริ้มหลับด้วยความสบาย ปากสวยเผยอเล็กน้อยจนอดใจไม่ได้ที่จุนฮยองจะก้มลงไปจูบอยู่หลายต่อหลายครั้ง

     

     

    เรือนผมสีแดงเพลิงที่ทำให้คนร่างบางดูโดดเด่นทุกครั้งที่แดดทอแสงโดนจนส่องประกายเหมือนกับนางฟ้าลงมาจากสรวงสรรค์ เรือนร่างเอวผอมบางดูอ้อนแอ้นอย่างน่าทะนุถนอม ผิวขาวผ่องราวกับหิมะที่ตกลงมากระทบแสงแดดแรกของเช้าวันใหม่

     

     

    สวย...สวยเหลือเกิน...

     

     

    จุนฮยองพูดได้แค่นี้เท่านั้น ตลอดเวลาสองปีที่ผ่านมา เขาก็ยังไม่สามารถหาคำพูดไหนเพื่อจะสรรเสริญว่าคนรักของเขาที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงนอนนั้นงดงามมากเพียงใด

     

     

    จางฮยอนซึงสวยงามจนแทบทำเขาอยากคลั่งตาย...

     

     

    ใช่...จางฮยอนซึงคือคนรักเพียงคนเดียวของเขา คนที่ใครต่างพากันโหยหาใคร่อยากจะครอบครอง ตอนนี้เขาเหมือนกับเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก คนโชคดีที่ได้เก็บดอกฟ้าที่ใครต่างอยากได้ลงมาเชยชมและโอบกอดไว้ในอ้อมแขนทุกค่ำคืน

     

     

    จุนฮยองได้ทำอะไรหลายๆอย่างที่คนอื่นไม่มีวันได้ทำ...

     

     

    ใครจะไปเชื่อว่าคนอย่างเขา คนที่ไม่มีอะไรดี คนไม่โดดเด่นแม้กระทั่งหน้าตาจะได้ครอบครองสิ่งสวยงามที่เกินเอื้อมสิ่งนี้ จุนฮยองดีใจ ดีใจจนไม่รู้จะขอบคุณฮยอนซึงยังไง ขอบคุณที่เลือกเขาให้อยู่เป็นคู่ดูแลของชีวิต

     

     

    แม้เขาจะรู้ตัวเองดี...รู้ว่าเขาไม่เหมาะที่จะได้ฮยอนซึงมาก็ตาม

     

     

    หลังจากเรียนจบและรับปริญญา วันที่เขาได้ขอฮยอนซึงแต่งงานโดยที่มีโยซอบเพื่อนรักของร่างบางเป็นบาทหลวง แม้ไม่ใช่พิธีการอะไรมากนักแต่เขาก็มีความสุขจนไม่สามารถหาคำพูดอะไรมาบรรยายช่วงเวลานั้น

     

     

    และเมื่อพวกเขาทั้งคู่เรียนจบ เขาก็ได้เริ่มใช้ชีวิตอยู่กับฮยอนซึงตามลำพังในบ้านหลังเล็กๆหลังหนึ่งที่เขาใช้เงินจากการเปิดคลินิกผ่อนส่งบ้านหลังนี้

     

     

    บ้านที่มีแค่เขากับฮยอนซึงอยู่ด้วยกัน

     

     

    ส่วนฮยอนซึงก็ทำงานในสิ่งที่เจ้าตัวฝันอยากจะทำ งานออกแบบในบริษัทเล็กๆแห่งหนึ่ง แม้จุนฮยองไม่อยากจะให้ร่างบางต้องทำงานเหนื่อยก็ตามแต่เขาไม่อาจปฏิเสธความดื้อรั้นที่เพิ่มมากขึ้นทุกวันได้เลย

     

     

    จุนฮยองทำได้เพียงเป็นห่วง กลัว...และหวาดระแวง

     

     

     

     

     

    จุนฮยองก้มจูบปากบางสวยนั่นครั้งแล้วครั้งเล่าจนปากสวยเริ่มเจ่อแดงแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอยากจะเลิกจูบแม้แต่น้อย เวลาที่ได้นั่งมองอยู่อย่างนี้ มันรู้สึกอดใจไหวทุกครั้ง อยากจะสัมผัส อยากจะแตะต้องแต่ก็ต้องทะนุถนอมเอาไว้ไม่ให้ดอกไม้เหี่ยวช้ำ

     

     

    ผ่านไปเกือบสองปีที่เขาได้ใช้ชีวิตอยู่กับฮยอนซึง เกือบสองปีที่เขาได้สัมผัสร่างบางสวย เกือบสองปีที่เขาได้รับรอยยิ้มที่เป็นของเขาเพียงคนเดียว มันไม่เคยมีวันที่น่าเบื่อเลย ไม่เคยมีสักวันที่รู้สึกเบื่อหน่าย มันกลับมีแต่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน

     

     

    ความรัก ความต้องการที่มากขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่มีวันหมดสิ้น

     

     

    ความหลงใหลและโหยหาอยากได้มากยิ่งกว่าเดิม

     

     

    อะไรก็ตามที่เคยทำ...มันไม่เคยจะเพียงพอแต่ต้องข่มอารมณ์เอาไว้...

     

     

    ทะนุถนอมจางฮยอนซึงด้วยความรัก

     

     

     

     

    จุนฮยองชอบนั่งมองฮยอนซึงที่กำลังนอนหลับใหล แม้ว่าเขาจะเพิ่งได้นอนหลับไปแค่หนึ่งชั่วโมงหลังจากที่ได้ร่วมรักกับร่างบางเสร็จก็ตาม เขาชอบที่นั่งมอง ชอบที่จะเก็บความสวยงามเอาไว้ ยิ่งเวลาที่ได้มองฮยอนซึงที่พล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยหอบยิ่งชอบเหลือเกิน

     

     

    มันคือเสน่ห์และความยั่วยวนที่จุนฮยองไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามันเอ่อล้นมาจากตัวฮยอนซึงทุกครั้งหลังจากมีอะไรกัน

     

     

    และมันก็ยิ่งทำให้จุนฮยองรู้สึกไม่เพียงพอ

     

     

     

     

    ฮยอนซึงเดี๋ยวไปทำงานสายหรอกจุนฮยองหันบอกฮยอนซึงที่กำลังง่วนอยู่กับการกินอาหารบนโต๊ะอย่างไม่มีทีท่าว่าจะอิ่มแม้จะใกล้เวลาที่ต้องออกจากบ้านไปทำงานเข้าไปทุกที จุนฮยองก็ลุกเดินไปคว้ากระเป๋าเอกสารต่างๆของร่างบางมาถือไว้อย่างเตรียมพร้อม

     

     

    อือๆ รู้แล้วครับๆฮยอนซึงยิ้มขำๆ ทำเสียงเหมือนกับลูกชายที่ถูกคุณพ่อดุ จุนฮยองจึงส่งยิ้มให้กับความน่ารักและพฤติกรรมที่ไม่รู้จักโต

     

     

    รู้แล้วก็ลุกซะทีสิครับ ไปกันได้แล้วนะ

     

     

    นี่...ฉันบอกแล้วไงว่านายไม่ต้องไปส่งฉันก็ได้ ที่ทำงานฉันก็อยู่ไม่ได้ไกลสักหน่อยร่างบางพูดพร้อมกับทำสีหน้าจริงจัง เมื่อเห็นว่าจุนฮยองเตรียมพร้อมที่จะเดินไปส่งเขา

     

     

    ตลอดระยะเวลาที่เริ่มทำงานจุนฮยองไม่เคยปล่อยให้เขาไปทำงานคนเดียวเลยด้วยซ้ำแถมตอนเลิกงานยังไปรับกลับเสียอีก ไม่ใช่ว่าไม่ชอบใจหรอกแต่เขาก็กลัวว่าจุนฮยองจะเหนื่อย

     

     

    ก็ฉันอยากไปส่ง...จุนฮยองเอ่ยอย่างน้อยใจ ขอโทษนะที่ฉันทำให้นายอายที่ต้องเดินข้างฉันแต่...แต่ฉันแค่เป็นห่วงนายก็เท่านั้น

     

     

    เขานึกสมเพชตัวเองเหลือเกิน เขาไม่เหมาะกับฮยอนซึง เรื่องนั้นเขารู้ดีที่สุด มันไม่แปลกเลยสักนิดถ้าหากว่าร่างบางจะอายที่ต้องเดินเคียงข้างเขา แม้ฮยอนซึงจะไม่มีท่าทีรังเกียจเลยก็ตามแต่เขาก็อดคิดไม่ได้อยู่ดีว่าระยะเวลาสองปีที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆก็ย่อมมีอะไรที่ไม่เหมือนเดิม

     

     

    ไม่ๆ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นจุนฮยอง นายเนี่ยทำไมชอบพูดให้ตัวเองดูไม่ดีด้วยล่ะฮยอนซึงนิ่วหน้ามองจุนฮยองที่ก้มหน้าอย่างเป็นห่วง ห่วงกับอาการคนรักที่ชอบดูถูกตัวเองอยู่เรื่อย ยิ่งนานวันก็ดูเหมือนจะยิ่งแย่หนัก

     

     

    ไหน เงยหน้าให้ฮยอนซึงคนนี้ดูหน่อยซิ แฟนใครหว่าหน้าตาก็ออกจะหล่อเท่ขนาดนี้ ชอบพูดว่าตัวเองหน้าตาไม่ดีอยู่เรื่อยเลยฮยอนซึงพูดแล้วหัวเราะคิกคักจับใบหน้าของจุนฮยองด้วยมือทั้งสองข้างแล้วโน้มเข้าไปใกล้เหมือนทุกครั้ง จุนฮยองที่ทำหน้าเศร้าก็เผยอยิ้มหัวเราะเบาๆ

     

     

    ดูสิ เวลานายยิ้มอ่ะ นายโคตรหล่อเลยจุนฮยอง เดี๋ยวนี้มีสาวๆมาติดบ้างป่ะเนี่ยฮยอนซึงพูดอย่างติดตลก เขารู้ว่ายังไงจุนฮยองก็ไม่มีทางนอกใจเขาได้หรอก

     

     

    ไม่มีหรอก ถึงมีก็ไม่สน ใครบนโลกนี้จะสวยเท่าฮยอนซึงไม่มีอีกแล้วล่ะจุนฮยองยิ้ม โน้มหน้าเข้าไปใกล้ เอาจมูกคลอเคลียกับจมูกของอีกคน ฮยอนซึงหัวเราะคิกคัก

     

     

    ฮยอนซึงก็แค่พูดปลอบใจเขาเท่านั้น...เขาหน้าตาไม่ดี หน้าตาไม่หล่อเท่าใครหลายคน ฮยอนซึงแค่ไม่อยากให้เขาคิดมาก เขารู้ดี รู้ตัวเองเสมอ สมเพชที่ตัวเองมีหน้าตาที่ไม่ดีพอ...

     

     

    อือ...งั้นบนโลกนี้ก็ไม่มีใครหล่อเท่ายงจุนฮยองของฮยอนซึงแล้วล่ะ”  ฮยอนซึงยิ้มแล้วจ้องตาบอกคนรักด้วยความจริงใจ จุนฮยองหล่อกว่าใครๆที่ฮยอนซึงเคยพบเจอมา มันไม่ใช่แค่เพียงหน้าตาแต่หมายถึงจิตใจของจุนฮยองด้วยเหมือนกัน แม้ว่าจุนฮยองจะไม่ยอมเชื่อว่าตัวเองหล่อก็ตามทีแต่ฮยอนซึงมั่นใจว่าจุนฮยองหล่อมากๆเลยทีเดียว ถ้าหากเขามีความมั่นใจมากกว่านี้....

     

     

    อือ....

     

     
               *****

     

     

    ******

     

     

    *******

     

     

    จะ จุนฮยอง ฉันต้องไปทำงานนะฮยอนซึงกระซิบบอกเสียงแผ่วอย่างโรยแรง

     

     

    อือ...วันนี้ไม่ไปได้ไหม จุนฮยองทำน้ำเสียงอ้อนๆ เขาก้มกัดริมฝีปากล่างของฮยอนซึงอีกครั้งอย่างชอบใจ ถึงไม่ได้แรงมากนักแต่ฮยอนซึงก็ถึงกับซี๊ดปากเบาๆทันที

               

     

                เวลานี้จุนฮยองไม่อยากให้ฮยอนซึงไปทำงานเอาเสียเลย

     

     

    พอได้แล้ว อือ...ฉันต้องไปทำงานแล้วนะ เดี๋ยวสายร่างบางบอกแต่ก็ไม่ได้ปฎิเสธจูบที่ย้ำลงบนฝีปากตัวเองไม่หยุดหย่อน

     

     

    นะ ไม่อยากให้ไปเลย อยู่ที่บ้านก็ได้นี่ ฉันทำงานเลี้ยงนายได้นะจุนฮยองว่า ***

     

     

    ไม่เอาอ่ะ ฉันอยากทำงาน อยากหาเงินช่วยนายบ้างนี่ พอเหอะนะ ไปทำงานกันเถอะฮยอนซึงตอบเสียงอ่อน เขาผลักร่างสูงให้ห่าง จุนฮยองยอมแต่โดยดีเมื่อการอ้อนสองครั้งไม่ได้ผล เขาก็ควรจะหยุดก่อนที่ร่างบางจะโกรธ มันก็ไม่มีอะไรเสียหายนี่ ก็ใช่ว่าตอนกลางคืนจะไม่มีโอกาส...

     

     

    ครับๆ คุณจางฮยอนซึง ไปกัน เดี๋ยวฉันไปส่งจุนฮยองส่งยิ้มอย่างเอาใจ ก้มเก็บเอกสารที่ถูกปล่อยลงบนพื้นอย่างรวดเร็วไม่ลืมจะหันไปจูบแผ่วๆที่ริมฝีปากคู่สวยอีกครั้งจนฮยอนซึงถึงกับยิ้มเขินๆ

     

     

    จุนฮยองทะนุถนอมจนชีวิตนี้ฮยอนซึงคิดว่าคงไม่มีใครดีเท่าจุนฮยองอีกแล้ว

     

     

    จุนฮยองคว้ามือสวยมาจับทันทีที่เดินออกจากบ้าน เขาไม่อายหรอกที่ทำแบบนี้ต่อหน้าสาธารณะชน เขาอยากจะให้ทุกคนรู้ว่าคนรักของเขาสวยแค่ไหน คนรักของเขาเพอร์เฟ็กมากแค่ไหน แม้ใครต่างมองมาที่เขาด้วยสายตาดูถูกและหยามเหยียดว่าเขาไม่คู่ควรก็ตาม

     

     

    ฮยอนซึงเดินจับมือกับจุนฮยองด้วยความรู้สึกสดใสและเบิกบานจนจุนฮยองเหลือบไปมองหน้าสวยนั่นหลายครั้งอย่างไม่อาจห้ามใจไหว เวลาที่ฮยอนซึงยิ้มและแสงแดดทอประกายลงมามันเหมือนกับความฝันเสียเหลือเกิน...

     

     

    ผมสีแดงเพลิงที่ยาวคลอเคลียกับบ่าตัดเข้ากับผิวขาวผ่องเป็นอย่างดี คอขาวๆของฮยอนซึงดูน่าหลงใหลจนเขานึกอยากจะก้มลงไปจูบไปสักครั้งแม้จะอยู่ในท่ามกลางสายตาของใครหลายคนที่กำลังมองตรงมา

     

     

    ยิ่งผ่านนานวันไปมากเท่าไหร่ ความสวยของฮยอนซึงยิ่งมากขึ้นเท่านั้น จุนฮยองที่ยืนอยู่ใกล้ๆกับฮยอนซึงนั้นรู้ดีที่สุด ความสวยนั้นไม่เคยลดลงไปเลยแม้แต่น้อยนิดและความโดดเด่นนั้นก็เช่นกัน จุนฮยองรับรู้ได้จากสายตาของใครหลายคนที่มองมา

     

     

    สายตาที่มองด้วยชื่นชม สายตาที่มองด้วยความรัก สายตาที่มองด้วยอยากได้ สายตาที่มองด้วยความอยากที่จะครอบครอง ทุกสายตากำลังมองมาที่คนรักของเขา ไม่ว่าจะไปที่ไหน ไม่เคยจะหนีมันพ้นเลย

     

     

    ผิดกับเขา..ที่ทุกคนต่างจ้องมองมาด้วยความสมเพช เวทนาและหมั่นไส้ คำพูดที่อยู่ในใจของคนพวกนั้นคงมีแต่คำดูหมิ่น เหยียดยามของเขาเท่านั้น คนอย่างเขามันไม่คู่ควร ใช่...มันไม่คู่ควรแต่ฮยอนซึงก็เลือกเขา เลือกที่จะอยู่กับเขา

    ทำยังไงดี....ทำยังไงถึงจะทำให้ฮยอนซึงตกอยู่ในสายตาของเขาคนเดียวเท่านั้น

     

     

    จุนฮยองเป็นอะไรน่ะ? ทำหน้าเครียดเชียวเสียงหวานเอ่ยถาม นิ่วหน้ามองคนรัก จุนฮยองที่กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความคิดของตัวเองก็ตื่นขึ้น หันหน้ามองร่างบางแล้วคลี่ยิ้มให้ดูผ่อนคลาย

     

     

    เปล่า ไม่มีอะไรหรอกแค่คิดเรื่องคนไข้ในคลินิกเท่านั้นเอง

     

     

    เหรอ...อย่าหักโหมมากนะ ถ้าไม่ไหวก็พักบ้าง ฉันเป็นห่วงฮยอนซึงบอกด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนจุนฮยองต้องยิ้ม

     

     

    ไม่หรอก นายต่างหากที่ต้องบอกตัวเองว่าอย่าหักโหม ดูสิ ทำซะผอมไปหมดแล้ว

     

     

    ผอมอะไรที่ไหนกัน เขาเรียกว่าหุ่นดีต่างหาก ไม่เอาล่ะ เดี๋ยวสาย ฉันไปก่อนนะแล้วตอนเย็นเจอกันฮยอนซึงยิ้มพร้อมกับยื่นไปรับเอากระเป๋าเอกสารจากจุนฮยองมาถือไว้

     

     

    อือ...เดี๋ยวตอนเย็นฉันมารับนะ รอด้วยล่ะจุนฮยองยิ้มตอบ โบกมือลาฮยอนซึงและหยุดยืนรอให้ร่างบางเดินเข้าไปในตึกออฟฟิค

     

     

    แต่แล้วเขาก็ต้องขมวดคิ้วนิ่วหน้าด้วยความไม่ชอบใจ เมื่อพบว่าฮยอนซึงกำลังหยุดยืนกับใครบางคนก่อนที่จะพากันเดินเข้าไปข้างใน ปากสวยของฮยอนซึงกำลังส่งยิ้มและหัวเราะทักทายผู้ชายคนนั้นอย่างสนิทสนม ทั้งสองเดินคลอเคลียข้างกันอย่างใกล้ชิด

     

     

    จุนฮยองไม่ชอบใจ....

     

     

    เขาไม่ชอบผู้ชายคนนั้น เพื่อนร่วมงานของฮยอนซึงที่เขาไม่ค่อยได้เห็นหน้าบ่อยครั้งนัก แม้ฮยอนซึงจะบอกว่าไม่มีอะไรมากกว่านั้นแต่เขาก็ไม่เคยทำใจให้สงบได้เลยสักครั้ง ไม่ใช่เพราะไม่เชื่อใจฮยอนซึง เขากำลังกลัว...

     

     

    จุนฮยองกำลังกลัว...

     

     

    เขากลัวว่าสักวันนึง...ถ้าหากฮยอนซึงจะทิ้งเขาไปหาผู้ชายคนอื่น หาผู้ชายคนที่หน้าตาหล่อและเพียบพร้อมไปด้วยฐานะและหน้าที่การงาน คนที่ดีมากกว่าคนอย่างเขาที่หน้าตาไม่หล่อและเป็นแค่เจ้าของคลินิกกระจอกๆเท่านั้น

     

     

    หวาดระแวง...กับความสวยงามที่เพิ่มมากขึ้นทุกวันของฮยอนซึง หวาดระแวงว่าสักวันหนึ่งจะมีคนที่ดีกว่าเขาเข้ามาใกล้ชิดฮยอนซึงและแย่งดอกไม้ที่เขากำลังเชยชมไปจากมือของเขา สายตาของทุกคนที่มองมามันเป็นสิ่งที่บอกเตือนว่าเรื่องนี้อาจจะเกิดขึ้นกับเขา...

     

     

    เรื่องนี้...อาจเกิดขึ้นกับเขาสักวันหนึ่ง

               

     

                ฮยอนซึงอาจถูกใครแย่งไป...

               

     

     

     

     

                จุนฮยองนั่งอยู่บนเก้าอี้เหมือนเช่นทุกวัน เขายังไม่ได้นอนหลับแม้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบตีห้าก็ตาม บทรักของเขากับฮยอนซึงเพิ่งผ่านไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนแต่ก็ไม่ได้ทำให้จุนฮยองรู้สึกเพลียแม้แต่นิดเดียว เขากลับอยากจะมาจ้องหน้าคนรักเหมือนอย่างที่เคยทำ

     

     

                แต่วันนี้กลับมีอะไรบางอย่างที่ผิดแปลก...เขากำลังนั่งครุ่นอะไรบางอย่างอยู่ในความเงียบและบรรยากาศมืดมิดในห้องนอน สายตายังคงจดจ้องกับใบหน้าสวยที่พริ้มหลับบนเตียง เอื้อมมือเกลี่ยไรผมอย่างแผ่วเบาและทะนุถนอม ไม่ลืมที่จะก้มประทับริมฝีปากลงบนปากสวยและไหล่ขาวก่อนจะห่มผ้าให้มิดถึงคอ

     

     

                เขาควรจะทำยังไงดี...

     

     

                จุนฮยองเหมือนคนคิดไม่ตก เขาเหมือนกับคนที่ไม่รู้จักพอมากขึ้นไปทุกวัน เขาไม่อยากให้ใครได้เห็นความสวยงามของคนรักเสียแล้ว เขาโลภอยากจะให้คนรักอยู่ในแต่ในดวงตาของเขาเพียงคนเดียว อยากจะเก็บไว้เชยชมเพียงคนเดียว

     

     

                แม้แต่ใครก็ห้ามมอง...ดอกไม้จากบนสวรรค์ดอกนี้ ไม่มีใครมีสิทธิ์มองทั้งนั้น

     

     

                ยกเว้นแต่เขา...ยกเว้นแต่จุนฮยองเพียงผู้เดียว

     

     

                ถ้าหากมีใครหลายคนที่ดีกว่าตัวของเขาได้พบกับฮยอนซึง ใครคนนั้นต้องคิดแย่งร่างบางไปจากเขาอย่างแน่นอน ไม่มีใครอดใจไหวกับความสวยและบริสุทธิ์ของฮยอนซึงไปได้หรอก แต่มันจะไม่มีทางเด็ดขาด มันจะไม่มีทางเป็นแบบนั้น เขาจะไม่ให้มันเป็นแบบนั้น

     

     

    จุนฮยองเป็นอะไรหรือเปล่าน่ะ?” ฮยอนซึงแตะตัวถามจุนฮยองที่นอนบนเตียงอย่างเป็นห่วง ตามปกติแล้วจุนฮยองมักจะตื่นเป็นคนแรกและทำอาหารรอเขาเสมอแต่วันนี้กลับแปลกไป จุนฮยองนอนตื่นหลังเขา ตอนแรกคิดว่าจุนฮยองเหนื่อยเลยตื่นสายแต่เขาแต่งตัวเสร็จ จุนฮยองยังคงไม่มีท่าทีที่จะลุกจากเตียง

     

     

    อือ...โทษทีนะ จะไปทำงานแล้วใช่ไหม? เดี๋ยวฉันลุกไปทำกับข้าวให้กินก่อนแล้วค่อยไปนะจุนฮยองค่อยๆยันตัวลุกขึ้นจากที่นอน หน้าตาดูซีดเซียวเหมือนคนไร้เรี่ยวแรงไม่มีผิด

     

     

    เดี๋ยวก่อนๆ นายไม่สบายหรอจุนฮยอง??” ฮยอนซึงถามด้วยความตกใจ เพราะเขาไม่ค่อยได้เห็นว่าจุนฮยองจะไม่สบายบ่อยนัก ยกมืออังหน้าผากของจุนฮยองและพบว่าตัวของคนรักอุ่นๆเท่านั้น ยังไม่ถึงกับร้อนเหมือนคนเป็นไข้หนัก ถึงแม้ดูจะไม่เป็นอะไรมากแต่ฮยอนซึงก็อดที่จะห่วงไม่ได้

     

     

    เปล่า ฉันก็ปกตินี่จุนฮยองตอบ แสร้งทำหน้าไม่เป็นไรอะไร

     

     

    เปล่าได้ไง ดูหน้านายสิซีดเชียว ไม่สบายก็ต้องพักสิ ฝืนร่างกายตัวเองทำไมฮยอนซึงทำเสียงดุแต่จุนฮยองกลับยิ้มชอบใจที่เห็นอีกคนเป็นห่วงจนฮยอนซึงอดที่จะตีเบาๆที่หน้าผากทีนึงแบบหมั่นไส้

     

     

    เจ็บนะจุนฮยองร้อง แสร้งทำเป็นเจ็บ รอฉันก่อนนะเดี๋ยวทำกับข้าวให้กินแล้วจะไปส่งทำงาน

     

     

    อะไรเนี่ย? ไม่เข้าใจที่ฉันพูดหรือยังไงว่าไม่สบายก็ต้องนอนพักผ่อนน่ะ

     

     

    แต่นายจะไปทำงานไม่ใช่หรอ ฉันก็ต้องไปส่งนายสิ ฉันไม่อยากให้นายไปคนเดียวนี่ นะๆ อย่าห้ามเลย รอแปปจุนฮยองทำหน้าเศร้า เขารีบลุกจากเตียงนอนแต่ก็ต้องเซลงกลับไปนั่งเหมือนเดิมก่อนจะสะบัดหัวเบาๆด้วยความมึนงง

     

     

    เป็นอะไรหรือเปล่า!?” ฮยอนซึงร้องด้วยความเป็นห่วงแต่ก็อดที่จะไม่พอใจที่เห็นจุนฮยองทำตัวดื้อแบบนี้ ทำไมรู้ว่าตัวเองกำลังป่วยนะ ตัวเองก็เป็นหมอรักษาคนเสียเปล่า

     

     

    เห็นไหมล่ะ ลุกไม่ไหวก็ยังจะดื้ออีก กลับไปนอนเดี๋ยวนี้เลยนะร่างบางสั่งพลางผลักให้คนรักนอนลงบนเตียง จุนฮยองยิ้มแหยได้แต่ทำตามที่ฮยอนซึงสั่งอย่างไม่กล้าขัดใจ

     

     

    แต่นายต้องไปทำงาน...

     

     

    แหน่ะ ยังจะมาห่วงว่าฉันต้องไปทำงานอีกหรือไง จุนฮยองป่วยแบบนี้แล้วฉันจะไปทำงานได้ยังไงล่ะฮยอนซึงมู่หน้า ทีอย่างนี้ล่ะอยากไล่ให้เขาไปทำงานเสียจริงๆ

     

     

    นายจะไม่ไปทำงาน?” จุนฮยองเลิกคิ้วขึ้น ถามด้วยความแปลกใจ

     

     

    ก็ใช่น่ะสิ

     

     

    แต่....

     

     

    ไม่ต้องแต่อะไรทั้งนั้นแหละ ตอนฉันไม่สบาย นายยังหยุดดูแลฉันเลย ตอนนี้นายไม่สบาย ฉันจะหยุดดูแลนายเองนะฮยอนซึงฉีกยิ้มแล้วก้มจุ๊บปากจุนฮยองทีนึงด้วยท่าทีเขินๆ เพราะเขาไม่ค่อยได้เป็นฝ่ายเริ่มทำอะไรแบบนี้เท่าไหร่นัก

     

     

    ว้า ดีจังพอไม่สบายแบบนี้แล้ว มีคนกล้าเริ่มที่จะจูบปากก่อนด้วย คราวหน้าฉันจะไม่สบายบ่อยๆดีไหม?” จุนฮยองยิ้มตอบ ยกมือฮยอนซึงขึ้นมาจูบเบาๆเหมือนเป็นการขอบใจ ทำเอาฮยอนซึงยิ่งรู้สึกเขินเข้าไปใหญ่จนต้องชักมือหนี

     

     

    จะบ้าหรือไง เดี๋ยวฉันไปทำอะไรมาให้ทานแล้วกัน นายนอนรอแปปนึงนะฮยอนซึงว่าก่อนจะลุกจากเตียงแล้วเดินออกจากห้องนอน

     

     

    จุนฮยองได้แต่มองตามแผ่นหลังของฮยอนซึงแล้วยกยิ้มอย่างมีความสุข...

     

     

    เวลาผ่านไปไม่นาน ฮยอนซึงก็กลับเข้ามาในห้องอีกครั้งพร้อมกับข้าวต้มถ้วยใหญ่และยา ร่างบางนั่งลงบนเตียงก่อนจะยกถาดไปวางบนตักจุนฮยองที่นั่งพิงกับหัวเตียงรอ เขามองฮยอนซึงที่กำลังเพยิดหน้าให้กินข้าวต้มที่ตั้งใจทำแล้วอดจะขำไม่ได้

     

     

    กินได้ป่ะเนี่ย?” จุนฮยองถามหยอก ทำเอาคนทำถึงกับหน้างอ

     

     

    ถ้านายกลัวว่าข้าวต้มฉันจะทำให้นายเป็นอะไรก็ไม่ต้องกินก็ได้นะฮยอนซึงมู่หน้า แสร้งทำเสียงงอนๆ เขาก็ใช่ว่าจะทำกับข้าวไม่เป็นเสียหน่อย อย่างน้อยก็คงจะพอทานได้แล้วท้องไม่เสียและไอ้ข้าวต้มที่ทำเนี่ยไม่เห็นมีอะไรนอกจากใส่ข้าวใส่น้ำแล้วคนๆก็เท่านั้นเอง

     

     

    โอ๋ๆ ฉันล้อเล่นน่า นายทำอะไรให้ฉันก็อร่อยทั้งนั้นแหละ

     

     

    ไม่ต้องทำเป็นปากหวานเลย กินได้แล้วเดี๋ยวเย็นมันจะไม่อร่อยนะ ดูดิ ฉันใส่กุ้งมาให้นายด้วยนะ ไข่ด้วย หมูด้วย กินให้หมดเลยจะได้หายไวๆฮยอนซึงยังทำเสียงงอนไม่เลิก จุนฮยองได้แต่หัวเราะด้วยขำรู้ดีว่าอีกคนแค่แกล้งงอนก็เท่านั้น

     

     

    แย่จัง ฉันอยากกินนะแต่ก็ไม่อยากหายป่วยเลย ถ้าฉันหาย สงสัยได้อดกินฝีมือนายแน่เลยอ่า

     

     

    ไม่ได้ นายต้องหายสิ นายต้องมาดูแลฉันไม่ใช่หรอฮยอนซึงพูดแล้วอมยิ้มน้อยๆ

     

     

    คร้าบๆ คุณจางฮยอนซึงจุนฮยองยิ้ม ยกมือหยีผมสีแดงนั่นทีนึง ป้อนหน่อยสิ มือไม้ไม่มีแรงเลยอ่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ แสร้งทำมืออ่อนปวกเปียกไปเสียหมด

     

     

    พอไม่สบายแล้วอ้อนใหญ่เลยนะ มาๆ เดี๋ยวคุณฮยอนซึงป้อนให้เอง ถือเป็นการบริการพิเศษฮยอนซึงยิ้มเขยิบตัวเองข้าไปใกล้แล้วนั่งด้วยท่าทางที่ถนัดกว่าเดิม เขายิ้มถ้วยขึ้นมาถือไว้ ตักข้าวต้มด้วยช้อนโดยไม่ลืมที่จะเป่ามัน

     

     

    อ้ามมมเหมือนกับเด็กที่กำลังหัดเรียนรู้การดูแลพ่อไม่มีผิด จุนฮยองยิ้มให้กับท่าทีของร่างบางตรงหน้าด้วยความชื่นใจ ฮยอนซึงกำลังยิ้มและหัวเราะทุกครั้งที่พยายามยัดช้อนใหญ่ๆเข้ามาในปากและมันก็ใหญ่เกินที่จะเอามันใส่ไปในปาก

     

     

    หลายคน...หลายคนที่คิดอยากจะครอบครองฮยอนซึง คงกำลังอิจฉาตัวของเขาอยู่แน่นอน อิจฉากับสิ่งที่พวกนั้นไม่มีวันจะได้เห็นฮยอนซึงในอิริยาบถที่น่ารักแบบนี้ เพราะเขาคือคนพิเศษ จุนฮยองเป็นคนที่พิเศษยิ่งกว่าใคร

     

     

    เขาเป็นผู้เดียวที่ได้เห็นฮยอนซึงในทุกๆอิริยาบถที่ล้วนแต่สวยงามเป็นธรรมชาติแบบไม่มีการปรุงแต่ง...

     

     

    มันยิ่งทำให้เขาอยากเก็บฮยอนซึงเอาไว้ เก็บไว้...ทะนุถนอมด้วยความรัก...เก็บเอาไว้เพียงคนเดียว

     

     

    ขอบคุณนะที่หยุดงานมาดูแลฉันน่ะจุนฮยองยิ้มบอกกับฮยอนซึงในขณะที่ร่างบางงกำลังเช็ดปากให้เขาหลังกินข้าวและกินยาเสร็จ ฮยอนซึงเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะยิ้มตอบ

     

     

    เรื่องแค่นี้เอง ทำไมล่ะ ฉันเป็นแฟนของนายนี่น่า ฉันก็ต้องดูแลนายเป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่หรอ?”

     

     

    อื้ม...เพราะงั้นถึงได้ขอบคุณที่นายยังคอยดูแลฉัน ไม่ไปไหนยังไงล่ะเสียงจุนฮยองแผ่ว น้ำเสียงดูน่าเวทนาจนฮยอนซึงมองหน้าแล้วรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลยที่ได้ฟังแบบนั้น

     

     

    แล้วนายจะให้ฉันไปไหนล่ะ?”

     

     

    ก็....ถ้าเกิดว่าสักวันนึงนายเจอคนที่ดีกว่าฉัน คนที่รักนายมากกว่าฉัน คนที่นายเองก็คงจะรักกว่าฉันเหมือนกัน วันนั้น...นายก็ต้องไปใช่ไหม?” จุนฮยองถามเสียงเบาหวิวราวกับกระซิบ เขาไม่อยากให้ใครได้ฮยอนซึงไปนอกจากเขา ไม่อยากให้ฮยอนซึงทิ้งเขาไปเลย

     

     

    เขากลัว...กลัวเหลือเกิน

     

     

    ทำไมนายพูดแบบนี้ล่ะ... ฉันรักนายแถมนายก็ยังรักฉันมากขนาดนี้ ใครจะกล้าทิ้งคนดีๆอย่างนายไปได้ไงฮยอนซึงบอก พยายามยิ้มให้อีกคนสบายใจ จุนฮยองยังคงเป็นพวกที่ชอบคิดมากไม่เลิก ชอบคิดอยู่ตลอดว่าเขาจะทิ้งไปหาคนใหม่ ทั้งที่มันไม่มีทางเป็นไปได้

     

     

    เขารักจุนฮยองมาก มากเกินกว่าจะไปหาใครใหม่...

     

     

    ฉัน...ฉันขอโทษจุนฮยองพึมพำ นายอย่าทิ้งฉันไปไหนนะฮยอนซึง

     

    ฉันไม่มีทางทิ้งนายแน่นอน ฉันสัญญา สัญญาด้วยชีวิตของฉันเลยจุนฮยองฮยอนซึงโน้มตัวลงกอดจุนฮยองไว้แน่นพร้อมกับพร่ำสัญญาให้รับรู้...

     

     

    เขาจะอยู่กับจุนฮยอง...จะอยู่ด้วยกันจนกว่าจะถึงวันที่ต้องพรากจากกันไป

     

     

    เขาเชื่อว่าจุนฮยองจะเป็นผู้ชายที่ดีที่สุด ผู้ชายที่เขาเหมาะจะฝากชีวิตเอาไว้

     

     

    จุนฮยองเกลี่ยผมสีแดงเพลิงที่ปรกลงใบหน้าสวยอย่างเบามือ โน้มจูบขมับและไล่ไปที่แก้มจนถึงซอกคออย่างแผ่วเบา มองร่างบางที่เผลอหลับไปในอ้อมกอดเขาด้วยความสุขใจ กวาดสายตาเก็บภาพงดงามครั้งแล้วครั้งเล่า

     

     

    จุนฮยองไม่คิดว่าแผนนี้จะได้ผล...

     

     

    แผนที่แกล้งป่วยเพื่อเป็นการยื้อไม่ให้ฮยอนซึงออกไปทำงาน เขาปกติ...ไม่ได้ป่วยแต่อย่างใด สบายดีเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแต่ที่ต้องแกล้งทำเช่นนั้นเพราะไม่ต้องการให้ฮยอนซึงออกไปข้างนอก ไม่ต้องการให้ออกไปพบเจอกับใคร

               

     

                แม้เป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดนัก...แต่เขาต้องทำ...เพื่อให้ฮยอนซึงอยู่กับเขา แม้จะยื้อได้แค่เพียงหนึ่งวันก็ตาม เขาอยากจะนอนเฝ้ามองฮยอนซึงที่กำลังหลับอยู่ในอ้อมกอดยามที่ฟ้าสว่าง ยามที่ผู้คนกำลังทำงาน  

     

     

    อยากมอง...อยากมองใบหน้าสวยทุกวัน...ทุกเวลา

     

     

     

     

    แต่ยิ่งวันเวลาผ่านพ้นไปนาน จุนฮยองยิ่งนึกกลัว ความสวยงามของจางฮยอนซึงผู้เป็นที่รักของเขามีแต่เพิ่มมากขึ้นอย่างไม่มีเคยหยุด ผิดกับเขาที่นับวันยิ่งดูโทรมลงไปตามกาลเวลา...

     

     

    น่าสมเพช...ช่างน่าสมเพชเวทนาเหลือเกิน

     

     

    ทุกครั้งที่เขาได้ยืนอยู่ข้างฮยอนซึง เขาอดที่จะคิดสมเพชตัวเองไม่ได้สักครั้ง เขามันเหมือนกับคนธรรมดาที่ดูไม่มีค่าอะไร ผิดกับฮยอนซึงที่นับวันยิ่งสวยจนเป็นที่จับตามองของใครต่อใครและนั่นก็หมายความว่า...

     

     

    สายตาของคนที่มองมาที่เขาด้วยความน่าสมเพชก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

     

     

    ไม่คู่ควร...ประโยคนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในใจของเขาตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา การที่ฮยอนซึงตกลงเลือกที่จะอยู่กับเขาก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเชื่อมั่นได้อย่างสนิทใจ แม้คำพูดที่พร่ำบอกของฮยอนซึงว่าตัวเองเขาเหมาะสมที่สุดแล้วก็ตาม

     

     

    จุนฮยองเป็นคนหน้าตาไม่ดี เขาคิดอย่างนั้น...คิดมันทุกวันเวลา คนหน้าตาไม่ดีและคนที่ไม่มีอะไรอย่างเขา ไม่มี

     

     

    วันที่จะได้อยู่ข้างกายของฮยอนซึงตลอดไปทั้งชีวิตหรอก สักวันนึง...วันที่ฮยอนซึงต้องได้พบกับคนใหม่ เขาคงจะ

     

     

    โดนทิ้งเหมือนกับเศษมนุษย์ที่ไร้ค่า...ไร้ค่าที่จะยืนอยู่บนโลกนี้

     

     

    ทำยังไง...ทำยังไงไม่ให้ฮยอนซึงจากเขาไป

     

    ทำยังไงที่จะเก็บฮยอนซึงเอาไว้ข้างกาย

     

     

    ช่วงนี้นายเหม่อบ่อยนะจุนฮยองฮยอนซึงยื่นหน้าเข้าไปถามจุนฮยองใกล้ๆด้วยความเป็นห่วง ในขณะที่ทั้งสองกำลังใช้เวลาพักผ่อนในวันหยุดด้วยการนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่นของบ้าน จุนฮยองมองเหม่อจนฮยอนซึงแปลกใจ มันไม่ใช่แค่ครั้งแรกที่เป็นแบบนี้แต่ช่วงระยะหลังๆดูเหมือนจุนฮยองมีอาการเหม่อบ่อยครั้งจนน่าเป็นห่วง

     

     

    โทษที...เอ่อ...ฉันคิดเรื่องงานน่ะจุนฮยองตอบ หันไปยิ้มให้คนรักจนตาปิด หวังว่าคำลวงจากปากเขาจะทำให้คนสวยและฉลาดอย่างฮยอนซึงจะเชื่อ

     

     

    นายมีปัญหาอะไรหรือเปล่า? ช่วงนี้นายเหม่อบ่อยมากเลยนะรู้ตัวบ้างไหม?” ร่างบางยังคงถามต่อ ความเป็นห่วงอัดแน่นส่งไปพร้อมกับสายตาที่มอง

     

     

    ไม่มีอะไรหรอก ขอโทษที่ทำให้นายเป็นห่วงนะแต่ดีใจจังจุนฮยองยิ้มกว้างพร้อมทั้งเอ่ยบอกให้ร่างบางเขินเล่นกับความดีใจของเขาที่มักจะแสดงออกตรงๆเสมอ

     

     

    อะไรเล่า...ก็ต้องเป็นห่วงกันอยู่แล้วนี่ฮยอนซึงตอบอายๆเหมือนกับว่าได้ยินเป็นครั้งแรก พวกเขาทั้งสองคนยังคงทำตัวเหมือนกับช่วงแรกเริ่มของการคบหา ยังคงเขินอายและตกหลุมรักกับการกระทำของอีกคนตลอดเวลา

     

     

    ชอบจังเวลานายหน้าแดงเนี่ยจุนฮยองยิ้ม มองใบหน้าสวยที่ก้มลงมองพรหมพื้นห้องอย่างเขินอาย ยิ่งเขาพูดหยอกล้อ หน้าสวยก็ยิ่งแดงมากขึ้นเท่านั้น

     

     

    หยุดพูดเลยนะ ไม่ต้องพูดแล้วร่างบางพูดด้วยความรู้สึกเขินมากกว่าเดิม จุนฮยองมองแล้วคลี่ยิ้มบาง...ทำไมนะ...ทำไมฮยอนซึงของเขาถึงได้สวยงามมากขนาดนี้

     

     

    กลัว...หวาดกลัวเหลือเกิน

     

     

    ฉัน...ฉันรักนายมากเลยนะฮยอนซึงจุนฮยองเขยิบเข้าไปใกล้ก่อนจะโน้มหน้าเข้าไปใกล้แล้วกดจูบลงแผ่วที่ริมฝีปากสวยนั่นโดยเจ้าของปากไม่ทันได้ตั้งตัวแต่ร่างบางก็ตอบรับถึงแม้จะแปลกใจ...

     

     

    อืมฉันรู้ ฉันรู้แล้ว นายพูดให้ฉันฟังวันละร้อยรอบได้แล้วมั้งเนี่ยฮยอนซึงหัวเราะเบาๆ จุนฮยองได้แต่ยิ้มแล้วย้ำจูบลงที่ปากสวยนั่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

     

     

    จูบย้ำให้หนัก...จูบย้ำให้ตัวเองรู้ว่าริมฝีปากนี้เป็นเพียงแค่ของเขาคนเดียว

     

     

    จุนฮยองผลักร่างบางเอนลงนอนกับโซฟาก่อนที่เขาจะค่อยๆจูบลงที่กกหูจนร่างบางถึงกับครางด้วยความเสียว จุนฮยองรู้ดี รู้ว่าตรงไหนเป็นจุดอ่อนของคนรัก...ค่อยๆไล้ลิ้นเลียลงมาที่ซอกคอขาว กดจมูกสูดดมความหอมที่เหมือนถูกละลายจากไอร้อนในตัวของคนข้างล่าง

     

     

    กดจมูกสูดดมครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนไม่เคยพอ...

     

     

    จุนฮยอง...เดี๋ยว...ฮยอนซึงยกมือขึ้นดันอกจุนฮยองเอาไว้จนทำให้ร่างสูงถึงกับขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัยที่ถูกขัดไม่ให้เขารุกร้ำไปมากกว่านี้

     

     

    ทำไม?” อดที่จะพูดเสียงแข็งไม่ได้แต่ก็ข่มเอาไว้ให้มันไม่มากไปกว่านี้

     

     

    คือ...คือว่าวันนี้ฉันต้องออกไปข้างนอกน่ะฮยอนซึงตอบอ่อย ไม่กล้าจะสู้หน้าคนรักซักเท่าไหร่เพราะจุนฮยองไม่ชอบให้ตัวของเขานั้นออกไปข้างนอกเสียเท่าไหร่แถมวันนี้เป็นวันหยุดที่ควรจะหยุดอยู่บ้านด้วยกัน

     

     

    ออกไปไหน?” จุนฮยองถามด้วยสีหน้าไม่ค่อยจะชอบใจเท่าไหร่นัก

     

     

    วันนี้...วันนี้มีงานเลี้ยงที่บริษัทแล้วเจ้านายสั่งให้พนักงานไปกันทุกคนน่ะสิฮยอนซึงตอบพร้อมกับทำหน้าไม่อยากไปเท่าไหร่นักแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้จุนฮยองรู้สึกดีเลยสักนิด

     

     

    ไม่ไปไม่ได้หรอ?” จุนฮยองเปลี่ยนจากเสียงแข็งเป็นทำเสียงแผ่วแบบอ้อนๆค่อยๆก้มซุกหน้าลงบนซอกคอฮยอนซึงหวังจะให้คนรักเปลี่ยนใจ

     

     

    ฉันก็ไม่อยากไปหรอกแต่เจ้านายสั่งนี่ ยังไงฉันก็ต้องไปฮยอนซึงตอบอย่างเสียไม่ได้ ยกมือลูบผมสีชาเบาๆปลอบใจ จุนฮยองเหมือนคนขี้เหงาคนนึง คนขี้เหงาที่ไม่อยากให้เขาห่างไปจากกาย

     

    งั้นนายก็ลาออกสิจุนฮยองพูดเสียงอู้อี้เพราะเขากดหน้าลงกับซอกคอจนแทบจะกลืนกินเป็นร่างเดียวกับคนที่นอนอยู่บนโซฟา

     

     

    ไม่เอาอ่า นายพูดแบบนี้อีกแล้วนะจุนฮยองฮยอนซึงทำเสียงแบบงอนๆ เขาไม่ชอบให้จุนฮยองพูดบอกให้เขาลาออกเอาเสียเลย เขาไม่อยากจะนั่งอยู่บ้าน ไม่อยากจะทำตัวเฉยๆโดยไม่หาเงินมาช่วยกันเก็บหอบรอมริบเอาไว้เพื่ออนาคตของทั้งสอง

     

     

    จุนฮยองเงียบ ไม่ตอบ...แต่เขาก็ผละหน้าออกจากซอกคอแล้วลุกขึ้นนั่งเงียบๆ ก้มหน้าลงมองพื้นโดยไม่ยอมพูดอะไร ทำเอาฮยอนซึงถึงกับรู้สึกไม่ดี จุนฮยองทำตัวแบบนี้ เขายิ่งไม่อยากไปเข้าไปใหญ่แต่ก็อย่างที่พูดจะไปขัดเจ้านายก็มีหวังจะโดนไล่ออก

     

     

    จุนฮยองอา นายอย่าเงียบแบบนี้สิฮยอนซึงดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ยกมื้อเอื้อมไปจับใบหน้าของจุนฮยองที่ทำสีหน้าเศร้าเชิดขึ้นมอง

     

     

    ฉันก็ไม่อยากไปหรอกแต่ฉันต้องไป นายเข้าใจฉันใช่ไหมหื้ม?” ฮยอนซึงพยายามทำบรรยากาศไม่ให้ตึงเครียด เขายิ้มและโยกหน้าจุนฮยองไปมาจนหน้าหล่อๆนั่นบูบี้อย่างน่าตลก

     

     

    เข้าใจ...แต่ก็ไม่อยากให้ไปจุนฮยองตอบเสียงเบา ยังคงทำหน้างอไม่เลิกเหมือนกับเด็กๆไม่มีผิด

     

     

    เด็กน้อยจุนฮยอง คิคิ ทำแบบนี้เหมือนเด็กเลยนะเนี่ยฮยอนซึงหัวเราะคิกคัก นะๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไปแปปเดียวก็กลับมาให้นายกอดแล้วพูดออดอ้อนเหมือนที่ชอบทำ ปล่อยมือจากหน้าของจุนฮยองแล้วโอบเอวร่างสูงเอาไว้ก่อนจะโยกไปโยกมา

     

     

    นายก็เด็กน้อยเหมือนกันแหละในที่สุดจุนฮยองก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้ เขามองคนรักที่กำลังโยกตัวเขาไปมาแล้วเอาหน้ามาวางบนไหล่อย่างหมั่นไส้

     

     

    หายงอนแล้วใช่ป่ะ? คิฮยอนซึงมองหน้าคนรักแล้วกระพริบตาปริบๆด้วยความดีใจ

     

     

    ยังจุนฮยองแสร้งตีทำหน้านิ่ง

     

     

    อ่าว...

     

     

    ถ้าอยากให้ฉันหายงอนต้องทำยังไงก่อน?” แวบเดียวจุนฮยองก็เปลี่ยนเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์ มองฮยอนซึงจนร่างบางถึงกับตีอกจุนฮยองทีนึงด้วยความอายๆ

     

     

    ไม่เอาอ่ะปากสวยพองลมปฎิเสธ ใบหน้ายังคงแดงระเรื่อจนจุนฮยองยิ้มชอบใจ

     

     

    อะไร..แค่จูบแค่เนี่ยไม่เห็นต้องอายเลย ทำอย่างกับนายไม่เคยทำ

     

     

    ก็..ก็ฉัน...ฮยอนซึงอึกอักทำหน้าแดงหนัก ถึงเขากับจุนฮยองจะจูบกันอยู่บ่อยๆแต่ก็ยังรู้สึกอายอยู่ดีแถมคนเริ่มก่อนส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นจุนฮยองและเขาเป็นผู้ตามก็เท่านั้น

     

     

    นะ...ถ้านายจูบฉันทีนึงเดี๋ยวให้ไปเลยจุนฮยองพูดด้วยความอารมณ์ดี หยิบยื่นขอเสนอที่ทำให้ร่างบางพอใจและยอมทำกับสิ่งที่เขาต้องการ ฮยอนซึงมองหน้าจุนฮยองเล็กน้อยแบบลังเลก่อนจะรวบรวมความกล้าค่อยๆเขยิบตัวเข้าไปใกล้อย่างว่าง่าย โน้มหน้าเข้าไปใกล้ก่อนจะกดริมฝีปากลงเบาๆ

     

     

    ********************

     

     

    ตาที่พริ้มหลับกลับลืมขึ้นมา...พร้อมกับดวงตาที่คมกริบ

     

     

    ทำยังไง....จุนฮยองคนนี้ควรจะทำยังไง...

     

     

     

     

    พอผละจากจูบได้ ฮยอนซึงก็รีบขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวโดยมีจุนฮยองเดินตามอย่างไม่ยอมปล่อยห่าง เขานั่งลงบนเตียงนอนพร้อมกับมองดูคนรักที่นั่งแต่งตัวอยู่หน้ากระจกอย่างไม่ถอนสายตา ดวงตาของจุนฮยองนั้นคมเหมือนกับอยากบาดลึกเข้าไปถึงข้างในตัว...

     

     

    สบตากับฮยอนซึงบ่อยครั้งจนร่างบางถึงกับเขินอาย อมยิ้มเล็กๆแล้วแสร้งหันไปแต่งตัวต่อ จุนฮยองยิ่งจ้องมองอย่างไม่ยอมกระพริบตา ฮยอนซึงของเขาช่างสวยเหลือเกิน...อิริยาบถทุกอย่างที่เป็นของฮยอนซึงช่างติดตรึงในใจเขาจนยากที่จะถอนออกไป

     

     

    ฮยอนซึงเป็นคนสวย...แม้จะเป็นผู้ชายก็ตาม มันเป็นเรื่องที่ปกติ ถ้าหากมีใครที่จ้องมองมาที่ตัวของฮยอนซึงด้วยสายตาที่อยากได้ไปครอบครอง มันเป็นเรื่องปกติ...ปกติที่จุนฮยองไม่เคยคิดจะยอมรับมัน เขาเองก็เคยผ่านช่วงเวลานั้นมา เข้าใจว่าความอยากได้ของคนเรานั้นมีมากแค่ไหน...

     

     

    แต่ฮยอนซึงเป็นของเขา....ในตอนนี้ฮยอนซึงเป็นของเขาแล้ว

     

     

    กลับบ้านดีๆล่ะฮยอนซึงเอ่ยบอกจุนฮยองที่เดินมาส่งเขาถึงโรงแรมที่จัดงานเป็นที่เรียบร้อย เวลาเกือบเย็นแล้วแม้จุนฮยองจะเป็นผู้ชายแข็งแรงกว่า เขาก็อดห่วงไม่ได้ตามประสาคนรักกัน

     

     

    ครับ...รับทราบจุนฮยองตอบแบบทะเล้น ใกล้เลิกงานแล้วโทรมาบอกฉันด้วยนะ เดี๋ยวฉันมารับ

     

     

    รับทราบ!” ฮยอนซึงตอบแล้วยกมือตะเบะจนจุนฮยองหัวเราะกับท่าทางนั่น ยกมือขึ้นดีดหน้าผากคนรักเบาๆจนใบหน้าหวานงอ

     

     

    รีบกลับล่ะ...อย่าให้ฉันคอยนานนะ

     

     

    อือ...เดี๋ยวฉันรีบไปรีบกลับฮยอนซึงยิ้มแล้วยกมือโบกลา จุนฮยองพยักหน้าแล้วยิ้มบางๆตอบ มองแผ่นหลังบางที่เดินเข้าไปในงานจนกระทั่งลับสายตา

     

     

    จุนฮยอง....หุบยิ้มเปลี่ยนเป็นสีหน้าเรียบเฉยทันที

     

     

    งานสังสรรค์...งานที่เต็มไปด้วยผู้คน งานที่เต็มไปด้วยความสวยงาม งานที่เต็มไปด้วยความลวงหลอกและมันคืองานที่เต็มไปด้วยความใฝ่หา...

     

     

    จุนฮยองเชื่อว่าผู้คนในงานนั้น...ต้องจับจ้องมองมาที่ฮยอนซึงอย่างแน่นอน ค่ำคืนนี้ฮยอนซึงคงเป็นจุดที่น่าโดดเด่นเหมือนเช่นเคย ผมสีแดงเพลิงสว่างในแสงไฟที่เจิดจ้า ตัดเข้ากับผิวขาวที่ปกปิดด้วยสูทสีดำเข้าตัวอย่างดี พร้อมกับเสื้อเชิ้ตสีดำและเนคไทสีแดงหม่น กางเกงสแลคยาวแนบจนเผยให้เห็นสัดส่วนของขาเรียวยาว เอวเล็กที่คอดจนเห็นชัดจากการรัดด้วยเข็มขัด...

     

     

    ฮยอนซึงของเขา...งดงาม...งดงามอย่างไม่มีที่ติ

     

     

    จุนฮยองก้าวเท้าเดิน...แต่ไม่ใช่ทางกลับบ้านอย่างที่ควรจะเป็น เขากลับเดินตรงเข้าไปในโรงแรมที่ฮยอนซึงเพิ่งจะเดินหายเข้าไปในนั้น นับว่าโชคดีที่โรงแรมนี้มีห้องจัดงานอยู่หลายห้อง ผู้คนเลยค่อนข้างเยอะมากเป็นพิเศษจนทำให้จุนฮยองไม่ได้กลายเป็นจุดน่าสนใจเท่าไหร่นัก

     

     

    จุนฮยองคิดแบบนั้น...ทั้งที่มีสายตาของผู้หญิงหลายคนกำลังจ้องมองเขาด้วยความหลงใหล

     

     

    จุนฮยองเดินเข้ามาในห้องจัดงานของบริษัทที่ฮยอนซึงทำงาน พยายามเบี่ยงตัวหลบเข้าไปยังมุมอับให้ไกลจากสายตาคนอื่นและพนักงานบางคนที่น่าจะเคยเห็นเขาทุกครั้งที่ไปรับส่งร่างบางพร้อมทั้งกวาดสายตาหาฮยอนซึงที่น่าจะเดินเข้ามาร่วมงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

     

     

    หาไม่ยาก...ฮยอนซึงของเขาหาไม่ยากเลยสักนิด ไม่ว่าฮยอนซึงจะอยู่ที่ไหน ไม่ว่าจะอยู่ในท่ามกลางของคนนับร้อยนับพันคนก็ยังโดนเด่นอยู่เสมอ เขาชินชากับการมองฮยอนซึงจากมุมห่างไกลนี้เหลือเกิน ชินชากับการมองหาฮยอนซึงเวลาที่อยู่ไกลๆแบบนี้

     

     

    มันเหมือนกับการเดินย้อนเวลากลับไป...

     

     

    จุนฮยองมองร่างบางที่ยืนอยู่กับเพื่อนที่พอจะคุ้นหน้า มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายปนรวมกันไปหมดแต่จุนฮยองก็รู้ว่ามันไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น เขาอ่านสายตาของทุกคนออก อ่านสายตาของใครก็ตามที่มองมาที่ฮยอนซึงออก

    ยืนมองอยู่อย่างนั้น...พร้อมกับบอกให้ตัวเองโล่งใจว่ามันคงไม่มีอะไรมากกว่านั้นแต่แล้วเขา...ก็คิดผิด...

     

     

    เมื่อมีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มเชิญชวน ชายหนุ่มที่หน้าตาดีและดูมีภูมิฐานอย่างนักธุรกิจและจุนฮยองนั้นไม่เคยคุ้นหน้า พอชายหนุ่มคนนั้นเดินเข้ามา เพื่อนๆของฮยอนซึงก็ต่างพากันยิ้มแล้วโน้มตัวทักทายกับชายที่จุนฮยองพอจะเดาได้ว่ามีตำแหน่งสูงกว่า จากนั้น...ก็พาเดินกันเดินออกไป

     

     

    ทิ้งไว้เพียงคนที่มาใหม่...และจางฮยอนซึงของเขาเท่านั้น

     

     

    ฮยอนซึงกำลังยิ้มด้วยความเขินอาย เมื่อใครคนนั้นพูดจาหยอกล้อ...หนุ่มเจ้าของงานออกแบบล่าสุดที่เขารับเอาไว้ เงินค่อนข้างดีและคุ้มกับงาน ถึงฮยอนซึงจะรู้ดีก็ตามว่าที่เขาถูกเลือกมานั้นเป็นเพราะอารมณ์พิศวาศอยากใกล้ชิดตัวเอง ผู้เป็นนายจ้างชอบเขา...เรื่องนั้นรู้ดี

     

     

    ถึงอยากจะปฎิเสธถอยห่างก็ทำไม่ได้ เงินนั่นมากพอจะทำให้เขากับจุนฮยองสุขสบายได้หลายปี

     

     

    จุนฮยองขบสันกรามแน่น...มองใบหน้าคนรักที่กำลังยิ้มอยู่ด้วยความไม่พอใจ รอยยิ้มเขินหายที่เหมือนกับรอยยิ้มที่ส่งมาให้เขาทุกครั้ง ตอนนี้รอยยิ้มนั่นกำลังถูกส่งไปให้ผู้ชายคนอื่น...ผู้ชายคนที่ดีกว่าเขา ผู้ชายคนที่สมบูรณ์แบบมากกว่าเขา

     

     

    กำมือแน่นพร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความตรึงเครียด ยังคงจ้องมองใบหน้าของคนรักอย่างไม่ยอมละสายตา สูดลมหายใจเข้าออกช้าๆอย่างเก็บอารมณ์บางอย่างที่กำลังคุกกรุ่น เขาอยากจะเดินเข้าไปกระชากตัวฮยอนซึงเอาไว้ในอ้อมกอดเสียเหลือเกิน

     

     

    เพื่อบอกและย้ำว่าฮยอนซึงจะเป็นของเขาแค่เพียงคนเดียว....

     

     

    จุนฮยองกลับบ้านด้วยอาการที่ยังตกอยู่ในห้วงของความคิดของตัวเอง ผู้ชายคนนั้นเหมาะสมกับฮยอนซึง...ใช่...ยิ่งมองก็ยิ่งเหมาะสม ใครหลายคนต่างจ้องมองมาที่ทั้งสองคนด้วยความชื่นชม ฮยอนซึงเป็นคนสวย โดดเด่นและทำงานเก่งเพราะแบบนั้น..ก็ยิ่งคู่ควรกันมากขึ้นกว่าเดิม

     

     

    จุนฮยองไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง เขาในตอนนี้ไม่มีอะไรเลย...แค่หมอที่เปิดคลินิกเงินเดือนไม่กี่แสนวอนเท่านั้น เขาจะเอาอะไรไปสู้กับผู้ชายที่เป็นเจ้าของธุรกิจแบบนั้นได้กัน เหมือนกับว่าย้อนไปในตอนที่ยังคงเป็นหมาวัด...

     

     

    เหมือนในตอนที่เขาทำได้เพียงแค่แอบมองดอกฟ้าอย่างฮยอนซึงเท่านั้น ได้แค่แอบชื่นชม มองดอกฟ้ากับสิ่งที่คู่ควร ทั้งที่เขาได้ฮยอนซึงมาแล้ว...ทั้งที่ได้มาแล้วทำไมเหมือนกับว่าเขาไม่เคยได้ฮยอนซึงมาครอบครองเลยสักครั้ง

    ควรจะทำยังไงดี...

     

     

    สายตาของผู้ชายคนนั้นที่เต็มไปด้วยความโหยหา ความอยากได้ อยากครอบครองและเต็มไปด้วยความมั่นใจว่าคนรักของเขาจะต้องตกเป็นของมัน..ของสวย...มันเป็นสิ่งที่น่าท้าทาย...ผู้ชายคนนั้น...เชื่อมั่นว่าจะต้องไขว่คว้ามาไว้ให้ได้

     

     

    จุนฮยองนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นด้วยความหวาดวิตก เขากังวลใจจนแทบไม่มีสติจะทำอะไร เอาแต่เฝ้าวนเวียนคิดถึงแต่เรื่องของฮยอนซึงกับผู้ชายคนนั้น เหลือบสายตามองนาฬิกาข้างฝาห้องครั้งแล้วครั้งเล่า

     

     

    เวลายังคงเดินหน้าต่อไปอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยและแม้จะดึกค่ำแล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าฮยอนซึงของเขาจะโทรมาเพื่อให้ไปรับกลับ เข้มยาวที่ชี้เกือบจะเลขห้าทำเอายิ่งกลัดกลุ้มว่าทำไม...ทำไมจางฮยอนซึงคนรักถึงไม่ยอมโทรมาเสียที

     

     

    บรืน...

     

     

    เสียงรถคันหนึ่งจอดนิ่งอยู่หน้าบ้าน จุนฮยองดีดตัวลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินตรงไปที่หน้าต่างแล้วค่อยๆแง้มม่านมองไปทางประตูรั้วใหญ่ มองรถคันหรูไม่คุ้นตาที่จอดอยู่แล้วนิ่วหน้า มองดูอยู่สักพักถึงจะเข้าใจว่าเป็นใครที่มา...

     

     

    ชายหนุ่มคนที่อยู่ในงานเดินลงมาจากฝั่งคนขับ ก้าวขายาวๆเดินมาตรงที่ด้านคนนั่งและเปิดประตูรถออกอย่างสุภาพบุรุษ ไม่นานนักผมสีแดงเพลิงก็โผล่พ้นจากชอบประตูรถให้จุนฮยองได้ขบกรามแน่น มองทั้งสองคนที่ยังคุยกระซิกกันไม่ยอมเลิกรา

     

     

    ไม่ชอบแบบนี้...

     

     

    จุนฮยองแสร้งกับมานั่งเปิดทีวีดูตามปกติทันทีที่รถคันหรูนั่นแล่นออกไปพร้อมกับฮยอนซึงที่กำลังไขกุญแจเข้ามาในบ้าน เขาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงนั่น สายตายังคงจ้องมองดูทีวีแม้จิตใจไม่ได้จดจ่อกับมันเลยก็ตาม

     

     

    จุนฮยองอาเสียงหวานๆร้องเรียกชื่อของจุนฮยองดังลั่นไปทั่วบ้าน ฮยอนซึงหันมองจุนฮยองที่นั่งดูทีวีอยู่ก่อนจะโผเข้าไปกอดคอจากด้านหลังเอาไว้แน่น

     

     

    อ่าว...กลับมาได้ไง?” จุนฮยองแสร้งทำหน้าตกใจทั้งที่รู้ดีว่าใครเป็นคนมาส่ง

     

     

    บินมา ฮิๆฮยอนซึงตอบแล้วหัวเราะ ใบหน้าสวยแดงระเรื่อเล็กน้อยจากการดื่มเหล้า

     

     

    เดี๋ยวเถอะ บอกมาว่ากลับมาได้ยังไง ทำไมไม่โทรมาบอกล่ะจุนฮยองตีหน้าเครียดๆแต่ก็ทำแบบไม่จริงจังอะไรมากนักผิดกับภายในใจกลับเหมือนกับภูเขาไฟรอวันระเบิด เขาเพียงแค่อยากรู้...อยากรู้ว่าฮยอนซึงจะตอบเขาว่าอย่างไร

     

     

    ก็เจ้านายฉันมาส่งอ่า...ฉันเห็นว่าดึกแล้วเลยไม่อยากให้นายมารับฉันฮยอนซึงซุกหน้าลงซอกคอของจุนฮยอง ตอบเสียงอู้อี้แบบอ้อนๆ

     

     

    เจ้านาย? เจ้านายของนายหรอ?” จุนฮยองนิ่วหน้าแสร้งถามกลับแบบส่งสัย เจ้านายของฮยอนซึงเป็นผู้หญิงค่อนข้างมีอายุมากเพราะงั้นมันเลยเป็นไปไม่ได้ที่จะมาส่งพนักงานยามดึกดื่นเช่นนี้

     

     

    ช่ายยยยฮยอนซึงลากเสียงยาว เจ้านาย อืม...คนที่เป็นคนจ้างงานฉัน เขามาส่งน่ะร่างบางตอบอย่างไม่ปกปิด คำตอบนั่นทำให้จุนฮยองโล่งใจไม่ใช่น้อยแต่ก็ไม่มากพอที่จะทำให้เขาเลิกคิดมาก

     

     

    หรอ ผู้หญิงหรือผู้ชาย?”

     

     

    ผู้ชาย...คราวนี้ฮยอนซึงถึงกับตอบเสียงแผ่ว เขากลัวว่าจุนฮยองจะโกรธแต่ก็ไม่อยากจะปิดบัง ถ้าจุนฮยองถาม เขาก็พร้อมจะบอกไปตามตรงถึงจะรู้ดีว่ามันจะทำให้คนรักไม่สบายใจ

     

     

    เหรอ...จุนฮยองตอบเสียงเรียบ ทั้งที่เขารู้และเตรียมใจกับคำตอบนั่นอยู่แล้วแต่พอได้ยินจากปากสวยก็ยิ่งทำให้เขาไม่พอใจมากเท่านั้น ฮยอนซึงน่าจะรู้ดี น่าจะรู้ว่าเขาไม่ชอบให้ฮยอนซึงอยู่ใกล้กับผู้ชายคนอื่น ผู้ชายที่เขาไม่รู้จักและไม่ไว้ใจ

     

     

    จุนฮยอง...อย่าทำเสียงแบบนี้สิ...ฮยอนซึงเงยหน้ามอง มันไม่มีอะไรหรอก ฉันไม่ได้คิดอะไรกับเขาแล้วเขาก็ไม่ได้คิดอะไรกับฉันด้วย

     

     

    นายแน่ใจหรอว่าเขาไม่คิดอะไรกับนาย?” อดไม่ได้ที่จะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ประชดชัน ฮยอนซึงถึงกับนิ่ง...คลายแขนจากคอของจุนฮยองแล้วเดินอ้อมไปนั่งลงข้างๆ

     

     

    แต่ฉันไม่ได้คิดอะไรกับเขาจริงๆนะเอื้อมจับมือของจุนฮยอง เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

     

     

    ใช่...ฉันรู้ ฉันรู้ว่านายไม่ได้คิดอะไรกับเขาจุนฮยองไม่ได้ไม่ไว้ใจฮยอนซึงแต่เขาไม่ไว้ใจผู้ชายคนนั้นต่างหาก...ไม่ไว้ใจ ยิ่งเห็นสายตายิ่งไม่ไว้ใจมากกว่าเดิม

     

     

    เขากลัว....

     

     

    “’งั้นนายก็อย่าคิดมากสิ นะ...อย่าคิดมากส่งยิ้มหวานหวังจะช่วยให้อีกคนผ่อนคลายลง จุนฮยองอดไม่ได้ที่จะหันมองรอยยิ้มหวานเยิ้มที่ส่งมาแล้วคลี่ยิ้มตอบ

     

     

    เขาไม่ได้เลิกคิดมากเลยสักนิดเดียว...มีแต่ความกลัวที่เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น  

     

     

    กลัวการถูกแย่งชิง...

     

     

    ฉันรักนายนะฮยอนซึง...จุนฮยองบอกก่อนจะคว้าเอวบางยกขึ้นมานั่งบนตักพร้อมเอาหน้าซบลงที่หน้าอก สวมกอดเอวคอดกิ่วเอาไว้แน่น พร่ำบอกรักเสียงเบาหวิว...แต่ฮยอนซึงก็ได้ยินชัดเจน

     

     

    นายพูดรอบที่เท่าไหร่แล้วน่ะ... ฮยอนซึงหัวเราะเขินๆกลบเกลื่อน ฉันก็รักนายนะจุนฮยอง รักนายมากที่สุดในชีวิตนี้เลยด้วยมองท่าทีขี้อ้อนของคนรักแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง เขาสอดมือเข้าไปใต้เรือนผมสีชา ลูบเบาๆอย่างที่ชอบทำ

     

     

    จุนฮยองยิ้มบางๆกับคำพูดของคนรัก ไม่ว่ากี่ครั้ง กี่ร้อย กี่พันเขาก็อยากจะได้ยินมัน ยืนยันกับความรู้สึกที่แท้จริงไม่ใช่เพียงเพราะฝัน โอบกระชับเอวเข้ามาแน่นกว่าเดิม ค่อยๆกดจมูกลงสูดกลิ่นกายของอีกคนผ่านเสื้อผ้าที่ปกปิดเอาไว้แต่แล้วเขาก็ต้องชะงัด....

     

     

    กลิ่นน้ำหอม...จุนฮยองพึมพำในลำคอด้วยความแปลกใจ เงยหน้ามองคนรักที่นั่งอยู่บนตัก กลิ่นน้ำหอม...ของใคร?” นิ่วหน้าถาม น้ำเสียงนั่นแฝงไปด้วยไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

     

     

    น้ำหอม? น้ำหอมอะไร?” ฮยอนซึงทำหน้าไม่เข้าใจ

     

     

    น้ำหอมบนตัวนายไง มันไม่กลิ่นของนายจุนฮยองพยายามข่มอารมณ์โมโห เขาไม่ชอบน้ำหอม ไม่ชอบกลิ่นอะไรที่ผิดธรรมชาติ

     

     

    หือ?” ฮยอนซึงนิ่วหน้า จับเสื้อตัวเองขึ้นมาสูดดมด้วยความสงสัย อ่อ...สงสัยน้ำหอมของเจ้านายอ่ะ ฉันนั่งรถเขามาสงสัยกลิ่นคงจะติดตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก เขาเองก็ไม่รู้หรอกว่ามันติดมาได้ยังไงเพียงแค่รู้ว่ารถของเจ้านายนั้นกลิ่นน้ำหอมแรงเอาการเหมือนกัน

     

     

    เหรอ...จุนฮยองตอบอย่างไม่เชื่อเท่าไหร่นัก เขาไม่พอใจเป็นอย่างมากที่ได้กลิ่นแปลกปลอมในตัวของฮยอนซึง ไม่ชอบ...มันเหมือนกับว่าไม่ใช่กลิ่นที่เขาคุ้นเคย ไม่ใช่กลิ่นกายเขา กลิ่นกายที่สมควรจะติดตัวของฮยอนซึงตลอดเวลา

     

     

    อืม อย่าคิดมากดิ ไม่มีอะไรหรอก หมอนั่นฉีดน้ำหอมฉุนจะตาย ตอนฉันนั่งรถเขา เวียนหัวแทบแย่แน่ะฮยอนซึงทำทีตลก เบ้หน้าประกอบกับคำพูด เขาเองก็ไม่ชอบผู้ชายใส่น้ำหอมเสียเท่าไหร่เพราะรู้สึกว่ามันไม่น่าพิศสมัยเลยสักนิด กลิ่นแบบจุนฮยองสิถึงจะดี ไม่ต้องใส่อะไรก็หอมจนอยากจะอยู่ใกล้ตลอดเวลา

     

     

    จุนฮยองยังคงหงุดหงิด...ไม่พอใจ ไม่ว่าฮยอนซึงจะพูดให้เขาสบายใจมากแค่ไหนก็ตาม จุนฮยองยังคงไม่ชอบใจกับสิ่งนั้น ฮยอนซึงไม่ควรจะมีกลิ่นของคนอื่นนอกจากเขาเลย มันทำให้เขารู้สึกไม่ดี ไม่สบายใจ ไม่ควรมีกลิ่นคนอื่นที่ไม่ใช่ของเขา...

     

     

    มันเหมือนกับว่าฮยอนซึง....ฮยอนซึงไม่ได้เป็นของเขา

     

     

    หวา...ฮยอนซึงร้องเสียงหลง เมื่อจู่ๆจุนฮยองที่นั่งอยู่ลุกพรวดขึ้นไม่ทันที่จะได้ตั้งตัว ร่างบางรีบเอาแขนโอบรัดรอบคอ ตวัดขาเกี่ยวเอวเอาไว้ไม่ให้ตัวเองตกลงพื้น มองหน้าจุนฮยองแล้วมู่หน้าใส่ที่ไม่ยอมบอกว่าจะลุก

     

     

    ไปเถอะจุนฮยองมองหน้าฮยอนซึงพูดด้วยสีหน้าเรียบๆแต่ก็ไม่ได้บึ้งตึงจนทำให้อีกคนรู้ถึงความไม่พอใจที่มีอยู่จนล้นอกแกร่ง เอื้อมมือกอดเอว กระชับตัวร่างบางเอาไว้ไม่ให้ตก

     

     

    ไปไหนอ่า?” ตาสวยกระพริบปริบ ถามด้วยความสงสัย

     

     

    อาบน้ำ....จุนฮยองตอบและนิ่งเงียบไปสักพัก...กลิ่นตัวของนายเหม็นมากเลยนะรู้ไหม....

     

     

    เหม็นจนอยากอาเจียน...

     

     

    เหม็นจนน่าขยะแขยง...

     

     

     เหม็น...กลิ่นของคนอื่นที่ไม่ใช่ของฮยอนซึง

     

     

    เหม็นเหมือนกลิ่นของ ซากศพไม่มีผิด...  

     

     

     

    กลิ่นน้ำหอมของผู้ชายคนอื่น เป็นเหมือนกลิ่นเหม็นเน่าของซากศพสำหรับจุนฮยอง

     

     

    เสียงน้ำเปิดไหลซู่กระทบลงกับกระเบื้องหินอ่อนดังก้องไปภายในห้องน้ำ ไอน้ำร้อนๆลอยจนเหมือนกับเป็นม่านหมอกแห่งความฝัน จุนฮยองวางฮยอนซึงลงบนอ่างล้างมือ ถอดสูทของคนรักที่นั่งอมยิ้มหน้าแดงอยู่ตรงหน้า ค่อยๆดึงเนคไทและปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตทีเม็ดจนเผยให้เห็นผิวขาวเนียนที่ถูกดูแลอย่างดี

     

     

    จุนฮยองช้าจังอ่าไม่รู้เป็นเพราะฤทธิ์เหล้าหรือเปล่า ทำให้จุนฮยองรู้สึกว่าคำพูดจาของฮยอนซึงดูยั่วยวนเสียเหลือเกินหรือบางทีตัวเขากำลังหลงใหลกับรูปกายของคนตรงหน้าจนรู้สึกว่าทุกอย่างมันดูน่าค้นหาไปเสียหมด

    ก้มมองกางเกงสแล็คสีดำก่อนจะช้อนตามองร่างบาง

     

     

    ตื่นเต้นเหมือนกับครั้งแรกที่ได้สัมผัสฮยอนซึง...

     

     

    จุนฮยองค่อยๆปลดกระดุมและรูดซิบลงอย่างเชื่องช้าราวกับเด็กน้อยที่กำลังแกะห่อของขวัญชิ้นสำคัญที่สุดในชีวิตด้วยความตื่นเต้นแต่เพียงแค่ได้เห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในกลับลืมตัวจนเผลอกระชากห่อนั่นทิ้งให้ไกลอย่างรวดเร็ว เอื้อมมือเข้าไปใกล้หวังจะได้สัมผัสและเชยชม

     

     

     

    เดี๋ยว...อาบน้ำก่อนฮยอนซึงพูดอย่างรู้ทัน จับมือของจุนฮยองแล้วผลักเบาๆทั้งที่พูดปรามแต่กลับยิ้มยั่วยวนจนคนมองแทบอดใจไม่ไหว

     

     

    อือ...จุนฮยองครางตอบเบาๆในลำคอเหมือนไม่ได้สติ มองคนรักที่หย่อนตัวลงยืนบนพื้นห้องน้ำไม่ยอมละสายตา

                ฮยอนซึงของเขาช่างยั่วยวนเหลือเกิน...

     

     

    แล้ว...ไม่อาบน้ำด้วยกันหรอ?” ฮยอนซึงถาม เอียงหน้ามองทำตาใสซื้อแต่กลับใช้นิ้วชี้ลากผ่านแผลงหน้าอกผ่านเสื้อผ้าไปมาให้อีกคนถึงเสียว

     

     

    จุนฮยองยังไม่ทันได้ตอบอะไร ฮยอนซึงก็ผละตัวออกจากเขาแล้วเดินไปที่ใต้ฝักบัวแทน ไม่ลืมที่จะเหลียวหลัง ส่งยิ้มให้กับคนรักที่ยืนมองตามไม่ละสายตา ***************

     

     

    จุนฮยองแทบลืมหายใจ...แม้เขาจะได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของฮยอนซึงหมดแล้วก็ตามแต่ก็ไม่เคยที่จะหมดความรู้สึกที่อยากได้อยากสัมผัสเลยสักวินาทีเดียว ทุกครั้งที่เขามีอะไรกับร่างบาง มันมีแต่ความตื่นเต้น มันเหมือนกับครั้งแรก...

     

     

    ครั้งแรกที่จะได้ลิ่มลองสูดดมความหอมหวาน

     

     

    อาบน้ำก่อนนะ เข้าใจไหมเหมือนจงใจแกล้ง ย้ำเสียงจริงจังแต่ปากกลับหัวเราะด้วยความชอบใจ เดินหายเข้าไปหลังห้องกระจกที่กั้นเอาไว้ จุนฮยองไม่รอช้าเขารีบถอดเสื้อผ้าและเขวี้ยงทิ้ง เดินเข้าไปหาคนรักที่รออยู่ใต้ฝักบัว

     

     

    ****************

     

     

    จุนฮยอง...อาบน้ำก่อนไงฮยอนซึงหัวเราะคิก หันไปยิ้มให้พร้อมกับหยดน้ำที่เกาะเต็มใบหน้า ปากแดงระเรื่อแดงเพราะถูกความร้อนจากน้ำสัมผัส จุนฮยองเลยก้มโน้มจูบเบาๆอย่างอดใจไม่ไหว

     

     

    ก็อาบน้ำไง...ร่างสูงหัวเราะ โน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อกดสบู่เหลวที่อยู่ใต้ฝักบัวและมันก็ยิ่งทำให้ตัวของเขาแนบชิดกับคนข้างหน้าเข้าไปใหญ่ ***

     

     

    งั้นก็ขยับออกไปหน่อยสิ เบียดอยู่ได้ฮยอนซึงยิ้มอายๆ พยายามเขยิบตัวห่างแต่กลับถูกรั้งเอาไว้เสียแน่น

     

     

    ไม่เอา...เดี๋ยวฉันอาบน้ำให้นะ กลิ่นที่ติดตัวนายเหม็นมากเลยอ่ะจุนฮยองขยับตัวเบียด ค่อยๆลูบเอามือที่มีสบู่เหลวลูบลงบนแขนเรียวสวย ถูแผ่วก่อนจะขึ้นลากสูงขึ้น วนไปมาที่หัวไหล่เบาๆ สักพักใหญ่เขาก็ไล่ลงไปที่ลำตัวและวนไปมาที่หน้าท้องจนฮยอนซึงถึงกับเกร็ง

     

     

    จุนฮยอง...ฮยอนซึงครางเรียกชื่อเสียงแผ่ว *************

     

     

    จุนฮยองไม่ยอมตอบ เขาไล้มือวนไปมาที่ตัวขาวเนียนของฮยอนซึงจากตรงหน้าท้องแบนก็กลับขึ้นมาที่หน้าอกบาง ก้มจูบคอขาวก่อนจะลากมือถูสบู่ไปมาจนเกิดฟอง...

     

     

    กลิ่น...ยังคงหลงเหลืออยู่สินะ

     

     

    กลิ่นเหม็นเหมือนซากศพ...

     

     

    ยิ่งถูก็ไม่มีท่าทีรู้สึกว่ามันจะจางหาย ยิ่งนึกถึงหน้าและแววตาของผู้ชายคนนั้นยิ่งเดือดดาดในอารมณ์ แววตาของคนที่ท้าทาย มันคงจงใจทำให้กลิ่นน้ำหอมของมันติดตัวของฮยอนซึงมา...กลิ่นที่เหม็นแบบนี้...ไม่คู่ควรกับฮยอนซึงเลยสักนิด

     

     

    ต้องทำให้มันหายไป...

     

     

    จุนฮยองเอื้อมมือไปหยิบใยขัดตัวที่แขวนไว้ข้างๆก่อนจะถูลงไปที่ตัวขาวๆของฮยอนซึง ลากวนเบาๆจนร่างกายบางเกิดฟองหนา ฮยอนซึงหันมายิ้มด้วยความชอบใจ...จุนฮยองยิ้มตอบและ...มองรอยยิ้มนั่น...

     

     

    รอยยิ้มของฮยอนซึง...รอยยิ้มที่สมควรเป็นของเขาคนเดียว

     

     

    รอยยิ้มที่ควรมีไว้เพื่อเขาคนเดียว...

     

     

    จุนฮยอง...อือ...เจ็บอ่ะฮยอนซึงร้องครางเบาๆ เมื่อเขารู้สึกถึงใยขัดตัวที่จุนฮยองกำลังขัดให้เขาเริ่มทำให้เขารู้สึกแสบเพราะแรงถูที่เพิ่มมากทีละนิด...ทีละนิด

     

     

    อดทนหน่อยสิ...กลิ่นมันจะได้หมดยังไงล่ะจุนฮยองตอบเสียงเรียบเหมือนไม่รับรู้ว่ากำลังทำให้คนรักเจ็บ โอบกระชับตัวให้ฮยอนซึงเข้ามาใกล้กว่าเดิม ขยับมือขัดวนตรงรอบคออยู่หลายทีจนเริ่มเป็นรอยแดง เขาก้มจูบดมครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อความมั่นใจ

     

     

    อ่า...กลิ่น...กำลังจะหมดไปทีละนิด

     

     

    ไม่เห็นมีกลิ่นอะไรเลยนะฮยอนซึงมู่หน้า หมุนตัวไปหาจุนฮยองแต่นั่นยิ่งทำให้จุนฮยองขัดผิวของตัวเองได้ถนัดขึ้น

     

     

    มีสิ...ยังมี...ร่างสูงตอบ มองไปที่ตัวขาวๆของคนรักก่อนจะเอื้อมมือไปขัดวนผิวนั่นหลายครั้ง อีกแค่นิดเดียว...กลิ่นของหมอนั่นก็คงจะหมดไป กลิ่นชวนน่าคลื่นไส้แบบนั้น ฮยอนซึงของเขาต้องไม่มี...ต้องไม่มี...

     

     

    จุนฮยอง...ฉันแสบผิวไปหมดแล้วนะ ไม่เอาไม่ขัดแล้วฮยอนซึงร้อง พยายามผลักจุนฮยองออก เขาแสบผิวไปแทบทั้งตัวบวกกับน้ำร้อนๆเหมือนกับโดดไฟเผาไม่มีผิด ถึงจะพยายามดันออกแต่จุนฮยองกลับรั้งตัวเขาแน่นไม่ยอมปล่อย

     

     

    ไม่ได้ฮยอนซึง กลิ่นนั่นยังไม่หมดเลยนะจุนฮยองนิ่วหน้า จับแขนบางแล้วถูแรงๆหลายครั้ง อีกแค่นิดเดียว...

     

     

    กลิ่นอะไรของนาย ฉันไม่เห็นได้กลิ่นเลย จุนฮยองพอ...ฉันแสบแล้วนะ พอแล้วพยายามกระชากมือกลับแต่จุนฮยองก็ยังคงเลิกขัดตัวของเขาไม่เลิกรา ฮยอนซึงนิ่วหน้ามองจุนฮยองด้วยความไม่เข้าใจ จุนฮยองไม่เคยพูดไม่รู้เรื่องเป็นแบบนี้

     

     

    อีกแค่นิดเดียว...จุนฮยองพึมพำ มองแขนทั้งสองข้างของฮยอนซึงแล้วยกขึ้นมาดม ลากย้ำไปทั่วตัว สูดดมจนให้แน่ใจว่ากลิ่นที่มีอยู่คือกลิ่นของสบู่ กลิ่นที่ควรจะเป็นของฮยอนซึงในตอนนี้ เหมือนกับกลิ่นกายของเขา

     

     

    กลิ่น...กลิ่นเหม็นนั่นหมดไปแล้ว ไม่มีแล้ว...ไม่มีแล้วสินะ

     

     

    จุนฮยองนายเป็นอะไรของนายเนี่ยฮยอนซึงนิ่วหน้าถาม พลางกระชากใยขัดตัวจากมือจุนฮยองออกมาถือไว้ จุนฮยองเหมือนกับคนเพิ่งได้สติ เขาเคยหน้ามองฮยอนซึงแล้วก้มมองที่ตัวแดงๆของร่างบาง

     

     

    ผิวขาว...กำลังแดงระเรื่อ...

     

     

    ฉัน...ฉันขอโทษ…” จุนฮยองก้มหน้านิ่ง พูดเบาราวกระซิบอย่างคนรู้สึกผิด สายตายังคงจดจ้องกับร่างกายของคนรักที่เริ่มเห็นรอยแดงปรากฎชัดเจน

     

     

    ฉันขอโทษ...ฉัน...ฉันไม่ได้ตั้งใจย้ำบอกครั้งแล้วครั้งเล่า

    รอยแดงที่อยู่บนตัวของฮยอนซึง...เกิดขึ้นมาเพราะเขา ทั้งที่เขาควรจะทะนุถนอม...ทั้งที่ควรจะทำเช่นนั้นแต่ทำไม...ในใจเขากลับกำลังรู้สึกบางอย่าง อะไรบางอย่าง...

     

     

    ไม่เป็นไรนะจุนฮยอง...ไม่เป็นไรฮยอนซึงบีบไหล่จุนฮยอง มองด้วยความเป็นห่วง นายไม่ชอบกลิ่นน้ำหอมใช่ไหมล่ะ ไม่เป็นไรนะ ฉันเข้าใจคลี่ยิ้มส่ง เขาก็พอจะเดาได้ว่าจุนฮยองกำลังหงุดหงิดกับเรื่องน้ำหอมที่ติดตัวของเขามาแต่ถึงอย่างนั้นก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้กับพฤติกรรมแบบนั้น

     

     

    จุนฮยองเหมือนคนไม่มีสติ...

     

     

    ฉัน...ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้นายเจ็บนะ ฉันขอโทษจุนฮยองเอื้อมไปจับแขนนั่น ลูบและมองด้วยความเป็นห่วงและเสียใจ แขนสวยๆของฮยอนซึงตอนนี้เป็นรอยปื้นแดงชวนน่ากลัว ผิวขาวๆอย่างฮยอนซึงเวลาโดนอะไรนิดหน่อยก็มักจะเห็นชัดเจน

     

     

    เพราะงั้น...ควรทะนุถนอม...

     

     

    ทะนุถนอมเอาไว้...ไม่ให้ใครได้แตะต้อง

     

     

     

    ฮยอนซึง...ฉันรักนายนะจุนฮยองกระซิบบอกเสียงแผ่ว ก้มลงจูบที่ขมับใบหน้าหวานทันทีที่วางร่างบางลงกับเตียงนอน เขายังคงกดริมฝีปากลงบนขมับซ้ำแล้วซ้ำอีกเหมือนเป็นการขอโทษกับสิ่งที่ได้ทำลงไป

               

     

                พร่ำบอกด้วยความรัก...และทะนุถนอมเหมือนเช่นเคย

     

     

    อือ...ฉันก็รักนายเหมือนกันฮยอนซึงตอบเสียงเบาหวิว สติของเขาเหมือนกับหลุดลอยออกไปจากตัวเมื่อจุนฮยองไซร้ลงไปที่คอขาวของตัวเอง เสียวจนแทบทนไม่ไหวแต่ก็ยังเอียงคอเปิดรับให้ปากหนาเข้ามาได้ถนัด

     

     

    สัญญานะว่าจะไม่ทิ้งฉันไป...จุนฮยองผละหน้ามองใบหน้าสวยที่กำลังแดงระเรื่อ ดวงตาหยาดเยิ้มไปด้วยความรู้สึกที่พุ่งพล่าน ปากสวยยกยิ้มตอบ

     

     

    สัญญาสิ

     

     

    อืม...สัญญานะ...เราจะอยู่ด้วยกัน..ก้มจูบปากบางย้ำเบาๆซ้ำแล้วซ้ำเล่า อยู่ด้วยกัน...ยกยิ้มด้วยความพึงพอใจก่อนจะกดจูบย้ำหนักแล้วเบียดริมฝีปาก ********

     

     

    จูบเพื่อย้ำ...ย้ำกับการกระทำว่าคนรักอยู่ในอ้อมกอดเขาไม่ได้ไปไหน

     

     

    ************

     

     

    ******************

     

     

    จุนฮยอง...ฮยอนซึงครางเรียกชื่อ ******

     

     

    ****

     

     

    ร่างกายนี้...เป็นเพียงของเขาคนเดียวเท่านั้น

     

     

    **** ******

     

     

    อยากจะกลืนกินไปแทบทั้งตัว

     

     

    *********

     

     

    **

     

     

    *******

     

     

    **********

     

     

    ********

     

     

    ********

     

     

    ********

     

     

    ********

     

     

    *******

     

     

    *******

     

     

    ******

     

    ทั้งที่ได้มาอยู่กับตัวแล้ว...ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนกับไม่ได้มา...

     

     

    ทั้งที่ฮยอนซึงอยู่ตรงหน้าของเขาแล้วแท้ๆ

     

     

    ทำยังไง...ทำยังไงถึงจะได้มาครอบครองไว้เพียงผู้เดียว

     

     

    *******

     

     

    *******

     

     

    ********

     

     

    *******

     

     

    ไม่ใช่ของใครคนอื่น

     

     

    **

     

     

    ******

     

     

    ******

     

     

    วันนี้จุนฮยองดูผิดปกติอย่างที่เห็นได้ชัด

     

     

    ฮยอนซึง...นายจะไม่ทิ้งฉันไปใช่ไหม?” จุนฮยองถาม พลางกดปากจูบปาดสวยที่เริ่มบวมเจ่อ พอถูกถามแบบนั้นฮยอนซึงถึงกับนิ่วหน้าแต่เขาก็ไม่มีแรงมากพอที่จะตอบ อาการเหนื่อยหอบจากการจูบยังคงไม่หาย ได้แต่ส่ายหน้าตอบเท่านั้น

     

     

    อย่าทิ้งฉันนะอย่าทิ้งฉัน...ก้มกระซิบบอก จูบลงบนไหปาร้าแล้วกัดจนเป็นรอยฟัน...

     

     

                เขาต้องการฮยอนซึง...ต้องการมากยิ่งกว่าทุกครั้ง ฮยอนซึงที่กำลังหายใจหอบนอนอยู่ตรงหน้าของเขานั้นช่างยั่วยวนจนเกินจะห้ามใจเสียเหลือเกิน สวย...สวยเหลือเกิน...ดอกฟ้าของจุนฮยองดอกนี้

               

     

                สวยงามจนไม่อยากให้ใครได้มองมา

     

     

     

     

     

    จุนฮยองนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิมเหมือนเคย...บรรยากาศภายในห้องเย็นเฉียบ แสงจันทร์ที่ส่องลอดเข้ามาจากทางหน้าต่างทำให้สามารถมองเห็นสิ่งรอบตัวแม้เพียงสลัวๆเท่านั้นถึงอย่างนั้น...จุนฮยองก็ยังมองเห็นคนรักที่นอนอยู่ชัดเจน..

     

     

    ใบหน้าสวยที่กำลังนอนพริ้มหลับไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากบทรักที่เขาหยิบยื่นให้หลายต่อหลายครั้ง ปากสวยแดงเจ่อจากการถูกกัดย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีก จุนฮยองไล่นิ้ววนลงบนแก้มเนียนใสที่ขึ้นแดงระเรื่อ ไร้ผมเปียกชื่นไปด้วยเหงื่อยกาย

     

     

    จุนฮยองเลิกผ้าห่มและจ้องมองร่างกายของคนรักอย่างใคร่สำรวจ ผิวกายที่เคยขาวเนียนในตอนนี้กับมีแต่รอยแดงจ้ำจากการดูดเม้มและห่อเลือดที่เขาใช้ฟันกัดกระจายเป็นรั้วแดงไปทั่วตัว ไม่ใช่แค่แผ่นหลังแต่รวมถึงด้านหน้ายังคงมีรอยที่เขาทำแทบทุกส่วน

     

     

    เอนหลังผิงกับเก้าอี้ด้วยท่าทีผ่อนคลาย จุนฮยองมองร่างบางที่กำลังหายใจเข้าออกช้าๆอย่างไม่ละสายตา...แม้ยามหลับตาใบหน้ายังคงดูเหนื่อยหอบแต่กลับมีเสน่ห์เหลือเกินจะบรรยาย ฮยอนซึง...ดอกฟ้าที่สวยงามถึงแม้จะมองจากที่ไกลๆก็ยังคงโดดเด่นและงดงามจนเกินห้ามใจจะสัมผัส

     

     

    แต่เวลานี้ดอกฟ้านั่นอยู่ตรงหน้าของเขา....ร่างกายที่สวยงามไม่ได้ถูกปกปิดไปด้วยวัตถุที่มนุษย์พยายามปรุงแต่ง ฮยอนซึงสวย...สวยงามจนจุนฮยองหวาดกลัว...เขากำลังกลัวกับความสวยงามที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมทุกครั้ง  

    จางฮยอนซึง...ดอกไม้ของจุนฮยอง

     

     

     

    ยามนี้ช่างสวยงามจนไร้คำพูดใดจะสรรหามาพูดเอ่ย

     

    ความงามที่ใครหลายคนไม่มีวันที่จะมองเห็น...และสัมผัส

     

    ความงามที่ใครหลายคนจะไม่มีวันได้มองมา...

     

     

    จุนฮยองควรจะทำยังไงดี....

     

    เขาจะเก็บดอกฟ้า ดอกนี้ไว้เชยชมแค่เพียงคนเดียวได้ยังไง...

     

     

    ------------------------------------------------------------------------------



    ติดตามตอนต่อไป โกรธ by Pudjaee

    01 มีนาคม 2556  – สุขสันต์วันเกิดนะคะ ไรเตอร์ ปัดแจคนเก่ง ㅋㅋ

    อิดิทสอง :: เครื่องหมาย ****** คือแทนส่วนที่ลบไปนะคะ
    เพราะเนื้อหาโดนเด็กดีแบนค่ะ
    ทุกคนสามารถหาอ่านแบบเต็มๆได้ที่บทล.นะคะ
    หรือไม่ก็รออ่านจากการรวมเล่มนะคะ

    อยากจะบอกว่าเนื้อหาถูกลบเยอะมากมายจริงๆ
    ดอกจันทร์ให้พรึ่บไปหมด
    ตอนแรกก็คิดว่าจะลบไปทั้งเรื่องเสียเลยดีกว่า

    อืม.....อ่านอย่างสนุกสนานนะคะ 
    ถึงเนื้อเรื่องจะขาดๆหายไปบ้างก็ตาม ^^
    Orangejuiceb2st

    - 8 มีนาคม 56 -

     

     

    THE★ FARRY FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×