คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : - รัก ( by pudjaee )
ผมชอบ...ที่จะแอบมองเขาทุกวัน
ผมชอบ...ที่จะลากสายตาของตัวเองตามติดเขาไปทุกที่
ผมชอบรูปร่าง...
ที่ปราดเปรียวสะโอดสะองสะกดสายตาให้ใครที่เห็นต้องหลงรัก
ผมชอบรอยยิ้ม...
ที่เจิดจ้าราวกับแสงอาทิตย์ที่ชุบชีวิตผมให้ตื่นขึ้นมารับความสดใส
เสียงของเขาเป็นเหมือนลูกแก้วใสกังวาน...
แค่ฟังทีเดียวมันก็ช่างเพราะไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ
ผมชอบ...ชอบทุกส่วนที่เป็นของเขา
จุนฮยอง...ชอบทุกอย่างที่เป็นของฮยอนซึง
ตอนที่ 1 : รัก ( by pudjaee )
ณ ตึกเรียนคณะสถาปัตย์ คณะที่เป็นใจกลางสำคัญของมหาวิทยาลัยโซล ตัวอาคารตกแต่งแบบหินอ่อนเรียกความคลาสสิคและความสวยงามให้แก่ผู้ที่เดินผ่านไปผ่านมาไม่ยาก บริเวณหน้าตึกนั้นคราคร่ำไปด้วยผู้คนและเหล่านักศึกษา
ไม่ว่าใครหลายคนที่เคยผ่านคณะนี้ก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านักศึกษาคณะสถาปัตย์นั้นหน้าตาดีทุกคน จึงไม่แปลกที่จะมีเหล่านักศึกษาหญิงหรือชายจากคณะอื่นแอบมาซุ่มดูคนที่ตัวเองปลื้มหรือแอบชอบในช่วงเวลาเลิกเรียนเช่นนี้ จึงดูเป็นเรื่องชินตากับเด็กคณะนี้ไปเสียแล้วกลับการถูกจ้องมองหรือถูกเดินตาม
และในที่สุดบุคคลที่ใครหลายคนต่างรอคอยก็มาถึง ร่างเพรียวในเสื้อนักศึกษาสีขาวสะอาดและกางเกงยีนส์แบบรัดรูปสีดำกำลังเดินออกมาจากตึกเรียนพร้อมกับเพื่อนสนิทของตน ผมสีแดงเพลิงตัดกับผิวขาวที่โผล่พ้นตามคอเสื้อและแขนเรียวเล็กนั่นอาจทำให้ใครหลายคนต้องลอบกลืนน้ำลาย นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้ของคนๆ นี้เมื่อรวมกับจมูกโด่งรั้นและริมฝีปากเอิบอิ่มนั้นทำให้คนๆ นี้ช่างดูดีเสียจนหาข้อติไม่ได้
ไม่ว่าใคร...ก็อยากเป็นเจ้าของร่างงามคนนี้ทั้งนั้น...
ไม่ว่าผู้หญิง...หรือผู้ชาย
“เด่นเหมือนเคยนะฮยอนซึง ฮิๆ” ยังโยซอบ เพื่อนสนิทหน้าตาน่ารักของร่างบางเอ่ยกับคนที่อยู่ข้างกัน ร่างบางนี้ก็ดูป็อปปูล่าไม่น้อย สังเกตได้จากป้ายไฟที่ชายหนุ่มหลายคนมาถือโบกมือต้อนรับหลังเลิกเรียน
คนสวยได้ยินคำแซวนั้นก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ส่วนมากแฟนคลับของเขาจะทำตัวลึกลับไม่ค่อยเปิดเผยเหมือนแฟนคลับของโยซอบ ทำให้ฮยอนซึงไม่สามารถรู้ได้ว่าใครบ้างที่เป็นแฟนคลับของตน
ทุกๆ เย็นหลังเลิกเรียนจะต้องมีนักศึกษาจากคณะอื่นมายืนและดักรอพวกเขาสองคนเสมอ หากทว่าแฟนคลับของเพื่อนตัวเล็กของเขานั้นช่างเปิดเผยเสียจนน่าตกใจ ช่างแตกต่างกับแฟนคลับของเขาเหลือเกิน หลายครั้งที่ฮยอนซึงรู้สึกมีคนแอบมองหรือกระทั่งเดินตามเวลาเขาไปไหนมาไหน ไม่ว่าจะเที่ยว กินข้าว หรือแม้กระทั่งจะกลับบ้านก็ตาม
แต่ฮยอนซึงก็ไม่ค่อยเป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่ เพราะตราบใดที่ยังไม่เกิดอะไรขึ้นกับตัวเขาในเชิงร้ายแรงเขาก็ไม่มีปัญหาอะไร
ร่างเล็กทั้งสองนั้นยังคงคุยกันไปเรื่อยๆ รอยยิ้มของทั้งสองคนนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ใครหลายคนต้องอดไม่ได้ที่จะหันกลับมามองครั้งที่สอง ไม่ว่าจางฮยอนซึงจะย่างก้าวไปที่ไหน...จะต้องเป็นจุดสนใจแก่ผู้พบเห็นเสมอ
ไม่เว้นแม้แต่ผู้ชายคนนี้...
ร่างสูงร่างหนึ่งกำลังจ้องมองไปที่ร่างบางผมสีเพลิงนั้นอย่างไม่วางตา รูปร่างสูงมากกว่า 180 เซนติเมตรนั้นกำลังด้อมๆ มองๆ อยู่ตรงต้นไม้ใหญ่ที่ใช้ไว้ปิดบังกาย ผมสีชาของตัวเองสร้างความสะดุดตาให้แก่ผู้ที่พบเห็นแต่เหมือนเจ้าตัวจะยังไม่รู้ตัว สายตาเฉียบคมของเขานั้นไม่ปรากฏอารมณ์ใดๆ นอกเสียจากความชื่นชมที่เกิดขึ้นจากบุคคลตรงหน้า...รอยยิ้มของจางฮยอนซึงงดงามจริงๆ
ใช่แล้ว...ยงจุนฮยองหลงรักจางฮยอนซึงมาเนิ่นนาน
ใครจะคิดล่ะว่าชายหนุ่มผู้เงียบขรึมของคณะแพทย์ศาสตร์ที่ไม่มีเพื่อนพ้องเอาแต่มีชีวิตอยู่คนเดียวนั้นจะมีเวลามาทำอะไรแบบนี้ได้ ยงจุนฮยองไม่เคยมีเพื่อนและไม่เคยต้องการ เขามีชีวิตอยู่ตัวคนเดียวได้ไม่จำเป็นต้องเดือดร้อนใคร
จนกระทั่งวันหนึ่ง...วันที่ได้เจอร่างเล็กคนนี้
จุนฮยองยังจำได้ดี...ในวันนั้นที่เขาโดนอาจารย์ใช้ให้มาเอาของที่ตึกสถาปัตย์...และเพียงเขาแค่เดินผ่านกับร่างบางคนนี้...ก็มีบางอย่างที่ทำให้เขาจะต้องเหลียวหลังหันกลับมามอง
เส้นผมสีแดงที่รับกับใบหน้าหวาน...ดวงตามีสเน่ห์กำลังหรี่ให้เล็กลงเพราะเกิดจากการฉีกยิ้มของร่างบางที่กำลังหัวเราะกับเรื่องสนุกของเพื่อนตัวเล็ก...ผิวขาวที่สว่างจ้าเสียจนใครหลายคนต้องแพ้ ใบหน้าสวยงามยามยิ้มและหัวเราะนั้นเป็นสิ่งที่ติดตาตรึงใจที่ทำให้ยงจุนฮยองต้องชะงักงัน...
สวย...จนจับตา
ทั้งๆ ที่คนตรงหน้างดงามมากขนาดนี้ แต่เขากลับไม่มีความกล้ามากพอที่จะเข้าไปทำความรู้จัก คนที่รอบล้อมร่างบางมีแต่เดือนคณะหรือไม่ก็ลูกเศรษฐีรวยๆ ทั้งนั้น แล้วคนอย่างเขา...ที่บ้านพอมีพอกิน หน้าตาก็ไม่ได้ดีเด่ไปกว่าใคร...จะไปบังอาจเด็ดดอกฟ้าได้ยังไง
ยงจุนฮยองก็แค่หมาวัด...ที่คิดจะตะเกียกตะกายไปเด็ดดอกฟ้าอย่างจางฮยอนซึง
หลายครั้งที่เขาเห็นว่าร่างบางโดนใครหลายคนมาสารภาพรัก ไม่ว่าจะเป็นนายแบบชั้นแนวหน้า ลูกชายอธิการบดี หรือลูกหลานคนรวยมีฐานะที่หน้าตาดีหลายๆ คนก็ทำให้เขารู้สึกหวาดระแวงและกลัว...ว่าฮยอนซึงจะตอบรับคำสารภาพนั้น
จุนฮยองไม่สามารถทนเห็นฮยอนซึงไปเป็นของคนอื่นได้
แต่เขาก็โล่งใจเมื่อร่างบางไม่เคยตอบรับความรู้สึกของคนที่เข้ามาสารภาพรักเลย ฮยอนซึงเพียงแค่ยิ้มให้พร้อมกับรับช่อดอกไม้...แล้วปฏิเสธออกไป
เพียงแค่นั้น...ยงจุนฮยองก็รู้สึกว่าตัวเองมีความหมายในการใช้ชีวิตต่อไปแล้ว
เขามีความสุขกับการทำตัวลับๆ ล่อๆ ตามติดร่างบางไปทุกที่โดยไม่ให้ร่างบางได้สงสัยหรือระแคะระคาย อาจมีบางทีที่เกือบโดนฮยอนซึงจับได้บ้าง...แต่เขาก็หนีรอดหลบซ่อนไม่ให้ร่างบางรู้ว่าเขาเป็นใครได้หลายครั้ง
ฮยอนซึงจะรู้มั้ยว่าจุนฮยองมีความสุขเพียงใดกับการที่แอบเดินตามร่างบางมาส่งที่หน้าคอนโดทุกคืน..เพราะซอยที่เข้าไปยังคอนโดของร่างบางนั้นค่อนข้างเปลี่ยวแต่ก็ไม่ค่อยมีอาชญากรรมมากนักเพราะมันอยู่ติดมหาวิทยาลัย แต่ถึงกระนั้นยงจุนฮยองก็ยังไม่วางใจอยู่ดี
ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์มาทำอะไรฮยอนซึงทั้งนั้น
ฮยอนซึงเดินผ่านเขาไปแล้ว...
ชายหนุ่มผมสีชาออกมาจากที่ซ่อนชั่วคราวของตัวเองพร้อมกับปัดใบไม้ที่เกาะติดอยู่ตามตัวออก มีใครหลายคนทำแบบเขาเช่นเดียวกัน เพราะในทันทีที่จางฮยอนซึงและเพื่อนตัวเล็กของตัวเองเดินผ่านไป...เหล่าผู้คนที่แอบมองอยู่ต่างค่อยๆ ออกมาจากที่ซ่อนตัวของตัวเองช้าๆ แล้วก็โชว์รูปที่แอบถ่ายร่างบางพร้อมกับยิ้มให้กันและบรรยายถึงความงามของคนสวยอย่างสนุกปาก
“ฮยอนซึงแม่งโคตรน่ารักเลยว่ะ...เหี้ยเอ๊ยมองกี่ทีกูก็คลั่ง” จุนฮยองหันไปมองผู้ชายสองคนที่ออกมาจากหลังรถของตัวเอง คาดว่าก่อนหน้านี้คงจะแอบมองและถ่ายรูปฮยอนซึงอยู่แน่ๆ พวกนั้นมันก็ทำเหมือนกับเขา เพียงแต่เขาใจไม่กล้าพอที่จะถ่ายรูปร่างบางเท่านั้นเอง
มันเหมือนเป็นปมที่ติดมาตั้งแต่เกิด...ยงจุนฮยองไม่ว่าทำอะไรก็จะคิดมากเสมอ
ถามหาถึงความกล้าเขาไม่เคยมีเลยสักครั้ง เขามีชีวิตอยู่กับห้องแล็บและเครื่องมือแพทย์ ไม่เคยมีเพื่อนและใครให้ปรึกษาปัญหา ที่บ้านก็อยู่คนเดียวเนื่องจากพ่อแม่ของตนทำงานอยู่ที่ต่างประเทศ ยงจุนฮยองมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวและไม่เคยมีใครเคียงข้างหรือเข้ามาในชีวิต
อาจเป็นเพราะเขาเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใครเพราะความไม่กล้าของตัวเอง จึงไม่เคยมีเพื่อนเลยมาตั้งแต่อนุบาล
แต่ทว่าชีวิตอันโดดเดี่ยวของเขาก็หมดไป...เมื่อเจอฮยอนซึง
เหมือนเจอสิ่งที่ตนตามหามานาน...สิ่งที่ตนต้องการ
เขาหลงรักฮยอนซึงตั้งแต่แรกเห็นอย่างไม่มีเงื่อนไข
“ตกลงมึงเอาไงเนี่ย วันนี้มึงจะฉุดฮยอนซึงจริงเหรอวะ” ฉับพลันเสียงของนักศึกษาชายสองคนที่ยังคงอยู่ที่เดิมนั้นก็เข้าหูของจุนฮยองอย่างจัง ชายหนุ่มมองมาที่หน้าของนักศึกษาชายทั้งสองคนนี้ด้วยความโกรธ แต่นักศึกษาทั้งสองก็ไม่สนใจอะไร เหตุเพราะดวงตาของตนยังคงจดจ้องอยู่กับรูปของฮยอนซึงที่พึ่งแอบถ่ายมาได้นั่นเอง
“จริงดิวะ กูอยากมานานละแม่ง เห็นหน้าแม่งแล้วเสี้ยนชิบหาย” ชายคนหนึ่งว่าพลางเลียริมฝีปากอย่างอยากในกามอารมณ์ เป็นเหตุให้เพื่อนของตนอีกคนหนึ่งหัวเราะพร้อมกับตบบ่าเบาๆ อย่างนึกสนุก
จุนฮยองขบกรามแน่น...
“งานนี้มึงไปคนเดียวละกัน กูไม่ว่างว่ะ แม่เรียกเข้าบ้าน”
“เออๆ เรื่องของมึง ดีออกได้จัดคนเดียว กูไม่ชอบใช้ของซ้ำร่วมกับใคร” ชายหนุ่มว่าพร้อมกับหัวเราะแล้วกอดคอกันออกไปจากบริเวณนั้น เหลือเพียงชายหนุ่มผมสีชาคนหนึ่งที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม...
ใบหน้าของยงจุนฮยองกราดเกรี้ยว...และโมโห
“มึงคิดว่ามึงจะได้แตะต้องฮยอนซึงหรือไง...”
- รัก โลภ โกรธ หลง -
“เดินส่งแค่นี้ก็พอโย ไปได้ละ เดี๋ยวผิดนัดกับดูจุนนะ” ร่างบางว่าด้วยรอยยิ้มพร้อมกับเอ่ยปากให้เพื่อนตัวเล็กของตนรีบไปหาแฟนได้แล้ว
คิดว่าจางฮยอนซึงจะไม่รู้หรือไงว่าวันนี้โยซอบมีเดท
“ง่า...ฉันอยากเดินส่งนายให้ถึงหน้าคอนโดเลยนินา ซอยคอนโดของนายมันเปลี่ยวจะตาย” ร่างเล็กกว่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงกะเง้ากะงอด ถึงแม้จะไม่เคยมีเรื่องอาชญากรรมอะไรเกิดขึ้นก็เถอะแต่เขาก็เป็นห่วงเพื่อนคนสวยของตัวเองอยู่ดี
จางฮยอนซึงมีหน้าตาปกติธรรมดาเหมือนคนที่ไหนกันล่ะ
“แต่นี่มันอีกสิบนาทีจะสองทุ่มแล้วนะโย นายนัดกับดูจุนไว้สองทุ่มตรงไม่ใช่เหรอ” ฮยอนซึงว่ายิ้มๆ พลางมองนาฬิกา วันนี้เขาและโยซอบไปเดินช้อปปิ้งด้วยกันมาที่เมียงดง ได้ของติดไม้ติดมือมานิดหน่อยตามประสาคนชอบแต่งตัว
“แต่ว่า...”
“ไปเหอะน่า...ไม่มีอะไรหรอก อยู่มาตั้งสี่ปีละยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย” ฮยอนซึงพูดดักร่างบางที่กำลังจะเอ่ยขึ้นมาอีกรอบ เป็นเหตุให้ยังโยซอบเกิดอาการชั่งใจอย่างหนัก...
“เฮ้อ..ก็ได้! แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นรีบโทรหาฉันทันทีนะ!”
“อื้ม โอเค รีบไปๆๆๆ”ฮยอนซึงว่าพร้อมกับดันหลังให้เพื่อนของตัวเองไปขึ้นแท็กซี่ ฮยอนซึงยืนโบกไม้โบกมือให้โยซอบผ่านกระจกใส เมื่อรถเคลื่อนออกไปแล้วเขาก็ตัดสินใจที่จะเดินเข้าซอยเพื่อไปยังคอนโดของตัวเอง
ตึก...ตึก...ตึก
เสียงย่ำฝีเท้าของฮยอนซึงยังคงดังเป็นจังหวะเดียวในซอยทางเข้าคอนโดของตัวเองอย่างมืดมิด ตอนแรกปากดีพูดไปงั้นแหละว่ายังไงก็ไม่เป็นไร แต่เอาเข้าจริงในใจลึกๆ ของฮยอนซึงก็อยากให้โยซอบมาส่งเหมือนกัน
ฉับพลันเสียงฝีเท้าที่เคยดังเป็นจังหวะเดียวมันกลับเพิ่มขึ้นมาจนน่าตกใจ จางฮยอนซึงหยุดเดิน...แล้วหันไปมองข้างหลัง...
...ซอยที่เงียบมืดและไร้วี่แววผู้คน...
เห็นอย่างนี้ฮยอนซึงจึงเร่งฝีเท้าให้เร็วมากที่สุด เสียงฝีเท้าปริศนานั่นดูเหมือนจะเริ่มเร่งขึ้นมาแล้วเหมือนกัน คนสวยหลับตาปี๋ยังคนกลัวก่อนที่จะตัดสินใจวิ่ง
แต่ยังไม่ทันที่จะเริ่มก้าวขา...ก็มีมือหนึ่งมาตวัดดึงแขนของเขาไว้...
“จะไปไหนครับจางฮยอนซึงคนสวย” ชายรูปร่างสูงใหญ่ที่มีโม่งสีดำปิดไว้ที่ใบหน้าเหลือเพียงแต่บริเวณตาและริมฝีปากเอ่ยพร้อมกับจับมาที่ต้นแขนของฮยอนซึง ร่างบางตาโตอย่างตกใจและเริ่มสั่นด้วยความกลัว คาดไม่ถึงว่าเรื่องแบบนี้จะมาเกิดกับตนเอง
“ปล่อย...ปล่อยฉันนะ!” คนสวยโวยวายลั่นก่อนจะพยายามสะบัดแขนออกแต่ทำยังไงก็ไม่หลุด เนื่องจากแรงของตัวเองมันยังคงมีไม่มากพอที่จะสะบัดแรงของผู้ชายตัวโตกว่าตนเองสองเท่าได้
“เงียบๆสิ...จุ๊ๆ เราไปที่พงหญ้ากันดีกว่า ฉันอยากมานานแล้ว” ชายปริศนาเอ่ยพร้อมกับกระชากฮยอนซึงให้เข้าไปที่พงหญ้าข้างทางอย่างแรง ฮยอนซึงดิ้นเท่าไหร่แต่ก็ไม่สามารถหลุด หนำซ้ำริมฝีปากของเขาจะเปร่งเสียงก็ไม่ได้เพราะถูกไอ้คนชั่วนี่ปิดเอาไว้อีก
โยซอบ...โย...ช่วยฉันด้วย
“อา...สวย...สวยจริงๆ” มันว่าก่อนที่จะใช้มือสากข้างที่เคยผิดปากฮยอนซึงนั้นไล้มาที่ใบหน้างามอย่างเบามือ...ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็จับแขนของคนสวยไว้อย่างแน่นหนา ฮยอนซึงไร้ซึ่งทางหนีโดยปริยาย
คนสวยมองด้วยความโกรธ...ก่อนจะถุยน้ำลายใส่หน้าชายปริศนาคนนี้
“ถุย! ไอ้เลว!!!”
เพียะ!!!!
และทันทีที่น้ำลายได้เปรอะเปรื้อนแก้มของชายผู้นี้นั้น มันก็ใช้ฝ่ามือของตัวเองที่เคยลูบไล้เบาๆเปลี่ยนมาเป็นตบทันที ฮยอนซึงหน้าหันไปตามเรี่ยวแรงที่โดนส่งให้ รอยปื้นสีแดงห้านิ้วปรากฏอยู่ที่ใบหน้าหวาน...
“อย่า...ให้ฉันต้องใช้ความรุนแรงสิฮยอนซึง..”มันว่าก่อนจะก้มหน้าลงมาแลบเลียซอกคอหอมกรุ่นนั้นช้าๆ...ฮยอนซึงร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“ฮึก..ปล่อย...ปล่อยฉัน!” ร่างบางพยายามดีดดิ้นอย่างเต็มแรง แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่สามารถหลุดพ้นการกระทำอันเลวทรามของคนๆ นี้ได้ ร่างบางร้องไห้หนักเข้าไปอีกเมื่อรู้สึกว่ากระดุมเสื้อนักศึกษาของตนเริ่มถูกปลดออก...
นี่เขา...จะต้องมาเผชิญชะตากรรมอันโหดร้ายแบบนี้งั้นหรือ...
ใครก็ได้...ใครก็ได้...
ได้โปรด...ช่วยเขาที
พลั่ก!!
ในขณะที่ฮยอนซึงกำลังร้องเรียกหาใครให้มาช่วยฉุดเขาออกไปจากเรื่องบ้าๆ นี้อยู่นั้น ฉับพลันไอ้สารเลวที่กำลังลวนลามเขาอยู่มันลอยไปไกล เนื่องจากโดนใครก็ไม่รู้มาเตะอัดสีข้างอย่างแรง ฮยอนซึงรีบลุกขึ้นและมองผู้หวังดีคนนี้...
“ไอ้สารเลว!!!” แต่ทว่ายังไม่ทันมองชายผู้นั้นก็ตามไปกะทืบไอ้เลวที่กำลังลวนลามเขาอีกครั้ง ฮยอนซึงสังเกตชายคนนี้ที่มาช่วยเขาเห็นจากทางด้านหลังและสีผมเพียงเท่านั้น ใบหน้าไม่ได้สังเกตเพราะชายผู้นั้นกำลังหันหลังให้เขาและกำลังกะทืบไอ้เลวนั่นอยู่นั่นเอง
“อั่ก...อั่ก!” มันร้องพร้อมกับกระอักเลือดออกมาอย่างเวทนา แต่กระนั้นฮยอนซึงก็ไม่ได้สนใจเสียง...แต่สนใจชายผู้หวังดีมาช่วยเขาที่กำลังกะทืบมันอยู่ต่างหาก
สีผมแบบนี้นี่มัน...
ไม่จริง...มันไม่น่าใช่
ฉับพลันฮยอนซึงก็หน้าแดงขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ ดวงตาสีน้ำตาลไหม้กำลังจ้องมองไปที่ชายผู้หวังดีคนนั้นอย่างไม่ละสายตา...ผู้ชายคนนี้กำลังนำไม้หน้าสามตีไปที่หัวของไอ้ชั่วนั่นอยู่อย่างไม่ยั้งมือ...เลือดของมันไหลออกมาอย่างน่ากลัว...
ฮยอนซึงตกใจ...กับการกระทำที่รุนแรงของผู้หวังดีคนนั้น...
“อั่ก! อั่ก!!” มันยังคงร้องออกมาพร้อมกับเลือดที่พุ่งออกมาจากปาก ฮยอนซึงอดปิดตาลงไม่ได้กับภาพที่สยดสยองเช่นนี้ เขาเป็นคนกลัวเลือดมาตั้งแต่ไหนแต่ไร...
“พอ...พอเถอะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมกับไปดึงแขนชายผู้หวังดีคนนั้นออกมา...ชายคนนั้นปล่อยไม้หน้าสามลงทันทีที่ได้ยินเสียงหวานนั่น...ก่อนจะหันมามองที่ร่างบาง...
แวบแรกที่ได้สบตากัน...หัวใจของจุนฮยองและฮยอนซึงเหมือนหยุดเต้นกะทันหัน..
“นาย...เป็นอะไรหรือเปล่า” จุนฮยองว่าก่อนจะมองไปที่ร่างกายของคนสวย เมื่อเห็นว่าสภาพของคนสวยยังดูโอเคดีจึงลากสายตามาที่ใบหน้า รอยช้ำห้านิ้วที่แก้มขาวๆ ของคนสวยนั้นทำให้เขามีอารมณ์ฮึกเหิมขึ้นมาอีกรอบ
มึงกล้า...ตบหน้าฮยอนซึงได้ยังไง
“เอ่อ...ไม่เป็นไร...” ร่างบางว่าเบาๆ พร้อมกับก้มหน้าเพื่อซ่อนใบหน้าที่เริ่มเป็นสีแดงจากความเขินอายให้มิด ตัวที่สั่นไม่ใช่จากความกลัวเมื่อกี้แต่เป็นเพราะตื่นเต้นต่างหาก
ใช่...ใช่จริงๆด้วย
“ขอบคุณ...ขอบคุณนายมากนะ..ถ้าไม่ได้นายฉันคงแย่” ฮยอนซึงพูดพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนๆ ไปให้ชายที่เข้ามาช่วยชีวิตตน จุนฮยองเมื่อเห็นรอยยิ้มนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเขิน...
เป็นครั้งแรก...ที่ได้อยู่ใกล้ฮยอนซึงมากขนาดนี้
เป็นครั้งแรก...ที่ได้รับรอยยิ้มจากร่างบาง
“เหตุการณ์เมื่อกี้มันน่ากลัว...ฮึก...ฉันกลัวมาก..” คนสวยสะอื้นออกมาอย่างอดไม่อยู่เมื่อนึกถึงเรื่องที่พึ่งเกิดไปได้ไม่นาน เขานึกสภาพตัวเองไม่ออกจริงๆ ว่าถ้าไม่ได้ผู้ชายคนนี้มาช่วยเขาจะเป็นยังไง
ผู้ชายที่เขา...แอบมองมาอย่างเนิ่นนาน
“...ไม่เป็นไรนะ...ไม่เป็นไร” จุนฮยองก็ไม่รู้จะปลอบคนสวยคนนี้ยังไงดี ยิ่งเห็นน้ำตาที่รินใหลออกมาจากตาคู่สวยเขาก็ยิ่งสงสาร ฮยอนซึงคงกลัวมากพอดู...
“นายขึ้นคอนโดไปเถอะ เดี๋ยวฉันยืนรออยู่ตรงนี้” ชายหนุ่มว่าก่อนที่จะส่งยิ้มบางไปให้ร่างเล็ก เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่เขายิ้ม...หวังว่าที่ยิ้มของเขาที่ส่งไปมันจะดูไม่น่าเกลียดอะไรนะ
“อืม...ตะ...แต่ฉัน..” คนสวยตอบรับแล้วทำท่าจะพูดอะไรแต่ก็ยังไม่กล้าพูด ยงจุนฮยองเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจก่อนที่จะยิ้มกว้างออกมาเมื่อได้ยินคำพูดต่อมาของร่างบาง...
ยงจุนฮยองไม่เคยยิ้มให้ใคร...ไม่เคย
แต่สำหรับฮยอนซึง...จุนฮยองสามารถมอบรอยยิ้มให้ได้อย่างไม่มีวันเบื่อ
“ตะ...แต่ฉัน..ยังไม่รู้ชื่อของนายเลย” ฮยอนซึงเอ่ยออกมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ พร้อมกับก้มหน้ามองไปที่ฝ่าเท้าของตัวเองอย่างเขินอาย ทำไมวันนี้เขาถึงกล้าขนาดนี้นะ
ทั้งๆ ที่รู้ชื่ออยู่แล้วแต่ทำไมถึงยังถามออกไปอีก...
ชวนเขาคุยรึไงจางฮยอนซึง...
“ฉันชื่อจุนฮยอง...ยงจุนฮยอง” ชายหนุ่มผมสีแสบตาไม่แพ้กันกับร่างบางว่าก่อนจะส่งยิ้มบางให้ ฮยอนซึงพยักหน้ารับก่อนที่จะแนะนำตัวเองบ้าง
โดยไม่รู้ว่ายงจุนฮยองน่ะ...ก็รู้ชื่อของตัวเองอยู่แล้วเหมือนกัน
“ฉันชื่อฮยอนซึงนะ จางฮยอนซึง” ร่างบางว่าก่อนที่จะค่อยๆ เงยหน้าของตนเองขึ้นมาเพื่อสบตากับดวงตาเฉียบคมนั่น...แล้วยกมือเป็นเชิงบอกลาพร้อมกับรีบวิ่งเข้าคอนโดของตัวเองไปด้วยความขวยเขิน ใบหน้างามนั้นเป็นสีแดงก่ำ เนื้อตัวสั่นด้วยความตื่นเต้นที่พึ่งได้คุยกับคนที่ตนเองแอบชอบเมื่อครู่...คนสวยยิ้มกับตัวเองเบาๆ แล้วกดลิฟท์เพื่อไปยังห้องของตัวเองเพื่อไปพักผ่อน...วันนี้เขาใช้พลังงานมากเหลือเกิน...
อีกด้านหนึ่งที่หน้าคอนโด
ยงจุนฮยองระบายยิ้มอ่อนโยนออกมาเมื่อนึกถึงใบหน้าเล็กนั่น...ตอนนี้เขายังยืนอยู่ที่เดิมถึงแม้ว่าฮยอนซึงจะขึ้นคอนโดไปแล้วก็ตาม
ถึงแม้มันจะไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีเท่าไหร่นักที่เขาพบเจอฮยอนซึง...แต่แค่นี้สำหรับเขาก็ดีใจมากแล้ว
เพราะลำพังจะให้เขาเข้าไปจีบร่างบางเหมือนคนอื่นๆ ก็คงไม่ไหว...
จุนฮยองรู้ว่าตัวเองไม่ดีพอ...เขาจึงไม่สามารถไปแข่งกับใครได้
และขณะที่กำลังจะก้าวออกไปจากซอยนี้...ยงจุนฮยองก็ได้ฝากคำพูดหนึ่งไว้ให้ร่างบาง...โดยฝากสายลมไปบอกให้ร่างบางได้รับรู้...
คำพูด...ที่อยากจะให้ฮยอนซึงได้ยิน...
“ยินดีที่รู้จักนะ...จางฮยอนซึง”
- รัก โลภ โกรธ หลง -
รุ่งเช้าในรั่วมหาวิทยาลัยที่ดูวุ่นวายเช่นทุกวัน ยังโยซอบและจางฮยอนซึงกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าตึกคณะฯพร้อมกับร่างแบบงานที่จะต้องส่งเป็นโปรเจ็คสุดท้ายให้อาจารย์ เหตุเพราะพวกเขาใกล้จะจบชีวิตการเป็นนักศึกษาแล้ว งานชิ้นนี้ทั้งคู่จึงต้องใช้ความพยายามและความตั้งใจสูงเป็นอย่างมาก
เหล่าผู้คนที่มาแอบมองเป็นสโตรกเกอร์ยังคงมีอยู่เหมือนเดิมเช่นเคย...รวมทั้งแฟนคลับของโยซอบที่ทำป้ายไฟมาเขียนว่า ‘โยซอบสู้สู้!’ อีกต่างหาก แต่ทว่าโยซอบไม่ได้สังเกตเห็นมันสักเท่าไหร่นัก เพราะงานตรงหน้าเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเขามากที่สุดแล้วในตอนนี้
โยซอบไม่รู้เรื่องที่เกิดเมื่อวานกับฮยอนซึง ร่างบางผมสีแดงเพลิงปิดปากเงียบไม่อยากบอกให้เพื่อนสนิทของตนได้รับรู้ ถึงแม้จะอยากบอกเพียงใดแต่เมื่อมาเห็นว่าเพื่อนของตนกำลังเคร่งเครียดอยู่กับแบบงานที่ต้องส่งอาจารย์แล้วนั้นเขาก็พูดไม่ออก เขาไม่อยากให้โยซอบมาเครียดเกี่ยวกับเรื่องของเขาเดี๋ยวจะทำให้แบบงานที่ร่างออกมามันไม่ดี ฮยอนซึงจึงได้แต่ทำตัวปกติโดยไม่บอกเรื่องนี้ให้ใครรู้
ไม่มีใครรู้เรื่องนี้...ยกเว้นผู้ชายคนนั้น
คิดถึงเรื่องนี้พวงแก้มใสที่เคยขาวบัดนี้มันเริ่มอมชมพู...จางฮยอนซึงรู้สึกเขินอายเหลือเกินยามนึกถึงผู้ชายคนนั้น
ยงจุนฮยอง...
เป็นเรื่องปกติรึเปล่านะที่ไม่ว่าใครก็ต่างมีคนที่ตัวเองชอบแต่กลับไม่กล้าบอกให้เขาได้รับรู้ จางฮยอนซึงแอบชอบจุนฮยองมาตั้งแต่ประมาณปีที่แล้ว...วันที่เขาไปเดินเล่นที่ตึกแพทย์แล้วเห็นชายหนุ่มคนนี้กำลังทำการวิจัยทดลองในห้องแล็บคนเดียว...ในขณะที่คนอื่นเขามีคู่หรือมีกลุ่มกันหมด...
ความเงียบและความโดดเดี่ยวนั้นเป็นสิ่งที่ดูน่าค้นหา...จางฮยอนซึงรู้สึกสนใจจุนฮยองขึ้นมาตั้งแต่แรกเห็น จริงอยู่ว่ามีหลายคนที่หน้าตาดีกว่าจุนฮยองแล้วเข้ามาจีบเขาเยอะแยะไป...แต่ทำไมนะ...จางฮยอนซึงถึงปักหลักอยู่ที่ผู้ชายคนนี้มากว่าหนึ่งปี
ความโดดเดียว...และความเหงายามที่ชายคนนี้อยู่คนเดียวนั้นเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้คนอย่างเขาต้องสนใจ...
แม้แต่ยังโยซอบยังไม่รู้...ว่าเขาสนใจผู้ชายคนนี้
หลายครั้งหลายคราที่เพื่อนสนิทตัวเล็กของตนมาถามเขาว่าทำไมถึงไม่มีแฟน พร้อมกับยกตัวอย่างให้ดูอีกต่างหากว่าตัวเองนั้นเป็นแฟนกับยุนดูจุนมาตั้งแต่เรียนมัธยมแล้ว แถมยังบอกว่าเขาเรื่องมากอีกแน่ะ ฮยอนซึงจำได้ว่าพอได้ยินเขาก็เข้าไปบีบที่จมูกเล็กนั้นด้วยความหมั่นไส้ปนหมั่นเขี้ยวทันที เล่นเอาโยซอบจมูกแดงไปหลายวัน
ไม่ใช่เพราะว่าจางฮยอนซึงเรื่องมาก...แต่จางฮยอนซึงยังไม่เจอคนที่ใช่ต่างหากล่ะ
“จาง-ฮยอน-ซึง” ฉับพลันก็มีเสียงหนึ่งเอ่ยแหบๆ อยู่ที่ข้างใบหูเล็ก ฮยอนซึงหันหน้ามาด้วยความตกใจทันที เช่นเดียวกับโยซอบที่เงยหน้ามาจากแบบงานอันแสนวุ่นวายของตัวเองแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว
ฮยอนซึงไปรู้จักกับเด็กแพทย์ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
“ยงจุนฮยอง!” ร่างเล็กเอ่ยชื่อพร้อมกับยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจก่อนที่จะมองไปยังผู้มาใหม่ ยงจุนฮยองในชุดใส่เสื้อกาวน์นั้นกำลังจ้องมองมาที่ฮยอนซึงพร้อมกับระบายยิ้มอ่อนโยน...
รวมรวมความกล้าตั้งนาน...กว่าจะกล้าเข้ามาทัก
แรกเริ่มเขาก็กลัว...ว่าฮยอนซึงจะทำเหมือนไม่รู้จักกัน
แต่พอเห็นใบหน้าที่ยิ้มน่ารักออกมาแบบนี้พร้อมกับเรียกชื่อของเขาราวกับยินดีที่เขามาหานั้นทำให้จุนฮยองต้องรีบเปลี่ยนความคิดทันที...
ฮยอนซึงช่างสง่างาม...มากเสียจนคนอย่างเขาไม่มีทางคู่ควร
“ใครน่ะฮยอนซึง” เพื่อนของร่างบางว่าก่อนที่จะมองมาที่ฮยอนซึงด้วยสายตาล้อเลียน ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเพื่อนของตนไม่ค่อยยุ่งกับผู้ชายคนอื่นสักเท่าไหร่ วันๆ ก็อยู่แต่กับยังโยซอบคนนี้นี่ล่ะ
จะว่าไปผู้ชายคนนี้ก็ไม่น่าจะมีท่าทางเข้ามาจีบฮยอนซึง เพราะถ้าจีบจริงๆ ไม่มีทางที่ฮยอนซึงจะจำชื่อได้ แต่นี่ถึงขนาดร้องเรียกชื่อผู้ชายหัวสีชาเสียงดังพร้อมกับฉีกยิ้มด้วยความดีใจ...เพื่อนสนิทตัวเล็กของร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆ นั้นก็มองทั้งสองคนด้วยแววตากรุ้มกริ่ม...
แน่นอนว่าการที่มีผู้ชายเข้ามาทักแล้วฮยอนซึงจำได้นั้นเป็นเรื่องที่น่าแปลกใหม่สำหรับโยซอบเลยทีเดียว...
“อะ อ๋อ...เพื่อนต่างคณะของฉันเองน่ะ ชื่อยงจุนฮยอง” ร่างบางรีบแนะนำผู้มาใหม่ให้เพื่อนสนิทของตนรู้จักทันทีด้วยใบหน้าเหลอหลาแต่แก้มติดแดงนิดๆ และยังโยซอบก็สังเกตเห็นท่าทางนั้น ร่างเล็กเริ่มยิ้มกว้างออกมาพร้อมกับกล่าวทักทายคนตรงหน้า
“สวัสดี ฉันชื่อยังโยซอบ เป็นเพื่อนสนิทของฮยอนซึง ยินดีที่ได้รู้จักนะ” ร่างเล็กว่าพร้อมกับส่งยิ้มเป็นมิตรไปให้ ทำให้ยงจุนฮยองโล่งใจไปเปราะหนึ่ง...
เขานึกว่าร่างเล็กเพื่อนของฮยอนซึงคนนี้จะหยิ่งใส่และทำเหมือนเขาเป็นอากาศธาตุซะอีก
อา...คิดไปได้ยังไงกันนะยงจุนฮยอง
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” จุนฮยองตอบกลับไปพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้อีกตัวหนึ่ง ทีแรกเขาก็ไม่กล้าหรอกที่จะนั่ง...แต่เมื่อเห็นนางฟ้าผมสีแดงตบที่ม้าหินอ่อนเบาๆ พร้อมกับพยักหน้าให้เขามานั่งนั้นก็อดที่จะปฏิเสธไม่ได้
น่ารักจริงๆ...ฮยอนซึง
“คุยกันไปก่อนละกันนะ เดี๋ยวฉันมา ดูจุนแวะเอาของมาให้หน้าวิทยาลัยน่ะ” ทันทีที่จุนฮยองนั่งลงเพื่อนตัวเล็กยังโยซอบก็เอ่ยปากพร้อมกับวิ่งออกไปทันที ทิ้งให้ทั้งสองคนหน้าเหวอนิดหน่อยกับการกระทำนั้น ฮยอนซึงมองตามไปอย่างงงเล็กน้อย ไหนโยซอบบอกว่าวันนี้ดูจุนไปแข่งบอลที่ต่างประเทศไง
สงสัยจะกลับมาแล้วมั้ง...
แต่ใครเล่าจะรู้ว่ายังโยซอบจงใจให้ทั้งสองคนนี้อยู่ด้วยกันต่างหาก ตอนนี้ร่างเล็กวิ่งมาอีกด้านหนึ่งแล้วนั่งกินเค้กเพื่อรอเวลาที่เหมาะสมเพื่อจะกลับไปหาเพื่อนรักของตน
เห็นทีฮยอนซึงจะสละโสดก็คราวนี้แหละมั้ง...คิ
“ทำไมวันนี้ใส่แว่นล่ะ เมื่อวานไม่เห็นใส่เลย” ฮยอนซึงเป็นคนชวนคุยก่อนคนแรก พอโยซอบไปเขาก็เอาแต่เขินส่วนจุนฮยองก็เอาแต่เงียบ ต่างคนต่างไม่กล้าพูดใส่กัน
จุนฮยองมีปมด้อยเป็นคนที่ไม่ค่อยมั่นใจอะไรในตัวเองอยู่แล้ว จึงไม่ค่อยกล้าที่จะชวนร่างบางคุยมากนัก
“อ๋อ...วันนี้ฉันเข้าแล็บน่ะ” จุนฮยองว่าก่อนจะส่งรอยยิ้ม เขาจำเป็นต้องใส่แว่นเข้าแล็บเพราะเป็นคนสายตาสั้น เดี๋ยวจะทำงานวิจัยไม่สะดวกและผิดพลาดได้ถ้าหากไม่ใส่มันขึ้นมา
“อืม...แล้วนายมาทำอะไรที่ตึกสถาปัตย์ล่ะ” ฮยอนซึงเป็นคนเอ่ยคำถามอีกครั้ง ร่างบางประหม่าน่าดูเลยล่ะกับการที่จะต้องนั่งอยู่ต่อหน้าจุนฮยอง ในหัวของเขาเอาแต่คิดคำถามว่าจะหาคำถามอะไรมาชวนจุนฮยองคุยดี
“อาจารย์ใช้ให้ฉันมาเอาเอกสารน่ะ...อ๊ะ นายทำโปรเจ็คร่างแบบงานเหรอ” จุนฮยองตอบไปพร้อมกับตั้งคำถามหาร่างบางด้วยความไม่รู้ตัว เมื่อเห็นชิ้นงานของร่างบางวางอยู่ข้างหน้าเขาพร้อมกับดินสอและยางลบ สายตาของชายหนุ่มกวาดไปทั่วชิ้นงานของฮยอนซึง...
“อะ อื้อ...ใช่ โปรเจ็คสุดท้ายแล้วน่ะ เลยต้องตั้งใจทำหน่อย” คนสวยตอบก่อนจะเกาท้ายทอยของตัวเองนิดๆ อย่างแก้เขินเมื่อเห็นว่าจุนฮยองยังคงมองมาที่งานของเขาอย่างไม่วางตา
“มันเจ๋งมากเลยนะ...แต่ฉันว่าตรงนี้เหมือนนายจะร่างแบบผิด...มันไม่ตรงกับสูตรที่โจทย์ให้มานะรู้เปล่า”
“จริงเหรอ! หวาๆ ผิดตรงไหนล่ะ อ่า...ฉันไม่ใช่เด็กแพทย์นิ ลืมสูตรวิธีคิดไปหมดละ” ฮยอนซึงว่าพลางตาลีตาเหลือกหายางลบมาแก้ในจุดที่จุนฮยองบอก ชายหนุ่มอดขำในความน่ารักของฮยอนซึงไม่ได้ รอยยิ้มที่ไม่ได้ตั้งใจของร่างสูงที่โผล่ขึ้นมานั้นทำให้อีกคนหนึ่งใจเต้นตึกตัก...
ยงจุนฮยอง...ยิ้ม
“มันผิดหลายจุดเลยด้วยนะ เนี่ยเห็นมั้ย ตรงเนี้ยโจทย์มันบอกว่าต้องใช้สูตรเหมือนตัวอย่างที่สอง แต่นายไปใช้สูตรตัวอย่างที่สาม เบ๊อะป่ะเนี่ย” จุนฮยองว่าอย่างขำๆ ก่อนจะแย่งยางลบออกมาจากมือบางก่อนที่จะลงมือลบเอง
“ผิดเยอะเลยแฮะ...ส่งอาทิตย์หน้าแล้วซะด้วยสิ จะทันมั้ยเนี่ย” ร่างบางเอ่ยพร้อมกับบ่นกะปอดกะแปดด้วยความกลัวว่างานของตัวเองจะเสร็จไม่ทัน วันนี้ก็วันศุกร์แล้ว เหลือเวลาเพียงเสาร์และอาทิตย์เท่านั้นให้เขาได้ร่างแบบงาน ยงจุนฮยองเงยหน้าขึ้นมายิ้มกับความน่ารักนั่น...พร้อมกับริมฝีปากของตนได้เอื้อนเอ่ยคำพูดออกไป
“เอาเบอร์มาสิ”
“หืม ?” ฮยอนซึงหันหน้ามามองจุนฮยองอย่างไม่เชื่อสายตาว่าชายหนุ่มจะพูดคำนี้ จุนฮยองมองดวงตากลมโตนั้นอย่างตลก
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันมาช่วยนายแก้สูตรทั้งหมดให้...เอาเบอร์นายมาละกัน จะได้โทรนัดสถานที่ถูก” ชายหนุ่มขยายความให้ชัดๆ พร้อมกับหยิบไอโฟนของตัวเองออกมา...แล้วยื่นให้คนสวย...
ใครจะรู้เล่าว่าภายในใจของยงจุนฮยองมีแต่ความกดดัน...และกลัว..
กลัวว่าฮยอนซึงจะไม่รับโทรศัพท์...กลัวว่าฮยอนซึงจะไม่ให้เบอร์โทรกับเขา...
กลัว...ไปหมดทุกอย่าง
“อะ อื้อ...เอามาสิ” ร่างบางก้มหน้างุดๆ พร้อมกับหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูนั้นมาพร้อมกับกดเบอร์โทรศัพท์...เมื่อกดเสร็จก็ยื่นไปให้ร่างสูง
จุนฮยองมองการกระทำทั้งหมดอย่างไม่เชื่อสายตา
ไม่น่าเชื่อ...ว่าวันนี้จะมีจริง
ชายหนุ่มรับโทรศัพท์มาพร้อมกับดูไปที่หน้าจอไอโฟนของตัวเองอีกครั้ง ตัวเลขสิบหลักบนหน้าจอที่ขึ้นอยู่นั้นเป็นสิ่งพิสูจน์ได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไป
ในโทรศัพท์ของยงจุนฮยอง...ที่เอาไว้เพียงแค่เตือนเวลาเขาเข้านอนหรือเช็คตารางสอนในการเรียนนั้นมีเบอร์ของคนอื่นแล้วจริงๆ
เป็นครั้งแรก...ที่โทรศัพท์ของเขามีเบอร์คนอื่นนอกจากพ่อและแม่
“โอเค...งั้นเดี๋ยวฉันไปขึ้นแล็บก่อนนะ” จุนฮยองว่าก่อนที่จะลุกขึ้นจากโต๊ะม้าหิน...ความจริงเขาอยากจะโดดเรียนเพื่อมาอยู่ข้างร่างบางด้วยซ้ำ ยิ่งเมื่อฮยอนซึงกับเขาเริ่มกล้าที่จะพูดจะคุยกันแล้วจุนฮยองก็ยิ่งรู้สึกดี แต่ติดที่ว่าแล็บวันนี้เป็นแล็บสุดท้าย...และเขาก็จะปิดภาคเรียนและจบชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยได้อย่างสมบูรณ์
“อืม บ๊ายบายจุนฮยอง” ฮยอนซึงโบกมือลาพร้อมกับส่งยิ้มน่ารักมาให้...จุนฮยองก็โบกมือตอบพร้อมกับส่งรอยยิ้มกลับไปเช่นกัน และในขณะที่เขากำลังจะเดินหันหลังออกมานั้น...ก็นึกถึงเรื่องหนึ่งได้...
“วันนี้...” จุนฮยองหันหลังมาพูดกับร่างบางที่กำลังเก็บอุปกรณ์งาน เป็นเหตุให้ฮยอนซึงเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับส่งคำถามไปให้
“มีอะไรเหรอจุนฮยอง?”
“วันนี้...ฉัน...เอ่อ...” จุนฮยองก็ยังเป็นคนเดิมที่ขี้กังวล เขาไม่กล้าและไม่เคยมั่นใจอะไรสักอย่าง นัยน์ตาเฉียบคมมองไปที่ใบหน้างามของร่างบางอย่างกดดันในสิ่งที่ตัวเองกำลังจะพูด
“วันนี้...ให้ฉันไปส่งที่คอนโดไหม” ในที่สุดจุนฮยองก็กลั้นใจพูดออกไป ใบหน้าหวานมีแววตกใจเล็กน้อยก่อนที่แก้มของร่างบางจะเริ่มมีเลือดฝาด...ไม่รู้ว่าจุนฮยองคิดไปเองหรือเปล่าแต่แก้มฮยอนซึงกำลังเป็นสีแดงแล้วจริงๆ
“อะ อื้อ...เอาสิ งั้น...เดี๋ยวฉันนั่งรอนายอยู่ตรงนี้นะ” คนสวยตอบกลับมาเบาๆ ด้วยใบหน้าที่เขินอายแต่จุนฮยองไม่สังเกตเห็นมัน จุนฮยองได้ยินคำตอบนั้นหัวใจของเขาก็โล่งอกลงไปในทันที
เขายังพอมีหวังอยู่ใช่ไหม...
หมาวัดคนนี้...ยังพอมีหวังให้เอื้อมหยิบดอกฟ้ามาเป็นของตัวเองได้ใช่หรือเปล่า
“โอเค...เดี๋ยวเลิกแล็บแล้วฉันจะโทรหา” จุนฮยองว่าพร้อมกับส่งรอยยิ้มไปให้...แล้วเดินหันหลังเพื่อมุ่งหน้าไปที่ตึกคณะแพทย์ของตนเอง...พร้อมกับยิ้มไปตลอดทางอย่างอารมณ์ดี...
“แน่ะๆๆๆๆๆๆๆ บอกมาซะดีๆคุณจางฮยอนซึง นายกับเด็กแพทย์คนนั้นเป็นอะไรกันแน่” ทันทีที่จุนฮยองลุกออกไปโยซอบก็วิ่งกลับมาหาเพื่อนคนสวยของตัวเองทันที ฮยอนซึงได้ยินคำถามนั้นก็ถึงกับเขินแต่ก็ยังพูดตอบออกไป
“อะ อะไรเล่า! ก็เป็นเพื่อนกันนั่นล่ะ” คนสวยตอบพร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำจากการโดนแซว ฮยอนซึงหันหน้าหนีโยซอบเพื่อไม่ให้เพื่อนตัวเล็กของตนได้เห็นใบหน้านั้น
มีหวังโดนล้อตายแน่ๆ
“อ่ะกิ๊วๆๆๆๆๆ มีแลกบงแลกเบอร์ ฉันเห็นน้า”
“ย่าห์! นายจะแกล้งฉันไปถึงไหนเนี่ยฮะ เดี๊ยะเถอะ...นี่แน่ะๆ” ฮยอนซึงกลบเกลื่อนความเขินด้วยการเอาเศษกระดาษปั้นเป็นลูกบอลแล้วปาใส่โยซอบ ร่างเล็กกว่าเห็นดังนั้นก็เล่นคืนบ้าง ทั้งสองคนวิ่งไล่จับหน้าตึกคณะฯกันไปมาพร้อมกับรอยยิ้ม...
วันนี้ฮยอนซึงมีความสุขมากจริงๆ
- รัก โลภ โกรธ หลง -
เสียงฝีเท้าดังสลับกันในช่วงกลางคืน ฮยอนซึงและจุนฮยองกำลังเดินเข้ามาในซอยคอนโดของร่างบางในจังหวะเดียวกัน กว่ายงจุนฮยองจะออกมาจากห้องแล็บได้ก็ใช้เวลาเกือบหกโมงเย็น ทั้งๆ ที่รอมาเกือบสองชั่วโมงแต่ร่างบางก็ไม่มีทีท่าว่าจะโกรธเลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังรู้สึกยินดีที่จะรออีกต่างหาก
นี่ล่ะหนาความรัก...สามารถทำได้ทุกสิ่ง
ตลอดระยะทางที่เดินมาไม่มีใครพูดอะไร ยงจุนฮยองก็เอามือของตัวเองใส่กระเป๋ากางเกงพร้อมกับเดินเอื่อยเฉื่อยและเหลือบมองร่างบางเป็นระยะ นึกโมโหตัวเองไม่น้อยว่าทำไมถึงไม่มีความกล้าที่จะชวนร่างบางคุย
ทำไม...ยงจุนฮยองถึงไม่เคยกล้าที่จะทำอะไรสักที
และดูเหมือนเวลาที่จะอยู่ด้วยกันในวันนี้เหมือนจะหมดลง...เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงหน้าคอนโดแล้ว ฮยอนซึงก็ทำได้เพียงแค่โบกมือลาและส่งรอยยิ้มน้อยๆ ไปให้ เขาก็ไม่รู้จะคุยอะไรกับจุนฮยองเหมือนกัน บางทีความขี้อายนี่เขาก็อยากจะโยนทิ้งมันไปจากจิตสำนึกสักทีนะ
จุนฮยองก็ผุดรอยยิ้มอ่อนโยนส่งไปให้...พร้อมกับโบกมือลากลับ...
ฮยอนซึงเดินหันหลังกลับเข้าไปในคอนโด...
จะไม่มีใครพูดอะไรจริงๆ น่ะหรือ...
“เดี๋ยว!!” ฉับพลันเสียงหนึ่งที่เอ่ยจากคนข้างหลังทำให้ร่างบางต้องรีบหันกลับมามอง ฮยอนซึงมองหน้าของจุนฮยองด้วยความสงสัย นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้กลมบ๊อกนั่นส่งเครื่องหมายคำถาม
“???”
“เอ่อ...ฉัน...” จุนฮยองกัดริมฝีปากของตัวเองแน่น...แน่ใจแล้วหรือว่าจะพูดแบบนี้ออกไป...
เขาจะโลภมากไปมั้ยนะ...ถ้าหากจะถือโอกาสสารภาพรักกับร่างบาง...
แล้ว...สารภาพไปละผลมันจะเป็นยังไง
“ฉัน...ฉัน...” จุนฮยองตัวสั่นจนเกินจะควบคุม ความกลัวมันมีไปหมดทุกอย่าง เขาไม่เคยมั่นใจอะไรในตัวเองเลยจริงๆ ปมด้อยที่แก้ไม่หายของเขาเมื่อไหร่มันจะหายไปสักที
“มีอะไรเหรอจุนฮยอง...นายเป็นอะไรไป” ร่างเล็กก้าวเข้ามาหาเมื่อเห็นจุนฮยองทำท่าอึกอักไม่ยอมพูด
หนำซ้ำเนื้อตัวของชายหนุ่มยังสั่นอีกต่างหาก ยงจุนฮยองไม่พูดอะไรต่อเอาแต่ก้มหน้านิ่ง มือแกร่งของตัวเองก็จิกไปที่เสื้อของตัวเองอย่างต้องการระบายอารมณ์...
นัยน์ตาสีไหม้ของฮยอนซึงสะท้อนความห่วงใยไปให้แก่ร่างสูงอย่างปิดไม่มิด...และแน่นอนว่าจุนฮยองเห็นแววตานั้น...
แวบเดียวที่เขาเห็นนั้นหัวใจเขาก็รู้สึกเหมือนได้น้ำทิพย์มาชโลมในจิตใจให้คลายความกังวล ใบหน้าของฮยอนซึงและแววตาดูกังวลกับท่าทางของเขามากทีเดียว นั่นเป็นสิ่งที่จุนฮยองคิดว่าน่ารักมาก...
ใบหน้าของร่างบางยามที่เป็นห่วงเขา...น่ารักมากจริงๆ
และไม่รู้ว่าตัวเขาเองเป็นอะไรไป...อาจเป็นเพราะรู้สึกดีใจกับความเป็นห่วงของร่างบาง...หรือบางทีความกล้าของเขาเริ่มจะมีมากพอ...
ยงจุนฮยองจึงคว้าตัวของคนสวยมากอดแน่น...
“อะ...เอ๋” คนสวยพูดอึกอักออกมาด้วยความงุนงง แต่ก็อดดีใจไม่ได้ที่จุนฮยองมาคว้าตัวเขาไปกอดแบบนี้ คนสวยในอ้อมแขนแกร่งของชายหนุ่มก็แอบหน้าแดงเบาๆ...
“ฉัน...ฉัน..” จุนฮยองพยายามรวบรวมความกล้า การที่กอดกันแบบนี้ทำให้เขาไม่เห็นหน้าฮยอนซึงดูเหมือนว่าจะทำให้เขาลดความเขินอายลงไปได้มาก และในที่สุด...คำบางคำก็ได้โผล่พ้นออกไป...
คำบางคำ...ที่ทำให้ฮยอนซึงรู้สึกใจเต้นแรง...
“ฉัน...ฉันชอบนาย!!!” จุนฮยองตะโกนออกมาเสียงดังพร้อมกับกอดร่างบางให้แน่นกว่าเดิม ฮยอนซึงยืนนิ่งด้วยความอึ้ง ดวงตากลมโตนั้นเบิกกว้างกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ พวงแก้มใสจากที่เป็นสีแดงอยู่แล้วบัดนี้มันกลับแดงขึ้นมายิ่งกว่าเก่า
“ฉัน...ชอบนายจริงๆ นะฮยอนซึง” จุนฮยองย้ำอีกทีให้ร่างเล็กได้ยินชัดขึ้นกว่าเดิม และเมื่อเห็นว่าฮยอนซึงเงียบไปตัวของเขาก็เริ่มสั่นขึ้นมาด้วยความกลัวอีกรอบ อ้อมแขนแกร่งก็เริ่มรัดคนตัวบางแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว..
“อะ..จุนฮยอง...ฉัน เจ็บ..” ฮยอนซึงร้องออกมาพร้อมกับขืนตัวออกมาเล็กน้อย จุนฮยองเมื่อได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตัว ชายหนุ่มรีบปล่อยร่างบางออกจากวงแขนทันที พร้อมกับเดินมาดูที่แขนของตัวเล็กด้วยความเป็นห่วง
“ไหน...เจ็บมากรึเปล่า ฉันขอโทษนะ” จุนฮยองว่าก่อนจะค่อยๆ ยื่นมือของตนเองมาจับที่ต้นแขนสวยอย่างทะนุถนอม...พร้อมกับจับเบาๆ และสำรวจดูอย่างถ้วนถี่ กลัวว่าจะไปทำร้ายหัวใจของตัวเองเข้า
เขา...ไม่ได้ตั้งใจ
ฮยอนซึงยืนมองดูใบหน้ายามที่จุนฮยองกังวลอยู่ด้วยรอยยิ้ม...เขารู้สึกดีใจจริงๆ จุนฮยองใส่ใจและเป็นห่วงเขามากขนาดนี้ ใบหน้าหวานยิ้มออกมาเหมือนคนบ้าโดยที่จุนฮยองไม่ได้สังเกตเห็น...
และในขณะที่เขากำลังจ้องมองไปที่ต้นแขนขาวของคนสวยอยู่นั้น...ฉับพลันก็มีคำพูดหนึ่งของร่างบางเอ่ยออกมา...
คำพูด...ที่ทำให้จุนฮยองรู้สึกอยากจะ...ร้องไห้
ร้องไห้...ด้วยความดีใจ...
“ฉัน...ก็ชอบนายเหมือนกันนะ...จุนฮยอง”
ความรักของเขาและฮยอนซึงเปรียบเหมือนดอกไม้ที่เบิกบาน
เขาทั้งสองคนตัดสินใจคบหากันในวันนั้นด้วยรอยยิ้มยินดีของทั้งคู่
จุนฮยองดูแลฮยอนซึงด้วยความรักใคร่...
ต้นรักที่บ่มเพาะด้วยความเอาใจใส่จากคนทั้งคู่ทำให้ต้นไม้นั้นเจริญงอกงาม
ถึงแม้ว่าตลอดการเดินทางที่บ่มเพาะต้นไม้ด้วยดินอันชุ่มฉ่ำนั้น...
จะมีเสียงที่บอกว่าเขาและฮยอนซึงไม่เหมาะสมกันดังมาตลอดก็ตามที
“ไอ้เด็กแพทย์หน้าจืดนั่นมีสิทธิ์อะไรมาครอบครองนางฟ้าของพวกเราวะ...” เสียงหนึ่งเอ่ยจากกลุ่มผู้คนนับสิบที่ยืนมองดูคู่รักคู่หนึ่งที่กำลังถ่ายรูปกันในรั้วน่ารักๆ ที่ทางมหาวิทยาลัยจัดไว้ให้ สายตาอิจฉาของใครหลายคนส่งไปที่ชายหนุ่มผมสีชาอย่างปิดไม่มิด วันนี้เป็นวันรับปริญญา ฮยอนซึงและโยซอบก็ต่างมีแต่รอยยิ้มด้วยความยินดีที่ชีวิตในรั้วมหาลัยจะต้องจบลงแล้ว ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่ไม่ได้เรียนด้วยกันอีก แต่ยังไงๆ พวกเขาก็ต้องติดต่อกันและกันเหมือนเดิมแน่
“แม่ง...กูเห็นมันทำตัวหงุงหงิงไม่มีเพื่อนอยู่คนเดียวมาตั้งแต่ปีหนึ่ง...ใครจะคิดว่าแม่งจะมาได้ใจนางฟ้าของพวกเราไป” ชายหนุ่มอีกคนว่าพร้อมกับส่งสายตาไม่เป็นมิตรไปให้ยงจุนฮยอง และคนสัมผัสดีอย่างยงจุนฮยองรึจะไม่เห็น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนมองเขาด้วยสายตาแบบนี้
สายตาเหยียดหยาม...ที่มองมาที่เขา
และคำพูดที่กรอกหูเขาทุกวันไม่ว่าจะเดินเหินไปไหน...
‘มึงมันไม่เหมาะกับฮยอนซึง’
แรกเริ่มยงจุนฮยองรู้สึกแย่พอสมควรกับการที่โดนพูดใส่เช่นนี้ บวกกับปมด้อยของตัวเองที่เป็นคนค่อนข้างคิดมากทำให้เขาเครียดไปหลายวันเลยทีเดียว เขาก็พอจะรู้หรอกน่ะว่าเขาไม่เหมาะสมกับร่างบางขนาดไหน
มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อใช่มั้ยล่ะ...ว่าดอกฟ้าจะโน้มลงมาหาหมาวัดอย่างเขาจริงๆ
ฮยอนซึงเป็นคนที่น่ารักมาก ยิ่งอยู่ใกล้ก็ทำให้เขายิ่งหลง ร่างบางมีมุมมองหลายอย่างในแบบที่คนอื่นไม่เคยได้เห็นแต่ว่ายงจุนฮยองได้เห็นมัน รอยยิ้มกว้างๆ และริมฝีปากอุ่นๆ ที่ทำให้จุนฮยองรู้สึกชื่นใจทุกครั้งที่ได้เห็นและสัมผัสมันทำให้เขารู้สึกรักร่างบางมากขึ้นไปอีก
แต่ถึงกระนั้นความรักบางทีมันก็ยังคงไม่พอ...ถึงแม้เขากับฮยอนซึงจะรักกันดี แต่ทว่าเหล่าแฟนคลับของร่างบางไม่เคยยอมรับเขาเลยแม้แต่นิด
ยอมรับว่ารู้สึกละอาย...ที่มีคนมาพูดแบบนี้
เขารู้สึก...เกลียดตัวเอง...
เกลียด...ที่ตัวเขาไม่สามารถยืนข้างร่างบางอย่างเหมาะสมได้
“จุนฮยองเหม่ออะไรน่ะ! มาถ่ายรูปกันเร็ว” เสียงฮยอนซึงที่ตะโกนเรียกทำให้จุนฮยองหลุดออกจากภวังค์ ชายหนุ่มส่ายหัวไล่ความคิดเมื่อครู่น้อยๆ ก่อนจะเดินย่างก้าวไปหาร่างบาง
“โยๆๆๆ ถ่ายรูปฉันกับจุนฮยองให้หน่อย” ร่างบางว่าก่อนจะยื่นกล้องดิจิตอลไปให้เพื่อนตัวเล็กของตน ยังโยซอบรับมาอย่างยิ้มๆ พร้อมกับตั้งท่าเตรียมถ่าย
“เอ้า เก๊กท่า!” ทันทีที่โยซอบตะโกนฮยอนซึงก็เอาแขนผอมบางของตัวเองมาคล้องคอของเขา...พร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วฉีกยิ้มน่ารัก...
จุนฮยองมองใบหน้างดงามนั้นอย่างไม่วางตา...
แชะ!
“หวา...รูปนี้สวยมากเลย...จุนฮยองจ้องฮยอนซึงอย่างกับอยากจะกลืนไปทั้งตัวแน่ะ ฮิๆ” ยังโยซอบว่าก่อนจะวิ่งเข้ามาหาและโชว์หน้าจอที่มีรูปของฮยอนซึงและจุนฮยองให้ดู ร่างบางเมื่อเห็นรูปนั้นแล้วหน้าของตนก็เริ่มแดง...
สายตาของจุนฮยองยามที่มองเขา...มันช่างมีสเน่ห์จริงๆ
“ฮยอนซึง...แต่งงานกับฉันนะ”
“!!!”
ยงจุนฮยองพูดหน้าตายพร้อมกับจ้องไปที่คนสวย โยซอบและฮยอนซึงยังคงมีใบหน้าที่อึ้งจากคำพูดของชายคนนี้เมื่อครู่ ใบหน้าที่แดงก่ำของฮยอนซึงยิ่งเห็นเขาก็ยิ่งหลง...
ฮยอนซึงสวย...สวยเกินไป
เขากลัว...ว่าวันหนึ่งคนสวยจะทิ้งเขา...แล้วไปอยู่กับคนอื่น
เพราะฉะนั้นจึงต้องหาทางผูกมัด...
และวิธีนี้...ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุด
“จะ..จุนฮยอง..พูดจริงเหรอ” ร่างบางถามอีกครั้งอย่างไม่เชื่อสายตา ใบหน้าแดงก่ำยกยิ้มขึ้นมาราวกับยินดีกับสิ่งที่ได้ยินเหมือนกัน คนสวยเขย่าแขนของจุนฮยองพร้อมกับฉีกยิ้มดีใจ
นั่นทำให้จุนฮยองโล่งใจไปเปราะหนึ่ง...
อย่างน้อยคนสวยก็อยากแต่งงานกับเขา
“อ่ะๆๆๆๆ พอละ ฉันอิจฉา เอาเป็นว่าแต่งกันเลยละกันนะ เดี๋ยวยังโยซอบคนนี้จะเป็นบาทหลวงให้เอง” เพื่อนสนิทของร่างบางเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับยกยิ้มเจ้าเล่ห์ จุนฮยองและฮยอนซึงหันไปยิ้มให้โยซอบก่อนจะหยักหน้าอย่างรวดเร็ว
ยังโยซอบกระแอ่มเบาๆ พร้อมกับเริ่มพูด...
“คุณจางฮยอนซึงและยงจุนฮยอง...คุณจะสัญญากับพระเจ้ามั้ยว่าคุณทั้งสองคนจะรักกันไม่ว่าจะยอมเจ็บหรือยามป่วยก็ตาม” ร่างเล็กพูดพร้อมกับทำหน้าเคร่งขรึมให้เหมือนบาทหลวงชรา ฮยอนซึงและจุนฮยองหลุดหัวเราะออกมานิดๆก่อนจะพูดตอบกลับไป
“สัญญาครับ”
“คุณจางฮยอนซึงและคุณจุนฮยอง...คุณจะสัญญากับพระเจ้ามั้ยว่าถ้าหากมีเรื่องเทลาะอะไรกัน...คุณจะใช้สติ...แล้วค่อยหันหน้าและปรับความเข้าใจกัน...ไม่ใช่อารมณ์ของตัวเองเป็นใหญ่”
“สัญญาครับ” ยงจุนฮยองและฮยอนซึงพูดพร้อมกันแล้วหันมายิ้มให้กัน...ดวงตาของทั้งคู่ดูก็รู้ว่ากำลังมีความสุขมากแค่ไหน
“อ่า...อีกข้อหนึ่งฉันคิดไม่ออกแล้วอ่า...” โยซอบว่าก่อนจะใช้นิ้วชี้เล็กจิ้มเข้าหากันอย่างใช้ความคิด ท่าทางน่ารักนั้นเรียกร้อยยิ้มจากฮยอนซึงไม่ยาก
“อ๊ะ!!! นึกออกแล้ว อะแฮ่มๆ!” ฉับพลันร่างบางก็โพล่งขึ้นมาเหมือนคนคิดอะไรออก โยซอบหันมาทำหน้าจริงจังอีกครั้งหนึ่งก่อนที่จะมองไปยังคู่บ่าวสาว...แล้วก็พูดสัญญาจากพระเจ้าข้อสุดท้ายออกมา...
สัญญา...ที่เป็นเหมือนโซ่ตรวนที่ผูกมัดชีวิตของคนทั้งคู่...มิให้ห่างกันไปไหน...
“คุณจางฮยอนซึงและยงจุนฮยอง...จะสัญญากับพระเจ้าหรือไม่ว่าคุณทั้งสองคนจะอยู่ด้วยกัน...ไปจนวันตาย” เมื่อได้ยินคำถามนั้นฮยอนซึงกับจุนฮยองก็หลุดยิ้มออกมาทันที คนสวยมองเพื่อนตัวเล็กอย่างอารมณ์ดีก่อนจะพูดออกไป
“คิก...สัญญาครับ”
“แล้วจุนฮยองล่ะ?” โยซอบว่าก่อนจะทำหน้าพยักเพยิดมาทางจุนฮยอง...ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก...ก่อนจะหันไปหาฮยอนซึงด้วยสายตาที่มีแต่ความรักใคร่...
“...สัญญาครับ”
ฉันสัญญา...ว่าฉันจะรักนายไปถึงยามที่นายเจ็บ...หรือนายป่วย
ฉันสัญญา...ว่าฉันจะไม่ใช้อารมณ์ร้อน...และทะนุถนอมนายให้มากที่สุด
และฉันก็สัญญา...ว่าฉันจะไม่มีทางหนีหายจากนายไปไหน...
เรา...จะอยู่ด้วยกันจนวันตาย...ฮยอนซึงของฉัน...
------------------------------------------------------------------------------
ติดตามตอนต่อไป โลภ by Orangejuiceb2st เร็วๆ นี้
- 24 ก.พ. 56 -
ความคิดเห็น