ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : พ่อครับ....ผมรักพ่อ
`วันนี้ผมไม่กลับนะครับพ่อ` จดหมายชิ้นน้อยๆวางอยู่บนโต๊ะรับประทานอาหารโดยมีแจกันวางทับไว้อยู่
`วันนี้ไอเจ้าเอกมันไปไหนของมัน กลับมาพ่อจะเฆี่ยนให้หลังลายเลยคอยดู`ชายวัยกลางคนบ่นพรึมพรำ
                          .............................................................................................
`เอกๆวันนี้เราไปขับมอไซด์กันดีกว่า`หนึ่งเพื่อนสนิทของเอกกล่าวขึ้นพร้อมกับท่าทางบิดแฮนมอไซด์
`เออๆมรึงชวนกรูรอบที่2แล้วไอเวง`เอกพูดโพลงขึ้น
`แต่ก่อนที่จะไปเราไปโซ้ยเหล้ากานก่อนดีกว่า`หนึ่งพูดขึ้นซึ่งเป็นที่ต้องใจของเอกยิ่งนัก
`เฮ้ยไอหนึ่งมรึงเมาแล้ว มรึงขับไหวแน่เหรอ`เอกพูดโพลงขึ้น
`เออน่ามรึงเชื่อใจกุดิ`หนึ่งทำท่าทีมั่นใจสุดขีดขณะที่กำลังบิดมอไซด์อย่างเต็มที่
`บรึ้นๆ เอี้ยดดดด...โคลมม!!!`นั่นเป็นเสียงที่เอกได้ยินเป็นเสียงสุดท้าย
                          ..............................................................................................
`กริ๊งๆ`
`สวัสดีครับ`ชายวัยกลางคนพูดขึ้น
`สวัสดีค่ะที่นี่โรงพยาบาลลานหลวงนะคะ คือว่า นาย เอกพัฒน์ กาสงฆ์ ได้ถูกรถชนเข้าอย่างจัง ตอนนี้เค้าหมดสติกำลังอยู่ห้อง ICU นะคะ
คุณใช่ผู้ปกครองของนายเอกพัฒน์ รึป่าวคะ`
`...`ไม่มีเสียงผู้ใดตอบ
`คุณ คะ คุณไช่ผู้ปกครองของนายเอกพัฒน์ รึป่าวคะ`เสียงย้ำจากนางพยาบาล
`เอ่อ ใช่ครับผมเป็นบิดาของเค้า ผมจะรีบไปโดยด่วนเลยครับ`พ่อของเอกพูดขึ้นแววตาเหมือนกำลังทรมารอย่างแสนสาหัส
                                   
                          ................................................................................................
`เอ่อ สวัสดีครับห้องของนายเอกพัฒน์อยู่ทางไหนเหรอครับ รบกวนคุณช่วยพาไปทีนะครับ`ชายวัยกลางคนพูดขึ้นท่าทีรุกรน
`เอ่อ ห้อง 418 ครับ กรุณารอสักครู่นะครับ ผมจะพาคุณไป`บุรุษพยาบาลท่าทีอ่อนน้อมนำพาพ่อของเอกไปที่ห้องของลูกชาย
`แอ๊ดดด`เสียงเปิดประตูดังขึ้น แต่สิ่งที่พ่อของเอกได้เห็นมันเป็นสิ่งที่พ่อไม่อยากให้ลูกเป็นไม่ว่าลูกคนนั้นมันจะดีจะชั่วแค่ไหน ภาพที่เห็นนั้น
เป็นภาพที่ลูกของตัวเองนอนหมดสติอยู่บนเตียงนอนสีขาวมีผ้าพันแผลรอบตัว สิ่งที่เห็นนั้นทำให้หัวใจของผู้เป็นพ่อแทบสลาย
`เอ่อ คุณใช่บิดาของ นาย เอกพัฒน์ กาสงฆ์ ใช่ไหมครับ ` คุณหมอท่าทีมีภูมิพูดขึ้น
`... ใช่ครับ` พ่อของเอกพูดด้วยน้ำเสียงที่สิ้นหวัง
` เอ่อ คือว่า ลูกของคุณ โดนรถชนเข้าอย่างจังกระดูกบริเวณไหปลาร้าหักแทงเข้าที่ ไต ไตของเค้าได้รับความเสียหายอย่างหนัก เค้าต้องการ
ไตเพื่อที่จะมาเปลี่ยนใหม่ ถ้าช้าเค้าอาจจะเสียชีวิตได้` คุณหมอพูดขึ้นกับคุณพ่อของเอก
`เอ่อ ครับ งั้นคุณหมอช่วยผ่าตัดไตของผมข้างนึงไปให้ ลุกของผมนะครับ`พ่อของเอกไม่รอช้าพูดโพลงขึ้นทันที
` อ...เอ่อ ครับ ` คำพูดของ พ่อของเอกทำให้คุณหมอนิ่งอึ้งไปซักพักแต่ก็ตอบรับ
                                  ...............................................................................................
`การผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ ลูกของคุณปลอดภัย...แต่คุณต้องดูแลสุขภาพของตนเองให้ดีนะครับ เพราะ คุณค่อนข้างจะมีอายุแล้ว แถมคุณยังเคยสูบบุหรี่อีกด้วย คุณควรที่จะรักษาสุขภาพให้ดีนะครับ`คุณหมอพูดขึ้นกับพ่อของเอก ข้างเตียงคนไข้
                                                      2  เดือน ผ่านไป
`เอกลูกตื่นได้แล้ววันนี้ต้องไปโรงเรียนนะ`พ่อของเอกปลุกเอก เพราะ วันนี้จะเป็นวันแรกของการไป โรงเรียนของเอก เพราะเค้าได้พักฟื้นมานานพอดูแล้ว
`อะไรวะ คนจะนอนแมร่ง `เอกบ่นพรึมพรำแต่ก็ต้องจำตื่นเพราะกลัวโดนด่า
`เออ พ่อ แล้วไอหนึ่งมันเป็นไงมั่งอ่ะ`เอกถาม
`มันไม่เป็นไรเลยนิ เห็นว่า มีแผลถลอกนิดเดียวแต่แกอ่ะหนักมาก`พ่อของเอกเอ่ยขึ้น
                                .................................................................................
`สวัสดีครับ/ค่ะ คุณครู` เสียงนักเรียนในห้องดังขึ้นเป็นสัญญานบอกถึงว่านักเรียนพร้อมที่จะเรียนแล้ว
`สวัสดีจ้ะนักเรียน อ้าวนายเอกพัฒน์ หายดียังจ้ะ วันนี้เป็นวันแรกสินะยังไงก็อย่าฝืนมากนะจ้ะ เด๋วจะไม่หาย`ครูพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง
`ครับ`เอกพูดขึ้นทำท่าทีรำคาญ
`นักเรียนคะะ อีกไม่นานก็จะถึงวันพ่อแล้วนะคะ ครูอยากให้ นักเรียนเขียนเรียงความเกี่ยวกับหัวข้อ ความรักของพ่อ แล้วส่งชิงรางวัลนะจ้ะ
แล้วมีใครไม่เข้าใจอะไรไหมคะ`คุณครูถาม นักเรียนในห้อง
`ส่งวันไหนเหรอคะ`หนูแดง ซึ่งเป็นเด็กที่ ชั่งพูดถามขึ้น
`ทำภายใน ช.ม. นี้เลยค่ะ`ครูตอบ
          พักกลางวัน
`เฮ้ย ไอเอก อาการเป็นไงมั่งวะ `หนึ่งเพื่อนของเอกพูดขึ้น
`เออไม่เท่าไรหว่ะเริ่มดีขึ้นแล้ว แต่มรึงแมร่งดวงดีหว่ะ แค่ถลอกนิดเดียว`เอกพูดขึ้นทำตาขึงขัง
`เออ แล้วมรึงเขียนอะไรไปวะ ที่ อาจารย์ ดวงตา เค้าสั่งอ่ะ `หนึ่งถามต่อ
`กรูไม่บอกมรึงหรอก`
`วันนี้เป็น วันที่ 4 ธันวาคมนะคะ เราจะมาประกาศชื่อ คนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ คือ ... นางสาว หนูแดง ยิ้มแย้ม ค่ะ รางวัลที่ได้รับก็คือทุนการศึกษา 1000 บาท ถ้วน ค่ะ`คุณครู ดวงตา หัวหน้าหมวดภาษาไทยเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นของรางวัลให้ หนูแดง
`ส่วนที่ไม่ได้ไม่ต้องเสียใจนะคะ ทางโรงเรียนของเราได้จัดส่ง เรียงความที่เขียนไว้ส่งถึงทางบ้านแล้วนะคะเพื่อที่จะให้คุณพ่อ ได้อ่านกันเพือ่ที่จะได้แสดงถึงความรักของเราที่มีต่อคุณพ่อนะคะ`
ตั้งแต่วันที่ 4  ที่เอกกลับมาจากโรงเรียนเป็นต้นมาเอกก็ไปดูที่ตู้ไปรษณีทุกวันเพราะเค้าไม่ต้องการให้พ่อของเขาอ่าน วันแล้ววันเล่า 1วัน...2วัน...3วัน...5วัน...10วัน เข้าไปแล้วแต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีไปรษณีส่งมาถึงบ้าน เอกก็เลยคิดว่าคงไม่ส่งมาแล้วมั้ง เค้าก็เลยเลิกคิดไป
`เอก ลูก เด๋วปีใหม่เราจะไปไหนกันดี เราไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกันนานแล้วนะ`พ่อของเอกพูดขึ้น
`ไม่เอาอ่ะขี้เกลียดไป ไปก็ไม่สนุก เอกจะไปกับเพือ่นอ่ะ `เอกพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่รุนแรง
`...`ไร้เสียงตอบกลับจากผู้เป็นพ่อ แต่มีสิ่งหนึ่งที่กลั้นไม่ได้นั่นคือ น้ำตา
 
                    3 วัน ผ่านไป
`เอก เดินไปหยิบกุญแจ รถให้พ่อที่สิ ในลิ้นชักห้องพ่ออ่ะลูก`
`เดินไปหยิบเองไม่เป็นรึไงวะ`เอกบ่นพรึมพรำแต่ก็จำต้องเดินไปหยิบ
`ครืด`เสียงลิ้นชักดังขึ้น แต่เสียงที่ดังกว่าก็คือเสียงที่กะทืบเท้าด้วยความไม่พอใจของเอก เพราะสิ่งที่เอกเห็นก็คือเรียงความที่เค้าจำต้องส่งอาจารย์มาอยู่ในลิ้นชักของพ่อของเค้าได้
เมื่อเอก เห็น เค้าจึงเอาเรียงความไปซ้อนในห้องใต้บันไดของบ้านซึ่งเป็นห้องเล็กๆเตี้ยๆเมื่อซ่อนได้เสร็จแล้วก็เดินเอากุญแจไปให้พ่อของเค้า
`ทำไมช้าจังอ่ะลูก`พ่อของเอกถาม
`หาไม่เจอ`เอกตอบห้วนๆแต่ก็พยายามหลบสายตาของพ่อเค้า
                    1    อาทิตย์ผ่าน ไป
` เอกลูกเดินไปหยิบกุญแจ ในลิ้นชักให้พ่อทีนะลูก`พ่อของเอกพูดขึ้นพร้อมกับชี้ทางไปที่ห้อง
`...`เอกไม่ตอบทำทีท่าไม่พอใจแล้วก็เดินไปที่ห้อง
`ครืด`เสียงเปิดลิ้นชักดังขึ้น
`แมร่งหาเจอได้ไงวะ`เอกบ่นพรึมพรำขึ้นเพราะว่าสิ่งที่เค้าได้เห็นก็คือ เรียงความของเค้า เมื่อเอกได้เห็นดังนั้นเค้าก็นำไปซ่อนอีก
                1 อาทิตย์ผ่านไป
`เอกๆไปหยิบ กุญแจให้พ่อที่สิลูกที่เดิมนะ`พ่อของเอกพูดขึ้นสีหน้าของเค้าไม่ค่อยจะดีนัก
`อะไรวะ คนเล่นเกมส์อยู่  เดินไปหยิบเองไม่เป็นหรือไง!?!`เอกพูดดโพลงขึ้นดูเหมือนว่าคราวนี้เค้าจะระงับความโทสะที่เค้าสะสมไว้ไม่อยู่แล้ว
`...`เงียบไม่มีเสียงใดตอบจากผู้เป็นพ่อ แต่พ่อของเอกก็ต้องเดินขึ้นไปบนห้องเพื่อที่จะเอากุญแจรถเอง
`โคลมม!?!`
`อะไรอีกวะเนี่ย แมร่งเอ้ย`เอกบ่นพรึมพรำขึ้นพร้อมกับเดินไปดูว่ามีอะไรเกิดขึ้น
` พ่อออออ !!??!! `เอกร้องเสียงหลง เมื่อ ภาพทีเอกเห็นคือภาพที่ไร้สติของพ่อ ซึ่งหมดสติเพราะตกลงบันไดจากชั้นบน
ด้วยความมีสติเอก จึงโทรตามรถพยาบาลของโรงพยาบาลลานหลวงซึ่งอยู่ใกล้แถวนั้นมากที่สุด
`หวอ หวอ หวอ`เสียงรถพยาบาลดังขึ้นเอกรีบนำร่างที่ไร้สติของพ่อตนเองส่งให้รถพยาบาลทันที  ส่วนตนเองนั่งรถแท็กซี่ตามไป
`หมอครับหมอพ่อของผมเป็นยังไงบ้างครับ`เอกถามคุณหมอด้วยท่าทีร้อนรน
`...ผมขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ...พ่อของคุณเสียชีวิตแล้วครับ`คุณหมอพูดพร้อมกับแสดงความเสียใจ
`คุณคือบุตรของนาย เอกลักษณ์ ใช่ไหมครับ `คุณหมอถามเอก
`ช..ใช่ครับ`เอกพูดด้วยน้ำเสียงที่สิ้นหวัง
`ทำไม ทำไม พ่อถึงตาย ทำไมมมม`เอกตะโกนโวยวายขึ้นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา
`...คือว่าพ่อของคุณนั้นเค้าเสียสละให้คุณได้มากจิงๆ เค้ายอมที่จะทรมาน ยอมเจ็บปวด ต่างๆเพื่อที่จะได้เห็นรอยยิ้มของคุณ ที่เค้าเสียชีวิตนี้คงเป็นเพราะว่า เค้าได้เหลือไตข้างเดียว โดยที่คุณหมอก็บอกเค้าไว้แล้วว่า ถ้าเค้ายอมที่จะผ่าไตเพื่อที่จะช่วยเหลือลูกของเขาที่ ยังนอนหมดสติอยู่นั้น เค้าจะอายุสั้น เพราะเค้าเป็นคนที่สูบบุหรี่จัดมาก ก่อนที่เค้าจะเลิกได้ แต่เค้าก็ไม่ยอมที่จะรีรอ เค้าพูดขึ้นมาโดยที่ทำให้คุณหมอทุกคนที่อยู่ที่ นั่น อึ้งไป ตามๆกัน.... คุณหมอหยุดพูด น้ำตาของลูกผู้ชายกำลังปริ่มอยู่ในตา... คำพูดนั้นคือ ` ถึงแม้อายุผมจะสั้นลง แต่ผมก็มีความสุขนะครับคุณหมอ กับการที่ว่าก่อนที่ผมจะตายนั้นผม ขอ แค่ได้เห็นลูกของผมมีความสุขมีรอยยิ้มที่มอบให้ผม เท่านี้ผมก็พอใจแล้วครับ`ซึ่งตอนนี้คุณหมอได้มีน้ำตาไหลออกมาเนืองๆ พร้อมกับพูดว่า
`พ่อของคุณให้คุณได้มากจริงๆให้มากอย่างที่เค้าไม่หวังสิ่งที่จะตอบแทนขอเพียงแค่เขาได้เห็นคุณดำเนินชีวิตไปได้เค้าก็มีความสุขแล้ว`เมื่อคุณหมอพูดจบเค้าก็เดินจากไปปล่อยให้ เอก ต้องเสียน้ำตากับความโง่ของเขาเพียงคนเดียว
                              1 วันผ่านไป ทางญาติๆของเอกได้รู้ข่าว
`เอกๆวันนี้เอกย้ายไปอยู่กับอานะลูก เอกไปเอาข้าวของที่จำเป็น ไว้ด้วยนะเด๋วเราจะไปกันเลย`อาของเอกพูดขึ้นท่าทีเป็นห่วงเอก
`...ครับ เด๋วผมจะไปเอาของแปปนะครับ`เอกพูดขึ้นด้วยแววตาที่สิ้นหวัง
เมื่อเอกเดินเข้าบ้าน เขาได้นำของใช้จำเป็นออกมาจนหมดแล้ว เขาก็เหลือบไปเห็นรูปของเขาที่กำลังหัวเราะร่าอย่างมีความสุขอยู่บนหลังของพ่อของเขา ที่แปะอยู่ตรงกะไดซึ่งแต่ก่อนเค้า..ไม่เคยเห็นรูปนี้มีค่าเลยแต่ตอนนี้รูปนี้คือ สิ่งมีค่ายิ่งสำหรับเขา เขาจึงนำรูปนั้นของเขาติดตัวไปด้วย เขาจึงคิดที่จะไปบนห้องของพ่อเขาอีกครั้ง เค้าจะได้จำเป็นความหลังว่าพ่อของเค้า เคยอยู่ที่ห้องแห่งนี้ ห้องที่เค้าไม่เคยคิดจะเหยียบมัน แต่คราวนี้เค้ากลับ เข้ามาโดยไม่มีลังเลใจ  `แอ้ด`เสียงประตูดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงฝีเท้าของเขาที่ย่างก้าวเข้าไปในห้องอย่างช้าๆเมื่อได้ก้าวพ้นขอบประตูมา สิ่งที่เค้าได้เห็นคือลิ้นชักของพ่อกำลังแง้มอยู่เค้าจึงเปิดดู`ครืด`เสียงดังจากลิ้นชัก สิ่งที่เอกเห็นมันทำให้น้ำตาของเขาหลั่งอีกครั้งนึงเพราะสิ่งที่เค้าเห็นคือ กระดาษเรียงความอันเน่าๆของเค้ามันอยู่ในโต๊ะของพ่อของเขาอีก ไม่ว่าเค้าจะนำไปซ่อนไว้ที่ไหน พ่อของเขาก็ต้องหามันมาให้ได้ มันเหมือนกับว่ามันเป็น สิ่งที่เป็นแรงผลักดันให้พ่อของเขามีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อที่จะได้เห็นลูกชายของเขามีความสุขในการดำเนินชีวิต เมื่อเอกกำลังจะเอาแผ่นเรียงความของตัวเองออกมาเค้าก็ได้เห็นกระดาษชิ้นน้อยๆวางซ้อนอยู่เนื้อความของมันมีความอยู่ว่า
`เอก ลูก พ่อไม่รู้นะว่าพ่อทำอะไรไม่ดีต่อลูก พ่ออาจจะทำตัวเป็นพ่อที่ดีเยี่ยมอย่างที่เอกเขียนไว้ในนั้นไม่ได้ พ่อคงปล่อยให้เอกทำตามใจของตัวเองไม่ได้ เพราะว่าพ่อรักลูกมาก พ่อไม่อยากเห็นลูกต้องเข้าโรงพยาบาลอีกได้ พ่อก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก พ่อก็อยากจะบอกว่าที่พ่อทำลงไปนั้น เพราะว่า พ่อรักลูก นะ รักมากจริงๆรักมากกว่าชีวิตของพ่อเสียอีก ลูกรัก...พ่อรักลูก`เมื่อเอกได้อ่านจบเค้าก็ได้ปล่อยน้ำตาของเขาออกมาอย่างไม่เกรงใจใคร คำพูดที่ว่าตอนนี้เค้าไม่สามารถบอกกับพ่อที่เป็นที่รักของเขาได้มันอัดแน่นอยู่ในใจของเขา
                                      มันคงไม่พ้นกับคำนี้คำว่า`พ่อครับ...ผมรักพ่อ`ซึ่งมันช้าไปแล้วสำหรับเอก
                                        ช้าไปแล้วกับหัวใจของเขาที่จะมอบให้กับผู้เป็นพ่อผู้ที่เขารักมากกว่าใคร
                                                                          มันช้าไปแล้ว
                                         
                                            จบบริบูรณ์
         
ขอขอบคุณ จัน•จิ•มโนแจ่ม มากๆค่ะ ที่ให้เราได้ยืมเรื่องมาลงที่นี่ เหอๆ     
     
                                                                         
 
`วันนี้ไอเจ้าเอกมันไปไหนของมัน กลับมาพ่อจะเฆี่ยนให้หลังลายเลยคอยดู`ชายวัยกลางคนบ่นพรึมพรำ
                          .............................................................................................
`เอกๆวันนี้เราไปขับมอไซด์กันดีกว่า`หนึ่งเพื่อนสนิทของเอกกล่าวขึ้นพร้อมกับท่าทางบิดแฮนมอไซด์
`เออๆมรึงชวนกรูรอบที่2แล้วไอเวง`เอกพูดโพลงขึ้น
`แต่ก่อนที่จะไปเราไปโซ้ยเหล้ากานก่อนดีกว่า`หนึ่งพูดขึ้นซึ่งเป็นที่ต้องใจของเอกยิ่งนัก
`เฮ้ยไอหนึ่งมรึงเมาแล้ว มรึงขับไหวแน่เหรอ`เอกพูดโพลงขึ้น
`เออน่ามรึงเชื่อใจกุดิ`หนึ่งทำท่าทีมั่นใจสุดขีดขณะที่กำลังบิดมอไซด์อย่างเต็มที่
`บรึ้นๆ เอี้ยดดดด...โคลมม!!!`นั่นเป็นเสียงที่เอกได้ยินเป็นเสียงสุดท้าย
                          ..............................................................................................
`กริ๊งๆ`
`สวัสดีครับ`ชายวัยกลางคนพูดขึ้น
`สวัสดีค่ะที่นี่โรงพยาบาลลานหลวงนะคะ คือว่า นาย เอกพัฒน์ กาสงฆ์ ได้ถูกรถชนเข้าอย่างจัง ตอนนี้เค้าหมดสติกำลังอยู่ห้อง ICU นะคะ
คุณใช่ผู้ปกครองของนายเอกพัฒน์ รึป่าวคะ`
`...`ไม่มีเสียงผู้ใดตอบ
`คุณ คะ คุณไช่ผู้ปกครองของนายเอกพัฒน์ รึป่าวคะ`เสียงย้ำจากนางพยาบาล
`เอ่อ ใช่ครับผมเป็นบิดาของเค้า ผมจะรีบไปโดยด่วนเลยครับ`พ่อของเอกพูดขึ้นแววตาเหมือนกำลังทรมารอย่างแสนสาหัส
                                   
                          ................................................................................................
`เอ่อ สวัสดีครับห้องของนายเอกพัฒน์อยู่ทางไหนเหรอครับ รบกวนคุณช่วยพาไปทีนะครับ`ชายวัยกลางคนพูดขึ้นท่าทีรุกรน
`เอ่อ ห้อง 418 ครับ กรุณารอสักครู่นะครับ ผมจะพาคุณไป`บุรุษพยาบาลท่าทีอ่อนน้อมนำพาพ่อของเอกไปที่ห้องของลูกชาย
`แอ๊ดดด`เสียงเปิดประตูดังขึ้น แต่สิ่งที่พ่อของเอกได้เห็นมันเป็นสิ่งที่พ่อไม่อยากให้ลูกเป็นไม่ว่าลูกคนนั้นมันจะดีจะชั่วแค่ไหน ภาพที่เห็นนั้น
เป็นภาพที่ลูกของตัวเองนอนหมดสติอยู่บนเตียงนอนสีขาวมีผ้าพันแผลรอบตัว สิ่งที่เห็นนั้นทำให้หัวใจของผู้เป็นพ่อแทบสลาย
`เอ่อ คุณใช่บิดาของ นาย เอกพัฒน์ กาสงฆ์ ใช่ไหมครับ ` คุณหมอท่าทีมีภูมิพูดขึ้น
`... ใช่ครับ` พ่อของเอกพูดด้วยน้ำเสียงที่สิ้นหวัง
` เอ่อ คือว่า ลูกของคุณ โดนรถชนเข้าอย่างจังกระดูกบริเวณไหปลาร้าหักแทงเข้าที่ ไต ไตของเค้าได้รับความเสียหายอย่างหนัก เค้าต้องการ
ไตเพื่อที่จะมาเปลี่ยนใหม่ ถ้าช้าเค้าอาจจะเสียชีวิตได้` คุณหมอพูดขึ้นกับคุณพ่อของเอก
`เอ่อ ครับ งั้นคุณหมอช่วยผ่าตัดไตของผมข้างนึงไปให้ ลุกของผมนะครับ`พ่อของเอกไม่รอช้าพูดโพลงขึ้นทันที
` อ...เอ่อ ครับ ` คำพูดของ พ่อของเอกทำให้คุณหมอนิ่งอึ้งไปซักพักแต่ก็ตอบรับ
                                  ...............................................................................................
`การผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ ลูกของคุณปลอดภัย...แต่คุณต้องดูแลสุขภาพของตนเองให้ดีนะครับ เพราะ คุณค่อนข้างจะมีอายุแล้ว แถมคุณยังเคยสูบบุหรี่อีกด้วย คุณควรที่จะรักษาสุขภาพให้ดีนะครับ`คุณหมอพูดขึ้นกับพ่อของเอก ข้างเตียงคนไข้
                                                      2  เดือน ผ่านไป
`เอกลูกตื่นได้แล้ววันนี้ต้องไปโรงเรียนนะ`พ่อของเอกปลุกเอก เพราะ วันนี้จะเป็นวันแรกของการไป โรงเรียนของเอก เพราะเค้าได้พักฟื้นมานานพอดูแล้ว
`อะไรวะ คนจะนอนแมร่ง `เอกบ่นพรึมพรำแต่ก็ต้องจำตื่นเพราะกลัวโดนด่า
`เออ พ่อ แล้วไอหนึ่งมันเป็นไงมั่งอ่ะ`เอกถาม
`มันไม่เป็นไรเลยนิ เห็นว่า มีแผลถลอกนิดเดียวแต่แกอ่ะหนักมาก`พ่อของเอกเอ่ยขึ้น
                                .................................................................................
`สวัสดีครับ/ค่ะ คุณครู` เสียงนักเรียนในห้องดังขึ้นเป็นสัญญานบอกถึงว่านักเรียนพร้อมที่จะเรียนแล้ว
`สวัสดีจ้ะนักเรียน อ้าวนายเอกพัฒน์ หายดียังจ้ะ วันนี้เป็นวันแรกสินะยังไงก็อย่าฝืนมากนะจ้ะ เด๋วจะไม่หาย`ครูพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง
`ครับ`เอกพูดขึ้นทำท่าทีรำคาญ
`นักเรียนคะะ อีกไม่นานก็จะถึงวันพ่อแล้วนะคะ ครูอยากให้ นักเรียนเขียนเรียงความเกี่ยวกับหัวข้อ ความรักของพ่อ แล้วส่งชิงรางวัลนะจ้ะ
แล้วมีใครไม่เข้าใจอะไรไหมคะ`คุณครูถาม นักเรียนในห้อง
`ส่งวันไหนเหรอคะ`หนูแดง ซึ่งเป็นเด็กที่ ชั่งพูดถามขึ้น
`ทำภายใน ช.ม. นี้เลยค่ะ`ครูตอบ
          พักกลางวัน
`เฮ้ย ไอเอก อาการเป็นไงมั่งวะ `หนึ่งเพื่อนของเอกพูดขึ้น
`เออไม่เท่าไรหว่ะเริ่มดีขึ้นแล้ว แต่มรึงแมร่งดวงดีหว่ะ แค่ถลอกนิดเดียว`เอกพูดขึ้นทำตาขึงขัง
`เออ แล้วมรึงเขียนอะไรไปวะ ที่ อาจารย์ ดวงตา เค้าสั่งอ่ะ `หนึ่งถามต่อ
`กรูไม่บอกมรึงหรอก`
`วันนี้เป็น วันที่ 4 ธันวาคมนะคะ เราจะมาประกาศชื่อ คนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ คือ ... นางสาว หนูแดง ยิ้มแย้ม ค่ะ รางวัลที่ได้รับก็คือทุนการศึกษา 1000 บาท ถ้วน ค่ะ`คุณครู ดวงตา หัวหน้าหมวดภาษาไทยเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นของรางวัลให้ หนูแดง
`ส่วนที่ไม่ได้ไม่ต้องเสียใจนะคะ ทางโรงเรียนของเราได้จัดส่ง เรียงความที่เขียนไว้ส่งถึงทางบ้านแล้วนะคะเพื่อที่จะให้คุณพ่อ ได้อ่านกันเพือ่ที่จะได้แสดงถึงความรักของเราที่มีต่อคุณพ่อนะคะ`
ตั้งแต่วันที่ 4  ที่เอกกลับมาจากโรงเรียนเป็นต้นมาเอกก็ไปดูที่ตู้ไปรษณีทุกวันเพราะเค้าไม่ต้องการให้พ่อของเขาอ่าน วันแล้ววันเล่า 1วัน...2วัน...3วัน...5วัน...10วัน เข้าไปแล้วแต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีไปรษณีส่งมาถึงบ้าน เอกก็เลยคิดว่าคงไม่ส่งมาแล้วมั้ง เค้าก็เลยเลิกคิดไป
`เอก ลูก เด๋วปีใหม่เราจะไปไหนกันดี เราไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกันนานแล้วนะ`พ่อของเอกพูดขึ้น
`ไม่เอาอ่ะขี้เกลียดไป ไปก็ไม่สนุก เอกจะไปกับเพือ่นอ่ะ `เอกพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่รุนแรง
`...`ไร้เสียงตอบกลับจากผู้เป็นพ่อ แต่มีสิ่งหนึ่งที่กลั้นไม่ได้นั่นคือ น้ำตา
 
                    3 วัน ผ่านไป
`เอก เดินไปหยิบกุญแจ รถให้พ่อที่สิ ในลิ้นชักห้องพ่ออ่ะลูก`
`เดินไปหยิบเองไม่เป็นรึไงวะ`เอกบ่นพรึมพรำแต่ก็จำต้องเดินไปหยิบ
`ครืด`เสียงลิ้นชักดังขึ้น แต่เสียงที่ดังกว่าก็คือเสียงที่กะทืบเท้าด้วยความไม่พอใจของเอก เพราะสิ่งที่เอกเห็นก็คือเรียงความที่เค้าจำต้องส่งอาจารย์มาอยู่ในลิ้นชักของพ่อของเค้าได้
เมื่อเอก เห็น เค้าจึงเอาเรียงความไปซ้อนในห้องใต้บันไดของบ้านซึ่งเป็นห้องเล็กๆเตี้ยๆเมื่อซ่อนได้เสร็จแล้วก็เดินเอากุญแจไปให้พ่อของเค้า
`ทำไมช้าจังอ่ะลูก`พ่อของเอกถาม
`หาไม่เจอ`เอกตอบห้วนๆแต่ก็พยายามหลบสายตาของพ่อเค้า
                    1    อาทิตย์ผ่าน ไป
` เอกลูกเดินไปหยิบกุญแจ ในลิ้นชักให้พ่อทีนะลูก`พ่อของเอกพูดขึ้นพร้อมกับชี้ทางไปที่ห้อง
`...`เอกไม่ตอบทำทีท่าไม่พอใจแล้วก็เดินไปที่ห้อง
`ครืด`เสียงเปิดลิ้นชักดังขึ้น
`แมร่งหาเจอได้ไงวะ`เอกบ่นพรึมพรำขึ้นเพราะว่าสิ่งที่เค้าได้เห็นก็คือ เรียงความของเค้า เมื่อเอกได้เห็นดังนั้นเค้าก็นำไปซ่อนอีก
                1 อาทิตย์ผ่านไป
`เอกๆไปหยิบ กุญแจให้พ่อที่สิลูกที่เดิมนะ`พ่อของเอกพูดขึ้นสีหน้าของเค้าไม่ค่อยจะดีนัก
`อะไรวะ คนเล่นเกมส์อยู่  เดินไปหยิบเองไม่เป็นหรือไง!?!`เอกพูดดโพลงขึ้นดูเหมือนว่าคราวนี้เค้าจะระงับความโทสะที่เค้าสะสมไว้ไม่อยู่แล้ว
`...`เงียบไม่มีเสียงใดตอบจากผู้เป็นพ่อ แต่พ่อของเอกก็ต้องเดินขึ้นไปบนห้องเพื่อที่จะเอากุญแจรถเอง
`โคลมม!?!`
`อะไรอีกวะเนี่ย แมร่งเอ้ย`เอกบ่นพรึมพรำขึ้นพร้อมกับเดินไปดูว่ามีอะไรเกิดขึ้น
` พ่อออออ !!??!! `เอกร้องเสียงหลง เมื่อ ภาพทีเอกเห็นคือภาพที่ไร้สติของพ่อ ซึ่งหมดสติเพราะตกลงบันไดจากชั้นบน
ด้วยความมีสติเอก จึงโทรตามรถพยาบาลของโรงพยาบาลลานหลวงซึ่งอยู่ใกล้แถวนั้นมากที่สุด
`หวอ หวอ หวอ`เสียงรถพยาบาลดังขึ้นเอกรีบนำร่างที่ไร้สติของพ่อตนเองส่งให้รถพยาบาลทันที  ส่วนตนเองนั่งรถแท็กซี่ตามไป
`หมอครับหมอพ่อของผมเป็นยังไงบ้างครับ`เอกถามคุณหมอด้วยท่าทีร้อนรน
`...ผมขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ...พ่อของคุณเสียชีวิตแล้วครับ`คุณหมอพูดพร้อมกับแสดงความเสียใจ
`คุณคือบุตรของนาย เอกลักษณ์ ใช่ไหมครับ `คุณหมอถามเอก
`ช..ใช่ครับ`เอกพูดด้วยน้ำเสียงที่สิ้นหวัง
`ทำไม ทำไม พ่อถึงตาย ทำไมมมม`เอกตะโกนโวยวายขึ้นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา
`...คือว่าพ่อของคุณนั้นเค้าเสียสละให้คุณได้มากจิงๆ เค้ายอมที่จะทรมาน ยอมเจ็บปวด ต่างๆเพื่อที่จะได้เห็นรอยยิ้มของคุณ ที่เค้าเสียชีวิตนี้คงเป็นเพราะว่า เค้าได้เหลือไตข้างเดียว โดยที่คุณหมอก็บอกเค้าไว้แล้วว่า ถ้าเค้ายอมที่จะผ่าไตเพื่อที่จะช่วยเหลือลูกของเขาที่ ยังนอนหมดสติอยู่นั้น เค้าจะอายุสั้น เพราะเค้าเป็นคนที่สูบบุหรี่จัดมาก ก่อนที่เค้าจะเลิกได้ แต่เค้าก็ไม่ยอมที่จะรีรอ เค้าพูดขึ้นมาโดยที่ทำให้คุณหมอทุกคนที่อยู่ที่ นั่น อึ้งไป ตามๆกัน.... คุณหมอหยุดพูด น้ำตาของลูกผู้ชายกำลังปริ่มอยู่ในตา... คำพูดนั้นคือ ` ถึงแม้อายุผมจะสั้นลง แต่ผมก็มีความสุขนะครับคุณหมอ กับการที่ว่าก่อนที่ผมจะตายนั้นผม ขอ แค่ได้เห็นลูกของผมมีความสุขมีรอยยิ้มที่มอบให้ผม เท่านี้ผมก็พอใจแล้วครับ`ซึ่งตอนนี้คุณหมอได้มีน้ำตาไหลออกมาเนืองๆ พร้อมกับพูดว่า
`พ่อของคุณให้คุณได้มากจริงๆให้มากอย่างที่เค้าไม่หวังสิ่งที่จะตอบแทนขอเพียงแค่เขาได้เห็นคุณดำเนินชีวิตไปได้เค้าก็มีความสุขแล้ว`เมื่อคุณหมอพูดจบเค้าก็เดินจากไปปล่อยให้ เอก ต้องเสียน้ำตากับความโง่ของเขาเพียงคนเดียว
                              1 วันผ่านไป ทางญาติๆของเอกได้รู้ข่าว
`เอกๆวันนี้เอกย้ายไปอยู่กับอานะลูก เอกไปเอาข้าวของที่จำเป็น ไว้ด้วยนะเด๋วเราจะไปกันเลย`อาของเอกพูดขึ้นท่าทีเป็นห่วงเอก
`...ครับ เด๋วผมจะไปเอาของแปปนะครับ`เอกพูดขึ้นด้วยแววตาที่สิ้นหวัง
เมื่อเอกเดินเข้าบ้าน เขาได้นำของใช้จำเป็นออกมาจนหมดแล้ว เขาก็เหลือบไปเห็นรูปของเขาที่กำลังหัวเราะร่าอย่างมีความสุขอยู่บนหลังของพ่อของเขา ที่แปะอยู่ตรงกะไดซึ่งแต่ก่อนเค้า..ไม่เคยเห็นรูปนี้มีค่าเลยแต่ตอนนี้รูปนี้คือ สิ่งมีค่ายิ่งสำหรับเขา เขาจึงนำรูปนั้นของเขาติดตัวไปด้วย เขาจึงคิดที่จะไปบนห้องของพ่อเขาอีกครั้ง เค้าจะได้จำเป็นความหลังว่าพ่อของเค้า เคยอยู่ที่ห้องแห่งนี้ ห้องที่เค้าไม่เคยคิดจะเหยียบมัน แต่คราวนี้เค้ากลับ เข้ามาโดยไม่มีลังเลใจ  `แอ้ด`เสียงประตูดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงฝีเท้าของเขาที่ย่างก้าวเข้าไปในห้องอย่างช้าๆเมื่อได้ก้าวพ้นขอบประตูมา สิ่งที่เค้าได้เห็นคือลิ้นชักของพ่อกำลังแง้มอยู่เค้าจึงเปิดดู`ครืด`เสียงดังจากลิ้นชัก สิ่งที่เอกเห็นมันทำให้น้ำตาของเขาหลั่งอีกครั้งนึงเพราะสิ่งที่เค้าเห็นคือ กระดาษเรียงความอันเน่าๆของเค้ามันอยู่ในโต๊ะของพ่อของเขาอีก ไม่ว่าเค้าจะนำไปซ่อนไว้ที่ไหน พ่อของเขาก็ต้องหามันมาให้ได้ มันเหมือนกับว่ามันเป็น สิ่งที่เป็นแรงผลักดันให้พ่อของเขามีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อที่จะได้เห็นลูกชายของเขามีความสุขในการดำเนินชีวิต เมื่อเอกกำลังจะเอาแผ่นเรียงความของตัวเองออกมาเค้าก็ได้เห็นกระดาษชิ้นน้อยๆวางซ้อนอยู่เนื้อความของมันมีความอยู่ว่า
`เอก ลูก พ่อไม่รู้นะว่าพ่อทำอะไรไม่ดีต่อลูก พ่ออาจจะทำตัวเป็นพ่อที่ดีเยี่ยมอย่างที่เอกเขียนไว้ในนั้นไม่ได้ พ่อคงปล่อยให้เอกทำตามใจของตัวเองไม่ได้ เพราะว่าพ่อรักลูกมาก พ่อไม่อยากเห็นลูกต้องเข้าโรงพยาบาลอีกได้ พ่อก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก พ่อก็อยากจะบอกว่าที่พ่อทำลงไปนั้น เพราะว่า พ่อรักลูก นะ รักมากจริงๆรักมากกว่าชีวิตของพ่อเสียอีก ลูกรัก...พ่อรักลูก`เมื่อเอกได้อ่านจบเค้าก็ได้ปล่อยน้ำตาของเขาออกมาอย่างไม่เกรงใจใคร คำพูดที่ว่าตอนนี้เค้าไม่สามารถบอกกับพ่อที่เป็นที่รักของเขาได้มันอัดแน่นอยู่ในใจของเขา
                                      มันคงไม่พ้นกับคำนี้คำว่า`พ่อครับ...ผมรักพ่อ`ซึ่งมันช้าไปแล้วสำหรับเอก
                                        ช้าไปแล้วกับหัวใจของเขาที่จะมอบให้กับผู้เป็นพ่อผู้ที่เขารักมากกว่าใคร
                                                                          มันช้าไปแล้ว
                                         
                                            จบบริบูรณ์
         
ขอขอบคุณ จัน•จิ•มโนแจ่ม มากๆค่ะ ที่ให้เราได้ยืมเรื่องมาลงที่นี่ เหอๆ     
     
                                                                         
 
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น