ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ชิงนาง

    ลำดับตอนที่ #1 : -บทที่ 1- นางจากฟ้า

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ค. 55


                                        

    เดือนคว่ำ  จันทร์ดับ.....เสียงฟ้าผ่าเปรี้ยง!!  แสงฟ้าวาบสะท้อนผิวมหาสมุทรที่เต็มไปด้วยคลื่นนับหมื่นนับแสนนับล้าน  แสงไฟจากเรือประมงที่กำลังถูกมหาสมุทรโจมตีกระจายเกลื่อนไปทั่วผืนน้ำที่กำลังคลุ้มคลั่ง  แสงนั้นช่างริบหรี่ไม่ต่างอะไรกับแสงของหิ่งห้อย     

    บนชายฝั่ง...ประภาคารเปิดสัญญาณเตือนภัย  เสียงของมันกรีดร้องแข่งกับเสียงของพายุ   แสงไฟบนยอดประคารสาดกวาดไปทั่วท้องทะเลเบื้องหน้า  ทำหน้าที่เป็นเข็มทิศนำทางให้แก่เรือประมงที่ถูกพายุโจมตีจนหลงทาง 

              บนเรือประมงลำหนึ่งแห่ง แสนสมุทรเสียงวิทยุดังขาดๆ หายๆ

     

                            ภาคใต้มีฝนตกหนัก พายุฝนฟ้าคะนอง ประกาศเตือนภัย เรือเล็กงดออกจากฝั่ง

     

    ต้นหนที่กำพังงาแน่น ยกเท้าขึ้นถีบวิทยุโครมด้วยความโมโห               

     

           ฮึ่ยย!! มึงจะมาเตือนอะไรกูตอนนี้  ตอนกูอยู่ฝั่งทำไมไม่บอก!

     

    คลื่นกระแทกเข้าข้างลำเรืออย่างแรง   เสียหลักกันไปทั้งเรือและลูกเรือที่กำลังตื่นตระหนก  เสียงต้นหนตะโกนสั่งออกมาแข่งกับเสียงลมเสียงฝน 

     

                                  เตรียมรับคลื่นซ้าย   ย้ายทุกอย่างไปทางขวาให้หมด  

    เร็วๆ  เอาไปถ่วงน้ำหนักเรือไว้ 

                                        เร็วสิโว้ย  อยากล่มตายกันหมดรึไง!!

     

    บรรดาลูกเรือย้ายของกันให้จ้าละหวั่น  แสงไฟจากประภาคารดูช่างห่างไกลจนน่าใจหาย   เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นอีกครั้งตามด้วยแสงฟ้าที่วาบขึ้นตามหลัง   แสงนั้นทำให้ต้นหนถึงกับหยุดหายใจ   เบื้องหน้า..คลื่นใหญ่กำลังก่อตัวห่างออกไปไม่ไกล  ยอดคลื่นสูงจนมือที่เคยกำพังงาอย่างแข็งแกร่งมาตลอดสามสิบปีถึงกับอ่อนแรง

     

                                           ฉิบหายกันหมดล่ะคราวนี้

    ประสบการณ์สอนให้รู้ว่าเมื่อใดควรสู้และเมื่อใด...ควรยอม    มือข้างหนึ่งละจากพังงาเข้าหาตัว   ดึงพวงพระเครื่องออกมาจากเสื้อ  สายตาที่เคยกร้าว หรี่ลงพร้อมเสียงถอนหายใจ....ยังคงเหลือสิ่งที่สุดท้ายที่ต้องทำ     

     

                                           มัดตัวเองไว้กับเรือ   มัดให้แน่นๆ

     

    ต้นหนตะโกนออกไปจนสุดเสียงก่อนรวบรวมลมหายใจเฮือกสุดท้ายก่อนตะโกนแข่งกับเสียงของพายุ .....   

     

    ปล่อยสมอ!!!

     

    คำสั่งปล่อยสมอสร้างความตื่นตระหนกให้กับบรรดาลูกเรือเป็นอย่างยิ่ง   ปล่อยสมอเท่ากับหยุดเรือ....หยุดการต่อสู้     

    เร็วสิโว้ย!    ถ้าไม่อยากถูกพัดไปอินเดียก็รีบปล่อยสมอ!!

     

    สมอเรือน้ำหนักมหาศาลถูกปล่อยลงน้ำ   มันจมดิ่งลงสู่มหาสมุทรอย่างรวดเร็ว  หน้าที่ของมันคือฉุดรั้งดึงเรือไว้กับพื้นมหาสมุทร   เมื่อสมอปักลงถึงพื้น....การต่อสู้ของมนุษย์ก็ยุติลง   ปล่อยให้แผ่นดินกับพายุ   ธรรมชาติต่อธรรมชาติ  ต่อสู้กันเองต่อไป     

                                

              ที่ประภาคาร  ร่างเล็กเปียกปอนวิ่งมาถึง  หัวใจดวงน้อยสั่นรัว  ดวงตาจ้องไปยังมหาสมุทรสีดำตรงหน้า  

     

                        พ่อจ๋า   พ่อต้องกลับมาให้ได้นะจ้ะ  พ่อต้องกลับมาหาหนูนะ  กลับมาให้ได้นะพ่อ 

     

    เสียงบางๆ ถูกพายุกลบไว้จนหมดสิ้น   สายฝนพยายามชะล้างสายน้ำตาออกไปจากดวงหน้าเล็กๆ นั้นราวกับว่ามันจะ..ปราณี

     

     

     

    ค่อนรุ่งที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดพังงา  ไฟหลายดวงทยอยดับลงตามเวลา  เชื่อมรอยต่อ

    ของคืนและวัน   หมออนุตสีหน้าอ่อนล้ากำลังจะหมดภารกิจ  ทั้งคืนที่ผ่านมาเขาต้องผจญกับการต่อสู้เพื่อยื้อชีวิตคนไข้จากเหตุเรือจม  บางคนโชคดีแต่มีอีกหลายคน...อับโชค    

     

                                 รีบแจ้งญาติผู้ตายให้เร็วที่สุดบอกพวกเขาด้วยว่าผมเสียใจ

     

    หมออนุตบอกกับพยาบาลที่อ่อนล้าไม่ต่างกันก่อนจะก้าวเท้าออกจากตัวอาคารด้านหน้า     แสงแรกของวันส่องกระทบร่างของเด็กหญิงเนื้อตัวเปียกปอนหนาวสั่น  กอดอกปากซีดปากสั่นอยู่ที่บันไดด้านหน้า   

    เมื่อตากลมโตเหลือบขึ้นเห็นหมอนุต ร่างเล็กก็แทบจะปลิวเข้าไปหา 

     

                       คุณหมอ   ช่วยพ่อของหนูด้วย  อย่าให้พ่อของหนูตาย   ช่วยพ่อของหนูด้วยนะจ้ะ

     

    พยาบาลเห็นเข้าก็บอกกล่าวด้วยน้ำเสียงเวทนา 

     

                        แกมารอตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง  เห็นว่าเป็นลูกชาวประมงที่เรือจมเมื่อคืนน่ะค่ะ

                                   รู้สึกว่าจะเป็นเรือของทางบ้านคุณหมอด้วยนะคะ

     

                                           เรือของแสนสมุทรงั้นเหรอ

     

    อีกลำแล้วเหรอ...เรือไม่ได้มีค่าในการสูญเสียของหมออนุต  ลูกชายเจ้าของกิจการเดินเรือขนาดย่อม  

    ชีวิตลูกเรือต่างหากที่เขานับเป็นการสูญเสีย 

     

                                           หนูกราบล่ะจ้ะ  ช่วยพ่อของหนูด้วย

     

    ร่างบางก้มลงกราบแทบเท้าหมออนุต  หมออนุตถอยเท้าออกมาแล้วทรุดตัวลงจับมือของเด็กหญิงที่กำลังร้องไห้สะอื้นฮักๆ  ใบหน้าเล็กๆ นั้นช่างงดงามเสียเหลือเกิน  งดงามราวกับนางฟ้ากำลังร้องไห้   หมออนุตเช็ดน้ำตาออกจากดวงหน้าของเด็กหญิง  ยิ่งเช็ดก็ยิ่งไหล   จิตใจของหมอที่เคยเข็มแข็ง  เผชิญหน้ากับผู้สูญเสียมานับครั้งไม่ถ้วนกลับพ่ายแพ้ให้กับเด็กหญิงผู้นี้ ..... ราวกับว่ามันเป็นโชคชะตา 

    ไม่ต้องร้องไห้  ถึงหมอจะช่วยพ่อหนูไม่ได้  แต่หมอจะช่วยหนู....หมอจะช่วยหนูเอง

                                 ------------------------------------------------------------------------

                                          อะไรนะ   คุณจะรับยายหนูคนนั้นเป็นลูกงั้นเหรอคะ???                     

    ศรีดาราผู้เป็นภรรยาตกใจเมื่อฟังเรื่องทั้งหมดจากหมออนุต    อนุตยังไม่ทันได้ตอบเสียงของศรีเรือนก็ดังขึ้นเสียก่อน 

     

                                  ไม่ได้!  แม่ไม่ยอมเด็ดขาด  อยู่ๆ แกจะไปเอาใครที่ไหน

        ไม่รู้หัวนอนปลายเท้ามาเลี้ยงเป็นลูกได้ยังไงกัน 

     

    คำสั่งนั้นเต็มไปด้วยความถือยศถือศักดิ์    อนุตรู้นิสัยผู้เป็นแม่ดีแต่ครั้งนี้ก็สุดจะฝืนตามใจ

     

                        แกเป็นลูกต้นหนของแสนสมุทร  พ่อของแกขับเรือให้เรามาเป็นสิบปีแล้วนะครับคุณแม่

             

                ล้วยังไง? พ่อมันตายไปแล้ว  ก็ให้ญาติพี่น้องมันรับไปเลี้ยงสิ  ไม่เห็นจะต้องเข้าไปยุ่ง                

      
           
    ผมก็ไม่อยากยุ่งหรอกครับถ้าเด็กคนนั้นจะมีญาติพี่น้องอย่างที่คุณแม่พูด    แม่แกตายไป

    หลายปีแล้ว  ญาติพี่น้องก็ล้มหายตายจาก  ขาดการติดต่อกันมาเป็นสิบๆ ปี  ไม่มีใครจะเข้ามาโอบอุ้มแกหรอกครับ

     

    แกก็เลยกลายเป็นคนที่ต้องเข้าไปโอบอุ้มมัน  ทั้งๆ ที่มันไม่ได้มีเลือดเนื้อเชื้อไขของเราอย่างงั้นเหรอ

                      

    ถ้าผมช่วยชีวิตพ่อแกไว้ได้  มันก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้หรอกครับ

                      

                        แกเป็นบ้าไปแล้วรึไง  แกเป็นหมอนะ ไม่ใช่เทพเทวดาที่จะรักษาชีวิตทุกคนไว้ได้  

    ยังไงแม่ก็ไม่อนุญาตให้แกรับเด็กคนนั้นมาเป็นลูกเด็ดขาด   ไม่มีทาง!

     

    สิ้นคำสั่งประกาศิต  ศรีเรือนยุติการเจรจาด้วยการเดินหนีไป   ชอุ่มสาวใช้คนโปรดรีบตามไปแทบไม่ทัน

    อนุตถอนหายใจหนัก  ศรีดาราเข้ามาแตะแขนสามีเบาๆ ด้วยความเข้าใจ

     

                       ฉันเข้าใจว่าคุณรู้สึกผิดแต่ที่คุณแม่พูดก็ถูกนะคะ มันไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกค่ะ 

     

    มันไม่ใช่เรื่องของความผิดความถูก  แต่มันเป็นเรื่องของความเมตตา   

    .....ผมเวทนาเด็กผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน 

     

          โชคชะตาคงจะลิขิตไว้ให้เป็นแบบนี้  ฝืนอะไรก็ฝืนได้ 

               แต่จะฝืนลิขิตฟ้า  ไม่มีใครทำได้หรอกค่ะ

     

              แล้วทำไมไม่คิดบ้างว่าฟ้าอาจจะลิขิตให้แกเข้ามาร่วมสายเลือดกับเรา

     

    ศรีดาราฟังแล้วถึงกับอึ้งไป   อนุตเป็นหมอ ตลอดเวลาหลายปีที่อยู่กินกันมาในฐานะภรรยา  เขาไม่เคยใช้อารมณ์พูดแทนเหตุผล ..... ผิดจากครั้งนี้        

     

                       อย่าลืมสิว่าเรามีครบทุกอย่างตามที่ใจเราปารถนา  อยากจะได้ อยากจะมีอะไรก็ได้ไปหมด

    ลูกชายก็มีถึง 4 คน ...... ขาดก็แต่ลูกสาวเท่านั้นที่เรายังไม่สมหวัง

     

    สิ้นคำอนุต   ศรีดาราหลบสายตาลง....ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง

     

                                             ผมว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ ลิขิตฟ้า

     

      หลังพุ่มไม้ในสวนพฤกษ์เอาตัวเองบังอรุณ  เด็กชายทั้งสองซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้   อรุณ

    น้องชายคนสุดท้องร่างเล็กแบบบาง ผิวขาวซีด เนื้อตัวสั่นไปหมด  แววตาเบิกโพลงด้วยความตื่นเต้น  พยายามหลบหลังพี่ใหญ่ให้มิดที่สุด

                                           พี่พฤกษ์   อรุณกลัว


                                
    ไม่ต้องกลัว  พี่บังไว้ให้แล้ว   ไม่มีใครหาเราเจอแน่


    ขาดคำพฤกษ์  เมฆาก็วิ่งเข้ามาจากด้านข้างพร้อมปืนของเล่นในมือ


                                         
    เจอแล้ว  ปัง
    !  ปัง!   ตาย!  ตายหมดทั้งคู่เลย


    ทันใดนั้นภูผาก็เข้ามาทางด้านหลังเมฆา ล็อคคอเมฆาเอาไว้  ยิ้มผุดขึ้นอย่างเหนือชั้นกว่า


                       
                       แกก็ไม่รอดหรอก
    !


    เมฆาสะดุ้งเฮือก  สีหน้าโอ่อวดดีของผู้ชนะเปลี่ยนเป็นเจ็บใจไปในทันที   ในขณะที่อรุณลุกขึ้นกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจเมื่อภูผามาช่วยไว้ได้ 
            


              
              เย้  คนร้ายถูกจับได้แล้ว    ตำรวจมาช่วยเราแล้ว   พวกเราไม่ตายแล้ว  พี่ภูผาเก่งที่สุดเลย


    เมฆาสะบัดตัวออก   หันกลับมาจ้องหน้าหน้าภูผาด้วยความโกรธ  แววตาเต็มไปด้วยความเจ็บใจเกินกว่าจะเป็นแค่การละเล่นในหมู่พี่น้อง   ภูผาไม่มีทีท่าสนใจอารมณ์ของน้องชายคนรอง  กลับมองเห็นเป็นเรื่องตลก


                      
    ดูเหมือนนายจะแพ้  ต้องเล่นเป็นคนร้ายอีกรอบแล้วนะ ไม่เบื่อเหรอวะ แพ้อยู่ได้


                                 
                       ฮึ่ยยย   ไอ้ขี้โกง
    !


    เมฆากระโจนผลักออกภูผา   ภูผาจะต่อยสวนทันที  


                
    หยุดนะ
    !

    พฤกษ์พี่ใหญ่รีบเข้ามาห้าม  ดันทั้งคู่ออกจากกัน    อรุณน้องน้อยร้องไห้จ้าขึ้นมาด้วยความตกใจ

                    
                             
    จะทำบ้าอะไรกัน  เป็นพี่น้องกันนะ   จะต่อยกันได้ยังไง

     

                                 ใครอยากเป็นพี่น้องกับคนขี้โกงอย่างมันล่ะ  


    เมฆาหันไปตวาดอรุณที่ร้องไห้อยู่


      
    ไอ้นี่ก็ขี้โรค   


    ชี้หน้าภูผา  

                                     ไอ้นี่ก็ขี้โกง 

    หันไปตะโกนใส่หน้าพฤกษ์


    ส่วนแกก็ไอ้โง่
      เข้าข้างแต่คนโกงอยู่ได้   โชคร้ายชะมัดเลยที่มีพี่น้องอย่างพวกแก!


    ภูผาตวาดกลับเสียงดังกว่า                


    ไม่อยากมีก็ไม่ต้องมีสิ   คนอะไรวะ แพ้ไม่เป็น  เป็นแต่จะเอาชนะรึไง


    เมฆาจ้องหน้าภูผา  แม้ภูผาจะเป็นพี่  แต่คนอย่างเมฆาไม่เคยนับถือใคร  โดยเฉพาะภูผา

                              
                                
    อย่างน้อย ฉันก็ไม่เลวเหมือนแกแล้วกัน  ไอ้ภูผา

    คอยดูนะ  ฉันจะเอาชนะแกให้ได้ทุกเรื่อง  คอยดู!  


    เมฆาปึงปังออกไป   ภูผาหัวเราะสะใจ   มองตามไปด้วยท่าทีเยาะเย้ย 

    ลับหลังพี่น้อง   เมฆาขว้างปืนของเล่นในมือทิ้งด้วยความฉุนเฉียว


                                         
    โธ่เว้ย
    !


    เมฆามองไปรอบๆ พอเห็นว่าไม่มีใครเห็นก็น้ำตาไหล  ร้องไห้ออกมาด้วยความโกรธ...โกรธที่ไม่เคยเอาชนะภูผาได้เลยสักครั้ง  


             
    อีกด้านหลังพุ่มไม้   อรุณที่กำลังเช็ดน้ำตา ทรุดฮวบลงไปกับพื้น 


                       
                        อรุณ
    !


    พฤกษ์คว้าตัวน้องน้อยไว้ได้ทัน  ร่างบอบบางเนื้อตัวเย็นเฉียบ
    ! 


    ภายในห้องนอนของอรุณ   หมออนุตอุ้มอรุณเข้ามาในห้องแล้ววางลงนอนบนเตียง 

    ปลดกระดุมเสื้อทั้งหมดออก….ข้างๆตัวมีเครื่องให้ออกซิเจน    ศรีดาราประคองคุณย่าศรีเรือนอยู่ที่มุมห้อง


       เอาอีกแล้ว  เป็นอย่างนี้อีกแล้ว  พ่ออรุณหลานรักของย่า

                       

                                 ทำใจดีๆ ไว้นะคะ  อรุณต้องไม่เป็นอะไรค่ะคุณแม่ 

                       

    แต่มันกี่ครั้งกี่หนกันแล้วล่ะที่ต้องเป็นแบบนี้  ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ

    ทนเห็นหลานฉันเป็นอย่างนี้ไม่ไหวแล้ว


    เมฆาตรวจเช็คมารตวัดความดันที่ถังออกซิเจนอย่างคล่องแคล่ว  ด้วยความฉลาด เอาจริงเอาจัง และมีระเบียบทำให้เขาเป็นคนเดียวที่ถูกพ่อไว้ใจและฝึกให้ช่วยงาน   เมฆาเงยหน้าขึ้นรายงาน  น้ำเสียงแข็งขัน


                       
                        เครื่องพร้อมครับ

     

                                           ส่งมาให้พ่อเร็วเข้า


    เมฆาส่งหน้ากากส่วนที่เชื่อมต่อกับถังออกซิเจนให้   หมออนุตรีบเอาครอบหน้าอรุณไว้


                       
                        สูดเข้าไปลึกๆ อรุณ  สูดเข้าไป


    ที่ประตู
    พฤกษ์กับเมฆาเกาะขอบประตูมองดู    ภูผาเป็นมือพฤกษ์ที่เกาะขอบประตูอยู่สั่นกึกๆๆๆ


                      
    อรุณมันไม่ตายง่ายๆ หรอกพี่พฤกษ์  มันเป็นน้องชายผม  มันต้องเข้มแข็งเหมือนผม

    ภูผาจ้องมองไปที่อรุณด้วยแววตาที่กร้าว มั่นใจ


                     เตรียมผายปอด

     

               ครับ                      


    เมฆารีบเข้าไปยืนข้างเตียงอีกด้าน วางมือทั้งสองข้างลงบนหน้าอกของอรุณเพื่อเตรียมผายปอด
     นี่เป็นอีกสิ่งที่เขาถูกฝึกให้ทำ     ใบหน้าเล็กๆ ของอรุณซีดเผือด  เปลือกตาที่ปิดอยู่สั่นริกๆ ราวกับมันจะกลัวว่าจะไม่ได้เปิดขึ้นอีกครั้ง

     


                              เสียงไม้เรียวดังควั่บๆ  ปลายไม้ตวัดลงที่ก้นพฤกษ์ด้วยฝีมือของผู้เป็นย่า

                              
                                     
    หาเรื่องกันดีนัก   อยากให้น้องตายนักใช่ไหม

    ไม้เรียวที่สองกำลังจะลงตามมาแต่ถูกภูผาคว้าไม้ได้    มือกำไม้ไว้แน่น   เงยหน้าขึ้นเผชิญหน้ากับคุณย่า  สายตาคู่นั้นเอาจริงเอาจังเกินวัยไปไกล


              
                 ตีผมคนเดียวเถอะครับคุณย่า  ผมเป็นคนชวนน้องออกมาเล่นเอง

                                                    พี่พฤกษ์ไม่ผิดหรอกครับ          

     

              แกอีกแล้วเหรอไอ้ตัวต้นเหตุ  เกิดเรื่องไม่เข้าท่าทีไร  มันต้องเป็นเพราะแกทุกที 

    ต้องตีให้ตายหรือไงมันถึงจะเข็ดจะจำ    


    ไม้เรียวอีกนับครั้งไม่ถ้วนฟาดลงที่ภูผา  แม้จะเจ็บแต่สีหน้านั้นนิ่งกร้าว  มีเพียงปากเท่านั้นที่เม้มไว้แน่นด้วยความอดทน

    ภายในห้องนอนของอรุณร่างบางหายใจได้เป็นปกติแล้ว  ศรีดาราคอยลูบหัวลูกชายอย่าง

    เป็นห่วง   เสียงไม้เรียวดังควั่บๆ ยังยังลอดมาให้ได้ยิน   รอยยิ้มสะใจผุดขึ้นที่หน้าของเมฆา  สมน้ำหน้าเมฆาพึมพำอยู่ในหัว  

     

                                  น้องหายใจได้ปกติแล้ว   เก็บของให้เรียบร้อย


                       
                                 ครับ


    เมฆาจัดการเก็บอุปกรณ์ทั้งหมดอย่างคล่องแคล่วแต่เป็นระเบียบตามที่ถูกฝึกมาในขณะที่อนุตหันไปบอกกับศรีดาราด้วยดวงตาเป็นประกาย


                       
                        ผมรู้แล้วว่าทำยังไง  คุณแม่ถึงจะยอม


    ศรีดาราเงยหน้าขึ้นมองสามีด้วยความงุนงง


                       
                        มากับผมก่อนเถอะ


    หมออนุตเดินออกจากห้องไป  ศรีดาราหันไปบอกกับเมฆา


                       
                       ดูน้องด้วยนะลูก


    ศรีดาราตามสามีออกไป
    ……เมฆาเหลือบตาขึ้นมองอรุณด้วยความน้อยใจ


                      
    ไอ้ภูผามันชวนแกออกไปเล่น   แต่ฉันต้องเป็นคนมารับผิดชอบชีวิตแก

                       ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแกยังรักมันมากกว่าฉันได้ลงคอ….แกนี่มันโง่จริงๆ

             

    ปลายสุดของระเบียงห้องโถงเงียบพอที่จะหลบมาคุยเรื่องความลับ ศรีดาราสะดุ้งเมื่อฟังสามีพูดจบ   

                                          จะรับเด็กนั่นมาเพื่ออรุณงั้นเหรอคะ!

     

    อรุณเป็นโรคหอบโดยกำเนิด   ถ้าหมอไม่ถึง  ยาไม่ถึง  ปอดของเขาก็มีแต่จะแย่ลงทุกวันพ่อแม่น่ะจะอยู่กับลูกไปได้นานแค่ไหนก็ยังไม่รู้….ถ้าเรารับเด็กคนนี้มาอุปถัมภ์  ส่งเสีย

    สั่งสอน ให้มีวิชาการแพทย์ติดตัว  ให้คอยอยู่ดูแลอรุณ  มันน่าจะดีกับอรุณ 

                      

    ถ้าใช้เหตุผลนี้พูดกับคุณแม่  ท่านก็คงไม่ขัดอย่างที่คุณว่า  แต่เราจะแน่ใจ

    ได้ยังไงกันคะว่าเด็กนั่นจะยอมรับหน้าที่นี้ไปตลอดชีวิตของแก  แกไม่ได้มีสายเลือดเราแม้แต่หยดเดียวนะคะ

     

                        เลี้ยงเขาให้ดี  รักเขาให้มาก  ผมเชื่อว่าข้าวบ้านนี้ยังมียางพอ     


    ความลับไม่มีในโลก
    ที่อีกด้านของระเบียง ศรีเรือนที่บังเอิญผ่านมาได้ยินเรื่องราวทั้งหมดถึงกับถอนหายใจ....ถ้ามันเป็นเรื่องความเป็นความตายของหลานคนโปรด   จะไปหาเหตุหาผลอะไรมาโต้แย้งได้   ศรีเรือนหันไปสั่งชอุ่มที่เพิ่งตามมาถึง

                                                             ชอุ่ม 

                                        เจ้าขา


             แกรีบไปวัด   นิมนต์หลวงพ่อให้ฉันที  เรียนท่านว่าฉันมีเรื่องสำคัญจะไปปรึกษา

                                           

                                          ----------------------------------

              บ่ายนั้น .... ศรีเรือนพนมมือแต้อยู่หน้าหลวงพ่อ   .ด้านหลังมีชะอุ่มสาวใช้ใกล้ตัวติดตามมาด้วย

              ชะตากรรมเป็นสิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด  ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้หรอกโยม

     

              แล้วดวงเกิดของเด็กคนนี้เป็นมงคลกับครอบครัวของอิฉันหรือเปล่าเจ้าคะ

    หลวงพ่อ ที่ถามนี่ก็เพราะอิฉันกลัวว่าจะรับเลี้ยงลูกยักษ์ลูกมารน่ะสิเจ้าคะ

     

              จะเกิดวันไหน ดวงใด ไม่สำคัญเท่าเกิดมาแล้วสร้างกรรมดีรึเปล่านะโยม

     

    คำพูดของหลวงพ่อเล่นเอาคุณย่าศรีเรือนถึงกับสะดุ้ง  

     

       อ้าวววว หลวงพ่อเอ่ยมาแบบนี้ก็หมายความว่าดวงเกิดของเด็กคนนี้ไม่ดีน่ะสิเจ้าคะ

     

           เลี้ยงเขาให้ดี  สอนให้เขาคิดดี  ทำดี  แล้วทุกอย่างก็จะดีไปเอง  
                    
    ต่อให้ดวงเ
    กิดร้ายแค่ไหน  ก็ทำอะไรคนดีไม่ได้หรอกโยมศรีเรือน

     

    ศรีเรือนรับฟังแล้วชักจะหนักอกหนักใจขึ้นมาทันที

                                                    --------------------------------------

                                   จะให้เป็นเด็กรับใช้!?   

    อนุตโวยขึ้นด้วยท่าทางไม่พอใจ


              ไม่ได้นะครับคุณแม่  ผมตั้งใจรับแกมาเลี้ยงเป็นลูกนะครับไม่ใช่คนรับใช้

     

    แต่แม่เอาวันเดือนปีเกิดของเด็กนั่นไปให้พระท่านดู  ถึงท่านจะไม่พูดตรงๆ

    แม่ก็รู้ว่าดวงนังเด็กคนนี้มันกาลกิณีชัดๆ ขืนเอามาเลี้ยงไว้เป็นลูก มันได้ทำครอบครัวเราวิบัติฉิบหายกันหมดพอดี  ถ้าอยากจะเลี้ยงก็เลี้ยงไว้ในฐานะเด็กรับใช้ในบ้าน  ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องเลี้ยง!


    ศรีเรือนทิ้งคำไว้แค่นั้นแล้วเดินออกไปทันทีก่อนจะมีโมโห    ศรีดารารีบเข้ามาผ่อนใจอนุต

                                     เอาอย่างที่คุณแม่ว่าก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่คะคุณ  เราเลี้ยงเพราะเราเมตตาสงสาร  
                                      
    จะเลี้ยงไว้ในฐานะไหนก็เหมือนกันน่ะแหละค่ะ


    ศรีดารากุมมือสามีเบาๆ เป็นเชิงให้ยุติเรื่องนี้ลงได้แล้วก่อนที่จะเป็นเรื่องไปกันใหญ่โต 


               
    คุณก็ได้ช่วยแก  ส่วนแกก็จะได้ช่วยอรุณต่อไป  นี่คือสิ่งที่เราต้องการไม่ใช่
    หรือคะ    


    อนุตอึ้งๆ ไป  แม้จะไม่ได้ดั่งใจแต่ก็เถียงไม่ได้เช่นกัน

     

    สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า….อนุตเซ็นต์ชื่อในเอกสาร   ศรีดาราเซ็นต์ตามเพื่อยินยอมในฐานะภรรยา

                  
                 
              เป็นโชคของเด็กจริงๆนะครับที่ได้พบกับคุณหมอ  ผมดีใจแทนเธอจริงๆ

                                         

    ถ้าเป็นไปได้    ผมก็อยากรับอุปถัมภ์แกเป็นลูก

     

    ถึงไม่ได้เป็นลูก  แต่ได้อยู่กับคนดีๆ อย่างคุณหมอและภรรยาก็ถือว่าโชคดี

    มากแล้วล่ะครับ

     

    เจ้าหน้าที่อีกคนพาตัวเด็กหญิงมาส่งในห้อง….ศรีดาราเห็นหน้าเด็กหญิงครั้งแรก  ถึงกับยิ้มออกมาด้วยความตื้นตัน

            
                                                    
    หน้าชังเสียจริง   


    ศรีดาราลุกไปหา  มองสำรวจใบหน้าของเด็กหญิงด้วยรอยยิ้มและแววตาที่คาดไม่ถึง  ก่อนจะหันมาบอกอนุต


                                
    สวยเหลือเกินค่ะ  สวยเหมือนรูปปั้นเทวียังไงยังงั้น

    ....ทั้งงดงาม  ทั้งน่าเวทนาออกอย่างนี้  จะไปทำลาย ทำร้ายใครได้   

                       --------------------------------------------------


                      
    น้องสาว
    ! ใครอยากมีน้องสาวกันวะ  ผู้หญิงน่ารำคาญจะตาย


    ภูผาโวยเสียงดังด้วยสีหน้าและท่าทางไม่พอใจ    จ้องหน้าพฤกษ์อย่างคาดคั้น  

        
          
                             นี่มันเรื่องจริงเหรอพี่พฤกษ์


    พฤกษ์พยักหน้ารับเรียบๆ ท่าทางเป็นผู้ใหญ่เกินตัว 


                                  
    เห็นว่าชื่อวงเดือน


    เมฆาใจเต้นแรงด้วยความโกรธ 


    แค่นี้ยังมีเรื่องไม่พออีกรึไง  ไม่เข้าใจพ่อกับแม่เลยจริงๆ  คอยดูนะ ถ้ามาก่อเรื่องเพิ่มอีกคน  จะไล่ออกจากบ้านให้ดู


    เสียงรถแล่นมาถึงประตูรั้วพอดี
    ….เด็กชายทั้งสี่ชะเง้อมอง….รถเลี้ยวเข้าไปในบ้านกระจกด้านหลังคนขับถูกไขลง    ใบหน้าเล็กงดงามราวเทวียื่นหน้าออกมามองตัวบ้านด้วยสายตาตื่นกลัว

    เด็กชายทั้งสี่เห็นวงเดือน     วงเดือนก็เห็นเช่นเดียวกัน   เด็กๆ สบตากันก่อนที่รถจะแล่นเลยสายตาเข้าไปจอดลงที่หน้าตัวบ้านซึ่งศรีเรือนกับชะอุ่มยืนรออยู่     อนุตกับศรีดาราลงจากรถมา    ศรีดาราเรียกเด็กหญิงเบาๆ

                                          ลงมาสิจ้ะวงเดือน

    วงเดือนเปิดประตูรถก้าวลงมาช้าๆ ด้วยความตื่นกลัว   ศรีเรือนจ้องขเม็งไปที่เด็กหญิงทำให้เด็กหญิงต้องหลบตาด้วยความกลัว  แม้จะสะดุดตาในความสวยของเด็กหญิงตัวน้อยแต่อารมณ์ก็ยังไม่ดีพอที่จะมาชื่นชม

                          
                                 
    เลือดไม่ดี    มือไม้มันถึงได้ไหว้คนไม่เป็น
    !

    วงเดือนตกใจน้ำเสียงนั้นถึงกับผงะถอย   รีดารารีบจับมือเด็กหญิงแล้วบอกเบาๆ

                                          ไหว้คุณย่าสิจ้ะ                    

    เด็กหญิงท่าทางตื่นกลัว ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งทำเอาทุกคนแปลกใจ    ศรีดาราจะดึงตัวเด็กหญิงขึ้นแต่หมออนุตห้ามไว้    เด็กหญิงก้มลงกราบแทบเท้าของศรีเรือน  ฝ่ามือเล็กๆ จรดลงบนฝ่าเท้า   ศรีเรือนที่ว่าใจแข็ง ยังถึงกับอ่อนลงไปชั่วขณะ  แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความไม่ชอบใจก่อนที่เด็กชายทั้งสี่วิ่งกรูกันเข้ามา
     

                                          คนนี้น่ะเหรอน้องสาวพวกเรา    

    คุณย่าศรีเรือนที่ใจอ่อนลงแล้วกลับร้อนขึ้นมาอีกครั้ง

                                 ใครบอกแกเจ้าอรุณ   มันเป็นแค่เด็กรับใช้  ไม่ใช่น้องสาว  อย่าเรียกมันว่า

    น้องให้ย่าได้ยินอีกเป็นอันขาด  เข้าใจไหม! 

    อรุณกลัวถึงกับต้องหลบซ่อนหลังพฤกษ์

                                 ชะอุ่ม  เอามันไปให้พ้นหน้าฉัน

                                          เจ้าค่ะ

    ชะอุ่มรีบคว้าแขนเด็กหญิงออกไป  เด็กหญิงหน้าตื่นกลัว  หันมองศรีดารา   ศรีดาราพยักหน้าให้ด้วยรอยยิ้มเมตตา

                                           ไปเถอะจ้ะ  ไปต้องกลัว

    ชะอุ่มพาวงเดือนออกไป   ทิ้งให้ศรีเรือนเผชิญหน้ากับอนุต

                                 สมใจแกแล้วใช่ไหมพ่อนักบุญ  ถ้าวันไหนสายเลือดแสนสมุทรต้องวิบัติ
                                                   ฉิบหาย  ขอให้แกรู้ไว้เลยนะ  ว่ามันฉิบหายเพราะใคร

    ย่าศรีเรือนพูดจบก็เดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน….ศรีดาราแตะแขนสามีเบาๆ เพื่อปลอบใจ

                                                    ---------------------------------------------------

    ชะอุ่มเดินนำวงเดือนเข้ามาที่เรือนไม้หลังเล็กซึ่งเป็นเขตที่พักอาศัยของคนรับใช้ในบ้าน 

                                 อยู่ที่นี่ด้วยกันนะหนู  เดี๋ยวฉันจะคอยสอนว่าต้องทำอะไรบ้าง

    ชะอุ่มเดินนำวงเดือนเข้าไปข้างในห้อง  

                                 ถ้าคุณๆ ท่านไม่ได้เรียกหาก็อย่าเสนอหน้าขึ้นไปบนเรือนใหญ่เชียว 

    คุณย่าศรีเรือนท่านจะดุเอา  เมื่อกี้ก็เห็นแล้วใช่ไหมว่าดุแค่ไหน


    วงเดือนรีบพยักหน้ารับ
       ชะอุ่มมองเด็กหญิงแล้วถอนใจ

                                 คิดซะว่าเราวาสนาไม่ถึงจะขึ้นไปอยู่บนเรือนใหญ่แล้วกันนะ

                                 บ้านนี้มีลูกชายหลายคน  อย่าไปตีตัวเสมอเผลอเล่นกับเขาเสียล่ะ 

    จำไว้ว่าเรามันแค่คนรับใช้  ไม่ใช่พื่อนเล่น  

    ที่แนวพุ่มไม้ด้านนอกซึ่งกั้นระหว่างตึกใหญ่กับเรือนหลัง    อรุณกับภูผากำลังแอบดูอยู่ที่หลังพุ่มไม้

                      
                   ทำไมเขาไม่อยู่บนเรือนใหญ่กับเราล่ะ  ห้องมีตั้งเยอะแยะ  ให้อยู่ห้องเดียวกับอรุณก็ได้

             

                                          พูดบ้าๆ นายเป็นผู้ชายนะ จะอยู่ห้องเดียวกับผู้หญิงได้ยังไง

                      

                                 แต่พ่อบอกว่าเขาจะมาอยู่กับอรุณนี่

                      

                                 เขามาคอยรับใช้แก  ไม่ได้จะมาเป็นเมียแกซะหน่อย

     

                                          --------------------------------------------------------------

    ห้องโถงบนตัวเรือนใหญ่.....ศรีเรือนยังคงนั่งคอเชิด สีหน้าโกรธขึ้งในขณะที่ศรีดาราพยายามกล่อมด้วยความเจียมตัว

                                          ให้ชะอุ่มเป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลแกที่เรือนหลังน่ะค่ะคุณแม่   ส่วนเรื่อง

    โรงเรียนเห็นว่าจะให้ย้ายมาอยู่โรงเรียนสตรีใกล้บ้าน  จะได้ไปมา

    สะดวก                    

                      

                                           อย่ามัวแต่เอาใจใส่มันซะจนมันเหลิงไปซะก่อนล่ะ  โตมาจะไม่ทันใช้ 

    มีผัวไปซะก่อนพอดี

                       

                       ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะคุณแม่ แต่ถึงยังไงก็ต้องรบกวนคุณแม่ด้วยซะแล้วล่ะ

    ค่ะ   หนูมีแต่ลูกชาย  ไม่เคยเลี้ยงลูกสาว 

     

                                          ช่วยอบรมสั่งสอนน่ะฉันพอจะช่วยหล่อนได้   แต่อย่ามาเรียกมันว่าลูกสาว

    ให้ฉันได้ยินอีกก็แล้วกัน


    คุณย่าศรีเรือนค้อนใส่             

                                           นี่ถ้าไม่เพราะเจ้าอรุณ   นังเด็กนั่นไม่มีวันได้เหยียบบ้านฉันเด็ดขาด!

                                          

    ปีกด้านหน้าของตึกถูกจัดแต่งเป็นห้องสมุดเล็กๆ สำหรับอรุณ  สุขภาพที่อ่อนแอทำให้อนุตว่าจ้างทั้งครูไทย ครูฝรั่งให้มาสอนหนังสือให้ถึงบ้าน ดีกว่าเสี่ยงให้อรุณต้องออกไปเผชิญโลกตามลำพัง  อรุณมักใช้เวลาอยู่ภายในห้องนี้   มุมโปรดของเขาคือเก้าอี้ตัวใหญ่หนานุ่มที่ตั้งอยู่ริมหน้าต่างบานใหญ่ที่โอบกว้างโค้งไปกับผนังและสูงเกือบจรดเพดาน    จากหน้าต่างบานนี้  อรุณสามารถมองเห็นวิวแทบจะครึ่งหนึ่งของบริเวณบ้าน  ม่านของหน้าต่างบานนั้นแทบไม่เคยถูกปิดลงเลย   เสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามาทำให้อรุณหันมามองผู้มาเยือน    อนุตเดินนำหน้าวงเดือนเข้ามาด้านใน    เด็กหญิงมองไปรอบๆ ด้วยท่าทางตื่นๆ 

                                        
                                                    
    ไม่ต้องกลัวนะ  เข้ามาสิ

    ที่ด้านในห้องเต็มไปด้วยตู้หนังสือ  โต๊ะเขียนหนังสือตั้งอยู่กลางห้องในขณะที่อรุณจมอยู่บนโซฟาหนานุ่มที่ริมหน้าต่าง  อรุณมองวงเดือนด้วยท่าทางตื่นเต้น   ในขณะที่หมออนุตแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกัน

                            นี่อรุณ  ลูกชายคนเล็กของฉัน   น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน  รู้จักกันไว้สิ

    อรุณยิ้มให้วงเดือนอย่างเป็นมิตร   แต่วงเดือนก็ยังคงก้มหน้างุดๆ

                                 อรุณไม่ค่อยมีเพื่อน   หนูอยู่เป็นเพื่อนอรุณนะ  จะได้ไม่เหงาทั้งสองคน

    วงเดือนค่อยๆ เงยหน้าเหลือบตาขึ้นมองอรุณ              

                                          ฉันชื่ออรุณ  

                                          ฉันชื่อวงเดือน

    หมออนุตยิ้มออก ค่อยๆ เดินหลบออกจากห้องไป ปล่อยให้ทั้งคู่ทำความรู้จักกันเอง     วงเดือนมองอรุณอย่างแปลกใจ ผิวของเขาขาวซีดราวกับไม่มีเลือดใต้ผสมอยู่

                                          ทำไมเธอตัวข๊าวขาว

                      

                        ฉันไม่ค่อยสบาย  ก็เลยไม่ได้ออกไปเล่นข้างนอก  มีแต่คนอยากให้ฉันอยู่ในบ้าน 

     

    วงเดือนค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้ๆ

     

                                          เธอป่วยเป็นอะไรเหรอ

                      

              ฉันก็ไม่รู้  แต่บางครั้ง  ฉันก็หายใจไม่ออก  มันเจ็บตรงนี้ (ลูบไปทั่วหน้าอก)  เวลาที่ฉันเหนื่อย

     

                       งั้นเธอไม่ได้ป่วยคนเดียวหรอกนะ  ฉันก็ป่วยเหมือนกันมันเจ็บตรงนี้ 

     

    วงเดือนยกมือขึ้นสัมผัสที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง  ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่แผ่วเบา

     เวลาที่ฉันคิดถึงพ่อกับแม่

    น้ำตาที่คอลเต็มเบ้าตากลั่นตัวหยดแหมะลงบนแก้วทั้งสองข้าง   อรุณรีบลุกขึ้นมาหาวงเดือน 


                       
      สงสัยเราจะป่วยเป็นโรคเดียวกัน  งั้นเรามาเป็นเพื่อนกันนะ  ยายขี้แย 

    อรุณยกมือบางขึ้นปาดน้ำตาบนแก้มของวงเดือน  เหมือนที่พฤกษ์เคยทำให้เขาเสมอยามที่เขาร้องไห้ 

    ที่ประตูด้านหน้าห้อง   คุณย่าศรีเรือนที่เดินผ่านมาเห็นเข้าพอดีถึงกับชะงักกึก  ใจกระตุกวูบด้วยความหวาดระแวง....ลางหายนะเริ่มก่อตัวแล้วจริงหรือ

     

              พระจันทร์เต็มดวง  แสงจันทร์สัมผัสไปทั่วทั้งบริเวณสนาม   วงเดือนทรุดตัวลงนั่ง  เงยหน้ามองพระจันทร์  ดวงตาโตคู่สวยเอ่อไปด้วยน้ำตา 

                                          พ่อจ๋า...แม่จ๋า...เดือนอยากกลับบ้าน...เดือนไม่อยากอยู่ที่นี่...

    เสียงกร้าวกวนดังแทรกขึ้น       

                                 ร้องไห้อีกแล้ว 

    วงเดือนตกใจวูบ  รีบหันกลับมามองเห็นว่าภูผากำลังมองมาด้วยสายตาชิงชัง

    ไม่มีอะไรทำรึไง  วันๆ ถึงเอาแต่ร้องไห้  น่าเบื่อ!

            บ้านหลังนี้มีคนอ่อนแอมากพอแล้ว  ถ้าอยากอยู่ที่นี่ก็อย่าร้องไห้ 

                                 ทำได้ก็อยู่   ทำไม่ได้ก็ลงทะเลไปเลย! 

    วงเดือนน้ำตาทะลักพรวดๆ  จิตใจที่อ่อนแออยู่แล้วเหมือนถูกซ้ำเติมลงไปอีกด้วยน้ำเสียงที่ไม่ใยดีของภูผา

    ดวงตาโตที่เต็มไปด้วยน้ำตาของผู้อ่อนแอสะดุดตาภูผาตั้งแต่แรกสบตา    ความรู้สึกแปลกๆ ผุดวาบขึ้นในใจทันที  ความรู้สึกที่แม้แต่ภูผาเองก็ไม่เข้าใจ...เด็กเกินไปที่จะเข้าใจ

                                 คนใจร้าย!

    มือบางๆยกขึ้นผลักอกภูผาก่อนจะหันหลัง  วิ่งหนีไป

    ภูผาพยายามนิ่งไว้   สับสนกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น  พยายามทำเป็นไม่สนใจแต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหว   วิ่งตามวงเดือนไป

     

    ริมชายหาดแสงจันทร์สัมผัสผิวน้ำระยิบระยับไปทั่ว   วงเดือนวิ่งมาจะถึงน้ำอยู่แล้วแต่ก็ถูก

    ภูผาที่ตามมาทันรวบตัวไว้ได้ทัน

                                          จะทำบ้าอะไรของเธอน่ะ  อยากตายรึไง!

    วงเดือนร้องไห้โฮๆ ทรุดตัวลงนั่ง

                                          พ่อ  พ่อจ๋า  พ่อมารับหนูด้วย  หนูคิดถึงพ่อ….

    ภูผาใจอ่อนวูบ  รู้สึกผิดแต่ก็พูดเพราะๆ ไม่เป็น

                                           ยายโง่เอ้ย!

    ภูผากระตุกแขนวงเดือนให้ลุกขึ้น         

                                          ไปกับฉัน   ต่อไปนี้เธอต้องอยู่ที่บ้านฉัน ห้ามลงทะเลอีกเป็นอันขาด

                                           ฉันจะจับตาดูเธอเอง ถ้าลงทะเลอีกเมื่อไหร่  จะต่อยให้ฟันร่วงเลย  

    เข้าใจที่ฉันพูดไหม ยายโง่!

    ภูผากระชากตัววงเดือนให้ตามไป   มือข้างนั้นกำข้อมือบางของเด็กหญิงเอาไว้แน่น    ในความกร้าวร้าวนั้นกลับทำให้ความอ่อนแอยิ่งมากขึ้นไปอีก   โดยไม่รู้ตัว   วงเดือนซบหน้าร้องไห้กับหลังของภูผา    ภูผาถึงกับชะงัก  ก้าวขาไม่ออก   น้ำตาที่สัมผัสบนแผ่นหลังของเขาทำให้เขาหยุดยืนนิ่ง  ปล่อยให้วงเดือนซบหน้าร้องไห้อยู่อย่างนั้น....ร้องเสียให้พอ  แล้วค่อยพากลับบ้าน  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×