ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC EXO] Baby Maybe บางทีคงเป็นรัก [ChanBaek, HunHan]

    ลำดับตอนที่ #3 : Baby maybe 2

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ย. 56




    beyo ng

     

     

     .ตอนที่๒
     

     _____________________________________________________


     


     

    "อย่าดื้อดิวะ"

    _____________________________________________________

     

                   



                “อ้าวเบค่อน”

                เชี่ย

     

     

                แบคฮยอนหันหลังกลับไปหาลู่หานแล้วกลอกตาอย่างเซ็งๆ ใครเข้าร้านไม่เข้าเสือกต้องเป็นไอ้หูกางที่เขาไม่อยากเห็นหน้ามากที่สุด

     

                ชานยอลหุบยิ้มไปเมื่ออีกฝ่ายหันหลังให้อย่างเย็นชา แต่ไม่นานก็กระตุกยิ้มใหม่อีกครั้งพอได้เห็นท่าทางของรุ่นน้องเขากับคนหน้าหวานข้างหลังแคชเชียร์

               

                เขายื่นหน้าไปกระซิบข้างหูชายหนุ่ม

     

                “มึงจีบอยู่ใช่ป่ะ คนขายอ่ะ?”

     

                “เออ จีบไม่ติดซักทีเนี่ย”

     

                ชานยอลหัวเราะคิกคัก ไอ้หมอนี่ชื่อเซฮุน รุ่นน้องคณะเดียวกับเขาและเป็นเดือนคนใหม่ของปีนี้ สนิทกันมาตั้งนานก่อนจะเข้ามหาลัยฯแล้วล่ะที่จริง

     

                แต่แปลก...ปกติแค่เซฮุนกระพริบตาสาวๆก็เดินตามกันเป็นพรวนแล้ว

                ท่าทางคนนี้จะเล่นยาก

     

                “เดี๋ยวกูช่วย” ชานยอลบอกกับเซฮุนก่อนจะตบไหล่รุ่นน้องไปสองสามทีแล้วเดินเข้าไปคว้าข้อมือบางของคนที่หลบหน้าเขาให้เดินออกมาจากร้านโดยที่ไม่ฟังเสียงโวยวายเลยแม้แต่น้อย

     

                “!@#$เหี้ยปล่อยกูนะ! ไอ้หัวฝอยขัดหม้อ! ไอ้หูใหญ่ฟันเยอะ!

                ทนหน่อยปาร์คชานยอล






     _____________________________________________________

     



     

                แบคฮยอนพยายามสะบัดมือให้หลุดออกจากการกอบกุมของคนตัวสูงแต่ไม่สำเร็จเลยสักครั้ง ชานยอลพาเขาเดินออกมาจากร้านของลู่หานไปยังสวนน้ำพุที่ตอนนี้ไม่มีแม้แต่คนๆเดียวเดินผ่าน แถมยามโพล้เพล้แบบนี้สถานที่นี้ก็ยิ่งดูอันตราย

               

                “พากูมาที่นี่ทำไมเนี่ย” แบคฮยอนตะโกนถามในขณะที่ชานยอลปล่อยข้อมือบางให้เป็นอิสระ

     

                “ปล่อยให้คนเข้าจีบกัน ส่วนเกินอย่างกูกับมึงอยู่ไปก็เท่านั้นแหละ” ชานยอลทิ้งตัวลงนั่งที่ม้านั่งเหล็กตัวยาวอย่างเหนื่อยอ่อน เมื่อกี้ยุดยื้อกันอยู่ตั้งนาน

     

                “....เออว่ะ” แบคฮยอนคิดสักพักก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆร่างสูง

     

                “ไม่รู้ว่ามึงก็เรียนที่นี่ด้วย” ชานยอลเริ่มต้นบทสนทนา

     

                “นั่นควรจะเป็นคำพูดกูมากกว่า” ­แบคฮยอนบอกก่อนจะเอนหัวลงบนพนักพิงของม้านั่งตัวยาวช้าๆ

     

                เอ๊ะ

                ทำไมนิ่มๆวะ

     

                “แอบชอบกูก็บอก”

     

                “เหี้ย! ใครชอบมึง!” แบคฮยอนสะดุ้งสุดตัวทันทีที่เห็นว่าไอ้ที่เขาหนุนอยู่คือแขนของปาร์คชานยอล ยิ่งพอเห็นรอยยิ้มสะใจของอีกฝ่ายก็ยิ่งโมโห

                เสียท่าอีกแล้วแม่งเอ้ย

     

                “ทำงานอีกทีเมื่อไร” คนตัวสูงถาม

     

                “ทำไมต้องบอกมึงด้วยอ่ะ”

     

                “กูอยากรู้”

     

                “รู้ไปทำไม” แบคฮยอนตะแคงตัวหันมามองหน้าชานยอล พอดีกับร่างสูงที่ทำแบบเดียวกัน เขานิ่ง ชานยอลก็นิ่ง ดูเหมือนจะตกใจด้วยกันทั้งคู่

     

                “...จะได้ไปด้วยกันไง”

     

                ชานยอลคลี่ยิ้มกว้าง ดวงตาของร่างสูงสะท้อนแสงสีส้มอ่อนของพระอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้า แบคฮยอนปฏิเสธไม่ได้ว่ามันสวยมากจนเขาละสายตาออกไปแทบไม่ทัน

     

                พอรู้สึกตัวเขาก็รีบเบือนหน้าหนีไปอีกทาง

     

                “ใครอยากไปกับมึง”

     

                “มึง”

     

                “พ่องดิ” แบคฮยอนหันกลับมาทำท่าจะต่อยคนตัวสูง ชานยอลยกมือขึ้นเป็นเชิงบอกว่ากูกลัวแล้ว

     

                “ตกลงทำงานเมื่อไร”

     

                “พรุ่งนี้เที่ยง”

     

                “โอเค พรุ่งนี้เลิกเรียนเจอกันตรงนี้”

     

                “ใครบอกว่ากูจะไปกับมึง”

     

                “กูเนี่ยแหล่ะ อย่าดื้อ”

     

                ชานยอลกดเสียงต่ำ แบคฮยอนไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเวลาชานยอลทำหน้าตาจริงจังบวกกับน้ำเสียงเข้มๆแล้วเขาถึงได้กลัวขึ้นมา

     

                เหมือนมันมีอำนาจสะกดให้เขาขยับไปไหนไม่ได้

     

                “....” แบคฮยอนเงียบ

     

                “เป็นอะไรไอ้หมา” ชานยอลก้มหน้าลงมาให้อยู่ในระดับเดียวกับใบหน้าของคนตัวเล็กแล้วโบกมือไปมาเรียกสติอีกคน

     

                “...” แต่ก็ไร้เสียงตอบรับ

     

                “ไอ้หมา...” ชานยอลยื่นหน้าเข้าไปใกล้กว่าเดิม

     

                “ใครใช้ให้มึงเรียกกูหมา” พอคนตัวเล็กตื่นจากภวังค์ก็ฟาดมือลงมาที่แขนของชานยอลเต็มแรง

     

                “โอ๊ยเจ็บ”

     

                “ห้ามเรียกหมา” ร่างบางชี้นิ้วสั่ง

     

                “งั้นเรียกเบค่อน”

     

                “ไม่ได้”

     

                “งั้นอะไร” ชานยอลเขยิบตัวเข้ามาใกล้จนไม่เหลือช่องว่างระหว่างพวกเขา มองดีๆแล้วแบคฮยอนเป็นคนไหล่แคบมากๆ ไม่ได้ผอมแต่ก็ไม่ได้มีกล้ามเหมือนผู้ชาย มันดูบอบบาง...น่าถนอม

     

                “กูก็มีชื่อนะครับ เรียกให้มันถูกๆหน่อย”

     

                “ไม่เอากูอยากพิเศษ”

     

                คำพูดของชานยอลทำให้แบคฮยอนไม่สามารถพูดอะไรต่อ เขาไม่รู้ว่าไอ้หมอนี่จะอยากพิเศษไปเพื่ออะไร เขาไม่รู้เลยว่าชานยอลต้องการอะไร แค่อยากเป็นเพื่อน...

                หรืออาจจะมากกว่านั้น

     

     

                เห้ยบ้า

                บ้า...

                บ้าน่า...

               

                บ้า!

     

     

                “แต่กูชอบเบค่อนนะ” ชานยอลแยกยิ้มแฉ่งก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวแบคฮยอนเบาๆ รู้สึกตกใจนิดๆที่อีกฝ่ายไม่ได้ปัดมือเขาทิ้งหรือแสดงท่าทีขัดขืนเหมือนแมวเชื่องๆ

     

                แบคฮยอนจงใจไม่หันไปมองรอยยิ้มของอีกคน เพราะกลัวว่าอะไรบางอย่างในตัวเขาอาจจะเปลี่ยนไปเมื่อเห็นมัน...

     

                “อยากเรียกอะไรก็เชิญ มืดแล้วกลับได้ยัง?”

     

                แบคฮยอนลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อย ว่าแต่ว่าไอ้ลู่หานกับเด็กนั่นจะเป็นยังไงบ้างวะ ชักจะเป็นห่วง...

     

                “บ้านมึงอยู่ไหน” ร่างสูงถามพร้อมกับลุกขึ้นยืน

     

                “จะรู้ไปทำไมอีกวะ” แบคฮยอนหันมาตวัดตามองคนตัวสูงอย่างหงุดหงิด เป็นห่าอะไรอยากรู้ไปซะทุกเรื่องเลยให้ตายสิ

     

                “กูบอกแล้วกูอยากรู้จักมึง”

     

                เอาอีกแล้ว...

                สายตาจริงจังแบบนั้นอีกแล้ว...

     

                “อยู่...โน่น” แบคฮยอนชะงัก เสียงสูงติดขัดก่อนจะหลับหูหลับตาชี้ไปมั่วๆ เขาไม่ชอบให้ชานยอลมองด้วยสายตาแบบนี้...

     

                ไม่ชอบ...

                มากๆ...

     

                “โน่นไหนของมึง” ชายหนุ่มมองตามนิ้วเรียว

     

                “อพาร์ทเม้นสีฟ้าตรงข้ามร้านหมูกระทะนั่งรถเมล์หน้ามอไปสามป้าย”

     

                “เห้ยถามจริง”

     

                “ก็เออดิ โกหกทำไมวะ”

     

                “กูพักอยู่ตึกข้างๆมึง” คำตอบของชานยอลทำเอาแบคฮยอนลืมตาโพล่ง และตาเขาโตกว่าเดิมเมื่อชานยอลเดินเข้ามากุมมือบางก่อนจะบอกว่า “กูไปส่ง”

     

                “ไม่ต้อง กูกลับเองเป็น”

     

                แบคฮยอนขืนตัวออกมาจากคนตัวสูง แต่ข้อมือของเขาก็ยังไม่เป็นอิสระ ตาสวยจึงค้อนมองชานยอลที่จงใจกำข้อมือเขาแน่น

     

                “ปล่อยดิกูไม่ใช่ผู้หญิงนะไม่ต้องไปส่งกู”

     

                “ยังไงก็กลับทางเดียวกันอยู่ดี อย่าดื้อดิวะ” ชานยอลขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจพลันกระชับข้อมือบางให้แน่นขึ้นกันอีกคนหนี แล้วรุดหน้าเดินไม่รอให้แบคฮยอนได้ทันโวยวายใส่เขา

     

                แบคฮยอนขมวดคิ้วหากันจนยุ่ง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมชานยอลต้องมาจับมือเข้าแล้วทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแบบนี้ด้วย ทั้งๆที่แค่บอกดีๆเขาก็ตกลงยอมกลับบ้านด้วยกันตั้งแต่แรกแล้ว...

                ตกลงคิดอะไรกับกูป่ะวะ?

     

     

               

                _____________________________________________________

     

     

     

                คนตัวเล็กปล่อยให้อดีตเดือนคณะจากสาขาโมชั่นกราฟฟิคกุมมือมาจนพ้นเขตมหาลัย บอกตามตรงแบคฮยอนเหนื่อยจนไม่มีแรงขัดขืน

     

                พระอาทิตย์ดวงใหญ่ตกดินไปได้สักพักแล้ว ท้องฟ้าที่เคยแต่งแต้มด้วยสีส้มกลับถูกระบายทับด้วยสีน้ำเงินเข้มแล้วประดับด้วยกากเพชรที่เป็นดาวระยิบระยับไปทั่วแผ่นฟ้า เส้นทางที่เคยใช้เดินคนเดียวตอนนี้กลับมีเพื่อนร่วมทางเพิ่มมาอีกหนึ่งคน

     

                คือปาร์คชานยอล...

     

                “หิวป่ะ” เสียงทุ้มเอ่ยถามเขาซึ่งอยู่ด้านหลัง

     

                “นิดหน่อย”

     

                “ไปหาอะไรกินที่ห้องกูมั้ยเดี๋ยวทำให้”

     

                แบคฮยอนเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเหมือนเขาจะฟังอะไรบางอย่างผิดไป...หน้าอย่างไอ้เอเลี่ยนเนี่ยนะทำอาหารเป็น? หมาแดกรึเปล่าเถอะ

     

                “กูทำเป็นครับ ไม่ตายก็แค่เข้าโรงบาล”

     

                “แล้วยังจะทำให้กูแดกอีกนะ...เลว” ชานยอลหัวเราะร่าก่อนจะตบไหล่บางปุๆ

     

                “กูล้อเล่น ไปเหอะไปนั่งเล่นที่ห้องกู กูเหงา”

     

                เขาสังเกตได้ถึงเสียงชองชานยอลที่อ่อนลงตรงประโยคสุดท้าย ไอ้หมอนี่คงจะไม่ได้โกหกจริงๆ...

     

                “ไม่มีเพื่อนคบดิมึงอ่ะปากอย่างกะโถขี้” แม้จะแอบสงสารแต่ก็ยังไม่วายแอบกัด

     

                “เพื่อนกูมีเยอะแล้ว” ร่างสูงเอ่ยก่อนจะเงยหน้าขึ้นแหงนมองท้องฟ้ามืด

     

                “แล้วเหงาเหี้ยอะไร”

     

              “...อยากมีแฟน”

     

              พูดแบบนั้นแล้วมองหน้ากูมันหมายความว่าเหี้ยอะไรครับ!?

     

     

                _____________________________________________________

     

     

     

     _____________________________________________________







     

                “กลับเถอะเซฮุนพี่จะปิดร้านแล้ว”

     

                “ผมจะไปส่งเสี่ยวลู่ที่บ้าน”

     

                ลู่หานถอนหายใจแล้วส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่ายให้กับความดื้อของไอ้เด็กหัวรั้นที่นั่งดูดชานมไข่มุกรสช็อคโกแลตอยู่บนโต๊ะเคาท์เตอร์ใกล้แคชเชียร์

     

                เป็นเวลาสามนาทีมาแล้วที่เขาเถียงกับเซฮุน เขาไล่ให้เซฮุนกลับบ้านเพราะนี่มันก็ปาเข้าไปสามทุ่มแล้ว พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานพอสมควร

     

                แต่ไม่มีท่าทีว่าไอ้เด็กโข่งนี่จะขยับตูดไปไหน แถมยังสั่งชานมไข่มุกแก้วใหญ่ไปดูดตั้งสองแก้วเพื่อฆ่าเวลารอเขาทั้งๆที่ไล่ให้กลับบ้านเท่าไรก็ไม่ยอม เอาแต่จะไปส่งเขาลูกเดียว...

               

                “พี่กลับเองได้นะ เซฮุนกลับบ้านเถอะดึกแล้ว” ลู่หานลองพยายามไกล่เกลี่ยเซฮุนอีกครั้ง

     

                “อย่าปฏิเสธความหวังดีของผมได้มั้ยครับ พี่ก็รู้ว่าผมทำไปเพราะอะไร”

     

                “...”

     

                คราวนี้เป็นลู่หานที่เงียบ เงียบกริบแบบที่ว่าไม่มีแม้แต่เสียงลมพัดผ่าน เป็นความเงียบที่น่าอึดอัดที่สุดเท่าที่เคยพบเจอ

     

                เขารู้ดีว่าเซฮุนทำไปเพราะอะไร

                แต่เขารับความหวังดีนั้นเอาไว้ไม่ได้จริงๆ

     

                “ถ้าลำบากใจมากนักวิ่งหนีผมสิ” เซฮุนเหยียดตัวลุกขึ้นแล้วเดินอ้อมไปหลังแคชเชียร์ ขายาวก้าวประชิดลู่หานที่ขยับถอยหลังไปจนสุด ไร้ทางหนี เหมือนกวางที่กำลังจะโดนจับ

     

                เซฮุนไม่ลดความเร็ว เขารุดหน้าเดินจนระยะห่างของเขาและลู่หานเหลือเพียงแค่คืบ ร่างบางที่สูงเพียงแค่ไหล่ไม่กล้าเงยหน้ามองเซฮุนเพราะไม่อยากให้อีกคนเห็นว่าตอนนี้เขากำลังมีสีหน้าแบบไหน

                อย่าหวั่นไหวเด็ดขาด

     

                “ผมตามจีบพี่มาตั้งสามเดือนแล้ว ผมเฝ้าถามตัวเองทุกวันว่าทำไมผมถึงไม่ยอมแพ้สักที...” เซฮุนก้มหน้าลงพูดกับคนในอ้อมแขน

     

                ลู่หานใจเต้นระส่ำ รอฟังว่าเซฮุนจะพูดอะไรต่อ

     

                “ผมไม่ได้ล้อเล่นกับพี่นะ ผมชอบพี่จริงๆ ชอบมาก...” พลันใช้นิ้วช้อนคางมนให้เงยหน้าขึ้นสบตาเขา แต่ลู่หานกัดริมฝีปากแน่น หลับตาสนิท เว้นแต่พวงแก้มใสที่เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อปิดไม่มิด

     

                เซฮุนทำให้เขาใจเต้นไม่รู้กี่รอบ

                เซฮุนคอยเป็นห่วงดูแลเขาแทบทุกอย่าง

                เซฮุนเป็นคนดี...ดีมาก

     

                แต่เขาไม่คู่ควรกับคนแบบนี้

     

     

                “ผมขอโทษถ้ามันทำให้พี่ลำบากใจ แต่ผมอยากเจอหน้าพี่ทุกวัน”

     

                “กะ...ก็มาหาดิ ไม่ได้ว่า...อะไร” ลู่หานขยับปากพูดพร้อมกับดวงตากลมโตที่ค่อยๆเปิดขึ้น แต่มันเป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์เมื่อตรงหน้าของเขาคือใบหน้าเกลี้ยงเกลาของโอเซฮุนที่กำลังมองมาที่เขาด้วยสายตาที่ราวกับเห็นทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง

               

     

                เหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน ไร้เสียง เมื่อใบหน้าของเซฮุนโน้มลงมาใกล้จนจมูกของพวกเขาสัมผัสกัน สายตาของเซฮุนยังไม่ละออกไปจากดวงตาของลู่หาน ร่างเล็กสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสมือสากที่ท้ายทอย เซฮุนออกแรงดันที่มือเพื่อให้ใบหน้าหวานเข้ามาใกล้ ริมฝีปากสีชมพูสดลอยเด่นอยู่ตรงหน้ากำลังจะทำให้เขาคลั่งตาย

     

                RRRRrrrrRRRrrrrrr

     

                เสียงเรียกเข้าของมือถือในกระเป๋ากางเกงเซฮุนเรียกสติของทั้งคู่ให้กลับมา ลู่หานเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ยกมือขึ้นขยุ้มเสื้อบริเวณหน้าอกข้างซ้ายขึ้นอย่างทรมาน

                เกือบไปแล้ว...

     

                ส่วนเซฮุนก็เดินออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอกร้านอย่างหงุดหงิด แต่จะไม่รับก็ไม่ได้เพราะเบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นของผู้จัดการส่วนตัวของเขา

     

                “มีอะไรครับ”

     

                //วันนี้มีงานเดินแบบที่ห้างดูต้า สี่ทุ่มตรงอย่ามาสาย// เสียงดุของอีกคนลอดมาตามสายทำให้เซฮุนกุมขมับ

                บอกตามตรงเขาไม่อยากไปทำงานตอนนี้ เขายังอยากใช้เวลาอยู่กับลู่หาน

     

                “ครับเข้าใจแล้ว”

     

                เซฮุนวางสายแล้วเก็บไอโฟนเข้ากระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม ขายาวก้าวกลับเข้าไปในร้านอีกครั้งเพื่อจะไปหาคนหน้าหวานที่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

     

                “เดี๋ยวผมมีงานตอนสี่ทุ่ม แต่ผมจะไปส่งเสี่ยวลู่ก่อน ไปกันเถอะครับ” เซฮุนกล่าวกับอีกคนยิ้มๆพลางเอื้อมมือไปหวังจะช่วยลู่หานถือกระเป๋า

    แต่คนตัวเล็กกลับส่ายหน้าปฏิเสธลูกเดียว

     

    “เดี๋ยวพี่กลับเอง นายไปทำงานเถอะ”

     

    “อีกแล้วนะครับ” เซฮุนเอ่ยเสียงเศร้า ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนวูบไหวเล็กน้อย

     

    “อ่ะ...เอ่อ...คือพี่กลัวนายไปทำงานไม่ทัน”

     

    “ผมจะบอกอะไรให้นะ...” เซฮุนโน้มใบหน้าลงมาใกล้ใบหูเรียวก่อนจะเอ่ยประโยคถัดมา ประโยคที่ทำให้ลู่หานหัวใจเต้นแรงจนแน่นหน้าอก

     

     

     

    “ถ้าให้เลือกระหว่างพี่กับงาน ผมเลือกพี่”

     


     

         





    TBC.


    _____________________________________________________

     

                 

     

     

    ตอนที่สองแล้วนะ
    ฮุนฮานออกมาแล้วนะ
    :)



     

                                                                                       

     

     

     

               

     

     

                

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×