คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ปฐมบท
ปฐมบท
ขณะที่เกิดรอยแยกเส้นบางละเลงบนบริเวณต้นแขน ตามมาด้วยเลือดสีแดงปริ่มออกมาจากทางรอยเฉือน ฉันพยายามอดกลั้นความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากมีดคัตเตอร์ใบเล็กๆ มีดคัตเตอร์คู่กายของฉัน
ฉันได้แต่รอให้ความเจ็บปวดนั้นผ่านไป แล้วเสพเอาช่วงเวลาแห่งความทุกข์ที่ยังคงอยู่เข้ากลืนกินฉันอีกรอบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของฉันและไม่ใช่ครั้งสุดท้ายอย่างแน่นอน
เลือดสีแดงที่ไหลปริ่มออกมาช่วงแรก ตอนนี้เริ่มไหลหยดด้วยปริมาณที่น้อยลงเรื่อยๆ ฉันเดินไปหยิบสำลีมาซับคราบเลือดออกจนหมด ไม่ลืมที่จะเอาสำลีชุบน้ำเช็ดคราบเลือดออกจากใบมีด ฉันเช็ดมันไปมาอย่างช้าๆราวกับทำความสะอาดประติมากรรมอันล้ำค่าอยู่ก็ไม่ปาน ความเจ็บแปลบเริ่มบรรเทาลงไปบ้าง
“อดทนไว้ คายุนี เธอต้องผ่านค่ำคืนนี้ไปให้ได้ เธอต้องทำให้ได้” ฉันพูดกับตัวเอง
ใบหน้าในกระจกสะท้อนเห็นผู้หญิงรูปร่างผอมบางไร้ซึ่งเครื่องผ้าอาภรณ์ใดๆห่อหุ้ม ฉันมองเห็นโครงกระดูกโปนของตัวเองที่โปดปูนออกมาอย่างเห็นได้ชัด ครั้งสุดท้ายที่ฉันแตะอาหารเป็นเมื่อไหร่กันนะ รึเป็นเพราะความหิวทำให้ฉันอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรงได้ถึงเพียงนี้ ฉันไม่มีกำลังแม้แต่จะเดินเหินไปที่ไหน ทั้งวันฉันเอาแต่นั่ง นอนแล้วร้องไห้ จ้องมองแต่กระจกและบาดแผลจารึกบนท่อนแขนตัวเองไปมาซ้ำๆเหมือนพวกย้ำคิดย้ำทำ ฉันมิอาจล่วงรู้ได้เลยว่าวันนี้วันที่เท่าไหร่ เวลานี้เป็นช่วงกลางวันรึกลางคืนกันแน่ หากฉันเพียงแต่เดินไปเปิดหน้าต่างออกก็จะพบกับคำตอบ หากฉันเพียงแค่เดินไปหยิบมือถือตรวจดูปฎิทินในนั้นก็จะทราบ แต่ว่าฉันไม่ต้องการทำหรือรับรู้ในสิ่งใด
มือขวาลูบไล้ข้อมือซ้ายอย่างแผ่วเบา นิ้วทั้งห้าสัมผัสได้ถึงรอยนูนต่ำลากยาวหลายรอยตรงข้อมือ ตั้งแต่เส้นแรกที่ปูดขึ้นมาตรงช่วงตำแหน่งเส้นเอ็นข้อมือพอดี ไล่ลงมาอีก3-4เส้น ซึ่งหากรวมกับรอยใหม่ก็เป็น5รอยพอดี ฉันนับ
เปล่าหรอกนะ ฉันไม่ได้คิดอยากฆ่าตัวตายหรือทำอะไรเทือกนั้น ไอ้ความคิดเรื่องฆ่าตัวตายมันเคยมีมาเมื่อหลายปีก่อน พอฉันมานั่งทบทวนนึกดูกับไอเดียบ้าๆบอๆของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องการจะลาจากโลกโสมมนี้ไปด้วยวิธีการต่างๆนานาแล้วก็รู้สึกขำและสมเพซเด็กผู้หญิงคนนันเสียจริง ตอนนั้นเด็กนั่นคงยังไม่รู้ถึงคุณค่าหรือความหมายของชีวิตที่แท้จริงเท่ากับตัวเธอในตอนนี้ การปลิดชีพตัวเองก็คือการทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต แม้นว่าเกือบทั้งชีวิตของเธอจะไม่เคยเจอเรื่องดีๆ พ่อแม่ของเธอเองก็ไม่เคยสนใจหรือห่วงใยเธอมากพอที่เธอจะรู้สึกหวงแหนรึอยากดำรงชีวิตอยู่ต่อก็ตาม
“ฉันกำลังทำให้ตัวเองเข้มแข็ง”เสีงพึมพำเล็ดรอดออกจากไรฟัน ฉันกอดตัวเองด้วยความหนาวสั่น มือข้างที่ถูกกรีดยังคงมีเลือดไหลอยู่แต่ฉันไม่สนว่ามันจะเปื้อนกายตัวเอง เลือดของฉันก็คือตัวฉัน ถ้ามันยังไหลอยู่แสดงว่าตัวฉันยังคงอยู่ แผลเป็นบนข้อมือซ้ายก็เช่นกัน จำนวนที่มากขึ้นเรื่อยๆจะคอยยืนยันว่าต่อจากนี้ไปฉันเองก็จะเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ ทุกรอยกรีด เลือดทุกหยดเป็นสิ่งที่สอนฉันให้รู้จักต่อสู้ละมีชีวิตอยู่เพื่อนวันข้างหน้า
‘ตอนนี้ มือทั้งสองข้างฉันกำลังโอบรัดไหล่เธอ แขนทั้งสองข้างเธอกำลังจับเอวฉันอยู่ เรากำลังกอดก่ายกันและกัน---ดูสิว่าฉันใกล้ชิดเธอได้ขนาดไหน’
หยดน้ำตาไหลรินจากดวงตาทั้งสองข้าง แม้เวลาจะผ่านล่วงเลยไปนานเท่าใด ฉันก็ยังจำเสียงของเธอได้ จดจำได้ทุกอย่าง ทุกสัมผัสที่เธอเคยก่ายกอด ทุกคำพูดที่เธอเคยพูดกับฉัน ทุกวินาทีที่เราเคยอยู่ด้วยกัน มันเหมือนกับว่าเรื่องทุกเรื่องเพิ่งได้เกิดขึ้นมาเมื่อวานนี้ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่เธอยังเคยหัวเราะเสียงใสเพราะด้วยเพียงคำพูดตลกฝืดๆของฉัน เหมือนเมื่อสิบนาทีก่อนเรายังเคยนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน เธอที่ชอบลูบผมฉันอยู่เป็นประจำเพิ่งชมไปหยกๆว่าเส้นผมของฉันมันช่างสวยงามนุ่มมือและเธอเองชอบมันมากเพียงใด ฉันจดจำได้แม้กระทั่งเสียงหอบสั่นเจือกลิ่นเหงื่อที่เคยหยดลงมาบนตัวฉัน
มธุ เธอยังจำครั้งแรกที่เราเจอกันได้รึเปล่า?
ความคิดเห็น