ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    77888 ACADEMY (รับสมัครตัวละคร)

    ลำดับตอนที่ #9 : บทที่5 ปากอย่าง ใจอย่าง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 68
      2
      19 มี.ค. 61

         “ให้ตายสิโว้ย! ไอ้หมอนั่นจะมีปัญหากับฉันอะไรกันนักกันหนาวะ?!”
         ชายหนุ่มผิวเข้มโวยวายขึ้นกลางโรงอาหารทำให้สายตาของคนอื่นมองมาที่เขาอย่างช่วยไม่ได้
         “ก็พี่ทำผิดเอง อาจารย์ฟรายเดย์ก็ต้องไม่ชอบเป็นธรรมดา”
         พีริเซียพูดพลางกัดขนมปังที่เธอซื้อมาเป็นมื้อกลางวันและมองพี่ชายด้วยความเบื่อหน่าย
         “ไม่หรอก พวกนั้นผิดเองนะที่มาหาเรื่องโซเซียน่ะ!”
         ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้วยพูดขึ้นก่อนจะโดนพีริเซียปาห่อเปล่าของขนมปังที่หมดแล้วใส่
         “คิสก็เข้าข้างพี่โซริเซียตลอด เพราะแบบนี้ไงถึงเสียคน”
         พีริเซียถอนหายใจแต่อีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าจะสำนึกเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่กำลังเซ็งๆอยู่นั่นเองสายตาของหญิงสาวก็ไปสะดุดเข้ากับรุ่นน้องคนหนึ่ง
         “คาย้าาา! คายะมานั่งนี่สิ!”
         พีริเซียตะโกนเรียกเด็กสาวที่กำลังยืนหมุนๆเพราะหาที่ว่างนั่งไม่ได้อยู่ เด็กสาวชาวเอเชียหันไปตามเสียงก่อนจะยิ้มออกมาแล้วรีบเดินมานั่งข้างๆพีริเซีย เธอวางข้าวกล่องแกงกะหรี่ที่ซื้อมาจากร้านค้าลงบนโต๊ะก่อนจะเริ่มชวนคุย
         “ขอบคุณนะคะ หาที่นั่งแทบตาย”
         “ไม่เป็นไรหรอกคายะจัง ไม่ได้เจอกันสักพักเลยนะ แล้ววันนี้เฟยเฟิ่งไม่มาหรอ”
         รุ่นพี่สาวถามหาเพื่อนของรุ่นน้องตามประสาคนที่เริ่มสนิทกันพอสมควรแล้ว
         “อ้อ เฟยเฟิ่งไปชมรมน่ะค่ะ ส่วนเพื่อนอีกคนก็ท่าทางจะไม่สบายหนักเลยล่ะค่ะ”
         “เห? เดี๋ยวนี้พีริเซียคบค้าสมาคมกับเด็กยุ่นชนชั้นกลางล่างแบบนี้ด้วยหรอเนี่ย”
         คิสซารีสพูดขัดขึ้นมากลางบทสนทนาของสองสาว ทำให้คายะหันควับไปมองทันที แต่พีริเซียที่รู้นิสัยของเพื่อนตัวเองก็ได้แต่ทำใจไว้ลึกๆ
         “ไม่เอาน่าคิส คายะน่ะเป็นรุ่นน้องที่น่ารักนะ”
         โซริเซียรีบพูดแก้สถานการณ์ทำให้เด็กสาวกลับมายิ้มอีกครั้งแม้ในใจจะยังหงุดหงิดเล็กๆอยู่ก็ตาม
         “จะว่าไปทำไมถึงเป็นแกงกะหรี่ของร้านสะดวกซื้อโรงอาหารล่ะ ฉันน่ะยังไม่เคยลองเลย อร่อยหรอ”
         ชายหนุ่มผิวเข้มชวนคุยเพื่อไม่ให้เด็กสาวรู้สึกแย่ คายะส่ายหน้าเล็กน้อยพลางแกะฝาข้าวกล่อง
         “เปล่าหรอกค่ะ ก็กลางๆนะ แต่ฉันลืมเอาข้าวกล่องมาน่ะสิก็เลยซื้อมาเพราะมันไม่แพงมากน่ะค่ะ ฮะๆ แต่ถ้าแกงกะหรี่น่ะฉันทำอร่อยกว่านี้อีกนะคะ!”
         คายะพูดอย่างมั่นใจ
         “จริงหรอๆ อยากลองเลยนะเนี่ย”
         “พีริเซีย ฉันก็เห็นเธออยากกินทุกอย่าง”
         “หุบปากน่า! ฉันก็อยากกินอะไรที่มันไม่ใช่ของสำเร็จรูปบ้างนี่นา!”
         พี่น้องแบล็คไนท์เริ่มเถียงกันตามปกติทำให้เด็กสาวหัวเราะออกมาเล็กน้อย คิสซารีสเริ่มรู้สึกว่าตัวเองอยู่นอกบทสนทนาจึงพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เหมือนสมองกับใจของเขาจะไม่ตรงกันนัก
         “เหอะ พวกนายจะสนใจยัยเด็กจากประเทศที่ชอบทำอะไรไม่เป็นผู้เป็นคนกันนักหนา ฉันไม่เห็น...”
         ยังไม่ทันสิ้นคำอาหารมื้อกลางวันของรุ่นน้องสาวก็ราดลงบนหัวของคิสซารีสพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของคายะ
         “ค่ะ พ่อคนมีสกุลรุนชาติ”
         คายะปากล่องข้าวเปล่าๆในมือใส่หน้าของอีกฝ่าย ก่อนจะเดินจากไปทำให้พีริเซียและโซริเซียได้แต่กุมขมับ
         “นี่นายรู้รึเปล่าเนี่ยว่าคนญี่ปุ่นเป็นประเภทชาตินิยม”
         พีริเซียพูดอย่างเซ็งๆก่อนจะลุกเดินออกไปไม่สนใจคนที่ทำตัวเอง ปล่อยให้โซริเซียนั่งปลอบใจเพื่อนอยู่คนเดียว


         “ฉันไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้นนะ!”
         ชายหนุ่มพูดหลังออกมาจากห้องอาบน้ำข้างๆสระว่ายน้ำ คิสซารีสนั้นมีอุปนิสัยที่ค่อนข้างจะปากหมาพร่ำเพรื่อ รวมทั้งยับยั้งคำพูดของตัวเองไม่ได้ แน่นอนว่ามันเป็นนิสัยที่ค่อนข้างน่ารำคาญทำให้เขาไม่มีเพื่อนนักและเมื่อเขาพยายามจะทำความรู้จักกับใครสักคนเขาก็จะเผลอหลุดพูดแย่ๆออกไปจนจบไม่สวยแบบนี้เสมอ
         “อือ ฉันรู้น่า คราวหน้าก็พยายามหน่อยแล้วกัน ไม่มีเพื่อนไม่เท่าไร ถ้ามีแต่คนเกลียดเนี่ยจะลำบากเอา”
         “อือ...”
         คิสซารีสตอบรับอย่างหงอยๆทำให้โซริเซียอดปลอบไม่ได้ เขาลูบผมของเพื่อนสนิทก่อนจะตบหัวของคิสซารีสเสียงดัง
         “เอาล่ะ! เลิกซึมได้แล้วไอ้หมาหงอย แล้วจะอยู่ในนี้อีกนานไหมเนี่ย”
         โซริเซียที่ใจอ่อนไปชั่วครู่เริ่มกลับสู่โหมดปกติ และอยากจะรีบออกจากเขตของสระว่ายน้ำเพราะในใจของเขารู้ดีว่าที่นี่มีสิ่งมีชีวิตบางชนิดที่เขาไม่อยากเจอนักอยู่ ทั้งสองกำลังจะเดินออกจากเขตสระว่ายน้ำแต่สิ่งมีชีวิตที่โซริเซียพยายามจะหลีกเลี่ยงดูเหมือนจะเร็วกว่าพวกเขาทั้งสองไปหลายก้าว
         “อ้าว สวัสดีครับคุณโซริเซีย”
         เสียงร่าเริงสดใสอันแสนคุ้นหูทำให้โซริเซียหันไปมองดาร์เรลที่นั่งอยู่ที่นั่งบนสุดของอัฒจันทร์ข้างสระ ในมือของชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนมีสมุดวาดภาพที่ดูเหมือนจะวาดยังไม่เสร็จดีอยู่ และแม้เขาจะมองหน้าพร้อมยิ้มให้โซริเซียแต่มือของเขาก็ยังขยับวาดอยู่ได้โดยไม่จำเป็นต้องมองกระดาษเลย
         “ไง ยังชอบมาสิงที่นี่เหมือนเดิมเลยนะ”
         “ฮะๆ เป็นปกติเวลาไม่มีเรียนครับ”
         “ว่าแต่นายวาดอะไรอยู่ล่ะ”
         โซริเซียถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นทำให้ดาร์เรลคลี่ยิ้มออกมา
         “เป็นความลับครับ”
         “ก็ได้ๆ นายนี่มันเป็นแบบนี้เสมอเลย งั้นฉันไปก่อนนะ”
         “ครับ โชคดีนะ”
         ดาร์เรลโบกมือให้โซริเซียเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเดินออกไป คิสซารีสที่เห็นเพื่อนของตนรีบเดินออกไปเองก็รีบวิ่งตามไปปล่อยให้ชายหนุ่มบนอัฒจันทร์หันกลับไปวาดรูปอย่างตั้งใจต่อ
         “เฮ้ๆ โซเซียรู้จักคนนั้นด้วยหรอ”
         คิสซารีสที่รีบเดินตามมาได้จับบ่าของโซริเซียให้หยุดก่อนถึงทางเดินขึ้นตึก
         “อือ พ่อฉันกับมันเป็นเพื่อนกันน่ะ แต่ก็ไม่ได้สนิทนักหรอก สนใจหรอ”
         “ฉันก็สนใจทุกเรื่องของโซเซียนั่นแหละ”
         คิสซารีสพูดออกไปโดยไม่ได้คิดอะไรทำให้โซริเซียถอนหายใจออกมาก่อนยิ้มเล็กน้อย
         “โอเคๆ หมอนั่นกับฉันน่ะเคยเจอกันในงานเลี้ยงของพวกผู้ใหญ่บ่อยๆ แล้วก็มักจะเป็นคนมีรอยยิ้มตามมารยาทกับท่าทางแปลกๆเป็นปกติแหละนะ”
         “อ้อ มิน่าล่ะโซเซียถึงดูใจดีกับเขา”
         “หืม? ใจดี?”
         “อือ โซเซียไม่โวยวายแล้วก็ไม่พูดหาเรื่องเขา แล้วก็ดูเป็นห่วงนิดหน่อย”
         คิสซารีสพูดออกมาทำให้โซริเซียรู้สึกตัวว่าสายตาของเขานั้นดูเป็นห่วงลูกชายของเพื่อนพ่อคนนั้นเป็นพิเศษ
         “ก็คง...สงสารล่ะมั้ง แต่ช่างมันเถอะน่า ฉันไม่เป็นห่วงใครมากกว่านายหรอกคิส”
         ชายหนุ่มผิวเข้มพูดพร้อมรอยยิ้มใจดีพลางคว้าบ่าของเพื่อนให้มาเดินข้างเขา
         “ฉันไม่ได้อยากให้นายมาเป็นห่วงหรอกนะ!”
         คิสซารีสรีบพูดเมื่อเห็นท่าทางของโซริเซีย
         “เออๆ งั้นไม่ห่วงก็ได้วะ”
         “เดี๋ยวสิ! ทำไมเปลี่ยนใจง่ายงั้นล่ะ?!”
         “ก็นายโวยวาย”
         “ฉันเปล่าสักหน่อย!”
         “ฮ่าๆๆ ฉันล่ะชอบท่าทางแบบนี้ของนายจริงๆเลย”
         โซริเซียพูดพลางปล่อยมือจากบ่าของเพื่อนแล้วเดินขึ้นตึกเรียน ปล่อยให้คิสซารีสยืนเขินนิ่งๆอยู่สักพักก่อนจะรีบเดินตามไป


         หลังจากแยกกับโซิริเซียได้สักพักชายหนุ่มก็เดินกลับมาที่ห้องเรียนของตัวเอง ปี4คลาสSห้องเรียนที่แสนจะวุ่นวายและชวนให้เขาเป็นกังวล เพราะเขาไม่อาจเข้าหาใครในห้องนี่ได้เลย และถ้าเขาพยายามก็คงจบไม่ต่างจากเหตุการณ์ของรุ่นน้องสาวเมื่อพักกลางวันที่ผ่านมานัก
         “สวัสดีครับคุณคิสซารีส”
         เสียงคุ้นๆหูดังขึ้นหลังจากคิสซารีสทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเองที่โต๊ะหน้าสุดริมหน้าต่าง เขาเงยหน้ามองชายหนุ่มที่วางมือลงบนโต๊ะของเขาอย่างแปลกใจ
         “นาย...?”
         “ผมดาร์เรลครับ ผมคิดว่าคุณคงไม่ได้ใส่ใจผมสักเท่าไรสินะเนี่ย ฮะๆๆ”
         ดาร์เรลยิ้มอย่างใจดีทำให้คิสซารีสทำตัวไม่ถูกอีกครั้ง ทั้งที่อยู่ในห้องเดียวกันแต่ตอนที่เจอกันในสระว่ายน้ำเขากลับคิดว่าตัวเองเจอกับชายคนนี้เป็นครั้งแรกโดยที่ไม่รู้เลยว่าพวกเขาอยู่ห้องเดียวกันมาตั้งแต่สมัยปี1แล้ว
         “ทำไม...ถึงมาทักฉันล่ะ”
         “ก็ผมเห็นคุณสนิทกับคุณโซริเซียเลยคิดว่าจะลองคุยดู ถ้าสนิทกับคนหัวร้อนแบบนั้นได้ ก็คงจะคุยกับผมได้นะครับ”
         “...ฉันเกลียดหน้านาย นายยิ้มไม่จริงใจสุดๆเลย”
         “ฮะๆๆ ผมรู้ตัวครับ ไม่ต้องย้ำก็ได้”
         คิสซารีสไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดสิ่งที่เขาคิดตรงไปตรงมาขนาดนั้น แต่ความปากไวก็ทำให้เขาหลุดปากออกไปแล้ว
         “ถ้านายจะมาตีสนิทกับฉันเอาหน้าหรือทำให้คนอื่นรู้สึกว่านายเหนือกว่าก็ไม่ต้องดีกว่า นายทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยง”
         ปัง!!
         “เฮ้ย! หุบปากคิสซารีส!”
         ในขณะที่คิสซารีสกำลังพูดออกไปนั้นเสียงทุบโต๊ะจากด้านหลังก็ดังขึ้น ไวท์ลุกขึ้นจากโต๊ะและละทิ้งบทสนทนาที่กำลังคุยกับกลุ่มเพื่อนไปในทันมีเมื่อคำพูดของคิสซารีสลอยไปกระทบหูเขาเข้า
         “นี่แกกล้าว่าดาร์เรลน่าขยะแขยงหรอ ห๊ะ?!”
         ไวท์เดินเข้ามาจับบ่าของคิสซารีส ทำให้เพื่อนร่วมห้องหันมาสนใจพวกเขาเป็นตาเดียว
         “คุณมาร์ติน”
         เสียงเรียกนิ่งๆแต่แข็งของดาร์เรลทำให้ไวท์ปล่อยมือออกจากไหล่ของเพื่อนร่วมห้องและหันไปมองต้นเสียง
         “ผมแค่ขอให้คุณคิสซารีสพูดประโยคนั้นให้ผมเท่านั้นเองครับ พอดีช่วงนี้ผมแต่งตัวละครในหนังสือที่ท่าทางแรงๆหน่อยอยู่แล้วอยากได้อารมณ์ก็เท่านั้น กรุณารักษามารยาทหน่อยครับ”
         ดาร์เรลพูดออกตัวแทน แม้จะเป็นเหตุผลพิลึกๆแต่เมื่อดาร์เรลผู้มีท่าทางจริงจังและชอบทำอะไรเข้าใจยากเป็นคนพูดมันกลับดูมีน้ำหนักขึ้นมาทันตาเห็น ไวท์ที่ยังดูหงุดหงิดอยู่ถอนหายใจก่อนจะคว้าข้อมือแล้วดึงตัวดาร์เรลออกมาจากห้องเรียนทันที ปล่อยให้คิสซารีสนั่งทำตัวไม่ถูกอยู่ที่โต๊ะ
         “เอ่อ...คิสซารีส ไม่ต้องใส่ใจหรอกนะ สงสัยไวท์จะโมโหแล้วพาลน่ะ”
         หญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างๆคิสซารีสพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มทำให้ชายหนุ่มทำได้เพียงพยักหน้ารับเท่านั้น เพราะเขาเองก็ไม่อยากตกเป็นเป้าเกลียดขี้หน้าของเพื่อนๆ เขาหันกลับไปหยิบหนังสือที่ตัวเองชอบขึ้นมาอ่านเพื่อปิดกั้นสิ่งรอบข้างอีกครั้งอย่างเงียบๆ
         นี่ฉันพลาดอีกแล้วหรอเนี่ย


         “คุณมาร์ติน ปล่อยผมได้แล้วนะครับ”
         ชายหนุ่มพูดให้อีกฝ่ายหยุดลงตรงบันไดพอดี ไวท์ปล่อยมือของเพื่อนร่วมชั้นก่อนจะนั่งลงที่ขั้นบันไดด้วยท่าทางอารมณ์เสีย
         “...นายจะช่วยหมอนั่นทำไม”
         ไวท์ถามด้วยความสงสัยเพราะถ้าเป็นเขาคงชกหน้าคิสซารีสไปแล้วเป็นแน่
         “เพราะผมอยากทำก็เท่านั้นแหละครับ ต้องมีเหตุผลด้วยหรอ... 
         ...แล้วไอ้การที่คุณดึงผมออกมาคุยข้างนอกแบบนี้แปลว่าไม่อยากให้ความช่วยเหลือของผมเสียเปล่าสินะครับ”
         “ก็เห็นนายลงทุนปกป้องมันไปแล้ว จะให้ฉันทำยังไง”
         “พิลึกคน...แต่ยังไงก็ขอบคุณนะครับที่เดือดร้อนแทนให้ ทำเอาคุณดูเสียหน้าไปเลย ฮะๆ ว่าแต่ไม่ได้เห็นคุณมาร์ตินโมโหแบบนี้บ่อยๆนะเนี่ย”
         “ตอนนี้ฉันหงุดหงิดกว่าเดิมอีกไอ้บ้าเอ๊ย!”
         “ทำไมล่ะครับ”
         “...ไอ้หมอว่านายแต่นายกลับปกป้องมัน ทีฉันว่านายล่ะโกรธแทบเป็นแทบตาย สองมาตราฐานชะมัด”
         ไวท์พูดอย่างอารมณ์เสียพลางลูบท้ายทอยของตัวเองไม่เงยหน้าขึ้นไปสบคู่สนทนา
         “ก็ที่เขาพูดมันไม่ทำให้ผมรู้สึกได้เท่าคุณนี่ครับ”
         “ยังไง?”
         “ก็...เท่าที่รู้มาจากเพื่อนของผม คุณคิสซารีสเป็นคนปากไม่ตรงกับใจนักแล้วก็สิ่งที่เขาพูดน่ะก็แค่อารมณ์ชั่ววูบสำหรับผม แต่คำพูดของคุณมาร์ติน ทั้งสายตา แววตา ท่าทาง มันทำให้ผมรู้สึกว่าคุณน่ะว่าผมจริงๆมากกว่า อีกอย่าง เข้าใจซะใหม่นะครับ ผมไม่เคยโกรธคุณสักหน่อย แค่รู้สึกว่าคุณไม่ชอบผม ผมก็เลยเดินออกมาเท่านั้นเอง”
         คำพูดด้วยท่าทางนิ่งๆไม่คิดอะไรของดาร์เรลทำให้ไวท์ถอนหายใจออกมา ก่อนจะเงยหน้ามองอีกฝ่าย
         “เออ ฉันขอโทษแล้วกัน พอเห็นนายแล้วฉันคุมตัวเองไม่ค่อยได้ ว่าไงดี ไม่ถูกชะตาล่ะมั้ง”
         “ฮะๆๆ ได้ยินแบบนี้ผมล่ะบอกไม่ถูกเลย สรุปคุณเกลียดหรือชอบผมกันนะ”
         “...อยู่ระหว่างสองอย่างนั่นล่ะมั้ง ฉันชอบนายเพราะนายมักจะเป็นคนที่ใจดีกับชาวบ้านไปทั่ว ใครๆก็ชอบนายจริงไหม แต่ฉันเกลียดนาย เพราะนายมีบางอย่างที่เหมือนกับฉัน ฉัน...ขัดใจเวลาเห็น”
         “ไม่ต่างกันครับ เราไม่ต่างกันเลย เพราะผมก็แอบเกลียดขี้หน้าคุณจริงๆ ฮะๆ”
         ดาร์เรลพูดพลางเดินไปนั่งลงข้างๆชายผู้เป็นเพื่อนร่วมห้องแล้วลูบผมสีขาวของเขาเบาๆ
         “ไม่เอาน่า ฉันไม่ชอบ”
         “อ๊ะ ขอโทษครับคุณมาร์...”
         “เรียกฉันว่าไวท์เถอะน่า นายนี่สุภาพซะจริง อยู่ห้องเดียวกันมาตั้งกี่ปี”
         “ฮะๆ ขอโทษครับไวท์ แล้วนี่เราจะโดดเรียนกันหรอครับ”
         “ตอนอารมณ์เสียน่ะ ไม่มีใครเขามีอารมณ์เรียนหรอกนะ โดดไปเถอะ”
         ไวท์พูดพร้อมสีหน้าเบื่อหน่ายทำให้ดาร์เรลหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย
         “ขำอะไร”
         “เปล่าครับ แค่คุณพูดเหมือนคนๆหนึ่งที่ผมรู้จักเลยล่ะครับ”
         “ใครหรอ”
         “คนที่ผมชอบ”
         ชายหนุ่มยิ้มพลางลูบผมสีขาวราวหิมะอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม ครั้งนี้ไวท์ไม่ได้ทักให้เขาเอามือออกแต่กลับมองรอยยิ้มของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกขุ่นเคืองในใจ
         “นายชอบใครงั้นหรอ”
         “เอ๊ะ? ทะ...ทำไมถามล่ะครับ”
         “ก็นายบอกว่าฉันพูดเหมือนคนที่นายชอบ ฉันก็อยากรู้ว่านายชอบใคร”
         “อ๊ะ....เอ่อ...ผมพูดแบบนั้นหรอ ฮะๆๆ สงสัยผมจะอินกับบทนิยายที่แต่งช่วงนี้มากไปหน่อย”
         ดาร์เรลรีบเอามืออกจากผมของไวท์พลางหันหน้ามองไปตรงๆไม่สบตากับชายหนุ่มที่กำลังมองเขาด้วยความสงสัย ไวท์ไม่ได้ถามอะไรต่อแต่ใบหน้าแดงระเรื่อและท่าทางแอบมีความสุขเล็กๆน้อยๆของดาร์เรลก็มากพอที่จะตอบเขาว่ามันเป็นเรื่องจริงไม่ใช่สิ่งที่ดาร์เรลกล่าวอ้างโกหกให้เขาฟัง

    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เส้นคั่น png
    WRITER
    พอเสร็จแล้วมันรอให้ถึงวันพุธไม่ไหวอ่าาาาา
    จริงๆตอนนี้แต่งเกือบจะขึ้นตอนที่8แล้วล่ะค่ะ ฮะๆ
    จริงๆฉันไม่ชอบชื่อคิสซารีสเลยล่ะน้า เอ่อ มันไม่ติดหูอะ แต่ช่างมันเถอะเนอะ
    .........................
    อ้อ จริงสิ ลืมอัพตัวละครตัวหนึ่งของคุณพีพีพลอยอีกแล้วล่ะ คือแบบว่า เราชอบนึกว่าอัพไปแล้วทุกทีเลย ฮะๆๆ
    .........................
    แล้วก็ช่วงเวลาในเนื้อเรื่องนี่บางทีก็จะห่างกันประมาณสัปดาห์ถึงครึ่งเดือนนะคะ แต่ถ้ามันต่อกันแบบต่อกันในวันเดียวเลยก็จะสังเกตได้เนอะ แต่ก็จะพยายามแทรกๆให้นะคะว่าแบบ เวลามันเดินไปในระยะหนึ่งแล้ว แต่อาจจะไม่ได้ระบุชัดเจน ส่วนเหตุการณ์ในช่วงวันหยุดเนีย ได้ตัวละครมันไม่ได้มีอะไรสำคัญญญญญทีต้องทำก็คงข้ามๆไปเลย
    (ถ้าในเนื้อเรื่องตั้งตอนแรกถึงตอนนี้ก็ข้ามมาหลายเสาร์อาทิตย์แล้วล่ะ ฮะๆ)
    ..........................
    ตอนต่อไป คือ บทที่6 เข้าใจผิด
    จะลงไม่เกินสามทุ่มคืนนี้นะคะ! เพราะฉันแต่งเสร็จนานแล้ว มันคันไม้คันมืออยากอัพแล้วววววว
    ลองเดาดูนะคะว่าตอนต่อไปจะเกี่ยวกับอะไร ตัวเด่นตอนหน้าคือหนูเฟยเฟิ่งกับหนูเพรทเซลนะคะ
    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ heart gifมีอะไรก็เม้นคุยกันได้ อย่าลืมกดให้กำลังใจด้วยนะคะ!ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ heart gif
    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ thank you gif
    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×