ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    77888 ACADEMY (รับสมัครตัวละคร)

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่3 เพื่อนใหม่

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 109
      1
      7 มี.ค. 61

         หลังจากเข้าเรียนในโรงเรียนแห่งใหม่มาเกือบ2สัปดาห์เต็ม อีสเตอร์มีเพื่อนอย่างรวดเร็ว เธอนั่งอยู่กลางกลุ่มเด็กสาวรุ่นเดียวกันและดูเด่นสะดุดตาด้วยหูกระต่ายบนผมสีชมพู ในขณะที่เด็กสาวกำลังจับกลุ่มคุยกันในช่วงเวลาอาหารเที่ยงนั้นก็มีแขกไม่ได้รับเชิญเดินเข้ามานั่งลงไม่ไกลจากพวกเธอมาก ชายหนุ่มผมสีขาว ตาสีแดง ดึงดูดสายตาของอีสเตอร์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ เขานั่งคนเดียวและไม่มีที่ท่าว่าจะมีใครเดินเฉียดเข้าไปยุ่งนัก
         “นี่ อย่าไปมองนักสิ เดี๋ยวก็โดนหาเรื่องเข้าหรอก”
         เพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งพูดขึ้นเมื่อเห็นอีสเตอร์มองรุ่นพี่เจ้าปัญหาอย่างสนอกสนใจ
         “เอ๋? ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ เขาน่ารักออก เหมือนกระต่ายเผือกเลย”
         อีสเตอร์พูดด้วยรอยยิ้ม ในสายตาของเธอคนที่มีผมสีขาวและตาสีแดงก็คงไม่ต่างกับกระต่ายขนสีขาวสะอาดที่มาคู่กับดวงตาสีแดงสดนัก แม้คนๆนั้นจะเป็นตัวปัญหาอย่างฟาโรห์ก็ตาม
         “ฮะๆๆ มีคนบอกว่าคุณเหมือนสัตว์กินพืชขนปุยน่ารักแหน่ะพวก”
         ชายหนุ่มผู้ประสาทหูดีผิดสถานการณ์พูดแซวพลางนั่งลงตรงข้ามฟาโรห์ เขาวางจานใส่ขนมปังปิ้งร้อนๆลงโดยที่ไม่ถามคนที่นั่งอยู่ก่อนแม้แต่น้อยว่าเต็มใจจะให้เขานั่งด้วยรึเปล่า
         “นี่ฉันไปเป็นพวกของนายตอนไหนห๊ะ ดาร์เรล”
         “ฮ่าๆ ก็ตั้งแต่ที่คุณมาต่อยรุ่นน้องชมรมผมไงล่ะ เด็กคนนั้นเป็นคนสำคัญในการแข่งรอบหน้าเขียวนะ”
         ดาเรลล์ยิ้มเล็กน้อยพลางใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มขนมปังปิ้งเข้าปาก เขามองฟาโรห์ที่ดูไม่ค่อยอยากจะคุยกับเขานักก่อนจะมองต่ำลงดูสิ่งที่อยู่ในจานของรุ่นน้อง
         “...สลัด? สัตว์กินพืชจริงๆหรอเนี่ย”
         “หุบปากน่า! ฉันจะกินอะไรมันก็เรื่องของฉัน!”
         คำพูดยียวนกวนประสาทของดาร์เรลเริ่มทำให้คู่สนทนาของเขาหงุดหงิดขึ้นมาเสียแล้ว แต่เมื่อฟาโรห์มองรอยยิ้มและท่าทางไร้สำนึกสุดๆของดาร์เรลเขาก็ต้องยอมแพ้ที่จะหาเรื่องหรือต่อยหน้าคนแบบนี้ เพราะถึงต่อยไปก็คงไม่ทำให้สติของคนๆนี้ดีขึ้นนัก
         “ว่าแต่ๆ เด็กคนนั้นท่าทางสนใจคุณนะ”
         ดาร์เรลพูดพร้อมหันไปมองเด็กสาวที่นั่งถัดไปไม่ถึงหนึ่งเมตร เมื่อทั้งสองมองไปทางนั้นแทบทุกคนในกลุ่มก็หลบตาพวกเขา ยกเว้นเด็กสาวสวมหูกระต่ายที่ยิ้มหวานและโบกมือให้เล็กน้อย
         “ว้าว น่ารักเลยนะเนี่ย คุณไม่ลองจีบสาวบ้างหรอ เผื่อจะได้นิสัยดีขึ้น”
         ดาร์เรลพูดแซวๆโดยไม่ได้คิดอะไร แต่มันก็มากพอจะทำให้คู่สนทนาจอมขี้รำคาญของเขาถอนหายใจและลุกออกไปจากตรงนั้น
         หลังจากฟาโรห์ลุกไปเพียงไม่กี่นาทีกลุ่มเด็กสาวก็ลุกเอาจานอาหารของพวกเธอไปเก็บ ก่อนที่สาวน้อยหูกระต่ายจะเดินมานั่งลงตรงกับดาร์เรลด้วยท่าทีสนใจ แม้ชายหนุ่มจะแอบแปลกใจเล็กน้อยที่เด็กปี1จะมีความกล้ามาพูดคุยหรือประจันหน้ากับรุ่นพี่ได้ง่ายๆแบบนี้แต่เขาก็ได้แต่ยิ้มรับด้วยรอยยิ้มตามมารยาทที่ประดับบนใบหน้าแทบจะ24ชั่วโมง
         “ว่าไงครับ คุณหนูบันนี่เกิร์ล”
         “เอ๊ะ? เอ่อ...ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่...แบบว่าดูพี่น่าจะพอคุยได้”
         เด็กสาวพูดอย่างเก้ๆกังๆราวกับว่าเธอพุ่งเข้าหาคนที่เธออยากรู้จักโดยไม่ได้คิดไว้เลยว่าควรจะชวนคุยอะไรดีกับคนแปลกหน้า
         “ฮะๆ ได้สิ ผมคุยได้ทุกคนนั่นแหละ”
         “อ๊ะ ถ้าแบบนั้นก็ดีเลยสิคะ ฉันชื่ออีสเตอร์นะคะ เพิ่งมาเรียนปีแรก มาเรียนที่นี่เพราะพี่ชายของฉันเรียนอยู่ที่นี่น่ะ จะเรียกว่าอีสก็ได้นะคะ”
         หญิงสาวแนะนำตัวอย่างรวดเร็วและครบถ้วนจนรุ่นพี่หนุ่มไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับอย่างเท่าเทียมรึเปล่า แต่สุดท้ายเขาก็พูดออกไปเพียงสั้นๆ
         “ผมดาร์เรล ปี4 ยินดีที่ได้รู้จักนะ อีส”
         “พี่ดาร์เรลอยู่ปีเดียวกับพี่ชายของฉันเลยล่ะค่ะ! พี่ไวท์น่ะอยู่ปี4 คลาสเอสล่ะ”
         คำพูดนั้นทำให้ดาร์เรลทำท่านึกอยู่ไม่กี่วินาที ไม่ใช่เพราะเขาจำเพื่อนร่วมห้องไม่ได้ แต่เขาเพียงแค่อยากแสดงให้เด็กสาวเห็นว่าถึงจะรู้จักแต่ก็ไม่ได้สนิทกันเลยแม้แต่น้อย
         “อ้อ ไวท์ มาร์ตินหรอ ห้องเดียวกับผมเลยล่ะ”
         “จริงหรอ?! งั้นพี่ดาร์เรลก็เป็นพวกเทพคลาสเอสสินะคะ”
         “ฮะๆ นี่เธอใช้คำว่าเทพเลยหรอ ผมว่าจริงๆมันก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษเลยนะ ไอ้คลาสเอสเนี่ย”
         “ที่ไม่รู้สึกก็เพราะนายเก่งไม่สนหัวชาวบ้านไง”
         เสียงทุ่มของชายหนุ่มผมสีขาวดังขึ้นแทรกกลางบทสนทนาก่อนที่ไวท์จะนั่งลงข้างๆน้องสาวของเขาพลางวางแขนลงบนบ่าของน้องราวกับจะขู่ตัวผู้ทุกตัวที่เข้ามาใกล้
         “แหม พูดอะไรกันน่ะ ผมเนี่ยนะไม่สนใจคนอื่น”
         “ก็นายสนใจแต่ผมลัพธ์ของตัวเองไม่ใช่รึไง ฉันไม่เคยเห็นนายเปรียบเทียบตัวเองกับใครเลย เพราะงั้นพอพูดแบบนั้นมันเลยยิ่งเหมือนนายไม่สนใจใครเลยนี่”
         “ฮะๆๆ ใจร้ายจัง แต่ผมสนใจคุณนะครับ”
         ดาร์เรลพูดก่อนที่จะลูบมือข้างที่วางอยู่บนโต๊ะของไวท์เบาๆทำให้ชายหนุ่มตาขวางขึ้นเล็กน้อย
         “ผมไม่รบกวนแล้วละกัน เดี๋ยวต้องไปชมรมอีก ไว้เจอกันนะครับ”
         ดาร์เรลยิ้มและเดินจากไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้เลยว่าไวท์นั้นอดกลั้นสีหน้าของตัวเองไว้ขนาดไหน ทันทีที่ชายหนุ่มเดินไปลับตาไวท์ก็ถอนหายใจก่อนซบหน้าของเขาลงบนไหล่ของน้องสาว อีสเตอร์ทำแก้มป่องขึ้นเล็กน้อยแาดงถึงอาการไม่พอใจที่พี่ชายมาขัดขวางการหาเพื่อนของเธอ
         “อา...หัวใจจะวาย”
         ไวท์สบถเบาๆพลางส่ายหัวไปมาถูกับไหล่ของน้อง
         “ทำไมอีกล่ะเนี่ย น้องอุตส่าห์จะมีเพื่อนรุ่นพี่บ้างแท้ๆ”
         “ช่วยไม่ได้นี่นา มันเป็นไปเอง หมอนั่นน่ะอยู่ห้องเดียวกับพี่นะ นั่งข้างหน้าพี่เลย”
         คีย์เวิร์ดบางอย่างในประโยคทำให้เด็กสาวนึกบางอย่างออก เธอทุบกำปั้นลงบนมือตัวเองเบาๆแสดงให้เห็นว่าเธอนึกเรื่องเก่าๆที่พี่ชายเคยเล่าออก ก่อนที่สีหน้าไม่สบอารมณ์จะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มชั่วร้ายแทน
         “เห~? นั่งข้างหน้างั้นหรอ รึจะเป็นคนที่พี่ชายสนใจกันน้า~?”
         “เงียบน่า แค่วาเลนไทน์แซวคนเดียวพี่ก็จะบ้าแล้ว”
         ไวท์พูดอย่างเบื่อๆก่อนจะเลิกทำท่าทางเหมือนคนที่มีน้องสาวเป็นแท่นชาร์จแบตเตอรี่แล้วหันไปเอาแขนทั้งสองเท้าไว้บนโต๊ะแทน เขาวางคางลงบนนิ้วมือที่ประสานกันแล้วถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
         “ถึงจะอยู่ห้องเดียวกันก็เถอะ แต่จริงๆเราไม่ค่อยได้คุยกันนักหรอก ว่าไงดี เพื่อนของพวกเราเป็นคนละกลุ่มกันน่ะ ปกติพี่ก็จะอยู่กลุ่มของผู้ชายสายกีฬาๆหน่อย แต่ดาร์เรลน่ะอยู่ชมรมกีฬาก็จริงแต่เขามักจะนั่งคนเดียวตอนเวลาว่างมากกว่า แล้วถ้ามีใครมาทักเขาถึงจะคุยด้วย แต่ก็แปลกนะ ดูเหมือนจะไม่ต้องพยายามอะไรเลยเขาก็เข้าได้กับทุกคน”
         “ยกเว้นพี่แหง”
         “หา? ทำไมคิดงั้นล่ะ”
         “ก็พี่แยกเขี้ยวใส่เขาซะขนาดนั้น ป่านนี้เขาคงคิดว่าพี่เกลียดขี้หน้าแล้วมั้ง ไม่เห็นรึไงอะ พี่มาเขาก็หนีเลย”
         “งั้นหรอ นี่พี่ดูแย่ขนาดนั้นเชียว”
         ไวท์พูดราวกับพูดกับตัวเอง เขามองตามทางที่ดาร์เรลเดินไปพลางคิดว่าการกระทำที่เขาไม่ค่อยจะพลาดนั้นทำไมถึงได้ออกมาแย่ขนาดนี้


         ดาร์เรลเดินไปตามทางเดินสีขาวของโรงเรียนพลางแอบคิดในใจ
         ฉันเนี่ยนะไม่สนใจใคร ไอ้เXี้ยเอ๊ย
         ชายหนุ่มไม่สามารถสลัดคำพูดนั้นออกจากหัวได้ เขาที่เป็นคนคิดมากจนดูเกินปกติ แต่ในขณะที่เขากำลังเครียดเพราะเรื่องเล็กน้อยที่ผู้พูดแทบไม่ได้ใส่ใจอยู่นั่นเองก็มีคนมาจับบ่าของเขา ดาร์เรลหันไปก็พบกับคนในกลุ่มของแคช หนึ่งในพวกที่ชอบหาเรื่องใครก็ตามที่ไม่ใช่ระดับเอสแล้วดันดูโดดเด่น ดาร์เรลยิ้มเล็กน้อยตามปกติ คำหาเรื่องที่ชายคนนั้นกล่าวไม่เข้าหูเขาเลยแม้แต่น้อย เขาจับใจความหรือศัพท์ใดๆของมันไม่ได้เลย สิ่งเดียวในหัวของดาร์เรลคือท่าทางเย็นชาและคำพูดของไวท์ผู้เป็นเพื่อนร่วมห้อง มันทำให้เขากำมือแน่นก่อนจะง้างหมัดต่อยชายตรงหน้าที่เขาไม่รู้แม้แต่ชื่อเต็มแรง
         “พูดดีชิบหาย แกแม่งดีทุกอย่างนี่Xัด”
         ชายหนุ่มผู้แสนสุภาพพูดออกมาก่อนจะนั่งคร่อมร่างที่ล้มลงด้วยแรงชกของเขาเอง ดาร์เรลต่อยเข้าที่หน้าของชายคนนั้นแรงขึ้นเรื่อยๆราวกับจะฆ่าให้ตาย แต่ในใจของเขานั้นกลับไม่ได้มองเห็นชายตรงหน้าเลย เขาอยากจะชกแว่นให้แตก อยากจะย้อมผมสีขาวบริสุทธิ์ให้แดง เขานึกถึงเพียงใบหน้าของไวท์เท่านั้น
         “แม่ง...แม่งคิดว่าตัวเองเป็นใครวะ?! กล้าดียังไงมาทำท่าทางผยองแบบนั้นใส่ฉันคนนี้! รู้ไหมว่ากว่าจะมาถึงตรงนี้ได้มันเหนื่อยขนาดไหน?! ไอ้คุณหนูเพอร์เฟค คนอย่างแกไม่ต้องทำเXี้ยอะไรก็ได้มาง่ายๆแท้ๆ! ไอ้...!”
         “เฮ้ย!! พอแล้ว!”
         ในขณะที่ดาร์เรลกำลังกระหน่ำชกลงไปโดยไม่แคร์ว่าจะมีใครตายหรือไม่ก็มีมือของใครบางคนมาดึงเขาออกทำให้ดาร์เรลหลุดจากภาพหลอนในหัวของตัวเอง มือทั้งสองข้างของเขามีแผลถลอกเล็กน้อยแต่เลือดกลับอาบไปทั่ว เลือดนองมาจากใบหน้าของใครบางคนที่เขาเพิ่งชกไปจนสลบ
         “เป็นบ้าอะไรวะ?! ไปนั่งสงบสติก่อนไป!”
         ฟาโรห์ที่บังเอิญเข้ามาและห้ามดาร์เรลไว้รีบกระชากร่างของประธานชมรมหนุ่มออกก่อนจะก้มลงไปพยุงคนที่ถูกต่อยจนสลบ
         “นายนี่ก็บ้า...ดีแฮะ”
         เมื่อพยุงคนเจ็บขึ้นมาแล้วหันหลังกลับไปดาร์เรลก็หนีไปจากตรงนั้นซะแล้ว ฟาโรห์ได้แต่ถอนหายใจและลากคนเจ็บไปห้องพยาบาลอย่างจำใจ ระหว่างทางที่เดินไปเขาก็ได้แต่นึกถึงความไม่สมเหตุสมผลของเหตุการณ์ที่เกินขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการที่คนแบบดาร์เรลลงมือต่อยใครจนเละได้ขนาดนี้หรือการที่เขามีสีหน้าเหมือนช็อคอะไรบางอย่างตอนที่โดนห้าม คำถามที่ติดอยู่ในใจนั้นรบกวนสมองของฟาโรห์ไม่น้อยเขาจึงวิ่งตรงไปที่สระว่ายน้ำทันทีที่ออกมาจากห้องพยาบาล
    ชายหนุ่มวิ่งตรงไปจนถึงสระว่ายน้ำแต่เขาก็ไม่เห็นใครอยู่ที่นั่นทำให้เขากำลังจะหันหลังกลับ แต่ตอนนั้เองที่ฟาโรห์คิดบางอย่างขึ้นมาได้ เขาพับแขนและขาเสื้อขึ้นก่อนจะเดินไปหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาด
         ไหนๆก็ไม่มีอารมณ์จะเรียนแล้ว ทำเลยก็แล้วกัน
         ชายหนุ่มคิดในใจก่อนจะเริ่มลงมือทำความสะอาดเช่นทุกครั้ง
         “ขยันจังนะครับ”
         เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นทำให้ฟาโรห์หันไปมองในทันที ชายที่เขาคุ้นหน้าแช่อยู่ในน้ำ มือของเขาเกาะขอบสระเช่นทุกครั้งที่เจอกัน ดาร์เรลยิ้มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่แผลถลอกที่มือนั้นเป็นตัวยืนยันว่าทุกอย่างเกิดขึ้นจริงๆ
         “ไม่ต้องมายิ้มเลย โดดเรียนล่ะสิ”
         “คุณก็ด้วยนะ”
         “...เวลาอารมณ์เสียก็ต้องโดดเรียนดิ ใครจะมีอารมณ์ไปนั่งเรียนฟะ”
         ฟาโรห์พูดก่อนจะเดินมานั่งข้างๆสระ เขานั่งลงกับพื้นโดยไม่แคร์ว่ากางเกงจะเปียกก่อนจะเอาด้ามแปรงขัดพื้นตีหัวของดาร์เรลเบาๆ
         “ฉันจะไม่ถามละกันว่ามีอะไรเกิดขึ้น ฉันไม่ใช่คนชอบเxือก”
         “...ขอบคุณนะครับ”
         “ฉันเข้าใจนะว่านายพยายามมากน่ะ”
         “นี่ได้ยินตอนผมพูดหรอเนี่ย”
         “อือ... ก็แค่อยากบอกว่าฉันอยู่กับชมรมนายมาครึ่งเดือนเลยนะ ฉันเข้าใจ ...เพราะฉันเห็นทุกคน”
          ฟาโรห์พูดด้วยสีหน้าจริงจังกว่าปกติเล็กน้อยทำให้ดาร์เรลหลุดขำออกมากับท่าทางจริงจังที่หาได้ยาก
         “จะขำหาพ่อ...?!”
         ยังไม่ทันจบคำพูดดีมือของเขาก็ถูกกระชากอย่างแรง ดาร์เรลดึงตัวเขาลงในน้ำในขณะที่เขายังไม่ทันตั้งตัวทำให้เขาสำลักน้ำเล็กน้อยแต่ก็เกาะขอบสระเอาไว้ได้
         “นี่แกจะฆ่าฉันรึไงฟะ?!”
         “ฮะๆๆ แค่อยากรู้ว่าว่ายน้ำได้รึเปล่าน่ะ”
         ดาร์เรลหัวเราะก่อนว่ายไปอยู่กลางสระไกลจากตัวของฟาโรห์เพื่อป้องกันตัวเองจากหมัดของนักเลงจอมเหวี่ยง
         “...ฉันน่ะว่ายน้ำได้ ไม่ต้องทดสอบแบบนี้ก็ได้!”
         “งั้นก็ปล่อยมือจากขอบสระสักทีสิครับ”
         “ไม่เอาด้วยหรอก เสื้อมันหนักมากนะรู้ไหม”
         “เฮ้อ อ่อนกว่าที่คิดนะครับ”
         คำพูดกับเสียงกวนประสาทของดาร์เรลทำให้ฟาโรห์เริ่มของขึ้น เขาถอดเสื้อเชิ้ตและเสื้อยืดชั้นในที่เปียกชุ่มโยนไว้ที่ขอบสระก่อนจะว่ายไปหาดาร์เรลแล้วตบเข้าที่หัวของเขาอย่างจัง
         “โอ๊ย! ฮ่าๆๆ คุณนี่เล่นแรงนะครับ”
         “โกรธจริงเว้ยไอ้เวรนี่”
         ฟาโรห์พูดพลางใช้สองมือขยี้ผมที่เปียกชุ่มของดาร์เรลจนยุ่งเหยิง
         “ปวดขาแล้วว่ะ ให้ฉันทำงานต่อเถอะ ฉันไม่เหมือนนายนะ ที่ฝึกทุกวันจนตีขาได้เป็นชั่วโมง”
         ฟาโรห์พูดก่อนจะว่ายกลับไปที่ขอบสระ แต่แขนของเขาก็ถูกดึงเอาไว้อีกครั้ง
          “เข้าชมรมนี้เถอะนะครับ”
         ดาร์เรลพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังพอสมควรทำให้ฟาโรห์หันกลับไปมองหน้าของผู้พูดก่อนจะถอนหายใจ
         “ไม่เอาหรอก ฉันอยากกลับบ้านเร็วๆ อีกอย่างฉันไม่ได้ชอบว่ายน้ำขนาดนั้น”
         “...มาแค่กลางวันก็ได้”
         “ไม่เอาด้วยหรอก ทำยังกับว่าคนในชมรมนายจะยอมรับฉันงั้นแหละ”
         “ยอมสิไอ้ตัวปัญหา!”
         เสียงของใครบางคนดังขึ้นพร้อมกับปาแว่นตาว่ายน้ำโดนหน้าของฟาโรห์จังๆ
         “เข้าชมรมรับผิดชอบที่ทำดั้งฉันหักซะไอ้หัวขาว”
         ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้มกวนๆก่อนเดินเอากระเป๋าไปวางที่เก้าอี้ข้างสระ
         “แค่นี้ก็เหนื่อยจะตายแล้วเรน อีกอย่างแกมาทำอะไร”
         “เอ้า? ถามแปลก นี่ชมรมฉัน แล้วนี่ก็บ่าย3แล้ว มันเวลาเข้าชมรม ใช่ไหมครับประธาน”
         เรนพูดพลางหันไปถามดาร์เรล และไม่นานสมาชิกชมรมคนอื่นก็เดินเข้ามา
         “เฮ้ย วันนี้ฟาโรห์ลงน้ำว่ะ”
         “หุบปากน่า ไอ้หมอนั่นลากลงมา”
         ฟาโรห์ปาแว่นตาว่ายน้ำใส่คนที่แซวก่อนชี้ไปทางดาร์เรล
         “พูดกับประธานดีๆหน่อยสิคะ แล้วก็ขึ้นมาได้แล้ว เดี๋ยวพวกเราจะเริ่มซ้อมกันแล้วนะคะ”
          หญิงสาวคนหนึ่งพูดขึ้นก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อ แม้ฟาโรห์จะเข้ามาในชมรมนี้เพราะปัญหาอย่างการไปต่อยหน้าสมาชิกชมรมอย่างเรนจนดั้งหักแต่ตอนนี้เขาก็แทบจะไม่ต่างจากส่วนหนึ่งของชมรมไปแล้ว นั่นทำให้ดาร์เรลถามย้ำอีกครั้ง
         “เข้าชมรมนี้เถอะนะครับ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว”
         “เออใช่ ชมรมเรามีผู้จัดการก็จริง แต่ภารโรงนี่ยังไม่มีเลย”
         “หุบปากโว้ย!”
         ฟาโรห์ตะคอกคนที่แซวก่อนถอนหายใจ
         “เออ เข้าก็เข้า!!”
    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ anime background pool
    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เส้นคั่น png
    WRITER
    หายหัวไปนานเลย55 จริงๆก็เท่าๆคราวก่อนนั่นแหละนะคะ
    แต่ประเด็นคือ ตอนนี้ลองเปลี่ยนวิธีเล่าค่ะ
    เพราะตอนแรกๆเราจะเล่าแบบ ตัดไปตัดมา เหมือนสับมุมกล้องไปตัวละครต่างๆ แต่ตอนนี้ลองเล่าแบบดึงตัวละครมาใช้น้อยๆแล้วเขียนรวดเดียวให้โฟกัสไม่ค่อยตัดไปมา เพราะถ้าเราแต่งแบบตอนนี้ คือไม่ตัดไปตัดมา ตอนหนึ่งก็คงไม่ได้โฟกัสทีละหลายๆคนแบบตอนแรก แต่ค่อยๆโฟกัสที่ละสามสี่คนไปเรื่อยๆ ผลัดๆไป มันก็มีข้อดีตรงที่เรามีเวลาให้กับตัวละครจัวนึงมากขึ้นล่ะนะคะ
    เลยอยากรู้ว่าแบบนี้ดีไหม หรืออตัดไปตัดมาแบบเดิมก็ดีแล้ว
    ........................................
    อ้อ แล้วก็มีอีกเรื่องที่ยังไม่เคยบอก คือ นิยายเรื่องนี้ เป็นนิยายทดลองมากๆแบบสร้างขึ้นมาเพื่อฝึกการใช้ภาษา การเรียบเรียง การจัดลำดับไปเรื่อยๆ และตั้งเป้าไว้ที่30ตอนเป็นอย่างต่ำนะคะ อาจจะได้อยู่กันไปยาวๆ
    แล้วก็ฉันไม่ได้สนใจเท่าไรว่าจะมีคนตามเยอะไหม แต่ถ้ายังมีคนตามอยู่สักคนก็คงจะแต่งจนกว่าจะจบ
    โดนนักเขียนคนอื่นเทมาเยอะค่ะ เลยไม่อยากเทใคร
    ส่วนเรื่องตอนจบ อันนี้สำคัญนะคะ เพราะเรื่องนี้น่ะ มันไม่มีพล็อตค่ะ ไม่มี
    จะเป็นการแก้ปัญหาของตัวละครไปเรื่อยๆ เพราะงั้นไม่ต้องตั้งความหวังไว้มากนะคะ
    เพราะอย่างที่บอก มันเป็นนิยายสำหรับฝึกสกิลค่ะ แหะๆ
    งั้นวันนี้ก็คุยกันแค่นี้ก่อน เดี๋ยวจะไปอัพตัวละครแล้วล่ะค่ะ
    อ้อ แล้วก็มีอีกเรื่องคือ ต่อไปนี้นิยายเรื่องนี้จะลงทุกวันพุธนะคะ ถ้าสัปดาห์ไหนลงก่อนวันพุธ แปลว่าจะลง2ตอนในสัปดาห์นั้นนะคะ
    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ thank you gif
    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×