คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่1 วันแรกของเทอมแรก ณ ห้องแรกหลังจากขึ้นบันไดแรก
เสียงนกร้องคลอๆในห้องเรียนห้องแรกติดบันไดของตึกฝ่ายมัธยมต้นที่มีอากาศถ่ายเทเย็นสบาย โต๊ะที่ไม่คุ้นเคยแต่ก็ไม่ได้ต่างจากห้องเรียนเดิมๆเมื่อปีที่แล้วนั้นทำให้หญิงชาวเอเชียเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างได้อย่างสบายใจ มันคือที่ๆเดิมเพียงแค่มองจากคนละตึกกับที่เธอเคยอยู่ หญิงสาวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พลางนึกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในตอนปลายของชีวิตมัธยมต้นที่เหลืออยู่ แต่ระหว่างที่เธอกำลังเพลินเพลิดอยู่นั้นก็มีสายตาที่ดูเหมือนจะไม่พอใจเป็นอย่างมากจ้องมองเธอ
“คุณคาราซาวะ! กำลังฝันกลางวันในวิชาของฉันอย่างนั้นหรอคะ?!”
เสียงเรียกของอาจารย์ทำให้เด็กสาวได้แต่ยิ้มขื่นๆให้กับคำถามนั้น ดูเหมือนเธอจะตื่นเต้นกับการเป็นนักเรียนปี3มากเกินไปจนลืมสนใจอาจารย์ในห้องไปเสียแล้ว เสียงหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนานขงเพื่อนในห้องที่ไม่ได้เปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตากันเสียเท่าไรทำให้เธอรู้สึกตัวว่าเธอนั้นยังไม่ได้แม้แต่เปิดหนังสือตามคนอื่นเลยทำให้เธอต้องรีบเปิดหนังสือตามเลขหน้าของเพื่อนข้างๆอย่างรวดเร็ว คายะนั้นไม่ได้ชอบวิชานี้เสียเท่าไรแต่มันก็เหมือนทุกเทอมที่จะต้องมีสักวิชาที่เธอไม่ชอบนั่นแหละ แต่สุดท้ายเธอก็ผ่านมันมาได้จนถึงพักกลางวัน
“คายะ วันนี้จะไปกินข้าวกลางวันที่ไหนกันดีล่ะ โรงอาหารไหม”
เพื่อนสาวที่นั่งข้างๆถามเธอขึ้นแต่คายะก็ส่ายหน้า
“พี่สาวฉันทำข้าวกล่องมาให้น่ะ อยากไปกินที่สวนมากกว่า”
คายะตอบก่อนจะหยิบกล่องใส่ข้าวที่ห่อด้วยผ้าสีสดใสออกมาจากกระเป๋าเป้สีชมพูอ่อนของเธอทำให้เพื่อนสาวทำท่าครั่นคิดอยู่เล็กน้อยก่อนจะคิดบางอย่างออก
“งั้นเดี๋ยวฉันไปซื้อขนมปังที่โรงอาหารแล้วตามไปละกัน รอที่ม้านั่งที่เดิมเนอะ”
เธอพูดด้วยรอยยิ้มก่อนจะรีบเดินออกไปหวังง่าจะซื้อมื้อกลางวันได้ก่อนที่โรงอาหารจะแน่นไปด้วยฝูงนักเรียนผู้หิวกระหายปล่อยให้เพื่อนสนิทเดินไปที่ที่นั่งประจำคนเดียว ที่นั่งประจำของสองสาวนั้นอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวนหลังโรงเรียน แม้จะเป็นที่ๆสวยและร่มเย็นแต่ก็ไม่ค่อยมีคนนักเพราะมันต้องเดินไปไกลพอสมควร คายะนั่งลงบนม้านั่งที่หันไปทางสนามกีฬา เธอไม่ได้อยากดูอะไรเป็นพิเศษเพียงแค่เธอชอบนั่งตรงนี้ก็เท่านั้น อาจเพราะเพื่อนสนิทของเธอชอบมากรี๊ดกร๊าดรุ่นพี่ผู้ชายในชมรมกรีฑาอยู่เสมอๆ
แม้จะเป็นวันแรกของการเปิดเทอมใหม่แต่ชมรมกรีฑาก็ยังคนคึกคักอยู่เสมอๆ พวกเขาซ้อมในช่วงกลางวันและเย็นโดยไม่มีท่าทีจะเหนื่อยเสียเท่าไรโดยเฉพาะซาซีน่าที่เรียกได้ว่าวันๆไม่น่าจะทำอะไรนอกจากวิ่งกับนอนทำให้เขามีแรงพอที่จะซ้อมแล้วซ้อมเล่าอยากไม่รู้จักเหนื่อย
“เฮ้! ซาช่า เอาน้ำหน่อยไหมพวก”
เสียงร่าเริงที่คุ้นหูกระทบกับประสาทของหนุ่มตาปลาตายและประมวลผลออกมาอย่างรวดเร็วว่าเสียงนี้ช่างน่ารำคาญแต่เขาก็รับน้ำมาแต่โดยดีแม้จะรู้ว่ามันถูกดื่มไปจนเหลือแค่ก้นขวดแล้วก็ตาม เขากระดกมันจนหมดขวดก่อนปาขวดเปล่ากลับให้เจ้าของ
“เฟรจ เหลือแค่นี้นายวิ่งไปซื้อขวดใหม่ให้เลยดีกว่า”
“เอางั้นหรอ งั้นรอ..”
“พอเลยไอ้บื้อเอ๊ย ฉันล้อเล่นหรอกน่า”
ซาซีน่าพูดพลางขยี้ผมสีแดงสดของเพื่อนร่วมชมรมที่แข่งกันมาอย่างยาวนานจนเรียกได้ว่าถ้าในเรื่องวิ่งก็คงเป็นคู่ปรับตลอดกาลไปแล้ว แต่ใบหน้าซื่อจนดูเหมือนหมาโง่ๆตัวหนึ่งของเฟรจก็ทำให้เขาได้แต่ถอนหายใจก่อนจะขอตัวไปล้างหน้า
“อ๋า...รุ่นพี่ซาช่าซ้อมเสร็จไปแล้วหรอเนี่ย”
เสียงของเพื่อนสนิททำให้คายะหันไปอย่างรวดเร็วและหลุดมากภวังค์ตอนมองเหตุการณ์ทึกอย่างอย่างเบื่อๆ
“จะเสียดายทำไมกัน หล่อนชอบรุ่นพี่เฟรจไม่ใช่รึไง”
“ม่ายยย มันคนละแบบกันนะคะแม่สาวยุ่น รุ่นพี่เฟรจน่ะดูน่านับถือน่าสนิทเฉยๆ แต่ถ้าดูดีน่ะต้องรุ่นพี่ซาช่าสิ”
“ถึงแม้นอกชมรมจะดูน่ายี๋สุดๆน่ะหรอ”
“ไม่ได้แย่ขนาดนั้นสักหน่อย เขาก็แค่ดูเอื่อยๆ”
“แล้วคนแบบเฟรจเนี่ยน่านับถือตรงไหนกัน”
คายะถามด้วยความสงสัยแต่พอเข้าเรื่องนี้แล้วสีหน้าของเพื่อนสาวก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเหมือนกำลังจะพูดในสิ่งที่จริงจังหลังจากที่ตอนแรกยังดูกรี๊ดกร๊าดผู้ชายตามปกติอยู่
“ก็...คนที่มีความสามารถเกินคนในบางด้านโดยที่ไม่ใช่พลังของS-Humanมาช่วยเนี่ย มันดูเจ๋งไปเลยนะ มันทำให้รู้สึกเหมือนความสามารถพิเศษต่างๆของS-Humanไร้ค่าไปเลย”
คายะผู้เป็นมนุษย์ธรรมดานั้นไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของเพื่อนมากนักแต่เธอทดมันเอาไว้ในใจเผื่อสักวันหนึ่งจะได้เข้าใจความหมายของคำพูดนั้นมากขึ้น
อีกด้าน ณ ห้องพักครูห้องแรกติดบันไดฝั่งหนึ่งที่ชั้น3ในตึกฝ่ายมัธยมต้น อาจารย์หนุ่มเดินไปหยิบขวดยาพลางถอนหายใจก่อนจะเปิดขวดออกและทาลงบนแผลช้ำที่ใบหน้าของนักเรียนที่ตัวเองดูแลอย่างเหนื่อยใจ
“เรียนที่นี่มา3ปีแล้วนะครับ เมื่อไรจะเลิกมีเรื่องแบบนี้สักทีล่ะครับเนี่ย”
“แล้วเมื่อไรดันเต้จะเลิกเป็นอาจารย์ฝ่ายปกครองสักทีล่ะ โอ๊ย!”
คำพูดยียวนกวนประสาททำให้ดันเต้กดแผลของหนุ่มจอมหาเรื่องเพื่อเป็นการเตือนให้ระวังปาก ระหว่างทำแผลไปด้วยอาจารย์หนุ่มก็ได้แต่เหนื่อยใจกับความไม่สำนึกของฟาโรห์ผู้เข้าออกห้องปกครองเป็นประจำ มาทั้งทำเรื่องโดนลงโทษและทำแผลแทนห้องพยาบาลในตัว รวมไปถึงมากวนบาทาอาจารย์อีกด้วย
“ผมรู้นะครับว่าคุณอารมณ์ร้อน แต่ช่วยกรุณาควบคุมอารมณ์และนึกถึงความลำ..”
“อ่า!...น่ารำคาญน่า จะพยายามก็แล้วกัน พอใจรึยัง”
“...ยังครับ เพราะคุณจะต้องไปทำความสะอาดสระว่ายน้ำให้ชมรมว่ายน้ำเพื่อขอโทษที่ไปต่อยสมาชิกชมรมเขาด้วยนะครับ เอาสักเดือนหนึ่งแล้วกัน ตกลงนะครับ”
“หา?! เดือนหนึ่งเลยหรอ มันไม่เยอะไปรึไง?!”
“ถ้าคุณไม่ทำให้ผมอารมณ์เสียก็อาจจะแค่3วันครับ แถมผมเคยบอกแล้วนี่ว่ายิ่งเข้าห้องนี้บ่อยโทษก็จะหนักขึ้น”
ดันเต้พูดพร้อมรอยยิ้มที่ดูอารมณ์ดีก่อนจะเอายาไปเก็บในกล่องเดิม บทลงโทษนี้ทำให้ฟาโรห์หงุดหงิดอยู่ไม่น้อยแต่เขาก็ไม่สามารถโต้เถียงอะไรได้ เพราะถ้าเรื่องนี้ถึงผู้อำนวยการจากปากของดันเต้ผู้ใจเย็นมันคงไม่ตลกแน่ๆ
“เออ ทำก็ทำ งั้นฉันกลับได้แล้วสินะ”
“ครับ ผมบอกคุณดาร์เรล ประธานชมรมไว้แล้ว อ้อ แล้วก็...”
ดันเต้พูดด้วยรอยยิ้มก่อนจะแปะบางอย่างลงบนหน้าผากของฟาโรห์
“อย่าปล่อยให้แผลติดเชื้อนะครับ ถ้าS-Humanตายเพราะการติดเชื้อจากแผลเล็กๆคงเสียโควต้าสวรรค์แย่เลย”
รอยยิ้มใจดีกับมือที่ลูบผมสีขาวอย่างทะนุถนอมทำให้ชายผู้แข็งกระด้างทำอะไรไม่ถูกนอกจากปัดมือของอาจารย์ออกและเดินออกจากห้องไปด้วยท่าทางหงุดหงิด
“ฮะๆ เด็กขาดความอบอุ่นเอ๊ย”
ดันเต้รำพึงกับตัวเองก่อนจะกลับไปทำงานเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะ
ฟาโรห์รีบเดินออกมาจากตึกนั้นอย่างอารมณ์เสียก่อนที่เขาจะหยุดฝีเท้าลงและนึกบางอย่างขึ้นได้
ลืมขอบคุณอีกแล้วแฮะ
เด็กหนุ่มคิดในใจ เขามักจะอารมณ์เสียอยู่เสมอก็จริงแต่จริงๆเขาก็ไม่ได้นิสัยแย่อะไรมากมายหรอก มันก็เป็นเพียงภายนอกและสิ่งที่ถูกสั่งสอนมาบวกกับการควบคุมอารมณ์ไม่เก่งก็เท่านั้น ฟาโรห์ขยี้ผมของตัวเองอย่างเซ็งก่อนจะเดินไปที่สระว่ายน้ำหลังหอพักนักเรียนฝั่งตะวันตกของโรงเรียน สระว่ายน้ำขนาดใหญ่มีโดมเป็นหลังคา พร้อมด้วยห้องอาบน้ำนั้นคือที่ๆเด็กชมรมกีฬาทุกคนต้องมา อย่างน้อยก็มาอาบน้ำก่อนกลับบ้านหลังจากซ้อมกันหนักหน่วงนั่นแหละ ฟาโรห์เดินเข้าไปอย่างเกร็งๆเพราะเขาไม่ค่อยได้มาแถวนี้นัก
“อ้าว คุณราเมเซซ มาจริงๆด้วยนะเนี่ย”
ชาวหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนไว้ผมหน้าม้าผู้ใส่เพียงกางเกงว่ายน้ำขาสั้นกับเสื้อคลุมมีฮู้ดเอ่ยทักอย่างอารมณ์ดี แม้จะพูดเหมือนไม่คิดว่าจะมาแต่ท่าทางของเขานั้นก็ทำให้รู้ว่าเขารู้อยู่แล้วว่าฟาโรห์จะต้องมาที่นี่อย่างแน่นอน
“ผมไม่มีเรียนคาบบ่าย เพราะฉะนั้นถ้าคุณจะทำความสะอาดเลยก็จะมีแค่ผมเท่านั้นแหละที่อยู่ที่นี่ เพราะงั้นไม่ต้องอายไปล่ะคุณราเมเซซ”
“เรียกฟาโรห์ก็พอ เรียกนามสกุลแล้วฉันทำตัวไม่ถูก”
“โอ๊ะ...เอางั้นก็ได้ งั้นเรียกผมว่าดาร์เรลก็แล้วกัน”
ประธานชมรมหนุ่มยิ้มหวานอย่างเป็นกันเองก่อนจะถอดเสื้อคลุมวางไว้บนม้านั่งข้างๆสระแล้วกระโดดหายลงไปในสระ เสียงน้ำเคลื่อนที่ไปมาทำให้ฟาโรห์รู้ว่าเขายังอยู่ในสระนั้นโดยไม่ต้องมอง เขาวางของๆตัวเองไว้บนม้านั่งไม่ไกลจากเสื้อของดาร์เรลก่อนจะพับขากางเกงของตัวเองขึ้นและเริ่มหาอุปกรณ์ทำความสะอาด
“อ้อ ลืมบอกไป!”
เสียงของดาร์เรลทำให้เขาสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปมอง
“ทำความสะอาดห้องน้ำก่อนนะ ทั้งชายหญิงเลย แล้วก็มีอุปกรณ์อยู่ในห้องเก็บของข้างๆห้องน้ำนะ”
ดาร์เรลพูดอย่างอารมณ์ดีก่อนจะดำลงไปในน้ำอีกครั้ง แม้เขาจะดูเหมือนเกรงใจเล็กๆแต่เหมือนว่าใจจริงจะดีใจมากที่มีคนมาทำความสะอาดให้แบบง่ายๆอย่างนี้ เขาถึงได้จิกหัวใช้อย่างเต็มที่ ฟาโรห์ผู้หมดทางหนีต้องยอมทำตามแต่โดยดี เขาเดินไปหยิบอุปกรณ์ในห้องเก็บของก่อนจะเริ่มทำงานของตัวเองในวันแรกอย่างจำนน
ณ ห้องแรกติดบันไดชั้นสามของหอพักชาย ชายหนุ่มสองคนนั่งอยู่ในห้องและกำลังเก็บของเข้าตู้เสื้อผ้า
“พี่ คิดว่ายัยหนูของเราจะอยู่คนเดียวไหวไหม”
ชายหนุ่มผมสีชมพูอ่อนๆถามพี่ชายของตนอย่างกังวล เขาคิดมากอยู่ไม่น้อยเกี่ยวกับน้องสาวที่เพิ่งจะเข้ามาเรียนที่นี่เป็นวันแรก
“ได้อยู่แล้ว ถ้านายเป็นห่วงมากก็ไปดูสักหน่อยไหมล่ะ”
“หึ ไม่เอาหรอก ผมขี้เกียจจะตายแล้ว”
“งั้นฉันไปเองละกัน”
“อื้อ ขากลับฝากซื้อโคล่ามาให้หน่อยสิ”
ไวท์พยักหน้าให้กับคำพูดของน้องชายก่อนจะปิดตู้เสื้อผ้าแล้วเดินออกไปจากห้อง ทันทีที่ประตูปิดลงเขาถอนหายใจเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะรำคาญหรือเหนื่อยใจ มันเป็นเพียงอาการของสิ่งที่ทำจนติดนิสัยก็เท่านั้น ไวท์เดินออกจากหอพักก่อนจะไปนั่งอยู่ที่ม้านั่งหน้าหอพักหญิงเพื่อรอน้องสาว เขาหยิบโทรศัพท์มือถือราคาแพงที่ได้มาจากเงินของการทำงานพิเศษออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนส่งข้อความหาน้องสาวคนเล็กให้รู้ว่าเขานั้นรอเธออยู่
“มันจะดูไม่ค่อยงามนะคะที่คุณมานั่งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงนี้”
เสียงพูดที่ดูสุภาพนุ่มนวลทำให้ไวท์หันไปมองตามเสียงทันที หญิงสาวผู้พูดคลี่ยิ้มให้เขาอย่างสุภาพและมีท่าทีเหมือนจะรอคำตอบว่าเพราะอะไรเขาถึงมานั่งตรงนี้
“อ่า...พอดี ผมมาหาน้องสาวน่ะครับ เป็นห่วงนิดหน่อยเพราะเธอเพิ่งมาเรียนวันแรก”
แม้จะไม่เคยคุยกันมาก่อนแต่ชายหนุ่มก็รู้ดีว่ารุ่นพี่สาวผู้มีผมสีเข้มและท่าทางเรียบร้อยคนนี้เป็นใคร เวโรนิก้า หนึ่งในสภานักเรียนผู้ขึ้นชื่อในเรื่องการปฏิบัติงานที่ยอดเยี่ยมพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะเริ่มคุยต่อ
“เด็กปี1สินะคะ แถมเป็นเด็กผู้หญิง พี่ชายจะเป็นห่วงก็คงไม่แปลกเท่าไร แล้วเธอมีรูมเมทรึยังคะเนี่ย”
“เอ่อ...คิดว่าสักพักเธอก็น่าจะหาได้เองครับ ยัยนั่นเข้ากับคนได้เร็วยิ่งกว่าผมซะอีก”
“ดีแล้วล่ะค่ะ...”
“พี่คะ! ขอโทษที่ช้านะ...อ๊ะ ใครหรอ รึว่าจะเป็นแฟนของพี่ชาย”
เสียงสดใสของเด็กสาวปีหนึ่งผู้สวมหูกระต่ายขัดขึ้นมากลางบทสนทนาของทั้งสอง อีสเตอร์เอามือป้องปากเล็กน้อยอย่างแปลกใจก่อนที่จะยิ้มออกมาในเชิงแซว
“ไม่ใช่ นี่คือรุ่นพี่เวโรนิก้า อลิซาเบธ แอนเดอร์ซัน รองประธานนักเรียนของที่นี่”
“แหม ตายแล้ว แนะนำเต็มยศถูกต้องทุกพยางค์เลยนะคะคุณมาร์ติน”
ชายหนุ่มแปลกใจเล็กน้อยที่เวโรนิก้าพูดอย่างกันเองทั้งยังรู้ชื่อท้ายของเขา แต่เขาก็นึกขึ้นได้ว่าคงไม่แปลกที่รองประธานจอมเนี๊ยบจะจำได้แทบทุกคนในโรงเรียน แต่ไม่ทันจะได้ถามอะไรออกไปหญิงสาวผมสีเข้มก็ขอตัวไปทำงานของเธอต่อและออกจากวงสนทนาไปเงียบๆ
“อย่าไปยุ่งกับเจ้าหล่อนเชียวนะ ยัยนั่นน่ะโคตรน่ากลัวเลย”
“พี่คิดมากไปเองรึเปล่าเนี่ย เขาก็ดูเป็นคนดีนะ แถมสวยด้วย”
“...เดี๋ยวก็รู้ ว่าคนสวยเนี่ยน่ากลัวยังไง”
ไวท์ถอนหายใจเล็กน้อย มีเรื่องอีกมากมายที่น้องสาวของเขานั้นยังไม่รู้ แต่เขาก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องอะไรที่ต้องรีบสอน ค่อยๆปล่อยให้เธอเรียนรู้ไปในโลกที่แสนโสโครกนี้ก็คงไม่เป็นไร
ความคิดเห็น