ลำดับตอนที่ #16
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : บทที่12 รอยยิ้มที่มาพร้อมกับอุณหภูมิติดลบ
อาจารย์สุขศึกษาหนุ่มดูซีเรียสกับปัญหาที่เกิดขึ้นมาก เพราะถ้าหากลูกศิษย์หน้าใหม่ในชมรมของเขาทำผิดจริง มันอาจจะเป็นปัญหาทั้งกับตัวฟาโรห์เองที่จะโดนพักการเรียนเพราะทำนักเรียนคนอื่นเจ็บหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล และชมรมก็อาจจะมีปัญหาไปด้วย เขาดูนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาพักกลางวันแล้วเดินไปที่สระว่ายน้ำในทันที และมันก็เป็นไปตามความคิดของเขาตอนนี้ที่สระว่ายน้ำมีแค่ฟาโรห์กับดาร์เรลเท่านั้น อาจารย์เดินตรงเข้าไปหาทั้งสองคนในสระก่อนจะสั่งให้ฟาโรห์ขึ้นมาคุยกับเขา
“ฟาโรห์ ก่อนหน้านี้เธอไปยุ่งกับเด็กปี6คลาสBบ้างรึเปล่า”
“อ่า...ก็เคยมีนะ แต่นานแล้ว เป็นปีแล้วมั้ง”
“เป็นปีเลยหรอ”
“อื้อ...เอ่อ ครับ”
ลีทำท่าครุ่นคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจ
“จำคนที่นายแบกไปห้องพยาบาลประมาณเดือนก่อนได้ไหม”
“อ้อ ได้สิ”
“นายได้ทำรึเปล่า พอดีอาจารย์ฟรายเดย์เขาสงสัยเรื่องนี้อยู่น่ะ ท่าทางจริงจังกะจะเอาพักการเรียนเลย”
“ผมไม่ได้ทำหรอกจารย์”
“แล้วรู้รึเปล่าว่าใครทำ”
ฟาโรห์นิ่งไปเพราะสายตาจริงจังของอาจารย์ ก่อนสายตาของเขาจะเหลือบมองดาร์เรลเล็กน้อย
“ไม่ ไม่รู้ ตอนไปเจอมันก็ล้มอยู่แล้ว”
ฟาโรห์ตอบนิ่งๆเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสงสัยและท่าทางลีก็ไม่ได้สงสัยจริงๆ แต่เขาก็ยังไม่มั่นใจนักว่าจะเชื่อได้มากขนาดไหน
“มั่นใจนะว่าเป็นแบบงั้น”
“ผมยืนยันครับอาจารย์ วันนั้นผมอยู่ด้วย แต่พอดีถูกเพื่อนเรียกเลยไม่ได้ช่วยฟาโรห์แบกเขาไปห้องพยาบาล”
ดาร์เรลที่เกาะขอบสระฟังอยู่นานพูดขึ้นทำให้ลีดูสีหน้าดีขึ้นมาทันที เพราะสำหรับอาจารย์ทุกคนที่รู้จักดาร์เรลนั้นค่อนข้างจะรู้ว่าเขาเป็นคนที่ไม่มีรอยด่างในประวัติแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งยังพูดจริงน่าเชื่อถือไม่แพ้ใครทำให้ลีเชื่อสนิทใจ
“โอเค ถ้าประธานชมรมของครูว่าแบบนั้น ครูคงต้องตีกับฟรายเดย์สุดใจซะแล้วสิเนี่ย”
ดาร์เรลยิ้มหวานเมื่อได้ยินคำพูดนั้นก่อนที่อาจารย์ของพวกเขาจะเดินออกไป ฟาโรห์แอบหวั่นใจเล็กน้อยก่อนจะกระโดดลงในน้ำอีกครั้งแล้วหันไปถามรุ่นพี่หนุ่มด้วยความสงสัย
“จะไม่เป็นไรหรอ ถ้าเขามารู้เอาทีหลังจะลำบากเอานะ”
“ช่างมันเถอะ ขนาดคุณยังโกหกเพื่อผมโดยไม่ได้นัดกันไว้เลยไม่ใช่รึไง”
“...เลิกเรียกคุณเลยนะ ขนลุก”
“ฮะๆ เปลี่ยนเรื่องซะแล้ว”
ดาร์เรลพูดด้วยรอยยิ้มก่อนจะจับผมสีขาวของรุ่นน้องด้วยมือทั้งสองข้าง
“นี่ติดนิสัยไม่ใส่หมวกมาจากผมหรอครับ แบบนี้อาจารย์ลีโกรธแย่”
“ไม่..ไม่หรอกน่า เลิกจ้องหน้าฉันได้แล้ว ปล่อยเลย”
“ทำไมล่ะครับ พอผมยุ่งๆของคุณเปียกน้ำแล้วดูน่ารักดีออก ฮะๆ”
ใบหน้าของรุ่นพี่หนุ่มที่อยู่ใกล้เข้ามามากในระยะที่ไม่สามารถเห็นอะไรด้านหลังของเขาได้ ฟาโรห์รับรู้ได้เพียงเสียงน้ำที่หยดลงจากผมของอีกฝ่าย และคำพูดที่ใช้เสียงค่อยและหวานแต่กลับดูดังมากในระยะของพวกเขา มือสองข้างนั้นจับหัวของเขาราวกับจะไม่ให้หนีทำให้เขาไม่อาจหันหลบดวงตาสีน้ำตาลเข้มของอีกฝ่ายได้เลย แล้วอยู่ๆรุ่นพี่หนุ่มก็ขยับใกล้เข้ามาเล็กน้อยทำให้ชายหนุ่มหลุดจากห้วงความคิดของตัวเองเพราะเสียงน้ำที่กระเพื่อมตามการเคลื่อนไหว
“ปะ...ไปซ้อมโว้ย!!”
ฟาโรห์กดหัวของดาร์เรลลงไปในน้ำด้วยแรงทั้งหมดที่เขามีก่อนจะออกห่าง ก่อนที่หัวของรุ่นพี่จะโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำอีกครั้ง
“แค่กๆ นี่จะฆ่าผมรึไงครับ?!”
“ก็แกกวนประสาทฉัน!”
“อย่าเอาความมโนส่วนตัวมาตัดสินสิครับ!”
“ฉันไม่ได้มโน! แต่แกกวนประสาทฉันจริงๆ!”
“เอ้า! หนุ่มๆ พอได้แล้วนะคะพ่อคุณทั้งหลาย เหวี่ยงใส่กันในน้ำเดี๋ยวก็ได้เป็นตะคริวตายคู่หรอก”
พิมที่เพิ่งเข้ามาเพื่อจะซ้อมพูดขึ้นแซวๆก่อนจะเดินไปห้องอาบน้ำทำให้ชายหนุ่มทั้งสองต้องเลิกเถียงกันไปโดยบริยาย
หลังจากซ้อมเสร็จหนุ่มนักว่ายน้ำทั้งสองก็เดินไปที่โรงอาหารเพื่อหาอะไรรองท้องก่อนกลับไปเรียนอีกครั้ง ทั้งคู่ซื้อของที่ตัวเองต้องการก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะๆหนึ่งซึ่งแทบไม่มีใครเลย
“อ้าว ไง! เพิ่งเลิกซ้อมเหมือนกันล่ะสิ”
เสียงที่คุ้นหูของไวท์ผู้ยังอยู่ในชุดคาราเต้และท่าทางเหนื่อยไม่น้อยดังขึ้นก่อนเขาจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆดาร์เรลในทันที
“เพิ่งเลิกเหมือนกันสินะครับ”
“อือ โคตรเหนื่อย ว่าจะไปอาบน้ำก่อนค่อยเข้าเรียน ถ้าฉันไปช้าฝากบอกอาจารย์ด้วยสิ”
ดาร์เรลพยักหน้าพลางปักหลอดลมไปที่กล่องนมเปรี้ยวแล้วดูดมันโดยไม่ได้ตอบอะไรเป็นคำ
“ดาร์เรลชอบนมเปรี้ยวมากเลยนะเนี่ย ขอหน่อยได้ไหม โคตรคอแห้งเลย”
“หืม? เอาสิ เอาให้หมดเลยก็ได้นะ”
ดาร์เรลพูดก่อนจะยื่นกล่องนมให้ไวท์แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะรับมันไปก็มีคนมาแทรกกลางกอดคอพวกเขาทั้งสอง แล้วเสนอหน้าขึ้นด้วยใบหน้านิ่งเรียบและคำพูดเชิงแซวไม่เข้ากับสีหน้า
“จะจูบทางอ้อมกันหรอครับคุณสุภาพบุรุษ”
มิคุริโอพูดขึ้นทำให้ไวท์ใช้มือดันหน้าเขาออกก่อนจะถอนหายใจ
“รุ่นนี้แล้วใครเขาถือเรื่องพรรค์นั้นกัน...”
แต่ระหว่างที่ไวท์กับดาร์เรลกำลังสนใจมิคุริโออยู่นั้น ก็มีคนดูดนมในกล่องจนหมดทำให้มีเสียงออกมาราวประชดประชัน ฟาโรห์ที่ใช้ช่วงเผลอกินนมเปรี้ยวจนหมดดึงกล่องออกจากมือของดาร์เรลก่อนจะรวบถุงขนมปังเปล่าของตัวเองใส่มือแล้วพูดบางอย่างด้วยสีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป
“ขอบคุณที่เลี้ยง ฉันไปเรียนละ”
ทั้งสามหนุ่มได้แต่มองตามรุ่นน้องที่ทำให้พวกเขาแปลกใจ ก่อนที่ไวท์จะตบหลังของดาร์เรลเสียงดัง
“แหมๆๆ หมอนั่นถือสินะ ใช่ไหมๆ”
“โอ๊ย! หลังๆมาคุณน่ารำคาญขึ้นเยอะเลยนะครับ”
“ดาร์เรลหน้าแดงเลยล่ะ ฮะๆๆ”
ไว์แซวเพื่อนของตัวเองตามปกติก่อนที่มิคุริโอจะถอนหายใจเล็กน้อยแล้วเดินไปนั่งแทนที่ฟาโรห์ ทั้งสามคุยกันไปเรื่อยเปื่อยโดยไม่ได้สังเกตเห็นปฏิกิริยาของคนรอบข้างโดยเฉพาะสาวๆเลย
“ดูสิ กลุ่มนั้นมันอะไรน่ะ รวมตัวหนุ่มหล่อหรอ ผู้ชายห้องเราเทียบไม่ได้เลย”
“คลาสSเนี่ยสุดยอดไปเลยน้า ถ้ามีรุ่นพี่ไอเรนกับรุ่นพี่สเลย์ด้วยล่ะก็คงสุดยอดเลยล่ะ”
ยัยพวกบ้า! พวกเธอเสพย์ได้แค่นั้นรึไง?! ผู้ชายหล่อน่ะมันต้องจิ้นให้กินกันเองสิฟะ!
ฝาแฝดแบล็คไนท์ผู้มีเลือดสีม่วงข้นราวน้ำมันดิบพูดในใจ ดูเหมือนพวกเขาจะรำคาญคำของชะนีและกำลังอิ่มเอมกันเป็นพิเศษหลังแอบมองโต๊ะที่พวกดาร์เรลนั่งกันมาพักใหญ่ๆ
“นึกว่าจะได้เห็นไวท์จูบทางอ้อมกับดาร์เรลซะแล้ว เนอะพี่โซเซีย”
“อือ...แต่เด็กคนนั้นก็น่ารักมาเลยนะ คนผมขาวๆน่ะ รุ่นน้องหรอ”
“น่าจะ เห็นตัวติดกับดาร์เรลตลอด อาจจะมีอะไรก็ได้ แบบว่าผู้ชายชมรมว่ายน้ำมันก็ส่อๆดีอะนะ”
พีริเซียพูดด้วยเสียงตื่นเต้นผิดปกติไม่ต่างกับพี่ชายฝาแฝดที่ดูจะมีอาการหน้าแดงเมื่อเห็นผู้ชายอยู่ใกล้กัน แม้ว่าทั้งสองจะเป็นพวกหัวรุนแรงใจร้อนไม่ต่างกันนัก แต่ที่ไม่ต่างกันยิ่งกว่าก็คืออาการจิ้นวายขั้นสูงสุดที่ดูเหมือนจะเชียร์อยู่หลายคู่
“...แต่ว่าถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีนะ แบบว่า3Pไง”
“นี่ พี่จะเอาไปลงต่อในนิยายติดเรทที่ตัวเองเขียนไว้อีกแล้วสินะ”
“ก็คิดอยู่นะ แต่ตอนนี้ยังเขียนของรุ่นพี่ชมรมคาราเต้กับชมรมเทควันโดอยู่เลยน่ะสิ คงอีกพักใหญ่กว่าจะได้เริ่ม”
โซริเซียพูดถึงนิยายที่เขาแต่งเล่นๆในไฟล์ลับของคอมพิวเตอร์ทำให้พีริเซียจับมือพี่ชายด้วยท่าทางจริงจังก็จะพูดออกมา
“ถ้าไม่เอามาให้อ่าน แกตาย”
“เออ รู้น่า อ๊ะ โทษทีนะ อีสเตอร์ เผลอจิ้นกันเพลิน ลืมเธอไป...”
โซริเซียหันไปมองรุ่นน้องที่ตอนแรกนั่งด้วยกันแต่ก็ต้องแปลกใจที่เธอหายไปเสียแล้วทำให้เขาและพีริเซียต้องมองหาอย่างช่วยไม่ได้
“คงไปแล้วล่ะมั้ง ดูพวกนั้นต่อไหม”
พีริเซียพูดชวนก่อนทั้งสองจะหันกลับไปทางโต๊ะที่พวกดาร์เรลนั่งกันอยู่อีกครั้ง แต่ตอนนี้ดาร์เรลได้หายไปและมีสเลย์เข้ามานั่งแทนที่ทำให้ฝาแฝดทั้งสองต้องใจเต้นที่มิคุริโอกับสเลย์มานั่งด้วยกันอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้
อีกด้าน เด็กสาวที่หายออกมาจากโต๊ะก็รีบสาวเท้าของเธอตามชายหนุ่มคนหนึ่งไปก่อนที่จะรีบเรียกออกไป
“คุณกระต่ายรอด้วยสิคะ!”
ฟาโรห์ที่งงๆก็มองซ้ายขวาว่ามีตัวอะไรอยู่รอบๆเขาหรือไม่ ก่อนจะหันกลับไปมองด้านหลังทำให้เห็นเด็กสาวที่ดูเด็กกว่าเขา แต่ที่สะดุดตาของชายหนุ่มซะเหลือเกินคือหูกระต่ายบนหัวของเธอ
“เอ่อ...เธอเรียกใครหรอ”
“ก็เรียกพี่ชายไงคะ”
ฟาโรห์เงียบไปใต้ใบหน้านิ่งเรียบของเขานั้นกำลังสับสนและคิดในใจว่า
ยัยนี่มันเห็นฉันเป็นเผ่าเดียวกันเพราะอะไรวะเนี่ย
“เอ่อ...ยัยสัตว์กินพืช มีธุระอะไร”
“เปล่าค่ะ แค่อยากคุยกับพี่ชายเฉยๆ เพราะพี่ชายน่ารักดี เหมือนคุณกระต่ายเลย”
เพี้ยน! เพี้ยนแน่ๆ ยัยนี่น่าจะหนักสุดๆแหงเลย เฮ้ย ตูเป็นนักเลงประจำม.ต้นนะเว้ย!
ในใจของฟาโรห์ร่ำร้องถึงศักดิ์ศรีนักเลงของตัวเอง แต่ด้วยความที่เขานั้นไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรและไม่มีวิธีรับมือกับสถานการณ์แบบนี้เขาจึงตอบกลับไปว่า
“แล้วจะคุยอะไร”
“เอ๊ะ? ก็ไม่ได้คิดไว้หรอกนะคะ แค่อยากคุยด้วย”
“...อ่า...อือ งั้นเลี้ยงข้าวฉันแล้วฉันจะคุยด้วย”
ฟาโรห์พูดพลางคิดว่าเธอคงจะยอมแพ้หรือไม่ก็จะหนีไปตอนที่รุ่นน้องประหลาดคนนี้หันหลังให้กับเขา แต่เด็กสาวกลับหยิบกล่องบางอย่างออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้
“ข้าวกล่องของหนูค่ะ เอาไปสิ”
ฟาโรห์เงียบไปสักพัก เพราะสมองประมวลผลไม่ทัน ก่อนจะรับข้าวกล่องมาทั้งที่สติยังมาไม่ครบ
“เออๆ ไปคุยกันๆ”
เขาพูดก่อนจะเดินไปนั่งกับพื้นมุมทางเดินโดยไม่สนใจ สิ่งใดก่อนจะแกะกล่องข้าวโคตรหวานแหววที่จงใจทำทุกอย่างในกล่องให้เป็นรูปกระต่ายแล้วรีบปิดมันลงในทันที
“เอาคืนไปเถอะ ไม่ไหวจริงๆ สรุปแล้วเธอมีอะไรยัยสัตว์กินพืช”
“อ่า...เอ่อ...อืออออ พี่ชายชื่ออะไรหรอ”
“ฟาโรห์”
“ว้าว เป็นกระต่ายอียิปต์หรอ?!”
“ไม่เกี่ยวกันเลยโว้ย! แถมแล้วก็ฉันเป็นคน!”
เขาตวาดแต่เด็กสาวก็ยังนั่งร่าเริงไม่สะทกสะท้านราวลูกหมากระดิกหางดื้อดึงจะเล่นด้วย
“ฉันเหมือนกระต่ายตรงไหนวะเนี่ย”
“เหมือนสิๆ ทั้งสีตาแล้วก็สีผมเลย”
หญิงสาวพูดด้วยท่าทางร่าเริง เธอดูเหมือนเธอจะถูกชะตากับพ่อหนุ่มผมสีขาวตาสีแดงตรงหน้าของเธออยู่ไม่น้อยทีเดียว เธอชวนชายหนุ่มคุยไปเรื่อยๆทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องไร้สาระ แต่ก็ดูเหมือนว่าฟาโรห์ที่ไม่ค่อยมีคนกล้าเข้าใกล้นัก จะแอบดีใจที่มีคนนอกชมรมมาสนใจเขาอยู่ไม่น้อย
ด้านในอาคาร ชายหนุ่มคนหนึ่งเลือกที่จะไม่เดินออกไปตรงทางเดินด้านล่าง เขายืนพิงผนังอาคารด้วยสีหน้านิ่งเรียบแต่กลับมีไอเย็นยะเยือกลอยฟุ้งไปทั่วอากาศ เขาที่เดินตามนั้นรู้สึกไม่พอใจกับสิ่งที่ตัวเองเห็นอยู่ไม่น้อย แต่เขาก็ได้แต่สูดหายใจเข้าลึกๆ
ใจเย็นๆ...ใจเย็น...หมอนั่นอุตส่าห์หาเพื่อนใหม่ได้ จะไปหวงมันทำไมดาร์เรล
ดาร์เรลพูดกับตัวเองในใจก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้นทั้งที่ยังขุ่นเคืองใจอยู่ ชายหนุ่มเดินไปตามทางอย่างเหม่อลอย ในสมองของเขานั้นเริ่มคิดอะไรเรื่อยเปื่อยก่อนที่ร่างของเขาจะไปกระทบกับใครบางคนเข้า
“ไง ดาร์เรล ไม่ได้เจอกันนานนะ”
ชายร่างสูงผิวสีเข้มทักดาร์เรลด้วยรอยยิ้มทำให้ชายหนุ่มที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์และจำอีกฝ่ายไม่ได้ยิ้มตอบ
“เอ่อ...ครับ? เรารู้จักกันหรอ”
“แน่นอน มาคุยกันหน่อยสิ”
“ก็ได้ครับ แต่ผมมีเวลาไม่...”
ยังไม่ทันขาดคำร่างของดาร์เรลก็ถูกกระชากไปในทันที รุ่นพี่ร่างสูงลากเขาไปถึงหลังโรงยิมซึ่งเป็นที่ประจำของพวกแคชก่อนจะผลักดาร์เรลลงกับพื้น ร่างที่ผอม เบา และลอยตามแรงมือไปอย่างง่ายดายทำให้โซอัสแทบไม่เชื่อว่าจะเป็นคนที่ต่อยเขา
“อึก...แหมๆ รุนแรงจังนะครับ ฮะๆ”
ดาร์เรลที่ล้มอยู่กับพื้นไม่ได้โต้ตอบอะไรทั้งยังพลิกตัวนั่งกับพื้นสบายๆราวกับไม่เกรงกลัวอะไรเลย
“แกจำไม่ได้เลยรึไงว่าทำอะไรไว้”
“หืม? ไม่นี่ครับ ผมทำอะไรไปหรอ โอ๊ะ...เดี๋ยวนะๆ คุณใช่คนที่ผมต่อยไปรึเปล่านะ”
ดาร์เรลถามด้วยรอยยิ้มและท่าทียั่วอารมณ์ทำให้โซอัสเกือบทนไม่ไหว เขานั่งยองลงมาก่อนจะจับผมของชายหนุ่มอย่างแรงจนหัวของดาร์เรลต้องหันไปตามแรงมือของเขา
“อยากเอาคืนหรอครับ ฮะๆ”
“แกก็น่าจะรู้! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแขนบางๆแบบนี้จะต่อยฉันคว่ำได้”
“แหมๆ ผมทำไม่ได้หรอกครับ..อึก!”
ยังไม่ทันสิ้นคำแก้มของดาร์เรลก็ถูกบีบอย่างแรงด้วยมือข้างเดียวทำให้เขาไม่สามารถพูดต่อได้
“แกก็น่ารักดีนะ เสียดายที่เป็นพวกระดับเอ ไม่งั้นฉันคงดึงเข้าแก๊งไปแล้ว”
โซอัสพูดก่อนจะปล่อยมือออกจากแก้มของดาร์เรล แต่ทันทีที่ปล่อยมือดาร์เรลก็ยิ้มออกมาราวกับไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย ทำให้อีกฝ่ายโมโหแล้วกำลังจะง้างหมัดต่อยเขา แต่อยู่ๆชายร่างใหญ่ก็ล้มลงอย่างช่วยไม่ได้ ร่างกายของเขาสั่นและหอบราวกับกำลังเหนื่อยแต่กลับไม่มีเหงื่อออกเลยแม้แต่น้อย
“ฮะๆ...ฮะๆๆ จะเอาคืนผม? ฮะ..ฮ่าๆๆ คุณจะเอาคืนผม? โอ๊ย! ตายแล้วๆ น่ารักจริงๆเลย ฮะๆๆ”
ดาร์เรลหัวเราะราวกับควบคุมตัวเองไม่ได้ ก่อนเขาจะทิ้งตัวลงกับพื้นเพราะหัวเราะจนปวดท้อง ยิ่งเขาหัวเราะร่างกายของชายหนุ่มก็ยิ่งหนาวขึ้นเรื่อยๆราวกับอยู่ในที่ที่หิมะตก ดาร์เรลรวบรวมสติของตัวเองก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเหยียบเท้าลงบนตัวของชายที่มาหาเรื่องเขา
“อุ...ฮะๆ ขอโทษ...ฮะๆ พยายามกลั้นแล้วนะครับ หนาวไหมครับ หนาวไหม สั่นเป็นลูกแกะเชียว ฮะๆๆ”
ดาร์เรลยิ้มอย่างอารมณ์ดีและแม้จะโกรธมากขนาดไหน อีกฝ่ายก็ไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้เพราะร่างกายที่หนาวแทบติดลบของเขาไม่สามารถขยับไปไหน
“ไหนๆๆ คุณอยากรู้อะไรบ้างน้า อ้อ ผมที่แสนบอบบางน่ารักแบบนี้ต่อยคุณได้ยังไงสินะ คุณคงคิดไปเองเพราะผมน่ะทำร้ายใครไม่ได้หรอก ดูสิ แขนขาเปราะบางขนาดนี้”
ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้มก่อนจะเตะเข้าไปที่ท้องของโซอัสเต็มแรง ซึ่งแน่นอนว่าแรงขาของนักกีฬาว่ายน้ำที่ซ้อมวันละ3ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำนั้นมันก็มีแรงมากพอจะทำให้เขาจุกจนแทบดิ้นได้ ชายหนุ่มที่มีอาการหนาวสั่นและไม่สามารถขยับได้อยู่แล้วเมื่อถูกเตะเข้าไปเต็มแรงทำให้เขาที่ไม่สามารถลุกได้ได้แต่พลิกไปมาด้วยความเจ็บปวด
“ฮะๆ...เนี่ยหรอคนที่จะมาเอาคืนผมน่ะ ไอ้สวะเอ๊ย!”
ดาร์เรลตวาดก่อนจะเตะซ้ำเข้าไปอีกครั้ง แม้เขาจะมองดูด้วยรอยยิ้มและท่าทางใจเย็นแต่ในใจของเขากำลังตื่นเต้น หัวใจของเขาเต้นรัวด้วยความสุขและสนุกสนาน
“คุณรู้ไหมครับว่าพลังของผมน่ะคล้ายพลังของอาจารย์ดันเต้มากเลยนะ ขอบเขตจะกว้างจะแคบแค่ไหนก็อยู่ที่ใจของผมจะนึก ต่างกันตรงที่ผมใช้ใจควบคุมมันได้เลยโดยไม่ต้องดีดนิ้วหรือทำเสียง...เพราะงั้นผมจะทำให้จุดไหนเย็นก็ได้”
ดาร์เรลพล่ามไปเรื่อยๆโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะฟังเขาหรือไม่ ชายหนุ่มเริ่มหุบยิ้มของตัวเองไม่ได้เพราะอาการของเขาเริ่มอยู่เหนือการควบคุมแล้ว
“พวกคุณน่ะใช้ชีวิตกันได้หน้าขยะแขยงจริงๆ หาเรื่องคนอื่น รังแกคนอ่อนแอ ไม่เห็นอกเห็นใจใคร
“ฟาโรห์ ก่อนหน้านี้เธอไปยุ่งกับเด็กปี6คลาสBบ้างรึเปล่า”
“อ่า...ก็เคยมีนะ แต่นานแล้ว เป็นปีแล้วมั้ง”
“เป็นปีเลยหรอ”
“อื้อ...เอ่อ ครับ”
ลีทำท่าครุ่นคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจ
“จำคนที่นายแบกไปห้องพยาบาลประมาณเดือนก่อนได้ไหม”
“อ้อ ได้สิ”
“นายได้ทำรึเปล่า พอดีอาจารย์ฟรายเดย์เขาสงสัยเรื่องนี้อยู่น่ะ ท่าทางจริงจังกะจะเอาพักการเรียนเลย”
“ผมไม่ได้ทำหรอกจารย์”
“แล้วรู้รึเปล่าว่าใครทำ”
ฟาโรห์นิ่งไปเพราะสายตาจริงจังของอาจารย์ ก่อนสายตาของเขาจะเหลือบมองดาร์เรลเล็กน้อย
“ไม่ ไม่รู้ ตอนไปเจอมันก็ล้มอยู่แล้ว”
ฟาโรห์ตอบนิ่งๆเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสงสัยและท่าทางลีก็ไม่ได้สงสัยจริงๆ แต่เขาก็ยังไม่มั่นใจนักว่าจะเชื่อได้มากขนาดไหน
“มั่นใจนะว่าเป็นแบบงั้น”
“ผมยืนยันครับอาจารย์ วันนั้นผมอยู่ด้วย แต่พอดีถูกเพื่อนเรียกเลยไม่ได้ช่วยฟาโรห์แบกเขาไปห้องพยาบาล”
ดาร์เรลที่เกาะขอบสระฟังอยู่นานพูดขึ้นทำให้ลีดูสีหน้าดีขึ้นมาทันที เพราะสำหรับอาจารย์ทุกคนที่รู้จักดาร์เรลนั้นค่อนข้างจะรู้ว่าเขาเป็นคนที่ไม่มีรอยด่างในประวัติแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งยังพูดจริงน่าเชื่อถือไม่แพ้ใครทำให้ลีเชื่อสนิทใจ
“โอเค ถ้าประธานชมรมของครูว่าแบบนั้น ครูคงต้องตีกับฟรายเดย์สุดใจซะแล้วสิเนี่ย”
ดาร์เรลยิ้มหวานเมื่อได้ยินคำพูดนั้นก่อนที่อาจารย์ของพวกเขาจะเดินออกไป ฟาโรห์แอบหวั่นใจเล็กน้อยก่อนจะกระโดดลงในน้ำอีกครั้งแล้วหันไปถามรุ่นพี่หนุ่มด้วยความสงสัย
“จะไม่เป็นไรหรอ ถ้าเขามารู้เอาทีหลังจะลำบากเอานะ”
“ช่างมันเถอะ ขนาดคุณยังโกหกเพื่อผมโดยไม่ได้นัดกันไว้เลยไม่ใช่รึไง”
“...เลิกเรียกคุณเลยนะ ขนลุก”
“ฮะๆ เปลี่ยนเรื่องซะแล้ว”
ดาร์เรลพูดด้วยรอยยิ้มก่อนจะจับผมสีขาวของรุ่นน้องด้วยมือทั้งสองข้าง
“นี่ติดนิสัยไม่ใส่หมวกมาจากผมหรอครับ แบบนี้อาจารย์ลีโกรธแย่”
“ไม่..ไม่หรอกน่า เลิกจ้องหน้าฉันได้แล้ว ปล่อยเลย”
“ทำไมล่ะครับ พอผมยุ่งๆของคุณเปียกน้ำแล้วดูน่ารักดีออก ฮะๆ”
ใบหน้าของรุ่นพี่หนุ่มที่อยู่ใกล้เข้ามามากในระยะที่ไม่สามารถเห็นอะไรด้านหลังของเขาได้ ฟาโรห์รับรู้ได้เพียงเสียงน้ำที่หยดลงจากผมของอีกฝ่าย และคำพูดที่ใช้เสียงค่อยและหวานแต่กลับดูดังมากในระยะของพวกเขา มือสองข้างนั้นจับหัวของเขาราวกับจะไม่ให้หนีทำให้เขาไม่อาจหันหลบดวงตาสีน้ำตาลเข้มของอีกฝ่ายได้เลย แล้วอยู่ๆรุ่นพี่หนุ่มก็ขยับใกล้เข้ามาเล็กน้อยทำให้ชายหนุ่มหลุดจากห้วงความคิดของตัวเองเพราะเสียงน้ำที่กระเพื่อมตามการเคลื่อนไหว
“ปะ...ไปซ้อมโว้ย!!”
ฟาโรห์กดหัวของดาร์เรลลงไปในน้ำด้วยแรงทั้งหมดที่เขามีก่อนจะออกห่าง ก่อนที่หัวของรุ่นพี่จะโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำอีกครั้ง
“แค่กๆ นี่จะฆ่าผมรึไงครับ?!”
“ก็แกกวนประสาทฉัน!”
“อย่าเอาความมโนส่วนตัวมาตัดสินสิครับ!”
“ฉันไม่ได้มโน! แต่แกกวนประสาทฉันจริงๆ!”
“เอ้า! หนุ่มๆ พอได้แล้วนะคะพ่อคุณทั้งหลาย เหวี่ยงใส่กันในน้ำเดี๋ยวก็ได้เป็นตะคริวตายคู่หรอก”
พิมที่เพิ่งเข้ามาเพื่อจะซ้อมพูดขึ้นแซวๆก่อนจะเดินไปห้องอาบน้ำทำให้ชายหนุ่มทั้งสองต้องเลิกเถียงกันไปโดยบริยาย
หลังจากซ้อมเสร็จหนุ่มนักว่ายน้ำทั้งสองก็เดินไปที่โรงอาหารเพื่อหาอะไรรองท้องก่อนกลับไปเรียนอีกครั้ง ทั้งคู่ซื้อของที่ตัวเองต้องการก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะๆหนึ่งซึ่งแทบไม่มีใครเลย
“อ้าว ไง! เพิ่งเลิกซ้อมเหมือนกันล่ะสิ”
เสียงที่คุ้นหูของไวท์ผู้ยังอยู่ในชุดคาราเต้และท่าทางเหนื่อยไม่น้อยดังขึ้นก่อนเขาจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆดาร์เรลในทันที
“เพิ่งเลิกเหมือนกันสินะครับ”
“อือ โคตรเหนื่อย ว่าจะไปอาบน้ำก่อนค่อยเข้าเรียน ถ้าฉันไปช้าฝากบอกอาจารย์ด้วยสิ”
ดาร์เรลพยักหน้าพลางปักหลอดลมไปที่กล่องนมเปรี้ยวแล้วดูดมันโดยไม่ได้ตอบอะไรเป็นคำ
“ดาร์เรลชอบนมเปรี้ยวมากเลยนะเนี่ย ขอหน่อยได้ไหม โคตรคอแห้งเลย”
“หืม? เอาสิ เอาให้หมดเลยก็ได้นะ”
ดาร์เรลพูดก่อนจะยื่นกล่องนมให้ไวท์แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะรับมันไปก็มีคนมาแทรกกลางกอดคอพวกเขาทั้งสอง แล้วเสนอหน้าขึ้นด้วยใบหน้านิ่งเรียบและคำพูดเชิงแซวไม่เข้ากับสีหน้า
“จะจูบทางอ้อมกันหรอครับคุณสุภาพบุรุษ”
มิคุริโอพูดขึ้นทำให้ไวท์ใช้มือดันหน้าเขาออกก่อนจะถอนหายใจ
“รุ่นนี้แล้วใครเขาถือเรื่องพรรค์นั้นกัน...”
แต่ระหว่างที่ไวท์กับดาร์เรลกำลังสนใจมิคุริโออยู่นั้น ก็มีคนดูดนมในกล่องจนหมดทำให้มีเสียงออกมาราวประชดประชัน ฟาโรห์ที่ใช้ช่วงเผลอกินนมเปรี้ยวจนหมดดึงกล่องออกจากมือของดาร์เรลก่อนจะรวบถุงขนมปังเปล่าของตัวเองใส่มือแล้วพูดบางอย่างด้วยสีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป
“ขอบคุณที่เลี้ยง ฉันไปเรียนละ”
ทั้งสามหนุ่มได้แต่มองตามรุ่นน้องที่ทำให้พวกเขาแปลกใจ ก่อนที่ไวท์จะตบหลังของดาร์เรลเสียงดัง
“แหมๆๆ หมอนั่นถือสินะ ใช่ไหมๆ”
“โอ๊ย! หลังๆมาคุณน่ารำคาญขึ้นเยอะเลยนะครับ”
“ดาร์เรลหน้าแดงเลยล่ะ ฮะๆๆ”
ไว์แซวเพื่อนของตัวเองตามปกติก่อนที่มิคุริโอจะถอนหายใจเล็กน้อยแล้วเดินไปนั่งแทนที่ฟาโรห์ ทั้งสามคุยกันไปเรื่อยเปื่อยโดยไม่ได้สังเกตเห็นปฏิกิริยาของคนรอบข้างโดยเฉพาะสาวๆเลย
“ดูสิ กลุ่มนั้นมันอะไรน่ะ รวมตัวหนุ่มหล่อหรอ ผู้ชายห้องเราเทียบไม่ได้เลย”
“คลาสSเนี่ยสุดยอดไปเลยน้า ถ้ามีรุ่นพี่ไอเรนกับรุ่นพี่สเลย์ด้วยล่ะก็คงสุดยอดเลยล่ะ”
ยัยพวกบ้า! พวกเธอเสพย์ได้แค่นั้นรึไง?! ผู้ชายหล่อน่ะมันต้องจิ้นให้กินกันเองสิฟะ!
ฝาแฝดแบล็คไนท์ผู้มีเลือดสีม่วงข้นราวน้ำมันดิบพูดในใจ ดูเหมือนพวกเขาจะรำคาญคำของชะนีและกำลังอิ่มเอมกันเป็นพิเศษหลังแอบมองโต๊ะที่พวกดาร์เรลนั่งกันมาพักใหญ่ๆ
“นึกว่าจะได้เห็นไวท์จูบทางอ้อมกับดาร์เรลซะแล้ว เนอะพี่โซเซีย”
“อือ...แต่เด็กคนนั้นก็น่ารักมาเลยนะ คนผมขาวๆน่ะ รุ่นน้องหรอ”
“น่าจะ เห็นตัวติดกับดาร์เรลตลอด อาจจะมีอะไรก็ได้ แบบว่าผู้ชายชมรมว่ายน้ำมันก็ส่อๆดีอะนะ”
พีริเซียพูดด้วยเสียงตื่นเต้นผิดปกติไม่ต่างกับพี่ชายฝาแฝดที่ดูจะมีอาการหน้าแดงเมื่อเห็นผู้ชายอยู่ใกล้กัน แม้ว่าทั้งสองจะเป็นพวกหัวรุนแรงใจร้อนไม่ต่างกันนัก แต่ที่ไม่ต่างกันยิ่งกว่าก็คืออาการจิ้นวายขั้นสูงสุดที่ดูเหมือนจะเชียร์อยู่หลายคู่
“...แต่ว่าถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีนะ แบบว่า3Pไง”
“นี่ พี่จะเอาไปลงต่อในนิยายติดเรทที่ตัวเองเขียนไว้อีกแล้วสินะ”
“ก็คิดอยู่นะ แต่ตอนนี้ยังเขียนของรุ่นพี่ชมรมคาราเต้กับชมรมเทควันโดอยู่เลยน่ะสิ คงอีกพักใหญ่กว่าจะได้เริ่ม”
โซริเซียพูดถึงนิยายที่เขาแต่งเล่นๆในไฟล์ลับของคอมพิวเตอร์ทำให้พีริเซียจับมือพี่ชายด้วยท่าทางจริงจังก็จะพูดออกมา
“ถ้าไม่เอามาให้อ่าน แกตาย”
“เออ รู้น่า อ๊ะ โทษทีนะ อีสเตอร์ เผลอจิ้นกันเพลิน ลืมเธอไป...”
โซริเซียหันไปมองรุ่นน้องที่ตอนแรกนั่งด้วยกันแต่ก็ต้องแปลกใจที่เธอหายไปเสียแล้วทำให้เขาและพีริเซียต้องมองหาอย่างช่วยไม่ได้
“คงไปแล้วล่ะมั้ง ดูพวกนั้นต่อไหม”
พีริเซียพูดชวนก่อนทั้งสองจะหันกลับไปทางโต๊ะที่พวกดาร์เรลนั่งกันอยู่อีกครั้ง แต่ตอนนี้ดาร์เรลได้หายไปและมีสเลย์เข้ามานั่งแทนที่ทำให้ฝาแฝดทั้งสองต้องใจเต้นที่มิคุริโอกับสเลย์มานั่งด้วยกันอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้
อีกด้าน เด็กสาวที่หายออกมาจากโต๊ะก็รีบสาวเท้าของเธอตามชายหนุ่มคนหนึ่งไปก่อนที่จะรีบเรียกออกไป
“คุณกระต่ายรอด้วยสิคะ!”
ฟาโรห์ที่งงๆก็มองซ้ายขวาว่ามีตัวอะไรอยู่รอบๆเขาหรือไม่ ก่อนจะหันกลับไปมองด้านหลังทำให้เห็นเด็กสาวที่ดูเด็กกว่าเขา แต่ที่สะดุดตาของชายหนุ่มซะเหลือเกินคือหูกระต่ายบนหัวของเธอ
“เอ่อ...เธอเรียกใครหรอ”
“ก็เรียกพี่ชายไงคะ”
ฟาโรห์เงียบไปใต้ใบหน้านิ่งเรียบของเขานั้นกำลังสับสนและคิดในใจว่า
ยัยนี่มันเห็นฉันเป็นเผ่าเดียวกันเพราะอะไรวะเนี่ย
“เอ่อ...ยัยสัตว์กินพืช มีธุระอะไร”
“เปล่าค่ะ แค่อยากคุยกับพี่ชายเฉยๆ เพราะพี่ชายน่ารักดี เหมือนคุณกระต่ายเลย”
เพี้ยน! เพี้ยนแน่ๆ ยัยนี่น่าจะหนักสุดๆแหงเลย เฮ้ย ตูเป็นนักเลงประจำม.ต้นนะเว้ย!
ในใจของฟาโรห์ร่ำร้องถึงศักดิ์ศรีนักเลงของตัวเอง แต่ด้วยความที่เขานั้นไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรและไม่มีวิธีรับมือกับสถานการณ์แบบนี้เขาจึงตอบกลับไปว่า
“แล้วจะคุยอะไร”
“เอ๊ะ? ก็ไม่ได้คิดไว้หรอกนะคะ แค่อยากคุยด้วย”
“...อ่า...อือ งั้นเลี้ยงข้าวฉันแล้วฉันจะคุยด้วย”
ฟาโรห์พูดพลางคิดว่าเธอคงจะยอมแพ้หรือไม่ก็จะหนีไปตอนที่รุ่นน้องประหลาดคนนี้หันหลังให้กับเขา แต่เด็กสาวกลับหยิบกล่องบางอย่างออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้
“ข้าวกล่องของหนูค่ะ เอาไปสิ”
ฟาโรห์เงียบไปสักพัก เพราะสมองประมวลผลไม่ทัน ก่อนจะรับข้าวกล่องมาทั้งที่สติยังมาไม่ครบ
“เออๆ ไปคุยกันๆ”
เขาพูดก่อนจะเดินไปนั่งกับพื้นมุมทางเดินโดยไม่สนใจ สิ่งใดก่อนจะแกะกล่องข้าวโคตรหวานแหววที่จงใจทำทุกอย่างในกล่องให้เป็นรูปกระต่ายแล้วรีบปิดมันลงในทันที
“เอาคืนไปเถอะ ไม่ไหวจริงๆ สรุปแล้วเธอมีอะไรยัยสัตว์กินพืช”
“อ่า...เอ่อ...อืออออ พี่ชายชื่ออะไรหรอ”
“ฟาโรห์”
“ว้าว เป็นกระต่ายอียิปต์หรอ?!”
“ไม่เกี่ยวกันเลยโว้ย! แถมแล้วก็ฉันเป็นคน!”
เขาตวาดแต่เด็กสาวก็ยังนั่งร่าเริงไม่สะทกสะท้านราวลูกหมากระดิกหางดื้อดึงจะเล่นด้วย
“ฉันเหมือนกระต่ายตรงไหนวะเนี่ย”
“เหมือนสิๆ ทั้งสีตาแล้วก็สีผมเลย”
หญิงสาวพูดด้วยท่าทางร่าเริง เธอดูเหมือนเธอจะถูกชะตากับพ่อหนุ่มผมสีขาวตาสีแดงตรงหน้าของเธออยู่ไม่น้อยทีเดียว เธอชวนชายหนุ่มคุยไปเรื่อยๆทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องไร้สาระ แต่ก็ดูเหมือนว่าฟาโรห์ที่ไม่ค่อยมีคนกล้าเข้าใกล้นัก จะแอบดีใจที่มีคนนอกชมรมมาสนใจเขาอยู่ไม่น้อย
ด้านในอาคาร ชายหนุ่มคนหนึ่งเลือกที่จะไม่เดินออกไปตรงทางเดินด้านล่าง เขายืนพิงผนังอาคารด้วยสีหน้านิ่งเรียบแต่กลับมีไอเย็นยะเยือกลอยฟุ้งไปทั่วอากาศ เขาที่เดินตามนั้นรู้สึกไม่พอใจกับสิ่งที่ตัวเองเห็นอยู่ไม่น้อย แต่เขาก็ได้แต่สูดหายใจเข้าลึกๆ
ใจเย็นๆ...ใจเย็น...หมอนั่นอุตส่าห์หาเพื่อนใหม่ได้ จะไปหวงมันทำไมดาร์เรล
ดาร์เรลพูดกับตัวเองในใจก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้นทั้งที่ยังขุ่นเคืองใจอยู่ ชายหนุ่มเดินไปตามทางอย่างเหม่อลอย ในสมองของเขานั้นเริ่มคิดอะไรเรื่อยเปื่อยก่อนที่ร่างของเขาจะไปกระทบกับใครบางคนเข้า
“ไง ดาร์เรล ไม่ได้เจอกันนานนะ”
ชายร่างสูงผิวสีเข้มทักดาร์เรลด้วยรอยยิ้มทำให้ชายหนุ่มที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์และจำอีกฝ่ายไม่ได้ยิ้มตอบ
“เอ่อ...ครับ? เรารู้จักกันหรอ”
“แน่นอน มาคุยกันหน่อยสิ”
“ก็ได้ครับ แต่ผมมีเวลาไม่...”
ยังไม่ทันขาดคำร่างของดาร์เรลก็ถูกกระชากไปในทันที รุ่นพี่ร่างสูงลากเขาไปถึงหลังโรงยิมซึ่งเป็นที่ประจำของพวกแคชก่อนจะผลักดาร์เรลลงกับพื้น ร่างที่ผอม เบา และลอยตามแรงมือไปอย่างง่ายดายทำให้โซอัสแทบไม่เชื่อว่าจะเป็นคนที่ต่อยเขา
“อึก...แหมๆ รุนแรงจังนะครับ ฮะๆ”
ดาร์เรลที่ล้มอยู่กับพื้นไม่ได้โต้ตอบอะไรทั้งยังพลิกตัวนั่งกับพื้นสบายๆราวกับไม่เกรงกลัวอะไรเลย
“แกจำไม่ได้เลยรึไงว่าทำอะไรไว้”
“หืม? ไม่นี่ครับ ผมทำอะไรไปหรอ โอ๊ะ...เดี๋ยวนะๆ คุณใช่คนที่ผมต่อยไปรึเปล่านะ”
ดาร์เรลถามด้วยรอยยิ้มและท่าทียั่วอารมณ์ทำให้โซอัสเกือบทนไม่ไหว เขานั่งยองลงมาก่อนจะจับผมของชายหนุ่มอย่างแรงจนหัวของดาร์เรลต้องหันไปตามแรงมือของเขา
“อยากเอาคืนหรอครับ ฮะๆ”
“แกก็น่าจะรู้! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแขนบางๆแบบนี้จะต่อยฉันคว่ำได้”
“แหมๆ ผมทำไม่ได้หรอกครับ..อึก!”
ยังไม่ทันสิ้นคำแก้มของดาร์เรลก็ถูกบีบอย่างแรงด้วยมือข้างเดียวทำให้เขาไม่สามารถพูดต่อได้
“แกก็น่ารักดีนะ เสียดายที่เป็นพวกระดับเอ ไม่งั้นฉันคงดึงเข้าแก๊งไปแล้ว”
โซอัสพูดก่อนจะปล่อยมือออกจากแก้มของดาร์เรล แต่ทันทีที่ปล่อยมือดาร์เรลก็ยิ้มออกมาราวกับไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย ทำให้อีกฝ่ายโมโหแล้วกำลังจะง้างหมัดต่อยเขา แต่อยู่ๆชายร่างใหญ่ก็ล้มลงอย่างช่วยไม่ได้ ร่างกายของเขาสั่นและหอบราวกับกำลังเหนื่อยแต่กลับไม่มีเหงื่อออกเลยแม้แต่น้อย
“ฮะๆ...ฮะๆๆ จะเอาคืนผม? ฮะ..ฮ่าๆๆ คุณจะเอาคืนผม? โอ๊ย! ตายแล้วๆ น่ารักจริงๆเลย ฮะๆๆ”
ดาร์เรลหัวเราะราวกับควบคุมตัวเองไม่ได้ ก่อนเขาจะทิ้งตัวลงกับพื้นเพราะหัวเราะจนปวดท้อง ยิ่งเขาหัวเราะร่างกายของชายหนุ่มก็ยิ่งหนาวขึ้นเรื่อยๆราวกับอยู่ในที่ที่หิมะตก ดาร์เรลรวบรวมสติของตัวเองก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเหยียบเท้าลงบนตัวของชายที่มาหาเรื่องเขา
“อุ...ฮะๆ ขอโทษ...ฮะๆ พยายามกลั้นแล้วนะครับ หนาวไหมครับ หนาวไหม สั่นเป็นลูกแกะเชียว ฮะๆๆ”
ดาร์เรลยิ้มอย่างอารมณ์ดีและแม้จะโกรธมากขนาดไหน อีกฝ่ายก็ไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้เพราะร่างกายที่หนาวแทบติดลบของเขาไม่สามารถขยับไปไหน
“ไหนๆๆ คุณอยากรู้อะไรบ้างน้า อ้อ ผมที่แสนบอบบางน่ารักแบบนี้ต่อยคุณได้ยังไงสินะ คุณคงคิดไปเองเพราะผมน่ะทำร้ายใครไม่ได้หรอก ดูสิ แขนขาเปราะบางขนาดนี้”
ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้มก่อนจะเตะเข้าไปที่ท้องของโซอัสเต็มแรง ซึ่งแน่นอนว่าแรงขาของนักกีฬาว่ายน้ำที่ซ้อมวันละ3ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำนั้นมันก็มีแรงมากพอจะทำให้เขาจุกจนแทบดิ้นได้ ชายหนุ่มที่มีอาการหนาวสั่นและไม่สามารถขยับได้อยู่แล้วเมื่อถูกเตะเข้าไปเต็มแรงทำให้เขาที่ไม่สามารถลุกได้ได้แต่พลิกไปมาด้วยความเจ็บปวด
“ฮะๆ...เนี่ยหรอคนที่จะมาเอาคืนผมน่ะ ไอ้สวะเอ๊ย!”
ดาร์เรลตวาดก่อนจะเตะซ้ำเข้าไปอีกครั้ง แม้เขาจะมองดูด้วยรอยยิ้มและท่าทางใจเย็นแต่ในใจของเขากำลังตื่นเต้น หัวใจของเขาเต้นรัวด้วยความสุขและสนุกสนาน
“คุณรู้ไหมครับว่าพลังของผมน่ะคล้ายพลังของอาจารย์ดันเต้มากเลยนะ ขอบเขตจะกว้างจะแคบแค่ไหนก็อยู่ที่ใจของผมจะนึก ต่างกันตรงที่ผมใช้ใจควบคุมมันได้เลยโดยไม่ต้องดีดนิ้วหรือทำเสียง...เพราะงั้นผมจะทำให้จุดไหนเย็นก็ได้”
ดาร์เรลพล่ามไปเรื่อยๆโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะฟังเขาหรือไม่ ชายหนุ่มเริ่มหุบยิ้มของตัวเองไม่ได้เพราะอาการของเขาเริ่มอยู่เหนือการควบคุมแล้ว
“พวกคุณน่ะใช้ชีวิตกันได้หน้าขยะแขยงจริงๆ หาเรื่องคนอื่น รังแกคนอ่อนแอ ไม่เห็นอกเห็นใจใคร
แต่คุณช่างโชคร้ายที่มาแตะต้องเส้นผมอันแสนมีค่าของผม คุณคิดว่าผมนิ่มๆไม่แตกเสียทั้งที่โดนน้ำกัดนี่ผมไม่ได้บำรุงอะไรรึไง หา? คิดว่ากว่าจะสมบูรณ์แบบมีคนยอมรับมากมายขนาดนี้มันง่ายรึไง?! บังอาจมากระชากผมของผมหรอ ห๊ะ?!”
ชายหนุ่มพูดก่อนจะกระทืบเท้าลงบนอกของอีกฝ่ายที่ไร้ทางสู้ ชายร่างใหญ่ได้แต่ถูกกระทำราวกระสอบทรายแม้ว่าเขาจะมั่นใจในฝีมือการต่อสู้ของตัวเอง และเตรียมตัวมาแล้วแต่เขาก็ไม่สามารถตั้งรับกับความบ้าคลั่งของดาร์เรลได้เลยแม้แต่น้อย ดาร์เรลที่กำลังสนุกนั่งคร่อมร่างที่นอนหงายอยู่ก่อนจะจับแก้มของโซอัสขึ้นมาให้สบตาเขา สายตานิ่งๆของดาร์เรลตอนนี้กลับกลายเป็นสายตาของคนวิกลจริตเต็มขั้นไปเสียแล้ว รอยยิ้มใจดีตามมารยาทที่เคยดูอ่อนโยนมันดูกว้างขึ้นจนน่ากลัวทำให้ชายร่างใหญ่ขวัญเสีย
“คุณรู้ไหมว่าความตายคืออะไร?”
ดาร์เรลถามด้วยรอยยิ้มทำให้อีกฝ่ายนิ่งไปเพราะความกลัว
“ความตาย...คือดวงตาที่มืดบอด คือลมหายใจที่หยุดนิ่ง ไม่อาจเห็นหน้าคนที่รัก ไม่อาจสวมกอดคนที่คิดถึง และความตายจะเป็นของขวัญที่ผมมอบให้คุณ...ถ้ามีใครมารู้เรื่องนี้ทำให้ภาพพจน์ของผมมีรอยด่าง ผมจะทำให้คุณกลัว...จนนึกออกว่าใครที่จะร้องไห้ในงานศพของคุณ”
ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆกับใบหน้าเปื้อนยิ้มที่ทำให้ผู้ถูกทับรู้ว่าคนตรงหน้าเขานั้นวิปริตพอที่จะทำสิ่งที่เขาพูด
“แต่...ถ้าคุณมาวุ่นวายกับผมหรือใครก็ตามที่ผมรัก...ผมจะทำให้คุณรู้ว่าความตายมีค่าขนาดไหน ผมจะแช่แข็งปอดของคุณให้มันเย็นจนแข็ง คุณจะหายใจลำบาก แต่ไม่สามารถตายได้ คุณจะต้องทน จนกว่าผมจะอนุญาตให้คุณตาย”
ชายหนุ่มพูดก่อนจะกระทืบเท้าลงบนอกของอีกฝ่ายที่ไร้ทางสู้ ชายร่างใหญ่ได้แต่ถูกกระทำราวกระสอบทรายแม้ว่าเขาจะมั่นใจในฝีมือการต่อสู้ของตัวเอง และเตรียมตัวมาแล้วแต่เขาก็ไม่สามารถตั้งรับกับความบ้าคลั่งของดาร์เรลได้เลยแม้แต่น้อย ดาร์เรลที่กำลังสนุกนั่งคร่อมร่างที่นอนหงายอยู่ก่อนจะจับแก้มของโซอัสขึ้นมาให้สบตาเขา สายตานิ่งๆของดาร์เรลตอนนี้กลับกลายเป็นสายตาของคนวิกลจริตเต็มขั้นไปเสียแล้ว รอยยิ้มใจดีตามมารยาทที่เคยดูอ่อนโยนมันดูกว้างขึ้นจนน่ากลัวทำให้ชายร่างใหญ่ขวัญเสีย
“คุณรู้ไหมว่าความตายคืออะไร?”
ดาร์เรลถามด้วยรอยยิ้มทำให้อีกฝ่ายนิ่งไปเพราะความกลัว
“ความตาย...คือดวงตาที่มืดบอด คือลมหายใจที่หยุดนิ่ง ไม่อาจเห็นหน้าคนที่รัก ไม่อาจสวมกอดคนที่คิดถึง และความตายจะเป็นของขวัญที่ผมมอบให้คุณ...ถ้ามีใครมารู้เรื่องนี้ทำให้ภาพพจน์ของผมมีรอยด่าง ผมจะทำให้คุณกลัว...จนนึกออกว่าใครที่จะร้องไห้ในงานศพของคุณ”
ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆกับใบหน้าเปื้อนยิ้มที่ทำให้ผู้ถูกทับรู้ว่าคนตรงหน้าเขานั้นวิปริตพอที่จะทำสิ่งที่เขาพูด
“แต่...ถ้าคุณมาวุ่นวายกับผมหรือใครก็ตามที่ผมรัก...ผมจะทำให้คุณรู้ว่าความตายมีค่าขนาดไหน ผมจะแช่แข็งปอดของคุณให้มันเย็นจนแข็ง คุณจะหายใจลำบาก แต่ไม่สามารถตายได้ คุณจะต้องทน จนกว่าผมจะอนุญาตให้คุณตาย”
WRITER
เย้ ตอนที่แล้วได้ชื่อแล้วน้าาาาา
ที่ไม่ตั้งว่า ตั้งชื่อตอนให้ที ทิ้งไว้ก็เพราะ เผื่อเราจะคิดชื่อตอนไม่ออกอีกอะนะ ฮะๆ
ส่วนตอนนี้ที่รีบลงเพราะว่า คิดว่าตั้งแต่พรุ่งนี้อาจจะไม่ว่างยาวๆจนถึงพุธหน้า ตอนนี้เลยจะเป็นตอนที่จริงๆเป็นของวันพุธ เราก็รู้อะนะว่าจะลงวันไหนคนอ่านก็คงไม่ว่า แต่วันพุธเนี่ยสำหรับเราถือเป็นวันบังคับ เพื่อสร้างวินัยในการเขียนก็เลยต้องลงของวันพุธเป็นกาตั้งกฎให้ตัวเองหน่อย
.........................
ตอนนี้ช่วงต้นๆเป็นเซอ์วิสค่ะ ส่วนเนื้อหาหลักอยู่ท้ายๆเลย
ตอนแรกแทบจะไม่นึกเลยว่าจะได้ดึงลักษณะนิสัยจอมจิ้นของที่น้องแบล็คไนท์ออกมาใช้ ในที่สุดก็มีจังหวะสักที
ส่วนเรื่องของอีสเตอร์นี่จริงๆไม่ใช่เรื่องใหม่นะคะ ถ้าใครจำได้ ฮะๆ
.........................
อ้อ เกร็ดๆ คำพูดของดาร์เรลมาจากละครทีวีที่เราติดอยู่ตอนนี้นะคะ
และตอนกำลังอัพตอนนี้ก็กำลังดูอยู่ด้วย
ปกติเราไม่ดูละครนะคะ แต่ตอนนี้ติด"กาหลมหรทึก"อยู่รักพี่โอที่เล่นเป็นตัวร้ายมากเลยค่ะ
เรื่องนี้บอกเลย ตัวร้ายน่าเอาใจช่วยกว่าตำรวจเยอะ ฮะๆๆ
.........................
ยังไงก็ให้กำลังใจกันด้วยนะคะ อย่าลืมเม้นความู้สึกที่มีให้กับตอนนี้ด้วยล่ะ บ๊ายบาย
ไว้เจอกันตอนหน้าน้า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น