ลำดับตอนที่ #15
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : บทที่11 เรื่องวุ่นวายและเหล่าผู้ต้องสงสัย
ในช่วงพักกลางวันอันแสนวุ่นวายเช่นทุกวัน ลี อาจารย์หนุ่มชาวจีนผู้สอนวิชาสุขศึกษาของระดับมัธยมปลายและอดีตนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติจีนตอนนี้กำลังอารมณ์ดีขั้นสูงสุดอย่างช่วยไม่ได้
“เยี่ยมเลยฟาโรห์ นี่เธอทำเวลาได้ดีขนาดนี้เลยหรอเนี่ย ฟรีสไตล์50เมตร 32วินาที เกือบชนะเรนได้เลยนะ”
“มันแน่อยู่แล้ว! อะ...เอ่อ หมายถึง ครับ”
“ฮะๆ ไม่เป็นไรๆ ไว้ปีหน้าขึ้นม.ปลายก็อย่าย้ายไปไหนซะล่ะ แล้วคราวหน้าก็ใส่หมวกว่ายน้ำด้วย แค่ดาร์เรลไม่ใส่คนเดียวก็บ่นเหนื่อยแล้ว แล้วก็ตอนคัดตัวนักกีฬาม.ต้นอย่าโดดล่ะ ครูคาดหวังเธอนะ”
อาจารย์หนุ่มพูดอย่างอารมณ์ดีพลางขยี้ผมสีขาวเปียกๆของฟาโรห์ ก่อนที่ร่างของฟาโรห์จะโดนเพื่อนร่วมรุ่นในชมรมถีบลงน้ำอย่างแรง
“แกคิดจะทำลายสถิติฉันเรอะ?! ไม่มีวันซะหรอก ฉันน่ะเร็วที่สุดของม.ต้นนะเว้ย!”
เรนผู้เคยมีคดีกับฟาโรห์พูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่ฟาโรห์จะจับข้อเท้าของเขาแล้วกระชากลงน้ำอย่างง่ายดาย
“แต่แรงน้อยเป็นบ้าเลยพวก”
ฟาโรห์พูดเย้ยๆและจบด้วยการตีกันในน้ำเช่นทุกวัน ลีมองลูกศิษย์ด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะหันไปมองอีกด้านหนึ่ง เขามองชายหนุ่มประธานชมรมผู้มีสีหน้าดีกว่าเมื่อก่อนมากไม่ใช่น้อยแล้วเดินไปนั่งข้างๆเขา
“สถิติเธอก็ดีขึ้นนะดาร์เรล กรรเชียง50เมตรแค่26.68วินาทีเอง ฝึกเพิ่มหรอ”
“ไม่เชิงครับ สอนฟาโรห์น่ะครับ เลยได้ฝึกไปในตัว”
“อ้อ มิน่าล่ะ สนิทกันมากเลยนะ”
“ฮะๆ อาจารย์ก็พูดไป ฟาโรห์สนิทกับทุกคนในชมรมนั่นแหละครับ”
“หรอ แต่น่าจะสนิทกับนายมากกว่าคนอื่นนะ แถมฉันไม่เคยเห็นพ่อหนุ่มเงือกของชมรมเราสีหน้าดีแบบนี้”
เสียงของหญิงสาวดังขึ้นก่อนที่เธอจะนั่งลงข้างๆรุ่นน้องหนุ่ม
“ฮะๆ พี่พิมคิดแบบนั้นหรอครับ”
“อื้อ ก็นายดูมีความสุขขึ้นนะ แถมฟาโรห์ก็สงบขึ้นเยอะเพราะนาย”
“หมายความว่ายังไงหรอครับ”
“ฉันเคยคุยกับฟาโรห์นะ เขาอยากแข่งกับนายมากเลยล่ะ แต่ฉันบอกว่าเขาน่ะไม่ไหวหรอกเพราะฟรีสไตล์50เมตรเนี่ย ดาร์เรลใช้เวลาไม่ถึง25วิด้วยซ้ำ เขาน่ะยังหลัก30วิอยู่เลย ตายแน่ๆ แล้วผลก็ออกมางี้แหละ บ้าซ้อมจนไม่มีเวลาไปตีกับใคร ฮะๆๆ สมกับเป็นเอสแล้วก็ประธานชมรมเลยนะ ใครๆก็อยากแข่งด้วย”
พิมพูดด้วยท่าทางอารมณ์ดีแม้ว่าเธอเองก็แพ้ดาร์เรลราบคาบจนต้องมาเป็นรองประธานชมรมก็เถอะ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ติดใจการเป็นที่สองนักเพราะยังไงก็เป็นที่หนึ่งของฝ่ายหญิงอยู่ดี
“เธอสองคนก็เตรียมตัวล่ะ ปีนี้น่ะมีแข่งใหญ่ด้วยนะ พวกเธอเข้ารอบระดับประเทศของม.ปลายให้ได้เหมือนปีก่อนๆล่ะ ปีนี้พิมลงฟรีสไตล์เหมือนเดิมนะ ส่วนดาร์เรลช่วยเปลี่ยนไปลงผีเสื้อให้ทีสิ เดี๋ยวฟรีสไตล์ครูว่าจะให้ซูซอลลงแทน”
“หา?! เดี๋ยวสิครับอาจารย์!”
เสียงค้านของเด็กหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นแสดงความไม่พอใจที่ชื่อของตัวเองถูกแทนที่ด้วยประธานชมรม
“พีพี หลังจากชนะปีที่แล้วสถิติเธอตกฮวบเลยนะ ในรอบปีนี้เธอยังทำลายสถิติตัวเองไม่ได้สักครั้งเลยนะ แต่ท่าผีเสื้อเนี่ยดาร์เรลทุบสถิติตัวเองไปตั้ง3ครั้งจนตอนนี้100เมตรเขาใช้เวลานาทีเดียวเองนะ ถ้าให้เธอไปแข่ง ครูว่าไม่ไหวแน่”
ลีพูดด้วยสีหน้าเรียบๆก่อนจะหันกลับไปคุยกับเอสของชมรมทั้งสองคนต่ออย่างจริงจัง ชายหนุ่มที่กำลังหงุดหงิดจากการโดนเมินและโดนว่าก็เลิกซ้อมและเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนออกจากสระไปในทันที
แม่งๆๆ อะไรๆก็ดาร์เรล ไอ้บ้านั่น รุ่นเดียวกันแท้ๆแต่เบียดกันทุกรอบเลย เดี๋ยวปีหน้าถ้าไอ้รุ่นน้องสองสามตัวนั่นขึ้นมาอีกฉันอาจจะไม่ได้แข่งแล้วก็ได้
เด็กหนุ่มบ่นในใจอย่างหงุดหงิดพลางเดินก้มหน้าอารมณ์เสียไปตามทางเดินโดยที่ไม่รู้เลยว่ามันจะนำพาความชิบหายมาให้เขา
ปึ้ก!
ชายหนุ่มที่เดินไม่ได้มองไปข้างหน้าถูกชนล้มลงอย่างแรง พีพีที่กำลังอารมณ์เดือดได้ทีจึงเงยหน้าขึ้นและอ้าปากด่าตามสันดานในทันที
“เดินไม่มองทางบ้างรึไงวะ?! ไอ้... คะ..แคช”
แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นเขาก็ต้องตกใจเมื่อคนที่เขาชนคือแคช เพื่อนร่วมห้องและหนึ่งในพวกนักเลงที่น่ากลัวที่สุดในโรงเรียนอีกทั้งด้านหลังของชายคนนั้นยังมีลูกน้องท่าทางหาเรื่องไม่เบาตามมาด้วยถึงสามคน
“เฮ้ย! นี่แกเรียกลูกพี่ว่าอะไรนะ?!”
ชายรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นคนสนิทของแคชก้าวออกมา ออกหน้าแทนลูกพี่ของตนแต่แคชก็จับบ่าของเขาไว้
“...ไม่เป็นไร เพื่อนฉันเองน่ะ อย่าใส่ใจเลย เรากำลังรีบนะ”
ชายหนุ่มพูดแก้ต่างให้แม้พวกเขาจะไม่เคยคุยกันด้วยซ้ำ พลางมองเพื่อนร่วมห้องที่ล้มอยู่ก่อนจะจับแขนเขาดึงขึ้นมาให้ลุก
“คาบนี้ฉันไม่เข้า ฝากบอกจารย์ด้วยว่าฉันมีไข้นิดหน่อย”
แคชพูดกับพีพีพร้อมมองเขาด้วยสายตาที่กดดันราวกับจะข่มขู่ก่อนที่เขาจะปล่อยแขนของเพื่อนร่วมห้อง คำที่แคชพูดนั้นแน่นอนว่าเป็นใครก็ต้องไม่เชื่อว่าคนแบบเขาจะมีไข้ขึ้นมา แต่พีพีก็ไม่สามารถปฏิเสธคำสั่งเชิงข่มขู่ในสายตานั้นได้
“เยี่ยมเลยฟาโรห์ นี่เธอทำเวลาได้ดีขนาดนี้เลยหรอเนี่ย ฟรีสไตล์50เมตร 32วินาที เกือบชนะเรนได้เลยนะ”
“มันแน่อยู่แล้ว! อะ...เอ่อ หมายถึง ครับ”
“ฮะๆ ไม่เป็นไรๆ ไว้ปีหน้าขึ้นม.ปลายก็อย่าย้ายไปไหนซะล่ะ แล้วคราวหน้าก็ใส่หมวกว่ายน้ำด้วย แค่ดาร์เรลไม่ใส่คนเดียวก็บ่นเหนื่อยแล้ว แล้วก็ตอนคัดตัวนักกีฬาม.ต้นอย่าโดดล่ะ ครูคาดหวังเธอนะ”
อาจารย์หนุ่มพูดอย่างอารมณ์ดีพลางขยี้ผมสีขาวเปียกๆของฟาโรห์ ก่อนที่ร่างของฟาโรห์จะโดนเพื่อนร่วมรุ่นในชมรมถีบลงน้ำอย่างแรง
“แกคิดจะทำลายสถิติฉันเรอะ?! ไม่มีวันซะหรอก ฉันน่ะเร็วที่สุดของม.ต้นนะเว้ย!”
เรนผู้เคยมีคดีกับฟาโรห์พูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่ฟาโรห์จะจับข้อเท้าของเขาแล้วกระชากลงน้ำอย่างง่ายดาย
“แต่แรงน้อยเป็นบ้าเลยพวก”
ฟาโรห์พูดเย้ยๆและจบด้วยการตีกันในน้ำเช่นทุกวัน ลีมองลูกศิษย์ด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะหันไปมองอีกด้านหนึ่ง เขามองชายหนุ่มประธานชมรมผู้มีสีหน้าดีกว่าเมื่อก่อนมากไม่ใช่น้อยแล้วเดินไปนั่งข้างๆเขา
“สถิติเธอก็ดีขึ้นนะดาร์เรล กรรเชียง50เมตรแค่26.68วินาทีเอง ฝึกเพิ่มหรอ”
“ไม่เชิงครับ สอนฟาโรห์น่ะครับ เลยได้ฝึกไปในตัว”
“อ้อ มิน่าล่ะ สนิทกันมากเลยนะ”
“ฮะๆ อาจารย์ก็พูดไป ฟาโรห์สนิทกับทุกคนในชมรมนั่นแหละครับ”
“หรอ แต่น่าจะสนิทกับนายมากกว่าคนอื่นนะ แถมฉันไม่เคยเห็นพ่อหนุ่มเงือกของชมรมเราสีหน้าดีแบบนี้”
เสียงของหญิงสาวดังขึ้นก่อนที่เธอจะนั่งลงข้างๆรุ่นน้องหนุ่ม
“ฮะๆ พี่พิมคิดแบบนั้นหรอครับ”
“อื้อ ก็นายดูมีความสุขขึ้นนะ แถมฟาโรห์ก็สงบขึ้นเยอะเพราะนาย”
“หมายความว่ายังไงหรอครับ”
“ฉันเคยคุยกับฟาโรห์นะ เขาอยากแข่งกับนายมากเลยล่ะ แต่ฉันบอกว่าเขาน่ะไม่ไหวหรอกเพราะฟรีสไตล์50เมตรเนี่ย ดาร์เรลใช้เวลาไม่ถึง25วิด้วยซ้ำ เขาน่ะยังหลัก30วิอยู่เลย ตายแน่ๆ แล้วผลก็ออกมางี้แหละ บ้าซ้อมจนไม่มีเวลาไปตีกับใคร ฮะๆๆ สมกับเป็นเอสแล้วก็ประธานชมรมเลยนะ ใครๆก็อยากแข่งด้วย”
พิมพูดด้วยท่าทางอารมณ์ดีแม้ว่าเธอเองก็แพ้ดาร์เรลราบคาบจนต้องมาเป็นรองประธานชมรมก็เถอะ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ติดใจการเป็นที่สองนักเพราะยังไงก็เป็นที่หนึ่งของฝ่ายหญิงอยู่ดี
“เธอสองคนก็เตรียมตัวล่ะ ปีนี้น่ะมีแข่งใหญ่ด้วยนะ พวกเธอเข้ารอบระดับประเทศของม.ปลายให้ได้เหมือนปีก่อนๆล่ะ ปีนี้พิมลงฟรีสไตล์เหมือนเดิมนะ ส่วนดาร์เรลช่วยเปลี่ยนไปลงผีเสื้อให้ทีสิ เดี๋ยวฟรีสไตล์ครูว่าจะให้ซูซอลลงแทน”
“หา?! เดี๋ยวสิครับอาจารย์!”
เสียงค้านของเด็กหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นแสดงความไม่พอใจที่ชื่อของตัวเองถูกแทนที่ด้วยประธานชมรม
“พีพี หลังจากชนะปีที่แล้วสถิติเธอตกฮวบเลยนะ ในรอบปีนี้เธอยังทำลายสถิติตัวเองไม่ได้สักครั้งเลยนะ แต่ท่าผีเสื้อเนี่ยดาร์เรลทุบสถิติตัวเองไปตั้ง3ครั้งจนตอนนี้100เมตรเขาใช้เวลานาทีเดียวเองนะ ถ้าให้เธอไปแข่ง ครูว่าไม่ไหวแน่”
ลีพูดด้วยสีหน้าเรียบๆก่อนจะหันกลับไปคุยกับเอสของชมรมทั้งสองคนต่ออย่างจริงจัง ชายหนุ่มที่กำลังหงุดหงิดจากการโดนเมินและโดนว่าก็เลิกซ้อมและเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนออกจากสระไปในทันที
แม่งๆๆ อะไรๆก็ดาร์เรล ไอ้บ้านั่น รุ่นเดียวกันแท้ๆแต่เบียดกันทุกรอบเลย เดี๋ยวปีหน้าถ้าไอ้รุ่นน้องสองสามตัวนั่นขึ้นมาอีกฉันอาจจะไม่ได้แข่งแล้วก็ได้
เด็กหนุ่มบ่นในใจอย่างหงุดหงิดพลางเดินก้มหน้าอารมณ์เสียไปตามทางเดินโดยที่ไม่รู้เลยว่ามันจะนำพาความชิบหายมาให้เขา
ปึ้ก!
ชายหนุ่มที่เดินไม่ได้มองไปข้างหน้าถูกชนล้มลงอย่างแรง พีพีที่กำลังอารมณ์เดือดได้ทีจึงเงยหน้าขึ้นและอ้าปากด่าตามสันดานในทันที
“เดินไม่มองทางบ้างรึไงวะ?! ไอ้... คะ..แคช”
แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นเขาก็ต้องตกใจเมื่อคนที่เขาชนคือแคช เพื่อนร่วมห้องและหนึ่งในพวกนักเลงที่น่ากลัวที่สุดในโรงเรียนอีกทั้งด้านหลังของชายคนนั้นยังมีลูกน้องท่าทางหาเรื่องไม่เบาตามมาด้วยถึงสามคน
“เฮ้ย! นี่แกเรียกลูกพี่ว่าอะไรนะ?!”
ชายรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นคนสนิทของแคชก้าวออกมา ออกหน้าแทนลูกพี่ของตนแต่แคชก็จับบ่าของเขาไว้
“...ไม่เป็นไร เพื่อนฉันเองน่ะ อย่าใส่ใจเลย เรากำลังรีบนะ”
ชายหนุ่มพูดแก้ต่างให้แม้พวกเขาจะไม่เคยคุยกันด้วยซ้ำ พลางมองเพื่อนร่วมห้องที่ล้มอยู่ก่อนจะจับแขนเขาดึงขึ้นมาให้ลุก
“คาบนี้ฉันไม่เข้า ฝากบอกจารย์ด้วยว่าฉันมีไข้นิดหน่อย”
แคชพูดกับพีพีพร้อมมองเขาด้วยสายตาที่กดดันราวกับจะข่มขู่ก่อนที่เขาจะปล่อยแขนของเพื่อนร่วมห้อง คำที่แคชพูดนั้นแน่นอนว่าเป็นใครก็ต้องไม่เชื่อว่าคนแบบเขาจะมีไข้ขึ้นมา แต่พีพีก็ไม่สามารถปฏิเสธคำสั่งเชิงข่มขู่ในสายตานั้นได้
เพราะทั้งในห้องเรียนและโรงเรียนแห่งนี้แคชนั้นถือเป็นลูกพี่ใหญ่ที่ไม่ควรไปมีเรื่องด้วย เหตุผลสำคัญคือแคชนั้นมีลูกน้องมากมายทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้อง อีกทั้งคนในกลุ่มของเขาทุกคนคือS-HumanระดับS เพราะเขาเกลียดขี้หน้าระดับอื่นเอามากๆ ระดับที่ถ้าเขาจำได้ว่าพีพีเป็นพวกระดับเอ การชนล้มไหล่เขาเมื่อกี้อาจทำให้พีพีต้องขาหักจนว่ายน้ำไม่ได้อีกนานเป็นแน่
“ยืนทำอะไรน่ะพีพี ไปเรียนกันเหอะ”
เสียงของเพื่อนร่วมห้องชายที่คุ้นหูดังขึ้นหลังจากกลุ่มของแคชจากไปแล้ว ทำให้พีพีที่ตกอยู่ในภวังค์บางอย่างสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองโซริเซียที่เดินขึ้นบันไดมา
“อะ..เออ ไปดิไป”
พีพีพูดพร้อมกับรีบก้าวเท้าตามโซริเซียไปในทันที เขาเข้าห้องเรียนและนั่งลงที่โต๊ะของตัวเองก่อนจะมองซ้ายมองขวาเล็กน้อย
“เป็นอะไรวะดูวอกแวก”
“เอ่อ...ไม่มีไร”
พีพีตอบเพื่อนชายที่นั่งข้างๆอย่างเกร็งๆ เขาไม่กล้าพูดว่าตัวเองนั้นไปเดินชนแคชเขาเพราะเพื่อนในห้องแทบ80%นั้นเป็นคนในกลุ่มของแคช แม้ว่าคลาสซีจะไม่ได้เป็นห้องที่รวมนักเลงเอาไว้ เป็นเพียงแค่ห้องธรรมดาที่ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น
“ยืนทำอะไรน่ะพีพี ไปเรียนกันเหอะ”
เสียงของเพื่อนร่วมห้องชายที่คุ้นหูดังขึ้นหลังจากกลุ่มของแคชจากไปแล้ว ทำให้พีพีที่ตกอยู่ในภวังค์บางอย่างสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองโซริเซียที่เดินขึ้นบันไดมา
“อะ..เออ ไปดิไป”
พีพีพูดพร้อมกับรีบก้าวเท้าตามโซริเซียไปในทันที เขาเข้าห้องเรียนและนั่งลงที่โต๊ะของตัวเองก่อนจะมองซ้ายมองขวาเล็กน้อย
“เป็นอะไรวะดูวอกแวก”
“เอ่อ...ไม่มีไร”
พีพีตอบเพื่อนชายที่นั่งข้างๆอย่างเกร็งๆ เขาไม่กล้าพูดว่าตัวเองนั้นไปเดินชนแคชเขาเพราะเพื่อนในห้องแทบ80%นั้นเป็นคนในกลุ่มของแคช แม้ว่าคลาสซีจะไม่ได้เป็นห้องที่รวมนักเลงเอาไว้ เป็นเพียงแค่ห้องธรรมดาที่ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น
แต่ไม่ใช่กับรุ่นของพีพี คลาสซีรุ่นนี้ควรจะใช้คำว่ารุ่นความวิบัติของอาจารย์กันเลย เพราะในห้องนั้นมีทั้ง แคช หัวโจกเหยียดระดับที่มีสาวไม่ซ้ำหน้าควงทุกวัน เกวนนิส ผู้รักสงบและจะไม่มีใครมาทำลายความสงบของเขาได้ และโซริเซีย นักมวยอาชีพที่แกว่งเท้าหน้าเสี้ยนไปทั่ว สร้างความปวดประสาทในอาจารย์และผู้อำนวยการเป็นอย่างมาก
“เฮ้ยๆ! เงียบได้แล้ว! จะสอนแล้วเว้ย!”
เสียงของอาจารย์ที่ปรึกษาดังขึ้นพร้อมกับประตูที่ถูกปิดลงอย่างแรง ฟรายเดย์นั้นเป็นที่ปรึกษาของห้องนี้ทำให้มีแต่คนรู้สึกกันไปใหญ่ว่าห้องนี้มันแหล่งมั่วสุมชัดๆ โดยที่ไม่รู้เลยว่าคนในห้องก็สนิทกันดี
“โถ่ มาสายขนาดนี้ ทุกคนเขาก็คิดว่าลูกพี่จะไม่มาสอนแล้วอะดิ”
นักเรียนชายคนหนึ่งที่นั่งหน้าพูดขึ้นก่อนจะหยิบหนังสือขึ้นมา คำเรียกอาจารย์ที่ทั้งไม่สุภาพและดูไม่มีความเคารพไม่ใช่ปัญหาของห้องนัก เพราะทุนคนในห้องต่างก็เรียกฟรายเดย์ว่าลูกพี่กันทั้งนั้นไม่เว้นแม่แต่แคชหรือโซริเซีย
“พวกแกนี่ก็ไม่รู้จักการรอคอยเอาซะเลย เอาล่ะเปิดหน้า25”
แม้วิชาอื่นโดยเฉพาะวิชาที่อาจารย์ค่อนข้างใจดี ห้องนี้จะทั้งเสียงดังและไม่ค่อยฟัง แต่พอเป็นวิชาคณิตศาสตร์ห้องนี้กลับทำได้ดีทีเดียว อาจเป็นเพราะฟรายเดย์ค่อนข้างสอนเข้าใจง่ายและมีความสนิทสนมกับคนในห้องเป็นอย่างดี ทำให้สามารถทำให้คนที่คิดเลข1+1=3กลับมาเป็นผู้เป็นคนได้ไม่น้อย
“เอาล่ะวันนี้พอแค่นี้ ว่าแต่แคชไปไหน”
คำถามของฟรายเดย์ทำให้คนในห้องเงียบไปก่อนที่จะมีผู้หญิงคนหนึ่งตอบขึ้นมา
“เห็นว่าเมื่อเดือนที่แล้วมีคนไปต่อยลูกน้องของแคชจนเข้าโคม่าน่ะค่ะ เห็นว่าลูกน้องฟื้นแล้วเขาเลยจะไปคุย”
“...อ้อ ไม่ใช่ว่าตัวการอยู่ในห้องนี้นะ”
ฟรายเดย์พูดพลางกวาดสายตาไปรอบๆห้องก่อนจะหยุดที่โซริเซียซึ่งอารมณ์ร้อนไม่แพ้ใคร
“ไม่ใช่ผมน่าลูกพี่ ผมกับแคชน่ะญาติดีกันนะ แถมไอ้คนที่โดนเนี่ยเป็นคนสนิทมัน ไม่มีทางที่ผมจะจำหน้าไม่ได้หรอก”
โซริเซียพูดพลางกอดอก ซึ่งฟรายเดย์ก็รู้ดีว่าแม้จะใจร้อนขนาดไหนลูกศิษย์ของเขาคนนี้ก็ไม่ใช่คนโกหก เขาครุ่นคิดสักพักก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้
“งั้นลูกน้องแคชคนนั้นชื่ออะไร”
“หืม? โซอัส เรติเม่ อะไรนี่แหละ ไม่มั่นใจหรอกว่านามสกุลอะไร เป็นพวกนิกก้าตัวสูงๆแต่ย้อมผมทอง รู้สึกจะอยู่ปี6”
โซริเซียตอบคำถามอาจารย์ด้วยคำตอบที่เขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจนัก
“อ่า บอกแคชด้วยแล้วกันว่าทำการบ้านวิชาฉันมาส่งด้วย ไปล่ะ”
ฟรายเดย์พูดก่อนจะหยิบหนังสือสอนของตัวเองแล้วเดินออกจากห้องไป เขาไม่คิดจะห้ามนักเรียนของตัวเองเพราะรู้ว่าแคชนั้นไม่มีทางห้ามได้ง่ายๆอยู่แล้ว อาจารย์หนุ่มถอนหายใจก่อนจะเดินไปที่ห้องพยายาลในทันที ทันทีที่ถึงเขาก็นั่งที่เตียงประจำข้างๆโต๊ะอาจารย์ห้องพยายาล
“เฮ้ยๆ! เงียบได้แล้ว! จะสอนแล้วเว้ย!”
เสียงของอาจารย์ที่ปรึกษาดังขึ้นพร้อมกับประตูที่ถูกปิดลงอย่างแรง ฟรายเดย์นั้นเป็นที่ปรึกษาของห้องนี้ทำให้มีแต่คนรู้สึกกันไปใหญ่ว่าห้องนี้มันแหล่งมั่วสุมชัดๆ โดยที่ไม่รู้เลยว่าคนในห้องก็สนิทกันดี
“โถ่ มาสายขนาดนี้ ทุกคนเขาก็คิดว่าลูกพี่จะไม่มาสอนแล้วอะดิ”
นักเรียนชายคนหนึ่งที่นั่งหน้าพูดขึ้นก่อนจะหยิบหนังสือขึ้นมา คำเรียกอาจารย์ที่ทั้งไม่สุภาพและดูไม่มีความเคารพไม่ใช่ปัญหาของห้องนัก เพราะทุนคนในห้องต่างก็เรียกฟรายเดย์ว่าลูกพี่กันทั้งนั้นไม่เว้นแม่แต่แคชหรือโซริเซีย
“พวกแกนี่ก็ไม่รู้จักการรอคอยเอาซะเลย เอาล่ะเปิดหน้า25”
แม้วิชาอื่นโดยเฉพาะวิชาที่อาจารย์ค่อนข้างใจดี ห้องนี้จะทั้งเสียงดังและไม่ค่อยฟัง แต่พอเป็นวิชาคณิตศาสตร์ห้องนี้กลับทำได้ดีทีเดียว อาจเป็นเพราะฟรายเดย์ค่อนข้างสอนเข้าใจง่ายและมีความสนิทสนมกับคนในห้องเป็นอย่างดี ทำให้สามารถทำให้คนที่คิดเลข1+1=3กลับมาเป็นผู้เป็นคนได้ไม่น้อย
“เอาล่ะวันนี้พอแค่นี้ ว่าแต่แคชไปไหน”
คำถามของฟรายเดย์ทำให้คนในห้องเงียบไปก่อนที่จะมีผู้หญิงคนหนึ่งตอบขึ้นมา
“เห็นว่าเมื่อเดือนที่แล้วมีคนไปต่อยลูกน้องของแคชจนเข้าโคม่าน่ะค่ะ เห็นว่าลูกน้องฟื้นแล้วเขาเลยจะไปคุย”
“...อ้อ ไม่ใช่ว่าตัวการอยู่ในห้องนี้นะ”
ฟรายเดย์พูดพลางกวาดสายตาไปรอบๆห้องก่อนจะหยุดที่โซริเซียซึ่งอารมณ์ร้อนไม่แพ้ใคร
“ไม่ใช่ผมน่าลูกพี่ ผมกับแคชน่ะญาติดีกันนะ แถมไอ้คนที่โดนเนี่ยเป็นคนสนิทมัน ไม่มีทางที่ผมจะจำหน้าไม่ได้หรอก”
โซริเซียพูดพลางกอดอก ซึ่งฟรายเดย์ก็รู้ดีว่าแม้จะใจร้อนขนาดไหนลูกศิษย์ของเขาคนนี้ก็ไม่ใช่คนโกหก เขาครุ่นคิดสักพักก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้
“งั้นลูกน้องแคชคนนั้นชื่ออะไร”
“หืม? โซอัส เรติเม่ อะไรนี่แหละ ไม่มั่นใจหรอกว่านามสกุลอะไร เป็นพวกนิกก้าตัวสูงๆแต่ย้อมผมทอง รู้สึกจะอยู่ปี6”
โซริเซียตอบคำถามอาจารย์ด้วยคำตอบที่เขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจนัก
“อ่า บอกแคชด้วยแล้วกันว่าทำการบ้านวิชาฉันมาส่งด้วย ไปล่ะ”
ฟรายเดย์พูดก่อนจะหยิบหนังสือสอนของตัวเองแล้วเดินออกจากห้องไป เขาไม่คิดจะห้ามนักเรียนของตัวเองเพราะรู้ว่าแคชนั้นไม่มีทางห้ามได้ง่ายๆอยู่แล้ว อาจารย์หนุ่มถอนหายใจก่อนจะเดินไปที่ห้องพยายาลในทันที ทันทีที่ถึงเขาก็นั่งที่เตียงประจำข้างๆโต๊ะอาจารย์ห้องพยายาล
“เพิ่งเลิกสอนหรอครับ”
เสียงน่ารักๆของยูกิเนะถามอย่างเป็นมิตร
“อือ มีเรื่องจะให้นายช่วยหน่อย”
ฟรายเดย์พูดด้วยสีหน้าจริงจังทำให้อาจารย์ห้องพยาบาลแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้ารับ
“ฉันขอดูบันทึกการเข้าใช้ห้องพยาบาลของเด็กเมื่อเดือนก่อนหน่อยสิ หาเด็กปี6คนหนึ่ง เป็นคนผิวสีแต่หัวทอง รู้สึกว่าจะอาการหนักจนเข้าโคม่าเลย”
ทันทีฟรายเดย์พูดแบบนั้น ยูกิเนะที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบสมุดเล่มหนึ่งก็เลื่อนมือไปหยิบอีกเล่มทันที
“พูดแบบนี้หาไม่ยากเลยครับ ผมจำได้แม่นเลยล่ะ เด็กคนนั้นตอนมาที่นี่น่ะไม่มีสติแล้วต้องให้อีกคนแบกมา แต่อีกคนไม่มีแผลเลยนะครับ”
ยูกิเนะพูดพลางเปิดสมุดบันทึกก่อนจะหยุดมือลงที่หน้ากระดาษหน้าหนึ่ง
“นี่ไงครับ โซอัส เรติเมอร์ ปี6 คลาสB ตามบันทึกแล้ว เขาดั้งหัก กรามซ้ายมีรอยราว ในปากมีการกัดลิ้นตัวเองทำให้ปลายลิ้นขาด มีฟันหัก3จุดภายในช่องปาก มีอาการช้ำอย่างหนักและเลือดไหลไม่หยุด แต่ไม่มีแผลที่คิดว่าเกิดจากพลังพิเศษ ตอนนั้นผมเลยปฐมพยาบาลเบื้องต้นไปแล้วก็รีบเรียกรถพยาบาล”
“...แค่หน้าหรอ”
“ครับ คนทำจงใจชกแค่ส่วนหัวเท่านั้น แถมตรงอื่นก็ไม่มีแผลเลยครับ คิดว่าไม่น่าจะมีการปะทะก่อนเลย ว่าไงดี คนโดนน่ะไม่มีโอกาสจะตั้งรับด้วยซ้ำน่ะครับ แต่เด็กคนนั้นตัวใหญ่พอสมควรเลยนะ แถมเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลด้วย กล้ามเนื้อแข็งแรงเลยล่ะ ไม่น่าจะล้มได้ง่ายๆแบบนั้นนะครับ”
“แต่คนที่ทำได้ก็มีไม่ใช่รึไง”
เสียงของอาจารย์หนุ่มอีกคนดังขึ้นพร้อมกับร่างของชายวัยกลางคนชาวจีนที่เดินเข้ามา ลีที่บังเอิญมาได้ยินเรื่องที่เพื่อนร่วมงานสองคนคุยกันทิ้งตัวลงที่โต๊ะทำงานของตัวเองในห้องพยาบาลก่อนจะหันเก้าอี้มาคุยด้วย
“เด็กโรงเรียนเราน่ะมีคนทำได้เป็นสิบคนเลยนะ ถ้าเอาตัวหาเรื่องๆก็เหลือ3คน”
ลีพูด เขาเองก็ต้องคอยจัดการเรื่องการทะเลาะวิวาทเช่นกันเขาเลยค่อนข้างสนใจในเรื่องนี้ไม่น้อย
“มีเด็กแรงเยอะขนาดนั้นเป็นสิบคนเลยหรอครับ?!”
ยูกิเนะพูดขึ้นมาก่อนที่ลีจะพูดต่อ
“อือ ถ้าคนที่แรงมากพอก็พอมีแหละ อย่างไวท์ชมรมคาราเต้ หรือชาติที่อยู่ชมรมมวยไทย พวกนี้น่ะนักกีฬาต่อสู้ระดับโปรเลย แต่ถ้าพวกน่าสงสัยแล้วก็หาเรื่องเก่งๆก็ต้องโซริเซียมวยสากล กับหัวโจกแบบแคช แล้วอีกตัวก็คือเสี่ยวเต็งชมรมเทควันโด้ พวกนี้น่ะหาเรื่องรายวันอย่างกับสะสมแต้มแลกชาไข่มุก”
“ไม่ใช่โซริเซีย หมอนั่นถ้าทำจะรับคำ อีกอย่างเห็นว่าค่อนข้างสนิทกับพวกกลุ่มแคชด้วย ส่วนแคชไม่กระทืบลูกน้องตัวเองแน่ๆถ้าไม่มีเรื่องกันแรงจริงๆ แถมวันนี้มันบังอาจโดดคาบฉันไปโรง’บาลอีก”
ฟรายเดย์พูดด้วยสีหน้าจริงจังและตัดคนน่าสงสัยออกไปอย่างรวดเร็ว
“งั้นก็เหลือเสี่ยวเต็ง”
“ไม่หรอกครับ คุณเสี่ยวเต็งเพิ่งแขนหักจากการแข่งคราวก่อนครับ”
ยูกิเนะพูดขึ้นทำให้เพื่อนร่วมงานทั้งสองหันไปมองที่เขา
“นายรู้ได้ไง”
“นักเรียนที่เป็นนักกีฬาไปแข่งแล้วบาดเจ็บ ถ้าเอาใบรับรองแพทย์มายื่นที่ห้องนี้จะขอเบิกอุปกรณ์พยาบาลที่ค่อนข้างมีราคาได้ครับ แล้วเขาก็มาให้ผมช่วยดูแขนบ่อยๆด้วยแต่ไม่ให้ผมรักษาเลยเพราะบอกว่าอยากหายเอง”
“สมเป็นเด็กหัวดื้อเลย ไม่ชอบให้ใครช่วยสินะ”
“...แล้วแบบนี้ใครทำล่ะ”
ลีกับฟรายเดย์นั่งทำหน้าใช้ความคิดกันอย่างจริงจังในขณะที่ยูกิเนะกำลังพยายามคิดว่ามีแหลตรงไหนอีกไหมที่เขาลืมพูดถึง ในตอนนั้นเองประตูก็เปิดออกพร้อมกับความสงสัยของหญิงสาว
“หืม? อะไรกัน หนุ่มๆกำลังสืบสวนคดีกันอยู่หรอคะ”
อาจารย์ซูซาน่าเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มก่อนจะนั่งลงข้างฟรายเดย์เพื่อรอให้ทุกคนเล่าให้ฟัง แม้จะไม่อยากเล่านักแต่เมื่อนั่งกดดันกันขนาดนี้สุดท้ายอาจารย์หนุ่มทั้งสามก็ต้องเล่าจนได้
“...อ้อ อย่างนี้นี่เอง สืบคดีจริงๆด้วย อาจารย์ฟรายเดย์จะได้ลากคนทำไปลงโทษแล้วกลุ่มของแคชก็จะได้ไม่ต้องไปกระทืบใครเข้าโรงพยาบาลสินะคะ”
หญิงสาวพูดออกมาหลังจากฟังเรื่องทั้งหมด ก่อนจะเสนอความคิด
“อาจารย์ยูกิเนะบอกว่ามีคนพามานี่คะ แล้วใครเป็นคนลากมาห้องพยาบาลล่ะ”
“อ่า...ฟาโรห์ ราเมเซซ เด็กปี3ครับ”
คำตอบของยูกิเนะนั้นทำให้ลีคิ้วกระตุกเล็กน้อยแต่ก่อนจะพูดอะไรก็ถูกซูซาน่าตัดหน้าไปก่อน
“อ้อ หัวโจกของม.ต้นสินะคะ แต่คนตัวเล็กๆแบบนั้นไม่น่าจะ...”
“ได้สิ ได้อยู่แล้วถ้าเป็นฟาโรห์ที่ชกกับคนสามคนพร้อมกันแล้วชนะ ยังไงก็ได้”
ฟรายเดย์พูดขึ้นทำให้ลีเตะขาของเพื่อนร่วมงานทันที
“ไม่มีทาง หมอนั่นเป็นเด็กของฉัน ถึงจะหัวรุนแรงแต่เขาไม่เคยทำใครแรงขนาดนั้น”
“...ก็พอจะรู้นิสัยหวงเด็กชมรมของนายน่ะนะลี แต่หมอนั่นเข้าทางทุกอย่างเลยนะ”
“หา? นายจะเชื่อง่ายๆเรอะ โซริเซียยังส่อกว่าลูกศิษย์ของฉันเลย ยังไงก็ไม่ใช่ฟาโรห์หรอก คอยดูสิ”
ลีพูดก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างอารมณ์เสียปล่อยให้เพื่อนร่วมงานทั้งสามรวมหัวกันนินทาเขาตามหลัง
“ฮะๆ อาจารย์ลีเนี่ยรักเด็กๆของตัวเองจริงๆนะคะ”
“อือ ไอ้บ้านั่นก็แบบนั้นแหละ ช่างมันเถอะ เดี๋ยวฉันจะจัดการเองว่าใช่ฟาโรห์รึเปล่า ถ้าไม่ใช่ก็ต้องลากคนทำมาให้ได้ เพราะดูจากบรรยากาศของห้องฉันเมื่อเช้าแล้ว แคชน่าจะโกรธมาก เดี๋ยวมันจะเป็นเรื่องเอา”
อีกด้านที่หน้าประตูโรงเรียนแคชก็ได้กลับมาถึงโรงเรียนเรียบร้อยพร้อมกับเพื่อนสนิทของตัวเองที่เพิ่งได้ออกจากโรงพยาบาลมาหมาดๆ ทั้งสองเดินเข้ามาโรงเรียนเพื่อเรียนคาบบ่ายพร้อมๆกัน แต่ก่อนจะไปอาคารเรียนเขาก็ไปที่หอพักชายกันก่อนเพื่อเก็บของเล็กน้อย ระหว่างที่นั่งรอเพื่อเก็บของในห้องแคชผู้กำลังสงสัยก็ถามบางอย่างขึ้น
“อยากบอกว่าใครทำก่อนจะไปเรียนไหมโซอัส”
เสียงเรียบนิ่งทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าลูกพี่ของเขานั้นจริงจังกับเรื่องนี้มากแต่ชายหนุ่มมผิวสีกลับยิ้มให้และตอบออกไปว่า
“ไม่ต้องหรอกลูกพี่ เดี๋ยวผมไปจัดการมันเอง คราวก่อนแค่ไม่ได้ตั้งตัวไปหน่อย”
“...อ่า ถ้ามีอะไรก็โทรเรียกล่ะ ไม่ได้ดูถูกนะ แค่เห็นว่านายยังเจ็บอยู่”
“รู้น่า ลูกพี่ก็เป็นแบบนี้ตลอด งี้ผมก็เกรงใจแย่”
โซอัสพูดพลางจัดกระเป๋าก่อนจะนึกถึงหน้าของคนที่ชกเขาจนหมดสภาพเสียชื่อคนสนิทของลูกพี่ใหญ่อย่างแคช
กูต้องฆ่ามึงให้ได้ดาร์เรล!!
เสียงน่ารักๆของยูกิเนะถามอย่างเป็นมิตร
“อือ มีเรื่องจะให้นายช่วยหน่อย”
ฟรายเดย์พูดด้วยสีหน้าจริงจังทำให้อาจารย์ห้องพยาบาลแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้ารับ
“ฉันขอดูบันทึกการเข้าใช้ห้องพยาบาลของเด็กเมื่อเดือนก่อนหน่อยสิ หาเด็กปี6คนหนึ่ง เป็นคนผิวสีแต่หัวทอง รู้สึกว่าจะอาการหนักจนเข้าโคม่าเลย”
ทันทีฟรายเดย์พูดแบบนั้น ยูกิเนะที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบสมุดเล่มหนึ่งก็เลื่อนมือไปหยิบอีกเล่มทันที
“พูดแบบนี้หาไม่ยากเลยครับ ผมจำได้แม่นเลยล่ะ เด็กคนนั้นตอนมาที่นี่น่ะไม่มีสติแล้วต้องให้อีกคนแบกมา แต่อีกคนไม่มีแผลเลยนะครับ”
ยูกิเนะพูดพลางเปิดสมุดบันทึกก่อนจะหยุดมือลงที่หน้ากระดาษหน้าหนึ่ง
“นี่ไงครับ โซอัส เรติเมอร์ ปี6 คลาสB ตามบันทึกแล้ว เขาดั้งหัก กรามซ้ายมีรอยราว ในปากมีการกัดลิ้นตัวเองทำให้ปลายลิ้นขาด มีฟันหัก3จุดภายในช่องปาก มีอาการช้ำอย่างหนักและเลือดไหลไม่หยุด แต่ไม่มีแผลที่คิดว่าเกิดจากพลังพิเศษ ตอนนั้นผมเลยปฐมพยาบาลเบื้องต้นไปแล้วก็รีบเรียกรถพยาบาล”
“...แค่หน้าหรอ”
“ครับ คนทำจงใจชกแค่ส่วนหัวเท่านั้น แถมตรงอื่นก็ไม่มีแผลเลยครับ คิดว่าไม่น่าจะมีการปะทะก่อนเลย ว่าไงดี คนโดนน่ะไม่มีโอกาสจะตั้งรับด้วยซ้ำน่ะครับ แต่เด็กคนนั้นตัวใหญ่พอสมควรเลยนะ แถมเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลด้วย กล้ามเนื้อแข็งแรงเลยล่ะ ไม่น่าจะล้มได้ง่ายๆแบบนั้นนะครับ”
“แต่คนที่ทำได้ก็มีไม่ใช่รึไง”
เสียงของอาจารย์หนุ่มอีกคนดังขึ้นพร้อมกับร่างของชายวัยกลางคนชาวจีนที่เดินเข้ามา ลีที่บังเอิญมาได้ยินเรื่องที่เพื่อนร่วมงานสองคนคุยกันทิ้งตัวลงที่โต๊ะทำงานของตัวเองในห้องพยาบาลก่อนจะหันเก้าอี้มาคุยด้วย
“เด็กโรงเรียนเราน่ะมีคนทำได้เป็นสิบคนเลยนะ ถ้าเอาตัวหาเรื่องๆก็เหลือ3คน”
ลีพูด เขาเองก็ต้องคอยจัดการเรื่องการทะเลาะวิวาทเช่นกันเขาเลยค่อนข้างสนใจในเรื่องนี้ไม่น้อย
“มีเด็กแรงเยอะขนาดนั้นเป็นสิบคนเลยหรอครับ?!”
ยูกิเนะพูดขึ้นมาก่อนที่ลีจะพูดต่อ
“อือ ถ้าคนที่แรงมากพอก็พอมีแหละ อย่างไวท์ชมรมคาราเต้ หรือชาติที่อยู่ชมรมมวยไทย พวกนี้น่ะนักกีฬาต่อสู้ระดับโปรเลย แต่ถ้าพวกน่าสงสัยแล้วก็หาเรื่องเก่งๆก็ต้องโซริเซียมวยสากล กับหัวโจกแบบแคช แล้วอีกตัวก็คือเสี่ยวเต็งชมรมเทควันโด้ พวกนี้น่ะหาเรื่องรายวันอย่างกับสะสมแต้มแลกชาไข่มุก”
“ไม่ใช่โซริเซีย หมอนั่นถ้าทำจะรับคำ อีกอย่างเห็นว่าค่อนข้างสนิทกับพวกกลุ่มแคชด้วย ส่วนแคชไม่กระทืบลูกน้องตัวเองแน่ๆถ้าไม่มีเรื่องกันแรงจริงๆ แถมวันนี้มันบังอาจโดดคาบฉันไปโรง’บาลอีก”
ฟรายเดย์พูดด้วยสีหน้าจริงจังและตัดคนน่าสงสัยออกไปอย่างรวดเร็ว
“งั้นก็เหลือเสี่ยวเต็ง”
“ไม่หรอกครับ คุณเสี่ยวเต็งเพิ่งแขนหักจากการแข่งคราวก่อนครับ”
ยูกิเนะพูดขึ้นทำให้เพื่อนร่วมงานทั้งสองหันไปมองที่เขา
“นายรู้ได้ไง”
“นักเรียนที่เป็นนักกีฬาไปแข่งแล้วบาดเจ็บ ถ้าเอาใบรับรองแพทย์มายื่นที่ห้องนี้จะขอเบิกอุปกรณ์พยาบาลที่ค่อนข้างมีราคาได้ครับ แล้วเขาก็มาให้ผมช่วยดูแขนบ่อยๆด้วยแต่ไม่ให้ผมรักษาเลยเพราะบอกว่าอยากหายเอง”
“สมเป็นเด็กหัวดื้อเลย ไม่ชอบให้ใครช่วยสินะ”
“...แล้วแบบนี้ใครทำล่ะ”
ลีกับฟรายเดย์นั่งทำหน้าใช้ความคิดกันอย่างจริงจังในขณะที่ยูกิเนะกำลังพยายามคิดว่ามีแหลตรงไหนอีกไหมที่เขาลืมพูดถึง ในตอนนั้นเองประตูก็เปิดออกพร้อมกับความสงสัยของหญิงสาว
“หืม? อะไรกัน หนุ่มๆกำลังสืบสวนคดีกันอยู่หรอคะ”
อาจารย์ซูซาน่าเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มก่อนจะนั่งลงข้างฟรายเดย์เพื่อรอให้ทุกคนเล่าให้ฟัง แม้จะไม่อยากเล่านักแต่เมื่อนั่งกดดันกันขนาดนี้สุดท้ายอาจารย์หนุ่มทั้งสามก็ต้องเล่าจนได้
“...อ้อ อย่างนี้นี่เอง สืบคดีจริงๆด้วย อาจารย์ฟรายเดย์จะได้ลากคนทำไปลงโทษแล้วกลุ่มของแคชก็จะได้ไม่ต้องไปกระทืบใครเข้าโรงพยาบาลสินะคะ”
หญิงสาวพูดออกมาหลังจากฟังเรื่องทั้งหมด ก่อนจะเสนอความคิด
“อาจารย์ยูกิเนะบอกว่ามีคนพามานี่คะ แล้วใครเป็นคนลากมาห้องพยาบาลล่ะ”
“อ่า...ฟาโรห์ ราเมเซซ เด็กปี3ครับ”
คำตอบของยูกิเนะนั้นทำให้ลีคิ้วกระตุกเล็กน้อยแต่ก่อนจะพูดอะไรก็ถูกซูซาน่าตัดหน้าไปก่อน
“อ้อ หัวโจกของม.ต้นสินะคะ แต่คนตัวเล็กๆแบบนั้นไม่น่าจะ...”
“ได้สิ ได้อยู่แล้วถ้าเป็นฟาโรห์ที่ชกกับคนสามคนพร้อมกันแล้วชนะ ยังไงก็ได้”
ฟรายเดย์พูดขึ้นทำให้ลีเตะขาของเพื่อนร่วมงานทันที
“ไม่มีทาง หมอนั่นเป็นเด็กของฉัน ถึงจะหัวรุนแรงแต่เขาไม่เคยทำใครแรงขนาดนั้น”
“...ก็พอจะรู้นิสัยหวงเด็กชมรมของนายน่ะนะลี แต่หมอนั่นเข้าทางทุกอย่างเลยนะ”
“หา? นายจะเชื่อง่ายๆเรอะ โซริเซียยังส่อกว่าลูกศิษย์ของฉันเลย ยังไงก็ไม่ใช่ฟาโรห์หรอก คอยดูสิ”
ลีพูดก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างอารมณ์เสียปล่อยให้เพื่อนร่วมงานทั้งสามรวมหัวกันนินทาเขาตามหลัง
“ฮะๆ อาจารย์ลีเนี่ยรักเด็กๆของตัวเองจริงๆนะคะ”
“อือ ไอ้บ้านั่นก็แบบนั้นแหละ ช่างมันเถอะ เดี๋ยวฉันจะจัดการเองว่าใช่ฟาโรห์รึเปล่า ถ้าไม่ใช่ก็ต้องลากคนทำมาให้ได้ เพราะดูจากบรรยากาศของห้องฉันเมื่อเช้าแล้ว แคชน่าจะโกรธมาก เดี๋ยวมันจะเป็นเรื่องเอา”
อีกด้านที่หน้าประตูโรงเรียนแคชก็ได้กลับมาถึงโรงเรียนเรียบร้อยพร้อมกับเพื่อนสนิทของตัวเองที่เพิ่งได้ออกจากโรงพยาบาลมาหมาดๆ ทั้งสองเดินเข้ามาโรงเรียนเพื่อเรียนคาบบ่ายพร้อมๆกัน แต่ก่อนจะไปอาคารเรียนเขาก็ไปที่หอพักชายกันก่อนเพื่อเก็บของเล็กน้อย ระหว่างที่นั่งรอเพื่อเก็บของในห้องแคชผู้กำลังสงสัยก็ถามบางอย่างขึ้น
“อยากบอกว่าใครทำก่อนจะไปเรียนไหมโซอัส”
เสียงเรียบนิ่งทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าลูกพี่ของเขานั้นจริงจังกับเรื่องนี้มากแต่ชายหนุ่มมผิวสีกลับยิ้มให้และตอบออกไปว่า
“ไม่ต้องหรอกลูกพี่ เดี๋ยวผมไปจัดการมันเอง คราวก่อนแค่ไม่ได้ตั้งตัวไปหน่อย”
“...อ่า ถ้ามีอะไรก็โทรเรียกล่ะ ไม่ได้ดูถูกนะ แค่เห็นว่านายยังเจ็บอยู่”
“รู้น่า ลูกพี่ก็เป็นแบบนี้ตลอด งี้ผมก็เกรงใจแย่”
โซอัสพูดพลางจัดกระเป๋าก่อนจะนึกถึงหน้าของคนที่ชกเขาจนหมดสภาพเสียชื่อคนสนิทของลูกพี่ใหญ่อย่างแคช
กูต้องฆ่ามึงให้ได้ดาร์เรล!!
WRITER
ดังคำที่ว่ารายงานทั้งเล่มยังไม่ยากเท่าคำนำหน้าเดียว
นิยายทั้งบทก็ยังไม่ยากเท่าชื่อตอนประโยคเดียวเช่นกัน
คิดชื่อตอนไม่ออก คิดให้ทีค่ะ ชอบอันไหนจะเอามาตั้ง ฮะๆ
.........................
บทนี้คือจะเริ่มเพิ่มบทน้องวันศุกร์ผู้น่ารักให้มากๆละ จริงๆชอบนางแต่เพิ่งมีจังหวะยัดบทนาง
.........................
อ้อ ตัวละครใหม่ อัพแล้วนะคะ ไปเช็คกันได้น้าาา
.........................
กดให้กำลังใจไรท์ด้วยนาจา! ตอนนี้ไม่มีไรบ่นเยอะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น