ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    77888 ACADEMY (รับสมัครตัวละคร)

    ลำดับตอนที่ #14 : บทที่10 ก็แค่นั่งดูดเงินโรงเรียนไปวันๆ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 65
      0
      29 มี.ค. 61

         เช้าวันจันทร์ที่แสนเงียบสงบเฟยเฟิ่งสะดุ้งตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตี4ครึ่งเพราะความกลัวสายจากนัดของหมาป่าสีฟ้าคราม เด็กหนุ่มปลุกพี่ชายของตัวเองและฉุดกระชากลากถูพ่อออกมาจากเตียง ทุกอย่างในบ้านดูวุ่นวายเพราะความตื่นตระหนกของเด็กหนุ่มผมยาว จนสุดท้ายเขาก็มาถึงโรงเรียนในเวลาตี5 ก่อนเวลาเริ่มเรียนคาบแรกถึง4ชั่วโมง
         หึ...หึๆๆ ยัยนั่นต้องยังไม่ถึงแน่นอน
         เฟยเฟิ่งยิ้มอย่างผู้ชนะแต่ตอนที่เขากำลังยิ้มเย้ยหยัน และพี่ชายของเขากำลังจะยืนหลับกลางอากาศก็มีเสียงบางอย่างดังเข้ามาในหัวของเด็กหนุ่ม
         ดี ฉันอยู่สนามกรีฑา มาหาฉันตอนนี้ยัยหนู
         เสียงของฮาวายแทรกเข้ามาในหัวของเฟยเฟิ่งทำให้เขากำมือแน่น
         “ไม่ใช่อ่านใจแต่เป็นโทรจิตเรอะ?! ยัยนั่นจะจิกหัวฉันคนนี้มากไปแล้ว!”
         เด็กหนุ่มในชุดกระโปรงวิ่งไปที่สนามหลังโรงเรียนทันทีและที่นั่นเขาก็ได้เห็นผู้อำนวยการสาวสวมสปอร์ตบราเปิดท้องกับกางเกงวอร์มกำลังวิ่งจ๊อกกิ้งอยู่ที่สนาม ผมสีฟ้าที่ถูกรวบเป็นหางม้าเรียบร้อยและร่างกายได้สัดส่วนจนน่าเหลือเชื่อทำให้เฟยเฟิ่งนิ่งไปสักพัก
         “เฮ้ ทาส ยืนบื้ออะไร ไปซื้อน้ำที่ตู้ขายน้ำอัตโนมัติให้ฉันซะ เอาเงินจากในกระเป๋าฉันไปได้เลย!”
         ฮาวายตะโกนพร้อมชี้ไปที่กระเป๋าของเธอที่วางอยู่บนม้านั่งก่อนจะวิ่งต่อหน้าตาเฉย เฟยเฟิ่งทำหน้าไม่ค่อยพอใจนัก แต่เขาก็ไปหยิบกระเป๋าเงินของฮาวายมาและยอมเดินไปแต่โดยดี เมื่อมาถึงที่หมายแล้วเธอยืนอยู่หน้าตู้ขายน้ำอัตโนมัติสักพักก่อนจะคิดว่า
         ทำไมฉันไม่ถามมาก่อนนะว่าจะเอาน้ำอะไร
         น้ำแร่

         เสียงของฮาวายแทรกเข้ามาในใจอีกครั้งทำให้เฟยเฟิ่งรู้สึกว่าโทรจิตนี่มันสะดวกสบายจริงๆ เขาซื้อน้ำแร่จากตู้ขายน้ำไปหนึ่งขวดก่อนจะรีบวิ่งกลับไปที่สนาม แต่เมื่อเขากลับไปฮาวายก็ไปอาบน้ำในห้องอาบน้ำและเปลี่ยนกลับเป็นชุดปกติเรียบร้อยแล้ว เธอสังเกตเห็นเฟยเฟิ่งที่กำลังวิ่งมาแต่ดูเหมือนเธอจะกระหายน้ำมากจนรอไม่ไหว ฮาวายยกแขนขึ้นก่อนจะกำมือแล้วกระชากแขนกลับมาที่ตัว ทันใดนั้นร่างของเด็กหนุ่มก็วาร์ปมาอยู่ตรงหน้าเธอทันที ผู้อำนวยการสาวดึงขวดน้ำจากมือของเฟยเฟิ่งที่ยังตกใจค้างอยู่ก่อนจะกระดกน้ำจนหมดขวด
         “อาจารย์ออกกำลังกายด้วยหรอคะ”
         “หืม? ก็แหงสิ จะหุ่นดีได้ต้องทุ่มเทนะยัยหนู แต่ถ้าตรงไหนไม่ได้จริงก็ต้องมีพึ่งหมอบ้าง อย่างนมงี้ บอกเลยว่าหมดไปเยอะ”
         ผู้อำนวยการสาวพูดอย่างไม่อาย ดูเหมือนเธอจะเป็นคนที่ไม่รู้จักคำว่าอายเลยด้วยซ้ำ
         “เอาล่ะ ไปกันได้แล้ว”
         “ห๊ะ ไปไหนคะ ห้องผู้อำนวยการหร...”
         ยังไม่ทันสิ้นคำของเฟยเฟิ่งทันทีที่ผู้อำนวยการสาวปรบมือสองครั้งพวกเขาทั้งสองก็มาโผล่ที่ห้องผู้อำนวยการในทันที ห้องทำงานของผู้อำนวยการถูกจัดอย่างเรียบร้อยแม้กองเอกสารจะเยอะสุดๆก็ตาม
         “ชงกาแฟให้หน่อย ไม่เอาน้ำตาล กาแฟดำซองสีขาวอยู่ใต้ลิ้นชัก ส่วนกาต้มน้ำอยู่ตู้ข้างใต้”
         ฮาวายสั่งก่อนจะไปนั่งที่โต๊ะทำงานของเธอและเริ่มทำงานทันที ส่วนเฟยเฟิ่งที่ยังเอ๋อๆกับพลังของผู้อำนวยการก็ยอมทำตามอย่างง่ายๆเพราะสมองยังคิดอะไรไม่ทัน เขาหยิบกาต้มน้ำไฟฟ้ามาเสียบปลั๊กก่อนจะหากาแฟในลิ้นชัก เฟยเฟิ่งหยิบกาแฟซองสีแดงขึ้นมาก่อนจะหันไปบอกฮาวาย
         “อาจารย์คะ กาแฟดำหมดแล้วล่ะค่ะ”
         “อ่า งั้นรอแป๊บ แกะกาแฟสองซองลงในแก้วแล้วยกมาให้ที น้ำร้อนยังไม่ต้องนะ”
         เฟยเฟิ่งแกะกาแฟ3in1ใส่แก้วตามคำสั่งก่อนที่จะวางลงบนโต๊ะของฮาวาย หญิงสาววางมือลงบนปากแก้วแต่อยู่ๆเธอก็หน้าเสียไป
         “...เฟยเฟิ่ง ตอนนี้ชมรมคาราเต้มันมากันรึยังนะ”
         “น่าจะยังค่ะ ทำไมหรอคะ”
         “งั้นเอากาแฟไปวางไว้ก่อนยังไม่ต้องชง พอดีฉันกินหวานมากไม่ได้”
         “เอ่อ...ค่ะ”
         “แล้วเธอ นั่งลง”
         ฮาวายพูดก่อนใช้มือวาร์ปเก้าอี้ที่อยู่มุมห้องเหมือนตอนวาร์ปตัวของเฟยเฟิ่งให้เข้ามาใกล้ เด็กหนุ่มนั่งลงอย่างว่าง่ายก่อนที่ฮายวายจะหยิบเอกสารปึกหนึ่งขึ้นมาแล้วเริ่มถาม
         “เธอคิดว่าการให้งบประมาณชมรมแต่ละชมรมเท่ากันก่อนแล้วถ้าเขาต้องการเพิ่มค่อยมาเบิกทีหลัง แทนที่จะให้มาเบิกกันเอาเองตลอดแบบตอนนี้ถือว่าดีไหม”
         ผู้อำนวยการสาวที่กำลังตั้งคำถามด้วยสีหน้าจริงจังทำให้เฟยเฟิ่งเกิดอาการงงงวยชีวิตเล็กน้อย
         “เอ่อ...ฉันว่าก็ดีนะคะ เพราะชมรมฉันเองก็ต้องไปเบิกบ่อยๆ ถ้าให้มาสักก้อนหนึ่งก่อนคงสบายขึ้นหน่อย แถมพวกชมรมกีฬา พวกผู้จัดการก็จะได้งานน้อยลงด้วย”
         “อือ ก็จริง”
         ฮาวายพูดก่อนจะเซ็นเอกสารแผ่นที่ถืออยู่แล้วเปลี่ยนเป็นอีกแผ่น
         “แล้วเธอคิดยังกับการที่จะยุบชมรมเก่าแก่ของโรงเรียน ที่ตอนนี้มีสมาชิกชมรมแค่3คนอย่างชมรมจัดดอกไม้”
         “ไม่ควรยุบค่ะ เพราะถึงจะคนน้อยยังไงก็ต้องมีคนที่ชอบมันจริงๆ แถมยังเป็นชมรมที่ไม่ได้ใช้งบเยอะด้วยไม่ใช่หรอคะ”
         “ฉันชอบคำตอบนี้”
         ฮาวายวางเอกสารแผ่นนั้นลงในตะกร้าใส่เอกสารที่วางอยู่ที่พื้นด้วยรอยยิ้ม ดูเหมือนเธอจะพอใจกับคำตอบฉะฉานของเด็กหนุ่มไม่น้อย
         “อาจารย์ทำอะไรหรอคะ”
         เฟยเฟิ่งที่นั่งดูอยู่นานเริ่มอยากรู้ว่างานนี้มันอะไรกันแน่
         “อ้อ นี่เป็นเอกสารที่เกี่ยวกับนักเรียนโดยตรง โดยแจ้งจากนักเรียนทั่วไป สภานักเรียน ชมรมต่างๆ รวมถึงมติของอาจารย์ในโรงเรียน แต่มันเป็นเรื่องของเด็กๆฉันเลยอยากให้มีเด็กแสดงความคิดเห็นสักคน
         แต่ไม่ใช่ว่าฟังเธอนะ แค่ประกอบการตัดสินใจ คำตอบเธอจะมีผล20%ว่าเอกสารแผ่นนั้นจะได้รับการเซ็นผ่าน หรือลงตะกร้าเพื่อตีกลับ แน่นอนว่าตีกลับแปลว่าไม่ผ่านการอนุมัติ
         อาจารย์ใหญ่อย่างจีโฮอยากปิดชมรมจัดดอกไม้จะตายชัก แต่ฉันว่ามันก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร เลยถามเธอดูว่าเด็กในโรงเรียนแบบเธอคิดเห็นยังไง”
         ฮาวายพูดพลางหยิบเอกสารอีกกองมาเซ็นไปด้วย
         “ส่วนกองนี้จะเป็นเอกสารที่ไม่ใช่เรื่องของพวกเธอ ฉันจะคิดเอง ตอนนี้ฉันจะเซ็นกองนี้ไประหว่างเปิดโอกาสให้เธอถามคำถามฉันละกัน”
         “...เอ่อ ทำไมอาจารย์ถึงให้หนูมาทำงานแสดงความเห็นล่ะค่ะ นึกว่าจะให้มาช่วยแยกเอกสารหรือช่วยเซ็นซะอีก”
         “ฉันแยกเอกสารเองเร็วกว่าเธอเยอะ แถมเอกสารทุกแผ่นต้องผ่านตาฉันต่อให้ก๊อปลายเซ็นได้ฉันก็ไม่ให้ใครช่วยเซ็นหรอก แต่ที่ยอมให้เธอมาแสดงความคิดเห็นในฝั่งนักเรียน เพราะฉันรู้สึกว่าเธอเป็นคนดี ฉันไม่อยากได้คนมีเหตุผลมากมาย แต่อยากได้คนที่มีเหตุผลในระดับหนึ่งแต่มีความเป็นมนุษย์ที่ดี
         และฉันเห็นมันจากเธอ เฟยเฟิ่ง จิว”
         คำพูดนั้นทำให้เด็กหนุ่มแอบดีใจอย่างบอกไม่ถูกแม้สีหน้าของฮาวายจะดูจริงจังและมองแต่เอกสารไม่เปลี่ยนแต่เขาก็รู้สึกได้ว่าเธอนั้นพูดออกมาอย่างจริงใจ
         “เอ่อ...งั้นอาจารย์ทำไมถึงสนิทกับอาจารย์ดันเต้จังล่ะค่ะ เห็นด่ากันสนุกเลย”
         “อ้อ สมัยก่อนลูกพี่ลูกน้องฉันทำงานที่โรงละครเดียวกับหมอนั่นน่ะ พอมันเข้ามาเป็นอาจารย์เมื่อ3ปีก่อนเลยค่อนข้างคุ้นเคยกันอยู่แล้ว”
         “อ๋อ...ค่ะ”
         “อย่าหวังเรื่องหมอนั่นเลยนะ”
         ฮาวายพูดขึ้นทำให้เด็กหนุ่มนิ่งไปชั่วขณะเพราะน้ำเสียงที่จริงจัง
         “ฉันไม่ได้กีดกันความรักของนักเรียนกับอาจารย์หรอก ฉันเฉยๆ แต่ถ้าเป็นดันเต้ เธอคงไม่มีทางสมานแผลของเขาได้หรอก ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็เถอะนะ”
         ฮาวายพูดเพื่อตัดบทไม่ให้นักเรียนของเธอถลำลึกไปในเรื่องนี้ไปมากกว่านี้แต่มันกลับทำให้อีกฝ่ายอยากรู้มากเข้าไปอีก
         “ทำไมล่ะคะ”
         “เธอไม่ต้องรู้หรอก ถ้าเล่าไป ฉันก็อาจจะดูเป็นเพื่อนที่ไม่ดีของหมอนั่น”
         “แต่ว่า...”
         “ชมรมคาราเต้น่าจะมากันแล้ว เอาแก้วกาแฟนั่นมาให้ฉันทีสิ”
         ฮาวายพูดตัดประโยคของเฟยเฟิ่งทำให้เขารีบไปหยิบแก้วมาให้ ฮาวายวางมือลงบนแก้วอีกครั้งก่อนจะยกมือขึ้นมา น้ำตาลทั้งหมดในแก้วแยกออกมาจากกาแฟมาติดที่มือของเธอก่อนที่เธอจะวาร์ปมันลงถังขยะไปหน้าตาเฉย
         “น้ำร้อน3ส่วน4แก้ว คนให้ด้วย”
         “อะ...เอ่อ ค่ะ”
         เฟยเฟิ่งไปทำตามแต่โดยดี และหลังจากตอนนั้นฮาวายก็ไม่เปิดโอกาสให้เฟยเฟิ่งถามเรื่องดันเต้อีกเลยจนถึงเวลาเรียนคาบแรกที่เฟยเฟิ่งจะต้องกลับไปเรียนที่ห้อง


         เวลา11โมงเสียงเคาะประตูของห้องผู้อำนวยการดังขึ้นทำให้ฮาวายที่ยังนั่งทำงานอยู่ถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะพูดอนุญาติให้คนที่เคาะเข้ามา เวโรนิก้า หนึ่งในสองรองประธานนักเรียนผู้มักจะมีสีหน้าเรียบๆเดินเข้ามาก่อนจะยกแขนขึ้นกอดอก
         “อาจารย์คะ ทำไมถึงปลดฉันจากตำแหน่งผู้ช่วยแล้วให้เด็กคนนั้นทำแทนล่ะคะ”
         คำถามของเด็กสาวทำให้ฮาวายถอนหายใจออกมา เธอคิดไว้แล้วว่าคนที่ยึดความสมบูรณ์แบบขั้นสุดอย่างเวโรนิก้าคงไม่พอใจนักที่เธอเอาเด็กคนอื่นมาแทนทั้งยังเป็นรุ่นน้องอีกต่างหาก
         “สำหรับฉันเธอทำงานได้ไม่ถูกใจฉันน่ะ”
         “แต่ฉันก็ทำงานดีนะคะ ไม่น่าจะโดนปลดเพราะเหตุผลง่ายๆ”
         “ไม่ถูกใจหัวหน้ามันก็เป็นรูปแบบหนึ่งของการทำงานไม่ดีนั่นแหละน่า ถ้าให้เธอช่วยต่อมีหวังฉันต้องบ้าเพราะการวิเคราะห์เหตุผลของเธอก่อนแหง”
         “...ค่ะ ขอโทษที่ทำงานไม่ดีนะคะ”
         “ช่างมันเถอะ อย่าลืมที่ตกลงกันไว้ล่ะ ฉันไม่รู้ว่าเด็กใหม่ป้องกันตัวได้แค่ไหน ถ้าเห็นว่าเธอเก่งพอจะตบแคชคว่ำหรือกระทืบลีออนได้ก็ปล่อยไปได้เลยไม่ต้องดูแลต่อ”
         “รับทราบค่ะ แต่ฉันคิดว่าแชมป์ดาบแบบนั้นไม่ค่อยน่าห่วง”
         “ถึงจะฟันดาบเก่งก็ไม่ได้พกดาบตลอดเวลานะ”
         “ค่ะ ขอตัวนะคะ”
         เวโรนิก้าเดินออกไปจากห้อง แม้เธอจะไม่สบอารมณ์อยู่ลึกๆใต้สีหน้านิ่งเรียบ แต่ด้วยความที่เธอนั้นนับถือและค่อนข้างเชื่อฟังฮาวายพอสมควร ทำให้เธอไม่สามารถปฏิเสธคำสั่งที่เธอรับปากมาแล้วได้ แต่ระหว่างที่เธอกำลังเดินไปตามทางเดินนั่นเองเฟยเฟิ่งก็วิ่งสวนมาเพราะจะรีบไปช่วยงานฮาวายเท่าที่ทำได้ก่อนไปชมรม 
    หญิงสาวคว้าบ่าของรุ่นน้องไว้แน่นก่อนจะหันไปมอง
         “อย่ามาทำให้ท่านฮาวายเหนื่อยไปมากกว่าเดิมล่ะคะ”
         สีหน้าของรุ่นพี่สาวที่ตัวสูงกว่าดูมองเหยียดเด็กหนุ่มเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้ทำให้เฟยเฟิ่งรู้สึกหงุดหงิดและปัดแขนของเธอออก
         “ฉันอยากช่วยตายแหละ เป็นถึงรองประธานฝ่ายหญิงแท้ๆทำไมถึงโดนปลดเพราะรุ่นน้องได้ละคะ”
         เฟยเฟิ่งพูดต่อปากต่อคำกับผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในคนที่น่ากลัวที่สุดในโรงเรียนโดยไม่มีความเกรงกลัวใดๆ
         “หึ คนแบบคุณน่ะหรอคะที่ท่านฮาวายสนใจ ฉันแหละยอมใจท่านเลยจริงๆ”
         เวโรนิก้าพูดก่อนจะเดินจากไปนิ่งๆ แต่การก้าวเดินช้าๆและท่าทางใจเย็นที่มองจากด้านหลังกลับขัดกับแววตาบนใบหน้านิ่งเฉยของเธอที่ดูจะหงุดหงิดไม่น้อย


         ในขณะเดียวกันบนดาดฟ้าหญิงสาวผมสีฟ้าครามก็กำลังจุดบุหรี่และยืนสูบอยู่กับเพื่อนร่วมงานผมสีแดงสดที่คุ้นเคย
         “นายต่อยเด็กไม่ได้นะฟรายเดย์ เดี๋ยวโรงเรียนฉันจะมีชื่อเสีย”
         “ชิ เธอก็สนแต่เรื่องนั้น ก็ไอ้บ้านั่นมันกำลังจะระเบิด ฉันก็แค่เรียกสติ”
         “แหม่ พ่อคุณรุนชาติ เรียกสติซะสลบเลยนะ”
         ผู้อำนวยการสาวพูดติดตลกแต่ฟรายเดย์ก็รู้ดีว่าเธอจริงจังกับเรื่องนี้มาก เขาเลยทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นของดาดฟ้า
         “คนเป็นครูบาอาจารย์จะไปลงไม้ลงมือกับเด็กเกินความจำเป็นได้ยังไง นายต้องยั้งหมัดยั้งใจบ้างแล้วนะ ไม่งั้นมันจะยุ่งเอา”
         “...อือ ฉันขอโทษน่า ฉันนี่ไม่ไหวเลยว่ะ เป็นครูมาตั้งเกือบ10ปี ยังคุมอารมณ์ไม่ได้เท่าไอ้คนมาทำงานสองสามปีแบบดันเต้เลย”
         อาจารย์หนุ่มเลือดร้อนตอนนี้ถึงกับสิ้นฤทธิ์ เขานั่งเซ็งๆพลางปล่อยควันออกจากปาก
         “คิดมากคิดมายพ่อหนุ่ม นายน่ะเป็นเพื่อนร่วมงานที่ฉันเชื่อใจมากนะ ถึงจะปากจะเXี้ยสุดๆก็เถอะ”
         “หุบปากน่ายัยป้าเอ๊ย!”
         “ฮะๆ ต้องแบบนี้สิถึงจะสมเป็นพ่อหนุ่มวันศุกร์ เอาล่ะ เติมพลังเสร็จแล้วก็กลับไปทำงานล่ะ”
         ฮาวายพูดก่อนปล่อยบุหรี่ในมือลงพื้นแล้วขยี้ให้ดับก่อนจะเดินไปที่ประตู
         “เฮ้ย ป้า! คราวหน้าขอตัวจริงนะ”
         ฟรายเดย์พูดทิ้งท้ายก่อนที่ประตูดาดฟ้าจะปิดลง ผู้อำนวยการสาวที่มาเคลียร์กับเพื่อนร่วมงานเสร็จเรียบร้อยเดินลงไปชั้นล่างสุด ก่อนจะซื้อข้าวกล่องที่โรงอาหารหลายกล่องแล้วเดินไปที่หลังโรงเรียน หญิงสาวเดินเข้าไปในอาคารเล็กๆชั้นเดียวด้านหลังโรงยิมซึ่งเป็นที่เก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดและเป็นห้องพักของนักการภารโรงก่อนจะวางถุงใส่ข้าวกล่องลงบนโต๊ะแล้วเขียนคำบางอย่างลงบนกระดาษก่อนจะวางมันไว้ๆใกล้ๆถุงนั้น
         เหนื่อยหน่อยนะเจ้าพวกทาส -ฮาวาย-
         หญิงสาวเขียนเพียงแค่นั้น ก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับของอีกอย่างที่เธอซื้อมาด้วย ฮาวายเดินไปที่เรือนกระจกซึ่งเป็นที่สิงสู่ของเหล่าชมรมพฤกษศาสตร์ แต่เมื่อเธอเข้าไปแล้วเธอกลับไม่เจอคนที่เธอมาหา ผู้อำนวยการสาวจึงเรียกนักเรียนใกล้ๆในเรือนกระจกมาหา
         “ซิออฟร่า น้าเธอไม่อยู่หรอ”
         “อาจารย์โอยาไปซื้อของนอกโรงเรียนน่ะค่ะ”
         หญิงสาวผู้มีตำแหน่งประธานชมรมพฤกษศาสตร์ควบตำแหน่งหลานสาวของอาจารย์ที่ปรึกษาประจำชมรมตอบด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
         “อ้อ งั้นฝากนี่ให้น้าเธอหน่อยนะ จำได้ว่าเคยพูดอยู่ว่าชอบแต่ซื้อไม่ค่อยทัน”
         เด็กรับถุงใส่ขนมมาก่อนจะโค้งขอบคุณ
         “อีกอย่างฉันอนุมัติงบของชมรมเธอเพิ่มให้แล้วนะ แต่ได้แค่3ส่วน4จากที่เธอขอ ขอโทษทีนะ”
         “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ จริงๆก็ขอเผื่อๆเกินๆไปหน่อยด้วยอยู่แล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ”
         หญิงสาวตอบด้วยรอยยิ้มตามมารยาทที่ดูแปลกๆเพราะปกติเธอนั้นแทบจะทำหน้านิ่งตลอดเวลา ฮาวายยิ้มกลับเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากเรือนกระจกไป ผู้อำนวยการสาวเดินไปรอบๆโรงเรียนเพื่อตรวจตราความเรียบร้อยและวาร์ปขยะทุกชิ้นที่เห็นลงถังขยะ และขาของเธอก็มาหยุดที่หลังโรงยิม
         “เฮ้ย คิดว่าอยู่คลาสเอสแล้วทำตาขวางใส่เราได้หรอวะไอ้พวกระดับบี!”
         เสียงของนักเรียนชายกลุ่มหนึ่งดังขึ้นเรียกร้องความสนใจของผู้อำนวยการสาว เธอจึงชะโงกหน้าไปดูเงียบๆ กลุ่มนักเรียนชายคลาสซีที่ดูเหมือนจะหาเรื่องกับS-humanระดับอื่นอีกแล้วนั้นกำลังสนุกกับการแกล้งคนที่ไม่มีทางสู้อะไร แต่ที่สะดุดตาฮาวายเป็นพิเศษคือชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มที่วางเท้าลงบนหัวของนักเรียนผู้โชคร้าย
         “แคช เอาอีกแล้วหรอ”
         ฮาวายเดินเข้าไปทำให้กลุ่มเพื่อนของแคชกลุ่มแตก และวิ่งหนีในทันทีแต่หญิงสาวก็ไม่ได้หันไปมองก่อนจะดีดนิ้วทำให้นักเรียนที่กำลังวิ่งหยุดนิ่งและแข็งราวกับถูกแช่แข็งอยู่ในห้วงกาลเวลา
         “โอ้ พลังของอาจารย์ดันเต้หรอครับ ท่านผอ.ที่เขาว่าน่ากลัวนักหนาเนี่ยนึกว่าจะยิงไฟหรืออะไรได้ซะอีก”
         นักเรียนหัวโจกพูดกร่างใส่อย่างไม่เกรงกลัว ก่อนจะยกเท้าขึ้นและกำลังจะกระทืบลงไปที่หัวของนักเรียนที่นอนอยู่แทบเท้า แต่ก่อนที่เท้าของแคชจะขยี้หัวของคนที่เขากำลังแกล้งร่างที่ยังสลบอยู่ก็วาร์ปหายไปวนทันตา
         “อะ...อะไรวะเนี่ย?!!”
         ขณะที่แคชกำลังตกใจนั่นเองอยู่ๆก็มีกรงขังเหล็กหล่นลงมาครอบตัวเขาเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหน แต่ดูเหมือนโชคจะเข้าข้างชายหนุ่มนักก๊อปปี้เพราะก่อนหน้านี้เขาพึ่งไปเลียนแบบพลังเพิ่มแรงกายของเพื่อนคนหนึ่งในห้องมา ทำให้เขามีพลังมากพอจะกระชากลูกกรงออกได้ แต่เมื่อเขาจับลูกกรงและพยายามจะใช้พลังมันกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
         “ไม่ต้องตกใจไป ฉันแค่ระงับการใช้พลังพิเศษของเธอ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ใช้ได้แล้วล่ะ”
         ฮาวายพูดด้วยรอยยิ้มพลางโทรศัพท์ตามดันเต้ให้มาที่นี่ก่อนจะหันหลังไป
         “เฮ้ย! หยุดเลยนะเว้ย! อย่าคิดว่าจะฉันจะยอมง่ายๆนะ!”
         “ไม่ต้องห่วงหรอกฉันพร้อมเสมอถ้าอยากจะต่อยกันน่ะนะ”
         “เหอะ...เป็นผู้อำนวยการคงว่างมากเลยสิ เดินไปเดินมาไม่อยู่ในห้องทำงาน ดูดเงินในโรงเรียนไปวันๆได้แบบนี้...อึก...อื้อ...”
         แคชที่กำลังปากดีอยู่ๆปากของเขาก็ปิดสนิทและไม่สามารถอ้าออกได้ หญิงสาวที่เกือบปรี๊ดแตกจากคำพูดนั้นหันมามองเขาด้วยสายตาราวกับหมาป่าที่กำลังจะฆ่าเหยื่อ
         “ไม่รู้ อย่าปากดี”
         ฮาวายที่พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแต่เปี่ยมแรงกดดันมหาศาลของนักล่า ทำให้แคชถอยหลังไปจนติดลูกกรงก่อนจะทรุดลงและได้แต่มองตามหญิงสาวที่เดินจากไปเงียบๆ
         ผู้อำนวยการสาวเดินกลับมาที่ห้องทำงานของตัวเองอีกครั้งตอนที่ไม่มีใครอยู่นอกจากหญิงสาวผมสีฟ้าคราม ฮาวายที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานยื่นมือออกมาให้กับอีกร่างของเธอก่อนที่มือของทั้งสองจะประสานกันทำให้ร่างแยกนั้นสลายให้หายไปพร้อมกับความทรงจำของสิ่งที่ร่างแยกไปทำมาและความเหนื่อยราวกับวิ่งร้อยเมตรมาหมาดๆที่พุ่งเข้ามาโจมตีร่างกายของหญิงสาว ฮาวายทิ้งตัวลงที่เก้าอี้อย่างหมดแรงร่างกายของเธอมีเหงื่อออกและเริ่มมีอาการหอบเล็กน้อยแต่เธอก็ไม่ได้พัก เธอเพียงแค่หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อและนั่งทำงานเอกสารของเธอต่อไป
         ตกเย็นหลังเลิกชมรมเฟยเฟิ่งที่มาช่วยงานฮาวายเล็กน้อยก็กำลังจะกลับแต่ก่อนกลับเธอก็หันมาบอกกับผู้อำนวยการสาวว่า
         “คราวหน้าก็อยู่ห้องในตลอดสิคะ เห็นเดินเล่นไปทั่วงานก็เลยไม่เสร็จแบบนี้”
         “จ้าๆ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ อย่าสายล่ะ”
         เฟยเฟิ่งพยักหน้ารับกับคำพูดของฮาวายก่อนจะเดินออกไปโดยไม่รู้เลยว่าแม้ฮาวายจะนั่งทำงานทั้งวันไม่ออกไปไหนเลยแต่งานของเธอก็เยอะมากซะจนไม่สามารถเสร็จได้ง่ายๆ


         สุดท้ายแล้วหญิงสาวก็นั่งทำงานอยู่ในห้องจนเกือบสามทุ่ม เธอถอนหายใจก่อนจะเก็บของเขาที่แล้วเดินออกจากห้องทันที ฮาวายรีบปิดประตูห้องของเธอเพราะไม่อยากมองห้องมืดๆด้านในแล้วเธอก็โทรเรียกให้ยามหน้าโรงเรียนขึ้นมาหาเธอที่หน้าห้องผู้อำนวยการ ชายชราวัย50ปีในชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยขึ้นมาหาเธอพลางอยู่เป็นเพื่อนคุยในขณะที่เดินลงด้านล่างและไล่ปิดไฟบนอาคาร
         “ฮะๆๆ ท่านฮาวายเนี่ยกลัวความมืดมากแต่ดันอยู่ทำงานซะดึกเลยนะครับ จำเมื่อก่อนไม่ได้หรอครับที่เคยโดนแกล้งทิ้งไว้คนเดียวจนร้องไห้น่ะ”
         “อย่าแซวสิคะ! นี่ฉันกลัวจริงๆนะ วันนี้ดึกมากด้วย แค่ออกมาจากห้องก็กลัวจะตายแล้ว”
         “คราวหน้าก็ระวังหน่อยสิครับ งานไม่เสร็จพรุ่งนี้ก็มาต่อได้นะครับ เดี๋ยวก็ช็อคตายอยู่บนนี้หรอก”
         ชายชราพูดอย่างใจดี เขานั้นทำงานที่นี่มานานตั้งแต่ฮาวายยังเป็นนักเรียนอยู่ที่นี่ ทำให้เขารู้ว่าเธอนั้นมีอาการกลัวความมืดขั้นรุนแรงแต่เธอก็ยังฝืนทำงานต่อจนดึกทั้งที่เลิกงานตั้งแต่ห้าโมงเย็น
         “ไม่ได้หรอกค่ะ พรุ่งนี้ก็มีงานมาเพิ่มอีก งานของทุกคนจะช้าเพราะฉันไม่ได้หรอกค่ะ”
         ฮาวายพูดด้วยรอยยิ้มเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเป็นห่วงก่อนที่ทั้งคู่จะเดินมาถึงรถของเธอ
         “ขอบคุณนะคะ ต้องรบกวนตลอดเลย”
         “ไม่เป็นไรครับ ดีกว่าปล่อยให้ท่านร้องไห้อยู่บนนั้นนะ ฮะๆ”
         “ก็บอกว่าอย่าแซวไงคะ! ฉันอายจริงๆนะ”
         ผู้อำนวยการสาวหน้าแดงขึ้นมาเมื่อถูกล้อเรื่องเก่าๆ เธอเปิดประตูหลังรถก่อนจะหยิบถุงบางอย่างออกมาให้ยาม
         “ขนมปังกับน้ำผลไม้นะคะ คืนนี้จะได้ไม่หิว”
         “ฮะๆ ขอบคุณครับ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะครับ”
         ชายชราพูดเพียงแค่นั้นก่อนจะเดินกลับไปที่ป้อมยามพร้อมกับถุงใส่ขนมปังด้วยรอยยิ้ม ฮาวายยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่เธอจะขับรถออกไป
         ฮาวายขับรถมาจนถึงย่านเที่ยวกลางคืนแห่งหนึ่งที่พวกคนเป็นอาจารย์ชอบมาดื่มกันหลังเลิกงาน หญิงสาวจอดรถเข้าที่จอดก่อนจะเปลี่ยนชุดเป็นสูทสีขาวเพื่อให้ดูเรียบร้อยและไม่เสียชื่อของตำแหน่งเมื่อคนอื่นมองมา หลังจากเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็เดินเข้าไปในร้านแล้วนั่งลงที่โต๊ะซึ่งเพื่อนร่วมงานของเธอนั่งอยู่
         “โหย รอบนี้ฮาวายมาช้ากว่าดันเต้อีกนะเนี่ย”
         ลาเวนเดอร์ที่นั่งรออยู่แล้วพูดแซวพลางรินเบียร์ลงแก้วให้เพื่อนสาว
         “ฮะๆ จะว่าไป ดันเต้วันนี้ทำไมมาเร็วได้วะ”
         “ลูกหลับเร็วไงครับ พี่ก็ถามแปลกๆ”
         “เออ ช่างเหอะๆ ชงให้หน่อยสิ”
         ลาเวนเดอร์ที่ดูเหมือนจะดื่มไปไม่น้อยแล้วพูดพลางยื่นแก้วให้รุ่นน้องในที่ทำงานอย่างดันเต้
         “ผู้อำนวยการเอาด้วยไหมครับ”
         “ไม่ล่ะ วันนี้ฉันขอเบียร์อย่างเดียวดีกว่า”
         ฮาวายบอกปัดดันเต้ที่ยื่นแก้วเหล้าให้กับเธอก่อนจะมีคำถามบางอย่างเกิดขึ้นในสมองของเธอ
         “ฉันเพิ่งนึกได้นะ ทำไมดันเต้เรียกลาเวนเดอร์ว่าพี่ล่ะ ทั้งที่ฉันแก่กว่าลาเวนเดอร์แท้ๆ”
         “โห เรียกกันมาจะห้าปีแล้วป้าเพิ่งสังเกตหรอ”
         ฟรายเดย์ที่นั่งข้างๆฮาวายพูดขึ้น
         “ก็เพราะผมน่ะรู้จักพี่ลาเวนเดอร์นอกโรงเรียนก่อนน่ะครับ ตอนนั้นเรียกพี่ ตอนนี้ก็เลยติดปากไปแล้ว อีกอย่างท่านผู้อำนวยการเป็นหัวหน้าผมก็เลยเรียกแต่ตำแหน่งงาน”
         ดันเต้ตอบด้วยรอยยิ้ม หลังจากหมดข้อสงสัยแล้วทุกคนก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นกันไปเรื่อยเปื่อยจนถึง5ทุ่ม ดันเต้และฮาวายก็ขอตัวกลับก่อนปล่อยให้ตัวแรงสองตัวคุยกันต่อไป ทั้งสองเดินออกมานอกร้านพลางคุยกันไปเรื่อยๆจนถึงที่จอดรถ เมื่อถึงรถของตัวเองฮาวายก็ยืนพิงรถของตัวเองก่อนจะถามบางอย่างกับดันเต้
         “ที่ออกมาพร้อมกันแบบนี้เพราะมีปัญหาอะไรล่ะสิ”
         “ครับ นิดหน่อย ผมเครียดอยู่”
         ดันเต้พูดพร้อมกอดอกทำให้ฮาวายถอนหายใจเล็กน้อย
         “ในรถไหม”
         “ก็ดีครับ”
         ทั้งสองขึ้นรถก่อนที่ฮาวายจะติดเครื่องรถทิ้งไว้แล้วเริ่มนั่งคุยกันแบบส่วนตัว
         “ม.ต้นถ้าคลาริต้าเข้าโรงเรียนขึ้นมาแล้วผมกลัวว่าจะมีปัญหาน่ะครับ เธอไม่ได้เรียนโรงเรียนปกติตอนนี้ ผมกลัวว่าเธอจะเข้าสังคมไม่ได้”
         “ดันเจอนายไม่เคยกังวลเรื่องนี้นี่ วันนี้นายไปจับแคชมาสินะ”
         “ครับ ตามที่คุณเรียกไป”
         “...โดนไอ้ขยะนั่นพูดบาดใจมาล่ะสิ”
         “ครับ ผม...ผมไม่มีภูมิต้านทานเรื่องนี้เลยจริงๆ”
         “ไม่ต้องไปใส่ใจหรอก นายเป็นพ่อที่ยอดเยี่ยมมากนะ ทุกครั้งที่ฉันไปบ้านนายก็เห็นลูกสาวนายรักนายจะตายนี่ อีกอย่างสำหรับฉันนายเป็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยมมากนะ ขนาดทำสาวท้องตอนเรียนยังรับผิดชอบได้ขนาดนี้ ดูสิ มีบ้าน มีรถ มีแม่บ้านอีก
         ดูฉันสิ อยู่คอนโด รถก็ยังผ่อนไม่หมดทั้งที่แก่กว่านายตั้งเท่าไร ทำดีขนาดนั้นแล้วภูมิใจกับตัวเองหน่อยหัวหงอก”
         ฮาวายพูดพลางขยี้ผมสีขาวของดันเต้จนยุ่ง
         “ผู้อำนวยการเนี่ยเข้มแข็งจังนะครับ”
         “ไม่หรอก ฉันแค่ยังไม่เคยโดนไอ้เด็กบ้านั่นดูถูกหรือไปสืบนั่นนี่มาเจาะใจเล่นต่างหาก”
         ฮาวายยิ้มขื่นๆและพูดออกไปเพื่อไปให้เพื่อนของตัวเองรู้สึกแย่ขึ้น แม้ว่าเมื่อกลางวันเธอจะเกือบฆ่าแคชไปแล้วก็ตาม หลังจากปรับทุกข์กันอยู่สักพักฮาวายกับดันเต้ก็แยกกัน
         ผู้อำนวยการสาวกลับถึงคอนโดของตัวเองเกือบตี1 เธอรีบขึ้นห้องของตัวเองในทันทีก่อนจะสลัดกระเป๋าและสัมภาระทั้งหมดของเธอลงบนโต๊ะก่อนจะไปอาบน้ำ หญิงสาวออกมาจากห้องน้ำและสวมเพียงชุดชั้นในเท่านั้น เธอเช็ดผมพลางหันไปมองภาพของแคชที่เธอเอาติดไว้ตรงหน้าห้องน้ำ ฮาวายกางมือไปทางรูปภาพก่อนจะยิ้มออกมา
         “ปิ้ว...”
         เธอพูดเบาๆกับตัวเองทำให้มีไฟพุ่งออกมาจากมือเผารูปนั้นจนไหม้เป็นใบที่221 ก่อนที่เธอจะทิ้งตัวลงบนเตียงทั้งที่ใส่แค่ชุดชั้นใน เธอยิ้มหวานก่อนจะดึงผ้าห่มออกแต่สิ่งที่อยู่ใต้นั้นกลับเป็นเพียงหมอนข้าง
         อา...ฉันเพิ่งโดนบอกเลิกไปเมื่อสองวันก่อนนี่นา นี่ฉันงานยุ่งจนไม่มีเวลาเสียใจเลยหรอวะ จะว่าไปตอนโดนบอกเลิกก็เพราะทำงานมากไปด้วยนี่นะ
         ฮาวายระลึกชาติได้ว่าเธอถูกแฟนสาวที่คบกับมา4ปีบอกเลิกเมื่อสองวันก่อน ก่อนที่เธอจะเดินไปสวมเสื้อยืดหลวมๆตัวหนี่ง แล้วทิ้งตัวบนโซฟาหนังราคาแพงหน้าโทรทัศน์ หญิงสาวกดเปิดหนังดูเรื่อยเปื่อยแม้จะไม่ใช่เรื่องที่เธอชอบ เธอเพียงแค่ทำให้ในห้องและในใจของเธอมีเสียงอะไรมากระทบบ้างเท่านั้น ผู้อำนวยการสาวถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะยกขาขึ้นมานั่งกอดเข่าบนโซฟาและแสดงท่าทางเหนื่อยล้า แววตาเศร้าหมอง รวมถึงปล่อยให้เสียงสะอื้นจากเรื่องส่วนตัวเลยดังออกมาแบบที่ไม่สามารถทำได้ในเวลาที่เธอทำงาน สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่ได้นอนทั้งคืนอีกครั้ง และพรุ่งนี้ก็อาจจะไม่ต่างกัน


         เช้าวันรุ่งขึ้นผู้อำนวยการสาวมาที่โรงเรียนตั้งแต่ตี5เพื่อมาวิ่ง เธอลงจากรถทั้งชุดออกกำลังกายก่อนจะเดินไปทักทายยามชราคนเดิม
         “จะหมดกะ ได้กลับไปนอนแล้วสินะคะ”
         “ใช่ครับ เดี๋ยวค่ำๆจะมาทำงานต่อ แล้วท่านเป็นยังไงบ้างครับ หลับสบายไหม”
         ฮาวายเงียบไปประมาณสามวินาทีก่อนจะยิ้มหวานออกมา
         “หลับสบายมากเลยค่ะ!”
    รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เส้นคั่น png
    WRITER
    เมื่อวานยุ่งๆค่ะเลยไม่ได้ลง อันนี้ของวันพุธนะคะ
    .........................
    ตอนนี้ก็เล่าเรื่องแบบเจาะคนๆเดียวอีกแล้ว แต่สำหรับฉันแล้วฮาวายเป็นตัวละครสำคัญค่ะ อยากให้เข้าใจเธอด้วยการกระทำ อีกอย่างมันจะเป็นเอฟเฟคระยะยาวด้วย ฮะๆ
    ถ้าไม่ชอบให้เจาะตัวละครตัวเดียว
    หรือคิดยังไงกับตอนนี้
    คิดยังไงกับหนูฮาวาย ก็บอกกันได้นะคะ
    .........................
    เอาล่ะ เดี๋ยวดึกๆจะมาอัพหนูๆตัวละครนะคะ ฮุ ตอนนี้ไม่มีอะไรจะพูดมากนัก
    .........................
    อ้อ มีคำถามมาให้ทายกันเล่นๆนะคะ
    "ฮาวายมีพลังอะไรน้า???"
    .........................

    รูปภาพที่เกี่ยวข้องตอนหน้าจะเริ่มเปิดตัวห้องCกันแล้วนะ กดให้กำลังใจไรท์ด้วยนาจา<3!รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ thank you gif
    T
    B
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×