ลำดับตอนที่ #12
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : บทที่8 คลาส S ปี 4
เช้าวันศุกร์ที่แสนน่าเบื่อ ชายหนุ่มผมสีขาวตื่นขึ้นมาแต่เช้า เขาขยี้ตาเล็กน้อยก่อนหยิบแว่นสายตามาสวมใส่ นาฬิกาบอกเวลา8โมงเช้าทำให้เขารู้ว่าตัวเองมีเวลาเตรียมตัวก่อนไปเรียนเพียงแค่ชั่วโมงเดียว แต่มันคงไม่เป็นปัญหาสำหรับเด็กหอแบบเขานัก ไวท์นั่งนิ่งอยู่ที่ขอบเตียงครู่ใหญ่เพื่อให้สมองเข้าที่ก่อนจะคว้าหมอนของตัวเองปาใส่หัวน้องชายที่ยังหลับสนิท
“พี่จะไปแล้วนะวาเลนไทน์”
ไวท์พูดก่อนจะลุกไปอาบน้ำปล่อยให้น้องชายสลึมสลือตื่นขึ้นมาเพื่อมานั่งตายอยู่บนเตียงรอสมองเข้าที่ไม่ต่างจากพี่ชาย
“วันนี้พี่รีบหน่อยนะ คงรอนายไม่ได้ พอดีเป็นเวรทำความสะอาด”
พี่ชายผู้แสนเคร่งครัดพูดอย่างรีบๆหลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาแต่งตัวและจัดของเสร็จเรียบร้อยภายในพริบตาราวกับวางแผนมาเป็นอย่างดีแล้วก่อนจะเดินออกจากห้องไปไม่ใส่ใจน้องชายที่ยังนั่งหลับในอยู่บนเตียง
ชายหนุ่มเดินลงจากหอพักพร้อมกับกระเป๋าใส่ชุดคาราเต้ตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือครั้งนี้เขาลงมาจากหอตรงกับเวลาที่ดาร์เรลเดินผ่านมาพอดิบพอดี อีกทั้งเพื่อนร่วมห้องของเขานั้นไม่ได้มาคนเดียวเสียด้วย
“เฮ้! ทำไมวันนี้มาเวลานี้ล่ะเนี่ย”
ไวท์ทักเพื่อนร่วมห้องของเขาเสียงดังก่อนจะเดินเข้าไปหา ปกติเขาไม่ได้ชอบทักคนอื่นช่วงเช้านักแต่ครั้งนี้เขาทักเพราะสนใจคนที่อยู่ข้างๆเพื่อนของเขาอย่างช่วยไม่ได้
“ฮะๆ ตื่นสายกว่าปกติน่ะสิ สงสัยผมจะล้าจากซ้อมอีกแล้ว นาฬิกายังปลุกไม่ตื่นเลย”
“อ้อ แย่เลยดิ ว่าแต่ใครมาด้วยล่ะเนี่ย”
ไวท์ถามพลางมองชายหนุ่มผู้มีดวงตาสีแดงสดที่เดินอยู่ข้างดาร์เรลอย่างสนอกสนใจ
“ฟาโรห์เป็นรุ่นน้องที่ชมรมน่ะ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยเคารพผมหรอกนะ ฮะๆ”
“อ้อ... นี่ฟาโรห์ ถ้านายอารมณ์เสียจะโดดเรียนไหม”
ไวท์ยิ้มพร้อมถามด้วยคำถามตามความรู้สึกที่ทำให้ดาร์เรลถึงกับชะงัก พร้อมกับหันไปมองไวท์ที่ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงบางอย่าง รุ่นน้องหนุ่มที่ไม่เข้าใจอะไรก็ทำท่าทางงงๆเล็กน้อยแต่เขาก็ตอบออกไป
“หา? ตอนอารมณ์เสียก็ต้องโดดเรียนสิ ใครเขาจะมีกะจิตกะใจไปนั่งเรียนกัน”
“หืม...แหมๆ นั่นสินะ ท่าทางจะเป็นอย่างที่ฉันคิดจริง...”
“ไวท์!! วันนี้ผมเป็นเวรทำความสะอาดล่ะ ไหนๆก็เจอกันแล้วไปช่วยหน่อยละกันนะครับ!”
ดาร์เรลพูดขัดขึ้นมาเสียงดังก่อนจะรีบดึงมือของเพื่อนร่วมชั้นไปแล้ววิ่งไปอย่างรวดเร็ว ไวท์ที่ยังหยุดยิ้มไม่ได้หันไปมองรุ่นน้องที่ยืนงงๆก่อนจะโบกมือลาเล็กน้อยแล้วปล่อยให้ดาร์เรลลากตัวเองออกไปจากตรงนั้นแต่โดยดีจนถึงบันไดทางขึ้น
“แรงดีขนาดนี้ไปชมรมกรีฑาดีกว่ามั้ง”
“เงียบน่า!! ถามบ้าอะไรของนายวะ?!”
“โอยๆ ดาร์เรลดีแตกซะแล้ว แต่ท่าทางจะจริงนะ หน้านายแดงแจ๋เลย ฮะๆๆ”
ไวท์พูดด้วยรอยยิ้มทำให้ชายหนุ่มรู้ตัวว่าหน้าของเขาร้อนขึ้นมาขนาดไหน
“ฉันนี่เซ้นส์แรงดีไม่มีตกจริงๆ ก็ว่าอยู่ว่าใครหนอจะเอะอะอารมณ์เสียโดดเรียนเหมือนที่ฉันพูด แหมๆๆ ดาร์เรลชอบเด็กนิสัยไม่ดีหรอกหรอเนี่ย”
“หุบปากโว้ย!!”
“โอ๋ๆ ไม่โกรธนะไม่โกรธ ฮะๆๆ”
“หยุดหัวเราะแล้วขึ้นไปทำเวรเลยไป! ฉันจำได้นะว่าวันนี้เวรแกน่ะ!”
“อ้าว? ไม่ใช่เวรนายหรอกหรอ ฮะๆ ไม่ใช่นี่เนอะ เวรนายผ่านมาตั้งหลายวันแล้ว นายก็แค่ไม่อยากให้ฉันคุย...”
“พอ!!”
“ฮ่าๆๆๆ โอเค นานๆจะได้เห็นแบบนี้สักที เป็นเกียรติจริงๆที่โดนคุณดาร์เรลเรียกว่าแก”
ไวท์พูดแซวทำให้ระดับความอายของดาร์เรลใกล้ปรอดแตกเป็นทน แต่ก่อนที่หนุ่มสุภาพจะดีแตกไปมากกว่านี้ไวท์ก็พักการแซวของเขาไว้เพียงแค่นั้นและยอมเดินขึ้นบันไดไปเพื่อไปทำเวรอย่างที่ควรจะเป็นปล่อยให้ดาร์เรลยืนนิ่งสงบสติตัวเองสักพัก
“ถ้ามึงบอกใครกูจะเผาบ้านมึงไวท์!!!!”
ซึ่งดูเหมือนว่าจะยังสงบไม่ได้...
“นี่ๆ อันนี้เป็นWacebookของฉันนะ!”
ด้านบนห้องระหว่างที่ยังไม่ถึงเวลาเรียนเพรทเซลก็หยิบโทรศัพท์ของคิสซารีสขึ้นมาพร้อมกับพิมพ์ชื่อwacebookของตัวเองทั้งยังกดเพิ่มเพื่อนเสร็จสรรพไม่เปิดช่องว่างให้ชายข้างๆปฏิเสธก่อนจะคืนโทรศัพท์ให้เขา
“คนติดตามเยอะจังแฮะ”
“ก็นะ เพราะเล่นละครมาตั้งแต่เด็กๆด้วยล่ะมั้ง”
“หรอ นึกว่าเพราะเธอหน้าตาน่ารักซะอีก”
“ตายแล้วๆๆ คิสคิดว่าฉันน่ารักขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย แบบนี้ปลื้มตายเลย”
หญิงสาวแสดงท่าทางร่าเริงออกหน้าออกตาพลางใช้นิ้วเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง
“นี่นาย...waceร้างสุดๆเลยอะ มีเพื่อนแค่สี่ห้าคนจริงหรอเนี่ย”
“...อือ”
“เอาเถอะๆ ไม่สำคัญหรอก เอ้า! หนึ่ง สอง...”
เพรทเซลพูดพลางกดเปิดกล้องหน้าของโทรศัพท์แล้วถ่ายรูปคู่กับคิสซารีสโดยไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัว คิสซารีสเผลอตัวหันไปมองตามเสียงของเพื่อนสาวทำให้ภาพของเขาที่ติดในกล้องนั้นหันไปอย่างพอดิบพอดีแม้มันจะดูนิ่งไปสักหน่อยก็ตาม
“เฮ้! ทำอะไรน่ะ”
“ถ่ายรูปไง ไม่ชอบหรอ”
“ก็แหงสิ”
“ไม่ชอบนี่แหละยิ่งต้องลง เดี๋ยวแท็กไปให้นะคะ ฮิๆ”
“ไม่ต้องเลยนะ!”
คิสซารีสเอื้อมมือจะคว้าโทรศัพท์ของเพื่อนแต่เพรทเซลก็ใช้มือข้างหนึ่งดันหัวของอีกฝ่ายเอาไว้พลางยื่นโทรศัพท์ให้เพื่อนที่นั่งถัดไป
“เหมย! กดอัปโหลดให้ทีสิ”
“...”
หญิงสาวชาวจีนที่นั่งถัดไปมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนจะมองรูปในโทรศัพท์แล้วกดปุ่มอัปโหลด
“จัดไป เดี๋ยวไปไลค์ให้”
เพื่อนร่วมห้องพูดพร้อมโทรศัพท์ให้เพรทเซลด้วยรอยยิ้มท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคักของกลุ่มสาวๆที่นั่งอยู่ไม่ไกลคืน หญิงสาวปล่อยมือจากเพื่อนชายของเธอก่อนจะกดลงไปสนใจโทรศัพท์อยู่สักพัก
“ชิ เอาแต่ใจชะมัด”
“เอาน่าๆ นานๆทีนะ”
เพรทเซลยิ้มให้เพื่อนของเธอที่ดูไม่สบอารมณ์พลางหยิบขนมจากช่องวางของใต้โต๊ะใส่ปาก แต่ในขณะที่เธอไม่ได้ใส่ใจรอบข้างนั้นเองก็มีคนเอาไม้กวาดมากระทุ้งโต๊ะของเธอ
“นั่งหน้าแท้ๆ ช่างกล้านะ สักวันมดจะขึ้นโต๊ะ”
ไวท์ผู้เป็นเวรทำความสะอาดพูดพลางหันไปมองคิสซารีสทำให้ชายหนุ่มเริ่มทำตัวไม่ถูก
“นายนั่งข้างๆก็เตือนยัยตะกละนี่หน่อยสิ”
“ไม่ต้องมาพูดเลยย่ะ! ต่อให้คิสเตือนฉันก็ไม่ฟังหรอก”
เพรทเซลพูดเสียงดังแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่มีใครบนโลกเปลี่ยนใจของเธอได้ ไวท์ที่จนปัญญาก็เดินกลับไปเก็บไม้กวาดหลังห้องก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเอง เขาที่นั่งหลังสุดกลางแถวมักจะมองไปรอบๆเพื่อมองนั่นนี่อยู่เสมอแต่วันนี้เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อไม่เห็นคนที่นั่งด้านหน้าเขา
ยังไม่มาอีกหรอ หรือว่าเมื่อเช้าฉันเล่นแรงไปนะ
“ไวท์เนี่ยชอบมองโต๊ะดาร์เรลจริงๆเลยนะ”
เสียงของชายหนุ่มที่นั่งข้างๆทักขึ้นทำให้ไวท์ละสายตาจากสิ่งที่เขามองอยู่
“อย่าพูดเหมือนฉันเป็นพวกโรคจิตน่าไอเรน”
“ฉันเปล่านะ นายร้อนตัวไปเอง”
รอยยิ้มมีมารยาทของไอเรนนั้นทำให้ไวท์แอบขุ่นเคืองได้เกือบเท่ารอยยิ้มของดาร์เรลแต่เขาก็ได้แต่ถอนหายใจและไม่ชวนคุยอะไรต่อ
“นายสนิทกับดาร์เรลมากขึ้นแล้วสินะ”
“ถามทำไม”
“เมื่อเช้าฉันเห็น... ไม่เคย...เห็นดาร์เรลทำท่าทางแบบนั้นเลย”
ไอเรนพูดและมีอาการเว้นช่วงเล็กน้อยราวกับคิดบางอย่างก่อนจะมีรอยยิ้มเอ็นดูผุดขึ้นมาบนใบหน้า
“อือ ก็คงงั้น”
“แล้ว...จะทำอะไรต่อไหม”
“ยังไม่ได้คิดเลย นายนี่ถามจู้จี้จัง”
“ก็แค่ถามดูน่า ว่าแต่...ไวท์”
“หืม?”
“ทำวิชาคณิตศาสตร์เสร็จรึยัง”
“เสร็จแล้ว เหมือนเดิมสินะ”
“อือ”
ไวท์ถอนหายใจก่อนจะหยิบสมุดของตัวเองให้ไอเรน ชายหนุ่มรับไปและรีบก้มหน้าก้มตาลอกอย่างรวดเร็วโดยไม่แม้จะกล่าวขอบคุณเจ้าของสมุด
นี่เอ็งจะชวนคุยให้ยาวเพื่อขอสมุดทำไมวะเนี่ย
ชายหนุ่มคิดในใจแต่เขาก็ได้แต่สบถในใจทุกครั้งไม่ต่างจากปีที่ผ่านๆมา
“งาย ทำหน้าเครียดแต่เช้าเลยนะพี่ใหญ่!”
เสียงเรียกดังขึ้นจากด้านหลังของไวท์ ประตูหลังห้องถูกเปิดขึ้นโดยสองสหายที่ตัวติดกับปานคู่รัก สเลย์พูดแซวทันทีเมื่อเห็นสีหน้าของไวท์ เขาและมิคุริโอนั่งอยู่ช่วงกลางๆห้องริมประตูก็จริงแต่การแหย่เพื่อนหลังห้องก็เป็นเรื่องที่สเลย์ชอบไม่น้อย
“ไม่ต้องมาเรียกแบบนั้นเลยไอ้ตัวป่วน”
“แหมๆ ก็คุณพี่ชายคนโตทำท่าทางจริงจังอยู่นี่นา”
“เอาลูกอมไปแXกแล้วหุบปากซะไป”
“ฮะๆ เอามาสิ”
คำพูดพร้อมรอยยิ้มของสเลย์ทำให้ไวท์หยิบบางอย่างในกระเป๋าโยนให้เขา
“พกจริงๆด้วยนะเนี่ย”
สเลย์พูดพลางแกะลูกอมใส่ปากแล้วเดินไปนั่งที่ที่นั่งของตัวเองโดยมีมิคุริโอเดิมตามราวกับเงา ทั้งสองนั่งที่ของตัวเองพลางคุยกันเรื่อยเปื่อยให้เรื่องการแข่งละครที่ชมรมละครจะต้องซ้อมกับชมรมดนตรีไปสักพัก ก่อนที่มิคุริโอจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา
“...นี่มันเลยเข้าคาบแรกมา10นาทีแล้วนี่นา”
“คาบแรกวิชาอะไรอะ”
“ประวัติศาสตร์ ของเฮียดันเต้”
มิคุริโอพูด เขาไม่ค่อยแปลกใจนักที่ดันเต้จะมาเข้าสอนสายเพราะห้องนี้เป็นห้องเดียวในเทอมนี้ที่ดันเต้จะต้องสอนเป็นคาบแรกของวัน ซึ่งดูเหมือนอาจารย์หนุ่มผู้เคร่งครัดจะไม่ถูกกับการสอนคาบแรกเสียเท่าไร
“เดี๋ยวฉันโทรหาดีไหมนะ”
“ไม่ต้องหรอกครับคุณมิคุริโอ”
ประตูหน้าเปิดขึ้นพร้อมกับดาร์เรลที่เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
“ผมแวะไปหามาแล้ว คาบนี้อาจารย์ไม่สอนครับ”
“พี่จะไปแล้วนะวาเลนไทน์”
ไวท์พูดก่อนจะลุกไปอาบน้ำปล่อยให้น้องชายสลึมสลือตื่นขึ้นมาเพื่อมานั่งตายอยู่บนเตียงรอสมองเข้าที่ไม่ต่างจากพี่ชาย
“วันนี้พี่รีบหน่อยนะ คงรอนายไม่ได้ พอดีเป็นเวรทำความสะอาด”
พี่ชายผู้แสนเคร่งครัดพูดอย่างรีบๆหลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาแต่งตัวและจัดของเสร็จเรียบร้อยภายในพริบตาราวกับวางแผนมาเป็นอย่างดีแล้วก่อนจะเดินออกจากห้องไปไม่ใส่ใจน้องชายที่ยังนั่งหลับในอยู่บนเตียง
ชายหนุ่มเดินลงจากหอพักพร้อมกับกระเป๋าใส่ชุดคาราเต้ตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือครั้งนี้เขาลงมาจากหอตรงกับเวลาที่ดาร์เรลเดินผ่านมาพอดิบพอดี อีกทั้งเพื่อนร่วมห้องของเขานั้นไม่ได้มาคนเดียวเสียด้วย
“เฮ้! ทำไมวันนี้มาเวลานี้ล่ะเนี่ย”
ไวท์ทักเพื่อนร่วมห้องของเขาเสียงดังก่อนจะเดินเข้าไปหา ปกติเขาไม่ได้ชอบทักคนอื่นช่วงเช้านักแต่ครั้งนี้เขาทักเพราะสนใจคนที่อยู่ข้างๆเพื่อนของเขาอย่างช่วยไม่ได้
“ฮะๆ ตื่นสายกว่าปกติน่ะสิ สงสัยผมจะล้าจากซ้อมอีกแล้ว นาฬิกายังปลุกไม่ตื่นเลย”
“อ้อ แย่เลยดิ ว่าแต่ใครมาด้วยล่ะเนี่ย”
ไวท์ถามพลางมองชายหนุ่มผู้มีดวงตาสีแดงสดที่เดินอยู่ข้างดาร์เรลอย่างสนอกสนใจ
“ฟาโรห์เป็นรุ่นน้องที่ชมรมน่ะ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยเคารพผมหรอกนะ ฮะๆ”
“อ้อ... นี่ฟาโรห์ ถ้านายอารมณ์เสียจะโดดเรียนไหม”
ไวท์ยิ้มพร้อมถามด้วยคำถามตามความรู้สึกที่ทำให้ดาร์เรลถึงกับชะงัก พร้อมกับหันไปมองไวท์ที่ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงบางอย่าง รุ่นน้องหนุ่มที่ไม่เข้าใจอะไรก็ทำท่าทางงงๆเล็กน้อยแต่เขาก็ตอบออกไป
“หา? ตอนอารมณ์เสียก็ต้องโดดเรียนสิ ใครเขาจะมีกะจิตกะใจไปนั่งเรียนกัน”
“หืม...แหมๆ นั่นสินะ ท่าทางจะเป็นอย่างที่ฉันคิดจริง...”
“ไวท์!! วันนี้ผมเป็นเวรทำความสะอาดล่ะ ไหนๆก็เจอกันแล้วไปช่วยหน่อยละกันนะครับ!”
ดาร์เรลพูดขัดขึ้นมาเสียงดังก่อนจะรีบดึงมือของเพื่อนร่วมชั้นไปแล้ววิ่งไปอย่างรวดเร็ว ไวท์ที่ยังหยุดยิ้มไม่ได้หันไปมองรุ่นน้องที่ยืนงงๆก่อนจะโบกมือลาเล็กน้อยแล้วปล่อยให้ดาร์เรลลากตัวเองออกไปจากตรงนั้นแต่โดยดีจนถึงบันไดทางขึ้น
“แรงดีขนาดนี้ไปชมรมกรีฑาดีกว่ามั้ง”
“เงียบน่า!! ถามบ้าอะไรของนายวะ?!”
“โอยๆ ดาร์เรลดีแตกซะแล้ว แต่ท่าทางจะจริงนะ หน้านายแดงแจ๋เลย ฮะๆๆ”
ไวท์พูดด้วยรอยยิ้มทำให้ชายหนุ่มรู้ตัวว่าหน้าของเขาร้อนขึ้นมาขนาดไหน
“ฉันนี่เซ้นส์แรงดีไม่มีตกจริงๆ ก็ว่าอยู่ว่าใครหนอจะเอะอะอารมณ์เสียโดดเรียนเหมือนที่ฉันพูด แหมๆๆ ดาร์เรลชอบเด็กนิสัยไม่ดีหรอกหรอเนี่ย”
“หุบปากโว้ย!!”
“โอ๋ๆ ไม่โกรธนะไม่โกรธ ฮะๆๆ”
“หยุดหัวเราะแล้วขึ้นไปทำเวรเลยไป! ฉันจำได้นะว่าวันนี้เวรแกน่ะ!”
“อ้าว? ไม่ใช่เวรนายหรอกหรอ ฮะๆ ไม่ใช่นี่เนอะ เวรนายผ่านมาตั้งหลายวันแล้ว นายก็แค่ไม่อยากให้ฉันคุย...”
“พอ!!”
“ฮ่าๆๆๆ โอเค นานๆจะได้เห็นแบบนี้สักที เป็นเกียรติจริงๆที่โดนคุณดาร์เรลเรียกว่าแก”
ไวท์พูดแซวทำให้ระดับความอายของดาร์เรลใกล้ปรอดแตกเป็นทน แต่ก่อนที่หนุ่มสุภาพจะดีแตกไปมากกว่านี้ไวท์ก็พักการแซวของเขาไว้เพียงแค่นั้นและยอมเดินขึ้นบันไดไปเพื่อไปทำเวรอย่างที่ควรจะเป็นปล่อยให้ดาร์เรลยืนนิ่งสงบสติตัวเองสักพัก
“ถ้ามึงบอกใครกูจะเผาบ้านมึงไวท์!!!!”
ซึ่งดูเหมือนว่าจะยังสงบไม่ได้...
“นี่ๆ อันนี้เป็นWacebookของฉันนะ!”
ด้านบนห้องระหว่างที่ยังไม่ถึงเวลาเรียนเพรทเซลก็หยิบโทรศัพท์ของคิสซารีสขึ้นมาพร้อมกับพิมพ์ชื่อwacebookของตัวเองทั้งยังกดเพิ่มเพื่อนเสร็จสรรพไม่เปิดช่องว่างให้ชายข้างๆปฏิเสธก่อนจะคืนโทรศัพท์ให้เขา
“คนติดตามเยอะจังแฮะ”
“ก็นะ เพราะเล่นละครมาตั้งแต่เด็กๆด้วยล่ะมั้ง”
“หรอ นึกว่าเพราะเธอหน้าตาน่ารักซะอีก”
“ตายแล้วๆๆ คิสคิดว่าฉันน่ารักขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย แบบนี้ปลื้มตายเลย”
หญิงสาวแสดงท่าทางร่าเริงออกหน้าออกตาพลางใช้นิ้วเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง
“นี่นาย...waceร้างสุดๆเลยอะ มีเพื่อนแค่สี่ห้าคนจริงหรอเนี่ย”
“...อือ”
“เอาเถอะๆ ไม่สำคัญหรอก เอ้า! หนึ่ง สอง...”
เพรทเซลพูดพลางกดเปิดกล้องหน้าของโทรศัพท์แล้วถ่ายรูปคู่กับคิสซารีสโดยไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัว คิสซารีสเผลอตัวหันไปมองตามเสียงของเพื่อนสาวทำให้ภาพของเขาที่ติดในกล้องนั้นหันไปอย่างพอดิบพอดีแม้มันจะดูนิ่งไปสักหน่อยก็ตาม
“เฮ้! ทำอะไรน่ะ”
“ถ่ายรูปไง ไม่ชอบหรอ”
“ก็แหงสิ”
“ไม่ชอบนี่แหละยิ่งต้องลง เดี๋ยวแท็กไปให้นะคะ ฮิๆ”
“ไม่ต้องเลยนะ!”
คิสซารีสเอื้อมมือจะคว้าโทรศัพท์ของเพื่อนแต่เพรทเซลก็ใช้มือข้างหนึ่งดันหัวของอีกฝ่ายเอาไว้พลางยื่นโทรศัพท์ให้เพื่อนที่นั่งถัดไป
“เหมย! กดอัปโหลดให้ทีสิ”
“...”
หญิงสาวชาวจีนที่นั่งถัดไปมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนจะมองรูปในโทรศัพท์แล้วกดปุ่มอัปโหลด
“จัดไป เดี๋ยวไปไลค์ให้”
เพื่อนร่วมห้องพูดพร้อมโทรศัพท์ให้เพรทเซลด้วยรอยยิ้มท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคักของกลุ่มสาวๆที่นั่งอยู่ไม่ไกลคืน หญิงสาวปล่อยมือจากเพื่อนชายของเธอก่อนจะกดลงไปสนใจโทรศัพท์อยู่สักพัก
“ชิ เอาแต่ใจชะมัด”
“เอาน่าๆ นานๆทีนะ”
เพรทเซลยิ้มให้เพื่อนของเธอที่ดูไม่สบอารมณ์พลางหยิบขนมจากช่องวางของใต้โต๊ะใส่ปาก แต่ในขณะที่เธอไม่ได้ใส่ใจรอบข้างนั้นเองก็มีคนเอาไม้กวาดมากระทุ้งโต๊ะของเธอ
“นั่งหน้าแท้ๆ ช่างกล้านะ สักวันมดจะขึ้นโต๊ะ”
ไวท์ผู้เป็นเวรทำความสะอาดพูดพลางหันไปมองคิสซารีสทำให้ชายหนุ่มเริ่มทำตัวไม่ถูก
“นายนั่งข้างๆก็เตือนยัยตะกละนี่หน่อยสิ”
“ไม่ต้องมาพูดเลยย่ะ! ต่อให้คิสเตือนฉันก็ไม่ฟังหรอก”
เพรทเซลพูดเสียงดังแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่มีใครบนโลกเปลี่ยนใจของเธอได้ ไวท์ที่จนปัญญาก็เดินกลับไปเก็บไม้กวาดหลังห้องก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเอง เขาที่นั่งหลังสุดกลางแถวมักจะมองไปรอบๆเพื่อมองนั่นนี่อยู่เสมอแต่วันนี้เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อไม่เห็นคนที่นั่งด้านหน้าเขา
ยังไม่มาอีกหรอ หรือว่าเมื่อเช้าฉันเล่นแรงไปนะ
“ไวท์เนี่ยชอบมองโต๊ะดาร์เรลจริงๆเลยนะ”
เสียงของชายหนุ่มที่นั่งข้างๆทักขึ้นทำให้ไวท์ละสายตาจากสิ่งที่เขามองอยู่
“อย่าพูดเหมือนฉันเป็นพวกโรคจิตน่าไอเรน”
“ฉันเปล่านะ นายร้อนตัวไปเอง”
รอยยิ้มมีมารยาทของไอเรนนั้นทำให้ไวท์แอบขุ่นเคืองได้เกือบเท่ารอยยิ้มของดาร์เรลแต่เขาก็ได้แต่ถอนหายใจและไม่ชวนคุยอะไรต่อ
“นายสนิทกับดาร์เรลมากขึ้นแล้วสินะ”
“ถามทำไม”
“เมื่อเช้าฉันเห็น... ไม่เคย...เห็นดาร์เรลทำท่าทางแบบนั้นเลย”
ไอเรนพูดและมีอาการเว้นช่วงเล็กน้อยราวกับคิดบางอย่างก่อนจะมีรอยยิ้มเอ็นดูผุดขึ้นมาบนใบหน้า
“อือ ก็คงงั้น”
“แล้ว...จะทำอะไรต่อไหม”
“ยังไม่ได้คิดเลย นายนี่ถามจู้จี้จัง”
“ก็แค่ถามดูน่า ว่าแต่...ไวท์”
“หืม?”
“ทำวิชาคณิตศาสตร์เสร็จรึยัง”
“เสร็จแล้ว เหมือนเดิมสินะ”
“อือ”
ไวท์ถอนหายใจก่อนจะหยิบสมุดของตัวเองให้ไอเรน ชายหนุ่มรับไปและรีบก้มหน้าก้มตาลอกอย่างรวดเร็วโดยไม่แม้จะกล่าวขอบคุณเจ้าของสมุด
นี่เอ็งจะชวนคุยให้ยาวเพื่อขอสมุดทำไมวะเนี่ย
ชายหนุ่มคิดในใจแต่เขาก็ได้แต่สบถในใจทุกครั้งไม่ต่างจากปีที่ผ่านๆมา
“งาย ทำหน้าเครียดแต่เช้าเลยนะพี่ใหญ่!”
เสียงเรียกดังขึ้นจากด้านหลังของไวท์ ประตูหลังห้องถูกเปิดขึ้นโดยสองสหายที่ตัวติดกับปานคู่รัก สเลย์พูดแซวทันทีเมื่อเห็นสีหน้าของไวท์ เขาและมิคุริโอนั่งอยู่ช่วงกลางๆห้องริมประตูก็จริงแต่การแหย่เพื่อนหลังห้องก็เป็นเรื่องที่สเลย์ชอบไม่น้อย
“ไม่ต้องมาเรียกแบบนั้นเลยไอ้ตัวป่วน”
“แหมๆ ก็คุณพี่ชายคนโตทำท่าทางจริงจังอยู่นี่นา”
“เอาลูกอมไปแXกแล้วหุบปากซะไป”
“ฮะๆ เอามาสิ”
คำพูดพร้อมรอยยิ้มของสเลย์ทำให้ไวท์หยิบบางอย่างในกระเป๋าโยนให้เขา
“พกจริงๆด้วยนะเนี่ย”
สเลย์พูดพลางแกะลูกอมใส่ปากแล้วเดินไปนั่งที่ที่นั่งของตัวเองโดยมีมิคุริโอเดิมตามราวกับเงา ทั้งสองนั่งที่ของตัวเองพลางคุยกันเรื่อยเปื่อยให้เรื่องการแข่งละครที่ชมรมละครจะต้องซ้อมกับชมรมดนตรีไปสักพัก ก่อนที่มิคุริโอจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา
“...นี่มันเลยเข้าคาบแรกมา10นาทีแล้วนี่นา”
“คาบแรกวิชาอะไรอะ”
“ประวัติศาสตร์ ของเฮียดันเต้”
มิคุริโอพูด เขาไม่ค่อยแปลกใจนักที่ดันเต้จะมาเข้าสอนสายเพราะห้องนี้เป็นห้องเดียวในเทอมนี้ที่ดันเต้จะต้องสอนเป็นคาบแรกของวัน ซึ่งดูเหมือนอาจารย์หนุ่มผู้เคร่งครัดจะไม่ถูกกับการสอนคาบแรกเสียเท่าไร
“เดี๋ยวฉันโทรหาดีไหมนะ”
“ไม่ต้องหรอกครับคุณมิคุริโอ”
ประตูหน้าเปิดขึ้นพร้อมกับดาร์เรลที่เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
“ผมแวะไปหามาแล้ว คาบนี้อาจารย์ไม่สอนครับ”
คำพูดของดาร์เรลทำให้ทุกคนในห้องแทบจะเฮขึ้นมาพร้อมกันอย่างช่วยไม่ได้เพราะจะมีเวลาว่างชั่วโมงเต็มๆ
“ทำไมล่ะ”
มิคุริโอถามขึ้นมาด้วยความสงสัยเพราะปกติดันเต้จะบอกเขาก่อนเสมอถ้าจะไม่เข้า
“...ก็เหมือนเดิมครับ เมาค้าง”
WRITER
เย้ บทสุดท้ายของสัปดาห์นี้แล้วนะคะ สอบกศนเสร็จแล้วด้วยยยยยย
ตอนนี้เปิดขึ้นมาเพราะตอนที่แล้วจบด้วยดาร์เรลกับฟาโรห์นะคะ แล้วเห็นว่า เอ...คลาสเอสปีสี่เนี่ยเยอะจัง
เลยเอามายำเป็นตอนที่เล่าเรื่ององคนในห้องนี้เท่านั้นซะเลย
เป็นกาแนะนำไทป์ของตัวละครเนียนๆไปด้วย
อย่างดาร์เรลก็จะเป็นสายหัวหน้าที่พึ่งผู้เปี่ยมความรับผิดชอบ
เพรทเซลจะออกแนวสาวป๊อบเพื่อนเยอะติดโซเชี่ยลนิดๆ
คิส คนไม่มีใครเอาประจำห้อง
ไอเรน ผู้เฝ้ามองคนอื่นด้วยรอยยิ้มเอ็นดู
ส่วนไวท์ก็จะเป็นเด็กหลังห้อง ติดแข็งๆหน่อย
มิคุริโอกับสเลย์นี่ยังไม่ได้เล่าเยอะนะคะ กะว่าสองตัวนี้จะไปเน้นตอนอยู่ในชมรมมากกว่า
.........................
นิยายเราแต่งอาจจะต้องใส่ใจรายละเอียดนิดนึงนะคะ บางทีคำพูดเล็กๆองตัวละครก็มีเอฟเฟ็คระยะยาว
ยกตัวอย่างชัดๆก็ บทของฟาโรห์ที่ว่า
“...เวลาอารมณ์เสียก็ต้องโดดเรียนดิ ใครจะมีอารมณ์ไปนั่งเรียนฟะ”
อันนี้เอฟเฟคระยะยาวที่มากระทบจบในตอนนี้เลยค่ะ ฮุๆ
.........................
เดี๋ยวจะไปอัพตัวละครกันแล้วนะคะ มีมาเพิ่มพอสมควรเลย แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นหนุ่มๆอะนะ
ไม่มีสาวๆมาเพิ่มสีสันเลย(พีริเซียไม่นับเป็นผู้หญิงเสียเท่าไร)
คิดยังไงก็อย่าลืมเม้นบอกกันนะคะ
ตอนที่แล้วหนักไปรึเปล่า
ตอนนี้เบาไปไหม
บอกกันได้น้า
เราไปอัพตัวละครละค่ะ อย่าลืมส่งกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะเธอเตง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น