ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    77888 ACADEMY (รับสมัครตัวละคร)

    ลำดับตอนที่ #11 : บทที่7 ความฝันใต้น้ำ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 81
      1
      21 มี.ค. 61

         ในเวลาที่คนอื่นกำลังเรียนกันอยู่ ชายหนุ่มสองคนกลับเดินเล่นไปรอบๆพลางพูดคุยกันในเรื่องต่างๆไปเรื่อยๆอย่างที่พวกเขาทั้งสองไม่เคยทำด้วยกัน เพราะทั้งสองมักจะเป็นคนที่ถูกคนอื่นรายล้อมตลอดเวลาเสมอจนแทบไม่ได้คุยกันเป็นปกติไปเสียแล้ว
         “แล้วนี่ เราจะไปชมรมกันเลยดีไหมนะ”
         ดาร์เรลถามขึ้นพลางกัดไอศกรีมแท่งในมือ
         “ห้องชมรมฉันยังไม่เปิดหรอก ต้องรอประธาน ว่าแต่กัดแบบนั้นไม่เสียวฟันบ้างเลยรึไง”
         “ไม่ครับ ไวท์กัดไม่ได้หรอ”
         “ไม่ เสียวฟันจะตาย”
         “หา? ทั้งที่มีพลังน้ำแข็งเนี่ยนะครับ”
         “รากฟันฉันไม่ได้เป็นน้ำแข็งนะดาร์เรล”
         ไวท์ตอบนิ่งๆก่อนนั่งลงที่เก้าอี้นั่งพักระหว่างทางแล้วหันไปมองดาร์เรบที่นั่งลงมาตามเขา
         “...นายชอบกินไอติมหรอเนี่ย”
         “เปล่า ผมชอบของฟรี”
         ดาร์เรลตอบนิ่งๆพลางกัดไอศกรีมแท่งต่อทำให้ไวท์ถอนหายใจ เพราะเขาเป็นคนเลี้ยงเพื่อนขี้เหนียวข้างๆนี่ด้วยตัวเอง
         “คุณไม่ชอบไอติมหรอ”
         “ฉันมีอาการเอื้อมน้ำแข็งมั้ง พอมีพลังน้ำแข็งก็ไม่ค่อยอยากกินอะไรเย็นๆ”
         “อ้อ แต่พลังคุณเท่ดี ผมชอบนะ มันคนละอารมณ์กับพลังของผมเลย แบบว่าสร้างแท่งใสๆเย็นๆได้ยังกับการ์ตูนแหน่ะ”
         “อย่างน้อยของนายก็ทำให้กินไอติมโดยไม่ละลายได้นี่”
         “...อืมมม...นั่นสิเนอะ”
         ดาร์เรลนึกตามที่ไวท์พูด พลังของเขาคือการปรับอุณหภูมิให้เย็นขึ้นไม่ว่าอะไรก็สามารถเย็นขึ้นได้อย่างเหลือเชื่อ ต่างกับไวท์ที่สร้างน้ำแข็งขึ้นมาและควบคุมมันได้ราวกับของเล่น
         “นี่ เวลานายพูดปกติแบบนี้แปลกดีนะ”
         “หืม? ยังไงหรอ”
         “ก็ไม่สุภาพมากเว่อๆแบบปกติ ถ้านายพูดแบบนี้ตลอดมีหวังมีสาวมาติดแบบออกหน้าออกตาเพียบแน่ๆเลย ตอนนี้ก็มีแต่นายดูนิ่งซะจนเขาไม่กล้าวิ่งเข้าใส่เลย”
         “หืม...งั้นหรอ”
         ดาร์เรลหยุดครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะมีรอยยิ้มออกมาราวกับนึกบางอย่างขึ้นได้ เขาลุกขึ้นก่อนแล้วโยนไม้ไอศกรีมเปล่าๆลงถังขยะ
         “ขอบใจนะไวท์ ผมคิดอะไรดีๆออกแล้วล่ะ ต้องรีบไปชมรมซะแล้วสิ ไว้เจอกันนะ”
         ดาร์เรลพูดออกไปด้วยรอยยิ้มร่าเริงก่อนจะรีบเดินจากไปปล่อยให้ไวท์นั่งอยู่คนเดียวไม่ทันได้ตอบโต้อะไร
         “แม่งเอ๊ย ยังไม่ทันได้ถามเรื่องที่อยากรู้เลย เผลอคุยไร้สาระไปซะเยอะเชียว”
    ไวท์ถอนหายใจก่อนที่เขาจะลุกขึ้นแล้วเดินไปอีกทางเพื่อไปห้องชมรมของตัวเอง


         ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังวิ่งไปที่ชมรมเขาก็หยุดฝีเท้าลงกอนนึกบางอย่างขึ้นได้
         ชุดของฉันอยู่ในกระเป๋านี่นา ยิ่งกว่านั้น...ยา
         ดาร์เรลนึกขึ้นได้ทำให้เขาต้องรีบวิ่งกลับขึ้นไปบนอาคารเรียนฝ่ายมัธยมปลาย ชายหนุ่มวิ่งอย่างรีบร้อนพร้อมกับความกังวลเกินเหตุที่เพิ่มขึ้นจนถึงห้องเรียน เขาเปิดประตูเสียงดังจนทำให้ชายหนุ่มที่นั่งรออยู่ในห้องสะดุ้ง
         “ดะ...ดาร์เรล”
         “...คุณคิสซารีส? ยังไม่กลับหรอครับ พอดีผมลืมของน่ะ”
         ดาร์เรลพูดอย่างรวบรัดก่อนเดินไปหยิบกระเป๋าแล้วควานหาบางสิ่งในกระเป๋าเป้สีเหลืองสด จนมือของเขาไปโดนถุงพลาสติกด้านในทำให้เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก และรีบเดินออกจากห้อง
         “ดาร์เรล! เดี๋ยว!”
         “ห๊ะ? ครับ?”
         “เอ่อ...นี่เอกสารคาบที่นายไม่อยู่ มีของไวท์ด้วยนะ”
         คิสซารีสพูดพลางยื่นเอกสารให้ดาร์เรลด้วยท่าทางกังวลเล็กน้อย
         “ขอบคุณนะครับ”
         “...นายโอเครึเปล่า หน้าซีดเชียว”
         “ฮะๆ ไม่มีอะไรหรอกครับ ขอตัวนะครับ ผมจะสายชมรมแล้ว”
         ดาร์เรลบอกปัดก่อนรีบวิ่งออกไป เขารีบตรงไปที่ชมรมในทันทีก่อนจะเดินผ่านสมาชิกชมรมคนอื่นไปที่ห้องอาบน้ำทันทีโดยไม่คิดแม้แต่จะแวะตอบคำถามว่าทำไมเขาถึงมาสาย ดาร์เรลวางกระเป๋าไว้บนเก้าอี้ในห้องล็อกเกอร์หน้าห้องอาบน้ำแล้วหยิบชุดว่ายน้ำออกมาเปลี่ยน เขานั่งสงบสติของตัวเองอยู่สักพักจนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเข้าไปในห้องน้ำอาบน้ำ ดาร์เรลเปิดฝักบัวแล้วยืนนิ่งๆปล่อยให้น้ำไหลผ่านตัวอยู่พักใหญ่พลางพยายามควบคุมบางสิ่งที่รบกวนเขาอยู่ลึกๆในใจ
         ก๊อกๆ
         เสียงเคาะประตูห้องอาบน้ำดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มหลุดจากภวังค์ของตัวเอง เขาถอนหายใจเล็กน้อยก่อนปิดน้ำแล้วรอฟังเสียงจากอีกฝั่ง
         “ดาร์เรล นายโอเครึเปล่า นายดูไม่ดีเลยนะพวก วันนี้อยากพักหน่อยไหม”
         เสียงที่คุ้นหูทำให้ดาร์เรลแอบดีใจเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าอีกฝั่งของประตูเป็นใครแต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ช่วยให้สมองเขาโล่งขึ้นเสียเท่าไร เมื่อไม่มีคำตอบใดเล็ดรอดออกมาจากด้านในฟาโรห์จึงถอนหายใจก่อนจะเคาะอีกครั้ง
         “เฮ้ คุยหน่อยสิพวก”
         “ผมโอเคครับ ผม...แค่ล้านิดหน่อย”
         “จริงหรอ เปิดประตูหน่อยสิ นายไม่ได้ฝืนตัวเองอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย”
         “ครับ ผมแค่ล้านิดหน่อยจริงๆ”
         “โอเค งั้นฉันไปละนะ รีบมาล่ะ”
         ฟาโรห์พูดเพียงแค่นั้นก่อนเสียงฝีเท้าก่อนเขาจะเดินออกไปทำให้ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งกับพื้นที่เปียกชุ่ม เขาถอนหายใจก่อนทิ้งตัวพิงผนังของห้องอาบน้ำ ดาร์เรลนั่งอะไรเรื่อยเปื่อยสักพักก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองบนเพดานแต่แทนที่เขาจะเห็นเพดานสีขาวตาของเขากลับไปสบกับดวงตาสีแดงสดแทนทำให้เขาสะดุ้งและรีบลุกขึ้นทันทีแล้วเปิดประตูออกไป
         “ทำบ้าอะไรครับเนี่ย?!”
         “ไม่ต้องรีแอ็คชั่นรุนแรงขนาดนั้นก็ได้น่า ฉันก็แค่เป็นห่วง”
         ฟาโรห์พูดพลางกระโดดลงจากเก้าอี้ที่เขาต่อตัวขึ้นไปเพื่อส่องภายในห้องน้ำจากด้านบน
         “แล้วสรุปเป็นอะไร”
         “เปล่าครับ ไม่ต้องห่วงผมหรอกน่า”
         ดาร์เรลตอบด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินไปที่ห้องล็อกเกอร์เพื่อเอาแว่นตาว่ายน้ำ ชายหนุ่มรุ่นน้องที่ไม่รู้จะจัดการกับชายปากแข็งตรงหน้ายังไงดีต้องยอมยกธงขาวแล้วเดินตามไปโดยไม่พูดอะไรและหยุดความสงสัยของตัวเองลง


         นาฬิกาบอกเวลา5โมงครึ่ง สระว่ายน้ำเงียบสงบเหลือเพียงชายคนเดียวที่นอนหงายอยู่กลางสระไม่ขยับเขยือนแขนขาแม้แต่น้อย ใต้แผ่นหลังของเขามีเบาะสำหรับช่วยลอยตัวอยู่ทำให้เขาสามารถนอนตายอยู่เหนือน้ำได้โดยง่าย แสงสีส้มของเวลาเย็นที่อีกไม่ถึงสองชั่วโมงก็จะค่ำลอดเข้ามาใต้หลังคาโดมสระว่ายน้ำกระทบกับผิวน้ำใสๆและร่างของชายหนุ่มที่แผ่ความเย็นจากตัวเองรักษาอุณหภูมิน้ำไม่ให้สูงขึ้นจากที่เขาต้องการ
         เสียงผิวน้ำกระทบกับขอบสระเป็นจังหวะทำให้เขานึกถึงบางสิ่งก่อนจะหลับตาลงแล้วผลิกตัวลงไปในน้ำก่อนจะเริ่มปล่อยให้น้ำไหลเข้ามาในร่างกายท่วมปอดและอวัยวะภายในความรู้สึกอึกอัดและฝืนธรรมชาติของร่างกายที่ต้องการเอาตัวรอดนั้นทำให้เขาสำนึกดีอยู่เสมอว่าการจมน้ำตายเป็นความทรมานสูงสุดแล้วถ้าเขาคิดจะตาย ชายหนุ่มลืมตาขึ้นก่อนจะรู้สึกตัวว่าเขายังนอนอยู่บนเบาะช่วยลอยตัวเหมือนเดิมและความคิดที่จะตายเป็นเพียงห้วงภวังค์ในนใจของเขาเท่านั้นเอง
         “ยังไม่กลับอีกหรอ จะหกโมงแล้วนะ”
         เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มยิ้มออกมาแต่ไม่หันไปมองเพื่อรักษาสมดุลบนเบาะ
         “เดี๋ยวก็เปื่อยตายหรอก”
         “ฮะๆ ไม่หรอกครับ แล้วทำไมคุณฟาโรห์ยังไม่กลับล่ะครับ”
         “นายนี่สุภาพอีกแล้วนะ อยู่ด้วยกันสองคนไม่เห็นต้องเก๊กขนาดนั้น”
         “ขอโทษครับ ผมชินน่ะ”
         “ดาร์เรล นายไม่เป็นอะไรจริงๆหรอ”
         “ไม่ครับ ไม่เลย”
         ชายหนุ่มพูดก่อนจะผลิกตัวลงน้ำแล้วว่ายมาที่ขอบสระ เขาวางมือลงที่ขอบสระเพื่อคุยกับรุ่นน้องที่นั่งยองอยู่ตรงหน้า
         “กลับได้แล้วน่า จะมืดแล้ว”
         ฟาโรห์พูดพลางวางมือลงบนผมเปียกๆของรุ่นพี่ที่เขามักจะไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายอายุมากกว่านัก
         “เย็นจังนะ ยังกับว่าตายไปแล้วเลย”
         ชายหนุ่มลูบแก้มที่เย็นเฉียบราวกับศพของดาร์เรลก่อนที่ร่างกายของอีกฝ่ายจะค่อยๆกลับสู่อุณหภูมิปกติ
         “ผมน่าจะตายไปหลายรอบแล้วล่ะครับ”
         ดาร์เรลจับมือของอีกฝ่ายที่ลูบแก้มของเขาก่อนจะจูบลงบนหลังมือเบาๆ แล้วดำหายลงไปในน้ำอีกครั้ง ประธานชมรมหนุ่มโผล่ขึ้นมาอีกทีที่บันไดทางขึ้นฝั่งที่ใกล้ห้องอาบน้ำที่สุด ก่อนที่เขาจะเดินเข้าห้องล็อกเกอร์ไปปล่อยให้ฟาโรห์นั่งรออยู่พลางครุ่นคิดกับคำพูดของเขา
         ไม่ถึง15นาทีดาร์เรลก็ออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูบนหัวที่ซับน้ำที่ยังไม่แห้งดี เขาดูแปลกใจเล็กน้อยที่รุ่นน้องของเขายังนั่งรออยู่ที่เก้าอี้ข้างสระพร้อมมองเขาด้วยท่าทางนิ่งๆเหมือนทุกที
         “ทำไมยังไม่กลับล่ะครับ”
         “รอไง กลัวนายจะแอบหลบฉันแล้วคิดจะลงสระต่อ”
         ฟาโรห์พูดก่อนลุกขึ้นแล้วเดินออกจากสระน้ำปล่อยให้รุ่นพี่เดินตามอย่างช่วยไม่ได้
         “ฮะๆ ทำไมคิดว่าผมเป็นคนแบบนั้นล่ะครับ”
         “เรนเคยบอกว่านายแช่อยู่ในสระได้ยันเกือบเที่ยงคืนจนภารโรงคิดว่าเป็นศพไปแล้ว”
         “แหม โดนรุ่นน้องในชมรมนินทาแบบนี้ก็แย่สิครับเนี่ย แต่ว่าท่าทางคุณ ไม่สิ...ฟาโรห์จะสนิทกับทุกๆคนแล้วนะเนี่ย”
         “อือ...ก็คงงั้น”
         “แบบนี้ผมก็คงไม่ต้องคอยห่วงแล้วสินะครับ ฮะๆ”
         คำพูดของดาร์เรลทำให้ชายหนุ่มหยุดฝีเท้าลงระหว่างทางเดินไปหน้าโรงเรียนก่อนจะจับแขนของรุ่นพี่ดึงมาใกล้ๆเขา
         “ต้องสิ ถ้าไม่มีนายฉันไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรว่าจะไม่สร้างปัญหา”
         “ฮะๆ ไม่เป็นไรหรอกครับ ฟาโรห์น่ะ ต้องทำได้แน่ๆถึงจะไม่มีผมก็เถอะ”
         “งั้นฉันอยากให้นายอยู่มองตอนที่ฉันทำได้”
         ชายหนุ่มกำมือของรุ่นพี่แน่นก่อนจะเดินต่อโดยไม่ปล่อยมือ ดาร์เรลไม่ได้ถามอะไรกลับไปอีกเขารีบเดินตามจนเดินเสมอกับอีกฝ่าย ทั้งคู่ตรงไปที่ท่ารถหน้าโรงเรียนที่ยังไม่มีรถประจำทางมาก่อนจะนั่งลงรอรถตามปกติ
         “ฟาโรห์จับมือผมตลอดเลยนะครับ กลัวหลงทางหรอ”
         ดาร์เรลพูดด้วยรอยยิ้มทำให้ชายหนุ่มรีบปล่อยมือออกในทันที เขาเปลี่ยนเป็นกอดอกและปล่อยให้รุ่นพี่นั่งเช็ดผมสีน้ำตาลอ่อนระหว่างรอรถจนผมแห้งหมาดๆแต่รถประจำทางของพวกเขาทั้งสองก็ยังไม่มี เสียงนกร้องคลอๆกับลมที่พัดเย็นสบายในความเงียบของเวลาเย็นนั้นทำให้พวกเขาไม่มองหน้ากันเพราะเหตุผลบางอย่างในใจ ก่อนที่ความเงียบจะถูกทำลายลงด้วยคำถามชวนตกใจของดาร์เรล
         “ไปห้องผมไหมครับ เย็นมากแล้ว บ้านคุณก็ไกลด้วยนี่นา”
         “ห๊ะ?! คิดอะไรของนายเนี่ย! เมาคลอรีนในสระรึไงฟะ?!”
         “...ไม่ได้คิดอะไรเลยครับ”
         “เชื่อเขาเลย... จะอินดี้เกินไปแล้ว”
         ฟาโรห์ถอนหายใจก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดเบอร์ของใครบางคน
         “ฮัลโหล ฟาโรห์นะครับ วันนี้ผมไปค้างบ้านเพื่อนนะครับแม่ ครับ รักแม่นะครับ ครับ บาย”
         ชายหนุ่มคุยโทรศัพท์โดยไม่หันไปมองหน้ารุ่นพี่ของเขาที่กำลังกลั้นขำสุดกำลังจนเขากดวางสาย ดาร์เรลหลุดหัวเราะออกมาก่อนจะพิงหัวลงบนไหล่ของฟาโรห์แล้วพูดล้อเลียนเสียงร่าเริง
         “ครับๆ ผมรักแม่นะครับ ฮ่าๆๆ นี่คุณเป็นลูกที่น่ารักขนาดนี้เลยหรอเนี่ย ฮ่าๆๆๆ”
         “หุบปากน่า!”
         ฟาโรห์พูดอย่างอายๆพลางผลักหัวของดาร์เรลออกจากบ่า
         “ทำท่าตกใจแต่ก็ไปนี่ครับ แถมขออนุญาตคุณแม่เสร็จสรรพเลย”
         “...ก็มันเย็นแล้วไม่ใช่รึไงเล่า?!”
         “ฮะๆๆ ครับ”
         ดาร์เรลยิ้มกว้างเมื่อเห็นท่าทางเขินอายของฟาโรห์ รุ่นน้องหนุ่มขยี้จมูกตัวเองเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะลุกขึ้นพรวดเมื่อเห็นรถประจำทางมา
         “ไปได้แล้ว!”
         ฟาโรห์ตวาดก่อนเดินขึ้นรถประจำทางอย่างรวดเร็วทำให้ดาร์เรลต้องรีบตามขึ้นไปอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งคู่นั่งที่เบาะคู่หน้าสุดแม้ในรถจะไม่มีใครเลยนอกจากพวกเขาและคนขับก็ตาม และเพียงแค่ไม่กี่ป้ายจากโรงเรียนพวกเขาก็ถึงจุดที่ดาร์เรลจะลง ชายหนุ่มลงจากรถประจำทางก่อนจะเดินเรียบทางเท้าไปเรื่อยๆไม่เปิดโอกาสให้รุ่นน้องถามว่าต้องเดินไปอีกไกลแค่ไหน และแล้วในที่สุดเขาก็หยุดลงหน้าคอนโดหรูแห่งหนึ่งใจกลางย่านนั้น
         “เอาล่ะ ถึงแล้วครับ”
         “เอาจริงดิ? นี่นายอยู่ที่นี่หรอ”
         “เปล่าครับ แค่จะแวะร้านสะดวกซื้อใต้คอนโดนี้เท่านั้นเอง ถ้าเดินไปที่ห้องผมมันจะไม่มีร้านที่มีของเยอะๆแล้ว”
         ดาร์เรลพูดด้วยรอยยิ้มกวนประสาทก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน ทำให้ฟาโรห์ต้องถอนหายใจกับความกวนบาทาหลบในของเขา แล้วเดินตามเข้าไปด้านใน ดาร์เรลไม่ได้ซื้ออะไรมาก เขาซื้อเพียงแค่กาแฟกับไส้กรอกพร้อมเวฟอีกเล็กน้อย ฟาโรห์เดินตามอย่างเงียบๆเขามองไปรอบๆและรู้สึกเหมือนตัวเองตามแม่มาจ่ายตลาดอย่างบอกไม่ถูก
         “เอาอะไรไหมครับ”
         ดาร์เรลหันมาถามเมื่อเห็นว่าเพื่อนของเขาเงียบนิ่งและไม่มีทีท่าจะหยิบอะไร ฟาโรห์นิ่งคิดอยู่สักพักก่อนจะพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ดูเขินๆเล็กน้อย
         “โยเกิร์ต...”
         “...ฮะๆๆ ไม่เหมาะกับหน้าคุณเอาซะเลยนะ”
         “หุบปากน่า!”
         ฟาโรห์ตวาดเล็กน้อยก่อนเดินไปหยิบของที่เขาต้องการโดยไม่หันกลับมามองสีหน้าของดาร์เรล หลังจากซื้อของที่ต้องการชายหนุ่มทั้งสองก็เดินต่อไปอีกไม่ไกลนักจนถึงหน้าอพาร์ตเมนต์สีขาวสูงราวๆ10ชั้นที่ตั้งอยู่ติดกับโรงหนัง ดาร์เรลเดินนำเข้าไปด้านในและขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น5อย่างรวดเร็ว ฟาโรห์ที่เดินตามอยู่ตลอดมองรอบๆที่ดูสะอาดตาอย่างสนอกสนใจ แม้ว่ามันจะไม่ได้มีอะไรก็ตามแต่การมาห้องของคนอื่นครั้งแรกก็ทำให้เขาตื่นเต้นไม่น้อย เขาเดินตามรุ่นพี่ไปจนถึงห้องหมายเลข57ที่อยู่สุดทางเดิน มันเป็นห้องตรงมุมของตึกพอดิบพอดี
         ทันทีที่ฟาโรห์เดินเข้าไปด้านใน เขาก็ได้เห็นห้องที่ค่อนข้างกว้าง
    และมีส่วนที่เป็นครัวในตัว จนเขาไม่แปลกใจที่ชั้นหนึ่งจะมีแค่10ห้อง พื้นสีครีมกับผนังห้องสีน้ำตาลซีดทำให้ห้องดูเรียบๆไม่มีลายอะไรลายตา ด้านในที่ไม่มีการแบ่งห้องอีกนอกจากห้องน้ำ ส่วนห้องนอนกับส่วนรวมกั้นกันด้วยชั้นหนังสือที่ถูกจัดจนเป็นระเบียบ มีโซฟายาวสำหรับสามที่นั่งและโทรทัศน์ที่ข้างๆเป็นกองกล่องแผ่นซีดีราวๆ30กล่อง เตียงที่พับผ้าห่มเรียบร้อยทำให้เจ้าของห้องดูเหมือนเป็นคนมีระเบียบตรงข้ามกับโต๊ะทำงานข้างเตียงที่เต็มไปด้วยกองกระดาษและมีกระดานวาดรูปรวมถึงรูปวาดหลายรูปวางพิงชิดผนังเอาไว้
         “รกนิดหน่อยนะ”
         ดาร์เรลพูดเมื่อเห็นรุ่นน้องที่เดินเข้ามาในห้องมองซ้ายมองขวาอย่างสนใจ เขาปิดประตูและล็อกเรียบร้อยก่อนจะเดินไปวางของบนชั้นหน้าห้องน้ำ ที่เป็นเสมือนที่เก็บทุกสิ่งที่เขาจะเอาออกจากห้องไปโรงเรียน
         “ห้องกว้างกว่าอพาร์ตเมนต์ที่พี่ชายฉันอยู่ตอนเรียนมหา’ลัยเยอะเลยนะเนี่ย”
         “ฮะๆ ก็มันค่อนข้างแพงน่ะครับ แต่ผมไม่ชอบห้องแคบๆก็เลยต้องลงทุนหน่อย”
         “ที่บ้านออกให้หรอ”
         “เปล่าครับ เป็นเงินของผมเอง ทั้งหนังสือที่เขียน รูปวาด แล้วก็เงินรางวัลจากการประกวดหรืองานแข่ง ตอนนี้ก็พอที่ผมจะใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยได้ระดับหนึ่งเลยล่ะ ฮะๆ”
         ดาร์เรลตอบด้วยรอยยิ้ม งานที่เขาทำอยู่ตอนนี้มันยังอยู่ในช่วงที่รุ่งพอจะทำอะไรก็ได้ แต่หนังสือปีล่ะ5เล่มก็เหลือกินเหลือใช้สำหรับเขาแล้ว ฟาโรห์มองรอยยิ้มที่ขัดใจเขาเล็กน้อยก่อนจะทิ้งตัวลงที่โซฟาอย่างไม่เกรงใจ
         “ทีวีเปิดได้นะ ผมจะไปทำอะไรกินแล้ว”
         “อือ...นี่ ทำเผื่อด้วยสิ”
         “ผมมีแค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกับของที่ซื้อมาเมื่อกี้นะ”
         “ได้ ฉันกินได้ทุกอย่างที่ฟรีนั่นแหละ”
         ดาร์เรลมองหน้ารุ่นน้องของตนที่ตอบนิ่งๆก่อนแอบคิดในใจ
         เข้าใจหัวอกของไวท์เลยแฮะ
         ฟาโรห์มองไปรอบๆห้องระหว่างที่ดาร์เรลกำลังทำบางอย่างอยู่หน้าเตาไฟฟ้า เขาเดินไปหยิบกล่องแผ่นซีดีแล้วก็ต้องแปลกใจกับหนังมากมายที่กองรวบกันอยู่ในนั้น เกือบทั้งหมดเป็นหนังรางวัลที่ไม่ได้มีกระแสหรือรายได้ดีอะไรแต่เป็นหนังที่ได้รับการยอมรับด้านคำวิจารณ์และได้รางวัลต่างๆ มีหนังตลาดๆอย่างหนังตลกหรือแอ็คชั่นอยู่ไม่กี่แผ่น
         “นายกลัวผีหรอ”
         ฟาโรห์ถามเมื่อสังเกตว่าไม่มีหนังสยองขวัญอยู่เลยแม้แต่แผ่นเดียว
         “ฮะๆ ก็ใช่น่ะสิครับ”
         ดาร์เรลหัวเราะแห้งๆอย่างไม่เต็มใจจะตอบเมื่อถูกถามแบบนั้น
         “แต่มีหนังสือเดอะ ริงเนี่ยนะ”
         “นี่คุณค้นชั้นหนังสือผมแล้วหรอครับ”
         “เห็นผ่านๆ”
         “...ก็นะ หนังสือมันไม่น่ากลัวเท่าหนังนี่ครับ แถมเล่มนั้นใช้คำสวยด้วย แล้วจะกินไหมครับ”
         คำพูดของดาร์เรลทำให้ชายหนุ่มที่กำลังค้นกองซีดีเงยหน้าขึ้นมองรุ่นพี่ของตัวเองที่ถือจานใส่บางอย่างอยู่ ฟาโรห์ลุกขึ้นหยิบจานจากมือดาร์เรลก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาอย่างสบายใจ เขาตักบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปผัดเข้าปากและกินไปเรื่อยๆโดยไม่พูดอะไรมาก
         “...นายใส่ผักเยอะชะมัด”
         “นี่คุณเป็นเด็กไม่กินผักหรอครับ แค่กะหล่ำปลีไม่ทำให้เส้นเลือดคุณเปลี่ยนเป็นสีเขียวหรอก”
         “อือออ”
         “แXกเถอะครับ”
         “...ฮะๆๆ ไม่ต้องหัวร้อนขนาดนั้นน่า ฉันแค่ไม่ชอบไม่ถึงขั้นดื้อไม่กินหรอก”
         ฟาโรห์หลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทางของรุ่นพี่หนุ่ม ทั้งสองคนนั่งกินไปพลางดูข่าวภาคค่ำที่ดาร์เรลเปิดขึ้นมา แม้ฟาโรห์จะไม่สนใจนักแต่ดูเหมือนรุ่นพี่ของเขาจะให้ความสำคัญกับข่าวบ้านเมืองไม่น้อย
         หลังกินเสร็จและต่างคนต่างอาบน้ำทำธุระส่วนตัวแล้วฟาโรห์ก็กลับมาทิ้งตัวลงบนโซฟาอีกครั้งแต่ครั้งนี้เขานอนพาดขวางกินพื้นที่ทั้งโซฟาจนเจ้าของห้องต้องลงไปนั่งกับพื้น แถมยังยึดรีโมทโทรทัศน์เพื่อกดไปช่องที่เปิดเพลงตามใจชอบอีกต่างหาก
         “ขนาดห้องน้ำนายยังมีอ่างอาบน้ำเลยหรอเนี่ย นี่นายเป็นเงือกรึไง”
         ฟาโรห์พูดทักขึ้น เขารู้สึกแปลกใจขึ้นมามากว่ารุ่นพี่ของตัวเองแช่น้ำวันละกี่ชั่วโมงกันแน่
         “ฮะๆ ในห้องน่ะมีแต่ก็ไม่ค่อยได้แช่หรอกครับ กลับถึงห้องก็เหนื่อยจะตายแล้ว”
         “นี่ ดาร์เรลทำไมถึงชอบแช่ในน้ำนักล่ะ”
         เมื่อได้ยินคำถามดาร์เรลก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆตามปกติ
         “เพราะมันทำให้ผมไม่อยากตาย ผมเคยจมน้ำครั้งหนึ่ง มันทรมานมากเลยนะ เพราะงั้นเวลาผมอยากจะตาย ผมจะลงไปแช่ในน้ำนิ่งๆเตือนตัวเองว่าความตายมันน่ากลัวขนาดไหน”
         ฟาโรห์ที่ปกติจะโหวกเหวกโวยวายฟังคำตอบด้วยท่าทางนิ่งๆ เขาไม่มีคำถามว่าอะไรทำให้ชายตรงหน้าเขานั้นอยากตาย เขาไม่ได้อยากรู้ว่าอะไรทำให้คิดแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย แต่มันกลับมีคำถามอีกอย่างผุดขึ้นมาแทน
         “...นายจะไม่ตายใช่ไหม”
         “ไม่ครับ ผมจะไม่ตายจนกว่า...”
         “ไม่เอาสิ ไม่ต้องมีจนกว่า ไม่ต้องมีอะไรต่อท้าย”
         “...ฮะๆ ก็ได้ครับ”
         “นี่เป็นเหตุผลที่นายดูไม่มีความสุขรึเปล่า”
         คำถามของรุ่นน้องทำให้ดาร์เรลเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้
         “ทำไมคิดแบบนั้นล่ะครับ”
         “ก็...ฉันไม่ค่อยเห็นนายยิ้มจริงๆหรือหัวเราะจริงๆเท่าไร สิ่งที่คนอื่นขำกันดูจะเป็นเรื่องฝืดๆสำหรับนาย นายเหมือนคนที่คิดอะไรหนักใจตลอดๆ คล้ายๆกับ...”
         “คล้ายกับคุณ?”
         “...อือ”
         “ก็อาจจะใช่ครับ อยากคุยต่อนะครับ แต่ผมต้องไปนอนแล้ว คุณนอนโซฟาไปแล้วกัน เปิดทีวีไปด้วยได้นะครับ มีเสียงผมก็นอนได้”
         “อ่า ฝันดี”
         แม้จะอยากคุยต่อแต่ฟาโรห์ก็เลือกที่จะไม่รั้งคู่สนทนาของตัวเองเอาไว้ก่อนจะปล่อยให้ดาร์เรลเดินไปทำอะไรบางอย่างข้างตู้เย็นอยู่สักพักแล้วเดินไปนอนที่เตียง
         ฟาโรห์ปล่อยเวลาไหลผ่านไปกับโทรทัศน์เกือบชั่วโมงจนมั่นใจว่าดาร์เรลหลับสนิทแล้ว ชายหนุ่มหลับตาลงก่อนลืมตาขึ้นในพื้นที่สีขาวโลพนที่ดูเหมือนไม่มีพื้นไม่มีผนังหรือที่สิ้นสุดใดๆ ทุกอย่างขาวราวกับกระดาษเปล่า ชายหนุ่มมองซ้ายขวาก่อนจะถอนหายใจแล้วหลับตาลงอีกครั้ง  
         เสียงลมพัดและกลิ่นของคลอรีนทำให้เขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง สระว่ายน้ำตรงหน้าของเขาดูผิดเพี้ยนจากความจริงไปมาก มันไม่เหมือนสระว่ายน้ำในโรงเรียน ไม่มีหลังคา แต่มีต้นไม้รอบๆราวกับพยายามจะแต่งให้ดูคล้ายสวน แสงของแดดในช่วงเย็นสีส้มทองสาดมากระทบผิวน้ำแม้จะไร้ดวงอาทิตย์ ฟาโรห์มองซ้ายขวาก่อนจะหันไปด้านหลังของเขา ชายที่คุ้นตายืนยิ้มให้เขาตามปกติอยู่ในชุดว่ายน้ำของโรงเรียนเหมือนที่เขาคุ้นชิน
         “ปกติที่นี่ไม่มีใคร แต่...ตอนนี้มีคุณ ทำไมกันล่ะ”
         ดาร์เรลพูดด้วยรอยยิ้ม มือของเขาเข้าไขว้ไปด้านหลังและมีโซ่ตรวนลากลงไปถึงในสระ ดาร์เรลถอนหายใจแล้วเดินไปยืนตรงขอบสระ เขาหันหลังให้สระน้ำและมองหน้าของรุ่นน้องที่หันตามเขา
         “ทำไมคุณถึงมาอยู่ในนี้น้า? หรือเพราะเราคุยกันมากเกินไป”
         ชายหนุ่มถามต่อ แต่ก่อนที่ฟาโรห์จะได้ตอบอะไรเขาก็ทิ้งตัวลงในน้ำและปล่อยให้ตัวเองจมลงไปเรื่อยๆ ด้วยความสับสนและไม่ทันได้ตั้งตัวกับความฝันพิลึกพิลันของรุ่นพี่ทำให้ฟาโรห์กระโดดลงไปในสระ ใต้น้ำนั้นเขาหายใจได้อย่างที่สมควรจะเป็นในความฝัน แต่กลับมีความรู้สึกกดดันที่ชวนอึดอัดอยู่ทุกทิศทุกทางราวกับความน้ำทุกหยดถูกสร้างขึ้นมาจากอารมณ์ด้านลบของเจ้าของความฝันแห่งนี้ และเขากำลังจะจมความรู้สึกแทนที่จะจมน้ำ
         นี่มันบ้าอะไรวะเนี่ย?!
         ชายหนุ่มคิดในใจแต่เขาก็รีบว่ายตามลงไปดูว่าจุดสิ้นสุดของสระนี้คืออะไร เขาตามลงไปเรื่อยๆจนพ้นส่วนที่เป็นน้ำลงไปด้านล่างที่ว่างเปล่าขาวโพลนไร้จุดสิ้นสุด แต่ร่างกายของฝ่ายที่เขาตามกลับหุ้มด้วยก้อนน้ำแข็งราวกับคำความเย็นมาตลอดในขณะที่อยุ่ในสระ ก่อนที่จะได้ทันตั้งตัวก้อนน้ำแข็งก็กระทบกับพื้นที่มองไม่เห็นและแตกเป็นเสี่ยงๆก่อนที่ทุกสิ่งจะกลายเป็นสีแดงในพริบตา
         ไม่ถึงเสี้ยววินาทีนั้นชายหนุ่มก็ดีดตัวขึ้นจากโซฟา มือของเขากำแน่นและชุ่มไปด้วยเหงื่อ
    ฟาโรห์นั่งนิ่ง ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วจนเขาเรียบเรียงไม่ทัน ความฝันที่มีความยาวไม่ถึง5นาทีทำให้เขาสับสนจนคลื่นไส้ สุดท้ายเขาก็ต้องลุกขึ้นแล้วเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าตัวเองให้ในเย็นลง เขามองตัวเองให้กระจกและระลึกได้ดีว่าเขายังอยู่ในอาการสับสนเล็กน้อย
         อา...นี่ฉันหรือหมอนั่นที่บ้าวะเนี่ย
    เขาสบถกับตัวเองในใจก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำและมองไปทางเตียงที่ดาร์เรลนอนอยู่ ชายหนุ่มถอนหายใจแล้วเดินไปเปิดตู้เย็น เขาหยิบโยเกิร์ตที่ซื้อมามาแกะแล้วกระดกรวดเดียวราวกับเครื่องดื่มก่อนจะโยนกล่องเปล่าลงถังขยะ แต่ในขณะที่เขากำลังจะเดินกลับไปนอนนั่นเองดวงตาสีแดงของเขาก็ไปสะดุดเข้ากับถุงบางอย่างที่อยู่ข้างๆตู้เย็น ฟาโรห์ถือวิสาสะหยิบซองยาด้านในออกมาอ่านด้วยความสนใจ
         Prenarpilคลายกังวล...alprazolamแก้วิตกกังวล...ยาแก้อาการConfusion...
         ให้ตายเถอะพระเจ้า นี่ล้อฉันเล่นรึเปล่าเนี่ย
         ฟาโรห์โวยวายในใจก่อนเก็บยาทั้งหมดเข้าที่เดิมแล้วกลับไปนั่งที่โซฟาสักพัก ความฝันชวนสับสนและปวดหัวของดาร์เรลทำให้ชายหนุ่มกระสับกระส่ายเป็นพิเศษก่อนจะเดินไปนั่งที่เตียงของเจ้าของห้อง เขาไม่กลัวเลยว่าอีกฝ่ายจะตื่นเพราะพลังของเขาทำให้เขาสัมผัสได้ว่าชายตรงหน้านั้นหลับสนิทจริงๆรวมทั้งยาที่กินเข้าไปก็ไม่น่าจะทำให้อีกฝ่ายตื่นได้ง่ายๆ
         “นายนี่มันน่าปวดหัวชะมัด”
         ฟาโรห์กระซิบกับตัวเองพลางลูบผมสีน้ำตาลอ่อนอย่างทะนุถนอม เขาเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าคนที่น่าเป็นห่วงมันคือตัวเขาหรือคนที่คอยเป็นห่วงเขากันแน่
    รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เส้นคั่น png
    WRITER
    ตอนแรกไม่ได้กะว่าจะลงมืดขนาดนี้น้าา แต่พอดีเล่นเกมเพลินลืมดูเวลา ฮ่าๆๆ
    .........................
    ตอนนี้อาจจะน่าอึดอัดหน่อยนะคะเพราะเด่นๆแค่สองคน แถมพูดถึงเรื่องของดา์เรลคนเดียว แต่เรื่องบางเรื่องมันเอามาแยกแล้วค่อยๆแทรกตอนละนิดตอนละหน่อย ค่อยๆเล่า ก็ชวนให้รู้สึกว่า จะทำแบบนั้นเพื่อให้เข้าใจยากแถมไม่อินไปทำไมวะ
    ตอนนี้ก็เลยซัดปัญหาของปะธานชมรมว่ายน้ำที่เดียวไปเลย
    แลดูจะเป็นตอนที่ให้รสฝ่านๆยังไงก็ไม่รู้สิ ฮะๆ
    อ่านตอนนี้แล้วคิดยังไงบ้างก็เม้นบอกหน่อยนะคะ
    อ้อๆ เก็ดนิดก็คือ ชื่อยาที่ฟาโรห์อ่าน อ้างอิงจากยาจริงนะคะ แต่ไม่แม่นค่ะไม่ได้เรียนหมอ ฮะๆ
    .........................
    วันนี้ขอไม่อัพเดทตัวละครนะคะ ติดเกมอะะะ
    แล้วก็ๆ อยากได้ตัวละครที่เป็นคนเอเชียสักสองสามคนจัง
    คนไทย คนเกาหลีไรงี้
    อยากได้จางงงงง
    ไม่ได้ขอนะคะ แค่อยาก แค่ค่ค่ค่ค่อยากกกก
    .........................
    ช่วงนี้อาจจะไม่มีนิยายจนถึงพุธหน้าตามวาระนะคะ ฮะๆ
    พอดีว่าเสาร์นี้มีสอบ กศน. ต้องเตรียมตัวนิสนึง
    จริงๆเราเรียนเทคนิคนะคะ แต่ว่ามันได้วุฒิปวช. เลยเรียนกศน.ควบไปด้วยจะได้มีวุฒิม.ปลายอีกอัน
    พอปิดเทอมก็เลยมีอะไรให้ยุ่งๆอยู่บ่อยๆ ฮะๆ
    แล้วก็จริงๆทำงานพิเศษด้วยนะคะ แต่เป็นงานในร้านหนังสือที่เจ้าของเขาเปิดแล้วก็จ้างคนมานั่งเฝ้าหงอยๆ
    นั่นแหละค่ะสภาพเราฮ่าๆ ส่วนมากก็เอาเวลางานที่ไม่ค่อยมีลูกค้านี่และค่ะเป็นเวลาปั่นนิยาย
    แต่ว่าวันนี้ถึงวันเสา์ขออ่านสอบก่อนนะเจ้าคะ
    .........................

    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ heart gifมีอะไรก็เม้นคุยกันได้ อย่าลืมกดให้กำลังใจด้วยนาจา!ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ heart gif
    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ thank you gif
    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×