ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    77888 ACADEMY (รับสมัครตัวละคร)

    ลำดับตอนที่ #10 : บทที่6 เข้าใจผิด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 78
      2
      19 มี.ค. 61

         ในช่วงหลังเลิกเรียนอันแสนว้าวุ่น เสียงออดบอกเวลาเลิกเรียนทำให้นักเรียนทุกคนเริ่มเก็บกระเป๋า เหลือแค่คิสซารีสที่แอบกังวลที่ไวท์กับดาร์เรลยังไม่กลับมาที่ห้องเรียนทำให้เขาไม่ขยับไปไหนและอยากจะรอสองคนนั้นกลับมาก่อน
         “เอ่อ...คิสซารีส”
         ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังนั่งเหม่อๆอยู่นั้นเขาก็ถูกเรียกจากเพื่อนร่วมชั้นที่ดูเหมือนปกติจะไม่ค่อยกล้าเข้าหาเขาสักเท่าไร สเลย์ยิ้มให้ชายหนุ่มในขณะที่มิคุริโอมีท่าทางที่ไม่ค่อยจะสนใจนัก
         “ว่าไง”
         “เปล่าหรอก ก็เห็นยังไม่กลับน่ะ รอใครหรอ”
         “...ไม่มีอะไรหรอก แค่ยังไม่อยากกลับน่ะ”
         “อ้อ อ่า งั้นเรากลับก่อนนะ ไว้เจอกัน”
         “อือ”
         บรรยากาศตึงๆกับใบหน้านิ่งๆที่แสดงความยโสออกทางแววตาทำให้แม้แต่สเลย์ที่ค่อนข้างจะสนิทกับคนอื่นง่ายๆก็ต้องยอมยกธงขาว และเดินออกจากห้องเรียนไปเพื่อไปทำกิจกรรมชมรม ในทันทีที่ประตูปิดลงและห้องเรียนเงียบสงบไร้ผู้คนชายหนุ่มก็กระแทกหัวของตัวเองไปที่หน้าต่างก่อนจะถอนหายใจ
         นี่ตูจะทำท่าทางแบบนั้นใส่เขาหาพระแสงอะไรวะเนี่ย?!!
         ชายหนุ่มคิดในใจและเริ่มหงุดหงิดคนเดียวก่อนจะทิ้งตัวลงพิงหน้าต่างอีกครั้ง
         หรือพวกนั้นจะกลับกันไปแล้วนะ ไม่สิ กระเป๋ายังอยู่นี่นา หรือจะไปเข้าชมรมกัน อาาา...ฉันเองก็ต้องไปชมรมเหมือนกันนี่นา จะมารออะไรอยู่เนี่ย...ฯลฯ
         เสียงความคิดวุ่นวายอันแสนยุ่งเหยิงของชายหนุ่มทำให้ใครบางคนที่อยู่หน้าห้องเลือกจะลดมือลงและหันหลังให้กับประตู
         แหม คุณคิสซารีสกังวลจริงจังจนลอยมากระแทกหัวเราเลยแฮะ
         ไอเรนแอบคิดในใจ เขากะว่าจะกลับไปเอาพู่กันที่ลืมไว้ในห้องเรียนแต่เห็นทีไปยืมพู่กันที่ชมรมแก้ขัดไปก่อนจะดีกว่าการต้องเข้าไปขัดจังหวะของชายหนุ่มผู้หมกมุ่นกังวลในเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่หลังจากที่เขาขึ้นบันไดไปได้ไม่ถึงสามนาทีเสียงฝีเท้าของหญิงสาวก็ดังขึ้นตามด้วยเสียงเปิดประตูที่ดูเหมือนจะไม่เคารพสถานที่แม้แต่น้อย
         “ตายแล้วๆๆ! อาจารย์ดันเต้ต้องฆ่าฉันแน่ๆเลย!”
         หญิงสาวร้องพลางวิ่งเข้าไปค้นใต้โต๊ะของเธอ เพรทเซลรื้อของทั้งหมดของเธออกมาจากช่องใต้โต๊ะทำให้คิสซารีสตกใจกับท่าทางของเธอไม่น้อย แต่ที่ชวนให้ตกใจกว่าคือถุงขนมที่เธอแอบยัดเข้าไปใต้โต๊ะที่ตอนนี้ถูกรื้ออกมากองเต็มพื้น
         “ดะ...ดาร์ลิงตัน เธอหาอะไรหรอ”
         “ฉันหาบทละครน่ะ! ฉันต้องลืมเอามาแน่ๆเลย!”
         “...บทละคร? แป๊บนึงนะ”
         คิสซารีสทำท่าเหมือนนึกบางอย่างออก เขาเดินไปที่ถังใส่กระดาษรีไซเคิลหลังห้องก่อนจะควานหาบางอย่างแล้วเขาก็หยิบม้วนกระดาษม้วนบางๆอันหนึ่งขึ้นมา ชายหนุ่มปัดฝุ่นออกจากมันเล็กน้อยก่อนจะกลับมายื่นให้หญิงสาว
         “มันหล่นอยู่ ฉันเห็นเวรทำความสะอาดเกือบเอามันไปทิ้งแล้ว”
         คิสซารีสพูดด้วยสีหน้านิ่งๆก่อนที่หญิงสาวจะยิ้มหวานออกมา
         “ขอบคุณนะ! ฉันนึกว่าจะต้องโดนฆ่าซะแล้ว”
         คำขอบคุณพร้อมรอยยิ้มที่แสนจริงใจของหญิงสาว ทำให้คิสซารีสเผลอหลุดยิ้มออกมาเล็กน้อย เพรทเซลเอามือทั้งสองของเธอไขว้ไว้ด้านหลังก่อนเอียงคอมองเพื่อนร่วมชั้นด้วยรอยยิ้มที่เหมือนกำลังดีใจเพราะบางอย่าง
         “ยิ้มแล้วๆ คิสซารีสยิ้มด้วยล่ะ ฮิๆ”
         หญิงสาวทักทำให้เขากลับมาทำหน้านิ่งอีกครั้งแล้วดึงแขนของเพรทเซลมาก่อนยัดม้วนบทละครลงบนมือของเธอ
         “ฉัน...ไม่ได้ยิ้ม”
         “เห? แต่ฉันเห็นว่านายยิ้มน้า คิสซารีสเนี่ยเป็นคนที่ชอบซ่อนความรู้สึกตัวเองจริงๆด้วยนะเนี่ย”
         “...ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ”
         “หืม? ก็ฉันนั่งข้างๆนายนี่นา ฉันก็ต้องเห็นนายตลอดอยู่แล้วเลยดูออก จริงๆคิสซารีสก็ไม่ใช่คนเย็นชาหรอกจริงไหม...
         อ๊ะ! ตายแล้วๆ ฉันสายแล้วสิเนี่ย ไปก่อนนะ ต้องไปซ้อมแล้วล่ะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะคิสซารีส”
         หญิงสาวที่บังเอิญหันไปเห็นนาฬิกาแขวนในห้องรีบเก็บของเข้าโต๊ะในทันทีก่อนจะเดินไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว แต่ฝีเท้าของเธอก็ถูกหยุดลงด้วยเสียงเรียกของคิสซารีส
         “เฮ้! รอเดี๋ยวสิเพรทเซล!”
         “อะไรหรอ ฉันรีบอยู่นะ”
         “...เอ่อ...เรียกฉันว่าคิสก็พอ”
         คำพูดของชายหนุ่มที่ไม่สบตาเธอและดูประหม่าทำให้เพรทเซลเผลอหลุดหัวเราะออกไป
         “งั้นไว้เจอกันนะจ๊ะคิส กลับดีๆนะ”
         เพรทเซลยิ้มให้ชายหนุ่มก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้องเรียนโดยไม่ได้ปิดประตู คิสซารีสยืนนิ่งอยู่สักพักก่อนจะหันกลับไปนั่งที่โต๊ะของตัวเองด้วยรอยยิ้มที่ดูมีความสุขออกหน้าออกตา


         หญิงสาวรีบวิ่งตรงไปที่อาคารเอนกประสงค์ซึ่งมีเวทีและที่นั่งสำหรับพิธีต่างๆ ซึ่งในวันปกติที่นี่ก็คือเวทีละครของชมรมละคร ทันทีที่หญิงสาวเปิดประตูเข้ามาด้านในเธอก็เห็นชายวัยเกือบสามสิบที่แสนคุ้นหน้าคุ้นตานั่งอยู่กลางห้องเพื่อมองภาพรวมของการซ้อมละครที่ดำเนินไปแม้ไม่มีนางเอก ขาที่ไขว้กันและแขนที่กอดอกอยู่ รวมถึงนิ้วชี้ที่ขยับเป็นจังหวะรัวๆกำลังแสดงออกถึงความหงุดหงิดภายใต้สีหน้านิ่งตายของอาจารย์หนุ่ม ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าดุทั้งตอนสอนทั้งตอนซ้อม
         “คุณดาร์ลิงตัน คุณสายไป15นาที37วินาทีแล้วนะครับ”
         อาจารย์หนุ่มทักด้วยท่าทางนิ่งๆทำให้บรรยากาศในห้องเริ่มตึงขึ้น
         “ขะ...ขอโทษค่ะ พอดีหนูวิ่งกลับไปเอาของ”
         “...ครับ คราวหน้าก็ระวังหน่อยนะครับ รอบนี้คุณเล่นเป็นตัวหลักในละครสำหรับแข่งขันนะครับ ถ้าไม่มีคุณงานของคนอื่นก็ไม่เดิน”
         “ค่ะ...ขอโทษจริงๆค่ะ”
         “ช่างเถอะครับ ไปเปลี่ยนชุดเถอะ วันนี้ผมอยู่ดูได้ไม่นานเท่าไรนะครับ พอดีมีนัด”
         ดันเต้พูดก่อนถอนหายใจ ท่าทางของเขาดูผ่อนคลายลงอย่างรวดเร็วราวกับจะมีเรื่องดีๆ เพรทเซลรีบพยักหน้าก่อนจะเข้าไปในห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดวอร์มจะได้ซ้อมง่ายขึ้น
         “วันนี้อาจารย์มีนัดสาวหรอครับ หรือว่าจะเป็นผอ.ฮาวาย”
         นักเรียนชายคนหนึ่งทักเมื่อเห็นรอยยิ้มของอาจารย์หนุ่ม
         “ผมบอกตั้งกี่ครั้งแล้วครับว่าผมกับผู้อำนวยการฮาวายไม่ได้เป็นอะไรกัน ท่านก็อยู่กับอาจารย์ฟรายเดย์ออกจะบ่อยทำไมต้องมาแซวผมด้วยล่ะเนี่ย”
         “งั้นอาจารย์ทำไมรีบกลับล่ะครับ”
         มิคุริโอถามเมื่อเห็นอาจารย์ปฏิเสธคำแซวของเพื่อน เขานั่งห้อยหาลงที่ขอบเวทีระหว่างรอเพรทเซล การที่มีคนมาสายก็มีข้อดีคือยอมโดนด่าเพื่อให้เพื่อนได้พักหายใจหายคอกันเล็กน้อย
         “หรือว่า...คลาริต้าสินะคะ ต้องนัดทานข้าวกับคลาริต้าแน่ๆเลย”
         นักเรียนหญิงคนหนึ่งรีบพูดขึ้นมาก่อนที่ดันเต้จะได้ตอบอะไรทำให้อาจารย์ผู้เคร่งขรึมดูเขินอายขึ้นมาเล็กน้อย เขาลูบหลังคอตัวเองเบาๆแก้เขินพลางเบือนหน้าหนีก่อนจะพูดเสียงอ่อน
         “หึ...ชีวิตผมก็มีแค่เรื่องเธอนั่นแหละครับ”
         ดันเต้ยิ้มเล็กน้อยเมื่อนึกถึงหญิงผู้เป็นที่รัก เวลาเขามีท่าทางแบบนี้มักจะทำให้ถูกนักเรียนแซวอยู่เสมอๆแต่ดูเหมือนเขาก็ไม่สามารถเก็บอาการเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ดีนัก แต่ระหว่างที่เขากำลังอารมณ์ดีอยู่นั้นก็มีเสียงรบกวนมากระทบโซนประสาทของทุกคนในอาคาร
         “ขอโทษค่า! มาติดต่อเรื่องเพลงประกอบละครสำหรับงานแข่งคราวนี้น่ะค่ะ”
         เสียงใสๆทำให้ทุกคนหันไปมองที่เฟยเฟิ่งและเฟยหลงจากชมรมดนตรีซึ่งยืนอยู่ตรงประตูทางเข้า เฟยเฟิ่งยิ้มก่อนจะรีบเดินเอาเอกสารบางอย่างมาให้ดันเต้ดูด้วยท่าทางกระตือรือร้น
         “รายชื่อเพลง? ขอบคุณนะครับ แต่เดี๋ยวให้ประธานชมรมดูให้ละกันนะครับว่าเขาชอบรึเปล่า สำหรับผมนี่เดี๋ยวผมจะมาฟังให้อีกที”
         ดันเต้อ่านเอกสารผ่านๆก่อนหันไปมองเด็กหนุ่มด้วยรอยยิ้ม
         “เอ่อ...อาจารย์คะ อาจารย์เรย์นะฝากมาถามว่า ถ้าให้นักดนตรีที่จะเล่นมาเล่นระหว่างซ้อมละครที่นี่เลยจะรบกวนอาจารย์ไหมคะ”
         “ไม่ครับ ไม่เลย ถ้ามาได้ก็ดีสิครับ ผมสิที่รบกวนชมรมของคุณมาก แล้วถ้าจะยกอะไรหนักๆมาเนี่ยให้คนในชมรมผมไปช่วยได้นะครับ เพราะมีฝ่ายจัดการฉากอะไรพวกนั้นอยู่ด้วย”
         “ค่ะ ขอบคุณนะคะ!”
         เด็กหนุ่มขอบคุณด้วยรอยยิ้มก่อนที่ดันเต้จะวางมือลงบนหัวของเขาแล้วขยี้เบาๆ
         “คุณเฟยเฟิ่งเนี่ยเป็นที่พึ่งพาของอาจารย์ทุกคนเลยนะครับ ฮะๆ”
         “ไม่ครับไม่ ยัยนี่น่ะพอรู้ว่าเป็นชมรมอาจารย์ มันก็เสนอตั…อั่ก!”
         ยังไม่ทันสิ้นคำศอกของน้องชายผู้แสนน่ารักก็กระแทกเข้าที่ท้องของพี่ชายปากมากอย่างจังทำให้เฟยหลงเงียบลง
         “ฮะๆ ยังสนิทกันเหมือนเดิมเลยนะครับ เดี๋ยวไปคุยกับประธานชมรมคนนั้นนะครับ พอดีผมต้องกลับแล้ว ขอตัวนะครับ”
         ดันเต้ชี้ไปทางมิคุริโอที่โบกมือให้เด็กหนุ่มทั้งสองก่อนจะรีบเก็บของออกจากห้องไปปล่อยให้เฟยเฟิ่งมองด้วยท่าทางเสียดายที่ได้คุยแค่เล็กน้อย มิคุริโอโดดลงจากเวทีก่อนจะเดินมาหาเด็กหนุ่มผมยาวที่เขาพอจะรู้จักอยู่แล้วจากวีรกรรมของโซริเซีย
         “ไง เฟยเฟิ่ง เจอกันอีกแล้ว”
         “สวัสดีค่ะ! ไม่รู้เลยนะเนี่ยว่ารุ่นพี่มิคุริโอคือเจ้าชายชมรมละคร”
         “ไม่ขนาดนั้นหรอก ใครบอกมาล่ะ”
         “เพื่อนน่ะค่ะ เป็นแฟนคลับของรุ่นพี่เลยนะคะ! แต่ว่าช่วยดูนี่ให้ก่อนได้ไหมคะ”
         เฟยเฟิ่งพักเรื่องส่วนตัวและหันกลับมาสนใจงาน เขายื่นกระดาษที่เขียนรายชื่อเพลงพร้อมรายละเอียดต่างๆไว้ให้มิคุริโอ ประธานชมรมหนุ่มอ่านอยู่สักพักอย่างตั้งใจก่อนจะเริ่มแสดงความคิดเห็น
         “อือ...เพลงที่เขียนตรงฉากนี้คงไม่ได้ใช้นะ พอดีตกลงกันไว้แล้วว่าจะเป็นช่วงที่มีบทพูดกึ่งร้องน่ะ”
         “อ้อ ได้ค่ะ เดี๋ยวพอวงที่จะเล่นให้มากันครบแล้วค่อยลองตัดกันอีกทีนะคะ”
         “ได้ๆ”
         “ว่าแต่รุ่นพี่คะ อาจารย์รีบกลับไปไหนหรอคะ”
         เฟยเฟิ่งวกกลับมาเรื่องที่ตัวเองสงสัยอย่างช่วยไม่ได้ เขาถามพลางมองไปทางประตูโดยไม่ได้ตั้งใจทำให้มิคุริโอเริ่มเดาทางได้ว่ารุ่นน้องหนุ่มสนใจอะไร
         “อ้อออ...เขาไปหาเจ้าหญิงผู้เป็นที่รักน่ะ นัดทานข้าวกันทุกสัปดาห์เลยล่ะ นี่ขนาดไม่ใช่ภรรยานะเนี่ย”
         ทันทีที่สิ้นประโยคกระดาษในมือของเฟยเฟิ่งก็ถูกกำจนยับในทันทีก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวและรีบลนลานขอโทษแล้วลากเฟยหลงเดินออกจากอาคารอเนกประสงค์ไป
         “โอ้ รังสีคนแอบชอบอาจารย์แรงเว่อๆเลยว่ะพวก”
         นักเรียนชายคนหนึ่งพูดขึ้นเมื่อเห็นท่าทางของเด็กหนุ่มในคราบหญิงสาวที่แสดงอาการชัดเจนจนน่ากลัวก่อนจะหันไปถามมิคุริโอ
         “แล้วทำไมนายไม่บอกหล่อนไปว่าอาจารย์มีนัดกินข้าวกับลูกสาวล่ะเนี่ย”
         คำถามนั้นทำให้มิคุริโอหันไปก่อนยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อย
         “ฉันว่ามันตลกดีก็เท่านั้นแหละ อย่าไปบอกหล่อนล่ะ ปล่อยให้รู้เองละกัน”


         เฟยเฟิ่งสาวเท้าเดินเร็วเร่งให้ถึงห้องดนตรีโดยไม่ปล่อยมือพี่ชายจนเฟยหลงต้องดึงแขนของน้องไว้ก่อนจะก้าวขึ้นบันได
         “เฮ้ เป็นอะไรเนี่ย”
         “เชอะ อุส่าห์ดีใจที่ได้ไปชมรมเขา ดันไปกินข้าวกับสาวซะงั้นอะ ฉันอุส่าห์เช็คมาดีแล้วแท้ๆว่าเขาจะต้องไม่มีสาวๆที่ไหนมาติดพันแน่ๆ”
         “เช็คที่ไหน”
         “...WacebookกับWg”
         “เฮ้อ แล้วเอ็งเป็นอะไรกับเขาถึงต้องหึง”
         “…ไม่ได้เป็น”
         เฟยเฟิ่งตอบนิ่งๆทำให้เฟยหลงกำลังจะถอยเพราะคิดว่าทำให้น้องโกรธ แต่เด็กหนุ่มกลับหันมาทำแก้มป่องใส่เขาแทน
         “แต่ฉันชอบนี่นา! อือ...แต่เดี๋ยวนะ รุ่นพี่บอกว่ายังไม่ได้เป็นภรรยานี่นา เพราะงั้นมันก็ไม่เห็นยากอะไรเลย ก็ทำให้เลิกกันซะเลยดีกว่า”
         “นี่ไปเอาความมั่นว่าจะทำได้นั่นมาจากไหนน่ะ”
         “ฉันทำได้แน่นอน! เพราะฉันน่ะน่ารักกว่าชะนีทุกตัวในโรงเรียนเลยนะยะ!”
         เฟยหลงหนักใจกับรอยยิ้มมั่นใจและท่าทางมั่นหน้าเกินเหตุของน้องชายตัวเองและแอบรู้สึกว่าน้องชายตัวเองเป็นแบบนี้เพราะมีใครทำของใส่รึเปล่า แต่เขาก็ไม่อยากขัดใจอะไรนักเพราะรู้ดีว่าขัดไปเฟยเฟิ่งก็คงยังไม่เปลี่ยนใจ
         “คอยดูนะพี่ชายสุดที่รัก น้องคนนี้จะเอาชนะแฟนของอาจารย์ให้ได้เลย! เพราะไม่ว่าจะคบกันมากี่ปีก็ต้องยอมแพ้ความน่ารักของเฟยเฟิ่งคนนี้นะคะ!”
         เฟยเฟิ่งพูดอย่างร่าเริงก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปห้องดนตรีปล่อยให้เฟยหลงถอนหายใจด้วยหน้านิ่งๆก่อนจะพูดประชดน้องกับตัวเอง
         “...ค่ะ อีคนน่ารัก”
    รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เส้นคั่น png
    WRITER
    ปุ่ม ร ณ i ของเรามันกำลังจะตายแล้วตอนนี้ กดไม่ค่อยติด ถ้าอันไหนตกอักษรพวกนี้ไปก็ขอโทษนะคะ ทั้งในนิยายทั้งในเม้นเลย
    ตอนนี้อยากลงอะ เพราะมันยังมีในสต๊อกอีกเยอะเลยอยากลงมากหน่อยช่วงนี้ คันไม้คันมือ วันพุธก็จะลงตอนใหม่อีกนา ช่วงนี้หัวแล่นมากค่ะ จริงๆก็เคยแต่งนิยายหรือเขียนบทหนังสั้นมานะ แต่ยังไม่มีงานไหนหัวแล่นเท่าเรื่องนี้เลย 
    .........................
    มาพูดถึงส่วนเนื้อเรื่องบ้าง
    เราจะมาพูดถึงWacebookกันค่ะ มันก็คือเฟซนั่นแหละ55 แต่ว่าเราไม่อยากพิมพ์ตรงๆ แล้วก็มังงะที่เราชอบหลายๆเรื่อง เขาชอบใช้Mcdonaldเป็นWcdonaldค่ะ เราว่ามันน่ารักดี แต่จะเอาอักษรหน้ามากลับหัวทุกตัวคงไม่ไหว อย่างตัวIนี่ไม่มีผลเลย เลยตัดสินใจเปลี่ยนทุกตัวให้นำตัวWค่ะ
    Facebook Line Instagram(Ig) Twitter Youtube
    ในเรื่องนี้จะกลายเป็น
    Wacebook Wine Wnstagram(Wg) Wwitter Woutube
    ทั้งหมดเลยค่ะ รวมถึงชื่อร้านอาหารฟาสฟู้ด สัญญาณโทรศัพท์ อีเมล และทุกสิ่งที่อ้างอิงจากโลกจริงจะเปลี่ยนเป็นขึ้นต้นด้วยWหมดเลย ฮะๆ คิดไปคิดมาก็ดูเป็นความคิดที่ตลกๆดีนะคะ
    แล้วก็คาดว่าในตอนต่อๆไปจะมีการคุยแชท ส่องโซเชี่ยลหรือโทรหากันของตัวละครด้วยนะ
    .........................
    เอาล่ะ มาพูดถึงรีดเดอร์ผู้แสนน่ากลัวกันนิดนึงนะคะ คือตอนนี้เราแต่งเสร็จนานแล้วล่ะ เสร็จก่อนลงตอนที่5 แต่มีเม้นนึงที่กินใจเรามาก แบบ"เชี่ยยย รู้ได้ไงอะ"

    คุณMunich F.ช่างมีพลังแรงกล้า...
    .........................
    แล้วก็มีเรื่องซีเรียสคุยกันนิสนึงน้า คืออ่านๆมาก็น่าจะรู้สึกได้แหละว่าเราไม่ได้แต่งนิยายแอ็คชั่นพลังพิเศษหรือสืบสวนสอบสวน แต่เป็นชีวิตวัยรุ่นธรรมด๊าธรมดาที่มีปัญหาให้แก้
    แบบว่า
    ปากไม่ตรงกับใจไม่มีเพื่อนก็จะมาหาเพื่อนให้
    เข้ามาเรียนปีแรกต้องปรับตัวก็ค่อยๆปรับไป
    หัวรุนแรงเข้ากับคนยาก ก็หาจุดเปลี่ยนให้
    แบบว่าcoming of ageมากๆหน่อย นิสัยตัวละครเริ่มมาเป็นยังไงก็อาจจะไม่ได้จบแบบนั้น เป็นเรื่องของการเติบโตไม่ก็ผลลัพธ์จากเหตุการณ์ต่างๆในชีวิต
    แต่ว่ามันจะมีตัวละครกลุ่มนึงที่แบบ มันขลังอะเราไม่ค่อยกล้าแตะ คือไม่กล้าเปลี่ยนนิสัยเยอะ
    (รู้สึกว่าตัวละครพวกนี้จิตใจแข็งแกร่งจนไม่น่าจะรู้สึกกระทบกระเทือนจิตใจจากเรื่องไหนเลย)
    ก็เลยยังคิดเนื้อเรื่องไม่ออก คิดออกมาก็ไม่ค่อยเด่นกะว่าจะเก็บไว้แตะหลังๆ
    แบบ เวโรนิก้า ฟรานเชสก้า คู่น้า-หลานฮาวา
    เลยอยากรู้จากผู้ปกครองของตัวละครสี่ตัวนี้ว่าเราแตะต้องตัวละครของท่านได้เท่าใดQAQ ข้าพเจ้ามิกล้าสร้างพัฒนาการของตัวละครของท่านจริงๆ ยิ่งตัวละครในสภานักเรียนนี่ยิ่งโคตรขลังเลยเจ้าค่ะ
    ..........................
    สุดท้ายนี้ ตอนที่8 เน้นนะคะ ตอนที่8
    อยากให้ใครเด่นเป็นพิเศษ เม้นบอกเลยนะคะ เพราะเรายังไม่ได้วางโครง
    ส่วน7นี่จะจบตอนละ55
    ตอนที่7ลงวันพุธนี้นะคะ ส่วนตอน8 ไม่แน่อาจจะพุธหน้านู่นเลย
    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ heart gifมีอะไรก็เม้นคุยกันได้ อย่าลืมกดให้กำลังใจด้วยนาจา!ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ heart gif
    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ thank you gif
    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×