ตอนที่ 3 : เหนือปลายเมฆ ☆ II
เหนือปลายเมฆ ☆ II
ในค่ำคืนนี้ผมเห็นปรอยฝนในดวงตาของคุณ
[มันหวาน Part]
หมอปลายเมฆมีพลังบางอย่าง..มันหวานคิดว่าอย่างนั้น ที่ผ่านๆ มาไม่ว่าใครมองหน้า จับแก้ม มันหวานไม่เคยเขินเลยสักนิด แต่หมอปลายเมฆกลับทำให้มันเกิดขึ้นได้
เกิดขึ้นแบบฉับพลัน เกิดขึ้นแบบกะทันหัน
มันหวานรู้สึกว่าตอนนั้นตรงต้นพริก หน้าของเขามันร้อนจนแทบไหม้ เขาบอกกับคนโตกว่าว่าให้เอาใบหน้าถอยห่างออกไป ซึ่งโชคดีที่คุณหมอยอมทำตามคำขออย่างว่าง่าย
เด็กมอหกทิ้งหน้าที่ในการเก็บพริกให้คนเป็นหมอจัดการต่อ ส่วนตัวเองนั้นวิ่งขึ้นบ้านเพราะต้องการเอาน้ำมาดับความร้อนจากใบหน้ามากกว่าความแสบในดวงตา
แล้วมื้อเย็นของวันนี้มันหวานก็ไม่กล้าชวนหมอปลายคุยด้วยซ้ำเพราะเหตุการณ์ที่ต้นพริกมันตีรวนขึ้นมาในสมอง แต่เหมือนหมอปลายเมฆจะไม่มีอาการอะไรแบบมันหวานเลยสักนิด ผู้ชายตัวสูงคนนั้นทำเพียงกินข้าวเงียบๆ เหลือบมองกันเป็นครั้งคราวแต่ก็ไร้ซึ่งบทสนทนาใด
หนึ่งทุ่มครึ่งทั้งเขาทั้งคู่แยกย้ายกันห้องใครห้องมัน หมอปลายขอตัวไปพักผ่อนในห้อง ส่วนมันหวานนั่งรอละครอยู่ที่โซฟาตัวเดิม วันนี้มีฉากหวานซึ้งของพระเอกนางเอก และมันทำให้มันหวานหวนนึกถึงหน้าหมอตัวสูงอีกครั้ง เขาสะบัดหัวไล่ความคิดพวกนั้นออกไปและพยายามจดจ่ออยู่กับละครตรงหน้า
แต่แปลกอีกแล้วมันหวานไม่มีสมาธิกับมันเลยสักนิด
หลังจากละครที่วันนี้แทบไม่มีสมาธิดูจบลงมันหวานจึงได้พาตัวเองกลับห้องนอน เขามองประตูห้องข้างๆที่ปิดสนิทและไร้เสียงใดๆ เล็ดลอดออกมา
เมื่อวานยังพอได้บอกฝันดีกับคนที่มาอาศัยอย่างกะทันหัน แต่วันนี้ความกล้าไม่มีเหมือนเมื่อวานแล้ว
วันนี้ฝนยังคงตกและพ่อยังคงไม่กลับบ้าน มันหวานคิดว่าพ่อน่าจะค้างที่บ้านลุงชลเหมือนอย่างเคย ตอนนี้เวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว อยู่ดีๆมันหวานก็เป็นห่วงคนข้างห้อง ชั่งใจว่าจะไปดูดีไหมเผื่อหมอปลายเมฆไม่คุ้นชินกับฝนของบ้านนอกแบบนี้
มันหวานตัดสินใจออกจากห้องตัวเอง เคาะเบาๆที่ประตูห้องนอนหมอปลายเมฆ แต่เกือบนาทีเลยที่ไม่มีการตอบรับ เขาชั่งใจคิดว่าอีกฝ่ายอาจจะหลับ แต่ก็กลัวคุณหมอจะหนาว เพราะมันหวานไม่รู้ว่าหมอปลายนอนเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ไหม
“หมอปลายจ๋า”
มันหวานพยายามเรียก เสียงเล็กๆกำลังแข่งกับเสียงของสายฝน ฟ้าผ่าข้างนอกไม่ได้ทำให้กลัวแต่ยิ่งทำให้มันหวานเป็นห่วงคนข้างใน มือเล็กจับที่ลูกบิดประตูอย่างชั่งใจอีกครั้ง
เพล้ง!
“หมอปลาย!”
และเสียงของบางอย่างตกแตก
ไวกว่าความคิด มันหวานรีบเปิดประตูเข้าไปอย่างลืมไปหมดซึ่งเรื่องมารยาท
และตรงนั้นมีผู้ชายตัวโตที่กำลังนั่งกอดเข่าตัวเองอยู่ข้างเตียง
หัวใจของมันหวานเกิดการกระตุกหนึ่งห้วงจังหวะ
“หมอปลาย..”
เขาขยับเข้าไปใกล้ มองคนตรงหน้าที่ดวงตาแดงก่ำ มองหมอปลายที่กำลังกัดริมฝีปากตัวเองแน่นเหมือนกำลังอดทนต่ออะไรสักอย่าง
“มันหวาน..”
มันหวานไม่ชอบน้ำเสียงแบบนี้เอาเสียเลย สู้ฟังเสียงนิ่งๆแสนเย็นชายังดีกว่าเสียอีก
เพราะเสียงที่หมอปลายเอ่ยมันช่างสั่นพร่า มันฟังดูเจ็บปวด
และมันหวานไม่รู้ว่ามันเป็นความเจ็บปวดประเภทไหนกัน ที่ทำให้คนตัวโตๆอย่างหมอปลายเมฆ ดูตัวเล็กลงได้แบบนี้
มันหวานตั้งสติก่อนจะคว้าผ้าห่มบนเตียงรีบห่อกายคนตัวโตกว่าไว้ไม่ให้ความหนาวเล่นงาน แต่หมอปลายเมฆกลับปัดมันออกและถาโถมตัวกอดมันหวานไว้แน่น
แน่น..จนมันหวานหายใจแทบไม่ออก
“มันหวาน..”
เป็นอ้อมก่อนที่รัดแน่น แต่ทว่าเย็นเยียบจนน่าใจหาย
“หมอปลาย เป็นอะไร..”
คุณหมอกระชับกอดแน่นขึ้น ใบหน้าคมนั้นกำลังฝังไว้ที่ลาดไหล่ของคนเด็กกว่า หมอปลายเมฆกับร่างกายที่กำลังสั่นเทา
มันหวานรู้ว่านี่ไม่ใช่เพราะความหนาว แต่อีกฝ่ายนั้นกำลังต่อสู้กับอะไรสักอย่างภายใต้จิตใจของตนเอง
“อย่าทิ้งฉันไปนะ” น้ำเสียงของหมอปลายเมฆช่างดูน่าสงสารเหลือเกินในห้วงนาทีนี้
“หมอปลาย เกิดอะไรขึ้น” ฝ่ามือเล็กลูบหลังคุณหมออย่างแผ่วเบา เอ่ยถามชิดใบหู แต่คุณหมอกลับเงียบไปหลายนาทีจนมันหวานใจไม่ดี
“อยู่ด้วยกัน อย่าไปไหน”
“หมอ...”
“อยู่กับพี่นะม่านฝน”
“...”
ชื่อบุคคลที่สามที่ถูกเอ่ยมานั้นทำให้มือของมันหวานที่กำลังลูบแผ่นหลังอีกฝ่ายชะงัก
ใครคือม่านฝน? หมอปลายกำลังพูดถึงใครบางคนและมันหวานไม่รู้จัก
แย่ไปกว่านั้นคือหมอปลายกำลังมองว่ามันหวานคือใครคนนั้น
หรอกหรือ?
“หมอปลาย หมอตั้งสตินะ นี่มันหวานเอง”
เจ้าของชื่อค่อยๆดันอ้อมกอดออก ดวงตาคู่คมนั้นสะท้อนไปด้วยความเจ็บปวดและมันแดงก่ำจนน่าสงสาร เหมือนกับเจ้าของดวงตาคู่นี้พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่ปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ออกมา
“มันหวาน..”
“ใช่ มันหวานนะ มันหวานเอง”
มันหวานเอ่ยย้ำเพราะไม่อยากให้หมอปลายเข้าใจผิด คนตัวสูงค่อยๆลดมือลงจากท่อนแขนเล็ก หมอปลายเบือนหน้าหนีก่อนจะพึมพรำออกมา
“ขอโทษ”
“...”
“ฉันไม่เป็นอะไร เธอกลับไปเถอะ”
มันหวานไม่เชื่อในคำพูดนั้นเพราะยังเห็นว่าปากหมอปลายเมฆสั่น นาทีนี้มันหวานไม่กลัวว่าจะโดนดุหรือไม่ เขารีบคว้าผ้าห่มที่ถูกสลัดออกมาห่มกายให้คนตัวโตกว่าอีกครั้ง หมอปลายเมฆหันหน้ามาหากัน แววตานั้นที่แดงก่ำกำลังแปรเปลี่ยนให้คลื่นในแววตานั้นสงบลง
แต่มันหวานกลับเห็นว่าในแววตาคู่นี้กำลังจะมีปรอยฝนมาทดแทน
“ไม่เป็นไรนะจ๊ะ ไม่เป็นไร.. หมอปลายเก่งแล้ว”
มันหวานลูบท่อนแขนของคนตัวโตเบาๆ พูดอย่างที่พ่อเคยพูดยามที่มันหวานกำลังหวาดกลัว ปกติพ่อจะกอดมันหวานเอาไว้ แต่มันหวานไม่กล้ากอดหมอปลายก่อน ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาทั้งคู่จะเพิ่งกอดกันไป
สายฟ้าด้านนอกแลบมาให้ผวา หมอปลายเมฆไม่ได้สะดุ้ง มันทำให้มันหวานรู้ว่าที่จริงแล้วหมอปลายไม่ได้กลัวฝน ไม่ได้กลัวฟ้าร้อง แต่อาจจะมีบางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยามที่สายฝนโปรยปราย บางเหตุการณ์ที่ทำให้หมอปลายเมฆต้องหวนนึกถึงมันอีกครั้ง
บางเหตุการณ์ที่มีคนที่ชื่อม่านฝนอยู่ในนั้น
“ฉัน..”
“ชู่วว ไม่เป็นไรนะจ๊ะ” นิ้วเรียวเล็กจรดแนบริมฝีปากของตัวเอง “ มันหวานจะอยู่ตรงนี้ ถ้าหมอปลายกำลังเหนื่อย ก็ไม่จำเป็นเลยที่ต้องพูดอะไรออกมาให้มันหวานเข้าใจ”
หมอปลายเมฆหลับตาลงเพียงวิก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นมาใหม่ คนตัวโตกว่าพยักหน้าเบาๆและพยายามยิ้มให้มันหวานสบายใจ
แต่มันหวานรู้ว่านั่นเป็นยิ้มที่ฝืดเคืองเหลือเกิน
มันหวานน่ะอยากเห็นหมอปลายยิ้ม แต่ต้องไม่ใช่ยิ้มแบบนี้
“ไปนอนเถอะฉันอยู่ได้ แค่ฝันร้าย”
“มันหวานอยู่กับหมอปลายได้นะ” เด็กอย่างเขายังคงเป็นห่วง
“ไม่รบกวนหรอก พักผ่อนเถอะ”
แต่ก็คงขัดใจคุณหมอไม่ได้เลยต้องพยักหน้าตกลง มันหวานลุกขึ้นยืนและเดินเลี่ยงแก้วที่แตก นั่นคงเป็นสาเหตุของเสียงที่มันหวานได้ยิน มันหวานมองหน้าคนตัวโตกว่าอีกครั้ง เขาทั้งคู่สบตากันท่ามกลางเสียงสายฝน ก่อนที่มันหวานจะเอ่ยประโยคที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่หัวค่ำเบาๆ แต่มันหวานคิดว่าหมอปลายคงได้ยิน
“ฝันดีนะจ๊ะหมอปลาย”
มันหวานแค่หวังว่าหมอปลายจะฝันดีได้จริงๆ สำหรับคืนนี้
รุ่งเช้าของวันเสาร์มาถึงจากเสียงปลุกของไก่ชาวบ้าน มันหวานตื่นขึ้นมาด้วยสภาพที่ว่าอยากล้มตัวนอนต่อสุดๆ เมื่อคืนมันหวานนอนไม่หลับเพราะเป็นห่วงใครอีกคนที่อยู่ข้างห้อง ต้องยอมรับว่านอกจากพ่อแล้วหมอปลายเมฆคืออีกคนที่ทำให้เขาเป็นห่วงได้แบบนี้
ชีวิตมันหวานมีคนเข้ามาไม่มากมายนัก มันหวานจึงสนิทกับพ่อมากที่สุดแม้แต่เพื่อนในโรงเรียนก็สนิทไม่เท่า
พ่อสอนไว้เสมอว่าไม่ให้เอาตัวเองไปผูกไว้กับใครมาก เพราะถ้าเมื่อไรที่เอาตัวเองไปผูกไว้กับใครมากๆ มันจะเกิดเป็นความผูกพัน และในอารมณ์ความรู้สึกแบบนี้มันเป็นอะไรที่ยากเกินกว่าที่จะตัดขาดได้
มันหวานจึงใช้ชีวิตอยู่กับพ่อและคิดมากเสมอกับการที่จะให้ความไว้วางใจต่อใครสักคน แต่กับหมอปลายเมฆ...มันแปลกไป มันต่างจากคนอื่น
มันหวานรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้มีอะไรมากมายหลายอย่างที่ทำให้มันหวานอยากรู้จัก
มันหวานเคยถามพ่อก่อนที่หมอปลายเมฆจะมาที่นี่ ว่าเราไว้ใจผู้จะมาใหม่ได้มากน้อยแค่ไหนเพราะพ่อก็บอกเองว่าไม่เคยเจออีกฝ่ายมาก่อน เป็นเพียงลูกชายของเพื่อนสนิทเท่านั้น
พ่อหยุดคิดไปสักพักก่อนจะยิ้มออกมา พ่อบอกว่าลูกไม้จะหล่นไม่ไกลต้น ลุงสีครามพ่อหมอปลายเมฆเป็นคนที่จิตใจดีที่สุดในบรรดาเพื่อนของพ่อ พ่อจะเชื่อใจหมอปลายเมฆและไว้ใจหมอปลายเมฆเหมือนที่ไว้ใจลุงสีคราม
ตอนนั้นมันหวานก็ยังไม่เข้าใจว่าพ่อเชื่อใจคนที่ชื่อปลายเมฆได้ยังไงทั้งที่ยังไม่เคยเจอ แต่พอเมื่อถึงวันที่ได้เจอกับคุณหมอตัวสูง แค่เพียงไม่กี่ประโยคที่ได้คุยกัน เวลาสามวันรวมวันนี้ที่ได้อยู่ร่วมกันมันทำให้มันหวานเข้าใจ
มันหวานรู้ว่าสึกปลอดภัยแม้ต้องอยู่ด้วยกันตามลำพังกับคนที่เพิ่งรู้จัก
มันหวานไว้ใจดวงตาแสนแห้งผาก และการแสดงออกเล็กน้อยของหมอปลายเมฆ
เรื่องเมื่อคืนมันหวานไม่รู้ว่าหมอปลายมีอะไรแบกไว้ในใจแต่อย่างน้อยในระยะเวลาที่หมอปลายอยู่ที่นี่ มันหวานคาดหวังว่ามันจะช่วยทำให้หมอปลายดีขึ้น
และมันหวานหวังว่าตัวเองจะเป็นส่วนหนึ่งในนั้น
มันหวานมองออกไปนอกหน้าต่าง รุ่งเช้าหลังฝนตกวันนี้ไม่ได้สดใสเหมือนวันก่อนๆ เช้านี้ไม่มีรุ้งกินน้ำให้ได้เห็น สีท้องฟ้านั้นก็หม่นแปลกๆ จนมองแล้วยังรู้สึกเศร้า
แล้วหมอปลายเมฆที่ต่อสู้กับความรู้สึกเจ็บปวดที่มันหวานเห็นผ่านแววตาจะเป็นยังไงนะ?
แต่เขาก็หวังว่ามันจะดีขึ้นหลังจากที่เขาส่งคำว่าฝันดีให้อีกฝ่ายไป
คิดอะไรเรื่อยเปื่อยถึงคนข้างห้องไปสักพักมันหวานถึงพาตัวเองลงมาข้างล่าง เสียงกุกกักตรงครัวนั้นและแผ่นหลังที่คุ้นตาทำให้มันหวานรู้ว่าพ่อตัวเองกลับบ้านมาแล้ว
“พ่อจ๋า”
“ตื่นแล้วหรอ”
คนตัวเล็กเดินเข้าไปสวมกอดพ่อ อ้อมกอดของพ่ออุ่นเสมอถึงตอนนี้จะอากาศเย็นมากๆก็ตาม
“จ้ะ หิวไหมหนูทำกับข้าวให้นะ”
“ไม่ต้องทำเผื่อพ่อ เดี๋ยวไปกินบ้านลุงชลเลย ทำเผื่อหมอเขาเถอะ” พ่อของเขาน่ะอยู่ไม่ค่อยติดบ้านจริงๆนั่นแหละ
“ได้จ้าๆ ดูแลตัวเองหน่อยนะ กำนันหมู่บ้านนี้ทำงานหนักเกินไปแล้ว”
พ่อกำนันหัวเราะเบาๆกับประโยคนั้น ยีผมมันหวานจนฟูฟ่องไปหมดก่อนจะจุ๊บหน้าผากของมันหวานไปเต็มคำ
พ่อเป็นคนตัวใหญ่ เสียงใหญ่ แต่อบอุ่นที่สุดในโลก มันหวานไม่เคยรู้สึกขาดเลยที่ไม่มีแม่ พ่อของมันหวานเป็นให้แล้วทุกอย่าง พ่อมักจะเล่าเรื่องแม่ให้ฟังเสมอว่าแม่สวยแค่ไหน แสนดีมากเพียงใดถึงทำให้พ่อตกหลุมรักและให้กำเนิดมันหวานมา
มันหวานไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว ขอเพียงแค่มีพ่ออยู่ในชีวิตก็ถือว่าชีวิตที่เกิดมาสมบูรณ์แบบ มันหวานเคยบอกพ่อว่าไม่ต้องการความรักจากคนอื่น แต่พ่อกลับบอกว่ามันหวานต้องเจอความรักอีกหลายรูปแบบ
บางรักที่ต่างจากพ่อแต่ก็คล้ายคลึง มันหวานไม่เข้าใจนักแต่พ่อบอกไว้ว่าเมื่อถึงเวลาจะเข้าใจมันเอง
เขาก็หวังว่าความรักที่พ่อบอกว่าสักวันจะได้เจอ มันจะใจดีเหมือนความรักจากพ่อ
มันหวานยืนส่งพ่อหน้าบ้านหลังจากลุงชลเอามอ'ไซต์มารับ หลังจากนั้นก็ได้เวลาเตรียมมื้อเช้าให้หมอปลายเมฆ ใช้เวลาทำอาหารเร็วที่สุดเพราะกลัวว่าคุณหมอจะหิว พอเสร็จก็ขึ้นไปชั้นสองเตรียมจะไปปลุกคนบนห้อง
แต่ห้องหมอปลายเมฆกลับว่างเปล่า...
ไม่มีคนอยู่ในห้องแต่ที่นอนกลับถูกเก็บอย่างดี มันหวานรู้สึกทำอะไรไม่ถูก ความเป็นห่วงมันตีตื้นขึ้นมาจนรู้สึกกระวนกระวาย เขาวิ่งวนในบ้านมือก็กำโทรศัพท์ของตัวเองไว้แน่น อยากโทรไปหาแต่กลับไม่มีเบอร์คุณหมอเลย
“ใช่สิ พ่อ”
มันหวานรีบต่อสายหาพ่อทันที แต่เสียงของโทรศัพท์ที่คุ้นหูบ่งบอกว่าพ่อลืมเอาโทรศัพท์ไป มันหวานจึงใช้มือถือพ่อค้นหาเบอร์หมอปลายแต่กลับไม่พบ พ่อคงจะลืมบันทึกไว้เหมือนเคย และมันหวานคงไม่มีเวลามาสุ่มเดาจากประวัติการโทรแน่นอน มันหวานวิ่งวุ่นอยู่ในบ้าน กังวลจนต้องเอาเล็บมือมากัด เรื่องเมื่อคืนมันไม่ได้ดีกับหมอปลายเมฆนัก
หมอปลายกำลังทำให้มันหวานเป็นห่วง..
มันหวานตัดสินใจจะออกตามหา รีบก้าวลงจากบันไดบ้านคว้าจักรยานคู่ใจและรีบปั่นมันออกไปทันที ถามคนที่ผ่านไปมาว่าเห็นคุณหมอหน้าหล่อๆบ้างไหม แต่ชาวบ้านกลับส่ายหน้าเป็นคำตอบ
มันหวานปั่นจักรยานจนสุดหมู่บ้านแล้วแต่กลับไม่พบ แต่สิ่งที่พบคือรถของหมอปลายเมฆที่เคยจอดหน้าหมู่บ้านหายไป
มันหวานรู้ว่ารถคุณหมอคันใหญ่จะเอาเข้ามาจอดที่บ้านเราไม่ได้ แต่ตอนนี้มันหายไปแล้ว และร่องรอยของล้อรถยนต์บ่งบอกเส้นทางว่าหมอปลายเข้าไปในเมือง
หรือว่าคุณหมอจะกลับไปแล้ว?
“มันหวาน?”
!!
เสียงเรียกนั่นทำให้มันหวานรีบหันกลับไปทันที และตรงนั้นมีผู้ชายตัวสูงที่ทำให้มันหวานกระวนกระวายใจในหลายนาทีที่ผ่านมา
“หมอปลาย! หายไปไหนมา”
มันหวานรีบวิ่งไปหาอีกฝ่าย ผู้ชายตัวสูงมีสีหน้างงงวยแต่มันหวานไม่สนใจ เงยหน้ามองคุณหมอจนปวดคอ ส่งสายตาขุ่นเคืองสุดๆ
เป็นใครกันมาทำให้มันหวานเป็นห่วงจนอยากร้องไห้แบบนี้
นี่เขาจะแกล้งกันหรือยังไง
“เฮ้ ทำไมทำหน้าเหมือนโกรธกันขนาดนั้น?” คนตัวโตกว่าขมวดคิ้วถาม
“จะไปไหนทำไมไม่บอก!”
“นี่เธอขึ้นเสียงกับฉันหรอ? ฉันแก่กว่าเธอสิบกว่าปีนะมันหวาน”
เสียงดุๆของหมอปลายเมฆทำให้มันหวานรู้สึกผิดที่ขึ้นเสียง เขาผ่อนลมหายใจพยายามทำให้ตัวเองใจเย็นที่สุด
“ขอโทษนะจ๊ะ” คนตัวเล็กก้มหน้าลงอย่างเด็กมีความผิดก่อนจะได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆจากอีกฝ่าย
“ฉันไปในเมืองมา ซื้อของนิดหน่อย” หมอปลายเมฆเริ่มอธิบาย
“แล้วรถหมออยู่ไหน?”
“ยางแตกเลยฝากอู่ซ่อมในเมืองแล้วก็อาศัยรถชาวบ้านมาลงที่นี่”
หมอปลายว่าอย่างนั้นจึงทำให้มันหวานเข้าใจอะไรมากขึ้น หมอปลายไม่ได้อยากจะหนีไปไหน
หมอปลายไม่ได้ตั้งใจทำให้มันหวานเป็นห่วงหรอก..
แล้วทำไมมันหวานจะต้องเป็นห่วงผู้อาศัยชั่วคราวตั้งขนาดนี้ด้วย
เพราะความเป็นเจ้าบ้านที่ดีหรอ?
“หมอปลายจะกลับบ้านมันหวานไหม”
ก็คงจะใช่ ความเป็นห่วงนั่นเป็นสิ่งที่มันหวานควรจะทำน่ะถูกต้องแล้ว
“กลับสิ ไม่กลับจะให้ฉันไปอยู่ไหน เบ๊อะจริงๆ”
ประโยคย้อนๆนั่นไม่คุ้นชินเลยสักนิด แถมเหม่งมันหวานยังโดนข้อนิ้วของคนแก่กว่าเคาะลงมาอีกต่างหาก
แล้วก็แปลกอีกแล้ว ที่การกระทำนั้นทำให้มันหวานยิ้มออกมา
“แล้วก็นี่ ซื้อมาให้”
“หือ?” มันหวานมองสิ่งที่อยู่ในมือใหญ่ของคนอีกฝ่าย มันคือถุงหนังยางรัดผมหลากสี
“ใช้ยางรัดแกงมันกินผม” หมอปลายอธิบายแค่นั้นก่อนจะยัดมันใส่มือให้ มันหวานอยากจะบอกหมอปลายว่าที่บ้านน่ะมีถมถืด
แต่ไม่เป็นไรมันหวานจะรับไว้กลัวคุณหมอเสียน้ำใจ
“ขอบคุณนะจ๊ะ มันหวานจะใช้อย่างดีเลย” คนตัวเล็กยิ้มส่วนคุณหมอพยักหน้าเบาๆเหมือนอย่างเคย
หลังจากนั้นเขาทั้งคู่ก็พากันกลับบ้าน มันหวานปั่นจักรยานช้าๆเพราะมีคุณหมอเดินข้างๆ จักรยานมันหวานไม่มีที่ซ้อนก็เลยพาคุณหมอขึ้นมานั่งด้วยไม่ได้
ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็ถึงบ้าน มันหวานเห็นในถุงของคุณหมอมีของใช้ส่วนตัว รวมถึงขนมและผลไม้อีกด้วย คนตัวสูงนั่นเอาผลไม้บางอย่างไปแช่ตู้เย็น ก่อนจะหันมาบอกว่าให้มันหวานหยิบกินได้เลยตามสบาย
หมอปลายเมฆนี่ใจดีจริงๆ เลยเนอะ
เรื่องที่มันหวานหัวร้อนไปเมื่อครู่ถือว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นก็แล้วกัน
“รอกินข้าวหรอ”
คุณหมอเพยิดหน้าไปทางกับข้าวที่ตั้งไว้บนโต๊ะโดยมีฝาชีครอบไว้ มันหวานพยักหน้ารีบตอบทันที ก่อนที่คุณหมอจะเลื่อนเก้าอี้ออก และนั่งลงไปหลังจากนั้นจึงกินข้าวที่เตรียมไว้ให้ไม่พูดไม่จา
มันหวานก็เกรงใจเกินกว่าจะรบกวนและสอบถามเรื่องเมื่อคืนว่าโอเคขึ้นแล้วหรือยัง จึงทำได้เพียงนั่งเงียบๆ กินข้าวด้วยกันไปแบบนั้นจนหมด
แต่ใจก็หวังว่าหมอปลายเมฆจะดีขึ้นบ้างน่ะนะ
เวลาเกือบย่ำเย็นกับใครบางคนที่ชื่อปลายเมฆกำลังเศร้ากับอะไรบางอย่าง และมันหวานคิดว่าน่าจะเศร้ามากๆ เลยด้วย
มันหวานเห็นคุณหมอเอาแต่นั่งมองโทรศัพท์ของตัวเอง มองอยู่แบบนั้นมาหลายนาทีแต่ก็ไม่แตะมันเลยสักนิด
คุณหมอนั่งอยู่ใต้ถุนบ้าน นิ้วมือข้างขวาคีบบุหรี่มวนสีขาว น่าจะยี่ห้อเดียวกับที่พ่อสูบ มันหวานไม่ได้แพ้ควันบุหรี่หรอกนะ แต่หมอปลายเมฆเป็นหมอน่าจะรู้ว่ามันไม่ดีแต่ทำไมยังจะสูบอีกล่ะ
เรื่องในใจมันหนักหนามากมายเลยหรือไง
“น้ำดื่มเย็นๆจ้ะหมอปลาย”
อีกฝ่ายสะดุ้งเบาๆเมื่อมันหวานมาอย่างเงียบเชียบ มือเล็กวางขันเงินที่น้ำเปล่าลอยดอกมะลิหอมๆไว้ มันหวานแค่หวังว่ามันจะช่วยให้หมอปลายอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง
“ขอบใจนะ แต่เธอไปอยู่ไกลๆ ดีกว่า สูดดมควันบุหรี่มันไม่ดี”
“หมอรู้ว่ามันไม่ดีแต่หมอก็สูบนี่จ๊ะ”
หมอปลายเมฆชะงักเมื่อมันหวานพูดจบ ก่อนที่คนตัวสูงจะทิ้งมันลงและขยี้ด้วยปลายรองเท้า มันหวานมองอีกฝ่ายที่ยกขันน้ำขึ้นมาดื่มแล้วเงียบไปสักพักก่อนจะเปิดปากพูด
“เธอพูดเหมือนเขา”
“เขา?” มันหวานถามอย่างไม่เข้าใจ
“คนที่ฉันรัก”
“...”
“และหลังจากประโยคนั้นที่เขาพูด ฉันก็เลิกสูบมันทันที”
มันหวานฟังน้ำเสียงที่คล้ายจะมีความสุขของหมอปลายเมฆแต่ในแววตากลับตรงกันข้าม
แววตาของหมอปลายสะท้อนถึงความเสียใจ
เรื่องความรักหรอกหรือที่มันกำลังทำร้ายผู้ชายคนนี้
“เขาแพ้บุหรี่”
“...”
มันหวานเงียบเพื่อฟังสิ่งที่คุณหมอต้องการจะระบาย ทำเพียงแค่รับฟังเพราะอย่างน้อยหมอปลายเมฆจะได้รู้สึกไม่โดดเดี่ยว
อย่างน้อยก็ยังรู้ว่ามีมันหวานอยู่ตรงนี้
ถึงแม้ว่าเมื่อคืนจะมองว่ามันหวานเป็นคนอื่นก็ตาม
ชื่ออะไรนะ? ม่านฝนใช่หรือเปล่า
“ฉันยอมหักดิบเพื่อเลิกมันทันที ทรมานแทบลงแดง แต่เพื่อเขาฉันก็ทำให้”
“...”
“แต่ตอนนี้เราเลิกกันแล้ว วันนี้ฉันเลยกลับมาสูบมันอีก”
“...”
“แปลกดีเหมือนกัน คนที่ทำให้เราหันมารักตัวเอง กลับเป็นคนเดียวกันที่ทำให้เรากลับมาทำร้ายตัวเองอีกครั้ง”
“ไม่ใช่หรอกหมอปลาย” มันหวานที่เงียบมานานเอ่ยแย้ง
หมอปลายเมฆหันหน้ามามองกันทันทีหลังจากจบประโยคนั้น สีหน้าของคนตัวสูงมีความไม่เข้าใจ มันหวานยิ้มก่อนจะมองตรงไปยังข้างหน้า และค่อยๆพูดมันออกมา
“ถูกที่เขาทำให้หมอกลับมารักตัวเองได้”
“...”
“แต่ผิดที่หมอบอกว่าเขาทำให้หมอกลับมาทำร้ายตัวเอง”
“เธอจะรู้อะไร เธอยังเด็ก”
น้ำเสียงนั้นมีความขุ่นเคือง หมอปลายเมฆอาจจะไม่ชอบที่ถูกก้าวก่าย แต่มันหวานไม่อยากให้หมอปลายโยนความผิดให้ใครคนนั้น
“มันหวานโตแล้วและบุหรี่นั่นพ่อเคยให้มันหวานลอง” เขาว่าตามความจริง
“แล้วเป็นยังไง”
“รสชาติห่วยแตกเป็นบ้า”
มันหวานยังจำความทรมานตอนสำลักควันบุหรี่ได้อย่างดี ไม่เข้าใจว่าพ่อสูบไปได้ยังไง มันหวานอยากรู้ก็เลยขอพ่อลองและพ่อไม่ห้าม พอได้ลองก็รู้สึกเหมือนจะตายให้ได้ จำได้ว่าสำลักจนแทบอ้วกหลังจากนั้นเขาก็ไม่คิดจะแตะมันอีกเลย
“หลังจากนั้นมันทำให้มันหวานรู้ว่าถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องสูบ ไม่มีใครมาบังคับเราได้”
“...”
“หมอปลายก็เหมือนกัน ถามตัวเองดีๆที่กลับมาสูบอีกเพราะเขาบอกให้สูบ”
“...”
“หรือหมอปลายเลือกจะทำร้ายตัวหมอปลายเอง”
จบประโยคนั้นก็มีแต่ความเงียบล้อมรอบตัวของเขาทั้งคู่ คุณหมอกำลังมองออกไปยังข้างหน้ากับสีของท้องฟ้าที่หม่นลงมากกว่าเดิม คืนนี้ฝนคงจะตก และมันหวานไม่แน่ใจว่าหมอปลายจะผ่านคืนนี้ไปได้ไหม
“อย่ามีความรักเลยนะมันหวาน” คนตัวสูงพูดแผ่วเบา
ส่วนมันหวานกำลังรับฟัง
รับฟังอย่างตั้งใจ
“บางทีการที่เธอเป็นเธอแบบนี้ เป็นเจ้าของความรู้สึกตัวเองแบบนี้มันคงจะดีกว่า”
“...”
“ไม่ต้องทนเจ็บปวด”
หมอปลายหันมาสบตากัน และตอนนี้ดวงตานั้นไม่ได้ว่างเปล่า มันเหมือนกับเมื่อคืน แววตาแห้งผากนั้นกำลังมีสายฝนโปรยปรายอยู่ข้างใน
เป็นฝนที่หลงฤดู เพราะมันหวานคิดว่าฝนพวกนั้นไม่ควรจะปรากฏอยู่ในดวงตาแสนมีเสน่ห์ของคนตรงหน้าเลย
“ขอบคุณสำหรับความหวังดีนะจ๊ะหมอปลาย” มันหวานยิ้มให้กับอีกคน ยิ้มให้กับความหวังดีที่มอบให้
“...”
“แต่ถ้าสักวันมันหวานต้องเจอกับมัน กับความรักที่หมอปลายว่า”
“...”
“มันหวานขอเลือกเองว่าจะวิ่งหนี หรือเผชิญกับมัน”
แววตาของเขาทั้งคู่กำลังสะท้อนภาพกันและกัน มันหวานเห็นว่าแววตาที่เต็มไปด้วยปรอยฝนของหมอปลายเมฆกำลังสั่นไหว และมันทำให้มันหวานรู้ว่าผู้ชายตัวโตคนนี้กำลังอยู่ในภาวะที่ฝืนเพื่อที่จะเข้มแข็ง
ภาวะที่พยายามจะหยุดฝนในดวงตาของตัวเอง
“แต่ถ้าเธอต้องเจ็บปวดเพราะมันล่ะ” คำถามนั้นทำให้มันหวานหัวเราะออกมาเบาๆ เจ็บปวดงั้นหรอ? ไม่รู้สิก็มันหวานไม่รู้จักความรักในแบบที่หมอปลายเมฆกำลังเผชิญ
เลยสักนิด
“แล้วถ้าวันนั้นมันหวานเจ็บ”
“...”
“หมอปลายจะอยู่ข้างๆ มันหวานเหมือนในวันนี้ที่มันหวานอยู่ข้างๆ หมอปลายไหม?”
มันหวานมองลึกเข้าไปยังแววตาของอีกฝ่าย แววตาเหมือนคนเจ็บหนักจากการแบกความรู้สึกที่เรียกว่าอาการอกหัก
อาการสูญเสียความรัก
แววตาของหมอปลายเมฆตอนนี้กำลังทำให้มันหวานไม่ชอบใจ มันหวานไม่อยากเห็นแววตาของความเศร้าหมอง
แววตาที่เต็มไปด้วยปรอยฝนที่มันหวานไม่รู้ว่าหมอปลายเมฆจะเก่งในวันไหนที่จะทำให้ปรอยฝนพวกนี้เหือดแห้งไปเสียที
เพราะมันหวานกำลังรู้สึก...
...ว่าเขาอยากเปลี่ยนฤดูในแววตาของหมอปลายเมฆเหลือเกิน
#มันหวานปลายเมฆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

มันเจ็บปวดมากเลยใช่ไหมหมอ ความรักครั้งเก่าก่อนนั้น ผ่านมันไปให้ได้น้าาา
หมอปลายก็สู้ ๆ นะคะ
ขอให้ตัดใจได้ในเร็ววันนะ