ตอนที่ 24 : เหนือปลายเมฆ ☆ XXIII
เหนือปลายเมฆ ☆ XXIII
ถ้าหากความรักคือการเดินทาง ผมก็หวังว่าปลายทางมันจะเป็นคุณ
มันหวานแอบเช็ดน้ำตาโดยหวังจะไม่ให้ใครบางคนที่ยังคงยืนอยู่ด้านหลังได้ล่วงรู้ เขาจะไม่แสดงความอ่อนแอให้หมอปลายเมฆเห็น มันหวานย้ำกับตัวเองแบบนั้น
ไม่มีเสียงใดๆอีกจากใครอีกคน มันหวานจึงตัดสินใจเดินไปข้างหน้าและเลือกที่จะไม่หันกลับไปมองอีก ไม่รู้หรอกว่าหมอปลายเมฆจะแสดงสีหน้ายังไงหรือคิดอะไรอยู่ในตอนนี้ แต่สิ่งที่มันหวานรู้คืออย่าหันกลับไป อย่าให้เขาได้ล่วงรู้ว่าความอ่อนแอของตัวเองกำลังจะพังทลายลงมาอย่างง่ายดายเพียงแค่ประโยคพวกนั้น
มือบางผลักประตูใสเข้าไปในร้านก่อนจะปั้นรอยยิ้มบนใบหน้าและเดินไปยังโต๊ะอาหารของตัวเองโดยที่พ่อและแฟนหนุ่มของเขายังคงคุยกันอยู่เหมือนเดิม
“คุยอะไรกันจ๊ะ น่าสนุกเชียว” เอ่ยถามหลังจากเลื่อนเก้าอี้และนั่งลงเรียบร้อย มันหวานกวาดสายตามองพ่อสลับกับแฟนของตัวเองก่อนจะเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อทั้งพ่อและเตวิณต่างยิ้มให้เขาแบบไม่มีสาเหตุ “มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”
“เปล่าหรอก ก็แค่พ่อขอให้เตวิณเล่าเรื่องลูกให้ฟัง” พ่อเอ่ยตอบ
“เตวิณไม่ได้เผาอะไรเราใช่ไหมเนี่ย” คนตัวเล็กหันไปถามแฟนของตัวเองที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างไม่น่าไว้ใจ
“เปล่าสักหน่อย พ่อมันหวานก็แค่อยากรู้เรื่องที่มหา’ลัย”
“จริงนะ”
“จริงครับ”
“งั้นก็แล้วไป” มันหวานยิ้มก่อนจะย่นจมูกใส่แฟนตัวเองไปหนึ่งทีถ้วน เขาได้ยินพ่อหัวเราะเบาๆตอนที่เตวิณยีผมกันจนฟูฟ่องไปหมด
“คืนนี้ลุงคงต้องขอตัวลูกลุงไปนอนด้วยสักคืนสองคืนนะเตวิณ” พ่อพูดขึ้น
“ได้สิครับ”
“เตวิณอยู่ได้ไหม” มันหวานเอ่ยถาม ไม่แน่ใจว่าร่างสูงข้างกายจะน้อยใจไหม เพราะตลอดเกือบสามเดือนที่ผ่านมาเข้าทั้งคู่ตัวติดกันตลอด
“อยู่ได้สิ ก่อนจะมีมันหวานติณก็อยู่คนเดียวมาตลอด”
ประโยคนั้นของเตวิณคล้ายจะเป็นประโยคธรรมดาที่ไม่มีอะไรเจือปน แต่สำหรับมันหวาน เขารู้สึกเหมือนมันเป็นสัญญาณเตือนของอะไรสักอย่างอีกแล้ว
เตวิณแปลกไป นั่นคือสิ่งที่มันหวานรู้สึกได้
“ถ้างั้นเราจะโทรหานะ”
“ครับ”
หลังจากนั้นพวกเขาก็ทานอาหารกันต่อโดยบทสนทนาของพ่อและเตวิณเปลี่ยนเป็นเรื่องฟุตบอลที่มันหวานเข้าไปมีส่วนร่วมไม่ได้
มันหวานเหลือบสายตาไปยังเก้าอี้ว่างที่อยู่ข้างๆพ่อของตัวเอง เก้าอี้ตัวนั้นที่เคยมีคนตัวโตๆนั่งอยู่ ตอนนี้มันว่างเปล่า เหลือทิ้งไว้เพียงจานข้าวที่พร่องไปยังไม่ถึงครึ่ง
ไหนบอกว่ามื้อนี้เป็นมื้อที่อร่อยที่สุดไง แล้วทำไมไม่อยู่กินให้มันหมดกันนะ
แต่แล้วทำไมเขาต้องสนใจขนาดนั้นด้วย
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นมื้อเย็นของพวกเขาสามคนก็หมดเกลี้ยง มันหวานและเตวิณลุกขึ้นยืนหลังจากมื้อนี้พ่อเป็นคนจ่ายเองทั้งหมด พวกเขาพากันออกมาจากนอกร้านและคงต้องแยกกับเตวิณตรงนี้
“ขับรถดีๆนะเตวิณ” มันหวานบอกแฟนหนุ่มที่กำลังสวมหมวกกันน็อคอยู่
“ครับ ไม่ต้องห่วงนะ ผมไปก่อนนะครับคุณลุง” ประโยคหลังหันไปบอกกับพ่อของเขาพลางยกมือไหว้
“ไว้เจอกันพ่อหนุ่ม” พ่อบอกแบบนั้นก่อนจะตบไหล่เตวิณปุๆแล้วปล่อยให้คนตัวสูงขึ้นคร่อมมอ’ไซต์คันโต
มันหวานโบกมือบ๊ายบายพลางส่งยิ้มให้ และทำมือเป็นรูปโทรศัพท์ย้ำว่าเดี๋ยวเขาจะโทรหาก่อนที่เตวิณจะพยักหน้าและขับรถออกไป มันหวานกับพ่อถึงได้เรียกแท็กซี่เพื่อกลับไปยังโรงแรม
พ่อจองห้องพักไว้แค่ห้องเดียวแต่เป็นเตียงเดี่ยวสองเตียง ดูเหมือนพ่อจะมาพักแค่สองสามวันไม่ได้อยู่ยาวเป็นอาทิตย์แบบที่มันหวานคิด แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เป็นไรหรอกเพราะมันหวานตั้งใจจะกลับบ้านเกิดของตัวเองอยู่แล้วในช่วงปิดเทอมนี้
“หนูไม่ได้เตรียมเสื้อผ้าของตัวเองมาเลยจ่ะพ่อ” คนตัวเล็กเอ่ยบอกเมื่อถึงเวลาอาบน้ำแล้วแต่เพิ่งนึกได้ว่าไม่ได้เตรียมอะไรมาเลยก็พ่อเล่นมากะทันหันแบบนี้
“พ่อเอาเสื้อผ้าลูกมาเผื่อแล้วสองสามชุด” พ่อบอกก่อนจะส่งเสื้อผ้าที่มันหวานคุ้นตาดีมาให้
มันหวานจึงรับของพวกนั้นแล้วเข้าไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายก่อนจะออกมาหลังจากนั้นประมาณสิบห้านาทีและพ่อก็เข้าไปอาบน้ำต่อ
คนตัวเล็กนั่งเช็ดผมอยู่ที่ปลายเตียงก่อนจะคว้ามือถือของตัวเองออกมาแล้วกดเข้าเบอร์ที่ได้รับปากไว้ว่าจะโทรหา รอไม่นานเสียงสัญญาณโทรศัพท์ก็เปลี่ยนเป็นเสียงทุ้มที่คุ้นหูเป็นอย่างดี
[ครับ มันหวาน]
“เตวิณทำอะไรอยู่ เราเพิ่งอาบน้ำเสร็จเลย”
[ดูบอลอยู่ครับ พ่อล่ะ]
“พ่ออาบน้ำน่ะ แล้วคืนนี้อย่านอนดึกนะรู้ไหม” มันหวานรู้ว่าเวลาเตวิณดูบอลทีไรมักจะนอนดึกทุกที
[แล้วถ้าติณแอบนอนดึก มันหวานจะรู้ได้ไง]
“เรารู้เพราะเราเก่ง”
[นึกว่าจะตอบว่า เรารู้เพราะเราเป็นแฟนเตวิณซะอีก]
“อะไรเล่า” มันหวานยู่ปากให้กับคำพูดกลั้วหัวเราะของคนปลายสาย “แค่นี้เลย เราจะวางแล้ว”
[ยังไม่หายคิดถึงเลยเนี่ย]
“ห่างกันแป๊ปเดียวเองนะ”
[ก็ตัวติดกันมาตลอด พอวันหนึ่งมันไม่เหมือนเดิมมันก็เลยไม่ชิน]
“…”
[การที่ได้มีมันหวานอยู่ข้างๆมันดีที่สุดแล้วรู้ไหมครับ]
มันหวานรู้สึกว่าน้ำเสียงของเตวิณแผ่วเบาลงในประโยคนั้น เขาไม่แน่ใจว่าเตวิณเป็นอะไร แต่ในวันนี้มันหวานรู้สึกเหมือนเตวิณกำลังส่งสัญญาณบางอย่างให้เขาได้รับรู้ล่วงหน้า
และสัญญาณบางอย่างนั้นกำลังทำให้มันหวานไม่สบายใจเลยสักนิด
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
[เปล่าหรอก]
“ติณ..”
[นอนเถอะครับ ไม่ต้องห่วงทางนี้นะ อยู่ได้]
“เดี๋ยวเราก็กลับไปแล้วนะ”
[ครับ แค่ขอให้กลับมา ฝันดีครับมันหวาน]
“ฝันดีนะ ติณ”
สายสนทนาถูกตัดลงหลังจากนั้น มันหวานวางมือถือลงข้างตัว เขาจับผ้าผืนเล็กซับเส้นผมที่ชื้นน้ำพลางคิดถึงคนที่เพิ่งได้คุยไป
มันหวานอยากรู้ว่าตอนนี้ในใจของเตวิณกำลังคิดอะไรอยู่ อะไรบางอย่างที่ทำให้ระหว่างกันไม่เหมือนเดิม ทั้งคำพูดและการกระทำบางอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้มันเหมือนเป็นการแจ้งเตือนล่วงหน้า ว่าถ้ามันหวานไม่มีคำตอบให้เตวิณได้สักที เตวิณจะเป็นฝ่ายตอบมันเอง
บางทีเตวิณอาจจะอดทนไม่เก่งอีกต่อไปแล้ว
หลังจากที่เช็ดผมจนแห้งมันหวานจึงพาตัวเองไปยังระเบียงห้องของโรงแรม ลมเย็นๆที่โชยมาหนาวเย็นมากพอจนทำให้ต้องโอบกอดตัวเองเอาไว้ ท้องฟ้าวันนี้ก็มืดสนิทเหมือนกับความรู้สึกของเขาไม่มีผิด
มืดสนิทจนแทบจะหาอะไรไม่เจอในความรู้สึกของตัวเอง
แต่มีสิ่งหนึ่งที่มันหวานรู้ คือในวันนี้การที่ได้เจอใครบางคนอีกครั้ง มันเหมือนเป็นการกดปุ่มสวิตซ์ในความรู้สึกของตัวเองอีกห้วงหนึ่ง ให้ความรู้สึกที่เคยมีมันหลั่งไหลกลับมายังที่เดิม
มันหวานเคยคิดว่าซ่อนมันไว้ได้ดีแล้วจนกระทั่งเจอใครคนนั้นที่เป็นเจ้าของความรู้สึกของตัวเองมาโดยตลอด มันบ่งบอกว่าสิ่งที่เคยซ่อนไว้ไม่เคยถูกซ่อนอย่างมิดชิด
มันคล้ายเป็นความรู้สึกที่แสดงความทรยศ ความรู้สึกที่พร้อมจะพังทลายออกมาได้ทุกเมื่อ
ทั้งที่ได้สบตากันเพียงไม่กี่นาที ทั้งที่มีบทสนทนาที่นับคำได้ แต่แค่นั้นมันก็ทำให้มันหวานพอได้รู้ ว่าเวลาไม่สามารถช่วยได้ทุกอย่าง
บางครั้งเวลาก็ไม่เคยช่วยอะไร
“มันหวาน”
“อ่ะ! จ๋าพ่อ” มันหวานสะดุ้งเมื่ออยู่ๆพ่อก็เดินมาหา คนตัวเล็กมองท่อนแขนใหญ่ๆของพ่อที่พาดไว้ตรงที่ริมระเบียงก่อนที่จะหันมามองหน้ากัน
“คิดอะไรอยู่ลูก”
มันหวานไม่ได้ตอบคำถามนั้นในทันที เขาขบคิดว่าควรจะบอกพ่อดีไหมว่าตอนนี้มีอะไรที่วิ่งวนอยู่ในความรู้สึกและความคิดของเขาบ้าง บางทีมันหวานก็ไม่อยากเอาเรื่องของตัวเองไปให้พ่อหนักใจไปด้วย เหมือนที่มันหวานไม่เคยบอกเรื่องของเตวิณเพราะกลัวว่าพ่อจะวิตกกับการที่เขามีแฟนคนแรกได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว
มันหวานไม่ได้ต้องการจะปกปิดเรื่องของเตวิณ แต่ก็ไม่พร้อมจะเล่าว่าเพราะอะไรถึงทำให้เขาและเตวิณมาคบกันได้ ทั้งที่เขาก็เคยสารภาพกับพ่อไปว่าคนที่เขาชอบคือหมอปลายเมฆ
แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่มันหวานสงสัย
“พ่อรู้จักเตวิณได้ยังไงจ๊ะ หนูจำได้ว่าไม่เคยเล่าให้พ่อฟัง”
ก็คือเรื่องนี้
“ปลายเมฆเล่าให้พ่อฟัง”
“แล้วทำไมเขาต้องเล่าให้พ่อฟังด้วยล่ะจ๊ะ” ถามออกไปทันทีที่ได้รับคำตอบ
“ลูกคิดว่ายังไงถ้าเตวิณเขารู้ว่าตัวเองไม่เคยถูกพูดถึงเลย แม้กระทั่งชื่อ พ่อของแฟนก็ยังไม่รู้”
“...”
“นั่นเป็นสาเหตุที่ปลายเมฆบอกพ่อ”
มันหวานเงียบไป เขาไม่ได้คาดคิดถึงเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ และใจตอนนี้ของเขากำลังรู้สึกผิดต่อเตวิณ มันก็ถูกอย่างที่พ่อว่า มันหวานไม่เคยพูดถึงเตวิณให้พ่อฟังเลยแม้แต่ครั้งเดียว หนำซ้ำยังโกหกว่าย้ายออกมาอยู่กับเพื่อนทั้งที่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลยสักนิด
“พ่อชอบเตวิณไหมจ๊ะ” มันหวานเอ่ยปากถาม
“เท่าที่เห็นวันนี้ ก็ถือว่าดี” พ่อยิ้มก่อนจะพูดต่อ “แล้วลูกล่ะ ชอบเขามากไหม”
มันหวานนิ่งไปก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้มันกับเตวิณ ช่วงเวลากับสิ่งหลายๆอย่างที่เตวิณทำให้
“หนูชอบเตวิณนะจ๊ะ เขาเป็นคนที่ดีคนหนึ่ง”
มันหวานไม่ได้โกหก เขากับเตวิณมีช่วงเวลาดีๆที่ใช้ร่วมกัน แม้มันจะไม่ได้นานหรือลึกซึ้งอะไรมากนัก แต่มันหวานก็รู้ว่ามันมีความรู้สึกชอบพอในความรู้สึกของเขา
แม้จะไม่ได้มากเท่ากับความรู้สึกของเตวิณก็ตามที
“ตอนที่มันหวานเอากุญแจออกไปให้ปลายเมฆ พ่อขอให้เตวิณเล่าเรื่องของลูกให้ฟัง”
“...”
“เขาบอกว่าลูกเป็นคนที่น่ารัก คนที่ยิ้มแล้วทำให้เขามีความสุข ช่วงเวลาที่เขาได้ใช้กับลูกมันเป็นช่วงเวลาที่ดีต่อเขามากๆ”
“...”
“พ่อเห็นในแววตาของเด็กคนนั้นมันเต็มไปด้วยความรักที่มีต่อลูก แต่มันหวานรู้อะไรไหม ว่าดวงตาคู่นั้นมันแฝงไว้ด้วยความเศร้า และมันทำให้พ่อรู้แล้วว่า เด็กคนนั้นกำลังหลงรักลูกพ่ออยู่แค่ฝ่ายเดียว”
มันหวานกำฝ่ามือลงกับราวระเบียงแน่น เพราะสิ่งที่ได้ยินมันกำลังบีบหัวใจของเขา แต่เชื่อเถอะว่ามันหวานไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้
ถ้าเลือกได้ก็ไม่ได้อยากให้เตวิณรักเขาอยู่ฝ่ายเดียว
“พ่อถามเขาว่ารักลูกมากไหม เขาตอบพ่อทันทีว่ารัก มันเป็นความรัก”
“...”
“แต่คนที่ลูกรักมันไม่ใช่เขา”
แล้วน้ำตาของมันหวานก็ไหลลงมาหลังจบประโยคนั้น ความรู้สึกผิดที่มีต่อเตวิณต่อแถวกันถาโถมเข้ามาในหัวใจจนรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งแผ่นอก แค่เป็นคำบอกเล่าจากพ่อมันหวานยังรู้สึกผิดขนาดนี้ แล้วถ้าเขาได้รับรู้กับหูของตัวเอง ได้ฟังคำบอกเล่าพวกนั้นต่อหน้าของเตวิณด้วยตนเอง มันหวานไม่รู้เลยว่าตัวเองจะเป็นยังไง
จะกล้าให้อภัยตัวเองกับสิ่งที่ทำลงไปได้ไหม
“หนูไม่ได้อยากให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้” มันหวานเอ่ยเสียงสั่นก่อนจะใช้หลังมือเช็ดน้ำตาของตัวเอง “หนูไม่ได้อยากเริ่มความสัมพันธ์เพื่อสุดท้ายเตวิณต้องเป็นฝ่ายที่เจ็บปวด”
“…”
“หนู ฮึก!”
“พูดมันออกมามันหวาน ทุกอย่างที่ลูกรู้สึก” ฝ่ามือใหญ่ของพ่อวางลงที่กลุ่มผมก่อนจะลูบไปมา และมันเหมือนเป็นการเรียกให้ความอ่อนแอของมันหวานทลายลง
“แต่หนูก็ทำไปแล้ว พ่อรู้ไหมว่าหนูถามตัวเองทุกวันว่าเมื่อไรกันที่หนูจะรักเตวิณได้อย่างที่เตวิณรักหนู”
“...”
“หนูถามกับตัวเองทุกคืน ว่าทำไมคนที่ดีอย่างเตวิณถึงไม่ถูกรัก ทำไมหนูถึงยังคงรักแต่คนที่ดีแต่ทำให้หนูร้องไห้”
“คนเดิมกับที่ลูกมาขอพ่อเพื่อจะชอบเขาใช่ไหม”
“ใช่จ่ะ แต่ตอนนี้มันเป็นรัก หนูรักหมอปลายเมฆจ่ะพ่อ”
จากการสารภาพกับพ่อในตอนนั้นว่าชอบใครอีกคนมากมาย ในวันนี้กลับเปลี่ยนแปลงเป็นคำว่ารัก
มันหวานรักผู้ชายคนนั้น รักมากเหลือเกิน ทั้งที่เขาไม่ควรจะรักใครอีกคนขนาดนี้เลยด้วยซ้ำ
ไม่เคยมีหรอกความเผื่อใจ เพราะมันหวานใช้หัวใจเพียงดวงเดียวที่มีเพื่อรักใครคนนั้นอย่างเต็มที่ไปแล้ว
“เขาคือคนที่หนูรักมาตลอด”
มันหวานเงยหน้าขึ้นเมื่อน้ำตามันไหลออกมามากกว่าเดิม ฝ่ามือเล็กด้านขวาทาบลงที่ตำแหน่งก้อนเนื้อที่หัวใจ มันเต้นอย่างแรงเมื่อเขากล้าพูดออกไปได้เต็มปากเต็มคำว่าคนที่เขารักคือใครต่อหน้าพ่อ
“แต่กับสิ่งที่เขาทำ มันทำให้หนูอยากเลิกรักเขา พ่อรู้ไหมว่าวันนั้นหนูเจ็บปวดมากแค่ไหน หนูเจ็บแบบที่ไม่เคยเจ็บมาก่อน สิ่งที่เขาทำมันทำให้หนูไม่กล้าเชื่อใจเขาอีกแล้ว”
“...”
“หนูถึงพยายามพาตัวเองออกมา และเตวิณเป็นนั้น คนที่รับหนูไว้ด้วยความเต็มใจ”
“...”
“แต่มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ทุกครั้งที่เขากลับมา หนูถึงเพิ่งได้รู้ ว่าตลอดระยะเวลาที่หนูวิ่งหนีหมอปลายเมฆมา มันไม่เคยไปได้ไกล เพราะหนูยังคงวิ่งวนอยู่ที่เดิม”
เหมือนกับวิ่งอยู่ในเขาวงกต และมันหวานเหมือนหนูโง่ๆตัวหนึ่งที่ไม่รู้ว่าทางออกมันอยู่ตรงไหน ถึงได้วิ่งวนอยู่ในนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ถ้ากับเตวิณมันไม่ใช่ความรัก ทำไมหนูถึงไม่พาตัวเองออกมา” พ่อเอ่ยถามพลางใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาให้กัน
“เตวิณเป็นคนที่ดี หนูไม่กล้าพอที่จะทำร้ายเขา”
“…”
“หนูรู้ว่าหนูเห็นแก่ตัว แต่หนูนึกภาพตัวเองตอนไปบอกเลิกเตวิณไม่ออกเลย หนูกลัว กลัวที่จะต้องเห็นว่าเตวิณเสียใจแค่ไหนกับการกระทำของหนู”
“...”
“เตวิณไม่เคยผิด เขาไม่เคยผิดอะไรเลย”
“...”
“สุดท้ายหนูก็คงไม่ต่างจากหมอปลายเมฆ ที่ดีแต่ทำให้คนที่รักเราต้องเสียใจ”
มันหวานไม่กล้าบอกหรอกว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ เพราะมันหวานปล่อยให้เวลามันผ่านมานานขนาดนี้จนความรู้สึกของเตวิณที่จากคำว่าชอบกลายเป็นคำว่ารัก
มันหวานแค่ยังไม่พร้อมที่จะทำร้ายหัวใจของใคร แม้จะรู้ตัวว่าที่ผ่านมาการไม่กระทำ หรือการไม่พูดบางอย่างของเขาก็เป็นการทำร้ายเตวิณทางอ้อมไปแล้ว
“มันหวานรู้อะไรไหม ว่าความรักถ้าเกิดขึ้นพร้อมกันสามคนต้องมีใครคนหนึ่งที่ต้องถอยห่าง”
“...”
“ใครคนนั้นที่ไม่ได้เป็นฝ่ายที่ถูกรัก”
“ถ้างั้น ระหว่างคนที่ดีกับคนที่รักพ่อจะเลือกใครหรอจ๊ะ”
มันหวานเคยได้ยินว่าระหว่างคนที่ดีกับคนที่รักนั้นต้องมีคนใดคนหนึ่งเป็นคนที่ถูกเลือก และคนที่ไม่ได้ถูกเลือกก็ต้องเป็นฝ่ายเดินจากไป
แต่ตอนนี้มันหวานไม่แน่ใจว่าเขามีสิทธิ์เลือกใครไหม เพราะไม่ว่าจะเป็นทางไหนก็ดูเหมือนจะเจ็บไปหมดทุกทาง
การที่หมอปลายเมฆกลับมาก็ไม่ได้แปลว่ามันหวานยังคงมีสิทธิ์ที่จะเลือกได้
“พ่อจะเลือกคนที่ไม่อยากเสียเขาไป”
“...”
“และคนที่ดีกับคนที่รักมันสามารถเป็นคนเดียวกันได้”
แล้วถ้าคนที่รักคือคนที่ดีแต่ทำให้เสียใจล่ะ เขาควรจะเลือกยังไง?
“พ่อไม่สามารถบอกได้ว่าลูกต้องเลือกปลายเมฆหรือเตวิณ เพราะพ่อไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจ”
“...”
“ตอนนี้พ่อรู้ว่ามันหวานกำลังอยู่ในระยะการเดินทางและสิ่งที่พ่อให้ได้มีเพียงแค่เข็มทิศและแผนที่ ส่วนระยะทางหลังจากนี้เป็นลูกเพียงคนเดียวที่ต้องเดินไปให้ถึง”
“หนูยังต้องเดินทางต่ออย่างนั้นหรอจ๊ะ”
มันหวานเกิดคำถาม เพราะเขาไม่รู้เลยว่าตัวเองจะต้องเดินทางไปถึงเมื่อไร เพราะระหว่างทางที่เดินผ่านมานั้นมันมีบางสิ่งที่เขาก็รับไม่ไหวแล้วเหมือนกัน และมันหวานไม่รู้เลยว่าระยะทางที่ยังไปไม่ถึงจะต้องพาใครเข้ามาเจ็บปวดกับเขาอีก
แค่เตวิณคนเดียวมันหวานก็ไม่กล้าให้อภัยต่อตัวเองแล้ว
“ถ้าลูกอยากจะเดินต่อก็เดินได้ แต่ถ้าไม่ไหวอยากพักก่อนก็พัก เพราะไม่ว่าจะอย่างไร ลูกจะมีพ่อระหว่างทางเสมอ”
มันหวานถูกพ่อดึงตัวไปสวมกอด ความอบอุ่นทำให้หัวใจของมันหวานเต้นได้อย่างสงบลง เขารู้สึกผิดที่มีอะไรไม่เคยบอกพ่อเลย พอมารู้ก็เป็นตอนที่ต้องมาช่วยเขาตัดสินใจ
บางทีนอกจากมันหวานจะเป็นแฟนที่แย่ของเตวิณแล้วก็อาจจะเป็นลูกที่แย่สำหรับพ่อด้วย
“พ่อรู้ว่ามันยากมันหวาน ลูกไม่เคยรักใคร พอได้มารักก็เป็นความรักที่ไม่ง่าย แต่พ่ออยากให้ลูกรู้ไว้ว่าเพราะมันไม่ง่ายมันถึงเรียกว่าความรัก”
ใช่ มันไม่ง่ายเลย บางครั้งมันหวานก็คิดว่าถ้าเขาไม่อยากลองเรียนรู้ที่จะรัก เขาก็คงไม่ต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้ ไม่ต้องมาเจ็บปวด ไม่ต้องลากคนดีๆแบบเตวิณมาเจ็บปวดไปด้วยกัน
“หนูไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายความรู้สึกเตวิณ พ่อรู้ใช่ไหม”
“พ่อรู้มันหวาน พ่อรู้ว่าลูกของพ่อไม่อยากทำร้ายใคร”
“...”
“คนเรามันจะเก่งไปทุกเรื่องได้ยังไง ลูกพ่อก็ตัวแค่นี้จะก้าวผิดบ้างไม่ได้เลยหรือไงเนอะ” พ่อหัวเราะเบาๆข้างใบหูเหมือนกับอยากทำให้ความรู้สึกในใจของลูกชายคนนี้แผ่วเบาลงได้บ้าง “แต่ถ้าลูกรู้สึกผิดแล้วอยากแก้ไข พ่อคิดว่ามันยังไม่สายไป”
“หนูจะทำได้ใช่ไหมจ๊ะพ่อ”
“มันหวานทำได้ลูก มันหวานทำให้มันถูกต้องได้”
“...”
“ขอแค่ซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ให้มากๆ”
มันหวานกระชับกอดพ่อแน่น เขาพยักหน้าในอ้อมกอดของคนเป็นพ่อ และบอกกับตัวเองว่าเขาจะต้องทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง ไม่ว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นอย่างไร
มันหวานตระหนักได้แล้วว่าไม่ใช่เพียงแค่เพราะเขารักเตวิณไม่ได้ แต่เพราะว่าเขาเองที่ไม่คู่ควรกับความรักที่แสนดีอย่างเตวิณ เพราะตอนนี้มันหวานทนรับความรู้สึกเห็นแก่ตัวของตัวเองไม่ไหวอีกแล้ว
และถ้าทุกความผิดมันจะก่อตัวขึ้น มันหวานจะขอรับมันไว้แต่เพียงผู้เดียว
อย่าให้ความมักง่ายของเขาทำให้ใครเจ็บปวดไปมากกว่านี้เลย
โดยเฉพาะผู้ชายที่มีหัวใจที่แสนดีอย่างเตวิณ
มันหวานคิดว่าเขาทบทวนตัวเองดีที่สุดแล้วกับการตัดสินใจในครั้งนี้ และเขารวบรวมความกล้ามามากพอที่จะตอบคำถามของเตวิณให้หมดสิ้นทุกข้อได้
ตอนนี้เวลาห้าโมงเย็นเศษมันหวานยืนอยู่หน้าประตูห้องห้องเดิมที่ใช้ร่วมอาศัยกับเจ้าของห้องมาเกือบสามเดือน มือเล็กถือคีย์การ์ดสำรองไว้ในมือก่อนจะตัดสินใจทาบลงไปและเปิดประตูเข้าไปในห้อง
ส่วนนั่งเล่นนั้นว่างเปล่ามีเพียงทีวีที่เปิดทิ้งเอาไว้กับกระป๋องเบียร์ที่น่าจะหมดไปแล้วสองกระป๋องและขี้เถ้าบุหรี่อีกเล็กน้อยมันหวานเดินผ่านส่วนนั่งเล่นหน้าทีวีก่อนจะเดินไปยังห้องนอนของตัวเอง เขาได้ยินเสียงกีต้าร์ทุ้มๆดังออกมาจากในห้องก่อนที่มันหวานจะเปิดประตูและพาตัวเองเข้าไป
เตวิณนั่งอยู่ตรงนั้นที่ปลายเตียงกับกีต้าร์ตัวใหญ่ และข้างกันนั้นเป็นดอกกุหลาบสีแดงสามดอกที่กลีบดอกแห้งกรอบไปแล้ว ดอกไม้ของหมอปลายเมฆที่มันหวานแอบเอาไว้ ตอนนี้มันถูกค้นเจอโดยคนที่มันหวานไม่อยากให้เจอมากที่สุด
“กลับมาเร็วจัง เพิ่งผ่านไปสองวันเอง”
“...”
“พ่อกลับไปแล้วหรอ”
มันหวานไม่ตอบ เขายืนฟังน้ำเสียงพูดทุ้มๆนั่นที่ดังคลอไปกับเสียงแปล่งๆของกีต้าร์ที่เตวิณยังคงไม่ละปลายนิ้วออกจากสาย คนตัวโตไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเขา เตวิณเอาแต่จดจ้องมือของตัวเองอยู่แบบนั้น
มันหวานนั่งลงปลายเตียงข้างกายอีกคน เขาแตะหลังมือของเตวิณเบาๆและคนตัวโตกว่าก็ยอมหยุดปลายนิ้วที่กำลังดีดสายของกีต้าร์ มันหวานยกกีต้าร์ตัวโตๆนั้นออกจากตักของเตวิณก่อนจะวางไว้ข้างเตียง มือเล็กแตะที่แขนแกร่งนั้นอย่างแผ่วเบาก่อนจะโถมตัวเข้าไปสวมกอดก่อน
“เป็นอะไร หื้ม”
“ขอโทษ มันหวานขอโทษ” กระชับวงแขนที่กอดรอบคอของอีกฝ่ายเอาไว้ ซุกใบหน้าลงกับท่อนแขนของตัวเอง เสียงหวานสั่นพร่าเพราะก้อนสะอื้นกำลังจุกอยู่ที่ลำคอ
การจะพูดความจริงไม่ใช่เรื่องง่ายโดยเฉพาะความจริงเรื่องนั้นมันสามารถทำร้ายความรู้สึกของใครบางคน
“ได้คำตอบแล้วหรอ”
“...”
“นึกว่าจะนานกว่านี้ซะอีก โทษทีนะมันหวานที่ยุ่งกับของส่วนตัว”
“...”
“แต่มันหวานช้า ติณเลยหาคำตอบด้วยตัวเอง”
มันหวานรู้สึกถึงฝ่ามือใหญ่ที่กำลังลูบแผ่นหลังของเขาอยู่ คนตัวเล็กกระพริบตาไล่หยาดใสที่คลอเคล้าดวงตาเพราะมันบดบังการมองเห็น
มันหวานมองเลยแผ่นหลังของเตวิณไปยังกุหลาบแดงสามดอกที่แห้งกรอบบนที่นอน และนั่นคงเป็นคำตอบที่เตวิณหามาได้ เขาไม่ได้โกรธที่ข้าวของของเขาถูกค้น เพราะมันหวานรู้ว่าเตวิณคงอดทนรอไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
เตวิณอาจจะหมดความอดทนต่อคนที่นิสัยไม่ดีอย่างเขาแล้ว
“วันนี้เรามาให้คำตอบ” มันหวานผละกอดจากอีกฝ่าย คนตัวเล็กใช้หลังมือเช็ดน้ำตาของตัวเองก่อนจะสบตาของคนตรงหน้า เตวิณยังคงมีรอยยิ้มบางประดับอยู่แต่มันหวานรู้ว่ารอยยิ้มนั้นมันถูกปั้นแต่งขึ้น
เหมือนที่เขามักจะปั้นแต่งเพื่อเตวิณเสมอ
“ไม่อยากจะฟังแล้วได้ไหม”
“...”
“ตอนนั้นที่ถามก็อยากจะรู้คำตอบ แต่พอเอาเข้าจริงก็ไม่อยากฟังเลยสักนิด”
คำถามที่เคยถามว่ารักกันบ้างไหม
เคยคิดจะรักกันบ้างหรือเปล่า
และมันหวานรู้ดีกับคำตอบเหล่านั้นเพราะมันอยู่ในใจของเขามาตลอด เหลือเพียงให้พูดมันออกมาก็เท่านั้น
“เราเสียใจ ที่ทำให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้” มันหวานกัดริมฝีปากของตัวเองเมื่อความเสียใจกำลังตีเข้ากลางความรู้สึกของเขา
เขากำลังเริ่มเพื่อที่จะจบมัน
เหมือนมีมือใหญ่ๆของใครสักคนมาบีบเข้าที่หัวใจของเขา มันเสียดร้อนเมื่อคำพูดที่ถูกขบคิดมาทั้งคืนกำลังจะได้เอ่ยออกไปให้คนตรงหน้าได้รับรู้
คนตรงหน้าที่มันหวานกำลังจะทำร้ายหัวใจที่แสนดีดวงนั้น
“เราผิดเอง กับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น”
“...”
“เราไม่น่าดึงเตวิณเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย”
เรื่องความวุ่นวายที่ควรจะมีแค่เขากับหมอปลายเมฆ และถ้ามันหวานย้อนเวลากลับไปได้ หลังจากดูหนังเรื่องนั้นจบเขาจะทำเพียงแค่เดินออกมาเงียบๆ ไม่เอ่ยปากขออะไรที่เป็นการเห็นแก่ตัวกับเตวิณ แต่เพราะมนุษย์เราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้มันหวานถึงต้องมารับผลกระทำที่ตัวเองได้ทำลงไป
แล้วเชื่อเถอะว่ามันหวานเจ็บปวดกับมันทุกนาที
“มันหวานฟังติณนะ” เสียงทุ้มดังขึ้นใกล้ๆก่อนที่เตวิณจะใช้ปลายนิ้วเชยคางของมันหวานขึ้นให้มาสบตาต่อกัน
“...”
“ในวันนั้นติณตอบรับทุกอย่างโดยรู้ตัวเองดี รู้มาตลอดว่าถ้าตอบตกลงตัวเองจะต้องเจอกับความรู้สึกแบบไหน”
“...”
“ติณรู้ว่าต่อให้มันหวานจะให้สถานะ แต่ไม่ได้หมายความว่ามันหวานจะให้ใจ ติณรู้ตั้งแต่วันนั้นว่าเป็นได้เพียงตัวแทนของใครบางคน เป็นความรู้สึกชั่วคราวที่ต้องคอยประคับประคองตอนที่มันหวานอ่อนแอ”
คำบอกเล่าของเตวิณเหมือนมีดเล่มที่หนึ่งที่ปักแทงมายังหัวใจของเขา การกระทำที่ถูกไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าแล้ว และแม้จะรู้ว่าผลมันจะออกมาเป็นอย่างไรแต่เตวิณก็ยังเลือกที่จะทำ
รู้ว่าตัวเองจะพังแต่ก็ยอมเอาตัวเองเข้ามาข้องเกี่ยว
เตวิณรู้ดีว่าสุดท้ายแล้วตัวเองจะไม่ถูกเลือก
สุดท้ายของเส้นทาง เตวิณจะไม่ได้รางวัลในการถูกรัก
“รู้มาตลอดนั่นแหละว่าพยายามยังไงก็เข้าไปอยู่ในใจของมันหวานไม่ได้หรอก” ใบหน้าคมนั้นไม่ได้มีรอยยิ้มประดับเหมือนเก่า มันหวานเห็นว่าดวงตาของเตวิณกำลังแดงแต่ต่างกันที่ดวงตาของเตวิณไม่ได้มีน้ำตาไหลออกมาเช่นเขา
ทั้งที่คนที่ควรจะร้องไห้ออกมาดังที่สุดควรจะเป็นเตวิณด้วยซ้ำ
“แล้วทำไมยังทน” มันหวานเอ่ยถาม เขาปล่อยให้ปลายนิ้วอุ่นนั้นเช็ดน้ำตาออกให้กัน
“เพราะการได้รักมันหวานมันคือเรื่องที่ดี และก็แอบคิดว่าสักวันหัวใจของมันหวานจะเปลี่ยนทิศทาง”
“...”
“แต่สุดท้ายติณก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อหัวใจของมันหวานมีเป้าหมายและทิศทางที่แน่วแน่อยู่แล้ว”
“....”
“เป้าหมายของมันหวานไม่เคยหายไปไหน เพราะเป้าหมายเก่าไม่เคยหายไป ก็เลยไม่มีพื้นที่ว่างให้เป้าหมายใหม่ได้แทรกแซง”
ทุกคำบอกกล่าวเหมือนกับเตวิณได้เข้ามานั่งในหัวใจของเขา แต่ไม่ได้เข้ามาในหัวใจในรูปแบบนั้น เหมือนเตวิณเข้ามาสำรวจ กลั่นกรอง และแจกแจงว่าที่จริงแล้วภายในหัวใจของเขามันมีอะไรซ่อนอยู่บ้าง อะไรที่เขาพยายามปกปิดและซ่อนเร้น อะไรๆเหล่านั้นที่เตวิณหามันเจอทั้งหมด
และเจ็บเองทั้งหมด
“แต่ถึงอย่างนั้น ขอให้เราบอกความจริงกับเตวิณสักอย่างได้ไหม”
“ครับ” ร่างสูงตอบรับก่อนที่มันหวานจะคว้ามือนั้นมากุมไว้ในมือของตัวเอง คนตัวเล็กสูดน้ำมูกพลางกระพริบตาไล่หยดน้ำตาที่กำลังทำให้กระบอกตาของเขาแสบร้อนเพราะร้องไห้ติดกันมาหลายนาที
“ถึงแม้ว่ามันจะไม่ถึงกับคำว่ารักแต่การที่เรามีความรู้สึกต่อเตวิณมันเป็นเรื่องจริง เรามีความสุขในช่วงเวลาที่มีเตวิณอยู่ข้างๆ เรายิ้มได้ หัวเราะได้ก็เพราะเตวิณ”
“...”
“การที่เราชอบเตวิณมันเคยเกิดขึ้น”
“...”
“เป็นการเกิดขึ้นที่เป็นความจริง”
มันหวานมีหัวใจ หัวใจของเขาที่ประกอบไปด้วยความรู้สึก และหัวใจของคนเรามันไม่ต้องการเหตุผลมากมายมาสนับสนุนแต่ใช้เพียงความรู้สึกนำทาง
หัวใจของมันหวานทำด้วยก้อนเนื้อที่หล่อเลี้ยงด้วยเลือดสีข้นไม่ใช่ก้อนหินหรือเหล็กกล้าที่ไร้ความรู้สึกต่อให้มีอะไรมากระทบ เพราะแบบนั้นแล้วการที่เขามีความรู้สึกที่ดีต่อเตวิณมันจึงเป็นเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นในห้วงเวลาหนึ่ง
เป็นความจริงที่หัวใจของเขาเคยเต้นแรงกับการกระทำและคำพูดที่อ่อนโยนของเตวิณ การได้รับความดูแลและใส่ใจพวกนั้นก็เช่นกัน
เพียงแต่มันไม่ได้มากขนาดนั้น มันไม่ได้เต้นอย่างบ้าคลั่งเหมือนกับที่หมอปลายเมฆทำต่อเขา
มันก็แค่ยังไม่ถึงรัก
“แค่นี้ก็พอแล้ว” เตวิณตอบกลับพลางบีบมือของเขาเบาๆ
“ระหว่างเราสองคน ในระยะเวลาหนึ่งที่เกิดขึ้นด้วยกันมันเป็นช่วงเวลาที่ดีนะเตวิณ” มันหวานเอ่ยต่อเขาพยายามบังคับเสียงของตัวเองไม่ให้สั่นเทามากเกินไปจนอีกคนฟังไม่รู้เรื่อง
“…”
“และเราอยากให้เตวิณรู้ว่าถ้าเลือกได้เราไม่ได้อยากจะเสียเตวิณไป”
มันหวานรู้ว่ากับเหตุการณ์ในวันนี้ยังไงเขาทั้งสองคนก็ไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก ในเมื่อมีหัวใจของอีกฝ่ายที่กำลังเจ็บปวด และถ้าเป็นเขาเอง เขาก็คงเลือกจะเดินออกไปจากตรงนี้
และถ้าในวันนี้เตวิณจะหันหลังและเดินจากกันไปมันหวานจะไม่ว่าอะไรเลยเพราะรู้ว่ายังไงมันก็ต้องเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ในใจลึกๆของเขา เขาไม่ได้อยากเสียเตวิณไป อย่างน้อยก็ในสถานะเพื่อน
“อย่าเลยมันหวาน” รอยยิ้มบางนั้นปรากฏขึ้นบนริมฝีปากอีกครั้ง มันหวานทอดมองมันด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวด หลายครั้งที่เตวิณมักจะยิ้มให้เขาด้วยความสดใสเสมอ แต่มันหวานรู้ว่าในตอนนี้มันเป็นรอยยิ้มที่เคลือบไว้ด้วยความเจ็บปวดมากแค่ไหน
“อย่ากลัวที่จะเสียติณไป”
“...”
“เพราะมันหวานไม่ได้อยากมีติณตั้งแต่แรก”
มีดเล่มที่สองปักเข้ายังที่หัวใจของเขาแม้ว่าเล่มแรกจะยังไม่ถูกดึงออกก็ตาม มันหวานไม่รู้เลยว่าเตวิณจะต้องเป็นคนที่เข้มแข็งมากแค่ไหนถึงพูดประโยคที่ทำร้ายความรู้สึกของตัวเองออกมาได้
แต่สำหรับคนฟังอย่างมันหวาน เขาอยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาเจ็บปวด
เจ็บปวดที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแบบนั้น
“อย่ารู้สึกผิด อย่าโทษตัวเองที่รักกันไม่ได้” คนตรงหน้าเอ่ยบอก มือที่เคยจับไว้แปรเปลี่ยนมาลูบแก้มของเขาอย่างแผ่วเบา
“...”
“รักไม่ได้ก็คือรักไม่ได้”
มันหวานไม่ได้อยากไม่รักเตวิณ แต่ก็จริงอย่างที่อีกฝ่ายว่า รักไม่ได้ก็คือรักไม่ได้ ต่อให้มีใครมากมายมาบังคับบีบเค้นหัวใจของเขาให้รัก แต่ถ้ามันไม่มีความรักที่อยากจะมอบให้กับอีกฝ่าย มันหวานก็ไม่สามารถฝืนใจของตัวเองได้
ไม่ได้มีเหตุผลอื่นใด ไม่ใช่เพราะเป็นเตวิณเขาถึงรักไม่ได้ แต่ต่อให้เป็นคนอื่นอีกร้อยคนพันคนที่แสนดีเหลือเกิน มันหวานก็รักไม่ได้
เพราะมันหวานมีความรักเป็นของตัวเองอยู่กับหัวใจมาตลอด
“ความรัก คือความรู้สึกที่อยากจะใช้มันไปกับใครสักคน ใครบางคนที่ทำให้เราอยากสลักชื่อของเขาไว้ในหัวใจ”
“...”
“ไม่ใช่ใครบางคนที่ทำดีแค่ไหนก็ไม่ถูกรักจนดูน่าสงสาร จนต้องฝืนตัวเองให้มารักกันทั้งที่หัวใจไม่เคยเต้นเป็นชื่อของคนๆนั้น”
ปลายนิ้วที่ยังคงอุ่นละเลียดเช็ดน้ำตาที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหล มันหวานสะอื้นออกมาเบาๆ เขารู้ว่าเตวิณเจ็บเพราะแววตาของอีกฝ่ายสื่อถึงความปวดร้าวออกมาเช่นนั้น แต่เตวิณก็คือเตวิณ คนที่เข้าใจทุกความเป็นไปของทุกอย่างและกำลังใช้คำพูดพวกนั้นปลอบประโลมกันไม่ให้เขาโทษตัวเองไปมากกว่านี้
“และติณ อยากเป็นคนที่ถูกรักโดยใช้ความรัก ไม่ใช่เพราะความสงสาร”
“…”
“ถ้ามันหวานบอกว่าตัวเองผิด ติณก็ผิด ผิดที่รู้ทุกอย่างมาตั้งแต่ต้นแต่ก็ยังคงปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไป”
“...”
“ที่จริงความรู้สึกของมันหวานชัดเจนมาตั้งแต่แรกว่ามันเป็นของใคร และยังคงเป็นของใคร”
เตวิณคือคนที่รู้มาตลอด และเพราะรู้มาตลอดความผิดในใจของมันหวานถึงทวีมากขึ้น มันทับถมจนเป็นเขาเองที่แทบจะกระอักความเห็นแก่ตัวนั้นออกมา
“มันหวานยังใจดีกับติณด้วยซ้ำที่ยังคงแบ่งช่วงหนึ่งของความรู้สึกมาให้กัน”
“...”
“แม้จะเศษเสี้ยว แต่อย่างน้อยมันก็มาจากเสี้ยวส่วนหนึ่งของหัวใจมันหวานไม่ใช่หรอครับ”
“ฮึก! ฮืออ ติณ มันหวานขอโทษ”
เป็นอีกครั้งที่มันหวานโผลกอดร่างสูงตรงหน้าแน่น เขาสะอื้นออกมาจนตัวโยน ฝังรอยน้ำตาไว้กับบ่าแกร่งของอีกฝ่าย
บ่าทั้งสองข้างที่แบกรับความรู้สึกของเขาเอาไว้ทั้งที่ไม่จำเป็น อ้อมกอดอุ่นที่รองรับน้ำตาของเขาซ้ำแล้วซ้ำทั้งที่สามารถผลักใสได้ตลอดเวลา
เตวิณทำทุกอย่างที่ผ่านมาได้โดยไม่ได้เรียกร้องสิ่งอื่นใดนอกจากหัวใจของเขา แต่มันกลับเป็นเรื่องที่น่าใจหายที่สิ่งที่เตวิณต้องการดันเป็นสิ่งเดียวที่มันหวานให้ไม่ได้
ไม่ใช่ไม่อยากลองให้ แต่เพราะว่าเคยอยากลองแล้ว แต่มันเป็นไปไม่ได้จริงๆ
“อย่าฝืนเลย”
“ฮึก”
“ติณจะไม่รั้งมันหวานไว้อีกแล้วนะ พอแล้ว รู้แล้วว่ายัดเยียดตัวเองให้มากแค่ไหนก็แทนที่คนในใจไม่เคยได้”
“ไม่ได้อยากให้เจ็บ ฮึก ไม่ได้อยากให้ติณเสียความรู้สึก เราไม่..” มันหวานว่า น้ำเสียงสะท้านไม่ต่างจากความรู้สึก
“ชู่ว... เงียบก่อนสะอื้นจนตัวโยนไปหมดแล้ว” ฝ่ามือใหญ่ตบลงที่แผ่นหลังของเขาเบาๆ และมันหวานก็ยังคงปล่อยน้ำตาให้ซึมไหลผ่านเนื้อผ้าของอีกฝ่าย
มันหวานไม่ได้อยากเป็นคนเห็นแก่ตัวที่มาทำร้ายหัวใจของเขาแล้วก็ยังมานั่งให้เขาปลอบแบบนี้ แต่ตอนนี้เหมือนกับมีพายุก่อตัวในหัวใจของมันหวาน และนาทีนี้คงมีแต่เตวิณที่ทำให้มันสงบลงได้
“เราผิดเอง ให้ทุกความผิดเป็นของเรา ไม่ขอให้เตวิณเจ็บไปมากกว่านี้แล้วได้ไหม”
“...”
“พอแล้ว ฮึก.. ให้เตวิณเจ็บกับเราแค่นี้พอแล้ว” เพราะถ้าเตวิณเจ็บไปมากกว่าที่เป็นมันหวานคงไม่รู้วิธีที่จะให้อภัยตัวเองได้อีกเลย
อ้อมกอดถูกคลายออกและในครั้งนี้มันหวานเห็นดวงตาที่แดงก่ำของอีกฝ่ายคลอเคล้าไปด้วยหยาดน้ำตา เหลือเพียงแค่ให้มันไหลรินออกมาก็เท่านั้น
แต่มันหวานขอ อย่าหลั่งน้ำตาเพื่อเขา เพราะน้ำตาของเตวิณก็มีค่าไม่ต่างจากหัวใจและมันไม่ควรมาเสียเพื่อคนอย่างมันหวานหรอก
“เราทุกคนต่างมีความเจ็บเป็นของตัวเองรู้ไหม” เสียงทุ้มที่เริ่มแหบพร่าเอ่ยบอก มันหวานมองอีกฝ่ายที่เงยหน้าขึ้นก่อนจะพยายามกระพริบตาถี่ๆ มันหวานรู้ เตวิณไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าเขา
ผู้ชายคนนี้มักจะเข้มแข็งให้เห็นเสมอแม้ว่าในใจจะแบกรับความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ก็ตาม
“ความเจ็บของติณที่มันหวานเห็นอาจจะใหญ่เท่าหนึ่งกำปั้นมือ ความเจ็บของมันหวานที่ติณเห็นอาจจะใหญ่เท่าสองกำปั้น และความเจ็บของใครบางคนอาจจะใหญ่มากกว่าความเจ็บของเราสองคนรวมกัน”
“ใครบางคน” มันหวานพึมพำออกมาเบาๆ เขาไม่อยากจะคิดหรอกว่าใครบางคนที่เตวิณว่าจะมีความเจ็บใหญ่แค่ไหน
เพราะตอนนี้สำหรับมันหวานความเจ็บปวดของเตวิณใหญ่ที่สุดสำหรับเขา เพราะเขาเป็นคนสร้างความเจ็บปวดนี้ให้กับเตวิณด้วยมือของเขาเอง
“ใครบางคนที่รักมันหวานไม่น้อยไปกว่าติณ”
“...”
“ใครบางคนที่เป็นเจ้าของดอกกุหลาบแดงสามดอกนั้นที่มันหวานเก็บมันไว้ไม่ทิ้งไปไหน”
มันหวานสบแววตาของเตวิณ เขาไม่เข้าใจว่าเตวิณจะพูดถึงใครอีกคนทำไม ในเมื่อตอนนี้มันเป็นเรื่องที่ควรจะมีแค่เขาสองคนไม่ใช่หรอกหรือ
“ติณจะบอกอะไรเราหรอ”
“ผู้ชายคนนั้นเขารักมันหวานมากนะ” เตวิณเอ่ยก่อนที่ฝ่ามือหนานั้นจะลูบกลุ่มผมของเขาเบาๆ
“อย่าพูดถึงเขา”
“ยังไม่พร้อมจะให้อภัยเขาหรอ” เตวิณเอ่ยถามอีกครั้ง
มันหวานขบคิดกับคำถามนั้น มันไม่ได้ยากหรอก มันเกิดขึ้นกับใจตัวเองทุกครั้งยามที่นึกถึงหน้าใครคนนั้น แต่มันมีบางอย่างที่ทำให้คำตอบของเขาอาจจะไม่สมบูรณ์
“เราพร้อมจะให้อภัยเขา”
“...”
“แต่สิ่งที่ยากกว่าการให้อภัยคือการกลับไปเชื่อใจเหมือนเดิม”
ซึ่งความเชื่อใจที่สูญสลายไป มันเป็นสิ่งที่เหนี่ยวรั้งตัวเขาไว้ให้ไม่กล้าเดินไปหาใครคนนั้นได้อย่างเต็มก้าวเดิน
ไม่ใช่ไม่อยากกลับไป แต่มันหวานแค่ยังไม่มั่นใจกับใครคนนั้น
“ติณไม่ได้อยากพูดแบบนี้หรอกนะ เพราะพูดเองมันก็จะเจ็บเอง” ร่างสูงยิ้มบางก่อนจะจ้องมองมาในแววตาของกัน “หมอปลายเมฆเขารักมันหวานมาตลอด”
“ไม่จริงหรอก” มันหวานแย้งในทันที เขาเช็ดคราบน้ำตาตัวเองด้วยหลังมืออีกครั้ง “ถ้ารักมาตลอดจะไม่ทำกันแบบนั้น”
“เชื่อติณเถอะ เพราะสายตาที่เขาใช้มองมันหวานเป็นสายตาเดียวกันกับที่ติณใช้”
“...”
“เขารักมันหวานมากนั่นคือสิ่งที่ติณรู้”
“...”
“และอีกสิ่งที่ติณรู้ก็คือหมอปลายเมฆกำลังสำนึกผิดกับสิ่งที่เขาเคยทำ”
สำนึกผิดอย่างนั้นน่ะหรอ มันหวานไม่แน่ใจหรอกว่ามันจะจริงอย่างที่เตวิณบอกไหม เพราะแผลเป็นขนาดใหญ่ในวันนั้นยังคงติดอยู่ที่ใจของมันหวานมากระทั่งวินาทีนี้ มันยากที่จะเชื่อว่าคนที่ทำร้ายหัวใจของเราอย่างปวดร้าวจะเป็นคนที่รักเรามาตลอดแบบนั้น
“เขาเจ็บปวดเหมือนกันนั่นแหละที่ต้องมาทนเห็นมันหวานกับติณอยู่ด้วยกัน” เตวิณยังคงเอ่ยถึงใครคนนั้นต่อ “หมอปลายเมฆก็กำลังต่อสู้กับความเจ็บปวดเช่นกัน มันหวานก็รู้ดี”
ไม่อยากรู้ ไม่อยากรู้อะไรทั้งนั้นในตอนนี้
“ไม่ต้องห่วงติณนะ ติณไหว”
“...”
“มันหวานไม่ใช่คนแรกที่ทำติณอกหักหรอก” ร่างสูงว่าก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
ซึ่งสำหรับมันหวานมันไม่ได้น่าตลกเลยสักนิด เพราะเขากำลังเป็นอีกคนที่ทำให้เตวิณอกหัก
“แต่อย่างน้อยติณก็ได้เป็นแฟนคนแรกของมันหวานนี่นะ จริงไหมครับ”
“อื้อ แฟนคนแรกของเราก็คือเตวิณ” มันหวานพยักหน้าเบาๆ เขายิ้มออกมาเป็นครั้งแรกหลังจากร้องไห้มาหลายนาทีก่อนจะโดนดึงตัวเข้าไปในอ้อมกอดอุ่นๆของคนตัวโตกว่าอีกครั้ง
“ติณดีใจนะ ที่ในที่สุดมันหวานก็ยอมรับหัวใจของตัวเองสักที”
“...”
“มันหวานเก่งมากนะ เก่งแล้ว และอย่าเอาความผิดไปแบกไว้คนเดียวเลย กับเรื่องความรักคนเราก็มักพลาดได้เสมอ มันไม่มีระบบขั้นตอนหรือกระบวนการทางความคิดเหมือนกับการใช้สมอง”
“...”
“มันใช้แค่หัวใจกับความรู้สึก ส่วนที่เหลือก็ต้องลองเสี่ยงว่ามันจะดีหรือร้าย และตอนนี้มันหวานเสี่ยงกับติณมามากพอแล้ว”
“....”
“ถึงเวลาแล้วที่มันหวานจะต้องเดินตามทางหัวใจของตัวเองสักที อย่าฝืนเดินสวนทางอีกเลย”
มันหวานคิดว่าคนแบบไหนกันนะที่จะเหมาะกับคนแสนดีอย่างเตวิณ และมันหวานรู้ว่าคนๆนั้นไม่มีทางเป็นเขาได้ แต่เขาก็หวังว่าในสักวันจะมีใครสักคนเดินทางมาเพื่อหัวใจของเตวิณอย่างแท้จริง
“ขอบคุณนะติณ ขอบคุณสำหรับทุกๆอย่าง” มันหวานกระชับแขนกอดอีกฝ่ายมากขึ้น เขารู้สึกถึงความอบอุ่นที่คงจะได้สัมผัสเป็นครั้งสุดท้าย
ความอบอุ่นที่มันหวานหวังว่าจะมีใครสักคนที่เหมาะสมกว่าเขาได้มาครอบครองอ้อมกอดที่แสนดีนี้ในความรู้สึกที่เท่ากันกับเตวิณเสียที
“ขอบคุณเหมือนกันครับที่เข้ามาในชีวิต ที่ทำให้หัวใจได้ใช้งานบ้างแม้จะเป็นเวลาสั้นๆ”
“อื้อ”
“ตอนนี้คงต้องจบจริงๆแล้วนะ” เตวิณคลายอ้อมกอดออกและดวงตาของเขาทั้งคู่ที่หล่อเลี้ยงหยาดน้ำสีใสไว้ในดวงตาทั้งสองข้าง
“เตวิณจบมันได้ไหม ให้เป็นเตวิณได้ไหมในครั้งนี้”
เพราะว่ามันหวานไม่เก่งพอในขั้นตอนสุดท้ายของความสัมพันธ์แม้ว่าเขาจะเป็นฝ่ายเริ่มมันขึ้นมาเองก็ตาม
“ครับ”
“...”
“มันหวาน”
“อื้ม”
“เราเลิกกันเถอะนะ”
มันหวานรู้ว่าเขากับเตวิณไม่สามารถกลับมาเป็นอะไรต่อกันได้อีกแม้แต่คำว่าเพื่อนในตอนนี้ ไม่มีใครอยากมาเป็นเพื่อนกับคนที่ตัวเองเคยรักและเจ็บช้ำจนมากมาย
มันหวานและเตวิณเหมือนกับเส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบแม้ว่าในช่วงเวลาหนึ่งเขาทั้งสองจะเคยเดินทางในเส้นทางเดียวกัน แต่สุดท้ายเมื่อถึงแยกของการเลี้ยว พวกเขาที่ใจไม่เคยตรงต่อกันก็ต้องไปคนละทิศละทาง
เหมือนกับความสัมพันธ์ในครั้งนี้
คนที่น้ำหนักของหัวใจไม่เคยเท่ากันจึงไม่มาสามารถออกเดินทางไปยังเส้นชัยด้วยกันได้อีกต่อไป
คงเป็นตรงนี้ ตรงแยกกลางทางที่ต้องเดินทางต่อในทางใครทางมัน
“อื้อ เลิกกันนะ”
อย่างน้อยที่สุดสิ่งที่เขาทั้งคู่หลงเหลือไว้ก็คือความเข้าใจและเหตุผลในการจบความสัมพันธ์ที่ไม่ได้ยืดยาว ไม่ใช่ความเกลียดชังต่อกัน
และมันหวานขอภาวนาให้เตวิณได้เจอกับความรักที่ดี
ขอบคุณที่สอนบทเรียนที่แสนมีค่าให้แก่เขา
แม้เตวิณจะไม่ได้อยู่ในหัวใจ แต่เตวิณจะอยู่ในความรู้สึกดีๆของเขาเสมอ
มันจะเป็นแบบนั้น แฟนคนแรกของเขา ผู้ชายที่แสนดีที่สุดของมันหวาน
#มันหวานปลายเมฆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

1,138 ความคิดเห็น
-
#1128 eeeerrreeedffhn (จากตอนที่ 24)วันที่ 29 พฤษภาคม 2563 / 16:15มันหวาน ขอให้เจ็บปวดกว่าเดิม#1,1280
-
#1126 BbAm_๑ (จากตอนที่ 24)วันที่ 20 พฤษภาคม 2563 / 22:02อยากให้ติณมีคู่เลยอ่ะค่ะไรท์ อยากเห็นเค้ามีความรักดีๆ เศร้าไม่ไหว#1,1260
-
#1120 Chonticha9652 (จากตอนที่ 24)วันที่ 19 เมษายน 2563 / 12:29ฮื่ออ ร้องไห้เลย สงสารติณ#1,1200
-
#1119 khodpher (จากตอนที่ 24)วันที่ 14 เมษายน 2563 / 12:44เหมือนลากเอาตัวละคร และความรู้สึกแบบติณมาล้อเล่นอ่ะ อห.!!!! ไม่ไหวแล้วหัวใจ ติณรู้ทั้งรู้ว่าจะต้องเจ็บแต่ก็ยอมเพื่อให้ตัวเองได้มีความสุขสักครั้ง#1,1190
-
#1096 HisunoaHanikoa (จากตอนที่ 24)วันที่ 11 มกราคม 2563 / 20:06ฮืออออนายแบบเป็นพระเอกในใจเราเลยอ่ะจิงแม่งเง้ย#1,0960
-
#1082 Wannapathip (จากตอนที่ 24)วันที่ 23 ธันวาคม 2562 / 06:22ฮืออ บ่อน้ำตาเเตก#1,0820
-
#1081 Wannapathip (จากตอนที่ 24)วันที่ 23 ธันวาคม 2562 / 06:13ฮือออ ติณ นายเป็นคนดีมากๆเลยอ่า เศร้าาาา#1,0810
-
#1049 Phakchira_Ice (จากตอนที่ 24)วันที่ 29 ตุลาคม 2562 / 17:04นี่ร้องไห้ทุกตอนที่มีติณ เมื่อคืนร้องหนักจนตื่นมาปวดหัวปวดตา จนถึงตอนนี้ก็ยังปวดอยู่55555555 สงสารจริงๆ ทำใจยากมากๆกว่าจะกดอ่านในแต่ละตอน *ไรท์แต่งได้ดีมาก บรรยายโคตรจะลึกซึ้ง ฮือออออ#1,0490
-
#1025 AI.tang (จากตอนที่ 24)วันที่ 11 ตุลาคม 2562 / 19:28อ่านมาถึงตอนนี้เราร้องไห้หนักมากเราแอบเชียรให้ติณเปนพระเอกเลยนะ#1,0250
-
#1022 PeachieKim (จากตอนที่ 24)วันที่ 27 กันยายน 2562 / 23:02ขอมอบตัวเองให้ติณ#1,0220
-
#990 รัก3ลี(เอสเจ) (จากตอนที่ 24)วันที่ 6 มิถุนายน 2562 / 02:03เอาซะอยากให้ติณมีคู่เลย ;3; หลังจากนี้ก็ต้องดูละ คูมหมอต้องซื้อความเชื่อใจกลับมาให้ได้นะคะ#9900
-
#964 pcy921 (จากตอนที่ 24)วันที่ 4 มิถุนายน 2562 / 14:15แงงงงงงติณพ่อคนดี#9640
-
#926 นุ้งโด (จากตอนที่ 24)วันที่ 3 พฤษภาคม 2562 / 17:33ฮือออ นักพี่ติณอ่ะแงงงง#9260
-
#912 Miiwxx (จากตอนที่ 24)วันที่ 27 เมษายน 2562 / 19:56เรื่องนี้ดีอ่ะ ฮือ#9120
-
#886 Love Fantasy.. (จากตอนที่ 24)วันที่ 21 เมษายน 2562 / 10:50ความรักเรื่องนี้มันสมจริงมากอ่ะ ไม่ไหวเเล้วพ่อ ดีเกินอ่ะ ดีเกินไป รักไรท์มรกๆค่ะ บรรยายาควาใรู้สึกผ่านตัวอักษรไม่ได้เลย ฮื่ออออ#8860
-
#867 areenachesani (จากตอนที่ 24)วันที่ 4 เมษายน 2562 / 10:13ฮึกก ชั้นจะคู่กับเตวิณเองงงง#8670
-
#842 Jibangrin (จากตอนที่ 24)วันที่ 27 มีนาคม 2562 / 10:46แงงงงงเตวิณ บีบใจมาก เข้มแข็งสุดๆ ฮื่อออออออ#8420
-
#831 OHMeMEII (จากตอนที่ 24)วันที่ 26 มีนาคม 2562 / 23:04ทำให้คิดถึงตอนเลิกกับแฟนเก่าเลย เราเป็นสาวสองแฟนเก่าเป็นมุสลิมปากีสถาน เราคบกันโดยรู้ว่าวันนึงคงต้องเลิก แม้มันจะมีดราม่ามาตลอดหลายอย่างทั้งจากเราและเขา แต่ที่เหมือนกันคือตอนนั้นต่างฝ่ายไม่ได้อยากจะเลิกและนึกไม่ออกว่าจะไปต่อยังไงโดยไม่มีกัน จำได้ว่าเช้านั้นทางบ้านแฟนเก่าโทรมาคุยรบเร้าเรื่องแต่งงานมีลูกแบบจริงจัง ทางบ้านเขามีสิทธิที่จะจับคลุมถุงแต่แฟนเก่าบอกปัดมาตลอดเพื่อยื้อเวลาให้กัน จนวันนั้นคงเจอคำขาดว่าถ้าไม่แต่งงานมีลูกเองทางบ้านจะสั่งให้กลับแล้วคลุมถุงชน จำได้ว่านั่งหันหน้าซ้อนกันกอดกันร้องไห้ตัวโยนกันทั้งคู่ ในขณะที่เราถกเถียงกันว่ามีรักหรือเลิกรักอะไรยากกว่ากัน แต่ความจริงที่เรามักจะลืมคือ สานต่อความรักให้ยั่งยืนต่างหากที่ยากที่สุด#8310
-
#807 Kyunggi (จากตอนที่ 24)วันที่ 24 มีนาคม 2562 / 11:37นับถือหัวใจติณ ขอให้เจอคนที่ดีนะ#8070
-
#799 taloeyteay (จากตอนที่ 24)วันที่ 18 มีนาคม 2562 / 17:42รู้ว่าต้องออกมาเป็นแบบนี้ ติณต้องเข้มแข็งแค่ไหนกันนะ ขอให้ติณได้เจอกับความรักดีๆ ที่เหมาะกับติณและไม่ต้องมีวันที่เสียใจ กอดดดดด :)#7990
-
#772 _name12 (จากตอนที่ 24)วันที่ 8 มีนาคม 2562 / 20:57ขอบคุณคุณนะที่เข้มแข็งขนาดนี้ เตวิณ#7720
-
#771 kk_40 (จากตอนที่ 24)วันที่ 8 มีนาคม 2562 / 15:27จะรักใครได้เท่าติณมั้ย ฮื่ออออ โอ๋ๆนะติณ#7710
-
#760 gobgab77 (จากตอนที่ 24)วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562 / 23:06พ่อพระ...#7600
-
#752 NNHYENA (จากตอนที่ 24)วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562 / 20:54จุกมากแม่ หาคู่ให้ติณๆ ที#7520
-
#742 blugarxx (จากตอนที่ 24)วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2562 / 23:17รักไม่ได้ก็คือรักไม่ได้จริงๆนั่นแหละ ความรู้สึกมันฝืนกันไม่ได้หรอก สงสารทั้งคู่#7420