ตอนที่ 14 : เหนือปลายเมฆ ☆ XIII
ในวันนี้ผมรู้แล้วว่าไฟที่เคยมอดดับสามารถลุกโชนอีกครั้งได้อย่างไร
ปลายเมฆประคองเด็กขี้เมาออกจากร้านเหล้าด้วยสภาพทุรักทุเรสุดๆ เท้าก็เจ็บ เด็กในอ้อมแขนก็เมา เขาเพิ่งรู้ว่าเวลามันหวานเมาแล้วควบคุมได้ยากขนาดนี้ เด็กน้อยเกาะก่ายเขาดั่งตัวเองเป็นหมีโคอาล่าและเขาคือต้นยูคาลิปตัสอย่างไรอย่างนั้นกว่าจะยัดเข้ารถได้ก็เล่นเสียเหงื่อไปหลายหยด
คุณหมอรีบเร่งฝีเท้าก่อนจะสอดตัวเข้าที่นั่งฝั่งคนขับแล้วเอี้ยวตัวมาคาดเข็มขัดนิรภัยให้กับเด็กเมาที่นั่งหน้าแดงแจ๋อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
มันหวานคงไม่รู้ว่าเกือบทำให้ผู้ชายสองคนต่อยกันในห้องน้ำนั่น แต่นั่นแหละมันยังไม่เกิดขึ้น ปลายเมฆคิดว่าเตวิณก็คงจะรู้ว่าตัวเองไม่มีวันชนะได้ในค่ำคืนนี้ ถึงได้ล่าถอยออกไปก่อนที่จะได้มีเรื่องกัน
ที่จริงแล้วพื้นฐานของปลายเมฆไม่ใช่คนชอบหาเรื่องหรือตัดสินอะไรด้วยกำลังนักแต่ไม่รู้ทำไมพอเห็นว่าเตวิณโอบเอวมันหวานเข้าไปห้องน้ำแบบนั้นมันถึงทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกไฟสุมอยู่ในอก มันร้อนรุ่มแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมานานแล้วเหมือนกัน
บางทีอาการแบบนั้นคงจะเรียกว่าหึงล่ะมั้ง
“งืออออ ร้อนนนน”
เสียงหวานติดแหบงัวเงียกลบความเงียบในระหว่างที่คุณหมอกำลังตั้งใจขับรถกลับคอนโด ปลายเมฆเหลือบตามองเด็กไร้สติที่นั่งพลิกไปมาเหมือนคนไม่สบายตัว เสื้อนักศึกษาก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อจนกลบกลิ่นกายหอมประจำตัวเสียหมด
คนตัวโตกว่าถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะตบไฟเลี้ยวเข้าจอดข้างทาง คุณหมอปลดเบลท์ของตัวเองออกก่อนจะเอี้ยวตัวมาหาคนเมา นิ้วเรียวยาวจัดการปลดกระดุมสีใสบนเสื้อนักศึกษาของมันหวานออกสองเม็ดเพื่อระบายความร้อนให้ เขาพยายามไม่ใช้สายตาล่วงเกินแผ่นอกขาวๆที่กระเพื่อมลงตามลมหายใจแม้มันจะล่อสายตามากๆก็ตาม
“หมอปลายจ๋า” เอ่ยเรียกเสียงหวานมือไม้ก็สะเปะสะปะไปหมดจนคนแก่กว่าต้องรวบมือทั้งสองข้างไว้ ฝ่ามือข้างที่ว่างก็เช็ดเหงื่อตามกรอบหน้าออกให้ ทั้งที่แอร์ก็เร่งให้ขนาดนี้แต่มันหวานก็ยังเหงื่อออกมากมาย สงสัยคงเพราะฤทธิ์เหล้าที่กำลังลงโทษเด็กดื้อเป็นแน่
ไม่รู้ตัวเลยหรือไงว่าตัวเองคออ่อนมากขนาดไหน นี่ถ้าเขาไม่ตามไปดูไม่รู้ป่านนี้จะโดนมอมหนักกว่านี้หรือเปล่า
“หมอปลายใช่ไหมอ่า”
ดวงตากลมนั้นหยาดเยิ้มไปหมดจนปลายเมฆไม่กล้ามองเต็มตา มันหวานตอนนี้ดูเป็นเด็กดื้อที่เขากำลังไม่คุ้นชิน คุณหมอหนุ่มพยายามจับมือที่เริ่มอยู่ไม่สุกของเด็กขี้เมาแต่เหมือนมันหวานจะไม่ให้ความร่วมมือเลยสักนิด
มือน้อยๆนั้นกลับเพิ่มแรงขืนมือตัวเองออกจากการจับกุม ปลดเบลท์ของตัวเองออก ก่อนจะวาดแขนโอบรอบคอของคนแก่กว่าแล้วออกแรงรั้งให้ใบหน้าของเขาทั้งคู่อยู่ห่างกันเพียงนิด
ปลายเมฆรับรู้ถึงลมหายใจกลิ่นเหล้าที่ไม่เหมาะกับมันหวาน และแก้มกลมนั้นกำลังแดงจัดทั้งสองข้าง
ตอนนี้ปลายเมฆรู้แค่ว่าถ้าไม่ใช่เขาที่อยู่ตรงนี้มันหวานคงจะตกอยู่ในสภาวะอันตรายแน่ๆ
“มันหวาน เราเมามากแล้วนะ” เขาเอ่ยเสียงเบาเพราะระยะห่างเพียงเท่านี้แค่เปิดปากพูดริมฝีปากของเขาทั้งคู่ก็แทบจะแตะกันแล้ว
ปลายเมฆแตะท่อนแขนเล็กของอีกฝ่ายเบาๆเพื่อเรียกสติ แต่เหมือนมันหวานจะลืมมันไว้ที่ร้านเหล้า เด็กขี้เมาไม่ให้ความร่วมมือเพราะมือเล็กๆนั้นกำลังสอดเข้าที่กลุ่มผมสีเข้มของเขา และนวดคลึงสลับกับขยุ้มเบาๆจนปลายเมฆรู้สึกว่าอัตราการเต้นหัวใจของเขามันไม่คงที่
“พี่ปลายเมฆ..มันหวาน”
“…”
“ขอจูบพี่ได้ไหม”
คนตัวอ่อนวาดรอยยิ้มหวานเชื่อมบนใบหน้า ดวงตากลมนั้นวิบวับได้อย่างไม่น่าให้อภัย ปลายเมฆไม่รู้ว่าเขาควรจะตอบคำถามนั้นแบบไหน เขาทั้งสองเคยจูบกันแล้วก็จริงแต่มันเพียงแค่คืนนั้นคืนเดียวและหลังจากนั้นก็ไม่ได้เกิดขึ้นอีก
แต่ในวันนี้มันกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งโดยที่อีกคนกำลังเมาเสียด้วย
“นะ..นะจ๊ะ”
วงแขนเล็กนั้นออกแรงรั้งคอเขาเพิ่มขึ้นจนปลายจมูกของเขาทั้งสองแตะกัน ปลายเมฆหลุบตามองริมฝีปากสีอ่อนที่ตอนนี้ช่างยั่วใจมากกว่าครั้งแรกที่ได้สัมผัส ก่อนที่ความอดทนเขาจะหมดลงและเริ่มช่วงชิงลมหายใจของกระต่ายขี้เมา
รสจูบของมันหวานยังคงนุ่มลิ้นเหมือนครั้งแรกแม้เขาจะต้องลิ้มรสชาติของแอลกอฮอล์ที่อีกคนได้ดื่มไป แต่มันไม่ได้กลบความหวานของรสจูบนี้ไปเลยสักนิด เรียวลิ้นร้อนดูดดึงกับเรียวลิ้นเล็กๆที่กำลังซนได้ที่ มันหวานพยายามจูบตอบเขากลับอย่างไม่ยอมแพ้ มือเล็กนั้นก็ยังคงทำหน้าที่ขยุ้มกลุ่มผมเขาไปด้วย
เขาไม่รู้ว่าควรจะชื่นชมดีไหมที่มันหวานเรียนรู้การจูบได้รวดเร็วแบบนี้
เนิ่นนานเป็นนาทีก่อนที่เขาทั้งสองจะละจูบแสนเอาแต่ใจออกจากกัน คุณหมอมองริมฝีปากเล็กที่แดงจัดจากการดูดดึงอย่างหนัก เขาส่งปลายนิ้วนวดคลึงมันเบาๆก่อนจะจูบทับลงอีกครั้ง สัมผัสหนักๆที่เต็มไปด้วยอารมณ์มากมายในร่างกาย ปลายเมฆไม่เคยรู้ว่าจูบของมันหวานจะไร้การต้านทานได้ขนาดนี้ ยิ่งเด็กน้อยจูบตอบ ยิ่งพยายามเอาใจ มันยิ่งทำให้ปลายเมฆรู้สึกบางอย่างขึ้นมากกว่าเดิม
เขาชอบจูบของมันหวาน
และเขากำลังเสพติดมัน
“อื้มม”
มือเล็กละออกจากกลุ่มผมมาเป็นลาดไหล่กว้างทั้งสองข้างก่อนจะบีบเบาๆ สัมผัสได้ถึงความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ทำให้ใจสั่น มันหวานเคลื่อนฝ่ามือมาประคองกรอบหน้าหล่อเหลาของคุณหมอและจูบตอบอย่างไม่ยอมแพ้
แม้สติจะน้อยนิดแต่มันหวานตั้งใจกับจูบในครั้งนี้นั่นคือเรื่องจริง
เขาทั้งสองจูบกันอยู่แบบนั้นหลายนาที เสียงของจูบดังก้องไปทั้งคันรถแต่เขาทั้งคู่กลับไม่สนใจอะไรทั้งนั้นนอกจากรสจูบที่ตอกย้ำความรู้สึกของพวกเขาให้มากขึ้นมากกว่าเดิม
มันชัดเจนมากกว่าเดิม
“ปากบวมหมดแล้ว”
คุณหมอเอ่ยหลังจากถอนจูบออกมา เด็กน้อยยังคงมองกันด้วยสายตาหวานเยิ้ม สาบเสื้อนักศึกษานั้นเปิดออกกว้างมากกว่าเดิมจนปลายเมฆต้องรวบมันให้ปิดมิดชิดขึ้น
“มันหวานชอบหมอปลายนะ”
“…”
“ชอบมากจริงๆ”
ไม่ว่าในยามที่มีสติหรือยามที่แทบจะไม่มีเหมือนตอนนี้ สิ่งเดียวที่มันหวานยังคงชัดเจนต่อกันก็ยังคงเป็นเรื่องของหัวใจ
“พี่รู้แล้ว พี่รู้แล้วครับมันหวาน” ฝ่ามือใหญ่ลูบแก้มเนียนอย่างแผ่วเบาก่อนจะกดจูบลงที่หน้าผากมนอย่างนุ่มนวล
เขารู้แล้ว ปลายเมฆรู้แล้วว่ามันหวานชอบกันมากแค่ไหน
เพราะตอนนี้เขาก็ชอบมันหวานมากๆไม่ต่างกันเลย
กว่าจะพากันมาถึงคอนโดได้ก็ปาไปสี่ทุ่มกว่าพร้อมกับฝนที่กำลังตั้งเค้า โชคดีที่พระเจ้าไม่นึกสนุกแกล้งกันให้เปียกปอนก่อนถึงห้องไม่งั้นเด็กน้อยในอ้อมแขนคงจะโดนไข้กินแหงๆ
คุณหมอแตะคีย์การ์ดหน้าประตูห้อง แขนก็ประคองคนขี้เมาที่จะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ ใช้ปลายเท้าเตะเพื่อปิดประตูก่อนจะหันมาสนใจมันหวานอีกครั้ง เขาเปิดประตูเข้าห้องนอนของเด็กน้อยแล้วค่อยๆประคองคนตัวเล็กกว่านอนราบกับผืนเตียงด้วยความนุ่มนวล
ปลายเมฆเดินไปเปิดไฟก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ ถึงแม้มันหวานจะไม่ได้ตัวหนักอะไรแต่การที่ต้องประคองคนเมาที่เดินไม่ค่อยจะเป็นมาถึงห้องก็เล่นเอาเหนื่อยได้เหมือนกัน
“งือออ”
เสียงงุ๊งงิ๊งเหมือนลูกหมาละเมอทำเอาคุณหมอหลุดขำ คนตัวสูงค่อยๆหย่อนก้นนั่งลงบนที่นอน ปลายนิ้วก็เกลี่ยผมหน้าม้าชื้นเหงื่อออกจากหน้าผากมนเบาๆ มองก้อนแก้มสองข้างที่แดงจนแทบสุกก็ได้แต่ยิ้มออกมาเหมือนคนบ้า
มันหวานน่ารักแม้กระทั่งตอนเมา
มันหวานของเขาน่ารักขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร
“อึก!”
“มันหวาน”
คุณหมอมองเด็กน้อยที่หยัดตัวลุกขึ้นจากที่นอนทั้งที่ตาสองข้างยังคงปิดสนิท มือบางข้างขวานั้นทาบลงที่ปากของตัวเองพร้อมกับเสียงอึกอักที่ปลายเมฆเริ่มเดาได้แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้
“มันหวานฮึบไว้ก่อนพี่จะพาไปห้องน้ำ”
คุณหมอเร่งบอกเพราะคงไม่ดีแน่ถ้าเด็กขี้เมาจะอ้วกรดที่นอนและตัวเอง ปลายเมฆประคองคนตัวเล็กที่ยกมือปิดปากแน่น เขาก้าวเท้าไวขึ้นเพื่อให้ไปถึงยังห้องน้ำ แต่เหมือนมันหวานจะรอไม่ไหวเด็กน้อยละมือออกจากปากตัวเองก่อนจะจับเข้าที่ปกเสื้อของเขาแน่นและอาเจียนออกมารดเสื้อผ้าราคาแพงของเขา
จนได้สินะมันหวาน
เป็นครั้งแรกเลยที่ปลายเมฆอยากจะตีลูกคนอื่นเนี่ย
“อ่อก! แค่กๆ ฮื่ออ”
ให้ตายเถอะเจ้ากระต่ายขี้เมา
ปลายเมฆเบือนหน้าหนีเขาไม่สามารถมองผลงานที่มันหวานฝากไว้ได้ในตอนนี้ คุณหมอยืนนิ่งค้างให้เด็กน้อยขย้อนสิ่งที่กินเข้าไปใส่เสื้อผ้าเขาจนพอใจและทำใจรับรู้ถึงช่วงอกที่กำลังเปียกชุ่ม
“หงึ เหม็นอ่า ”
อืม ปลายเมฆก็เหม็น
คนเมาบ่นงึมงำกับกลิ่นไม่พึงประสงค์ ส่วนคนที่นิ่งเป็นหุ่นไปแล้วนั้นทำเพียงแค่กระพริบตาปริบๆก่อนที่จะเรียกสติของตัวเองให้กลับคืนมา ปลายเมฆแกะเด็กน้อยออกจากการเกาะกุม เขาพามันหวานไปเข้าห้องน้ำอย่างที่ใจนึกตอนแรก ก่อนจะจัดการพับฝาโถส้วมลงและจับให้นั่งดีๆ
ปลายเมฆส่ายหน้าอย่างเอือมระอากับสภาพของมันหวานในตอนนี้ก่อนจะหันมาสนใจตัวเองอีกครั้ง คุณหมอปลดประดุมเสื้อของตัวเองออกก่อนจะโยนมันใส่ตะกร้าผ้าแล้วละมาเปิดน้ำจากอ่างล้างหน้า ควักน้ำมาลูบลงที่แผ่นอกชื้นๆของตัวเองลวกๆ ก่อนจะหันไปหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนสีขาวมาซับน้ำบิดหมาดๆแล้วนำไปเช็ดปากให้คนขี้เมาที่กำลังนั่งหลับอยู่บนโถส้วม
“ให้ตายสิ”
ปากก็บ่นไปแต่มือก็จับผืนผ้าซับตามดวงหน้าหวานมาถึงลำคอและหยุดไว้แค่นั้น ปลายเมฆวางผ้าหมาดน้ำไว้บนอ่างล้างหน้าและประคองเด็กน้อยออกมาจากห้องน้ำเพื่อไปส่งยังที่เตียงอีกครั้ง
จัดการให้อีกคนนอนในท่าที่สบายๆ สาบเสื้อนักศึกษาที่เปิดกว้างนั้นถูกปลดกระดุมออกจนหมด ปลายเมฆคิดว่าเขาควรจะเปลี่ยนเสื้อให้มันหวาน อย่างน้อยก็ไม่ต้องทนนอนพร้อมกลิ่นเหล้าที่คละคลุ้งของตัวเอง ถึงแม้ว่าหน้าอก หน้าท้องขาวๆจะทำร้ายเขามากๆในตอนนี้ก็ตาม
ชายหนุ่มหยัดตัวลุกขึ้นจากเตียง เดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้าและหยิบเสื้อออกมาสักตัว เขารีบจัดแจงสวมใส่ให้อีกคนและปล่อยให้ได้นอนจริงจังเสียที ตอนนี้มันหวานหมดฤทธิ์ ไม่หือไม่อืออะไรทั้งสิ้น ซึ่งนั่นมันก็ดีเพราะปลายเมฆไม่อยากรับมือกับคนเมาอีกแล้วในตอนนี้
คนแก่กว่าถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะจัดแจงผ้าห่มผืนหนาให้ห่มกายเด็กน้อยดีๆ ยังไงคืนนี้ฝนก็คงตก มันคงจะไม่ดีถ้ามันหวานป่วยอีกเหมือนตอนที่อยู่ต่างจังหวัด เขาสำรวจความเรียบร้อยของเด็กแครอทอีกครั้งก่อนจะลุกออกจากเตียงและไปจัดการตัวเองบ้าง
หวังว่าตื่นขึ้นมามันหวานจะจำได้ล่ะนะว่าตัวเองได้ก่อเรื่องอะไรไว้บ้าง
แปดโมงตรงตามเวลาเคารพธงชาติ เสียงของนาฬิกาปลุกดังขึ้นเหมือนกับทุกๆวันที่ตั้งไว้ มันหวานขมวดคิ้วเมื่อโดนขัดใจก่อนที่เปลือกตาสีน้ำนมจะค่อยๆเปิดขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือเพดานห้องสีขาวๆ เอาล่ะนี่คือห้องนอนมันหวานไม่มีผิดแน่ แต่ทำไมอาการปวดหัวเหมือนจะระเบิดในตอนนี้มันถึงเกิดขึ้นกับมันหวานกันล่ะ
แกร๊ก!
ก่อนที่จะได้ทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกมาเสียก่อน เด็กตัวขาวเบิกตากว้างเมื่อคนที่กำลังก้าวเท้ามาหาคือคุณหมอคนหล่อที่อยู่ในเสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวของมันหวาน
เดี๋ยวนะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?
แล้วจะไม่ให้ตกใจได้อย่างไรในเมื่อหมอปลายออกมาจากห้องน้ำของเขา และเสื้อคุมนั้นก็ของมันหวานแน่แท้เพราะของหมอปลายน่ะไม่สีดำก็สีน้ำเงินเข้ม มันหวานรู้เพราะมันหวานเป็นคนจัดการเรื่องเสื้อผ้าตั่งต่างของคุณหมอตัวสูงในยามที่คุณหมอไม่ว่างกลับห้อง
“พี่หมอมาอยู่ในห้องของมันหวานได้ยังไงจ๊ะ?”
“ตื่นแล้วหรอเรา”
หมอปลายเมฆไม่เอ่ยตอบคำถามกันแต่กลับคว้ามือถือของมันหวานตรงหัวเตียงมากดปิดการปลุกก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาหาและแตะฝ่ามือลงที่หน้าผากของมันหวานเบาๆ
“ตัวอุ่นๆ”
เหมือนสมองยังคงไม่ตอกบัตรทำงาน มันหวานเริ่มงงไปหมด ทำไมหมอปลายออกมาจากห้องน้ำมันหวาน ทำไมไม่ไปอาบน้ำห้องตัวเอง
“จำไม่ได้?” เสียงเข้มเอ่ยถามเมื่อคนเด็กกว่ามีสีหน้าสงสัยอะไรหลายๆอย่างอย่างไม่ปิดบังเลยสักนิด
นี่ไงล่ะของมึนเมาพรากความจำที่แท้จริง
“ทำไมพี่หมอออกมาจากห้องน้ำของมันหวาน” ข้อสงสัยแรกถูกถามออกไป
“เมื่อคืนพี่นอนห้องนี้”
“นอนห้องนี้!?” มันหวานตกใจกับคำตอบจนเผลอเอ่ยถามเสียงดังก่อนจะค่อยๆลดเสียงตัวเองลงเมื่อรู้ตัว “เรานอนด้วยกัน..”
“แค่นอนเตียงเดียวกัน เหมือนที่เรานอนห้องพี่” หมอปลายยังคงเอ่ยตอบหน้าตายเหมือนไม่ได้มีอะไรน่าตกใจทั้งที่มันหวานตาโตเหมือนไข่ห่านไปแล้ว
“ทำไมล่ะจ๊ะ ทำไมพี่หมอนอนกับมันหวาน” ความสงสัยข้อที่สอง
“เมื่อคืนฝนตก พี่กลัวเราไม่สบาย”
ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี..
“เอาเป็นว่าพี่แค่นอนข้างๆเราเมื่อคืน” คุณหมอเอ่ยบอกรวบรัดเมื่อเด็กน้อยยังคงทำหน้างงไม่เลิก “คราวนี้ตาเรา จำอะไรได้บ้างเรื่องเมื่อคืน”
“คือ..มันหวานจำได้ว่าไปกินเลี้ยงสายรหัสที่ร้านเหล้า..”
“อ่าห้ะ”
“แค่นั้นจ่ะ”
เด็กน้อยหน้าเจื่อนลงเมื่อคนตรงหน้าส่ายหน้าเบาๆใส่กัน ก็มันหวานจำได้แค่นี้จริงๆนอกจากนั้นก็จำไม่ได้แล้ว จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ากลับมานอนที่เตียงได้ยังไง แต่เดาว่าคงเป็นเพราะหมอปลายไปรับนั่นแหละ ก็หมอปลายบอกว่าให้ส่งโลเคชั่นไปให้แล้วจะมารับ แต่มารับยังไงตอนไหนมันหวานจำไม่ได้เลยสักอย่าง
“เราดื่มเหล้า”
“คือมันหวาน..” เด็กน้อยเสียงแผ่วลงเพราะคนตัวสูงมีท่าทีเหมือนจะดุกัน
“ไม่น่ารักเลยรู้ไหม” ปลายเมฆว่า สายตาจดจ้องเด็กหน้าหวานที่เริ่มหลบสายตากัน
“มันหวานขอโทษ..”
สองมือเล็กคว้าเข้ากับมือหนาที่วางอยู่บนตัก มันหวานลูบมือคุณหมอเบาๆเพื่อหวังให้คนตัวโตไม่ดุกันมากไปกว่านี้ และถ้าเลวร้ายกว่านั้น ถ้าหมอปลายโทร.ไปฟ้องพ่อกำนันมันหวานได้โดนดุจนหูชาแหงๆเผลอๆคงโดนสั่งให้กลับบ้านนอกเลยล่ะ
“ถ้าพี่ไม่ไปเฝ้าเราจะโดนมอมแค่ไหนรู้ไหม”
“พี่หมอไปเฝ้ามันหวานหรอจ๊ะ?” มันหวานถามตาโต นี่หมอปลายไปเฝ้ามันหวานด้วยหรอ ทำไมไม่เห็นรู้เรื่องเรื่องเลยสักนิด
“มันไม่ใช่ประเด็น ประเด็นมันอยู่ที่เราดูแลตัวเองไม่ได้แต่ก็ปล่อยให้ตัวเองดื่ม”
“มันหวานไม่ได้อยากดื่มหรอกจ้ะ แต่พี่ๆเขาบอกว่าเป็นมารยาท” มันหวานน่ะไม่ได้อยากดื่มเหล้าเลยสักนิดเพราะไม่อยากให้ตัวเองเมา มันหวานไม่รู้ว่าถ้าตัวเองเมาจะเป็นยังไง แต่รุ่นพี่ก็พยายามยัดเยียดให้ มันหวานก็เลี่ยงไม่ได้เพราะเป็นเด็กปีหนึ่ง แก้วแล้วแก้วเล่าที่ถูกส่งมาให้จนมันหวานนับไม่ได้ว่าดื่มไปกี่แก้ว แต่นั่นแหละจะกี่แก้วก็ช่างแต่มันทำให้มันหวานเมามากแล้วก็ยังทำให้หมอปลายไม่พอใจอีกด้วย
“ยังไม่หมด”
“อะ..อะไรอีกหรอจ๊ะ” นี่มันหวานยังงามหน้าได้มากกว่าเมาอีกหรอเนี่ย
“ทำไมปล่อยให้เตวิณโอบไหล่โอบเอว”
“หือ..?” มันหวานขมวดคิ้วงง
จำไม่เห็นจะได้เลย
“เต็มใจหรือไม่รู้ตัว”
หมอปลายเมฆยังคงถามย้ำเหมือนอยากจะจ้องจับผิด แต่มันหวานจำไม่ได้จริงๆ เตวิณทำแบบนั้นหรอ? มันหวานไม่เห็นจะรู้ตัวเลยสักนิด
“มันหวานไม่รู้ตัว” เอ่ยบอกเสียงอ่อยเพราะกลัวว่าคุณหมอจะโกรธกัน
“ไม่ชอบ” คุณหมอเอ่ยตอบเสียงแข็งแต่มันกลับทำให้มันหวานยิ้มได้ คนตัวเล็กเขยิบกายเข้าหาคนตรงหน้าอีกนิดก่อนจะวาดรอยยิ้มหวานแฉ่งกลบเกลื่อนความผิด
“หึงมันหวานกับเตวิณหรอจ๊ะพี่หมอ”
คนแก่กว่าไม่ตอบในทันที มันหวานได้แต่อมยิ้มมองท่าทีของอีกฝ่าย ถึงไม่ตอบอะไรแต่มันหวานก็รู้ว่าคำตอบของหมอปลายก็ไม่พ้นคำว่าใช่เพราะหมอปลายเมฆกำลังบีบมือมันหวานเบาๆเป็นการตอบรับกลายๆ
เนี่ยหมอปลายเมฆของมันหวานน่ะนะ เวลาเขินที่จะต้องตอบคำถามก็มักจะใช้การกระทำตอบแทนเสมอเลย
มันหวานน่ะชอบอีกฝ่ายจนสังเกตอะไรได้หลายๆอย่างแล้ว
“บอกเตวิณหรอว่าให้มาส่งที่คอนโด”
“หือ? มันหวานไม่ได้บอกนะจ๊ะ แต่มันหวานจำได้ว่าบอกเตวิณไปว่าพี่หมอจะมารับกลับ”
“โกหกสินะ” มันหวานมองคนตรงหน้าที่เอ่ยพูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนที่หมอปลายจะเงยหน้าขึ้นและพูดกับมันหวานต่อ “ยังไม่หมดความผิด”
“ยังไม่หมดอีกหรอจ๊ะ”
“เราอ้วกใส่พี่”
“ห๊า!!”
คราวนี้เด็กน้อยตกใจจนปล่อยฝ่ามือหนานั้นออกเหมือนโดนของร้อนกระตุ้น มันหวานส่ายหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อคำพูดของหมอปลายเมฆ แต่แววตาจริงจังนั้นกลับบอกว่าเรื่องนี้ไร้ความล้อเล่น
ให้ตายสินี่มันหวานทำเรื่องน่าอายขนาดนั้นเลยหรอ!
อ้วกใส่คนที่ชอบเนี่ยนะ!!
มันหว๊านนนนนนน!!!
“ฮื่อออ” มันหวานร้องฮือๆฝ่ามือเล็กก็ปิดหน้าตัวเองหลีกหนีวีรกรรมแสนน่าอายนั่น
ต่อไปนี้เหล้ากับมันหวานเป็นศัตรูกัน!!!!
“ไม่ได้ว่าอะไร ไม่งอแง” ฝ่ามือหนาประคองมือเล็กของเด็กตรงหน้าออกจาการปิดบังใบหน้าของตัวเอง
“มันหวานขอโทษ..” มันหวานได้แต่เบะปากเพราะตัวเองทำให้หมอปลายเมฆลำบากถึงขนาดนี้
“ครับ ให้อภัย”
หือ..ง่ายๆงี้เลย?
มันหวานกำลังงงว่ายกโทษให้กันง่ายๆเลยหรอ เด็กหน้าขาวมองคนตัวสูงที่อมยิ้มน้อยๆยิ่งไม่เข้าใจ หมอปลายสบตากับเขาก่อนจะใช้ปลายนิ้วโป้งแตะลงที่ริมฝีปากมันหวานเบาๆ
“มีเรื่องดีทดแทน”
“อะไรหรอจ๊ะ”
“เราจูบพี่”
“!!”
“ไม่สิ..เราจูบกัน”
มันหวานรู้สึกถึงความร้อนที่กำลังแล่นสู่ใบหน้า เรื่องดีๆที่หมอปลายบอกกำลังเล่นงานมันหวานอย่างหนักหน่วงยิ่งกว่ารู้ว่าตัวเองอ้วกใส่อีกคนเสียอีก
“จูบดุมาก”
“...”
“ปากพี่แทบเจ่อแหน่ะ”
“โอ๊ยยย พี่หมอ!!”
มันหวานทิ้งตัวลงนอนก่อนจะคว้าผ้าห่มมาห่มตัวเองทันที ไม่ไหวแล้ว!ความเขินแตกกระจายไปทั้งตัวเพราะคำพูดของหมอปลายคนเดียว!
“ไม่เขินสิ”
“ฮื่ออออ”
มันหวานได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มต่ำของคนที่อยู่นอกผ้าห่ม ดูท่าคุณเขาจะชอบใจมากเลยสินะที่ทำให้มันหวานเขินเป็นบ้าเป็นบอขนาดนี้ได้
ให้ตายสิมันหวานจะไม่แตะเหล้าอีกแล้ว สาบาน!
“เดี๋ยวหายใจไม่ออก”
จบคำพูดนั้นผ้าห่มของมันหวานก็ถูกเปิดออก มันหวานพยายามยื้อผ้าห่มของตัวเองกลับมาเพราะทนสู้หน้าอีกคนไม่ไหว แก้มก็ร้อนผ่าวๆอย่างไม่น่าให้อภัย ไหนจะสายตาล้อเลียนของหมอปลายนั่นก็อีก
“มันหวานไม่รู้ตัวเลย” เด็กน้อยตอบเสียงอู้อี้เพราะดึงผ้าห่มมาปิดแก้มของตัวเองให้เห็นแค่ดวงตา
“ไม่รู้ตัวเลยหรอ” คุณหมอเอ่ยถามเสียงเรียบและมันหวานได้แต่พยักหน้าหงึกหงักกลับไป
“..”
“งั้นมาลองอีกสักจูบไหม เผื่อจะรู้ตัว”
“ไม่คุยกับพี่หมอแล้ว!!”
“คุยเถอะ อุส่าห์เปลี่ยนเสื้อให้เลยนะ”
!!
ไม่ต้องรอให้สมองประมวลซ้ำมันหวานรีบเปิดผ้าห่มออกและมองเสื้อของตัวเองทันที จริงสิ! ก่อนหน้านี้ต้องเป็นเสื้อนักศึกษานี่ นี่อย่าบอกนะว่า...
“พี่หมอเห็นมันหวานโป๋ไหม!”
“เต็มสองตา”
“!!”
“ขาวจั๊วะ”
“หมอปลายย!!!!”
มันหวานจะก่อกบฏเป็นศัตรูกับเหล้ามันหวานขอสาบาน!!
“ฮัดชิ่ว!”
“เห็นไหม พี่บอกให้กินยาดักไว้ก็ไม่เชื่อ”
“ฮื่อออ มันหวานจะไม่สบายอีกแล้วหรอจ๊ะ”
“แล้วดื้อทำไม”
“ง่ะ”
สองเสียงดังขึ้นในโซนห้องครัวในขณะที่นอกริมระเบียงก็มีเสียงของหยดน้ำตกกระทบลงที่พื้นกระเบื้องเนื่องจากฝนกำลังตกอย่างหนัก เมืองไทยก็อย่างงี้เอาแน่เอานอนกับสภาพอากาศไม่เคยจะได้
คุณหมอที่ช่วยเด็กน้อยล้างจานหลังจากจบมื้อเย็นง่ายๆด้วยกันกำลังเอ่ยดุเด็กดื้อ ทั้งที่บอกแล้วว่าตัวเองนั้นตัวอุ่นๆแต่มันหวานก็ดื้อไม่ยอมกินยา แล้วเป็นไงล่ะมาจามฮัดชิ่วๆสูดน้ำมูกฟืดๆอยู่แบบนี้
“เดี๋ยวกินยานะ พี่จะไปเอามาให้”
“ก็ได้จ้ะ” สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ให้คุณหมอ อีกอย่างมันหวานก็ไม่อยากดื้อไปมากกว่านี้เพราะถ้าป่วยหนักๆขึ้นมาคนที่จะลำบากดูแลมันหวานก็คงไม่พ้นหมอปลายอยู่ดี หนำซ้ำหมอปลายก็เริ่มหายดีแล้วคงต้องไปทำงานถ้าต้องมาคอยเป็นห่วงมันหวาน มาพะวงหน้าพะวงหลังคงจะไม่ดีแน่ๆ
ติ๊งหน่อง!
“เดี๋ยวพี่ไปดูเอง” คนตัวสูงเอ่ยอาสาก่อนจะเช็ดมือให้แห้งแล้วก้าวเท้าไปยังหน้าประตู ไม่รู้ว่าใครกันมาหายามมืดค่ำทั้งที่ฝนตกแบบนี้ ปลายเมฆจับที่ลูกบิดและเปิดออกทันทีโดยที่ไม่ได้ส่องตาแมวเลยสักนิด พอเมื่อบานประตูเปิดออกและเห็นผู้ที่อยู่ข้างหน้ากลับทำให้ร่างทั้งร่างของเขาชาหนึบไปหมด
“พี่เมฆ..”
“ม่านฝน”
“ฮึก…ฮืออ”
ไม่ทันได้ตั้งตัว ไม่ทันได้เรียกสติของตัวเองให้กลับคืนมาเลยสักนิดก็ถูกอีกฝ่ายโถมกอดใส่กัน ปลายเมฆได้แต่ยืนนิ่งอยู่แบบนั้นเพราะความรู้สึกชาทั้งร่างกายนั้นยังคงอยู่ เขาได้ยินเสียงที่เคยคุ้นหูสะอื้นร้องไห้เบาๆ อ้อมแขนที่เขาเคยคุ้นสัมผัสกำลังโอบกอดเขาอย่างแนบแน่น
ม่านฝนคนที่เขารักมาเนิ่นนานนับสิบปี
คนที่ทิ้งเขาไปเมื่อหลายเดือนก่อน
ทำไมถึงกลับมากอดเขาอีกครั้งในวันนี้
“ใครมาหรอจ๊ะพี่--หมอ”
น้ำเสียงสดใสของมันหวานแผ่วลงเมื่อเดินมาหาคนตัวสูงแต่กลับพบว่าอีกคนกำลังถูกใครสักคนโอบกอด ใครสักคนที่หน้าตาคล้ายกับคนที่อยู่ในกรอบรูปบานใหญ่ที่พนังห้อง
ใครคนนั้นที่ชื่อว่าม่านฝน
คนรักของหมอปลายเมฆ
“พี่เมฆ..ฝน”
มันหวานไม่รู้ว่าเขาควรจะเดินออกไปจากตรงนี้ดีไหม สองขาของเขาเหมือนถูกตรึงอยู่กับที่ มันก้าวไม่ออกแม้แต่ก้าวเดียว สายตาทำเพียงแค่จดจ้องคนสองคนที่ยืนกอดกัน ไม่สิ..มีแต่คนที่ชื่อม่านฝนที่กำลังกอดหมอปลาย ส่วนคนตัวสูงนั้นทำเพียงแค่ยืนนิ่งๆแบบที่มันหวานไม่รู้เลยว่าหมอปลายกำลังคิดอะไรอยู่
มันหวานรู้แค่ว่าตอนนี้อยู่ดีๆหัวใจก็เจ็บขึ้นมา
ความเจ็บที่มาพร้อมกับความหวาดกลัว
“มาทำไม”
เสียงทุ้มๆนั้นเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบาเคล้ากับความสั่นไหว ชายหนุ่มที่เพิ่งหาสติของตัวเองเจอเอ่ยถามคนที่กอดตัวเองอยู่ ก่อนจะค่อยๆผละกอดของอีกฝ่ายออก
ปลายเมฆมองหน้าม่านฝนที่กำลังร้องไห้ด้วยใบหน้าแดงก่ำ ร่างบางนั้นสั่นเทาแบบที่ปลายเมฆไม่เคยเจอมาก่อน ตอนที่เลิกกันม่านฝนยังไม่ร้องไห้หนักขนาดนี้เลยสักนิด
“ฝนขอโทษ ฮึก...ขอโทษ”
ม่านฝนเอาแต่ย้ำคำว่าขอโทษที่ปลายเมฆไม่มีทางเข้าใจ อยู่ดีๆก็มาหากัน อยู่ดีๆก็ร้องไห้และกอดเขาแน่นพร้อมกับเอ่ยคำขอโทษ
อยู่ดีๆก็มามีตัวตนในวันที่เขาห่างหายจากความคิดถึงไปแล้วน่ะหรอ
“เข้ามาก่อน”
ปลายเมฆเพิ่งสังเกตว่าม่านฝนตัวเปียกชุ่มไปหมด เขาเดินนำอีกคนมายังโซฟาก่อนจะหันไปมองเด็กหนุ่มที่ยืนนิ่งด้วยความไม่เข้าใจแต่ปลายเมฆกลับเห็นว่าแววตาของมันหวานมีความสั่นไหวอยู่ในนั้น
“มะ..มันหวานไปเอาน้ำมาให้แขกนะจ๊ะ” เอ่ยบอกแค่นั้นก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปยังครัว มันหวานไม่รู้ว่าควรทำยังไงกับสถานการณ์ที่ไม่ได้เตรียมตัวจะมาเจอ
ไม่มีใครคาดคิดว่าคนที่ชื่อม่านฝนจะปรากฏตัวขึ้นในวันนี้
และตอนนี้มันหวานกลับรู้สึกไม่ชอบใจเลยสักนิด
ในคำว่าขอโทษของม่านฝนเหมือนมันแฝงไปด้วยความต้องการบางอย่างที่มันหวานหวังว่ามันจะไม่เกิดขึ้น
ขอร้องว่าบางสิ่งนั้นอย่าได้เกิดขึ้นเลย
ทางด้านของคุณหมอ ปลายเมฆนั่งลงที่โซฟาตัวเล็กและปล่อยให้ม่านฝนนั่งโซฟาตัวยาว เขากวาดสายตามองร่างบางตรงหน้าที่ผ่อนแรงสะอื้นลง ม่านฝนกำลังสบตาเขาและนั่นทำให้เขาเห็นความแตกสลายบางอย่างจากดวงตาที่เขาเคยหลงรักมากมาย
“เกิดอะไรขึ้น” ปลายเมฆเอ่ยถามเสียงเรียบพยายามไม่ให้ความสั่นไหวบางอย่างที่เกิดขึ้นกะทันหันแสดงออกมาให้อีกฝ่ายได้รับรู้
“ฝนไม่เหลือใครแล้ว ฮึก! ไม่มีใครรักฝนเลยพี่เมฆ” ร่างบางเริ่มร้องไห้อีกครั้ง ม่านฝนเขยิบเข้ามาใกล้กันก่อนจะจับฝ่ามือของเขาไปกุมไว้
“หมายความว่ายังไง” ปลายเมฆมองมือของตัวเองที่กำลังถูกสัมผัสด้วยฝ่ามือบางคู่เดิมที่เขาเคยหวงแหนนักหนา
สัมผัสจากมือม่านฝนเย็นเฉียบและมันส่งผลมายังที่ใจของเขา
เหมือนเมื่อก่อน เมื่อตอนที่ยังมีกัน
“ฝนโดนไล่ออกจากงาน..” เสียงติดสะอื้นเริ่มอธิบาย
“...”
“พอพ่อแม่รู้ก็ด่าฝน พี่เมฆก็รู้ว่าพวกเขาไม่ค่อยรักฝนนัก”
ปลายเมฆผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ เขารู้ดีว่าพ่อแม่ม่านฝนไม่ค่อยลงรอยกับลูกตัวเองเท่าไรนัก พ่อแม่ม่านฝนเป็นคนต่างจังหวัดที่หวังสูงในตัวลูกชายคนเดียวของตัวเอง บังคับม่านฝนให้ทำแต่สิ่งที่ตัวเองต้องการมาตลอด เขาจำได้ดีว่าม่านฝนเคยร้องไห้เพราะพ่อแม่ตัวเองมากแค่ไหน
เคยแม้กระทั่งจะฆ่าตัวตายเพราะแบกรับสิ่งเหล่านั้นไม่ไหว
นั่นจึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เขารักและเป็นห่วงม่านฝนมากมาย
“พ่อแม่ไม่เข้าใจ เขาไม่เข้าใจว่าฝนพยายามอย่างเต็มที่แล้ว”
“แล้วแฟนไปไหน”
คำถามนั้นทำให้ร่างบางชะงัก ดวงตาสั่นไหวจ้องมองคุณหมอตรงหน้าและปลายเมฆไม่คิดจะหลบสายตา เขามองแววตาที่เคล้าความเศร้าของม่านฝนก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้ง
“คนที่ทำให้ฝนทิ้งพี่ไป แล้วเลือกเขาน่ะ ไปไหนแล้วล่ะ”
ปลายเมฆไม่ได้อยากประชดประชัน แต่แค่อยากรู้ว่าในสถานการณ์แบบนี้ทำไมเป็นเขาที่ม่านฝนเลือกมาหาแทนที่จะเป็นคนรักคนใหม่ของตัวเอง
“ฝนกับเขาเราเลิกกันได้เดือนกว่าแล้วครับ”
“…”
“เราสองคนต่างกันมากเกินไป เราทะเลาะกันบ่อยขึ้นและฝนไม่ได้รักเขาขนาดจะยอมทนได้ทุกอย่าง” ม่านฝนบีบมือหนามั่นขึ้น
“...”
“ฝนมารู้ตัวว่าฝนไม่ได้รักเขา..เท่าที่ฝนรักพี่เมฆเลย”
“ฝน”
เพล้ง!
เสียงของตกแตกทำให้คนสองคนสะดุ้งตกใจก่อนจะมองไปยังต้นเสียง ตรงนั้นกับผู้ชายหน้าหวานที่ม่านฝนไม่คุ้นเคยกำลังมองมาที่พวกเขา ม่านฝนไม่รู้ว่าคนนั้นเป็นใครแต่พี่เมฆของเขากลับรีบลุกขึ้นและเดินเข้าไปหาทันที
“มันหวานขอโทษ ขอโทษนะจ๊ะ” มันหวานรนบอกเสียงสั่นก่อนจะก้มลงไปหวังจะเก็บเศษแก้วที่ตนเองเผลอทำแตกหลังจากได้ยินประโยคนั้นจากผู้ชายที่ชื่อม่านฝน
“ไม่ต้อง เดี๋ยวพี่เก็บเองครับ” ปลายเมฆคว้ามือบางไว้ก่อนที่มันหวานจะแตะเศษแก้วที่แตก เขาจับฝ่ามือเล็กที่สั่นไหวจนรู้สึกได้ คนตัวโตใช้มือข้างซ้ายประคองหน้าอีกฝ่ายให้สบตากันเพราะมันหวานเอาแต่มองพื้นอยู่แบบนั้น
“...”
“กินยาหรือยัง หื้ม” ปลายเมฆเอ่ยถามเสียงนุ่ม เขากวาดสายตามองดวงหน้าของเด็กน้อยที่กำลังไม่สู้ดีนักโดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่ามีสายตาอีกคู่กำลังมองพวกเขาไม่วางตาเช่นกัน
“พี่หมอบอกว่าจะเอามาให้มันหวาน..” และมันหวานก็รออยู่แต่เหมือนหมอปลายจะลืมเพราะเขาคนนั้นมาหา
“จริงสิ พี่ขอโทษนะครับ”
“พี่หมอ พามันหวานไปกินยานะ..นะจ๊ะ”
ฝ่ามือเล็กทาบทับลงหลังมือหนาที่กำลังจับแก้มของตัวเองอยู่ มันหวานมองแววตาของคนแก่กว่า มันหวานอยากให้หมอปลายตอบตกลง พามันหวานไปกินยาและปล่อยผู้ชายคนนั้นไว้ตรงนี้สักพัก
มันหวานอยากให้หมอปลายสนใจแค่มันหวานในตอนนี้จะได้ไหม เพราะตอนนี้ใจมันหวานกลัวเหลือเกิน
กลัวว่าจะไม่ใช่ตนที่ถูกเลือกในตอนนี้
กลัวกับการกลับมาของใครบางคน
กลัวเหลือเกิน
“ครับ ลุกขึ้นนะ”
รอยยิ้มหวานผุดขึ้นมาบนใบหน้าเมื่อความปรารถนาเป็นจริง มันหวานลุกขึ้นด้วยความช่วยเหลือจากหมอปลาย คนตัวสูงลูบผมของเขาเบาๆก่อนจะหันไปหาอีกคนที่นั่งมองอยู่ที่โซฟาตัวยาว
“พี่จะไปเอาผ้าเช็ดตัวมาให้” หมอปลายเอ่ยบอกกับม่านฝนก่อนที่ร่างบางจะพยักหน้าเบาๆตอบกลับมา
มันหวานเลื่อนฝ่ามือไปกุมมือของคนตัวโตก่อนจะกระชับแน่นขึ้นและพาเดินออกไปจากตรงนี้ มันหวานไม่รู้ว่าคนที่ชื่อม่านฝนจะคิดยังไงแต่มันหวานอยากแสดงให้เห็นว่าตอนนี้หมอปลายเป็นของมันหวาน มันหวานจะไม่ปล่อยให้เขาคนนั้นมาทำให้ความพยายามของมันหวานที่เพียรทำมาสูญเปล่าเด็ดขาด
มันหวานเปิดประตูเข้าห้องนอนของตัวเองก่อนจะปิดมันลง คนตัวเล็กหมุนตัวเผชิญหน้ากับคนตัวสูงก่อนจะสวมกอดหมอปลายเมฆเต็มอ้อมแขน
“มันหวาน..”
“มันหวานกลัว”
“...”
“อยู่ดีๆมันหวานก็กลัว.. พี่หมออยู่กับมันหวานได้ไหม อย่าออกไปได้ไหมจ๊ะ” มันหวานเพิ่มแรงกอดมากขึ้น ดวงหน้าเล็กแนบลงกับแผ่นอกแกร่งเหมือนต้องการที่พักพิง
ความกลัวกำลังก่อตัวกันในหัวใจของมันหวาน ไม่มีอะไรแน่นอนกับห้วงเวลานี้ เขาไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่าถ้าหมอปลายเดินออกจากห้องไปมันจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างหมอปลายและม่านฝนคนนั้น
มันหวานรู้แค่มันหวานหวาดกลัวกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นเหลือเกิน
“มันหวานกลัวอะไรครับ หื้ม” ฝ่ามืออุ่นลูบผมนุ่มของเด็กในอ้อมกอดด้วยความแผ่วเบา ปลายเมฆเอ่ยถามทั้งที่เขาก็พอจะเข้าใจความกลัวนั้นของมันหวาน
“แค่กลัว..แค่ไม่อยากให้ไปไหน”
“...”
“แค่ขอให้อยู่ด้วยกันได้ไหม”
มันหวานเงยหน้าขึ้นเพื่อมองแววตาของคนตัวโตกว่า สองแขนละออกจากเอวหนาก่อนจะประคองแก้มกร้านของอีกคนไว้ด้วยสัมผัสแผ่วเบา
เด็กน้อยเขย่งปลายเท้าขึ้นก่อนจะกดจูบลงที่แก้มกร้านของอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล ลมหายใจอุ่นๆของคนที่กำลังจะป่วยรวยรินอยู่ข้างแก้มก่อนจะเคลื่อนสัมผัสมาประทับที่ริมฝีปากนุ่มอย่างแผ่วเบาและกดเน้นย้ำน้ำหนักลงไปก่อนจะถอนริมฝีปากออกมา
แววตาของมันหวานสั่นไหวจนปลายเมฆสั่นไหวไม่ต่างกัน เขาโอบเอวของคนตัวเล็กกว่าก่อนจะกดจูบลงที่หน้าผากมนผ่านกลุ่มผมหน้าม้าอย่างนุ่มนวล
“มันหวานต้องกินยา”
“หมอปลาย..”
“แค่เชื่อใจพี่อย่างที่มันหวานทำมาตลอดได้ไหม”
คำถามนั้นเหมือนก่อก้อนเหนียวหนืดบางอย่างที่ลำคอ มันหวานรู้สึกเหมือนคำขอที่ให้อีกฝ่ายอยู่ด้วยกันจะไม่เป็นผล เหมือนหมอปลายเลือกจะเดินออกจากห้องของมันหวานเพื่อไปเจอกับใครคนนั้น
“มันหวานเชื่อพี่ แล้วมันหวานได้อะไร” แต่ถึงแบบนั้นมันหวานก็ยังต้องการจะรู้ว่าถ้าตัวเองเรียกร้องอีกครั้ง จะได้รับอะไรตอบกลับมาให้อุ่นใจขึ้นบ้างไหม
“เราทั้งคู่จะเหมือนเดิม ความรู้สึกพี่จะยังเหมือนเดิม”
“...”
“เหมือนคืนนั้น กับจูบแรกของเราสองคน”
เสียงทุ้มนั้นเอ่ยบอกอย่างแผ่วเบาในความรู้สึกของมันหวาน มันหวานไม่รู้เลยว่ามีความหนักแน่นแค่ไหนไหนประโยคนี้ของหมอปลายเมฆ ความกลัวกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นกำลังกลบทุกสิ่งที่ควรเชื่อไปเสียหมด
คืนนั้น.. คืนที่เป็นจูบแรกของพวกเขา คืนที่หมอปลายบอกว่าชอบมันหวาน..มันจะเป็นแบบนั้นต่อไปหลังจากหมอปลายออกไปจากห้องนี้ใช่ไหม
มันจะเป็นแบบนั้นใช่หรือเปล่า
“กลับมา.. กลับเข้ามาหามันหวานนะ”
เอ่ยขอร้องพลางจับมือหนานั้นมาเขย่าเบาๆ มันหวานมองรอยยิ้มอ่อนของคนตรงหน้า พยายามจะมั่นใจและเชื่อใจแบบที่อีกฝ่ายเอ่ยขอแม้ใจจะหวาดกลัวแค่ไหน แต่มันหวานจะทำให้ มันหวานจะเชื่อใจหากมันเป็นความต้องการของหมอปลายเมฆ
หมอปลายไม่ได้เอ่ยตอบกลับอะไร เขาเพียงพยักหน้าเบาๆก่อนจะละตัวไปหยิบกระปุกยาแก้ไข้พร้อมกับเทน้ำที่ถูกวางไว้ที่หัวเตียงส่งให้
“กินยาแล้วนอนนะครับ”
“...”
“หวานเป็นเด็กดีของพี่ใช่ไหม”
“อื้อ.. หวานเป็นเด็กดีของพี่เสมอ”
และหวังว่าพี่จะไม่ทำให้เด็กดีคนนี้ต้องเสียใจนะพี่ปลายเมฆ
ปลายเมฆเดินออกมาจากห้องตัวเองหลังจากหยิบผ้าเช็ดตัวผืนสะอาดติดมือมาให้กับอีกคนที่ยังนั่งรออยู่ที่โซฟา เขายื่นมันให้กับม่านฝนก่อนจะนั่งลงที่โซฟาตัวเดี่ยวตัวเดิม
“จะกลับตอนไหน”
“พี่เมฆ..” ม่านฝนส่งสายตาเว้าวอนให้อีกคน เขาไม่คิดว่าการที่อีกคนหายไปนานเกือบยี่สิบนาทีแล้วกลับออกมาจะพูดประโยคคล้ายกับจะขับไล่กันแบบนี้
“ฝนต้องการอะไร” ปลายเมฆเลือกจะเอ่ยถามออกไปตรงๆ เขาพยายามไม่สบสายตาเว้าวอนคู่นั้นเพราะเขาไม่เคยเอาชนะมันได้เลยสักครั้งในวันวาน
“พี่เมฆยังเกลียด ยังโกรธฝนอยู่ไหม”
“…”
“พี่เมฆยังหลงเหลือความรักให้ฝนอยู่บ้างไหม”
ปลายเมฆมองร่างบางที่ลุกออกจากโซฟาก่อนจะขยับมาหากัน ม่านฝนคุกเข่าลงตรงหน้าของเขาพร้อมกับจับมือไปกุมและลูบมันเบาๆ
“ไม่” ปลายเมฆเอ่ยตอบกลับทั้งที่ไม่กล้ามองอีกฝ่ายได้อย่างเต็มตา
ปลายเมฆมีบางอย่างที่ไม่แน่ใจ ว่าที่ได้เอ่ยออกไปนั้น หมายถึงว่าไม่โกรธ หรือไม่รัก
การปรากฏตัวของม่านฝนทำให้ใจของเขาเกิดการแกว่งไกว ม่านฝนเคยเป็นคนที่มีอิทธิพลมากมายต่อหัวใจของเขา และในวันนี้ปลายเมฆคิดว่ามันยังคงไม่เหือดหายไปได้อย่างสนิทใจ
“ถ้าบอกว่าไม่รัก ฝนว่าพี่เมฆโกหก” น้ำเสียงนั้นคล้ายจะสดใสขึ้น ปลายนิ้วเย็นเฉียบแตะลงที่ปลายคางของเขาก่อนที่สัมผัสนั้นจะบังคับให้หันมามองตากัน “ถ้าพี่เมฆหมดรักฝนแล้ว ทำไมรูปคู่ของเรายังอยู่ที่เดิมล่ะครับ”
ประโยคของม่านฝนทำให้สายตาปลายเมฆต้องตวัดไปมองยังกรอบรูปบานใหญ่ที่ว่า มันยังคงอยู่ที่เดิม ตำแหน่งเดิม เขาไม่เคยย้ายมันไปไว้ที่อื่น มันยังอยู่ตรงนั้นแต่แปลกที่เขากลับหลงลืมมันไปชั่วขณะ
ลืมไปว่ามันเคยอยู่ตรงนั้น เหมือนว่ามีสิ่งที่เขาให้ความสนใจมากกว่าเมื่อกลับมาที่ห้อง
และความสนใจนั้นคงเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากมันหวานที่ต้องทนเห็นรูปคู่ของเขาและม่านฝนในทุกๆวัน
ปลายเมฆได้เผลอทำร้ายความรู้สึกของเด็กแสนดีคนนั้นไปอย่างไม่ได้ตั้งใจอีกแล้ว
“พี่เมฆ”
ปลายเมฆหันมามองร่างบางอีกครั้ง เขาเห็นม่านฝนยิ้ม รอยยิ้มชวนฝันที่ทำให้ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเจอ
รอยยิ้มที่สร้างความรักในหัวใจของเขามาตลอดสิบปี
มันยังคงสวยงามเสมอแม้กระทั่งในวินาทีนี้
“ฝนยังรักพี่เมฆเหมือนเคย”
“รักแล้วทำไมต้องทิ้งกัน” ใช่..หากยังรักทำไมถึงเลือกคนอื่นแล้วทิ้งกันไป
“ฝนขอโทษ ฝนโง่เอง”
“...”
“ให้ฝนแก้ตัวได้ไหม..ฝนขอโอกาส”
“...”
“ถ้าพี่เมฆยังรักฝน เรากลับมาคบกันได้ไหมครับ”
#มันหวานปลายเมฆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อย่าให้ต้องสาปนะหมอออ ทำตัวดีๆ