ตอนที่ 10 : เหนือปลายเมฆ ☆ IX
เหนือปลายเมฆ ☆ IX
หากคุณไม่เปิดประตูหัวใจ คุณรู้ไหมว่าผมจะไม่สามารถเดินเข้าไปหาคุณได้เลย
เข้าสู่อาทิตย์ที่สี่ที่มันหวานใช้ชีวิตในเมืองกรุง และวันนี้เป็นวันแรกที่มันหวานได้เห็นคุณหมอตัวสูงหยุดอยู่ที่คอนโดไม่ต้องไปเข้าเวรเสียที มันหวานเลยใช้โอกาสดีๆแบบนี้อยู่ดูแลหมอปลายเมฆไม่ห่างไปไหน ตั้งแต่ลืมตาตื่นนอนก่อนเพื่อมาทำอาหารเช้าให้ มันหวานอยากจะอวดว่าฝีมือการทำอาหารของมันหวานยังคงอร่อยเหาะเหมือนอย่างเคย
“หมอปลาย กุ้งจ้ะ”
กุ้งตัวโตถูกตักใส่จานคนฝั่งตรงข้ามที่ยังคงทำหน้าอึนไม่ตื่นดีเสียที มันหวานวางกุ้งปรุงรสตัวโตใส่จานคุณหมอแบบที่แกะเปลือกออกหมดพร้อมทานเรียบร้อยพร้อมรอยยิ้มหวานที่มักมีติดใบหน้าเสมอ
“ขอบคุณนะ” ปลายเมฆยิ้มรับก่อนจะตักกุ้งนั้นเข้าปากทันทีเหมือนเอาใจเด็กตรงหน้า รสชาติฝีมือของมันหวานทำให้เขา
หวนกลับนึกถึงตอนที่อยู่ต่างจังหวัดด้วยกัน ชายหนุ่มยังจำได้ดีรสชาติฝีมือของมันหวานยังคงอร่อยไม่เปลี่ยนไปเลย
“วันนี้หมอปลายหยุด อยากไปไหนหรือทำอะไรเป็นพิเศษไหม” แก้มตุ้ยๆของมันหวานเต็มไปด้วยข้าว เด็กหน้าขาวมักลดอายุตัวเองไปอีกเมื่อมีอาหารอยู่ในปาก
“เคี้ยวให้หมดแล้วค่อยพูดมันหวาน” น้ำเสียงโทนต่ำนั้นไม่ได้เอ่ยดุ มันหวานพยักหน้าอย่างว่าง่าย เคี้ยวข้าวในปากจน
เกลี้ยงและยิ้มแฉ่งกลบความไม่น่ารักของตัวเองเมื่อครู่นี้ คุณหมอพยักหน้าเป็นอันพอใจก่อนจะเอ่ยตอบคำถามที่ถูกถามก่อนหน้านี้พร้อมกับตักกับข้าวให้อีกคนบ้าง “ไม่รู้สิ ปกติก็แค่นอนพักอยู่ที่ห้อง”
“เมื่อวานมันหวานเจอร้านหนังสือเปิดใหม่” มันหวานไม่แน่ใจว่าหมอปลายเมฆอยากไปด้วยกันไหมหากเขาชวน แต่มันหวานแค่อยากออกไปไหนกับหมอปลายบ้างนอกจากอุดอู้อยู่แต่ในห้องแบบนี้ “หมอปลายอยากไปไหม”
คุณหมอหนุ่มวางช้อนลงพลางมองหน้าเด็กตรงหน้า ปลายเมฆไม่ชอบไปไหนในช่วงวันที่ได้หยุดพักผ่อนนัก เขาคิดว่าควรนอนเอาแรงก่อนจะต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำอีก แต่เพราะสายตาเหมือนคาดหวังคำตอบของบางคนทำให้ความคิดที่เคยมีมาของเขาเริ่มมีการหักเห
“เอาสิ” และรอยยิ้มกว้างของเด็กแครอทที่ถูกส่งมากำลังทำให้ปลายเมฆรู้สึกว่าเขาตัดสินใจถูกแล้ว
เขาทั้งคู่เลือกเวลาช่วงบ่ายนิดๆในออกจากคอนโดและตรงไปยังร้านขายหนังสือเปิดใหม่ฝั่งตรงข้าม เป็นร้านขนาดกลางที่เต็มไปด้วยหนังสือหลายหมวด
มันหวานดูมีความสุขกับการได้ออกมาข้างนอกแบบนี้จนปลายเมฆเริ่มรู้สึกผิดอีกครั้งที่ไม่มีเวลาดูแลมันหวาน จนอาจจะทำให้อีกคนรู้สึกเหมือนถูกกักขังอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมๆหรือเปล่า
แต่หลายครั้งที่มันหวานมักทำอาหารมาให้ที่โรงพยาบาลอยู่คุยกันเพียงไม่กี่สิบนาที เด็กคนนี้ก็มักแสดงออกให้เห็นเสมอว่าไม่ได้รู้สึกโกรธหรือน้อยใจกับการที่เขาไม่เคยมีเวลาให้เลยนอกจากเอาเวลาทั้งหมดไปทุ่มกับงาน
ปลายเมฆรู้ดีว่ามันหวานกำลังพยายามเดินหน้าเข้ามาเคาะประตูที่หัวใจของเขา แต่การที่แทบไม่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันแบบนี้มันอาจจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกท้อถอย เพราะแบบนั้นในวันนี้ที่ยังคงพอมีเวลาเขาก็เลยอยากเปิดโอกาสลองใช้เวลาอยู่ด้วยกันบ้าง
ปลายเมฆไม่ควรปล่อยให้มันหวานเริ่มทุกอย่างอยู่ฝ่ายเดียวหรอกใช่ไหม
“ปกติหมอปลายชอบอ่านหนังสือแบบไหนหรอจ๊ะ” มันหวานเงยหน้ามองคนตัวสูงข้างกายที่กำลังมองหน้าตัวเองอยู่พอดี
“พวกหนังสือการแพทย์”
“น่าเบื่อแย่เลย”
“หึ” คุณหมอหัวเราะในลำคอ สำหรับเด็กอายุสิบแปดแบบมันหวานมันก็คงดูน่าเบื่อ แต่สำหรับเขามันคืออาชีพที่ได้เงิน น่าเบื่อแค่ไหนก็ต้องอ่าน "แล้วเธอล่ะ" ปลายเมฆถามกลับบ้าง
“มันหวานชอบอ่านนิยาย” เด็กแก้มใสยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนจะหยิบนิยายปกสีหวานขึ้นมาดู
มันเป็นนิยายที่หน้าปกมีรูปวาดผู้ชายสองคน คนหนึ่งดูเท่สุดขั้วและคนหนึ่งน่าปกป้องสุดขีดสำหรับสายตาปลายมฆ นิยายเพ้อฝันแบบนี้สินะที่มันหวานชอบอ่าน
“อยากได้ไหม จะซื้อให้” คุณหมอว่าพลางเลื่อนสายตามองนิยายอีกหลายเล่มที่เรียงรายอยู่บนชั้นก่อนจะหยิบออกมาสามสี่เล่มและอ่านคำโปรยที่ไม่ได้รู้สึกอินไปด้วยเลยสักนิด
มันเป็นหนังสือประเภทที่เขาไม่มีทางจะเสียเงินซื้อมาอ่านแน่ๆ
“ไม่เป็นไรจ้า แล้วนี่หมอปลายหยิบออกมาทำไมเยอะแยะเนี่ย” เด็กน้อยขมวดคิ้วไม่เข้าใจ แต่แทนที่คุณหมอตัวสูงจะตอบ กลับดึงนิยายปกสีหวานของเด็กแครอทมาไว้ในอุ้งแขนและใช้มือข้างที่ว่างจับมือเด็กน้อยเพื่อเดินตามตัวเองมา
มันหวานไม่รู้ว่าหมอตัวสูงกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้วางกองนิยายหลายเล่มนั้นลงที่หน้าเคาน์เตอร์จ่ายเงินและหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาพร้อมกับแบงค์พันสองใบ
“ห่อปกด้วยครับ”
“หมอปลาย” มันหวานกระตุกมืออุ่นของคนตัวสูงเบาๆ มองหน้าคุณหมอที่จ่ายเงินเสร็จสรรพและเดินมาตรงจุดที่รอห่อปก
“อยากซื้อให้ ขอโทษที่ตอนเหงาแล้วฉันไม่ได้อยู่ด้วย” และนั่นคือเหตุผลของปลายเมฆที่ทำให้เด็กหน้างงเมื่อคู่เริ่มทาสีแดงลงบนแก้มของตัวเอง
มันหวานอมยิ้มพยักหน้าน้อยๆกับความใจดีที่ถูกส่งมาให้โดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว จะปฏิเสธว่าไม่รับก็คงไม่ทันเพราะหมอปลายเมฆจ่ายเงินไปแล้ว
และตอนนี้มีสิ่งหนึ่งที่มันหวานรู้เกี่ยวกับหมอปลายเมฆนั่นก็คือ หมอปลายเมฆก็เอาแต่ใจเหมือนกันนะ
“ขอบคุณมากๆนะจ๊ะ มันหวานจะอ่านอย่างดีเลย” และต่อไปนี้เวลาที่มันหวานหยิบนิยายพวกนี้มาอ่านคงจิตนาการตัวละครเป็นใครอื่นไม่ได้อีกแล้วนอกจากตัวเองและคุณหมอปลายเมฆคนนี้
แค่คิดก็เขินจะแย่
มันหวานคิดว่านี่คือเดท เพราะอะไรรู้ไหม? เพราะมันหวานกำลังนั่งอยู่ในคาเฟ่โปรดของหมอปลาบเมฆไงล่ะ
เสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆ กับโกโก้ปั่นเพิ่มวิปครีมและลาเต้ร้อนของหมอปลายกำลังเติมเต็มให้โต๊ะไม่ว่างเปล่า มันหวานจ้องมองผู้ชายฝั่งตรงข้ามที่ยกเครื่องดื่มขึ้นมาจิบ หมอปลายดูน่ามองทุกท่วงท่าสำหรับมันหวาน นี่สินะความรู้สึกของการชอบใครสักคน ในสายตาก็มักจะมองทุกการกระทำของเขาว่าพิเศษกว่าคนอื่นเสมอ
หมอปลายยังคงนิ่งเงียบหากมันหวานไม่ได้เริ่มเปิดบทสนทนาแต่น่าแปลกที่มันหวานไม่ได้รู้สึกอึดอัดกับความเงียบระหว่างกันเลยสักนิด ไม่ใช่เพราะเสียงเพลงสากลที่เปิดอยู่ ไม่ใช่เพราะเสียงคุยจากคนรอบข้าง ไม่ใช่แม้กระทั่งเสียงของเครื่องทำกาแฟที่กำลังใช้งาน
แต่เพราะมันหวานได้ยินเสียงของหมอปลายเมฆจากการกระทำ มือขวายกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม สายตามองออกไปยังถนนด้านนอก นิ้วมือข้างซ้ายที่เคาะลงหน้าโต๊ะเบาๆ หรือแม้กระทั้งการเลียริมฝีปากเมื่อจิบเครื่องดื่มเสร็จ มันหวานได้ยินเสียพวกนั้นจากการกระทำของหมอปลายเมฆทั้งหมด
เพราะว่าหมอปลายเมฆคือสิ่งเดียวที่มันหวานให้ความสนใจ
“จะเอาแต่มองกันหรอ” คนตัวสูงกว่าผินหน้ามามอง มันหวานยิ้มเมื่อถูกจับได้ ยกแก้วโกโก้ปั่นของตัวเองขึ้นมาดื่มแก้ความผิดที่เอาแต่แอบมองอีกคน
“แล้วมันหวานมองไม่ได้หรอ” มันหวานถามเสียงใส ใบหน้าเล็กเอียงไปข้างและนั่นเหมือนเป็นการเพิ่มความน่ารักให้แก่ตัวเองไม่น้อยเลยล่ะ
“งั้นถ้าฉันมองบ้างคงไม่เป็นไรหรอกใช่ไหม” ประโยคนั้นเหมือนจะไม่ใช่ประโยคคำถามแต่คล้ายจะเป็นประโยคบอกเล่า
คุณหมอหนุ่มเอามือเท้าใต้คาง สายตาจับจ้องอยู่ที่ดวงตาคู่สวยของเด็กตรงหน้า มองเด็กหน้าขาวที่ตัวเริ่มไม่อยู่สุข มือของมันหวานที่อยู่บนโต๊ะดูเหมือนจะเริ่มเกะกะจนไม่รู้ว่าต้องไปวางที่ไหน แต่เหมือนสายตานั้นอย่างจะลองเชิงกันถึงพยายามที่จะไม่หลบสายตาของเขา
ปลายเมฆผ่อนลมหายใจเข้าออกเป็นปกติซึ่งผิดจากเด็กฝั่งตรงข้ามที่เริ่มควบคุมการหายใจแทบไม่ได้ มันหวานเริ่มรู้สึกถึงอัตราการเต้นของก้อนเนื้ออกด้านซ้าย มันหวานเริ่มรู้สึกเหมือนโดนสายตาของคนตัวสูงล้วงลึกเข้ามาในความรู้สึก และทุกอย่างที่ว่านั่นกำลังทำให้ความเขินของมันหวานแตกกระจายไปทั้งตัว
และมันกำลังกระจุกไปอยู่ที่พวงแก้ม
“หมอปลาย..” นอกจากลมหายใจจะติดขัดมันหวานยังพูดไม่ค่อยจะออกเมื่อก้านนิ้วเรียวยาวของคุณหมอแตะลงที่แก้มนุ่มของตัวเองพร้อมกับคลึงสัมผัสเบาๆ
“เห็นแก้มแดงนึกว่ามีอะไรติด” คุณหมอเอ่ยพร้อมรอยยิ้มบาง
“...”
“ก็เลยเช็ดออกให้” แต่สิ่งที่บางจนจะขาดอยู่รอมร่อคือหัวใจของมันหวานนี่ล่ะ
ในวินาทีนี้มันหวานตระหนักได้แล้วล่ะ ว่าหัวใจไม่เคยต้านทานคุณหมอตัวสูงนี้ได้เลย
เหมือนมันหวานเพิ่งจะรู้ว่าอีกหนึ่งหน้าที่ของหัวใจตัวเอง คือการที่คอยเต้นอย่างไม่เป็นจังหวะให้กับผู้ชายตรงหน้า
ให้กับหมอปลายเมฆซ้ำแล้วซ้ำเล่า
สองทุ่มสิบห้านาที มันหวานยังคงใช้เวลาอยู่กับหมอปลายเมฆ ตัวติดกันทั้งวันเหมือนกับแฟนแต่มันหวานรู้ดีว่าไม่ใช่เพราะตอนนี้มันหวานอยู่ในสถานะที่กำลังจีบคุณหมอตัวสูงอยู่
มันหวานเรียนรู้อีกหนึ่งข้อของหมอปลายเมฆนั่นก็คือหมอปลายเมฆชอบดูหนังซอมบี้ มันหวานแอบไม่เข้าใจว่าแค่ผ่าตัดในโรงหมอนั่นยังไม่พออีกหรือไง แต่นั่นล่ะนี่คือหมอปลายเมฆที่มันหวานชอบเพราะงั้นแล้วมันหวานก็จะยอมนั่งดูเป็นเพื่อนหมอปลายก็ได้
“กลัวก็ไม่ต้องดู”
หมอปลายหันมามองคนตัวเล็กข้างกายที่มือข้างนึงกำป๊อปคอนไว้แน่น มันหวานไม่ยอมนำมันเข้าปากเสียทีเพราะมัวแต่สะดุ้งฉากที่ซอมบี้ไล่กินสมองคน ทั้งที่เขาก็บอกแล้วว่ามันอาจจะน่ากลัวแต่เด็กหน้าขาวก็ยังรั้นที่จะนั่งดูด้วยกัน
แล้วเป็นไงล่ะ ตาค้างไปแล้วมั้ง
“มันหวานดูได้ๆ” และนั่นเป็นคำเถียงของเด็กขี้ดื้อ
ปลายเมฆไม่ได้เอ่ยอะไรอีกเขาเทความสนใจไปที่หนังตรงหน้าแม้คนข้างกายจะสะดุ้งเป็นพักๆ หรือแม้กระทั่งเขยิบเข้ามาใกล้จนหัวไหล่ชิดกัน
เด็กน้อยแอบเหลือบมองคนข้างกาย เวลาหมอปลายตั้งใจดูหนังก็ยังดูเท่สุดๆ มันหวานไม่รู้ว่าวันนี้ตัวเองชมคนข้างกายไปมากแค่ไหนภายในใจ แต่มันหวานรู้สึกว่าตัวเองยังคงชมหมอปลายได้มากกว่านี้
เสียงดังๆของหนังที่กำลังฉายนั้นมันหวานได้เลิกให้ความสนใจ ป๊อปคอนที่อยู่ครึ่งถังมันหวานก็เลิกกิน มันหวานอิ่ม ไม่ใช่อิ่มท้องแต่เพราะกำลังอิ่มใจ เวลาหลายชั่วโมงในวันนี้มันหวานได้ใช้มันไปกับหมอปลาย เป็นวันที่มันหวานมีความสุขมากๆแม้ว่าวันพรุ่งนี้อาจจะมีบทสนทนาน้อยกว่าวันนี้ไปหลายเท่าก็ตาม
มันหวานยิ้มแม้ตอนนี้สีหน้าหมอปลายเมฆจะเรียบนิ่ง มันหวานไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องยิ้มรู้แค่ว่าเมื่อเห็นหน้าหมอปลายเมฆ เขาก็รู้สึกอยากยิ้ม ยิ้มให้มากที่สุด ยิ้มเผื่ออีกคนที่แทบจะไม่ค่อยยิ้มให้เห็นสักเท่าไร
หนังดำเนินมาถึงตอนจบ มันหวานมองคนตัวโตๆขยับตัวคว้ารีโมทมากดปิดก่อนที่จะหันหน้ามามองกัน ความเงียบเข้าแทรกซึมหลังจากหนังจบลง มันหวานได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเพราะมือแสนอุ่นของหมอปลายกำลังลูบผมของเขาอย่างแผ่วเบา มันหวานเห็นว่าแววตาหมอปลายอบอุ่นแม้ริมฝีปากจะไม่ได้เปื้อนรอยยิ้มเหมือนมันหวานตอนนี้ก็ตาม
“ง่วงหรือยัง”
เสียงของหมอปลายทำลายความเงียบระหว่างกัน มันหวานส่ายหน้าเบาๆ จับมือหนาอีกคนออกจากศีรษะก่อนจะกุมมันไว้ด้วยสองมือ
“หมอปลายง่วงหรอจ๊ะ”
“ยัง”
“อยู่คุยกับมันหวานได้ไหม”
หมอปลายไม่ได้เอ่ยคำตอบแต่กลับพยักหน้าลงเพียงหนึ่งครั้ง มันหวานบีบมืออุ่นข้างที่จับอยู่เบาๆก่อนจะค่อยๆคลึงนวดลงไป อีกฝ่ายไม่ได้ว่าอะไรกับการกระทำนี้และมันหวานไม่รู้ว่าหมอปลายกำลังคิดอะไรอยู่
มันหวานรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆของคนแก่กว่าที่กระทบลงตรงหน้าผากของตัวเอง เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าดวงตาคู่คมนั่นกำลังจดจ้องกันอยู่
“ขอบคุณนะ” หมอปลายเอ่ยเสียงเบา
“ขอบคุณเรื่องอะไรหรอจ๊ะ”
“ที่คอยดูแลฉันทั้งวัน”
ปลายเมฆรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ขอบคุณที่มันหวานดูแลกันตั้งแต่ลืมตาตื่นแม้กระทั่งในเวลานี้ที่นวดฝ่ามือที่เขาใช้ผ่าตัดทุกวัน ปลายเมฆรู้สึกขอบคุณกับความเอาใจใส่ของมันหวานทั้งที่ไม่ได้เรียกร้องเลยสักคำ
ทั้งที่เขายังไม่ได้ตอบแทนอะไรเลยสักอย่าง
ทั้งที่เขากำลังเอาแต่รับอยู่ฝ่ายเดียว
“วันนี้มันหวานดูแลหมอปลายดีไหม” มันหวานถามทั้งที่มือก็ยังไม่หยุดนวดเหมือนรอยยิ้มที่ยังไม่ห่างหายไปไหน
“ดีครับ”
“ชอบไหมจ๊ะ”
“ก็ชอบ”
“แล้วใจอ่อนบ้างหรือยังจ๊ะ”
ประโยคเมื่อครู่เต็มไปด้วยน้ำเสียงคล้ายหยอกเย้า มันหวานแอบขำออกมาเบาๆเมื่อคุณหมอเหมือนมีท่าทีตกใจในคำถามนั้น มันหวานยิ้มก่อนจะสลับมานวดมืออีกข้าง
“ถามก็ไม่ตอบ” มันหวานยังคงแหย่อีกคนไม่เลิก
“ตอบอะไร”
“ก็ที่มันหวานถามหมอปลายไงว่าใจอ่อนบ้างหรือยัง”
“แล้วทำไมต้องรู้”
ปลายเมฆถามพลางคิดขึ้นมาในใจ นั่นสิทำไมต้องรู้ เรื่องแบบนี้ไม่มีใครเขาบอกกันหรอก
“ปากแข็ง” มันหวานยังคงล้อเลียนไม่เลิก ถึงแม้จะไม่ได้คำตอบที่ถูกใจแต่มันหวานรู้ว่าใจของหมอปลายเมฆคงเริ่มอ่อนให้มันหวานบ้างแล้วล่ะ "มันหวานมีเรื่องจะขอหมอปลาย"
“อะไร?”
“มันหวานขอปลูกผักได้ไหม”
“ที่นี่?”
ปลายเมฆเอ่ยถามพร้อมกับนิ้วที่ชี้ลงพื้นห้องของตัวเอง คุณหมอกวาดสายตามองไปรอบๆและเขาไม่เห็นว่าจะมีสักที่ที่มันหวานจะปลูกผักได้
“จ้ะ ที่นี่ หน้าระเบียง” มันหวานชี้ออกไปยังหน้าระเบียงที่มีกระจกใสกั้นไว้ไม่ให้ลมเข้า
“ผักอะไร”
“ถั่วงอกจ่ะแล้วก็ยอดอ่อนทานตะวัน”
คุณหมอครุ่นคิดกับสิ่งที่เด็กน้อยเอ่ยขอ ไม่ได้มีปัญหาหากมันหวานจะขอแบ่งพื้นที่ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ เพราะปลายเมฆจำได้ว่ามันหวานชอบปลูกผักกินเอง แต่ที่เขายังไม่แน่ใจคือที่ริมระเบียงจะปลูกผักให้มันโตจนกินได้จริงๆน่ะหรือ
“ปลูกได้หรอ?”
“ได้สิจ๊ะ ง่ายๆใส่กระบะเล็กๆไม่ใช้พื้นที่เยอะ” มันหวานอธิบาย “ถ้าปลูกโตแล้วมันหวานจะได้เอามาผัดให้หมอปลายกินไง”
มันหวานตั้งใจว่าจะจีบหมอปลายด้วยวิธีที่ตัวเองถนัด มันหวานชอบปลูกผัก ชอบกินผัก แถมยังทำอาหารเก่ง มันหวานจะใช้วิธีนี้ซื้อใจหมอปลาย ผักที่มันหวานปลูกเอง ที่เฝ้ารอมันเติบโต หมอปลายจะต้องซึ้งใจในความพยายามของมันหวานแน่ๆ
“งั้นเอาสิ ตามใจเธอ”
“เย้!” มันหวานชูกำปั้นขึ้นฟ้าหลังจากเจ้าของห้องอนุญาต คุณหมอหนุ่มหัวเราะเบาๆกับท่าทีเด็กๆของคนตรงหน้า
มันหวานยังคงเป็นพลังความสดใสเหมือนพระอาทิตย์ในการ์ตูนเทเลทับบี้เสมอ แม้ตอนนี้จะมืดค่ำแล้วก็ตาม
หลังจากนั้นหมอปลายก็ขอตัวไปอาบน้ำอีกรอบ มันหวานเลยหยิบหนังสือนิยายมาอ่านรอเวลา มันหวานจะไม่นอนก่อนหากไม่ได้ส่งหมอปลายเข้านอนพร้อมคำว่าฝันดี
นิยายที่มันหวานเลือกอ่านเล่มนี้เป็นเล่มที่หมอปลายซื้อให้ มันหวานเผลอยิ้มออกมากับตัวเองเมื่อภาพในจินตนาการเป็นหมอปลายและตัวเองจริงๆแทนที่จะเป็นผู้ชายสองคนที่ถูกวาดบนหน้าปก
อ่านไปได้ไม่กี่หน้าอีกคนก็ออกมาจากห้องด้วยชุดนอนสีน้ำเงินเข้ม คุณหมอหนุ่มกำลังเดินตรงมาหากันพร้อมกับผ้าในมือที่ใช้เช็ดผมของตัวเอง
มันหวานวางนิยายไว้บนโต๊ะหน้าโซฟาก่อนจะลุกขึ้นยืนและคว้ามืออุ่นของหมอปลายมากุมไว้ ออกแรงพาอีกคนมานั่งที่โซฟาก่อนจะจัดการยึดผ้าเช็ดผมนั้นมาถือเอาไว้เอง
“มันหวานเช็ดให้นะ”
มันหวานไม่รอให้คนตัวโตอนุญาต จัดการจับคุณหมอตัวโตนั่งหันหลังให้ตัวเองและใช้ผ้าผืนเล็กนั้นซับผมอย่างเบามือ
ปลายเมฆปล่อยให้คนด้านหลังเช็ดผมให้ก่อนที่สายตาจะเหลือบเห็นนิยายปกสีหวานตรงโต๊ะหน้าโซฟา มือหนาคว้ามันขึ้นมาดูแล้วพลิกหน้ากระดาษไปเรื่อยๆคั่นเวลา ดูเหมือนจะเป็นนิยายรักหวานจ๋าเพราะคำพูดของตัวละครหวานจนปลายเมฆรู้สึกเลี่ยน
“เรื่องนี้นายเอกตามจีบพระเอกเหมือนที่มันหวานตามจีบหมอปลายเลย” มันหวานส่งเสียงเจื้อยแจ้ว
“จะบอกว่าตัวเองเป็นนายเอกหรอ”
“ก็ถ้าหมอปลายเป็นพระเอกมันหวานก็จะไม่ยกตำแหน่งนายเอกให้ใคร”
คำพูดคำจาของเด็กตัวหอมแป้งด้านหลังทำให้ปลายเมฆหลุดยิ้มออกมา เป็นคำพูดที่เถรตรงไร้การปรุงแต่งเหมาะสมกับมันหวานดี
“เธอว่านายเอกในเรื่องจะเหนื่อยไหม กับการวิ่งตามใครอีกคน”
มันหวานหยุดมือที่กำลังเช็ดผมให้คนตัวโต คนตัวเล็กวางผ้าลงพาดกับขอบโซฟาก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งตรงหน้าคุณหมอตัวสูง เหมือนมันหวานจะเดาได้ว่าเรื่องที่ถามมันไม่ได้ห่างไกลไปจากเรื่องของเขาทั้งคู่เลยสักนิด
“นายเอกในเรื่องอาจจะเหนื่อย แต่ผลตอบแทนของเขาที่ได้มาจะเป็นความรักจากพระเอก” มันหวานตอบ
“ความรักคือการวิ่งตามหรอ สำหรับนายเองคนนี้”
“หมอปลายรู้ไหมว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ความรักก็เช่นกัน”
มันหวานมองเข้าไปในแววตาของอีกฝ่าย มันหวานเข้าใจว่าในวินาทีนี้ หมอปลายเมฆกำลังทำตัวเหมือนคนไม่เคยมีความรัก มันหวานรู้ดีว่านั่นเป็นการป้องกันตัวเองจากเหตุการณ์ในอดีตรักที่ช้ำใจ
มันหวานรู้ว่าหมอปลายเองก็รู้ ความรักนั้นต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน เหมือนที่หมอปลายแลกเปลี่ยนความรักจากคนที่ชื่อม่านฝนและสิ่งสุดท้ายที่ใครคนนั้นตอบรับกลับมาคือมอบความเสียใจให้แก่หมอปลาย
ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ความรักก็เช่นกัน แต่มันอยู่ที่ดวงของเราว่าสิ่งที่ได้มานั้นมันคืออะไร
ความสุขหรือความทุกข์
“สำหรับหมอปลาย ความรักคืออะไร”
คำถามนี้คล้ายกับครั้งแรกในวันนั้นที่มันหวานถามคนตรงหน้าว่าการตกหลุมรักคืออะไร และคำตอบของมันเขาก็ยังคงจำได้ดี แต่ในวินาทีนี้มันหวานอยากรู้ว่าหัวใจบอบช้ำของหมอปลายจะให้นิยามความรักว่าอะไรบ้าง
หมอปลายจะยังหลงเหลือความรักอยู่ไหม
“ความรักสำหรับฉัน คือการที่พาคนที่รักข้ามสะพานลอยมากกว่าเดิมข้ามถนน”
“...”
มันหวานรับฟัง และรอให้อีกคนอธิบาย หมอปลายกำลังมองเลยผ่านมันหวานไป
ผ่านไปและหยุดสายตาไว้ที่กรอบรูปบานใหญ่นั้น
“เป็นความรักที่เขาจะต้องปลอดภัยที่สุดในความสัมพันธ์”
มันหวานเห็นแววตาคู่คมมีความวูบไหว เหมือนหมอปลายจะไม่รู้เลยว่าปล่อยให้ตัวเองนึกถึงใครคนนั้นอีกแล้ว
นึกถึงม่านฝนทั้งที่กำลังอยู่กับมันหวาน
“ความรักของฉันคือการบอกว่าจะไปคว้าดาวและเดือนมาให้ ทั้งที่มันเป็นไปไม่ได้”
“...”
“ใช่ เป็นไปไม่ได้”
มันหวานชอบรอยยิ้มของหมอปลายที่นานครั้งจะมีมันที แต่ต้องเป็นรอยยิ้มที่เกิดจากความสุข ความพึงพอใจ ไม่ใช่รอยยิ้มเหมือนเย้ยหยันตัวเองแบบที่เป็นอยู่
มันหวานขยับเข้าใกล้หมอปลายอีกนิด แตะปลายนิ้วลงที่หลังมือของอีกคนเพื่อเรียกสติให้หมอปลายกลับมาอยู่ในปัจจุบัน
ปัจจุบันตรงนี้ที่มีมันหวาน ไม่ใช่คนรักเก่าคนนั้น
คนที่ทำให้ความรักของหมอปลายเป็นไปไม่ได้
“ความรักของฉันเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง”
“...”
“ไม่มีเลยมันหวาน”
วันนี้ท้องฟ้าโปร่งแม้จะมืดค่ำ แต่มันหวานกลับเห็นปรอยฝนในแววตาหมอปลายอีกครั้ง มันหวานเคยเฝ้ารอให้ปรอยฝนนี้มันเหือดแห้งไป แต่ไม่เลย การเฝ้ารอของมันหวานไร้ซึ่งผล เพราะหมอปลายยังคงจมปรักอยู่กับฤดูฝนฤดูเดิม
ทั้งที่ฤดูกาลมันได้ผันแปรไปแล้ว
“แล้วความรักสำหรับเธอล่ะมันหวาน มันคืออะไร”
หมอปลายยอมสบตากันเมื่อเอ่ยคำถามนั้น และแน่นอนว่ามันหวานมีคำตอบให้กับคำถามนี้ตั้งแต่รู้ตัวว่าตัวเองนั้นตกหลุมรักคนตรงหน้า
ตั้งแต่ตัดสินใจปีนขึ้นมาและยืนอยู่ที่ปลายเมฆ
และในวันนี้ที่มันหวานมองลงมา มันหวานยังคงเห็นว่าปลายทางนั้นยังคงอ่อนไหว คล้ายต้นไม้ที่ไหวเอน
“หมอปลายจะได้รู้ว่าความรักของมันหวานคืออะไร”
“...”
“ก็ต่อเมื่อมันหวานได้รับความรักจากหมอปลายกลับคืนมา”
“...”
“ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆหรอกหมอปลาย คำตอบของมันหวานก็เช่นกัน”
บางครั้งเหมือนหมอปลายจะเปิดใจ บางห้วงนาทีเหมือนอยากจะใช้มันไปกับมันหวาน
แต่เพียงสายลมบางเบาก็ทำให้หมอปลายไขว้เขว เกิดการรวนเรและไม่เข้มแข็งได้อย่างแท้จริงในการเปิดประตูหัวใจให้กัน
หมอปลายเมฆในตอนนี้กำลังสับสนอย่างสาหัส
และมันหวานอาจจะต้องใช้ความพยายามมากมายในการรักษาหัวใจดวงนี้
เป็นความพยายามที่เขากำลังอ้อนวอนขอให้มันอย่าศูนย์เปล่า
เป็นการรักษาที่เขายอมแลกกับหัวใจตัวเองทั้งดวง
#มันหวานปลายเมฆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เหนื่อยหน่อยนะมันหวาน
ยอมหัวใจมันหวานเลยโคตรเข้มแข็งไรท์เขียนดีบรรยายดีมากเลยค่ะสู้ๆนะคะมันหวานสู้ๆอย่ายอมแพ้นะลูกเข้มแข็งเข้าไว้
มาอัพบ่อยๆนะ เราเป็นกำลังใจให้ สู้ๆค่ะ