คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter4
# 4
- - ภายในห้องผู้จัดการคิมจงแด -
คิมจงแด ผู้จัดการฝ่ายวัย28ปี ถึงแม้ว่าอายุงานจะยังน้อย แต่ก็ได้รับการฝึกฝนการทำงานจากตระกูลมาอย่างดี เพราะผู้จัดการคนเก่าอย่างคิมชางมินได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการฝ่ายบริหารซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทแล้ว อีกไม่นานจงแดก็จะได้เลื่อนขั้นเป็นว่าที่ผู้ช่วยผู้บริหารตามรอยพี่ชาย ตระกูลของจงแดเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ที่ร่วมกันสร้างบริษัทนี้ขึ้นมา ก่อนที่จะเจริญเติบโตและขยายสาขาไปทั่วอเชีย ถึงแม้ภาระงานจะถาโถมให้จงแดดูโตกว่าอายุจริงแต่เขาก็เป็นคนที่มีอารมณ์ขันและเป็นกันเองกับพนักงานในบริษัท จึงไม่มีใครที่ไม่ชอบจงแด ยกเว้นก็แต่จุนมยอน…
“ สวัสดีครับ ผู้จัดการ มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ อ่า มาพอดี พอดีมีพนักงานใหม่เข้ามา2คนหน่ะนะ เอ่ออ ชื่อ อี้ชิงกับอี้ฝาน จะให้นายสอนงานให้พวกเข้าก่อน พอดีว่า2คนนี้จะเข้าทำในแผนกของนายหน่ะ”
พอจงแกพูดจบ พนักงานใหม่ทั้งสองก็กล่าวสวัสดีเขาพร้อมก้มหัวให้เขาเล็กน้อย ลู่หานไม่ได้สังเกตชาย2คนที่นั่งภายในห้องก่อนหน้านี้ ชายหนุ่มสองคนที่ดูอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขา คนหนึ่งดูรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบอร์ดตัดกับใบหน้าคมดูหล่อเหลา ภายนอกดูน่าเกรงขาม แต่สังเกตได้ว่าเป็นคนที่น่าจะร่วมงานได้ไม่ยากนัก ส่วนอีกคนร่างเล็กกว่า ดูเหมือนจะสูงพอๆกับเขา ผมสีดำกับใบหน้าที่เรียบเฉย ดวงตามีสีน้ำตาลหม่นไม่สามารถคาดเดาความรู้สึกของอีกฝ่ายได้เท่าไหร่นัก
“ คนตัวใหญ่นี่ชื่ออู๋อี้ฝานนะ มีชื่อเล่นว่าคริส ส่วนคนตัวเล็กกว่าผมดำคือจางอี้ชิง มีชื่อเล่นว่าเลย์ วันนี้เขามาเริ่มงานวันแรก ยังไงก็ฝากนายสอนงานให้ด้วยนะ
”
“ ได้ครับผู้จัดการ เอ่อ ยินดีที่ได้รู้จักพวกคุณทั้งสองนะครับ ผมลู่หานเป็นรองผู้จัดการแผนก มีอะไรก็ปรึกษาผมได้นะ”
ลู่หานหันไปทักทายพนักงานมาใหม่ทั้งสอง พร้อมส่งยิ้มให้เล็กน้อย คนที่ชื่อคริสพยักหน้าพร้อมก้มศรีษะให้เล็กน้อยแก่ลู่หานเขาดูมีท่าทางกระตือรือล้นกว่าคนที่ชื่อเลย์ที่ยังคงมีใบหน้าเรียบเฉย เอาแต่จ้องมองลู่หานอย่างไม่ละสายตา
“ เอ่อ จริงๆแล้ว2คนนี้ ชานมินส่งมาอีกทีอ่ะนะ ไปดึงตัวมาจากสาขาที่ฮ่องกงหน่ะ เค้าเคยมาร่วมงานกับเราเมื่อปีที่แล้วแต่โดนส่งไปทำที่ฮ่องกงมาปีกว่า ตอนนี้เรียกกลับมาทำที่เกาหลี บางทีระบบงานอาจไม่เหมือนกัน ยังไงนายก็ช่วยแนะนำช่วงแรกๆไปก่อนนะ”
“ อ้อ ผมเข้าใจแล้วครับ”
“ โต๊ะทำงานของ2คนนี่ก็อยู่ใกล้ๆห้องนายอ่ะนะ เออ เดี๋ยวเย็นนี้ฉันกะว่าจะพาพนักงานใหม่ไปเลี้ยงต้อนรับซะหน่อย นายกับมินซอกก็ไปด้วยนะ ฉันจองโต๊ะไว้แล้ว”
“ เออ แต่ว่า…”
“ มาต่ง มาแต่อะไร เมื่อวานวันเกิดนายด้วยนี่ เอาเป็นว่าวันนี้ฉันถือโอกาสเลี้ยงนายไปด้วยเลยก็แล้วกัน”
“ เอ่อ แต่ผู้จัดการครับ ผมเกรงใจนะ ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก”
“ เอาน่า แค่ไปดื่มนิดดื่มหน่อย ฉลองกันแป๊บเดียว ถือเป็นการต้อนรับเพื่อนร่วมงานด้วย 2คนนี้ทำงานที่ฮ่องกงดีมากเลยนะ ชางมินถึงดึงตัวกลับมาที่เกาหลีเนี่ย”
“ เอ่อ…”
“ ไม่ต้องอ่ง ต้องเอ่อ นานๆทีฉันจะว่างไปดื่มกับพวกนาย วันนี้เคลียร์งานให้เสร็จเร็วๆล่ะ อ่ะ แยกย้ายไปได้แล้ว 2คนก็ตามลู่หานไปนะ พี่เค้าใจดี “
คริสและเลย์พยักหน้ารับ ก่อนที่จะลุกขึ้นตามผมมาไปยังห้องทำงาน เอาไงดีล่ะเนี่ย นัดกับเซฮุนไว้ซะด้วยว่าจะไปล่องเรือตอนเย็นที่แม่น้ำฮัน แต่บางทีช่วงเย็นๆหัวหน้าอาจจะเปลี่ยนใจไม่ไปแล้วก็ได้ เดี๋ยวรอให้เย็นๆสักหน่อยค่อยโทรหาเซฮุนก็แล้วกัน
“ เอ่อ พวกนาย2คนอายุเท่าไหร่แล้ว”
“ 23เท่ากันครับ”
ร่างสูงที่เดินตามลู่หานเป็นฝ่ายตอบคำถาม ภายนอกของคริสดูเหมือนจะน่ากลัวแต่จริงๆแล้วเขาเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี รู้จักวางตัวอย่างเหมาะสม มันคงจะไม่ใช่เรื่องยากที่จะได้มาทำงานร่วมกัน ดีเสียอีกลู่หานจะได้มีเพื่อนร่วมงานใหม่ๆขึ้นมาบ้าง เพราะจุนมยอนและพรรคพวกต่างก็ชอบพูดจาว่าร้ายให้พนักงานคนอื่นฟังจนแทบไม่มีใครที่จะพูดจาหรือทักทายกับลู่หาน
“ บริษัทที่ฮ่องกงเป็นไงบ้าง?”
“ ก็ดีครับ พนักงานไม่เยอะมาก เพราะเป็นบริษัทเล็กๆ แต่ที่เกาหลีเป็นสำนักงานใหญ่ด้วย ถูกเรียกตัวกลับมาทำที่นี่ก็แอบประหม่าเหมือนกัน”
คริสยังคงเป็นฝ่ายตอบคำถามนั้นกับลู่หาน ตั้งแต่ที่เขาได้พบกับพนักงานใหม่ทั้งสอง ดูเหมือนว่าลู่หานจะยังไม่ได้ยินเสียงของจางอี้ชิงเลย คนๆนี้มีโลกส่วนตัวสูงหรือยังไงกันนะ เอาแต่ปิดปากเงียบ ดูจากภายนอกแล้วน่าจะเป็นคนที่ช่างพูดช่างคุยกว่าอู๋อี้ฝานไม่ใช่เหรอ แต่กลับกลายเป็นคนตัวสูงที่ดูน่าคบหามากกว่า
“ นี่อี้ฝาน จางอี้ชิงนี่เค้าพูดไม่ได้เหรอ”
“ ฮ่าๆๆ หมอนี่อารมณ์ขึ้นๆลงๆน่ะครับ ถ้าจะพูดเดี๋ยวเค้าก็พูดเองแหล่ะ”
ลู่หานหันไปถามคริส ทำเอาผู้ที่ถูกถามถึงกลับปล่อยปล่อยอารมณ์ขันออกมา เขาสนิทกับเลย์และคุ้นชินนิสัยนิ่งเงียบแปลกๆของหมอนี่ดี บางทีก็ชอบนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา บางทีก็จ้อไม่หยุด มันขึ้นลงไปตามอารมณ์ของเขาที่ไม่มีใครคาดเดาได้ แต่ถึงแม้ ว่าคริสจะดูเหมือนรู้จักเลย์ดี แต่บางครั้งก็มีหลายๆสิ่งที่เขาไม่เข้าใจในตัวคนๆนี้ ทั้งความรู้สึกที่เขามีให้เลย์ หรือความรู้สึกที่เลย์มีให้เขาและคนอื่น เพราะแววตาที่นิ่งสงบมันเป็นเหมือนสิ่งที่เป็นกำแพงหนาที่คอยปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงของอีกฝ่ายไว้ไม่ให้มีใครได้ล่วงรู้
“ อ่ะ นี่โต๊ะทำงานของพวกนาย2คนนะ อยู่ข้างๆกัน อีกฝั่งเป็นมินซอก เค้าจะคอยตรวจสอบเอกสารก่อนส่งมาที่ฉันอีกที เห็นในประวัติการทำงานบอกว่าอยู่ฝ่ายควบคุมข้อมูลจัดซื้อระหว่างประเทศนี่นา หากข้อมูลที่ได้ไม่ตรงกับที่มีในส่วนกลางก็ส่งมาฉันก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะช่วยดูให้ ข้อมูลที่สำนักงานใหญ่อาจจะเยอะหน่อย ยังไงก็รอบคอบกันหน่อยละกัน”
“ รับทราบครับ รองผู้จัดการ”
“ เอ่อ เรียกชื่อฉันธรรมดาก็ได้นะ ฉันก็อายุรุ่นราวคราวเดียวกับพวกนาย ฉันไม่ถือหรอก”
“ จะดีเหรอครับ ที่จะให้พวกผมเรียกแค่ลู่หาน”
“ พนักงานที่นี่ไม่มีใครเรียกฉันว่ารองผู้จัดการหรอก ฮ่าๆๆๆ”
“ อะไรกันลู่หาน นายหมายถึงฉันหรือเปล่า”
มินซอกที่นั่งทำงานเงียบๆอีกด้านเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของลู่หานก็อดที่จะเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยไม่ได้ มันก็จริงอย่างที่ลู่หานว่าไม่มีใครในที่ทำงานเรียกลู่หานว่ารองผู้จัดการสักคน
“ นี่มินซอกนะ เพื่อนร่วมงานของฉัน มีอะไรก็ปรึกษาเค้าได้เลย”
ลู่หานแนะนำมินซอกให้คริสและเลย์รู้จัก พวกเขาทั้งสองก้มหัวให้มินซอกเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่เล็กน้อย
“ พนักงานใหม่ใช่มั้ย เมื่อเช้าเห็นเดินเข้ามาอยู่ ชื่ออะไรกันบ้างล่ะเนี่ย”
“ ผมชื่ออู๋อี้ฝาน มีชื่อเล่นว่าคริส เรียกชื่อเล่นผมก็ได้ครับ ส่วนนี่ก็เลย์ หรือจางอี้ชิงครับ ย้ายมาจากสาขาที่ฮ่องกงด้วยกัน”
“ นี่มินซอก ตั้งแต่มานี่ฉันได้ยินแต่คริสพูดอยู่ฝ่ายเดียวนะเนี่ย เลย์นี่ไม่รู้เค้าไปโกรธอะไรมา ไม่พูดไม่จาเลย”
“ นายทำให้เค้าประหม่ารึเปล่าลู่”
“ เอ่อ ผมไม่ได้เป็นอะไรครับ”
นี่คือประโยคแรกที่เลย์หรือจางอี้ชิงพูดออกมา น้ำเสียงที่นิ่งเรียบปราศจากโทนเสียงใดๆ เขาดูเงียบและสุขุมเกินไป จนบางทีมันทำให้ลู่หานรู้สึกอึดอัด รวมถึงแววตาที่นิ่งเฉยที่มองมาที่เขา ลู่หานไม่รู้เลยว่าเลย์เป็นคนอย่างไร เขาไม่ได้มาร้ายแต่ก็ไม่เชิงเป็นคนดี ดูไม่ออก สีหน้าและแววตาแบบนี้ เขาไม่รู้ว่ามันสื่อความหมายว่าอย่างไร
“ อ่า พูดออกมาแล้ว อยู่ที่นี่นายต้องพูดบ่อยๆนะ เพราะจะมีแต่คนแข่งกันพูด”
มินซอกเผยรอยยิ้มให้กับเพื่อนร่วมงานใหม่ทั้งสองคน ถึงแม้ลู่หานจะมีมนุษยสัมพันธ์ดีขนาดไหนแต่ก็คงจะยังสู้เพื่อนรักอย่างมินซอกไม่ได้ ใบหน้ากลมที่ดูเป็นมิตรและอ่อนโยนของมินซอกมันคงทำให้เลย์ผ่อนคลายได้บ้างถึงยอมเอ่ยปากพูดออกมา
“ เดี๋ยวฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะ คริสกับเลย์ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจก็ถามมิกซอกได้ หรือเข้ามาคุยกับฉันเลยก็ได้”
ทั้งสองพยักหน้าให้ลู่หานเล็กน้อยก่อนที่รองผู้จัดการหน้าหวานจะเข้าไปทำงานที่ห้องประจำตำแหน่ง ถึงแม้จะหันหลังเดินจากมาแต่ลู่หานก็รับรู้ได้ว่าดวงตาคู่นั้นกำลังจับจ้องมาที่เขา ดวงตาของเลย์ที่เขาไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร…
................................................................................................................................................
ความคิดเห็น