คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 : หญิงสาวกับน้ำตา
ครั้งหนึ่งเมื่อดอกไม้ผลิบาน
| 1 |
หญิงสาวกับน้ำตา
ใจกลางของเกาะร่ายรำ สถานที่แห่งนี้ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นตลาดขนาดใหญ่ซึ่งผู้คนบนเกาะจะนำสินค้ามาซื้อขายและแลกเปลี่ยนกัน หากเป็นช่วงเวลาปกติผู้คนบนเกาะคงไม่ได้มีจำนวนมากนักเมื่อเทียบกับช่วงนี้ซึ่งใกล้วันเทศกาลขอบคุณ
มันจึงไม่แปลกหากในตลาดหรือทั่วทุกมุมของเกาะจะครึกครื้นและเสียงดังกว่าทุกครั้ง เพราะนอกจากคนบนเกาะแล้วก็ยังมีผู้คนจากภายนอกที่เริ่มเข้ามาเพื่อรอเฉลิมฉลองในวันงานเทศกาล
ผู้คนบนเกาะเองก็เริ่มวุ่นวายกับการเตรียมงานเทศกาล ทั้งการจัดซุ้มเพื่อขายสินค้า ของประดับสถานที่ เวทีการแสดง ขบวนพาเหรด ฯลฯ ในตอนนี้ทุกอย่างก็เริ่มเข้าที่เข้าทางเป็นส่วนใหญ่และใกล้จะเสร็จสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อย
.
.
.
ภายในร้านตัดชุดที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง
“ชุดไม่คับหรือหลวมไปใช่ไหม”
“…”
“ไดอาน่า…”
“…”
“ไดอาน่า!”
“อ๊ะ!? มาดาม!” ร่างบางสะดุ้ง ดวงตาอัญมณีสีแดงอมชมพูเบิกโต ก่อนจะเลื่อนสายตาจากนิ้วมือของตัวไปยังคนที่ยืนเท้าเอวอยู่ด้านหน้า “มะ มีอะไรเหรอคะ?”
“เธอไม่ได้ฟังที่ฉันถามเลยสินะ” เอลลี่ถอนหายใจกับพฤติกรรมเหม่อลอยของลูกศิษย์ “ฉันถามว่าชุดที่ลองเมื่อกี้ไม่คับหรือหลวมใช่ไหม”
“เอ่อ ไม่ค่ะ” หญิงสาวส่ายหน้าก่อนจะชะงักเมื่อนึกบางอย่างขึ้นได้ “แต่ว่าช่วงอกของตัวที่สองมันคับไปนิดหน่อย คิดว่าไซส์ของตัวแรกกำลังพอดีเลย”
“งั้นเหรอ? แปลว่าหน้าอกเธอใหญ่ขึ้นอีกแล้วสินะ” เอลลี่พึมพำราวกับไม่ได้ใส่ใจผิดกับหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ซึ่งตอนนี้กำลังหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ “แต่ฉันคิดว่าตัวที่สองเย็บออกมาได้ประณีตมากกว่า…แล้วก็ยังวาบหวิวน้อยกว่าตัวแรกด้วย เธอคิดว่าไง”
“ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ“
“งั้นก็ดี เดี๋ยวจะบอกร้านแก้ขนาดตัวที่สองให้แล้วกัน เธอไปรอหน้าร้านก่อน”
“เข้าใจแล้วค่ะ” หญิงสาวพยักหน้าก่อนจะทำตามคำสั่ง
กริ๊ง!
เสียงกระดิ่งดังขึ้นเมื่อเธอผลักประตูออกไป ไดอาน่าถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังจากที่ทนอึดอัดอยูในร้านมานานหลายชั่วโมง หากเป็นเวลาปกติเธอคงรู้สึกสนุกกับการลองชุดแท้ๆ แต่เพราะความรู้สึกสลดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนทำให้เจ้าตัวไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรต่ออีกแล้ว
ตั้งแต่เมื่อวานที่เธอรู้ว่าตัวเองจะต้องอยู่ที่นี่ไปอีก 5 ปี จิตใจของเธอก็ไม่ค่อยอยู่กับตัวสักเท่าไหร่ ซึ่งแน่นอนว่าการที่เธอเป็นแบบนี้มันส่งผลกระทบต่อการซ้อมของเธอ และไม่วายโดนเอลลี่ดุยกใหญ่เลยด้วย
“อีก 5 ปีงั้นเหรอ?” ร่างบางสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะยกสองมือขึ้นตบข้างแก้มสองที “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรน่า!” ไดอาน่าแสร้งกล่าวให้กำลังใจกับตัวเองด้วยน้ำเสียงร่าเริง
เรื่องให้กำลังใจตัวเองเธอทำมากี่ครั้งแล้ว? ครั้งนี้ก็ต้องได้ผลสิ ใช่ไหม
เพียงแค่เธอรออีก 5 ปี...
แค่...?
“…”
นั่นสิ มันไม่แปลกเลยถ้าหากเธอจะทำตัวร่าเริงเหมือนทุกครั้งไม่ได้ มันเหมือนถูกแย่งชิงความฝันไป สิ่งที่เธอเฝ้ารอมาตลอดตั้งแต่วัยเด็กถูกหยุดชะงักลง
เหมือนกับโซ่เส้นใหม่ที่อยู่ๆ ก็เข้ามาล่ามเธอไว้ทั้งที่โซ่เส้นเก่าของเธอกำลังจะพังและหลุดออก เธอเกือบจะเป็นอิสระอยู่แล้ว
หนีไปเลยดีไหม?
เสียงของเอลลี่แวบเข้ามาในหัว
หนี...หนีงั้นเหรอ?
อย่าคิดบ้าๆ ได้ไหม ถ้าทำแบบนั้นก็เท่ากับว่าเป็นการหักหน้าตระกูลฟาลันนี่นา พวกเขาคงไม่อยู่เฉย การที่จะออกจากที่นี่ไปโดยที่ไม่ถูกไล่จับกลับมามันคงเป็นไปไม่ได้ แล้วลำพังแค่ตัวฉันจะหนีพ้นได้ยังไงกัน?
ใช่ว่าเธอไม่เคยคิดอยากจะหนีแต่เพราะเธอมั่นใจว่าตัวเองไม่สามารถทำได้ต่างหาก
ตระกูลฟาลันถึงจะอยู่ในเกาะเล็กๆ ก็ใช่ว่าจะไม่มีอำนาจอะไร ปัจจุบันตระกูลฟาลันเองก็มีเส้นสายกับรัฐบาลและคนใหญ่คนโตของโลกอย่างเผ่ามังกรฟ้าด้วยวิธีบางอย่าง
ผู้คนบนเกาะลือกันว่าผู้นำตระกูลติดสินบนจำนวนมากเอาไว้ ดังนั้นหากมีใครทำอะไรให้ตระกูลฟาลันขัดใจก็คงไม่แปลก...ถ้าจะมีทหารเรือไปยืนล้อมหน้าบ้านในตอนเช้าตรู่
หากมีคนใดคนหนึ่งที่เคยมีประโยชน์คิดหนีออกจากเกาะ มันคงเป็นเรื่องที่ไร้ซึ่งความสนใจหากมองในมุมของตระกูลฟาลัน แต่มันไม่ใช่สำหรับคนที่อยู่ในตำแหน่งนางระบำที่งดงามที่สุด เพราะในงานเทศกาลทุกปี การแสดงระบำคือสิ่งสำคัญที่สุดดังนั้นตระกูลฟาลันจึงให้ความสำคัญกับเหล่านางระบำมากๆ
การที่งานเทศกาลออกมาสมบูรณ์แบบก็เท่ากับว่าชื่อเสียงของตระกูลฟาลันก็จะยังคงสมบูรณ์แบบในฐานะผู้รับผิดชอบการจัดงาน นั่นคงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมบทลงโทษของนางระบำที่คิดจะหนีออกจากเกาะถึงได้หนักหนาสาหัสซะยิ่งกว่าการที่มีคนมาลักลอบวางเพลิงคฤหาสน์ของตระกูลฟาลันซะอีก
“คงต้องรอจริงๆ…”
“โจรสลัด!!!!”
“...?”
“ช่วยด้วยจ้า! โจรสลัดคนนั้นเป็นพวกกินแล้วชิ่งจ้า!!!”
“โจรสลัด?” ในตอนที่ไดอาน่ากำลังจมอยู่กับความหม่นหมองของชีวิต เสียงตะโกนของชายวัยกลางคนก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของเธอ
ซึ่งเสียงนั้นก็ไม่เพียงแค่เรียกความสนใจจากไดอาน่าแต่ยังเรียกความสนใจของทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นให้รวมไปที่ร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังวิ่งหน้าตั้งมาทางนี้
หมวกคาวบอยสีส้มเด่นสะดุดตาทำให้ไดอาน่าเผลอจ้องร่างนั้นตรงๆ ถึงจะน่าตกใจที่มีคนกินแล้วชิ่งวิ่งอยู่ในตลาดแต่ก็ใช่ว่าเธอจะไม่เคยเห็นสักหน่อย ในตอนนี้สิ่งที่ทำให้เธอแปลกใจจริงๆ ก็คือความรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเขาต่างหาก
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ไอ้เด็กเวร!”
“อย่าตามมาสิลุง ฉันก็แค่ลืมเอากระเป๋าตังค์มาเองเดี๋ยวกลับมาจ่ายด้วยสมบัติ!” เด็กหนุ่มตะโกนตอบชายวัยกลางคนที่วิ่งตามตัวเองมาติดๆ
“เอาเงินมาจ่ายฉันเดี๋ยวนี้ ฉันถึงจะเลิกตาม!!!”
“ขอติดไว้ก่อนไม่ได้หรือไง!”
(ได้ก็บ้าแล้วล่ะ) เสียงในใจของทุกคนที่อยู่รอบๆ ดังขึ้นพร้อมกัน
ถ้าพวกทหารเรือมาเจอเข้าคงกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่
ไดอาน่าคิดพลางมองเด็กหนุ่มด้วยความคิดแบบนั้น
“ยังเด็กอยู่เลย อายุเท่าไหร่กันนะ...”
พอเด็กหนุ่มโจรสลัดเห็นว่าชายชรายังคงไม่มีท่าทีว่าจะหยุดตามจึงหันกลับมาตั้งหน้าตั้งตาวิ่งหนีอีกครั้ง
กริ๊ง!
เสียงกระดิ่งของร้านดังขึ้นพร้อมกับร่างของหญิงอายุมากเดินออกมา ไดอาน่าผละความสนใจกลับไปมองมาดามเอลลี่ที่เพิ่งจะเดินออกจากร้านมาด้วยสีหน้าสงสัย
“เอะอะอะไรกันไดอาน่า?” เอลลี่หันไปมองต้นเหตุของความวุ่นวาย
“เห็นว่าจะมีโจรสลัดกินแล้วหนีน่ะค่ะ”
“โจรสลัด?” เอลลี่เลิกคิ้ว
“…!?”
ตึก!
เพราะเสียงฝีเท้าที่กระทบพื้นตรงหน้าทำให้หญิงสาวละสายตาจากเอลลี่มามองทางต้นเสียง
ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน รู้สึกเหมือนกับทุกอย่างมันเคลื่อนที่ช้าลง ในจังหวะที่เด็กหนุ่มโจรสลัดกำลังจะวิ่งผ่านเธอไป ดวงตาของทั้งคู่ก็สบกันโดยบังเอิญ
คงเพราะนั่นมันเป็นการพบกันครั้งแรกของเธอและเขา
มันถึงเป็นภาพที่เธอจดจำได้ดี…
‘ผมหยักศกสีดำสวมทับด้วยหมวกคาวบอยสีส้ม ใบหน้าตกกระฉีกยิ้มกว้างโดยไม่เกรงกลัวกับสถานการณ์ที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่ และดวงตาสีนิลที่กำลังจ้องมองมาที่เธอ’
หน้าตอนวิ่งตลกจัง
นั่นเป็นความประทับใจแปลกๆ ที่เธอมีให้เขา
…
“ทำได้ดีเหมือนเคยเลยนะคะ คุณไดอาน่า” เสียงเข้มงวดของหญิงที่มีบรรดาศักดิ์สูงสุดในเกาะเอ่ยขึ้นหลังชมการซ้อมระบำเมื่อครู่
ฟาลัน รีฟ ผู้นำตระกูลฟาลันคนปัจจุบันและเป็นประธานในการจัดงานเทศกาลของเกาะร่ายรำปีนี้
“พยายามฝึกซ้อมให้คุณไดอาน่าทำได้แบบนี้จนถึงวันงานซะนะ มาดามเอลลี่”
“เข้าใจแล้วค่ะ คุณผู้หญิง” เจ้าของชื่อโค้งตัวน้อมรับ
“แล้วก็ก่อนไปฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณไดอาน่าค่ะ” ไดอาน่าและเอลลี่ชะงักพร้อมกันทันทีที่ได้รีฟกล่าว
มีเรื่องจะคุยงั้นเหรอ? แปลก…
“เรื่อง…อะไรเหรอคะ?” เธอถามด้วยน้ำเสียงกล้าๆ กลัวๆ เพราะแววตาที่จ้องมองมากำลังแสดงถึงความไม่พอใจ
“เป็นเรื่องส่วนตัวน่ะค่ะ มาดามเอลลี่ช่วยออกไปก่อนได้ไหมคะ”
“อะ เอ่อ…” ใบหน้าของเอลลี่เริ่มฉายแววกังวล
จริงอยู่ที่เมื่อใกล้วันงานทุกครั้ง รีฟจะมาดูการซ้อมของไดอาน่าก่อนประมาณ 2 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าเธอจะไม่ทำผิดพลาดและงานจะออกมาสมบูรณ์แบบ แต่แน่นอนว่ามันไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่รีฟจะขอคุยกับเธเป็นการส่วนตัว
นั่นจึงทำให้เอลลี่เริ่มใจไม่ดี…
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มาดาม” หญิงสาวส่งยิ้มให้เป็นนัยว่า ‘ไม่ต้องเป็นห่วง’
“แต่…”
“มาดามเอลลี่ ดิฉันก็แค่คุยเรื่องเล็กน้อยเท่านั้นแหละค่ะ” รีฟกล่าวด้วยรอยยิ้มแต่น้ำเสียงกลับตรงกันข้าม
“เข้าใจแล้วค่ะ” เธอลอบถอนหายใจและยอมเดินออกไปจากห้องเงียบๆ
ไดอาน่ายิ้มส่งอาจารย์ที่เดินออกจากห้องไป ก่อนจะค่อยๆ หุบรอยยิ้มจนกลายเป็นสีหน้านิ่งเรียบ
“ฉันทราบมาว่าคุณไดอาน่าต้องการออกไปจากเกาะนี้ใช่ไหมคะ”
“…!?” เป็นไปอย่างที่เธอคิด รีฟตั้งใจจะพูดเรื่องนี้จริงๆ
ไปรู้มาจากไหนกันนะ
“ดูจากปฏิกิริยานั้นแล้ว คงจริงสินะ” หญิงวัยกลางคนจ้องมองเธอนิ่งก่อนจะสาวเท้าเข้ามายืนตรงหน้าใกล้ๆ อีกฝ่าย
“ที่อยากจะบอกก็คือตัดใจซะเถอะนะคะ”
“...”
“คุณคงรู้อยู่แล้วล่ะค่ะ ว่าการที่นางระบำคนสำคัญแบบคุณหนีออกจากเกาะจะต้องเจอกับอะไรบ้าง”
ใช่ เธอรู้…
“ถ้าหากรู้แล้วแต่คุณยังคิดจะหนีก็คงต้องขอให้ถอดใจอยู่ดีค่ะ เพราะในวันงานเทศกาลดิฉันได้สั่งให้คนของกองทัพเรือมาเฝ้าทั่วทุกมุมเกาะเรียบร้อยแล้ว พูดถึงตรงนี้แล้วคนฉลาดแบบคงพอจะเข้าใจนะคะ”
(งั้นเหรอ? ต้องทำขนาดนี้เลยสินะ)
“ฉัน...เข้าใจดีค่ะ” หญิงสาวแสร้งยิ้ม
“งั้นเหรอคะ? ดีใจนะคะ ที่คิดได้แบบนั้นเพราะถ้าหากคุณหนีไปจริงๆ ดิฉันคงแย่แน่ๆ” รีฟยกยิ้มมุมปากก่อนจะหลับตาเดินผ่านร่างของไดอาน่าไป “เรื่องที่จะคุยจบแล้วล่ะค่ะ ฉันหวังว่าคุณจะทำให้การร่ายรำออกมาสมบูรณ์แบบอย่างที่เคยทำมาตลอดนะคะ คุณไดอาน่า”
“...”
.
.
.
“ไดอาน่า!” เสียงของเอลลี่ดังขึ้นแทบจะทันทีหลังที่รีฟเดินออกไป “คุณผู้หญิงเขาพูดอะไรกับเธอเหรอ?”
“…” หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะหันกลับมาส่งรอยยิ้มเหมือนทุกครั้งให้อาจารย์ “คุยเรื่องฝึกซ้อมเพิ่มเติมน่ะค่ะ เพราะฉันเผลอทำพลาดนิดหน่อยแต่ไม่เป็นไรแล้วค่ะ คุณรีฟเค้าให้อภัยแล้วก็แนะนำเพิ่มเติมเฉยๆ”
“ไม่จริง…”
เธอยิ้มตอบเอลลี่คล้ายกำลังจะบอกว่ามันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
“ตอนนี้ดึกมากแล้วแถมฉันก็เหนื่อยมากเลยด้วย ถ้ายังไงฉันขอกลับบ้านไปพักผ่อนก่อนนะคะ” เธอกล่าวพลางเดินไปหยิบกระเป๋าที่มุมห้อง ไม่แม้แต่จะหันมามองเอลลี่
“ดีแล้วเหรอ?” เอลลี่พึมพำ “อยู่ที่นี่ต่อ…ดีแล้วเหรอ?”
มือเรียวกำกระเป๋าแน่น ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรง ภาพตรงหน้าเริ่มถูกบดบังด้วยหยาดน้ำใสที่รื้นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“ไปก่อนนะคะ...” เธอหลับตาวิ่งออกจากห้องพร้อมกอดกระเป๋าแน่นทิ้งให้หญิงอาวุโสยืนอยู่ในห้องคนเดียว
“จริงๆ แล้วเธอไม่มีความสุขใช่ไหมล่ะ”
ไดอาน่า
…
แสงไฟสว่างสไวถูกประดับไว้ทั่วตัวเมือง ผู้คนยังคงเดินขวักไขว่กันตลอดถนนแม้ว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะถึงเวลาเที่ยงคืน บรรยากาศยังคงครึกครื้นไม่ต่างจากช่วงกลางวัน สีหน้ายิ้มแย้มบ่งบอกถึงความรู้สึกสนุกสนาน
“แม่ฮะ! พ่อฮะ! ผมอยากกินอันนั้น”
“นี่! ร้านนั้นชุดสวยมากไปดูกันไหม”
“ที่รักอันนี้อร่อยยมาก ลองชิมดูสิ”
“ทางนี้จ้า ผลไม้สดๆ อยู่ทางนี้จ้า”
“ไฟในเมืองสวยมากเลยล่ะ”
“คิดถูกแล้วที่มา”
“รอถึงวันงานจริงๆ ไม่ไหวแล้วล่ะ”
เสียงพูดคุยยังคงดังไม่ขาดสายตลอดทางที่เด็กหนุ่มเดินผ่าน
“ดูครึกคื้นจังนะ” เอสพึมพำก่อนมองรอบๆ ด้วยความสนอกสนใจ
“เฮ้! เอสแกฟังที่ฉันพูดอยู่ไหม” ดิวซ์ที่เดินข้างๆ แยกเขี้ยว เมื่อเห็นว่าคนที่เดินมาด้วยกันเมินคำพูดของตัวเอง
“รู้แล้วน่า…”
“รู้อะไร!?”
“ก็รู้ว่านายไม่อยากไปล้างจานอีกไง”
“ไม่ใช่โว้ย! ฉันบอกนายว่าอย่าไปไหนคนเดียวโดยไม่เอากระเป๋าตังค์ติดตัวอีกต่างหาก” ดิวซ์ถอนหายใจก่อนจะนึกย้อนไปถึงเรื่องเมื่อตอนกลางวัน
เพราะกัปตันของเขาอยู่ๆ ก็หายตัวไปจากเรือโดยไม่เอากระเป๋าตังค์ติดตัวไป แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก ดังนั้นมันก็เลยเป็นไปตามคาด ‘เอสกินแล้วหนี’ ทำให้คนทั้งเมืองช่วยกันจับและเกือบจะโยนเขาลงแม่น้ำ โชคดีที่ตอนนั้นดิวซ์ตามหาเอสเจอพอดีแต่ชายหนุ่มก็แทบจะเข่าทรุดเพราะกัปตันของเขาเล่นฟาดอาหารเกินจำนวนเงินในกระเป๋า สุดท้ายก็จบด้วยการที่ทั้งสองคนต้องไปล้างจานเพื่อชดใช้ค่าอาหาร
ซึ่ง ณ ตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเพิ่งถูกปล่อยตัวออกมาและได้เดินเที่ยวจริงๆ จังๆ สักที
“ฟังนะเอส! นายน่ะ…”
ตึกๆๆๆ
“หืม?” เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เอสผละความสนใจจากร้านอาหารที่เล็งเอาไว้
แสงของไฟในเมืองตกกระทบกับหยดน้ำที่ปลิวไปตามสายลม
...น้ำตา…
เด็กหนุ่มโจรสลัดเผลอมองตามแผ่นหลังของหญิงสาวที่วิ่งผ่านเขาไปเมื่อครู่
ตุ้บ!
เสียงของวัตถุบางอย่างตกกระทบกับรองเท้าของเขา
“เฮ้ย! เอสฟังฉันก่อน---เอ๋? อะไรน่ะ” ดิวซ์ชะงักเมื่อเห็นว่าเอสก้มมองพื้น
“สมุด?” เอสพึมพำก่อนก้มลงหยิบสมุดพกเล่มเล็กขึ้นมา
“ของใครน่ะ”
“เฮ้ ดิวซ์ฉันมีเรื่องที่ต้องทำนายกลับเรือไปก่อนนะ!” เอสกล่าวก่อนจะออกตัววิ่งไปตามเส้นทางที่แผ่นหลังของหญิงสาวคนนั้นหายไป
“อะ อ้าว เฮ้ย เอส!” ดิวซ์ถอนหายใจเมื่อเห็นว่าเขาห้ามกัปตันของตัวเองเอาไว้ไม่ทัน เหนือสิ่งอื่นใดสิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ กัปตันของเขาลืมเอากระเป๋าตังค์อีกแล้ว
____________________________
พยายามจะอัพถี่ๆ แล้วค่ะ แต่คือลังเลมากว่าจะให้เอสกับไดอาน่าเจอกันแบบไหนดี คิดไว้หลายแบบแต่ก็จบลงด้วยแบบนี้แหละค่ะ (?)
ตอนหน้าพวกเขาจะได้พูดคุยกันจริงๆ แล้วล่ะค่ะ ยังไงก็ฝากติชมหรือแนะนำด้วยนะค้า ♥
เครดิต : ภาพไดอาน่าจิบิเป็นคอมมิชันที่เราสั่งมาจากคุณคนนี้นะคะ (จิ้ม)
ความคิดเห็น