ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    uncanny พิสูจน์ไม่ได้(รีไรท์รอบสามแล้วโว้ย)

    ลำดับตอนที่ #20 : บทส่งท้าย(ลืมพิมพ์ขอรับ...คิดได้ตอนดูอายชิลล์21)(100%)

    • อัปเดตล่าสุด 13 มิ.ย. 54


    บทส่งท้าย(ลืมพิมพ์ขอรับ...คิดได้ตอนดูอายชิลล์21)(100%)

                   ท้องฟ้าเป็นสีเทา สายฝนโปรยปราย ร่างเล็กๆของเด็กชายเดินไปตามทางที่ชื้นแฉะ เสื้อนักรียนสีขาวเปียกน้ำฝนแนบเนื้อ ผมสีน้ำตาลเปียกลู่ลงมา เท้าเล็กๆของเด็กชายเดินมาหยุดยืนตรง ณ ที่แห่งหนึ่ง อพาตเมนต์ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าเขาคือที่พักของเขานั่นเอง

                    เด็กชายเงยหน้ามองตึกสูงนั่น เขายังไม่อยากเข้าไปเลยจริงๆ เด็กชายไม่อยากจะพบหน้าใครในครอบครัวทั้งนั้น แม้แต่แม่บังเกิดเกล้าของตน และพ่อ...คนใหม่ที่อยู่กับแม่เขาตลอดเวลา

                    แอ๊ดดดด

                   "กลับมาแล้วครับ"เด็กชายพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง พลางถอดรองเท้าวางไว้บนชั้นอย่างเรียบร้อย เสียงเดินบนพื้นไม้ปาร์เก้ของเท้าสองคู่เข้ามาที่เด็กชาย ทำให้เขาหันไปหาต้นเสียงพลางลอบถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย

                   "นิกร...ทำไมตัวเปียกแบบนี้ล่ะลูก" หญิงวัยกลางคนหน้าตาใจดีถลาเข้ามาหาเมื่อเห็นร่างของเด็กชายเปียกชุ่ม และมีน้ำหยดไหลเป็นทาง เธอเอาผ้าเช็ดตัวนุ่มๆออกมาทรุดนั่งคุกเข่าทั้งสองข้างลงไปเช็ดผม ใบหน้า แขน และขาของเด็กชายอย่างเป็นห่วง เด็กชายอยู่นิ่งๆ พลางมองใบหน้าของคนที่แม่ควงมาด้วยอย่างนึกรังเกียจเป็นหนักหนา ทำไมแม่ถึงยังให้มันอยู่!!

                   "ฝนตกครับ"เด็กชายตอบก่อนเหลือบมองแม่ของตนที่สำรวจไปตามร่างกายของเขาว่าเป็นอะไรหรือเปล่า 

                   "ทำไมไม่เอาร่มที่พ่อซื้อให้ไปใช้ล่ะ" ชายหนุ่มอายุไม่น่าจะเกินเลข 30 เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนยาวประบ่ารวบไว้ด้านหลัง นัยน์ตาสีดำมองเด็กชายด้วยแววตาเอ็นดู ดวงตาสีน้ำตาลของเด็กชาญก็มองตอบไปอย่างเช่นกัน แต่มันเป็นแววตาอันแข็งกร้าว เย็นเยียบและดูต่อต้านผู้ใหญ่ตรงหน้า ไม่เหมือนกับดวงตาของเด็กชายวัย 12 ปีทั่วไปเลยสักนิดเดียว

                   "แกไม่ใช่พ่อฉัน...และฉันก็ไม่เคยอยากได้ของๆแก...เอาคืนไป!!" ร่มพกสีแดงคันเล็กๆที่สามารถยืดหดด้ามได้ บัดนี้ตัวด้าม,โครงร่มหักหงิกงอ หลุดออกมาห้อยต่องแต่ง และตัวผ้าใบก็ขาดวิ่น หลุดลุ่ยรุ่งริ่ง ก็ถูกโยนออกมาจากกระเป๋านักเรียนของเด็กชายใส่พื้นตรงหน้าชายคนนั้นอย่างแรง เสียงดังจนผู้เป็นแม่ตกใจ แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือคำพูดที่ไร้ซึ่งความเคารพ ยำเกรง

                   "นิกร...ทำไมก้าวร้าวแบบนี้ล่ะลูก...รีบขอโทษพ่อเขาซะ"แม่พูดด้วยน้ำเสียงเจือความไม่พอใจอยู่ไม่น้อย คิ้วเรียวมุ่นเข้าหากัน พลางลุงขึ้นยืน และขยำผ้าเช็ดตัวที่อยู่ในมือจนยับยู่ยี่

                   "ไม่เป็นไรครับ...ผมไม่ถือ"ชายหนุ่มหันไปยิ้มให้แม่เขา "เด็กวัยรุ่นก็อารมณ์แบบนี้แหละครับ...ใช่มั้ยนิกร" เขาหันมาขอความเห็นจากเด็กชาย ที่ดูจะไม่สนใจเลยสักนิดเดียว เด็กชายเดินดุ่มๆไปที่ประตูห้องของตัวเองซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก แถมดูเหมือนจะทำเป็นไม่ได้ยินอีกด้วย

                   ฟึบ

                  เพื้ยะ!!

                 ร่างของเด็กชายเซถลาไปตามแรงกฉุดกระชาก ใบหน้าขาวๆนั่นหันไปตามแรงตบและปรากฏเป็นรอยแดงห้านิ้ว เลือดไหลซึมออกมาจากมุมปากด้วยฝ่ามือของผู้เป็นแม่ที่เมื่อครู่เช็ดตัวเด็กชายอย่างทนุถนอม

                  "แม่ไม่เคยสอนลูกให้ก้าวร้าวแบบนี้...หากยังเห็นแก่คำสอนแม่อยู่...ขอโทษพ่อเขาซะ!!"ผู้เป็นแม่กำข้อมือเล็กๆข้างซ้ายของเด็กชายเอาไว้แน่น พลางกระชากมาตรงหน้าชายหนุ่มที่กำลังกระตุกยิ้มสะใจน้อยๆที่มุมปาก เด็กชายเงยหน้าขึ้นจ้องมองรอยยิ้มนั่นด้วยสายตาเรียบเฉย

                   "ขอโทษครับ"เด็กชายกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง เย็นชาและแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่นั่นก็ทำให้แรงบีบรัดที่มือคลายลงเล็กน้อย เขาดึงมือออกจากผู้เป็นแม่และเข้าไปในห้องของตัวเองทันที

                   "ต้องขอโทษด้วยนะคะ...คือแกยังเสียใจที่พ่อของแกจากแกไปน่ะค่ะ"ผู้เป็นแม่หันมาพูดขอโทษกับชายหนุ่มอีกครั้งเพราะลูกชายของเธอพูดเบาจนแทบไม่ได้ยินและดูไม่เต็มใจ ส่วนชายหนุ่มก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนตอบกลับไป

                   "ผมเข้าใจครับ...ว่าการสูญเสียคนที่เรารักไปมันเจ็บปวดแค่ไหน" เขาดึงมือของแม่นิกรมากุมเอาไว้แนบอก

                   บทสนทนาของทั้งคู่ดังเล็ดลอดเข้าไปในห้องนอนของนิกร เด็กชายกัดฟันกรอดๆ เขาเกลียดการเสแสร้งของชายผู้นี้เป็นที่สุด!! ตั้งแต่มันเข้ามาในบ้าน เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตแม่เขา แม่ก็ให้เวลาเขาน้อยลงกว่าที่มันควรจะเป็น และยังรู้สึกถึงความดำมืดอันน่ารังเกียจที่แผ่ออกมาจากตัวของมัน แต่แม่ของเขาไม่รู้เลยสักนิดกลับต้อนรับมันด้วยรอยยิ้มอีกต่างหาก แต่หากแม่มีตวามสุขที่จะได้อยู่กับชายคนนี้...

                    ...เขาก็จะยอมทน...

                    เด็กชายมองข้อมือซ้ายของตนที่ผู้เป็นแม่บีบ ความเจ็บปวดนั่นหายไปแล้ว แต่มันกลับมาโผล่ในหัวใจเขาเสียได้ เขาส่ายหน้ากับความคิดของตนเองก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำและจะอยู่ในห้องจนกว่าสองคนนั้นจะออกไปกันข้างนอก

                    แอ๊ดดด

                    ปึก!!

                    ทั้งคู่ออกไปข้างนอกด้วยกันทุกวัน และมักจะทิ้งให้เขาอยู่คนเดียวหาข้าวกินเองเสมอๆ เขาไม่รู้ว่าทั้งคู่จะออกไปไหน ไปทำอะไร แต่เด็กชายก็ไม่อยากจะรู้เพราะเป็นเรื่องของมัน ไม่ใช่เรื่องของเขา แต่หากแม่ของเขาเป็นอะไรแม้แต่นิดเดียวล่ะก็นะ...

                     ...คงจะได้เห็นดีกัน!!...

                     เด็กชายเดินออกมาจากห้องน้ำทิ้งตัวลงนอนบนเตียงสีขาวอย่างอ่อนเพลีย เขารู้สึกปวดหัวเหมือนไข้จะขึ้น แต่ขอนอนสักหน่อยแล้วค่อยไปหายากินก็แล้วกัน แล้วเด็กชายก็หลับไปในที่สุด

                     ติ๊ก...ติ๊ก...ติ๊ก...ติ๊ก...ติ๊ก...ติ๊ก...ติ๊ก...

                    เด็กชายอยู่ในสถานที่ ที่มืดมิดเสียจนมองไม่เห็นสิ่งใด นอกจากหูของเขาจะได้ยินเสียงเข็มวินาทีของนาฬิกาที่เดินไปเรื่อยๆอย่างแช่มช้าและสม่ำเสมอ ความกดดันเข้าบีบรัดเด็กจนอึดอัดแทบหายใจไม่ออก ความเย็นยะเยือกแผ่มาปะทะเด็กชายจนสั่นสะท้าน แต่เหงื่อกลับไหลซึมออกมาจากใบหน้าของเด็กชาย ผ่านริมฝีปากที่สั่นระริกและลำคอที่แห้งผาก

                   "อย่า!!"เด็กชายเหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นบีบรัด หัวใจของเด็กชายเต้นถี่ระรัวและแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอกอยู่แล้ว มือเล็กๆปัดป่ายในสิ่งที่มองไม่เห็นราวกับคนเห็นภาพหลอน

                   "เฮือก!!"

                   เด็กชายทะลึ่งพรวด สะดุ้งตื่นขึ้นมาจากฝันอันแสนโหดร้าย มือเล็กกุมที่หัวใจที่เต้นถี่ระรัวราวกับกลอง ใบหน้านั้นซีดเซียว ริมฝีปากสั่นระริก ลำคอแห้งผากจนจะเป็นผง ตัวของเด็กชายชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเหมือนเพิ่งตกน้ำ ทั้งๆที่เปิดเครื่องปรับอากาศในห้องเสียจนเย็นฉ่ำ

                  เขาเหลือบมองเสื้อผ้าที่กองอยู่ที่พื้นข้างเตียง มันเคยชุ่มโชกไปด้วยน้ำ บัดนี้เพียงชื้นและเย็นเท่านั้น เขาหลับไปจนเสื้อผ้าเริ่มแห้งเลยหรือนี่ เด็กชายเลิกคิ้วมองนาฬิกาที่บอกเวลาไม่ถึง 1 ทุ่มดี ก่อนลงมาจากเตียง ก้มลงหยิบเสื้อผ้าที่พื้น และเดินออกไปข้างนอกห้องนอนอีกครั้งหนึ่ง
                   
                  ดวงตาของเด็กชายกวาดมองไปทั่วห้องที่เงียบเชียบ ยังไม่มีใครกลับมา ตอนนี้เขาอยู่คนเดียว เด็กชายเดินมาทิ้งผ้าลงในตะกร้าผ้า แล้วเดินไปทางหน้าต่างเพื่อหยิบยาสามัญประจำบ้าน เขาเหลือบไปมองทางหน้าต่าง ฝนก็ไม่มีทีท่าว่าจะซาลงตั้งแต่ตอนเย็นที่เขากลับมา แถมยังมีท่าทีว่าจะตกไปอีกนาน ตลอดทั้งคืน

                   เปรี้ยง!!

                   พรึบ

                   ทันทีที่สายฟ้าสีเงินฟาดลงมาจากฟากฟ้า ไฟในห้องก็พลันดับพรึบอย่างพร้อมเพรียง เด็กชายกลอกตาอย่างหน่ายๆและพ่นลมหายใจออกมาอย่างเซ็ง ฝนตกฟ้าผ่าลงมาทีไร เป็นแบบนี้ทุกทีเลย เขาเดินไปยังโทรศัพท์บ้านเพื่อโทร.บอกแม่ของตนจะได้ไม่ตกใจทีหลังหากแม่กลับมาแล้วแต่ไฟยังไม่มา

                   ฟ่อ~~

                  แต่ก่อนที่จะได้ทำอย่างนั้น เสียงของอะไรบางอย่างก็ทำให้เขาหยุดชะงักกึก เด็กชายค่อยๆหันไปมองหาที่มาของเสียงในความมืดมิดอย่างช้าๆ เสียงฟ้าร้องและฟ้าแลบยังคงเกิดอยู่ มันช่วยให้เขาเห็นความผิดปกติในห้องนี้แต่ ไม่ค่อยชัดเท่าไรเพราะไฟยังคงดับอยู่ พอเพ่งมองดูดีๆ ก็ต้องแหกปากร้องออกมาลั่นห้องเมื่อเห็นว่าเสียงนั่นมันเป็นเสียงของตัวอะไร 

                 งูสีขาวตัวเขื่อง ผิวหนังเปื่อยยุ่ย รุ่งริ่งออกมา ดวงตาที่ใสดุจแก้วของมันมองเขาก่อนจะอ้าปากแยกเขี้ยว และพุ่งมารัดเขาอย่างรวดเร็วโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว เป็นเวลาเดียวกับการเกิดฟ้าร้องและฟ้าแลบจากด้านนอก

                  "โอ๊ยย!!"เด็กชายดิ้นขลุกขลักๆอยู่ในวงขดของงู แต่ยิ่งดิ้นเท่าไรมันก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นเท่านั้น มันรัดแน่นราวกับจะให้เขาขาดอากาศหายใจเสียเดี๋ยวนี้ มันรัดเด็กชายแน่นมาก แน่นจนไม่คิดว่า เด็กชายจะสามารถมีอากาศหายใจได้อีกต่อไป แต่ทันใดนั้นเอง!!...

                  ฉั่วะ!!

                  "กรี๊สสสสสสสสสสสส"กรงเล็บยาวๆงอกออกมาจากมือซ้ายของเด็กชายและฟันตัวมันขาดเป็น 5 ท่อนในเพียงพริบตา มันกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวนก่อนมันจะสลายหายไปในทันที

                  เด็กชายกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนพื้นไม้ปาร์เก้ที่เย็นเฉียบพอๆกับอุณหภูมิในร่างกายเขาขณะนี้ ดวงตาที่เคยจับจ้องไปที่หน้าต่าง ค่อยๆหันมามองมือซ้ายของตัวเองช้าๆ แล้วยกมันขึ้นมาดู ภายใต้แสงสลัวๆจากท้องฟ้าที่มีสายสีเงินแล่นแปลบปลาบทำให้เขาพอมองเห็นและรับรู้ได้อย่างชัดเจนเลยว่า มือของเขามีการเปลี่ยนแปลงไปจนน่าตกใจเพราะ...

                 แขนทั้งแขนของเด็กชายผอมลืบจนติดกับกระดูก แทบไม่มีกล้ามเนื้ออยู่ในนั้น เห็นเส้นเอ็นทั้งเส้น ดูยาวรุ่มร่ามกว่าแขนคนทั่วไป ผิวหนังเป็นสีน้ำตาลแก่เหมือนเปลือกไม้ แลดูแล้วก็คล้ายๆกับกิ่งไม้แห้งๆ ตายซากธรรมดา นั่นไม่ทำให้เด็กชายตกใจเท่า กรงเล็บสีแดงดุจดั่งโลหิตของมนุษย์ที่งอกออกมา บัดนี้เปื้อนน้ำข้นๆสีดำ และกำลังไหลมาที่แขนประหลาดของเด็กชายช้าๆ

                 "อะ...อ๊ากกก!!"เด็กชายร้องลั่นออกมาอีกครั้งอย่างหวาดกลัวเป็นที่สุด

                 พรึบ!!

                 ไฟในห้องสว่างพรึบอีกครั้ง พร้อมกับร่างที่ถลาเข้ามากอดเด็กชายจากด้านหลังจนเด็กชายสะดุ้งเฮือก แต่ก็ต้องสงบลง เมื่อความอบอุ่นแผ่ออกมาจากร่างนั้น สัมผัสอ่อนโยนและห่วงใยจากผู้เป็นแม่ที่เขาโหยหาห่างหายไปนานถึง 1 ปีเต็มตั้งแต่บิดาของเขาเสียไป เด็กชายหันกลับไปกอดแม่ด้วยน้ำตาที่นองใบหน้า ร่างเล็กๆนั้นสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว

                "แม่ขอโทษลูก...นิกร...ที่แม่ทิ้งให้ลูกอยู่คนเดียว"เธอลูบหลังเขาอย่างแผ่วเบา "ทำไมลูกถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ"ผู้เป็นแม่เอ่ยถามต่อ เพราะเห็นปกติ นิกรจะหมกตัวอยู่ในห้องนอนของตนเพียงลำพัง และไม่ชอบให้ใครไปยุ่งเท่าไรนัก

                  "ผม...ผมเอาผ้ามาเก็บ ล้มจากน้ำที่หยดลงมาครับแล้วไฟก็ดับครับ" เด็กชาย เมคเรื่องสดๆบอกผู้เป็นแม่พร้อมกับซุกใบหน้าลงกับอกอบอุ่นอย่างโหยหา อาจจะไม่มีอีกแล้วก็เป็นได้ที่เขาจะได้รับความอบอุ่นเช่นนี้

                  "แม่ได้ยินเสียงลูกร้อง...ตกใจหมดเลย"แม่ถอนหายใจอย่างโล่งอก พลางเอามือทาบหน้าอกของตัวเอง "นึกว่าลูกจะเป็นอะไรซะอีก"

                  "มะ...ไม่เป็นไรครับแม่"เด็กชายยิ้มแหยๆ ขืนบอกเรื่องงูประหลาดมีหวังแม่ได้พาเขาฝ่าฝนไปหาจิตแพทย์แน่ๆ "แล้ว...เขาไปไหนแล้วล่ะครับ"เด็กชายถามเมื่อไม่เห็น ชานหนุ่มที่ปกติจะอยู่กับแม่ของเขา แต่ก็ดีแล้วที่มันไม่มาเห็นสภาพอันน่าทุเรศทุรังของเขา ไม่อย่างนั้น หมอนั่นคงต้องหัวเราะเยาะเขาเป็นแน่แท้ ถึงจะไม่ใช่ต่อหน้าแม่ของเขาก็ตามที

                 "พอดีเขามีธุระน่ะ...คงกลับดึกน่าดู" แม่ลูบหัวผู้เป็นลูกชายอย่างแผ่วเบา นั่นก็เพียงพอสำหรับเด็กชาย เขายังเป็นคนที่แม่ห่วงใยแบบลูกอยู่ เหมือนๆกับเด็กคนอื่นๆที่แม่มารับทุกวันที่โรงเรียน แต่เขาต้องกลับบ้านเอง หลังจากพ่อของเขาเสีย

                   "ผมไปดีกว่า"เด็กชายลุกขึ้นยืน ก่อนเดินเข้าไปในห้องครัว เทน้ำแล้วเดินเข้ากลับเข้าไปในห้องนอนของเขาตามเดิม

                    เด็กชายทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้งหนึ่ง ดวงตาคู่สวยมองไฟสีขาวบนเพดานอย่างเหม่อลอย ภาพมือนั่นยังคงติดตาของเด็กชายอยู่ เขายกมือข้างซ้ายซึ่งบัดนี้เปลี่ยนเป็นมือเหมือนคนปกติไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ขึ้นมาดู พลางพลิกไปมา กวาดตามองสำรวจหาความผิดปกติ ที่ทำให้มือของเขาเหมือนมนุษย์กลางพันธุ์อย่างนั้น สัมผัสน่าขยะแขยงตอนที่น้ำข้นๆดำๆ ไหลลงมาที่แขนยังคงติดค้างอยู่ที่แขนข้างนั้น

                   "เฮ้อ...ภาพหลอนล่ะมั้ง"นิกรเอามือหนุนแทนหมอน เขาขี้เกียจขยับขึ้นไปหยิบหมอนที่อยู่เหนือหัวเขาเพียงเล็กน้อย ไม่อยากจะใช้ไอ้แขนกลายพันธุ์นั่นเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ทำไงได้ เขาถนัดซ้ายนี่นา เด็กชายหลับตาลงและเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้งเพราะฤทธิ์ของยาลดไข้และยาแก้ปวดที่กินไป

                   เด็กชายลืมตาขึ้น เมื่อรู้สึกว่ามีมือของใครบางคนมาลูบหัวของเขาอย่างอ่อนโยน เงาจางๆของหญิงสาวเรือนผมหยักษกน้อยๆ สยายถึงกลางแผ่นหลัง ปรากฏอยู่ในห้วงคลองจักษุของเด็กชาย นี่เขากลับมาอยู่ในความมืดมิดอีกแล้วหรือนี่ แต่ผูหญิงคนนี้เป็นใครล่ะถึงมาอยู่ตรงนี้ได้

                  /...นิกร...จำข้าได้หรือไม่/เสียงหวานกังวาลเอ่ยเอื้อนอย่างแผ่วเบาและอ่อนโยนพลางทรุดนั่งลงบนเตียง

                  "คะ...คุณเป็นใครกัน" เขาเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา รู้สึกว่าไร้เรี่ยวแรงเหลือเกิน ดวงตาพร่าเลือนพยายามจ้องหน้าของเธอ แต่ก็มองไม่เห็น แต่ก็เห็นว่าเขายังคงอยู่ในห้องนอนอยู่

                   /อา...คงจำไม่ได้สินะ/เธอส่ายหน้าก่อนจะเอามือทาบลงบนหน้าอกข้างซ้ายของเด็กชาย หัวใจเด็กน้อยเต้นระรัว แสงสีดำก็แผ่ออกมาจากมือบาง แต่มันไม่น่าขยะแขยง น่ารังเกียจ เหมือนกับของชายหนุ่มที่มายุ่งเกี่ยวกับแม่ของเขา มันดูเย็นเยือกและน่ายำเกรงในเวลาเดียวกัน

                  /จงกลับมาเถิด...ความทรงจำของผู้ปกป้องธิดาแห่งข้า/

                 วาบ!!

    _______________________________

    ฟู่เลยแฮะ กว่าจะจบ จบจนได้

    ต้องขอโทษด้วยที่ลืมพิมพ์บทส่งท้าย

    คิดได้ตอนดูฮิรูม่าเนี่ย 

    ต้องขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ได้ติดตามผลงานข้าน้อยจนถึงทุกวันนี้

    ปลื้ม~~TWT

    และต้องขอบคุณ...ใบหน้าอันหล่อเหลา(?)ของเฮียฮิรุม่าที่ทำให้ผมนึกถึงผู้อ่านและมาพิมพ์บทส่งท้ายที่ถูกลืมเลือน



    ชอบรูปนี้มากสุดเพราะ หน้าเหมือนกันดี

    อิๆๆ...อย่าลืมกันนร้า^3^
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×