ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    uncanny พิสูจน์ไม่ได้(รีไรท์รอบสามแล้วโว้ย)

    ลำดับตอนที่ #14 : ลางสังหรณ์ที่XIIl:ยังไม่จบเรื่อง(แก้)

    • อัปเดตล่าสุด 13 มิ.ย. 54


    ลางสังหรณ์ที่XIIl:ยังไม่จบเรื่อง(100%)

               ทั้งคู่โผล่ขึ้นมาด้านบนในยามเย็น หันหลังไปโบกมือให้กับงูที่อุตส่าห์ขึ้นมาส่งด้านบน แล้วทำหน้าเศร้าที่ต่อไปนี้คงจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว เมื่อหันไปข้างๆยิ่งรู้สึกหดหู่กว่าเดิมอย่างไรก็ไม่รู้

               "จะไปแล้วแฮะ"เขาเอามือเกาหัว "ขอมือถือคนด้วย" เขายื่นมือออกมาตรงหน้าเธอที่ทำหน้างงๆแล้วก็ทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นไห้ในเวลาต่อมาว่าเธอกับเขาแลกเปลี่ยนของกัน

               "กะจะไปขายต่อมือสองซะหน่อย"เธอควักมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงทๆหน้าเหมือนเสียดายเต็มประดา แล้ววางแหมะลงบนมือเขา "มีดฉันด้วย"เธอเองก็แบมือขอมีดที่เขายืมไปคืนเช่นกัน

               "ผมกะจะเอาไว้ใช้ต่อ...ถนัดมือดี"เขาหันหลังโยนมีดจากกระเป๋ากางเกงแล้วโยนไปให้หญิงสาวโดยไม่ดูว่าเธอจะพร้อมที่จะรับมันหรือไม่เลยแม้แต่นิดเดียว เธอร้องว้ายแล้วรี่มารับมีดเพราะมันเป็นมีดของพ่อไม่ใช่มีดของเธอเช่นกัน

               "นี่นาย!!...เป็นผู้ชายอะไรโยนของให้ผู้หญิงแบบนี้...ไม่แมนเอาซะเลย"เธอโวยวายอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก ก่อนจะเอาผ้าออกมาเช็ดเลือดที่แห้งกรังติดใบมีดออกไปจนใบมีดกลับมาส่องประกายแวววาวเหมือนแกะกล่องใหม่

               "เอาเหอะ!!...ไว้เจอกันใหม่ละกันนะครับ"เขาโบกมือให้เธอก่อน ร่างสูงๆนั่นจะกลืนกินหายไปกับความมืดที่เริ่มเข้าปกคลุมบริเวณ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้

               "เฮ้อ..."เธอถอนหายใจเมื่อเหลือเคว้งคว้างคนเดียวในพิพิธภัณธ์นรกแห่งนี้

               /โอ้ไอ้หนู...ลุงจับไอวิญญาณหนูไม่ได้เลย...หายไปไหนมา/ลุงผีเข้ามากอดเธอจากด้านหลังเสียแน่น ราวกับว่ากลัวเธอจะหนีไปไหนอีก

                "แอ๊ก!!...ลุง หนูหายใจไม่ออก"เธอดิ้นเหมือนปลาที่กำลังขาดอากาศหายใจ 

                /ไป...ลุงพาไปส่งที่โรงแรม/ลุงผีเลิกกอดแล้วเปลี่ยนเป็นลากเธอไปแทน โดยที่เธอไม่ทันได้กล่าวอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว

                                           O[]O[]O[]O[]O[]O[]O[]O[]O

                "นังหนู...นังหนู"เสียงคุ้นๆดังข้างๆหูของชาช่า เธอลุกขึ้นอย่างตกใจ มีเพียงสิ่งเดียวบนโลกที่เรียกเธอว่านังหนู...

                ...งูตัวนั้น...

                "มีอะไรคะ"เธอถาม พลางมองไปรอบๆเพื่อหาต้นเสียง ก็พบว่า บริเวณที่เธอยืนอยู่นั้นเป็นพื้นที่โล่งสีขาวไม่ใช่เตียงนอนของโรงแรมแต่อย่างใด "ที่นี่...ที่ไหนกัน"เธอมองไปรอบๆอย่างตกตะลึง

                หญิงสาวท่าทางสง่างามหน้าตางดงามยิ่งกว่านางฟ้านางสวรรค์มองมาทางเธอด้วยแววตาอ่อนโยนพลางค่อยๆย่างก้าวเข้ามาใกล้ๆแล้วลูบศรีษะของเธอเบาๆ

                "นังหนู...นี่ข้าเองนะ...งูตัวนั้นไง"นางยิ้มกว้าง "ที่นี่คือในความนึกคิดของเจ้า...ไม่ต้องตกใจไป"

                "ความนึกคิดของฉันมันว่างเปล่าขนาดนี้เลยหรือนี่"เธอมองไปรอบๆอย่างงงๆ ถึงเธอจะเป็นคนเงียบๆแต่ก็น่าจะคิดอะไรบ้างสิ สมองเธอมันโล่งๆพิกลๆแฮะ

                "ว่างๆแหละดีแล้ว...จะได้ไม่มีอะไรมารบกวนเวลาเราคุยกัน"นางพูดพลางกุมขมับเหมือนเคยเจอเรื่องตอนที่เข้าไปในความนึกคิดคนอื่น และเรื่องนั้นไม่คงน่าพิศมัยด้วยเท่าไรนัก

                "เคยเจอเหรอ"เธอถาม

                "ก็นะ...บางทีก็เจอเรื่องนก หนู หมู แมว แมลงสาบ เสือ สิงห์ กระทิง แรด งู ปลวก มด ..."นางทำท่าจะนึกต่อแต่เธอก็รีบยกมือห้ามเพราะหากเธอคิดภาพตามที่นางงูพูด ไอ้มิติขาวๆนี่ก็คงพลอยยุ่งเหยิงไปด้วยและคงต้องหาที่คุยกันใหม่

              
                "แล้ว...มีอะไรกันแน่คะ...ทำไมคุณกลายเป็นแบบนี้"เธอพิศมองรูปร่างของนางที่เปลี่ยนไปแล้วอดทึ่งไม่ได้ จากงูเละๆกลายเป็นหญิงสาวสวยได้ขนาดนี้

                 "ข้าน่ะตายแล้ว...และกำลังจะไปเกิดใหม่" นางยิ้มเศร้าๆ "อาจเป็นงู ตัวประหลาดหรืออะไรก็ได้"นางบอก "หมดเวรหมดกรรมเสียทีนะ"นางก้มหน้านิ่งบอกด้วยเสียงสั่นๆ

                 "ไม่นะ...คุณทำความดีก่อนตาย คือทำให้ผู้อื่นไม่เดือดร้อน ต้องได้ไปเกิดเป็นคนดีๆสิ"เธอจับมือของนางทั้งสองข้างมากุมเอาไว้ และพูดปลอบ ทั้งๆที่รู้ว่าบาปกรรมนั้นมิอาจลบล้างได้ นอกจากจะทำให้มันเบาลงหน่อยเท่านั้นเอง

               "แล้วก็นะ...ข้าจะบอกให้เจ้าน่ะไปเอาเขี้ยวและฟันในปากข้ามาน่ะ"นางบอก พลางเผยรอยยิ้มแปลกๆที่เธอไม่เข้าใจในความหมายที่มันแฝงมากับรอยยิ้มนั่นเลยแม้แต่นิดเดียว

              "ทำไมล่ะคะ"เธอถามอย่างสงสัย เอียงคอมองรอยยิ้มนั่นอย่างงงๆ

               "มันจะเป็นประโยชน์ในภายภาคหน้าน่ะ...อย่าลืมนะ...ข้าต้องไปบอกไอ้หนุ่มนั่นอีก"ว่าแล้วนางก็หายไป

                ร่างบางตื่นขึ้นสะดุ้งสุดตัว ผ้าห่มหล่นลงที่พื้น หมอนหล่นกระเด็นไปอีกทาง หมอนข้างกระเด็นไปหน้าห้องน้ำ ผ้าปูที่นอนหลุดออก พันขากางเกงนอนของเธอและดูเหมือนว่าอีกนานกว่าจะแก้ออกด้วย

                 เธอยีหัวตัวเองอย่างงงๆ ว่าเธอฝันเพียงเล็กน้อยทำไมเครื่องนอนถึงได้กระจุยกระจาย ราวกับเพิ่งหนีตายอนาคอนด้ามาแบบนี้ หรือว่าเธอจะนอนดิ้นขั้นสุดยอดจริงๆ  ถึงแม้จะไม่ได้ฝันร้ายก็ตามทีเถอะ
      

                 "ต้องรีบบอกพ่อ!!"ร่างบางลุกจากเตียงพยายามสลัดผ้าปูที่นอนอย่างหงุดหงิด เพราะมันไม่ยอมหลุดเสียทีและทำให้เธอล้มหน้าฟาดกับพื้น

                 "โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!"เธอร้องลั่น ก่อนจะสบถยาวเหยียดชนิดไม่รู้ว่าไปขุดมาจากไหน ดูแล้วไม่สมกับเป็นผู้หญิงเท่าไรนัก พลางแก้ผ้าปูที่นอนอย่างใจเย็นเป็นที่สุด หลังจากแก้ผ้าปูที่นอนได้เธอก็รีบวิ่งไปอีกห้องที่สามารถทะลุไปถึงกันได้ พ่อกับแม่และน้องของเธออีกสองคนนอนในห้องนั้น ส่วนเธอก็นอนคนเดียวในอีกห้องหนึ่ง เพราะต้องการความเป็นส่วนตัว

                  "พ่อ...พ่อ..."เธอเดินไปเขย่าตัวผู้เป็นบิดา ที่อับเปหิตัวเองลงมาปูเบาะนอนพื้นให้แม่และน้องๆอีกสองคนกินพื้นที่บนเตียงกันได้แบบเต็มที่

                  "อือ...ตีสี่เองลูก...ขอนอนต่อนะ"พ่อพูดเสียงอู้อี้ หันหน้าหนี พร้อมดึงผ้าห่มเอามาปิดหน้าปิดตาเหมือนบอกเป็นนัยๆว่า อย่ารบกวนเวลาอันเป็นความสุขเพียงหนึ่งเดียวนี้ของผู้เป็นบิดาอีกเลย เธอผ่อนลมหายใจ ข่มตานับ1-10ในใจ

                  "หนูแค่จะมาบอกว่า....จะกลับไปที่พิพิธภัณฑ์อีกรอบ...ขอตังค์ค่ารถ"ชาช่าเขย่าตัวผู้เป็นพ่อของตนพลางอธิบาย

                  "อือ...อยู่ในกระเป๋าเดินทางพ่อลูก"พ่อบอกเสียงอู้อี้ น้ำเสียงเริ่มออกแนวรำคาญ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าหากพูดอีกเพียงนิดเดียว เธอจะหมดโอกาสในการออกไป รวมถึงทริปการเที่ยวนี้ด้วย

                  "เชื่อเขาเลย...ไว้ค่อยไปคืนนี้ดีกว่า...มันจะได้ไม่โจ่งแจ้ง"เธอคิดพลางปิดปากหาว แล้วเดินกลับไปนอนอีกเตียงข้างๆเตียงที่ตนทำเละ

                 --วันต่อมาตอนเกือบค่ำ--

                  "อะไรนะ!!"พ่อตะโกนลั่นห้อง ในขณะที่กำลังจะออกไปตามพนักงานมายกกระเป๋าเดินทางและสำภาระทั้งหลาย ออกไปข้างเพื่อเตรียมตัวออกไปเที่ยวยังอีกที่หนึ่ง

                    "จะอยู่ต่อ?"แม่ทวนคำพูดของเธออีกครั้งหนึ่ง

                    "และคืนนี้จะกลับไปที่พิพิธภัณฑ์อีกรอบ"น้องซาซ่าว่าต่อ

                     "ไปทำไม"ลาล่าดูดนิ้ว

                     "นะคะแม่...งูนั่นอุตส่าห์มาบอกหนูถึงในฝันเลยนะ"เธอไปกอดแขนแม่ส่งสายตาออดอ้อน ทั้งๆที่มันควรจะเลยวัยไปนานแล้วก็ตามที "นะแม่นะ...แม่นะ...ไม่งั้นงูมันอาจจะมาด่าหนูในฝัน....หากหนูไม่ไปอ่ะ"และจากแค่กอดมันก็เริ่มเป็นเขย่าแขนและน้ำเสียงก็เริ่มออกแนวบังคับแต่ก็ยังเจือแววน่าสงสารอยู่

                      "เฮ้ออออออออออออออออ...ลูกเอ้ย...คิดหน่อยสิลูก...ว่าเราน่ะจะไปที่อื่นกันต่อ"พ่อกุมขมับอย่างหนักใจ พลางโน้มน้าวลูกสาวของตนเพราะถึงยังไง ฝันก็เป็นเพียงแค่ฝันเท่านั้นเอง ลูกของเขาชักจะเพ้อเจ้อขึ้นไปทุกวันๆ หลังจากที่พจน์นั้นได้จากไป เห็นทีเจาอาจจะต้องพาลูกสาวไปพบจิตแพทย์เสียหน่อยแล้ว

                      "พ่ออ้ะ...ถ้าหนูไม่ไป...งูนั่นได้มาฆ่าหนูในฝันแน่เลย"ชาช่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้และจินตนาการชักจะไปไกลจากความเป็นจริงมากขึ้นเรื่อยๆ จนสองบุพการีกุมขมับอย่างหนักใจ

                      /ให้ลุงพาไปดีไหม/ลุงผีทะลุออกมาจากกำแพงโรงแรม ทุกคนในห้องสะดุ้งยกเว้นแต่ชาช่าที่หันไปหาลุงผีด้วยแววตาพราวระยับ

                      "มาได้จังหวะเลยลุง"เธอระบายรอยยิ้มบาง "เดี๋ยวพ่อจะไปไหนต่อ...บอกลุงผีให้พาไปส่งก็ได้นี่"ชาช่ายิ้มกว้าง มันเป็นรอยยิ้มที่ห่างหายไปนานเสียเหลือเกิน และก็เป็นรอยยิ้มที่พ่อกับแม่และน้องๆหรือคนในครอบครัวไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักเพราะปกติ เธอมักจะยิ้มให้ผีมากกว่ายิ้มให้คน

                       /บริการเดลิเวอรี่ถึงที่เลย!!/ลุงผีพูดกลั้วหัวเราะ พลางชูนิ้วโป้งให้พ่อและแม่ของเธอ /ย.ห....อย่าห่วง/

                      "ยังไงก็จะไปให้ได้ใช่มั้ย...โอเค"แม่กุมขมับ เป็นห่วงลูกสาวคนนี้เสียเหลือเกินถึงแม้จะมีความเกรงกลัวต่อ 'บางสิ่ง' ที่ลูกสาวคนนี้มีแต่คนอื่นไม่มีก็ตามที แต่ยังไง เธอก็ยังเป็นลูกสาวนะ "ไปสิ...แม่เชื่อ...ลูกไม่โกหก"

                     "ขอบคุณค่ะ!!"เธอกระโดดกอดผู้เป็นแม่ "ล่า...มีแท่งเหล็กเล็กๆมั้ย"เธอหันไปหาลาล่า ที่ยังยืมอมนิ้วอยู่

                     "มีสิ"ลาล่าควักให้ทันที ดวงตากลมโตจ้องมองไปที่ลุงผีอย่างสนใจ

                     "ขอบใจจ้า"เธอลูบหัวน้องก่อนหันไปหาลุงผี "ไปเร็วลุง"

                     ลุงผีเอามือดึงแขนเธอให้ออกมาจากห้องนอนในโรงแรมด้วยช่องทางพิเศษก่อนจะพาร่างบางเหาะหายไปกับความมืด

                                       O[]O[]O[]O[]O[]O[]O[]O[]O[]O[]O[]O[]O

                      ร่างบางลอยไปพร้อมกับลุงผี แต่นี่เป็นยามราตรีจึงไม่มีใครสังเกตเท่าไรนัก ยกเว้นสัตว์ที่อยู่บนหลังคาบ้าน เช่นหมาและแมว นกกลางคืนเป็นต้น มันตกใจแทบเด้งออกจากหลังคาเมื่อลุงผีลอยผ่านหลังคาบ้านไป

                      "แกว๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก"นกกลางคืนร้องอย่างตกใจบินหนี ขนร่วงกระจุยเมื่อเธอกับลุงผีบินผ่านไป  พร้อมกับร่างของชาช่าที่วิ่งไปตามหลังคาบ้านของชาวบ้านซึ่งหลับไปกันหมดแล้ว

                      ลุงผีกยุดที่หลังคาบ้านหลังหนึ่ง เธอเองก็หยุดวิ่ง ฝีเท้าเล็กๆหยุดลงอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้คนที่นอนอยู่ไม่ตื่นขึ้นมาแจ้งตำรวจเพราะนึกว่าเธอเป็นขโมย และเรื่องก็จะอีกยาว
    เธอคงไม่ว่างมาพูดเรื่องไร้สาระแบบนั้น

                      /ตรงนี้รถมันเยอะ...เดินดีกว่า/ลุงผีพูด กำลังจะดึงเธอลงไปข้างล่าง

                     ตุบ

                     ในที่สุดเธอก็ลงมาถึงพื้นดินโดยสวัสดิภาพ เธอแทบอยากจะลงไปจูบพื้นน้ำตานองหน้าเพราะกว่าเธอจะลงมาได้เล่นเอาเสียว หัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มหลายสิบรอบเลยทีเดียว

                     ปี๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนๆๆๆๆๆๆ

                     เธอหันหลังไปหาเสียงแตร ไฟหน้าของรถจักรยานยนต์สาดเข้าใส่ใบหน้าของเธอ จนเธอต้องหรี่ตามองเจ้าของรถไร้มารยาท เขาบีบแตรยาวๆและหลายครั้งมากเสียด้วย เธอเกรงว่า ชาวบ้านจะตื่นขึ้นมาเอาของปาใส่เธอและเจ้าของรถจักรยานยนต์คันนี้ ทั้งๆที่เธอไม่ได้รู้เรื่องเลยแม้แต่นิดเดียว

                     "เฮ่...คุณ...จะไปไหน"เขานั่นเอง

                     "ไปที่เดียวกับนายนั่นแหละ"เธอตอบกลับไป แล้วมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ

                     "มีอะไรหรือไงคุณ...มองผมเหมือนตัวประหลาด"เขาเกาหัวอย่างงงๆ

                     "ปะ...เปล่า"เธอส่ายหน้า

                     "งั้นก็ขึ้นมาเลย"เขาดึงเธอขึ้นรถ

                     "ว้าย!!"ร่างบางลอยหวือไปตามแรงดึง ขึ้นมานั่งบนเบาะรถจักรยานยนต์ เขายื่นหมวกกันน็อคมาให้เธอ เธอทำหน้างงๆ เขาจึงจับเธอใส่หมวกกันน็อคแล้วบิดคันเร่งเหมือนนักซิ่งตัวยง

                     "จะซิ่งละนะ"ชายหนุ่มยกล้อขึ้นก่อน กลับรถอย่างรวดเร็ว มือบางเกาะเอวเขาแน่นตามสัญชาตญาณ ใบหน้าซุกกับแผ่วหลังกว้างด้วยความที่ว่าตกใจกลัวและจะโดนเหวี่ยงตกรถจักรยานยนต์

                    "ช้าๆหน่อยสิ"เธอพูดเสียงอู้อี้แข่งกับลม

                    "ฮ่าๆๆๆ...โอเคๆ"

                    "อย่ามาหัวเราะเยาะนะ!!"เธอแว้ดแข่งกับลม

                   "คร้าบๆ...ไม่นึกว่าคุณจะกลัวนี่"เขาพูดเหมือนกับไม่ใส่ใจเท่าไรนัก

                    "ฉัน-ไม่-เคย-นั่ง-รถ-มอร์-เตอร์-ไซค์!!!!"เธอเน่นหนักทีละคำอย่างชัดเจน ด้วยน้ำเสียงโกรธๆ "นายขี่รถได้ยังไง...ไม่มีใบขับขี่ไม่ใช่หรือไงกัน"เธอยิงคำถามรัวใส่เขาเป็นชุดๆ

                    "จะให้ผมตอบคำถามไหนก่อนดีล่ะ"เขาพูดด้วยน้ำเสียงยียวน

                    "อย่ามากวนฉันนะ"เธอตวาดแว้ดด้วยน้ำเสียงแหลมๆ

                    "ครับ...ผมขี่เล่นเป็นกิจวัตร...แล้วผมกำลังจะใช้ทางลัด...รับรองตำรวจหน้าไหนก็หาไม่เจอ...แต่ตอนนี้เกาะแน่นๆก่อนนะคุณผู้หญิง"เขาเอ่ยอย่างล้อๆ และทันใดนั้นเอง ชายหนุ่มก็หักเลี้ยวหัวรถไปยังพงหญ้ารกๆ

                    "อะไรนะ...ว้ายยยยยยยยย"เธอร้องลั่นเมื่อเขาพาเธอลงเนินเล็กๆริมทาง...

                    ...จะเจออะไรร้ายแรงกว่านี้อีกมั้ยเนี่ย...

    _______________________

    YAHAAAAAAAAAAAAAAAAAA

    อีกตอนจบไปแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×